คำถาม-คำตอบ ข้อ 951-1000 |
1000. ในวันคล้ายวันเกิด เราควรทำบุญแบบไหนดีนอกจากใส่บาตรพระสงฆ์ในตอนเช้า เคยได้ยินว่า ใส่บาตรพระสงฆ์ 4 รูป ก็เหมือนกับการทำสังฆทานแล้ว จริงหรือไม่ ชีวิตของหนูมักเจอแต่คนที่ไม่มีความรับผิดชอบ หนูไม่อยากพบเจอคนประเภทนี้อีก หนูควรจะปฏิบัติตนอย่างไรดีคะ แผ่เมตตาหรือทำอย่างไรดี ถึงจะไม่ต้องเจอคนพวกนี้ บางทีเราก็รู้สึกเจ็บปวดกับความรู้สึก คนที่ทำร้ายเรา แต่เราไม่อยากจองเวรเค้า ควรทำอย่างไรดี ถึงจะไม่มีเวรต่อกัน ขอบพระคุณอาจารย์ค่ะ คำตอบ หากพระสงฆ์จำนวน 4 รูป มารับอาหารบิณฑบาต เมื่อกลับไปถึงอาวาสแล้ว ต่างนำอาหารที่ได้จากการบิณฑบาตไปขบฉันเป็นการส่วนตัว แม้จะดูเห็นเป็นหมู่สงฆ์ 4 รูป มารับอาหารบิณฑบาตก็ตามที่ อย่างนี้ไม่เรียกว่าสังฆทาน ดังนั้นจึงตอบว่าสิ่งที่ได้ยินมา ว่าการใส่บาตรพระสงฆ์ 4 รูป เหมือนกับการทำสังฆทาน จริงหรือไม่จริงขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่บอกมาข้างต้น ส่วนเรื่องไม่อยากพบเจอคนที่ไม่รับผิดชอบ เป็นความคิดเห็นที่ผิดธรรม เพราะมนุษย์ไม่สามารถหนีใจตัวเองได้พ้น พระพุทธะมิได้สอนให้หนีปัญหา แต่สอนให้อยู่กับปัญหา ด้วยการใช้ปัญญาเห็นแจ้งแก้ปัญหาที่ใจของตัวเอง พัฒนาใจให้เป็นมหาสติ-มหาปัญญา แล้วใช้สติสัมปชัญญะที่พัฒนาได้ ดูความไม่รับผิดชอบว่าเป็นสิ่งไม่ดี มันเป็นเรื่องของเขาและเราจะไม่ประพฤติเช่นเขา ผู้ใดมีสติสัมปชัญญะรู้ทันเช่นนี้แล้ว จะรู้ว่าคนที่ไม่รับผิดชอบเป็นครูสอนใจเราเขามีคุณต่อเรา เขาทำให้เราได้พัฒนาจิตตัวเองให้มีปัญญาบารมีมากขึ้น สุดท้ายประสงค์ไม่มีเวรกับคนที่ไม่รับผิดชอบ ต้องให้อภัยเป็นทานอยู่เสมอ ด้วยการกำหนดวา ช่างมันเถอะๆๆๆ ไปเรื่อยๆ แล้วเมตตาก็จะเกิดขึ้นเป็นเมตตาบารมี สั่งสมอยู่ในจิตวิญญาณของผู้ให้อภัย |
999. เรียน ท่านอาจารย์สนองที่เคารพ ผมกับเพื่อนๆ ได้ร่วมกันจัดฝึกสติเบื้องต้น ให้กับเด็กๆ ในชุมชนแออัดใกล้ๆ บ้านผม ผมใคร่ขอคำแนะนำว่า ควรจะเข้มงวดในการปฏิบัติหรือไม่ครับ? ขอบคุณครับ คำตอบ ฉะนั้นไม่ควรเข้มงวดกับเด็กอย่างยิ่ง แต่ควรหากิจกรรมมาเสริมธรรมะที่สนุกๆ ให้เด็กได้ทำและไม่ควรซ้ำซาก |
998. คำตอบ (2) ผู้ใดปรารถนาชีวิตที่เจริญ ต้องหยุดความคิด ที่จะนำเงินกำไรจากการขายพระมาใช้เป็นการส่วนตัว (3) นำเงินที่ได้กำไรจากการขายพระไปทำบุญตามข้อแรกที่ระบุไว้ในบุญกิริยาวัตถุ 10 คือประพฤติทานได้แล้วเป็นบุญ หากประสงค์จะให้ทานมีอานิสงส์มากต้องให้ทานแก่คนหมู่มาก (มหาทาน) ต้องให้ทานกับผู้มีคุณธรรมสูงต้องให้ทานที่มีอานิสงส์สูงสุด (ธรรมทาน) ฯลฯ |
997. มีโอกาสเปิดlink web site มาเจอหน้ากัลยาณธรรมจึงขออนุโมทนาบุญที่ท่านได้ จัดกิจกรรมการตอบคำถามให้บุคคลต่างๆค่ะ และขอท่านช่วยตอบคำถามดิฉันหน่อยนะคะ 2.เคยไปทำสังฆทาน เห็นว่าทางวัดใช้วิธีเวียนถังสังฆทานที่เราถวายแล้วไปตั้งขายใหม่ เช่นนี้ผิดหรือถูกตามข้อธรรม หรือพระวินัยอย่างไร และเราควรทำบุญกับวัดแบบนี้หรือไม่คะ 3.ได้อ่านประวัติพระสาวกเช่นพระสารีบุตร ได้รับการพยากรณ์ล่วงหน้าว่าอีก 1แสนกัปป์จะได้เป็นสาวกของพระสมณโคดม ลักษณะนี้แสดงว่ากาลข้างหน้าของบุคคลใดถูกกำหนดไว้แล้วหรือ ไม่ใช่ถูกกำหนดด้วยกรรมเก่า + กรรมใหม่หรอกหรือคะ ขอบพระคุณล่วงหน้าสำหรับคำแนะนำค่ะ คำตอบ (2) ผู้ฉลาดในการบำเพ็ญทาน เมื่อถวายสังฆทานแล้วเสร็จได้บุญเต็มร้อย ผู้ไม่ฉลาดในการบำเพ็ญทานเมื่อถวายสังฆทานแล้วเสร็จถือว่าได้บุญ เมื่อตามดูทานที่ได้ถวายไปแล้วเกิดมีอกุศลจิตขึ้นถือว่าได้บาป ฉะนั้นผู้ไม่ฉลาดในการบำเพ็ญทานจึงได้ทั้งบุญ ได้ทั้งบาป ด้วยเหตุนี้ ผู้ถามปัญหาต้องดูใจตัวเองให้ออก หากยังมีความเห็นผิดต้องแก้ไขที่ใจตัวเอง แล้วจึงตัดสินใจว่าจะถวายสังฆทานเป็นแบบไหน (3) ผู้ที่จะพยากรณ์ชีวิตของผู้อื่นได้ล่วงหน้ายาวนานเป็นแสนกัป และพยากรณ์ได้ถูกตรง มีแต่ผู้ที่เป็นสัพพัญญูเท่านั้นที่จะพยากรณ์เช่นนี้ได้ เหตุเพราะผู้มีความเป็นสัพพัญญูต้องสร้างและสั่งสมบารมีมาครบทั้งสามระดับคือบารมีธรรม อุปบารมีและปรมัตถบารมีสั่งสมบารมีมามากถึง 30 ทัศ และสั่งสมบารมีมายาวนานอย่างน้อยยี่สิบอสงไขยกับอีกหนึ่งแสนกัปเท่านั้นที่จะทำเช่นนี้ได้ เพราะผู้มีความเป็นสัพพัญญูสามารถรู้ถึงกรรมเก่าที่บุคคลผู้ถูกพยากรณ์ได้ทำสั่งสมมาและรู้ความแน่วแน่มั่นคงในการทำกรรมใหญ่ ที่ให้ผลได้ถูกตรงตามคำอธิษฐาน จึงพยากรณ์ได้ถูกตรงเป็นระยะเวลายาวนานล่วงหน้าเช่นนี้ สรุปแล้ว ผู้ใดได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ไหนก็ตามผลแห่งการพยากรณ์จะเป็นเช่นนั้นได้ ต้องเนื่องด้วยเหตุแห่งกรรมเก่าที่ทำสั่งสมมายาวนาน และยังเนื่องด้วยเหตุแห่งกรรมใหม่ที่ต้องทำต่ออีกยาวไกล และทำเหตุได้ถูกตรงกับคำพยากรณ์ |
996. เราจะทราบได้อย่างไรว่าเราปฏิบัติธรรมได้ก้าวหน้า และถูกต้องตามแนวทางของพระพุทธเจ้า จะสังเกตุได้จากอะไร เคยได้ยินว่า ผู้ที่จะปฏิบัติธรรมให้บรรลุ จะต้องเคยปฏิบัติมาแล้วหลายภพ หลายชาติ อย่างนี้หากหนูเพิ่งเคยเริ่มปฏิบัติธรรมในชาตินี้เป็นชาติแรก หนูก็คงไม่บรรลุธรรมได้ใช่ไหมคะอาจารย์ การใช้ชีวิตตามปกติ โดยถือศีล 5 อย่างเดียว จะไม่มีโอกาสบรรลุธรรมได้ใช่ไหมคะ ทุกวันนี้อาจารย์ใช้ชีวิตประจำวันอย่างไรคะ ที่จะควบคู่ไปกับการทำตามหลักคำสั่งสอนของพระพุทธศาสนา คำตอบ ผู้ถามปัญหาน้อมนำตัวเองมาปฏิบัติธรรม มิได้หมายความว่าตัวเองได้เริ่มปฏิบัติเป็นชาติแรก แท้จริงเคยปฏิบัติมาแล้วหลายชาติที่ผ่านมาในอดีต ฉะนั้นสมมุติฐานที่ตั้งไว้ว่า หากเพิ่งเคยปฏิบัติธรรมในชาตินี้เป็นชาติแรก จึงเป็นสมมิตฐานที่เกิดขึ้นจากการมีปัญญาเห็นผิด การรักษาศีลห้าเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้จิตเข้าถึงการบรรลุธรรมขั้นมีดวงตาเห็นธรรมได้ คือยังไม่เกิดปัญญาเห็นแจ้งว่าสรรพสิ่งมีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดา และสรรพสิ่งย่อมมีการดับไปเป็นธรรมเช่นกัน ผู้ตอบปัญหาใช้สติกับสัมปชัญญะขั้นโลกุตตระส่องนำทางให้กับชีวิตัวเอง ดำเนินไปถูกตรงตามธรรมและวินัยที่พระพุทธโคดมบัญญัติไว้ โดยมีจิตเป็นอิสระจากโลกธรรม เป็นอิสระจากวัตถุและเป็นอิสระจากกิเลสที่จะนำไปสู่การเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ จึงได้นำธรรมที่เข้าถึงแล้วออกเผยแผ่สู่ใจมวลชน |
995. ดิฉันขอความกรุณาจากท่านโปรดแนะนำวัดในจังหวัดเชียงใหม่ ที่สอนการเจริญสติ แนวสติปัฏฐาน 4 ตามแนวทางที่ถูกต้องด้วยค่ะ ดิฉันคาดว่าจะไปหัดแบบเริ่มต้นอย่างถูกต้องในช่วงปลายปีนี้ ถึงต้นปีหน้า ขอให้ท่านโปรดให้ความอนุเคราะห์ด้วยค่ะ จริงๆ แล้วดิฉันก็อยากที่จะไปวัดอัมพวันของท่านหลวงพ่อจรัล แต่ที่นั่นคนเยอะมากค่ะ ดิฉันอยากได้วัดที่สงบและคนไม่พลุกพล่านค่ะ ขอขอบพระคุณท่านมากค่ะ คำตอบ |
994. คำตอบ |
993. จิตอิสระ มีความแตกต่างกับ จิตว่างอย่างไรคะ ผู้มีปัญญาเห็นแจ้ง คืออะไร และเห็นเป็นอย่างไรจึงเรียกว่าเห็นแจ้ง ฌาน คือ อะไร อยากให้อาจารย์ช่วยเรียงลำดับขั้นในการฝึกปฏิบัติธรรม ตั้งแต่เริ่มขั้นแรก จนถึงขั้นสุดท้ายให้ด้วยค่ะ หลังจากหนูสวดมนต์สั้น ๆ เสร็จแล้ว แผ่เมตตา แล้วจะทำสมาธิ การทำสมาธิจะต้องบอกหรือกล่าวคำอะไรก่อนหรือไม่ และหลังจากออกสมาธิ ต้องแผ่ส่วนกุศลอีกครั้งไหมคะ เพราะตอนแรกเราแผ่เมตตาไปแล้ว ถ้าหากหนูเริ่มนั่งสมาธิด้วยการภาวนา พุธโธ ตลอดระยะเวลา 15 นาที แล้วก็พอ ถือว่าเป็นการทำสมาธิที่ถูกต้องไหม จะได้บุญไหมคะ พระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาประเทศไทยไหมคะ การที่พระพุทธเจ้าทรงปรินิพพาน ท่านต้องการจากไปเอง หรือเป็นเพราะร่างกายถึงแก่เวลาอันควร จึงจากไป คำสวดมนต์ต่าง ๆ ใครเป็นผู้คิดค้น 2 - 3 เดือนก่อน หนูออกหัดค่ะ เกือบตายอยู่ 4 - 5 ครั้ง ในช่วงไม่ถึงเดือน เพราะหายใจไม่ได้ ตอนที่หายใจไม่ได้รู้สึกกลัว คิดแต่ว่าจะทำยังไงถึงจะสามารถหายใจให้ได้ ไม่ได้คิดอย่างอื่นเลย เพราะมันตกใจมาก ๆ อยากทราบว่าถ้าเกิดในช่วงเวลานั้นหนูตายขึ้นมาจริง ๆ หนูจะตกนรกใช่ไหมคะอาจารย์ เพราะจิตไม่ได้คิดถึงสิ่งที่ดี ๆ คราวต่อไปถ้าหนูเกิดเฉียดตายขึ้นมาอีก หนูควรจะปฏิบัติตนอย่างไรดีคะ รบกวนด้วยค่ะ คำตอบ จิตว่าง หมายถึงว่างจากการปรุงอารมณ์ เช่นการมีจิตตั้งมั่นแน่วแน่เป็นฌาน สิ่งกระทบภายนอกใดๆ ไม่สามารถทำให้จิตของผู้ทรงฌานเกิดอารมณ์ขึ้นได้ บุคคลประเภทนี้จึงถูกเรียกว่ามีจิตว่าง ปัญญาเห็นแจ้งคือเห็นสิ่งต่างๆ ถูกตรงตามที่เป็นจริงแท้ คือเห็นสรรพสิ่งเกิดขึ้น แล้วมีการดับไปเป็นธรรมดา หรือหมายถึงเห็นสรรพสิ่งไม่มีตัวตนแท้จริงเพราะมีการดับสลายในที่สุด หรือเห็นแจ้งว่าความไม่รู้จริง(อวิชชา) หมดไปจากใจได้เมื่อใด การเวียนตายเวียนเกิดในวัฏสงสารจะไม่เกิดขึ้นได้อีกฯลฯ ฌานคือ สภาวะของจิตที่มีความตั้งมั่นเป็นสมาธิแน่วแน่ (อัปปนาสมาธิ) หรือคือสภาวะของจิตที่มีความสงบประณีตนั่นเอง การปฏิบัติธรรมมีสองอย่างคือ การพัฒนาจิตให้สงบเป็นสมาธิ (สมถภาวนา) และพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง (วิปัสสนาภาวนา) การสวดมนต์เป็นการฝึกจิตให้มีสติ การฝึกจิตให้ตั้งมั่นเป็นสมาธิ ต้องนำเอากรรมฐานที่เหมาะกับจริตอย่างใดอย่างหนึ่งในกรรมฐาน 40 มาเป็นองค์บริกรรมให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ แล้วต่อด้วยการพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้งด้วยการพิจารณาสติปัฏฐาน 4 (กาย เวทนา จิต ธรรม) ให้เห็นว่าดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์ การพัฒนาปัญญาเห็นแจ้งในปัจจุบันนิยมไปปฏิบัติตามสำนักปฏิบัติธรรมที่เหมาะสม เรื่องการแผ่เมตตาโปรดดูจากเว็บไซด์ ข้อ 929 (1) ส่วนบุญกุศลที่มีอยู่ในจิตของผู้ใดแล้ว สามารถอุทิศให้กับผู้อื่นได้ทุกเวลาตามจิตปรารถนา การทำสมาธิที่ถูกต้องปฏิบัติได้หลายวิธี แต่ทุกวิธีต้องเข้าถึงความมีจิตตั้งมั่นอยู่กับอิริยาบถที่เป็นปัจจุบัน ถ้าไม่ได้ผลตามนี้เรียกว่าปฏิบัติไม่ถูกต้อง ผู้ใดมีจิตตั้งมั่นได้แล้วเรียกว่าเป็นผู้มีบุญได้ ที่ถามว่าพระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาประเทศไทยไหมคะตอบว่าไม่เคยเสด็จมาประเทศไทยเพราะสมัยนั้นยังไม่มีประเทศไทย คำว่านิพพาน ตามความรู้แจ้งของพระพุทธโคดม หมายถึงการดับรู้ดับนามจึงไม่มีรูปนามต้องเวียนตาย-เวียนเกิดในวัฏสงสารได้อีกส่วนการตายนั้นดับได้แต่รูปเพียงอย่างเดียวไม่ถือว่านิพพาน คำสวดมนต์ต่าง ๆ คิดขึ้นโดย พระโพธิสัตว์ พระพุทธเจ้า เทวดา สงฆ์สาวก ฯลฯ เป็นไปได้หากจิตคิดชั่ว ตายแล้วมีโอกาสไปเกิดเป็นสัตว์อยู่ในอบายภูมิ ส่วนจะถึงนรกหรือไม่ขึ้นอยู่ประเภทของความชั่วที่จิตระลึกได้ก่อนตาย หากประสงค์ไปเกิดในภพที่ดี ควรพัฒนาจิตให้มีสติอยู่เสมอ แล้วสุคติภพย่อมเป็นที่หวังได้ |
992. คำตอบ (2) ผู้รู้อยู่ไหน ตามที่หลวงตาถามนั้น มีจุดประสงค์ให้ใช้จิตตามดูสิ่งที่ปรากฎจนเห็นว่าดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์ แล้วปัญญาเห็นแจ้งในสิ่งที่ถูกเห็นก็จะเกิดขึ้น นั่นคือผู้รู้อยู่ไหน ก็อยู่ที่ปัญญาเห็นแจ้งนั่นเองและไม่ต่างจากที่ผู้ตอบปัญหาเคยชี้แนะไว้ อนึ่งอาการซู่ซ่ามีความสุข คือปีติที่เกิดขึ้นกับผู้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เป็นวิปัสสนูปกิเลสที่คอยขัดขวางผู้ปฏิบัติมิให้เข้าถึงปัญญาเห็นแจ้ง ผู้รู้ฟังแล้วก็ให้สงสารผู้ถามปัญหา ที่รู้ไม่ทันกิเลสมาร จึงเอาจิตไปชื่นชมยินดีกับกิเลสตัวร้ายนานถึงสามวัน |
991. กระผมเป็นคนที่ติดสุรา และ บุหรี่ คือดื่มทุกวันสูบทุกวัน จะมาวันนึงกระผมคิดอยากจะเลิก(ด้วยสุขภาพแย่ลงทุกวัน) แต่พยายามยังไงก้อเลิกไม่ได้สักที ครั้งนึงก้อเลยไปจุดธูปสาบานว่า ข้าพเจ้าจะเลิกให้ได้ ถ้าเลิกไม่ได้ ขอให้ข้าพเจ้า มีชีวิตที่แย่ลง..... แล้วกระผมก้อเลิกไปได้ไม่กี่วันเอง ก้อกลับมาสูบมาดื่มใหม่อีก โดยไม่มีสติระลึกนึกถึง ตอนที่ผมได้จุดธูปสาบานไว้เลย ขอสารภาพตามตรงว่ากระผมได้สาบานไว้หลายครั้งอยู่ที่เดียว แต่พอมีปัญหาเข้ามากระทบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัว เงินทอง หรือ อะไรก้อแล้วแต่ กระผมก้อ จะไม่มีสติ แวะไปดื่มสุราอีก เพราะคิดว่าเมาหลับพรุ่งนี้ตื่นมาก้อ เริ่มต้นใหม่ เป็นอย่างนี้เรื่อยๆมา จนมากระทั้งปัจจุบันนี้ ชีวิตกระผมเริ่มแย่ลงเรื่อยๆๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านฐานะทางด้านเงินทอง คนรอบข้างก้อไม่ค่อยจะยุ่งด้วยมากเท่าไหร่ แล้วอีกหลายๆ อย่าง ...... เดี่ยวนี้มีความเครียดมาก ไม่สามารถอดทนได้แม้กระทั่งสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ( ที่เคยอดทนได้ ) มีอารมณ์ฉุนเฉียว ผมหมดปัญญาจริงๆ เลยครับอาจารย์ กระผมอยากจะขอคำแนะนำจากอาจารย์ เพราะว่าผมเชื่อเสมอว่า อาจารย์คือพูดที่รู้จริง ....... กราบขอบพระคุณอาจารย์อย่างสูงครับ คำตอบ |
990. ดิฉันมีคำถามจะกราบเรียนถามดังนี้ค่ะ คำตอบ (2) ผู้ที่ไร้ท์แผ่นซีดีขายประพฤติทุศีลข้ออทินนาทานอันดับแรก ผู้ที่ไปซื้อแผ่นซีดีเถื่อนมาใช้ถือว่าได้ร่วมอกุศลกรรมทุศีล กับผู้ไรท์แผ่นซีดีมาขาย เมื่อใดที่อกุศลกรรมให้ผล ผู้ไรท์แผ่นซีดีได้รับผู้ของบาปมากกว่าผู้ไปซื้อแผ่นซีดีมาใช้ (3) พนักงานผู้ใดใช้คอมพิวเตอร์ของบริษัทฯ ถือว่าได้ร่วมในอกุศลกรรมกับบริษัทฯจึงมีศีลด่างพร้อย แต่ด่างพร้อยน้อยกว่า |
989. 1.ดิฉันอยากทราบว่าการบนบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้สิ่งที่เราปรารถนานั้นสำเร็จ มีอยู่จริงหรือไม่คะ เพราะตัวดิฉันเองก็เคยบนค่ะ แต่ไม่เคยสำเร็จ คำบนบานที่ดิฉันเคยขอไว้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งพระพุทธ หรือศาลพระภูมิ ที่ไม่สำเร็จดิฉันเลยไม่ได้นำสิ่งของมาแก้บน แต่รู้สึกไม่สบายใจเลย แต่ก็จำไม่ได้ด้วยว่าบนด้วยอะไร จึงอยากจะขอยกเลิกคำบนบานดังกล่าวต่อพระพุทธ และศาลพระภูมิ ควรจะทำอย่างไรคะ 2. การนั่งวิปัสสนากรรมฐาน เวลาที่เรารู้สึกคัน เราก็ต้องคิดว่าคันหนอ คันหนอ จนกระทั่งความรู้สึกคัน นั้นหายไป แต่จะคิดอย่างไรให้การคันเกิดเป็นไปตามกฎไตรลักษณ์ อยากให้อาจารย์ช่วยอธิบายด้วยค่ะ และอยากให้ยกตัวอย่างการพิจารณาตามกฎไตรลักษณ์ใหด้วย เช่น การเดิน , การอดทนต่อความโกรธที่มีคนมาด่าว่า ตำหนิ , ความเจ็ดปวดทรมานจากบาดแผล , คำตอบ (2) ผู้ใดพัฒนาจิตได้เพียงสมาธิขั้นต้น (ขณิกสมาธิ) เมื่อเกิดอาการคัน ต้องกำหนดว่า คันหนอๆๆๆ จนกว่าอาการคันหายไป แต่หากผู้ใดพัฒนาจิตจนเข้าถึงอุปจารสมาธิได้แล้วต้องใช้จิตตามดูอาการคันตามกฎไตรลักษณ์ เมื่ออาการคันเข้าสู่ความเป็นอนัตตาคืออาการคันไม่มีตัวตนแท้จริง อาการคันจะหายไปแล้วปัญญาเห็นแจ้งในอาการคันก็จะเกิดขึ้น การเดินดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์เช่นกัน เมื่อใดจิตเห็นการก้าวเดินของขาหยุดลง (อนัตตา) การเดินจะไม่มีแล้วปัญญาเห็นแจ้งในการเดินจะเกิดขึ้น ส่วนการอดทนต่อความโกรธ เกิดขึ้นได้กับผู้มีจิตตั้งมั่นเป็นขณิกสมาธิ ผู้ใดพัฒนาขันติให้มีอยู่กับใจจนมีมากเป็นขันติบารมีได้แล้วจึงจะสามารถอดทนต่อความโกรธได้แต่ผู้มีปัญญาเห็นแจ้ง จิตเห็นความโกรธดับไป (อนัตตา) ตามกฎตของไตรลักษณ์ ความโกรธจึงไม่ใช่ตัวตน จิตปล่อยวางความโกรธ จิตเป็นอิสระต่อความโกรธ แล้วจิตว่างเข้าสู่อุเบกขารมณ์ ผู้มีปัญญาเห็นแจ้งเช่นนี้ จึงไม่จำเป็นต้องใช้ขันติบารมีมาต้านความโกรธอันเป็นบ่อเกิดของพฤติกรรมติดลบ ส่วนการเจ็บปวดทรมานเป็นทุกขเวทนาก็ดับไปตามกฎไตรลักษณ์เช่นกัน จิตปล่อยวางทุกขเวทนาเพราะไม่มีตัวตนและว่างเข้าสู่อุเบกขารมณ์ได้เช่นเดียวกัน |
988. ดิฉันมีปัญหาสงสัยว่า กรณีดิฉัน ถือว่าบาปหรือไม่ ขอบคุณมากค่ะ คำตอบ |
987. คำตอบ |
986. คำตอบ |
985. ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆ บุญ ที่อาจารย์ได้สั่งสมไว้แล้วตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันวันนี้ และธรรมใดที่ท่านอาจารย์ได้พบแล้ว บรรลุแล้ว ขอให้หนูได้พบธรรมนั้น บรรลุธรรมนั้นด้วยค่ะ กราบขอบพระคุณค่ะ คำตอบ (2) ในทางโลกถือว่าเป็นอาชีพที่ไม่ผิดกฎหมายแต่หากผู้ใดปรารถนา นำพาชีวิตไปสู่ความพ้นทุกข์ ต้องไม่นำตัวเองเข้าไปมีส่วนร่วมมิจฉาอาชีวะ ตามที่ระบุไว้ในมรรค 8 เพราะการประกอบอาชีพดังกล่าว เป็นการส่งเสริมให้จิตมีโมหะเพิ่มมากขึ้น |
984. คำตอบ (2) การ บนบาน ในศาสนาพุทธไม่มี ผู้ใดปรารถนาความสำเร็จในสิ่งใดต้องสร้างมหาทาน อธิษฐานและทำเหตุให้ถูกตรงผู้ใดกล่าววาจาใดออกไปแล้ว ไม่ประพฤติตามที่พูด ถือว่าผู้นั้นไม่มีสัจจะ เนกขัมมะ เป็นการประพฤตินำตัวออกห่างจากสิ่งเย้ายวนใจการบวชเนกขัมมะ (ปกตินิยมแต่งชุดขาว) เป็นการประพฤติกายใจให้มีศีล ผู้บวชเนกขัมมะนิยมนำตัวเข้าไปปฏิบัติที่วัดหรือสำนักปฏิบัติธรรม เพราะเป็นสถานที่เหมาะสม (สัปปายะ) กว่าประพฤติอยู่ที่บ้านซึ่งไม่สัปปายะ ตั้งใจบวชเนกขัมมะ 90 วัน หมายถึงตั้งใจบวชฯ ต่อเนื่องนาน 90 วัน จึงต้องประพฤติให้ได้ตามที่ตั้งใจไว้ หากมีสัจจะและประพฤติได้ถูกตรงตามที่ตั้งใจ ความรู้สึกผิดในจิตจึงจะหมดไปได้ อนึ่งการฝันเห็นจระเข้ ทั้งความฝันและจระเข้ที่ถูกเห็นเป็นเพียงสิ่งสมมุติ ผู้ใดปฏิบัติจิตตภาวนา แล้วอุทิศบุญกุศลให้กับสัตว์ที่เห็นปัญหาที่เกิดจากความฝันก็จะหมดไป |
983. ผมเป็นสัตวแพทย์ที่ได้ถามคำถามที่ 970 ผมเปิดคลีนิกรักษาสัตว์ ในวันหนึ่งๆ งานของผมต้องเกี่ยวกับการกำจัดเห็บหมัดถึงประมาณ 30% เป็นต้นว่า ฉีดยาป้องกันและกำจัดเห็บหมัดให้ตัวสุนัขที่มาบริการ, การรักษาโรคบางโรคที่มีเห็บเป็นตัวนำโรคต้องกำจัดเห็บซะก่อนจึงทำการรักษา, กำจัดเห็บหมัดภายในคลีนิกและบริเวณที่พักสัตว์ป่วย รวมถึงการจำหน่ายยากำจัดเห็บหมัดให้ลูกค้า แต่ผมมีใจมุ่งหวังที่จะปฏิบัติธรรมให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งต้องมีศีล 5 ครองใจให้ได้ก่อน ดังนั้นผมจึงมีคำถามที่จะถามอาจารย์ดังนี้ 1. ถ้าผมเลิกการกระทำดังกล่าวข้างต้นเกี่ยวกับการกำจัดเห็บหมัด แต่ยังให้คำปรึกษาลูกค้าเกี่ยวกับวิธีการกำจัดเห็บหมัด และแนะนำสถานที่ที่จะซื้อยากำจัดเห็บหมัดได้ ผมยังมีความบกพร่องเกี่ยวกับการรักษาศีลหรือไม่ครับ 2. ถ้าผมเลิกการกระทำดังกล่าวข้างต้นเกี่ยวกับการกำจัดเห็บหมัด ก็คงต้องเสียลูกค้าไปพอสมควร เพราะเขาคงไปใช้บริการกำจัดเห็บหมัดที่คลีนิกอื่น และย้ายไปรักษาโรคอื่นๆ ที่คลีนิกอื่นด้วยตามที่เขาย้ายไปรักษาเห็บ ซึ่งสัตว์ที่เคยมารักษาโรคกับผมเป็นสัตว์ที่เคยมีปัญหาเรื่องเห็บหมัดมากกว่า 50% จึงอยากจะถามความคิดเห็นของอาจารย์ว่า ถ้าผมเลิกการกำจัดเห็บหมัดก็ถือว่าสามารถรักษาศีล5 ได้ ผลบุญตรงนี้พอจะช่วยหนุนให้ผมมีลูกค้าด้านอื่นที่ไม่เกี่ยวกับเห็บหมัดเพิ่มขึ้นได้ไหมครับ หรือผลบุญตรงนี้จะช่วยประคองไม่ให้กิจการของผมต้องล้มลงเพราะการเสียลูกค้าตรงนี้ไปได้หรือไม่ครับ ขอบพระคุณอาจารย์มากครับ คำตอบ (2) การเลิกอาชีพกำจัดเห็บหมัด รวมถึงเข้าไปมีส่วนร่วมในการทำให้จิตวิญญาณของสัตว์อื่นๆ ต้องพรากออกจากร่าง ไม่ถือว่าผิดศีลข้อปาณาติบาต รวมถึงไม่ประพฤติทุศีลอีกสี่ข้อที่เหลือ จึงจะเรียกได้ว่าสามารถรักษาศีล 5 ได้ ผู้ใดมีศีล 5 อยู่กับใจได้แล้ว ความมีอายุยืนปราศจากโรคความมีทรัพย์ปลอดภัย ความเป็นที่รักของมนุษย์และเทวดา ความมีสติตั้งมั่น ฯลฯ ย่อมเกิดขึ้นกับผู้มีคุณสมบัติเช่นนี้ และเช่นเดียวกันผู้ใดประพฤติตนเป็นผู้ให้ทานอยู่เสมอ มีศีล 5 คุมใจอยู่เสมอ และมีการปฏิบัติจิตตภาวนาอยู่เสมอ ทั้งสามนี้เป็นคุณธรรมที่นำสู่การมีชะตาดี (ดวงดี) ผู้มีชะตาดีย่อมมีความเจริญในกิจการงานและการดำเนินชีวิต |
982. กราบเรียน : อาจารย์สนองที่เคารพรัก จากคำตอบข้อ 973 ซึ่งอาจารย์แนะนำให้ไปขอขมากรรมต่อครูผู้อยู่ใกล้ (คือตัวอาจารย์น่ะค่ะ) เป็นเหตุที่ถูกต้องดีงาม ในวันอาทิตย์ที่ 23 พย.51 งานแสดงปฏิบัติธรรม หนูได้ลงทะเบียนทางไปรษณีย์เป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยเหตุนี้ หนูจักต้องปฏิบัติตนอย่างไรในวันนั้น เพื่อจะได้ทำตามคำแนะนำของครูบาอาจารย์ อาทิ เช่น พวงมาลัย เพื่อขอขมากรรม และจะมีบทเอ่ยอย่างไรกับท่านบ้างค่ะ จะได้มีความเจริญงอกงามทางจิตวิญญานยิ่งๆขึ้นไปน่ะค่ะ ท้ายนี้ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย จงปกป้องคุ้มครองอาจารย์ให้มีร่างกายที่แข็งแรงค่ะ ด้วยความรักเคารพศรัทธายิ่ง คำตอบ |
981. ข้าพเจ้าเป็นผู้ส่งคำถามข้อ 958 และได้อ่านคำตอบแล้ว ไม่เคยมีผู้ใดอธิบายแจ่มชัดในทุกขณะเกิดกับจิตเช่นนี้มาก่อนเลย นอกจากนั้นยังได้ส่งคำถามอีก 2 ครั้ง ซึ่งเป็นการฟุ่มเฟือยและเป็นภาระแก่ท่านอ.มาก จึงแล้วแต่ความเมตตาของท่านที่จะตอบให้ข้าพเจ้าหรือไม่ก็ได้ ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูง แต่เนื่องจากข้าพเจ้ายังมีจุดติดในดวงจิตที่เป็นสาเหตุส่วนหนึ่งให้ไม่อาจก้าวล่วงข้ามผ่านไปได้ขอเรียนถามคำถามท่านอ.กรุณาเมตตาอีกสักครั้งดังนี้ 1. เมื่อจิตก้าวไปจนถึงที่สุดแล้วติดไม่ว่าจะเป็นจากการพิจารณาทุกขเวทนา หรือตามดูจิตกรณีอื่น ๆ ขอท่านอ. ช่วยกรุณาเมตตาให้อุบายที่จะทำให้ข้าพเจ้า หากเมื่อเดินทางถึงจุดที่สุดที่ติดแล้ว สามารถยึดมาเป็นอุบายก้าวล่วงข้ามผ่าน ซึ่งถูกจริตกับข้าพเจ้า (จริตคือไม่โลภ ไม่เชื่อง่าย แต่วิตกจริต) เพื่อให้ได้ธรรมะขั้นต่อไปด้วย (เพราะเมื่อข้าพเจ้าพิจารณาดูเช่นทุกขเวทนาที่คนปกติทนไม่ได้จนเห็นเปรียบเสมือนเป็นแค่แก่นแกนกลางของต้นไม้หรือเส้นกราฟชีวิตหรือดวงดวงหนึ่งหรือเส้นเส้นหนึ่ง เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปข้ามผ่านไปได้แล้ว สักพักจิตก็สงบแล้วเข้าภวังค์แล้วดับวูบไปเองโดยอัตโนมัติ เมื่อจิตตื่นขึ้นมา ก็จะต้องเริ่มต้นนับหนึ่งต่อไปอีกแล้วก็เป็นอย่างเดิม วนเวียนเป็นวัฏจักรอย่างเดิมไม่รู้จักจบ ข้าพเจ้าจึงเกิดความเบื่อจิตไม่รู้จะพิจารณาไปทำไม จึงไม่มีแรงใจพิจารณาได้ตลอด ทุกข์เวทนาที่แรงกล้าเกินที่จะทนได้อยู่แล้วจึงได้เข้าครอบงำ ปรุงแต่ง และให้ดวงจิตเข้าไปยึดไว้ ไม่สามารถก้าวข้ามผ่านไปได้ แม้จะพยายามจนถึงที่สุดต่อสู้แต่ก็ไม่มีอุบายให้ก้าวข้ามผ่านจุดสำคัญที่สุดไปได้ กลับทั้งเป็นสาเหตุให้ไม่อยากปฏิบัติอีก เพราะก็ต้องไปวนวัฏจักรเดิม) 2. จากข้อ 1 บางครั้งข้าพเจ้าใช้วิธีละวางทั้งทุกข์ทั้งสุขเพราะพิจารณาเห็นเส้นเส้นเดียวเหมือนกันเลย แต่เส้นที่ปรุงแต่งเป็นความสุข นั้นไม่ยึดและดับยากกว่า เพราะเผลอไปปรุงแต่งได้ง่ายแล้วก็เกิดความชอบแล้วยึดไว้ เมื่อกลับเป็นเส้นทุกข์ซึ่งรู้สึกมันอยู่คู่กันหรือติดกันมันจึง ปรุงแต่ง ยึดติด พิจารณาไม่ทัน เส้นท้งสองมันต้องดับทั้งคู่ใช่หรือไม่ ที่พิจารณาเช่นนี้ถูกหรือไม่ อย่างไร 3. หากข้าพเจ้าผ่านพ้นวาระเห็นเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปมาแล้ว จนจิตรวมกันแล้วดับให้เห็นอย่างที่เรียนท่านอ.แล้ว ข้าพเจ้าควรพิจารณาอย่างไรต่อไป (พิจารณาเพียงเป็นเส้นแล้วดับลง หรือใช้สติมองดูเฉย ๆ ให้ข้างในทำงานเองแล้วมองดูความดับเอง โดยใช้จิตตามรู้ดูเฉย ๆ ก็พอ ซึ่งข้าพเจ้าจะสามารถเลิกพ้นความวุ่นวายได้จริง ๆ ใช่หรือไม่ ) 4. ข้าพเจ้ารับราชการเป็นนักกฏหมายที่มีอำนาจชี้ขาดคน จะมีผลกับการก้าวไปในธรรมหรือไม่ อย่างไรบ้าง และหากยังคงต้องทำงานด้านนี้ต่อไปโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้จะปฏิบัติเช่นไร เนื่องจากข้าพเจ้าอายุยังน้อย ยังขาดเขลาเบาปัญญา หากสิ่งที่ข้าพเจ้าได้เรียนถามท่าน อ.ทั้งหมดนั้น หากได้มีสิ่งใดล่วงเกินด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ต่อท่านอ.และบุคคลใด ๆก็ตามที่ได้อ่านข้อความของข้าพเจ้าทุกผู้ทุกนามขอท่านอ.และทุกผู้ทุกนามกรุณาให้อภัยแก่ข้าพเจ้าด้วย คำตอบ (2) ที่บอกเล่าไปเป็นจินตนาการของจิต เป็นการพัฒนาจิตที่ผิดทางจึงสละทิ้งความสุขความทุกข์ไม่ได้ แต่หากจิตเห็นแจ้งว่าความสุขและความทุกข์ต้องเป็นไปตามกฎไตรลักษณ์ แล้วจิตจะไม่เอาสิ่งที่ไม่มีตัวตนมายึดไว้กับจิต จิตจะเป็นอิสระจากความสุขความทุกข์ จิตจะปล่อยวางความสุขความทุกข์ และจิตว่างเป็นอุเบกขา พร้อมกับปัญญาเห็นแจ้งในความสุข ความทุกข์เกิดขึ้น (3) บุคคลจะพ้นไปจากความวุ่นวายได้ต่อเมื่อ ต้องพัฒนาจิตให้มีกำลังสติกล้าแข็ง และต้องพัฒนาจิตให้มีกำลังปัญญาเห็นแจ้งกล้าแข็งแล้วใช้สติสัมปชัญญะ (สติและปัญญาเห็นแจ้ง) ที่พัฒนาได้นี้ ตามระลึกให้ทันทุกสิ่งที่เข้ากระทบจิตและมีปัญญาเห็นความไม่มีตัวตนของทุกสิ่งกระทบได้แล้ว ความวุ่นวายจะไม่เกิดขึ้นกับบุคคลผู้มีจิตเป็นเช่นนี้ (4) อาชีพที่ผู้ถามปัญหาได้ปฏิบัติอยู่ จะเรียกว่าเป็นอาชีพที่ดีในทางโลกได้ต้องมีความเห็นถูก ชีวิตจึงจะดำเนินไปปลอดภัย ในสมัยที่ผู้ตอบปัญหาไปปฏิบัติธรรมอยู่กับท่านเจ้าโชดก (พ.ศ.2518) ท่านได้เล่าให้ฟังว่า มีผู้พิพากษาท่านหนึ่งมาปฏิบัติธรรมอยู่กับท่าน และสามารถพัฒนาจิตเข้าสู่สภาวะนิโรธสมาบัติได้ นั่นหมายความว่า ผู้พิพากษาท่านนั้นมีสภาวะจิตเป็นอริยบุคคลขั้นที่สาม ฉะนั้นหากผู้ถามปัญหา มีศีลห้าข้อครบถ้วนอยู่ในใจมีบุญบารมีแต่อดีตชาติสั่งสมมามากพอ และมีความเห็นถูกตามธรรมได้แล้วความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมจะสามารถดำเนินไปได้ หากผู้ถามปัญหายังมีความจำเป็นต้องทำอาชีพนี้ต่อไป โดยไม่ให้เกิดความวิบัติขึ้นกับชีวิตของตัวเอง ต้องทำอย่างเปาบุ้นจิ้น คือท่านมีเทวดาสัมมาทิฏฐิชั้นจาตุมหาราชิกาเป็นกัลยาณมิตร มีบุญบารมีสั่งสมมามาก และท่านใช้สติสัมปชัญญะในการตัดสินปัญหา ชีวิตมนุษย์ของท่านจึงอยู่รอดและปลอดจากภัยทั้งปวง ตายแล้วยังไปเกิดเป็นเทวดาทำหน้าที่เหมือนที่ยังเป็นมนุษย์ |
980. คำตอบ การจะพ้นไปจากความทุกข์ได้อย่างแท้จริง ต้องพัฒนาจิตให้เข้าถึงอภิญญาตัวที่หก ด้วยการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาและจะเข้าถึงโลกิยอภิญญา (อภิญญาห้าตัวแรก) ซึ่งไม่ทำให้พ้นไปจากความทุกข์ได้ ต้องพัฒนาจิตให้เข้าถึงความเป็นฌาน ด้วยการปฏิบัติสมถภาวนา และบุคคลไม่ควรหลงงมงายอยู่กับความรู้ขั้นสูงระดับนี้ ขณะนั่งสมาธิแล้วเกิดการปวดที่ขา ต้องกำหนดว่า ปวดหนอๆๆๆ ไปเรื่อยๆจนกระทั่ง อาการปวดที่ขาหายไป ให้กำหนดทุกครั้งที่มีอาการปวดเกิดขึ้น อนึ่งในการพัฒนาจิตให้มีคุณธรรม มิได้ขึ้นอยู่กับอายุของบุคคลแต่ขึ้นอยู่กับความมีมากหรือมีน้อยของบุญบารมีที่ทำสั่งสมมาแต่อดีตชาติ เด็กชายทัพพะ เด็กชายโสปากะ ยังบรรลุอรหัตตผลได้ ขณะยังเป็นฆราวาสที่มีอายุได้เพียง 7 ขวบเท่านั้น |
979. คำตอบ (2) พ่อที่หนูเห็นนั้นเป็นเรื่องจริง (สภาวะสัจจะ) มิใช่เป็นจินตนาการของจิต (3) ผู้ใดพัฒนาจิตจนตั้งมั่นเป็นสมาธิระดับฌานได้แล้วคลื่นความถี่ของจิตจะคงที่ ซึ่งเป็นเหตุทำให้เข้าถึงอภิญญา ๕ (อิทธิวิธี ทิพพโสต เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสติญาณ และทิพพจักขุ) ได้ คำว่า คลื่นจิตคงที่ หมายถึงช่วงความถี่คลื่นของจิตถูกพลังสมาธิปรับให้มาอยู่ในระดับความถี่เดียวกัน ส่วนความถี่คลื่นไม่คงที่ อนุโลมด้วยคล้ายกับคลื่นในทะเล แต่ละลูกมีขนาดใหญเล็กไม่เท่ากัน |
978. คำตอบ คนที่บวชในพุทธศาสนาดังที่บอกเล่าไป ไม่ควรเรียกว่าพระ จะถูกต้องมากกว่าหากเรียกว่าเป็นนักบวชในพุทธศาสนา การโทรศัพท์ไปทวงเงินนักบวชหากทำให้จิตของผู้โทรศัพท์เสื่อมลง ทำให้จิตเลวลงถือว่าเป็นบาปได้ (2) จากที่ถามไป เขามิได้เป็นพระ เขาเป็นได้แค่นักบวชที่ยังมีกิเลสครอบงำจิต ถือว่าเป็นผู้มีบาปอยู่แล้ว และยังได้โทรศัพท์ไปทวงเงินลูกหนึ้ยิ่งทำให้มีบาปเพิ่มมากขึ้น (3) เงินที่เขายืมไปเป็นเงินของแม่ มิใช่เป็นเงินของผู้ถามปัญหา ผู้ที่มิได้เป็นเจ้าของเงินรู้เรื่องแล้วเดือดร้อน ถือได้ว่าไปเอาบาปของคนอื่นมาเป็นบาปของตัว ผู้ฉลาดไม่ประพฤติเช่นนั้น ผู้ฉลาดจะเอาเขามาเป็นครูสอนใจตัวเองว่าอย่าทำอย่างเขา อนึ่งสติของผู้ถามปัญหายังไม่กล้าแข็งพอ จึงรับเอาสิ่งกระทบเข้ามาปรุงแต่งใจให้เกิดเป็นอารมณ์ติดลบ หากประสงค์จะแก้ปัญหาให้หมดไปต้องแก้ที่ต้นเหตุคือพัฒนาตัวเองให้มีกำลังของสติกล้าแข็งจนไม่รับเอาเรื่องของคนอื่นมาเป็นเรื่องของตน |
977. เรียนอาจารย์ ดร.สนองที่เคารพอย่างสูง ขอบคุณอาจารย์ที่ตอบคำถามที่ 962 ของผมครั้งก่อนนะครับ และ ผมมีเรื่องขอเรียนถามใหม่ครับ 1. เมื่อนั่งสมาธิจนจิตตั้งมั่นจนสงบไประดับหนึ่งแล้ว กำหนดพุทธานุสติ อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธฯ. ในการกำหนดครับโดยระลึกถึงคุณของพระองค์ท่าน ระลึกถึงคุณของพระองค์ เมตตา กรุณา และพระบารมีที่ยังแผ่ถึงในปัจจุบันนี้ คำถาม มีบางครั้งจิตคิดไปอยากเป็น พระพุทธเจ้า ตอนนั้นนั่งสมาธิมีสติ กำหนดรู้ตลอด พบจิตที่คิดอย่างนี้ไป ก็ตกใจนะครับ เป็นเรื่องที่ไม่เคยอยู่ในความคิดมาก่อน และจิตเกิดปิติที่อยากจะอฐิษฐานไปตามนั้น แต่ไม่ได้อฐิษฐานไปตามจิต ควรแก้ไขยังไงครับ 2. ขอทราบวิธีปฏิบัติ ในการนั่งสมาธิ ให้เป็นเวลานานติดต่อกันครับ ให้ถึง 1 วัน 3 วัน 7 วัน ต้องหัดเริ่มจากที่ละน้อย หรือ ต้องมี องค์ประกอบการแน่วแน่ของจิต เช่น การมีสัจจะ การอฐิษฐานจิต สติ สถานที่ ใช่รึไม่ครับ ขออาจารย์แนะนำด้วยครับ 3. การมี ศีล 5 คุมใจทุกขณะตื่น ในการการปฏิบัติต้องรู้ กาย ใจ ทุกขณะ และมีการกำหนดรู้ตลอดเวลาที่เรายังตื่นอยู่ถูกต้องรึไม่ครับ และการที่เราจะให้ใจเรามีศีลโดยอัตโนมัติ เป็น ศีลที่สมบูรณ์ของใจเอง ในการปฏิบัติต้องปฏิบัติอย่างไรครับ กรุณาแนะนำด้วยครับ ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง คำตอบ ผู้ใดมีจิตปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ต้องสร้างมหาทานแล้วอธิษฐานปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าในกาลข้างหน้า หลังจากอธิษฐานแล้วต้องสร้างเหตุให้ถูกตรง คือดำเนินชีวิตตามแนวของพระโพธิสัตว์ อาทิ บูรณะหรือสร้างศาสนวัตถุ สร้างถนนหนทาง สร้างสะพานให้ประชาชนสัญจรได้สะดวก ช่วยเหลือมนุษย์และสัตว์ผู้ตกทุกข์ได้ยาก ผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆ ฯลฯ ต้องใช้เวลาที่ยาวนานนับหลายสิบอสงไขยกัป ในการบำเพ็ญบารมีให้เต็มและครบถ้วน ทั้งบารมีขั้นต้นอุปบารมี และปรมัตถบารมีโดยไม่ลาพุทธภูมิไปกลางครัน โอกาสที่จะเป็นพระพุทธเจ้าในกาลข้างหน้าย่อมมีได้เมื่อเหตุปัจจัยถึงพร้อม (2) ปรารถนานั่งสมาธิเป็นเวลายาวนนานติดต่อกันหนึ่งวันสามวันหรือเจ็ดวัน ต้องถามว่าผู้ปรารถนานั่งสมาธิให้ได้ยาวนานเช่นนั่นมีจุดประสงค์ใดเพราะการนั่งบริกรรมให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิประเดี๋ยวประด๋าว (ขณิกสมาธิ) ตั้งมั่นเป็นสมาธิจวนแน่วแน่ (อุปจารสมาธิ) หรือตั้งมั่นเป็นสมาธิแน่วแน่ (อัปปนาสมาธิ) ไม่จำเป็นต้องใช้เวลานั่งบริกรรมที่ยาวนานเช่นนั้น ผู้ใดมีสภาวะของจิตเป็นพระอนาคามี เป็นพระอรหันต์ หากปรารถนานั่งสมาธิเพื่อนำจิตเข้าสู่ภาวะนิโรธสมาบัติ (ดับสัญญา ดับเวทนา) สามารถทำได้ด้วยการอธิษฐานจิตว่า จะนำจิตเข้าสู่นิโรธสมาบัตินานกี่วัน หลังจากอธิษฐานแล้วจึงทำจิตตภาวนา จนเข้าถึงสภาวะที่อธิษฐานไว้ ดังตัวอย่างของพระอโนมทัสสีพุทธเจ้า เข้านิโรธสมาบัตินานเจ็ดวันแล้วนำจิตออกมาสู่ภาวะปกติ เพื่อรับทานจากฤาษีสรทะ (อดีตของพระสารีบุตร) หรือพรมหากัสสปะเข้านิโรธสมาบัตินานเจ็ดวันแล้วนำจิตออกมาสู่สภาวะปกติ เพื่อรับทานจากหญิงชรายากจน ทั้งนี้ด้วยมีจุดประสงค์ให้ผู้ถวายทานเป็นคนแรก ได้รับอานิสงส์มากนั่นเอง (3) ต้องใช้จิตที่สงบส่องดูใจตัวเอง ว่าศีลทั้งห้าข้อมีอยู่กับใจทุกขณะตื่น มีศีลห้าข้ออยู่ครบถ้วน และเป็นศีลที่บริสุทธิ์ คือไม่มีกิเลสเจอปนให้ศีลเศร้าหมอง หากปรับปรุงแก้ไขจิตให้มีลักษณะเป็นดังเช่นนี้ได้เรียกว่าเป็นศีลที่พระอริยเจ้าพอใจ เป็นศีลที่นำไปสู่ความตั้งมั่นเป็นสมาธิของจิต |
976. คำตอบ (2) กรรมที่ทำด้วยการไม่มีเจตนา ไม่ถือว่าเป็นกรรม แต่เป็นวิบากกรรมของสุนัขเองที่อกุศลกรรมส่งผลให้ต้องมาตายด้วยวิธีการเช่นนี้ ฉะนั้นผู้ขับรถชนสุนัขตายโดยไม่มีเจตนาในการทำกรรม จึงไม่มีความผิดในเรื่องใดเลย แต่หากเมื่อใดจิตระลึกถึงสุนัขที่ถูกชนแล้วทำให้จิตเศร้าหมองถือว่าเป็นบาป |
975. ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ คำตอบ (2) เป็นสัมมาอาชีวะในทางโลก เพราะเป็นอาชีพที่ไม่ผิดกฎหมาย หากมองในทางธรรม อาชีพเสริมสวย เป็นมิจฉาอาชีวะ เพราะเป็นเหตุทำให้คนหลงผิด มีจิตยึดติดในความงามที่ไม่เที่ยง (อนิจจตา) ของรูปร่าง ร่างกายเป็นสิ่งคงทนอยู่ไม่ได้ (ทุกขตา) เหตุเพราะร่างกายมีเกิด-มีดับ และในที่สุดร่างกายต้องตายไป (อนัตตา) ไม่มีตัวไม่มีตนแท้จริง ผู้ใดหลงยึดติดความสวยงามของรูปร่างต้องทนกับความทุกข์ในที่สุด (3) เซนส์ที่บอกเล่าไป คือนิมิตของจิตที่มีความตั้งมั่นเป็นสมาธิระดับหนึ่งเท่านั้น เซนส์มิได้ทำให้เจ้าของพ้นไปจากความทุกข์ ผู้ใดประสงค์ให้เซนส์หมดไปต้องพัฒนาจิตให้มีกำลังของสติและกำลังของปัญญาเห็นแจ้งกล้าแข็ง แล้วใช้สติสัมปชัญญะที่พัฒนาได้ตามดูเซนส์ที่เกิดขึ้นดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์ จนกว่าเซนส์จะดับไปและไม่กลับมาเกิดขึ้นได้อีก |
974. คำตอบ |
973. กราบเรียน : อาจารย์สนองที่เคารพรัก 1. หนูเรียนถามปัญหาของตนเองค่ะ สามีหนูไม่มีงานทำ เพราะพิษเศรษฐกิจ , มีหนี้สินเยอะ , มีเพื่อนหญิงแยะ และเป็นคนมีอัตตาของตนเองสูง (คิดเป็นมิจฉาทิฏฐิ เช่น มองโลกในแง่ร้าย , ไม่เคยไว้วางใจใคร , ชอบตำหนิหนูและลูก (ข้อนี้หนูคงมีความดีไม่พอเขาเลยยังไม่เกิดศรัทธา อาทิเช่น จิตที่เป็นเมตตา , อุเบกขารมณ์ของหนูเอง) โทสะเยอะชอบเพ่งโทษคนอื่น ชอบก่นด่า พูดจาไม่ไพเราะ และที่สำคัญคือ ธรรมารมณ์ ยังไม่ก่อเกิด ข้อดี : สามี ไม่กินเหล้า , ไม่สูบบุหรี่ มีศีล คือ ไม่มักได้ ไม่อยากได้ พูดตรงกับใจ กินน้อย พูดน้อย แต่นอนเยอะ การรับผิดชอบช่วยเหลืองานบ้านในครอบครัวผ่านที่เกือบ 80 % (มักน้อย , สันโดษ) คำถาม จากข้อมูลดังกล่าว หนูต้องสร้างเหตุแบบไหนค่ะ กับอนาคตที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าทางโลก โดยประคับประคอง นาวาของครอบครัวตนเอง ; พ่อ-แม่-ลูก ให้ถึงฝั่งของ อริยบุคคล ขั้นต้น (ของหนูเองเพราะต้องฝึกตนให้ดีพร้อมก่อนค่ะ) 2. หนูต้องยอมรับกับชะตากรรมตนเอง ถูกต้องใช่ไหมค่ะ จะได้ใช้หนี้กรรมหนี้เวรให้จบกันไปในชาตินี้และเราจะ ขออโหสิกรรมต่อสามี และมีบทเอ่ยอย่างไรค่ะ และสร้างเหตุให้ตรงอย่างไรค่ะ จาก การ ปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ , เดินจงกลม ทุกๆวันเช้า-เย็น หลังจากว่างเว้นจากธุระการงาน มองทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสัมมาทิฏฐิ จนเกิดปัญญาเห็นแจ้ง รู้จริง พัฒนาจิต ตนเองได้ระดับหนึ่ง (คิดไปเองน่ะค่ะ) อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอนัตตา แต่เมื่อเจอครูบาอาจารย์ที่บ้าน (สามี) สติกระเจิงเกือบจะทุกครั้งเลยค่ะ ก็เป็นข้อสรุปว่าสอบไม่ผ่าน เพราะเราไปเพ่งโทษเขา เนื่องจากขาดเมตตา และอื่นๆ สาระสำคัญคือ รู้จักตนเอง ยังไม่ถ่องแท้ค่ะ เลยต้องแพ้จิตใจของตนเอง เฮ้อ ! เมื่อไรความดีงามของเราจะถึงพร้อม เมื่อนั้นศรัทธาจากตัวสามีและลูกก็คงจะก่อเกิด อธิษฐานไว้ และสร้างเหตุให้ตรง จำไว้ (ปฏิบัติให้ได้น่ะ เตือนตนเองอยู่เนืองๆค่ะ) เมื่อเจอบททดสอบ บางครั้งก็ผ่าน แต่หลากหลายครั้งก็ไม่ผ่าน (กับสามีเจ้าประจำ) อย่าติดสมมุติ เป็นอย่างนั้นใช่ไหมค่ะ ยากจังค่ะ หากรู้ใจตนเองชนะตนเองได้ คงผ่านทุกสิ่งใช่ไหมค่ะ ท้ายนี้ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย จงปกป้องคุ้มครองอาจารย์ให้มีร่างกายที่แข็งแรงค่ะ ด้วยความรักเคารพศรัทธายิ่ง คำตอบ อนึ่ง การจะไปให้ถึงฝั่งของการเป็นอริยบุคคลในยุคสมัยนี้ ต้องปฏิบัติจิตตภาวนาจนเกิดปัญญาเห็นแจ้ง แล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้งกำจัดสังโยชน์สามตัวแรก (สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส) ให้หมดไปจากใจ การเข้าถึงความเป็นอริยบุคคลขั้นต้นจึงจะเกิดขึ้นได้ (2) ผู้รู้ยอมรับความจริง ยอมชดใช้หนี้เวรกรรมให้หมดไปโดยดุษณี และไม่สร้างหนี้กรรมใหม่ให้เกิดขึ้น การปฏิบัติจิตตภาวนาเป็นบุญใหญ่สุด ทุกครั้งที่ปฏิบัติแล้วเสร็จต้องอุทิศบุญกุศลที่เกิดขึ้นให้กับเจ้ากรรมนายเวร อนึ่งผู้ถามปัญหาเป็นผู้มีโชคดี มีครูบาอาจารย์อยู่ใกล้ตัวไม่ต้องเดินทางไปหาครูบาอาจารย์ในที่ห่างไกลให้เสียเวลา ปัญหาที่บอกเล่าไปต้องแก้ด้วยการ เจริญขันติบารมีและพรหมวิหาร 4 ให้มีกำลังกล้าแข็งได้เมื่อใดแล้ว ปัญหาจึงจะจมลงได้ เมื่อเจอบททดสอบแล้วบางครั้งผ่านได้นับว่าแก้ปัญหาได้ถูกตรง แต่ต้องทำให้ความถี่ของการสอบผ่านเพิ่มมากขึ้น ด้วยการเจริญคุณธรรมสองข้อดังที่กล่าวมาข้างต้นให้มีกำลังมากยิ่งขึ้น จนสามารถสอบผ่านได้ทุกครั้งจึงจะเรียกว่าแก้ปัญหาได้สำเร็จ หลังจากนั้น จึงไปขอขมากรรมต่อครูผู้อยู่ใกล้ พร้อมทั้งอุทิศบุญกุศลให้กับครูผู้มีพระคุณที่ทำให้ผู้ถามปัญหามีความเจริญงอกงามในจิตวิญญาณ จนสามารถต้านกระแสของกิเลสได้ |
972. คำตอบ (2) รักตัวเองยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก เป็นเครื่องหมายบ่งบอกให้เห็นถึงความมีตัวตน (อัตตา) หรือคือความเห็นแก่ตัวนั่นเอง ผู้รู้ทำให้ชีวิตมีคุณค่า ด้วยการใช้ปัญญาเห็นแจ้งดับขันธ์ 5 (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) ตามกฎไตรลักษณ์ เมื่อขันธ์ 5 ดับ (อนัตตา) ความเป็นตัวตนไม่มีตรงกันข้ามความเห็นแก่ผู้อื่นจะเกิดขึ้น ชีวิตจึงเหมือนต้นไม้ใหญ่ดำรงอยู่เพื่อทำประโยชน์ที่เป็นคุณแก่มวลชน คุณค่าของชีวิตเกิดด้วยวิธีการเช่นนี้ (3) ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย สามารถพัฒนาจิตไปสู่การดับรูป ดับนาม (นิพพาน) ได้ การเข้าสู่พระนิพพาน มิได้เอาร่างกายที่เป็นตัว บ่งชี้ฐานะทางเพศเข้า แต่เอาจิตที่ปราศจากกิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์ (สังโยชน์ 10) ส่วนเรื่องที่บอกเล่าและถามไป ผู้ตอบปัญหาเห็นว่า ผู้ใดเกิดมาเป็นสมาชิกของสังคมครอบครัว หรือสังคมอื่นใด มีงานที่ต้องทำอยู่สองงาน คืองานภายนอกได้แก่งานที่ทำให้กับครอบครัว มีความรับผิดชอบในงานที่ทำ ทำงานได้ผลสำเร็จ งานเสร็จทันเวลา ผลงานเข้าตา เป็นที่เรียกหาเรียกใช้ หากทำได้เช่นนี้แล้วสมาชิกของครอบครัวอยู่สุขสบายและมีความสุข ส่วนงานภายในคือ งานพัฒนาจิตวิญญาณให้กับตนเอง พัฒนาจิตให้มีสติมีปัญญาเห็นถูกตามธรรม มีบุญมีบารมีสั่งสม เพื่อใช้ในการเดินทางสู่ปรโลกได้อย่างปลอดภัย ผู้หวังความสวัสดีในชีวิตหน้า นิยมปฏิบัติเช่นนี้ ทุกคนมีชีวิตเป็นของตัวเองฉะนั้นต้องบริหารจัดการชีวิตด้วยตัวเอง ผู้รู้เป็นได้เพียงผู้ชี้แนะเท่านั้น จะบอกให้ |
971. พ่อหนูเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ด้วยโรคมะเร็ง และโรคไตวาย ก่อนจะสิ้นลมซึ่งไม่ทราบเวลาที่แน่นอน ท่านทานข้าวได้ดี พูดคุยด้วยอารมย์ดี และขอนอนพักก่อนที่จะกินยาก่อนนอน เมื่อถึงเวลากินยาไปเรียกท่านปรากฎว่าท่านเสียชีวิตแล้วค่ะ แต่ก็ยังนำไปโรงพยาบาล หมอพยายามปั๊มหัวใจแต่ท่านก็ไม่กลับมาแล้ว หนูมีคำถามถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ คำตอบ (2) หนึ่งเดือนกับอีกสิบหกวันเป็นเวลาที่ยาวนานสำหรับมนุษย์ผู้รอคอย แต่เป็นเวลาชั่วขณะเดียวในสุคติภพที่สูงกว่ามนุษย์ ฉะนั้นไม่ควรห่วงกังวลที่ท่านหายลับไป ควรห่วงแต่เพียงว่าผู้เป็นลูกได้ทำบุญอุทิศให้ท่านหรือเปล่า เพราะนั่นคือจริยธรรมที่ลูกผู้มีความกตัญญูต้องประพฤติให้เป็นปกติ (3) ไม่ควรพะวงถึงการมีจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ความรู้สึกว่าเบาสบาย และมองโลกในแง่ดี นั้นเป็นบุญที่ผู้ถาม ปัญญาได้ทำให้เกิดมีขึ้นและถูกเก็บสั่งสมอยู่ในใจแล้ว ฉะนั้นพึงอุทิศบุญกุศลที่ลูกมีให้แก่พ่อ เพราะทุกครั้งที่อุทิศ บุญอันเกิดจากการอุทิศส่วนบุญจะเกิดขึ้นเป็นอีกโสดหนึ่งด้วย (4) ทำได้ทุกรูปแบบตามที่ระบุไว้ในบุญกิริยาวัตถุ 10 เมื่อทำสำเร็จแล้ว บุญจะเกิดขึ้นกับผู้กระทำ ผู้มีบุญอยู่กับใจควรตั้งใจมั่นเอาใจจดจ่ออยู่กับการอุทิศ ด้วยการกล่าวเป็นวาจาว่า บุญที่ข้าพเจ้ามีอยู่ ข้าพเจ้าอุทิศให้แก่พ่อ (เอ่ยชื่อ) ผู้ไปเกิดอยู่ในปรภพ จงเป็นสุขเถิด จะกรวดน้ำตามหลังหรือไม่กรวดน้ำทำได้ตามอัธยาศัย (5) ความสงสัยเป็นสันดานของมนุษย์ผู้ไม่รู้จริง ฉะนั้นควรเชื่อและประพฤติตามที่ผู้รู้บอกกล่าว ความเห็นถูกในทางโลกก็จะเกิดขึ้น ความสงสัยจะหมดไปชั่วคราว (6) ความอยากรู้คือตัณหา เป็นตัวกิเลสปิดบังใจไม่ให้รู้ไม่ให้เห็น ผู้ใดขัดข้องความอยากให้หมดไปจากใจได้ โอกาสไปรู้ไปเห็นย่อมเกิดขึ้นได้ มิน่าเล่า ผู้ถามปัญหาพัฒนาจิตแล้วไม่ตั้งมั่นเป็นสมาธิก็เนื่องด้วยเหตุแห่งตัณหานั่งเอง (7) การลอยอังคารเป็นประเพณีนิยมทางโลกของบางกลุ่มชนถือปฏิบัติสืบต่อกันมา ผู้รู้จริงไม่ลอยอังคารให้เสียเงินไปกับพิธีกรรมไม่เสียเวลาไปทำสิ่งดีน้อยกว่าให้กับชีวิต ฉะนั้นผู้ถามปัญหาจะปฏิบัติอย่างไรกับการลอยอังคาร ต้องไปถามวิธีการกับคนที่ยังมีจิตเป็นทาสของพิธีกรรมเช่นนี้ |
970. ผมทราบมาว่าการทำสมถภาวนาให้สำเร็จนั้นผู้ปฏิบัติจะต้องมีศีล 5 ที่บริสุทธิ์ ผมได้ฝึกทำสมาธิมาช่วงหนึ่งแล้ว แต่ความเพียรยังไม่มากพอ ได้ทำบ้าง ไม่ได้ทำบ้าง แต่ผมมีศีล 5 ที่ไม่บริสุทธิ์ เนื่องจากผมเป็นสัตวแพทย์ ผมจึงยังต้องฉีดยาฆ่าเห็บให้สุนัขอยู่เป็นประจำ ส่วนศีลข้ออื่นรักษาได้บริสุทธิ์ ข้อปาณาก็ไม่ได้ฆ่าสัตว์อื่นนอกจากฉีดยาเห็บให้สุนัข กราบขอบพระคุณอาจารย์ที่กรุณาให้ความกระจ่าง คำตอบ |
969. ตอนเด็ก ๆ เคยได้ยินเสียงเปรตร้อง และช่วงสมัยเรียนถูกผีอำบ่อยมาก ๆ บางครั้งตอนอ่านหนังสือ ขณะที่เรารู้สึกสงบ บางครั้งจะรู้สึกเหมือนมีคนเดินผ่าน อยากทราบว่าถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก ขณะนั้นควรปฏิบัติตนอย่างไร และอาการผีอำเป็นผีจริง ๆ หรือไม่ หรือว่าเป็นอาการทางร่างกายที่เราพักผ่อนไม่เพียงพอตามทางหลักวิทยาศาสตร์ ตั้งแต่เล็กจนโต จวบจนเดี๋ยวนี้ มักจะฝันล่วงหน้าบ่อย ๆ แต่เป็นเหตุการณ์ไม่สำคัญอะไร คนในครอบครัวเป็นกันหลายคนค่ะ โดยเฉพาะดิฉันกับน้องชาย เป็นเพราะสาเหตุอะไรคะ และการฝันล่วงหน้ามีกันได้ทุกคนหรือไม่ ดิฉันไม่กล้าเอาไปเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง กลัวเค้าหาว่าเพ้อเจ้อ เลยคุยกันแต่ในครอบครัวเท่านั้น ครอบครัวดิฉันทำธุรกิจค้าขายมานาน ดิฉันรู้ตั้งแต่เด็กแล้วว่าครอบครัวเราติดหนี้ธนาคารอยู่เยอะ แต่ไม่ทราบจำนวนที่แน่นอน จนเรียนจบถึงรู้ตัวเลข เป็นเงินเกือบ 100 ล้านบาท และตอนนี้ก็กำลังจะถูกธนาคารยึดทรัพย์สินแล้ว ตัวดิฉันเองรับได้ค่ะ เพราะอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ห่วงแต่แม่เท่านั้นเพราะท่านเป็นโรคหัวใจ และเป็นคนคิดมาก อยากทราบว่าการที่ดิฉันต้องมารับผลกรรมที่ไม่ได้สร้างหนี้สินเอาไว้ เกิดจากการกระทำกรรมใด และควรจะยุติกรรมนั้นด้วยวิธีไหน เจ้ากรรมนายเวรถึงจะเลิกจองเวรคะ ดิฉันอยู่ที่ จ.พิษณุโลก ค่ะ อยากไปปฏิบัติธรรม คุณ ฐิติขวัญ (นิตยสารซีเคร็ท) ให้ชื่อเว็บไซด์สถานที่ปฏิบัติธรรม ในพิษณุโลกเป็นที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมอาภา ที่นี่อาจารย์มีความเห็นอย่างไรคะ ถ้าดิฉันจะเลือกไปปฏิบัติ เพราะดิฉันไม่เคยปฏิบัติมาก่อนรู้สึกว่าที่นี่จะเคร่งครัดมาก แต่อยากไปเพราะอยู่ในจังหวัดบ้านของดิฉันเอง คำตอบ การฝันล่วงหน้า เป็นเพราะความถี่คลื่นจิตเริ่มคงที่ จึงมีโอกาสไปรับรู้สิ่งที่จะเกิดในกาลข้างหน้าได้ ครอบครัวเป็นหนี้ธนาคาร เป็นผลมาจากผู้ถามปัญหา เคยร่วมกระบวนการกับพ่อแม่ ที่ไปเอาทรัพย์ของผู้อื่นมาเป็นทรัพย์สินของตนโดยวิธีการที่ไม่ถูกต้องชอบธรรม ปัจจุบันผู้ถามปัญหามิได้ก่อเหตุตรงด้วยตัวเอง แต่มีส่วนร่วมในกระบวนกรรมของทรัพย์ที่ได้มาดังตัวอย่างเช่น นักเรียนได้รับเงินอุดหนุนทางการศึกษา เป็นเงินที่ไม่บริสุทธิ์เป็นเงินร้อน เช่นเงินรายได้จากการพนัน รายได้จากการขายล๊อตเตอรี่ (อบายมุข) เมื่อใดอกุศลกรรมให้ผลนักเรียนผู้รับทุนต้องเป็นผู้มีส่วนรับอกุศลวิบากนั้นด้วย ขออภัยชื่อของสถานปฏิบัติธรรมดังที่บอกเล่าไป ผู้ตอบปัญหาไม่มีประสบการณ์ |
968. กราบเรียน : อาจารย์สนองที่เคารพรัก 1) เราจะใช้หลักของข้อธรรมใด ในการที่ภาระทางโลกนั้น อยู่กับมนุษย์ผู้หญิงคนหนึ่ง ต้องแบกค่าใช้จ่ายทุกอย่างบนบ่าของตนเองเลี้ยงดูพ่อ แม่ สามี ลูก ทุกวันนี้ปฏิบัติโดยการนั่งสมาธิทุกๆวันๆละ 30 นาที (เช้า - เย็น ; เมื่อได้เวลาก็จะถอนออกจากสมาธิเอง) และเดินจงกลมวันละ 30 นาที ทำบ้านให้เป็นวัด เพราะยังมีภาระอยู่เลยยังไม่มีโอกาสเข้าปฏิบัติธรรม รู้สึกเดินมาถูกทางแล้วที่ได้พบเจอกัลยาณธรรมอย่างอาจารย์ ที่มีความเห็นที่ถูกตรง สุขใจค่ะ 2) ช่วงปฏิบัติใหม่ๆก่อนนั้นหนูนั่งสมาธิ จะเห็นแสงสว่างจ้า , บางครั้งก็เหมือนกายไม่มี , รู้สึกปลื้มปิติมีความสุข , ตัวลอย , บางครั้งก็เหมือนไม่มีกายเรามันดับวูบลงไป , รับรู้ถึงกลิ่นหอม , เสียงนกร้อง แต่ปัจจุบันนี้อาการเหล่านี้ไม่มี มีแต่จิตนิ่ง สงบเย็น เป็นธรรมดา เมื่อคิดฟุ้งก็กำหนด คิดหนอ ๆ ไปเรื่อยๆจนหยุดคิด เกิดอะไรก็กำหนดไปตามเหตุ เดินจงกลมก็กำหนดให้มีสติ หากฟุ้ง ก็ตามกำหนดภาวนา เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป รู้ว่าทุกข์ ก็ละทุกข์ไป พยายามให้จิตนิ่ง มีแต่ตัวรู้ มีสติ หนูกำลังฝึกมองว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอนัตตา คงจะได้สักวันหนึ่ง 3) มีสิ่งที่เป็นความดีงามในจิตที่สัมผัสรับรู้ได้ หลังจากปฏิบัติธรรมมานานเนื่องต่อกันทุกๆวัน อุปนิสัยที่เป็นกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง ลดลงไปค่อนข้างเยอะ เปลี่ยนเป็นคนใหม่ มีความเห็นที่ถูกตรง รู้แจ้ง ตามพระธรรมคำสั่งสอนของพุทธองค์ สาธุ สาธุ สาธุ อะไรใช่ อะไรที่ไม่เป็นสาระประโยชน์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อเจอบททดสอบ บางครั้งก็ผ่าน แต่หลากหลายครั้งก็ไม่ผ่าน ซึ่งก็ต้องหมั่นฝึกปฏิบัติจิตของตนไปเนืองๆ ตามแนวทางของผู้รู้ ของครูบาอาจารย์ โดยไม่ต้องลังเลสงสัย (ศรัทธาในคุณธรรม จริยธรรม) คำตอบ (2) แต่ก่อนสภาวะของจิตยังไม่ดี จึงได้ไปเห็น ไปได้ยิน ไปได้กลิ่น ฯลฯ แต่ปัจจุบันจิตได้รับการพัฒนาสูงขึ้น จึงเข้าถึงความสงบและเย็นได้ จงรักษาความดีเช่นนี้ให้ได้ตลอดไป แล้วความเป็นอนัตตาของสรรพสิ่ง รวมถึงรูปและนามของตัวเอง ก็จะเข้าสู่ความเป็นอนัตตาได้ในวันข้างหน้า (3) ความโลภ ความโกรธ ความหลง ลดลงไปค่อนข้างเยอะแสดงว่ายังมีกิเลสใหญ่สามตัวนั้นหลงเหลืออยู่ในจิตวิญญาณของผู้ถามปัญหา จงอย่าประมาทเพราะกิเลสเหล่านี้ถ้ามีโอกาสฟื้นคืนมาให้ผลได้อีกเมื่อใด ยังมีอบายภูมิเป็นแดนเกิดได้อยู่ ดังนั้นต้องกำจัดความโลภ ความโกรธ ความหลงให้หมดไปจากใจ หรือปิดประตูอบายภูมิให้ได้ด้วยการพัฒนาจิตจนบรรลุความเป็นโสดาบันบุคคลได้แล้ว จึงจะถือได้ว่ามีชีวิตปลอดภัย..แน่นอน |
967. เรียน ท่านอาจารย์สนอง ที่เคารพ ผมเคยมีอาการร้องไห้ น้ำตาไหลพราก จนควบคุมไม่ได้ ขณะที่กำลังสวดมนต์ (ทั้งสวดมนต์ทำวัตร หรือ บทอื่นๆ) รวมทั้งในขณะที่ฟังธรรมบรรยาย เอกชัย คำตอบ |
966. ดิฉันมีคนที่ไม่ชอบดิฉันเอามากๆในที่ทำงาน เคยเอ่ยปากว่าจะเอาดิฉันออกจากงานหากตนเองมีอำนาจ ดิฉันทราบว่าในใจลึกแล้วดิฉันก้ออยากจะเอาชนะเค้า แต่อีกใจบอกตรงๆว่าไม่อยากจองเวรกลัวจะได้เจอกันอีกชาติหน้า ทุกวันนี้พยายามทำบุญอุทิศกุศลผลบุญให้เค้าเพื่อขอให้เค้าอโถสิกรรมเราดิฉัน เพราะเราทุกข์ใจทุกครั้งที่มีเรื่องกัน คำตอบ |
965. ทีแรกจะพิมพ์จดหมายว่า " ที่คุณได้เกิดมาเป็นมนุษย์ในชาตินี้ แสดงว่าคุณเคยทำดีถึงระดับหนึ่งมาแล้ว แต่พฤติกรรมที่คุณกำลังทำ การไม่ซื่อสัตย์กับองค์กร รับเงินเดือน แต่ไม่ทำงาน มีแต่ตักตวงผลประโยชน์จากองค์กร องค์กรของเราให้ค่าตอบแทนสูง สวัสดิการดีมาก คุณทำให้เพื่อน ๆ เดือดร้อนเพราะคุณก่อหนี้แล้วไม่รับผิดชอบยังไม่สายที่จะเปลี่ยนไปทำดี ดูสิ แม้แต่องคุลิมาล ที่ร้ายกาจ ยังเปลี่ยนเป็นคนดีได้เลย จนถึงขั้นเป็นพระอรหันต์ได้เลย ตัวคุณเองบาปน้อยกว่าองคุลิมาลเยอะ ขอให้ชนะใจตัวร้ายในตัวคุณ หันกลับมาทำดี ก่อนที่จะสายเกินไป ด้วยความปรารถนาดี" ลักษณะนี้ไม่ทราบจะได้มั้ยคะ ขอรบกวนท่านอาจารย์สนองแนะนำหน่อยค่ะ ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้ ขอบุญกุศลที่ท่านอาจารย์สร้างสมมาจงส่งให้ท่านอาจารย์บรรลุถึงซึ่งนิพพานโดยเร็ว คำตอบ ส่วนจดหมายที่พิมพ์ไว้แล้ว เอาเข้ากรอบไว้เป็นเครื่องเตือนสติให้กับตนเอง ดีนะครับจะบอกให้ |
964. ดิฉันอยากเริ่มต้นสวดมนต์ แต่ไม่อยากกดดันตนเองโดยสวดมาก ๆ อยากเริ่มแบบง่าย ๆ ค่ะ พอจะแนะนำได้ไหมสำหรับบดสวดมนต์ที่จำเป็นที่สามารถสวดได้ทุกวัน และจำได้ง่าย ๆ ด้วยความเคารพอย่างสูง คำตอบ เมื่อสวดแล้วเสร็จให้อุทิศบุญกุศลแก่เจ้ากรรมนายเวร หากไม่รู้คำสวดมนต์ และไม่รู้วิธีอุทิศบุญกุศล แนะนำให้หาหนังสือสวดมนต์จากร้านขายเครื่องสังฆภัณฑ์มาอ่านแล้วสวดมนต์ด้วยการเปล่งเสียง เริ่มต้นวิปัสสนาภาวนาด้วยการสวดมนต์แล้วเจริญอานาปานสติที่บ้าน |
963. เคยอ่านหนังสือคนที่วิปัสสนามานาน ๆ จะสามารถทำวิปัสสนาได้แม้กระทั่งกำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่ และดิฉันได้อ่านย้อนไปในคำถามเก่า ๆ ทีอาจารย์ได้ตอบเอาไว้ วิปัสสนากรรมฐาน คือ การที่จิตรู้แจ้งเห็นจริง ดิฉันไม่กระจ่างกับคำว่ารู้แจ้งเห็นจริง ในทางปฏิบัติถ้าเราใช้ชีวิตประจำวันและปฏิบัติวิปัสสนาไปด้วย ก็เท่ากับว่าเรารู้ว่าเรากำลังทำอะไร เท่านั้นเองหรือคะที่เรียกว่าวิปัสสนา ถ้าอย่างนั้นคนทุก ๆ คนก็ทำวิปัสสนากันได้หมดหรือคะ ไม่เข้าใจจริง ๆ ค่ะ คำตอบ |
962. คำตอบ (2) เพราะกำลังของสติที่มีอยู่ในจิต ระลึกได้ว่าอาการง่วงอาการฟุ้งซ่าน เข้าสู่อนัตตาตามกฎไตรลักษณ์ อาการง่วง อาการฟุ้งซ่านจึงหายไปพร้อมกับการเกิดของปัญญาเห็นแจ้งในเรื่องของความง่วง ความฟุ้งซ่าน ว่าเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตนแท้จริง (3) แก้ไขได้ด้วยการเจริญวิปัสสนาภาวนา จนจิตเข้าถึงปัญญาเห็นแจ้งได้แล้ว จึงใช้ปัญญาเห็นแจ้งมาพิจารณาโลกิยอภิญญาเช่นรู้ภาวะจิตผู้อื่น รู้เหตการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ว่าดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์เช่นกัน เมื่อโลกิยอภิญญาที่ปรากฏหมุนเข้าสู่ความเป็นอนัตตา จิตจึงจะปล่อยวางโลกิยอภิญญานั้นได้ |
961. ดิฉันอยากทราบว่าการออกกรรมเป็นเรื่องจริงหรือไม่คะ เพราะดิฉันเคยไปออกกรรมกับเพื่อน ๆ อยู่ 3 ครั้ง ปรากฎว่าไม่เคยออกเลยสักครั้งเดียว แค่รู้สึกตัวมันชา ๆ และเกร็งเท่านั้น ทั้งที่คนอื่น ๆ มีอาการแตกตกต่างกันออกไป บางคนเหมือนกับจะมีใครมาเอาตัวไป บางคนก็เลื้อยเป็นงู บางคนก็รำ (ดิฉันดูทางเทปที่เค้าอัดเอาไว้ค่ะ) ดิฉันเลยคิดว่าการออกกรรมเป็นอุปทานหรือเปล่า อยากทราบว่าอาจารย์มีความคิดเห็นอย่างไร คนเราทุก ๆ คนมีกรรมเป็นของตนเอง และ การทำบุญไม่สามารถลบล้างกรรมไม่ดีที่เราเคยทำมาให้หายไปได้ แต่สามารถทำความดีเพื่อให้กรรมในส่วนไม่ดีตามเราช้าลง แต่ดิฉันอยากทราบว่า เวลาที่คนเราเจอกับอุปสรรค ทั้งเรื่องงาน เงิน สุขภาพ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ไม่ดี คือการที่เจ้ากรรมนายเวรของตัวเราตามมาทวง การที่เราปล่อยให้สิ่งไม่ดีเกิดขึ้นกับตัวเรา เพื่อให้เจ้ากรรมนายเวรเค้ามาตามทวงไปเรื่อย ๆ (จนเค้าพอใจ) เพราะเราคิดว่าเรายังสามารถรับสภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้อยู่นั้น จะเป็นการชดใช้หนี้เวรกรรมที่เราได้ทำไว้ให้หมดไปได้หรือไม่คะเพราะมันจะได้จบ ๆ กันไปเลย หรือว่ามันคนละส่วนกัน การทำสมาธิ กับ การนั่งวิปัสสนา คืออย่างเดียวกันหรือไม่ อยากทราบว่าการนั่งวิปัสสนา คือ การที่เรานั่งเฉย ๆ ในสมองไม่ต้องคิดอะไรเลย ปล่อยให้มันว่างเปล่าใช่หรือไม่คะ และ ที่เค้าว่ากันว่าให้นั่งพิจารณาถึงกฎไตรลักษณ์ หมายถึง ต้องให้เราใช้สมองคิดทบทวนถึงปัญหาต่าง ๆ ที่เราเจอในทุก ๆ เรื่องว่ามันเกิดขึ้นเพราะเหตุใด และมันจะต้องสิ้นสุดลงอย่างนั้นหรือคะ ถ้าเป็นอย่างนั้นมันจะไม่เป็นการคิดมากหรือคะ ขอรบกวนให้อาจารย์ช่วยชี้ทางสว่างด้วยค่ะ คำตอบ อนึ่งการที่เจ้ากรรมนายเวรตามทวงหนี้เวรกรรมที่เคยผูกพันกันไว้ ผู้ถูกทวงหนี้ยอมรับความจริง และยินดีชดใช้หนี้เวรกรรมจนหมดสิ้นไปได้ ซึ่งเป็นวิธีที่ผู้รู้นิยมประพฤติกัน เรื่องทั้งหมดที่บอกเล่าไปจึงเป็นเรื่องเดียวกัน การฝึกจิตให้มีสติ ผลที่เกิดตามมาคือจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิเรียกวิธีการเช่นนี้ว่าสมถภาวนา ส่วนการฝึกจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้งเรียกว่า วิปัสสนาภาวนา ดังนั้นการทำสมาธิกับการนั่งวิปัสสนาจึงมิใช่สิ่งเดียวกัน การนั่งวิปัสสนาเป็นการใช้จิตที่ตั้งมั่นจวนแน่วแน่ (อุปจารสมาธิ)ตามพิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม ให้เห็นว่าเป็นไปตามกฎของไตรลักษณ์ แล้วปัญญาเห็นแจ้งจึงเกิดขึ้นได้ เรื่องทั้งหมดนี้มิได้เกี่ยวกับการใช้สมองคิด แต่เป็นเรื่องการทำงานของจิต (จิตตภาวนา) โดยเฉพาะ |
960. คำตอบ (2) ผู้ใดให้ทานและรักษาศีลอยู่เสมอ เมื่อทิ้งขันธ์ลาโลกไปแล้ว โอกาสไปเกิดเป็นชาวฟ้าชาวสวรรค์ย่อมเกิดขึ้นได้ พระโสดาบันและอริยบุคคลระดับอื่น เป็นความมหัศจรรย์ที่มีอยู่ในพุทธศาสนาเท่านั้น ศาสนาอื่นมีการฝึกจิตให้เป็นสมาธิแต่มิได้สอนฝึกจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง |
959. หนูขอถามว่าหนูได้ไปรับกรรมฐานแบบยุบหนอพองหนอมา แต่ปฎิบัติมาแล้วรู้สึกอีกอัดมากไม่สบายเลย หลังจากนั้นลองเปลี่ยนพุธโธกับสบาย อย่างนิ้จะเปลี่ยนบริกรรมได้หรือเปล่า แล้วจะผิดต่อครูบาอาจารย์ที่ขอกรรมฐานหรือเปล่าค่ะแล้วจะเสียสัจจะหรือเปล่าค่ะเพราะเคยคิดว่าจะไม่เปลี่ยนองค์บริกรรม เพราะถ้าเสียสัจจะจะได้ไม่เปลี่ยนนะค่ะ คำตอบ |
958. 1. ข้าพเจ้าไม่ได้สนใจกับการปฏิบัติอย่างจริงจังเป็นคนขี้เกียจทางธรรมและไม่มีความรู้ ครั้งแรกได้ไปวัดทำสมาธิและจงกรมโดยมองแค่จิตตัวเองเฉย ๆเพราะสบายดีที่สุด เดินจงกรมได้วันที่ 7 เหมือนตัวลอยเหมือนมีพลังอะไรบางอย่างอยู่ในตัว ให้ไม่ต้องเดินเอง แค่กำหนดจิตกายก็จะเดินเองให้อย่างสวยงามและจิตรับรู้ได้อย่างละเอียดทุกขั้นตอน นอกจากนั้นกินดื่มทำพูดคิดแค่กำหนดจิตก็จะเหมือนมีคน(กาย)ทำให้เองทุกขั้นตอนและมีสติรู้อิริยาบทกายใจทุกขณะ และจะบังคับให้ข้ามขั้นตอนอย่างรวดเร็วไม่ได ้บังคับไม่ได้ เมื่อกำหนดจิตแล้วกายวาจาใจก็จะต้องค่อย ๆ เป็นไปทุกขั้นตอนโดยมีจิตคอยรู้เอง แม้กินอาหารก็ยังเคี้ยวให้อย่างสวยงามและไม่มีรสชาตรู้สึกรสชาดเป็นเส้นเดียวเหมือนกันหมด ไม่อร่อยเลย มีพลังตลอดเวลาแม้นั่งก็เห็นเหมือนดวงอาทิตย์สีขาวมาส่องตรงหน้าจนรำคาญ นึกว่าตนเองบ้าจึงไปถามหลวงพ่อบอกว่าสมาธิเกิด จากนั้นจึงค่อย ๆ หายไปเอง แต่จะกลับมาเวลาที่ทำอะไรซำ ๆ กันจะรู้สึกมีพลังในตัวสามารถสั่งให้เขาทำแทนได้ รู้สึกเบื่อรำคาญและไม่สนใจ มันคืออะไรกัน คำตอบ (2) ที่หลวงปู่สังวาลพูดนั้นถูกแล้ว อารมณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นดับจิตจะตีกันยุ่งตุงนังอย่างไร ในที่สุดหนีไม่พ้นกฎไตรลักษณ์ คือเข้าสู่ความเป็นอนัตตา เหมือนกับการหยุดลงของลูกข่างนั่นแหละ สรรพสิ่งที่อุบัติขึ้นกับจิตดับไปทุกเรื่อง ผู้ใดเห็นด้วยจิตที่ตั้งมั่นจวนแน่วแน่ (อุปจารสมาธิ) เป็นไปเช่นนี้ นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า ปัญญาเห็นแจ้งในสรรพสิ่ง (3) ผลของปฏิปทาที่เกิดขึ้นในช่วงที่สามนี้ มาถูกทางแล้วให้ดำเนินต่อไป ด้วยการเอาจิตความเพียรและสัจจะ มาเป็นเครื่องสนับสนุนใจ เพื่อให้ผ่าแรงต้านของกิเลสสมาร (เบื่อและเลิก) ให้ได้ แล้วความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมก็จะดำเนินต่อไปได้ (4) ทุกขเวทนาจะแรงกล้าอย่างไร ก็ยังแรงไม่เท่าพลังจิต ของผู้มีสติและมีปัญญาเห็นแจ้งไปได้ จิตที่มีสติสัมปชัญญะกล้าแข็งไม่สะดุ้งสะเทือนหรือหวั่นไหวต่อทุกขเวทนาใด ๆ ทำไมไม่เดินหน้าต่อไป หรือว่าจะยอมต่อขันธมารเหมือนกับคนอื่น ๆ ที่เอาใจไปสยบเป็นทาสของมารไปตลอดชีวิต (5) สิ่งนั้นคือปัญญาเห็นแจ้งในทุกขเวทนา คนที่มีความดีเกิดขึ้นกับจิตของตนเองแล้ว ไม่รักษาความดีให้คงอยู่ตลอดไป เขาเรียกว่าคนโง่ ขออภัยพูดตรง (6) นั่นคือปัญญาเห็นแจ้งในสิ่งที่ถูกเห็น (7) ปัญหานี้แก้ไขได้ด้วยการพัฒนาจิตให้มีสติคุมใจ ให้ได้ทุกขณะตื่น (8) รักษาใจดีกว่ารักษากาย เพราะจะรักษากายให้ดีเลิศอย่างไรก็หนีไม่พ้น สักวันหนึ่งจิตต้องทิ้งร่างกายอย่างแน่นอน ดังนั้นรักษาใจให้มีสติสัมปชัญญะอยู่ทุกขณะตื่น นั่นแหละดีที่สุด (9) สิ่งที่เกิดขึ้นมีทั้งสัมมาทิฏฐิ และมิจฉาทิฏฐิ เมื่อใดที่ใช้มิจฉาทิฏฐิส่องนำชีวิต ทุกขเวทนา ความเบื่อ ความรำคาญ ฯลฯ จะเกิดขึ้นให้ตนเองได้รับ และยิ่งปรารถนาอ่านใจคนอื่น หรือปรารถนามีฤทธิ์จะยิ่งเป็นการเพิ่มมิจฉาทิฏฐิให้มีกำลังมากยิ่งขึ้น ในทางตรงกันข้าม เมื่อใดใช้สัมมาทิฏฐิส่องนำชีวิต ความเบา ความสบาย ความเป็นอิสระ ฯลฯ จะเกิดขึ้นให้ตนเองได้รับ ฉะนั้นชีวิตเป็นของตัวเอง จะบริหารจัดการหรือเลือกทางเดินของชีวิตเป็นแบบไหนเจ้าของชีวิตต้องเป็นผู้เลือก...เลือกเอาตามที่ชอบ ๆ (10) ก่อนไปช่วยคนอื่น ต้องช่วยตัวเองให้ได้ก่อน ดูจากตัวอย่าง ของพระสมณโคดม ออกป่าพัฒนาตัวเองจนตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า แล้วจึงมาสั่งสอนคน ดูจากตัวอย่างพระวิมลโกณทัญญะ ช่วยแม่อัมพปาลีผู้มีอาชีพโสเภณีให้บรรลุอรหัตตผล ดูจากตัวอย่างของปฏาจารา (เสียสติไม่นุ่งผ้า) ช่วยตัวเองจนบรรลุอรหัตตผล จึงได้เป็นพระอุปัชฌาย์และสอนภิกษุณีอีกหลายรูป ฯลฯ |
957. คำตอบ |
956. กราบเรียน : อาจารย์สนองที่เคารพ หนูมีเรื่องน่ายินดีค่ะ มีอานิสงส์เกิดขึ้นจากการปฏิบัติธรรมค่ะ หรืออีกนัยหนึ่งอาจจะมาจากเหตุ-ปัจจัย หนูตั้งใจจะขอขมากรรม , อโหสิกรรมกับคุณพ่อ-แม่ มีขั้นตอนอย่างไรค่ะ และต้องมีบทกล่าวหรือเอ่ยอย่างไรค่ะ เพราะเมย.ปี 2552 หนูจะกลับต่างจังหวัดซึ่งปกติจะกลับไปสงกรานต์ที่บ้านทุกปี เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ซึ่งหากเราปฏิบัติโดยการขอขมาต่อพ่อ-แม่ในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้น เป็นเรื่องที่น่ายินดีและเป็นกุศลทั้งต่อพ่อ-แม่ หรือลูกที่ปฏิบัติใช่หรือไม่ค่ะ พร้อมนี้หนูขออนุญาติ ไลท์แผ่น "ตามรอยพ่อ" และอื่นๆให้คุณพ่อ-คุณแม่ฟังในยามชราน่ะค่ะ สุดท้ายนี้ขออารารธนาคุณพระศรีรัตนตรัย คุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ขอจงอำนวยพรให้ครอบครัวของอาจารย์ จงประสบแต่ความสุขสงบร่มเย็น ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน นึกคิดอะไรก็ขอให้สมปรารถนาด้วยเทอญ ด้วยความรักและเคารพเป็นอย่างสูง คำตอบ เรื่องขอขมากรรมต่อบุพการี ควรประพฤติอย่างยิ่ง สามารถทำได้ทุกโอกาสที่ลูกกับพ่อแม่โคจรมาพบกัน ด้วยการนำดวงมาลัยดอกมะลิสดไปกราบพ่อแม่พร้อมกับพูดว่า ส่วนเรื่องที่ขออนุญาตไป อนุญาตให้แล้ว และควรขออนุญาตกับชมรมกัลยาณธรรมในฐานะผู้ผลิตสื่อธรรมะและเผยแผ่ธรรมะด้วย |
955. ดิฉัน ปฏิบัติธรรมสาย พุทโธ ค่ะ ขณะนี้ดิฉันมีปัญหา คือ 2. ปํญหาต่อมาคือ มีความง่วงจะเกิดขึ้นหลังจากนั่งสมาธิได้สักครู่อีกเช่นกันค่ะ ทั้งที่หลังจากออกจากสมาธิ ไม่มีความง่วงเหลืออยู่เลย ดิฉันควรทำอย่างไร จึงจะทำให้สมาธิก้าวหน้าได้คะ ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ คำตอบ (2) ลองใช้วิธีแก้ง่วงอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่พระพุทธะแนะนำให้พระมหาโมคคัลลานะปฏิบัติดังนี้ หมายเหตุ ผู้ตอบปัญหาแก้ง่วงด้วยการอาบน้ำ เอาน้ำล้างหน้า เอาน้ำราดศีรษะ และเดินจงกรมไม่หยุด ผลปรากฏว่าความง่วงหายไปการปฏิบัติธรรมได้ผลก้าวหน้า |
954. 1.อยากทราบว่าถ้าเรามีจิตอกุศลคิดปรามาสพระสงฆ์ แล้วฉุกคิดได้ จำเป็นต้องไปขอขมาท่านถึงตัวหรือไม่ หรือแค่ระลึกถึงท่านและขอขมาท่านที่หัวนอนได้หรือไม่ (ท่านอยู่ไกล) ขอบคุณที่เมตตาตอบคำถามครับ คำตอบ (2) จะขอขมากรรมที่ใดก็สามารถทำได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความตั้งใจของผู้ขอขมา แบบไหนมีความตั้งใจมากกว่าให้ใช้วิธีการขอขมาแบบนั้น สำคัญอยู่ที่ว่าเมื่อขอขมาแล้วต้องพยายามรักษาใจไม่ให้ความคิดปรามาสพระสงฆ์เกิดขึ้นซ้ำอีก |
953. คำตอบ ฉะนั้นหากผู้ถามปัญหา ประสงค์จะให้ฝึกจิตได้ผลก้าวหน้าและปัญหาเรื่องปวดหัวหมดไป ให้เปลี่ยนองค์บริกรรมจากอาณาปานสติไปเป็นการบริกรรมแบบที่หลวงพ่อเทียนนำออกเผยแพร่ (2) เมื่อฝึกปฏิบัติแล้วไม่ได้ผล ตั้งต้นฝึกใหม่ได้โดยเลือกวิธีฝึกที่เหมาะสมกับจริตของตน ก่อนฝึกจิตตภาวนาต้องทำใจให้มีศีลทั้งห้าข้อคุมใจให้ได้ทุกขณะตื่น ปฏิบัติอย่างต่อเนื่องยาวนานแล้วมรรคผลแห่งการปฏิบัติธรรม จึงจะมีโอกาสเกิดขึ้นกับผู้ที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ |
952. คำตอบ (2) ผู้ถามปัญหาได้ยินไม่ถูกตรง ผู้ที่ได้ถูกตรงได้ยินว่าให้เว้นการพูดคุยด้วยถ้อยคำอันขวางต่อทางพระนิพพาน (ติรัจฉานกถา) เช่น เว้นการพูดคุยในเรื่องของพระราชา เรื่องของโคจร เรื่องของบ้านเมือง เรื่องของลักษณะชาย-หญิง ฯลฯ เพราะการพูดคุยอยู่แต่ในเรื่องเหล่านี้ทำให้จิตฟุ้งซ่าน และผู้รู้ได้ยินว่า ถ้อยคำที่นำมาพูดคุยแล้วทำให้จิตสงบ (กถาวัตถุ) เช่น พูดคุยเรื่องชักนำให้เกิดความมักน้อย พูดคุยเรื่องที่ชักนำให้จิตเป็นสันโดษ พูดคุยเรื่องที่ชักนำให้ไม่คลุกคลีด้วยหมู่คณะ พูดคุยเรื่องที่ชักนำให้เกิดความเพียรฯลฯ เหล่านี้ควรที่นักปฏิบัติธรรมจะนำมาพุดคุยกัน |
951. คือผมตั้งใจจะฝึกสติปัฐาน4อย่างจริงจัง แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร อยากถามว่า หนังสือมหาสติปัฐาน4 ที่คุณดังตฤณเขียนไว้ สามารถเอามาเป็นแนวทางในการปฎิบัติด้วยตนเองจะได้ไหมครับ (คิดว่าท่านอาจารย์คงเคยอ่าน) หรืออาจารย์มีวิธีปฎิบัติด้วยตนเองช่วยแนนำวิธีให้ผมหน่อยนะครับ ข้อมูลเผื่ออาจารย์จะใช้ในการพิจารณา ว่าผมควรปฎิบัติตามแนวทางไหน ผมเกิดวันที่21สิงหาคน 2527 เวลาเกิดตี4.50 ปีหนู สนใจในธรรมะ และเคยไปเข้าคอร์สปฎิบัติธรรมของหลวงพ่อจรัญมาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งละ7วัน ขอบพระคุณอาจารย์มากนะครับ คำตอบ ฉะนั้น หากผู้ถามปัญหาประสงค์ นำจิตตัวเองให้เข้าถึงความมีดวงตาเห็นธรรมต้องหยุดอ่านหนังสือ แล้วนำตัวเองเข้าปฏิบัติสมถภาวนาจนจิตเข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิจวนแน่วแน่ (อุปจารสมาธิ) ให้ได้ก่อนแล้วใช้จิตที่ตั้งมั่นจวนแน่วแน่ไปพิจารณาร่างกาย จนเห็นสัจจธรรมว่าร่างกายประกอบขึ้นด้วยธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ที่มารวมตัวกันชั่วคราว มีแต่ส่งที่สกปรกไหลเข้าไหลออก และในที่สุดเมื่อดับสลายตามกฎไตรลักษณ์แล้วจะไม่เหลือร่างกายปรากฏให้เห็นร่างกายจึงเป็นของว่างเปล่า ที่จิตเข้าอาศัยอยู่เพียงชั่วคราว ผู้รู้เห็นสัจจธรรมของร่างกายว่าเป็นเช่นนี้ จึงไม่ยึดไม่จับเอาร่างกายมาเป็นของตน ปัญญาเห็นแจ้งในกายานุปัสสนากรรมฐานก็จะเกิดขึ้น ผู้ใดนำจิตไปพิจารณาร่างกายแล้วยังไม่เข้าถึงดวงตาเห็นธรรม ต้องนำเอาจิตหรือธรรมอย่างใดอย่างหนึ่งมาเป็นองค์พิจารณา โอกาสมีดวงตาเห็นธรรมจึงจะเกิดขึ้นได้ ดังเช่นพระสารีบุตร ต้องพิจารณาทั้งกาย และเวทนาโดยแยบคาย (โยนิโสมนสิการ) จิตจึงบรรลุอรหัตตผลขณะอยู่ในถ้ำสุกรขาตะ เชิงเขาคิชฌกูฏ ซึ่งอยู่ต่ำกว่ากุฏีของพระพุทธะลงมาเพียงเล็กน้อย |