1

 

 

 

 

คำถาม-คำตอบ ข้อ 601-650

650.
เรียน อ.สนอง วรอุไร ที่เคารพ

   กระผมได้อ่านพระไตรปิฎกมาบ้างบางตอน กระผมมีความสงสัยเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าในอดีตว่า พระพุทธเจ้าในอดีตนั้นเกิดขึ้นเฉพาะบนโลกใบเดียวกับที่มนุษย์เราอยู่ปัจจุบันนี้เท่านั้น หรือเกิดขึ้นที่โลกใบอื่นที่มีมนุษย์ต่างดาวอยู่ด้วย เพราะในพระไตรปิฎกที่กล่าวถึงพุทธวงศ์ต่างๆ นั้น พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์มีร่างกายที่สูงใหญ่มาก ( สูง 40 ศอกบ้าง 60 ศอกบ้าง 80 ศอกบ้าง ) และอายุยืนเป็นหมื่นเป็นแสนปี ก็เลยสงสัยว่ามนุษย์สมัยนั้นมีร่างกายสูงใหญ่และอายุยืนขนาดนั้น โลกใบนี้น่าจะไม่พอที่จะอาศัยอยู่

ขอบพระคุณอาจารย์มากครับ

คำตอบ
     เป็นเรื่องปกติธรรมดา ของผู้ที่พัฒนาปัญญาด้วยการอ่านจากตำราคัมภีร์ ผู้ตอบปัญหาเคยได้สนทนาธรรมกับพระป่าองค์หนึ่งท่านเล่าให้ฟังว่า ท่านนั่งเข้าฌานในโบสถ์มีอยู่คืนหนึ่งได้พบพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยอัครสาวกทั้งสอง ท่านบอกว่า พระสมณโคดมมีพระวรกายสูงใหญ่กว่ามนุษย์สมัยนี้ เช่นเดียวกับผู้ที่เคยพบหลวงปู่โลกอุดรก็พูดว่ามีร่างกายสูงใหญ่กว่าคนสมัยนี้ ผู้ที่เคยไปนมัสการพระพุทธบาทสี่รอย ที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ จะเห็นว่ารอยประทับบนแผ่นหิน พระพุทธบาทของพระกุกสันธะพุทธเจ้า พระโกนาดมพุทธเจ้า พระกัสสปะพุทธเจ้า พระโคดมพุทธเจ้า มีพระพุทธบาทตั้งแต่ใหญ่สุดและใหญ่รองลงมาตามลำดับ จนถึงพระพุทธบาทของพระสมณโคดมที่มีขนาดเล็กสุด ยังมีความยาวัดได้ถึง 1 เมตร 80 เซนติเมตร ลองไปคิดดูเองว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่คนในยุคอดีตมีร่างกายสูงใหญ่ดังที่ถามไป เช่นเดียวกันคนในอดีตมีอายุยืนยาวเป็นหมื่นเป็นแสนปียังไม่ยืนยาวเท่ากับมนุษย์ที่เกิดมาในต้นยุคซึ่งมีอายุยืนยาวถึงหนึ่งอสงไขยปี

   ส่วนเรื่องที่พระมหาโพธิสัตว์ ต้องมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าที่โลกใบนี้หรือไปตรัสรู้ที่โลกอื่นได้ ตอบว่ามาตรัสรู้ที่โลกใบนี้เพราะมีเหตุปัจจัยถึงพร้อม เทวดาที่เป็นสันดุสิตเทพบุตร ก่อนตอบรับคำเชิญจุติของหมู่เทวดาและพรหม เพื่อลงมาเกิดเป็นมนุษย์แล้วตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ได้พิจารณาเรื่องสำคัญอยู่ 5 เรื่องใหญ่คือพิจารณาโลกที่จะลงไปเกิด อายุขัยของมนุษย์ ทวีป ประเทศ ตระกูล และพุทธมารดา เหล่านี้ต้องเหมาะสม ซึ่งมีอยู่ที่โลกใบนี้เท่านั้น จึงตัดสินใจรับคำเชิญจุติ แล้วลงมาเกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ ซึ่งต่อมาได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า


  

649.
สวัสดีครับอาจารย์

เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2550 แม้ได้มีโอกาสได้พบปะกับอาจารย์ แต่ก็ไม่มีความกล้าและเกรงใจในการ จะเข้าไปสอบถามหรือคุยปัญหากับอาจารย์อย่างใกล้ชิด ปลายปีนี้หากไม่มีอะไรผิดพลาดตั้งใจจะไปปฏิบัติธรรม ที่วัดป่าอรัญวิเวกเป็นเวลา หนึ่งอาทิตย์ หากบุญบารมีถึงจริง ขอให้ได้สัมผัสธรรมที่ครูบาอาจารย์ทั้งหลายได้ประสบ พบมาแล้ว หากไม่พบเจอก็ถือเป็นการสั่งสมบุญบารมีไปในตัว

ขอเรียนถามอาจารย์ดังนี้ครับ

หากปราถนาภพแห่งอริยบุคคล สิ่งที่ทำต่อไปนี้ ถือ เป็น ศีลพรตปรามาส หรือเปล่าครับ

1. มุขเยอะ ถือว่า ผิดศีลข้อ 4 หรือเปล่าครับ คงจะลำบากเหมือนกันนะครับหากปฏิสัมพันธ์ของเราตัดขาดออกไปมากขึ้น จากสังคมหรือเปล่า
2. การเผลอกระทำพลาดศีลข้อปาณาติบาต เพราะไม่ได้ตั้งใจ อาทิเช่น เดินเหยียบหมด,เผลอตบยุงโดยปฏิกิริยาอัตโนมัติ หรือ เอามือลูบออกหรือผ้าปัด แต่ปรากฏยุงตัวนั้น กลับตาย ถือเป็น ศีลพรตปรามาส หรือเปล่า เพราะในใจคิดว่าหากไม่ เจตนาก็คงไม่ผิด

สุดท้ายผมต้องกราบขออภัย อาจารย์ด้วยครับหาก อาการแห่งจิตใดๆ ของผมไปทำความรำคาญหรือทำใหจิตของอาจารย์ ต้องขุ่นมัว

ขอบคุณครับ

คำตอบ
    ปรารถนาภพแห่งอริยบุคคลหมายถึงโลกอันเป็นที่อยู่ของอริยบุคคล มีตั้งแต่ภพมนุษย์ ภพสวรรค์ทั้งหกชั้น และภพพรหมสุทธาวาสทั้งห้าชั้น

   (1) คำว่า “ มีมุขเยอะ ” หมายถึงมีลูกเล่นตลกมาก ผู้ใดคิดพูดทำ เพื่อให้เกิดเป็นความตลก ถ้าการพูดนั้นไม่เคลื่อนไปจากความจริงถือว่าไม่ผิดศีลข้อ 4 หรือพูดแล้วไม่เท็จ ไม่หยาบ ไม่ส่อเสียด ไม่เพ้อเจ้อ ถือว่าไม่ผิดกุศลกรรมบถข้อวจีกรรม 4

ฉะนั้นผู้แสดงมุขตลกที่เคลื่อนไปจากที่กล่าวนี้เป็นพฤติกรรมของมนุษย์ที่นำพาชีวิตให้ไหลเวียนไปตามกระแสโลก แต่หากมีพฤติกรรมถูกตรงตามศีลตามกุศลกรรมบถเป็นการทวนกระแสโลก ซึ่งผู้ถามปัญหาต้องเลือกนำพาชีวิตด้วยตนเอง

   (2) ในสมัยที่หลวงปู่ธรรมชัยยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้เล่าให้ผู้ตอบปัญหาฟังว่า มีหญิงคนหนึ่งในหมู่บ้าน ได้รักษาศีล 5 มาเกือบตลอดชีวิต มีอยู่วันหนึ่งลงอาบน้ำในลำคลอง ขณะถูตัวได้เอามือไปลูบถูกลูกกุ้งตัวหนึ่งตายโดยไม่เจตนา จิตเกิดความเศร้าหมอง ด้วยเหตุที่พยายามรักษาศีลให้บริสุทธิ์มาเกือบตลอดชีวิต แต่มาพลาดทำให้ลูกกุ้งต้องตายลงด้วยมือของตัวเอง ตายแล้วไปพบพญายมและถูกตัดสินโทษให้ไปเกิดเป็นสัตว์ในนรก เรื่องนี้จริงเท็จอย่างไร ถ้าผู้ถามปัญหาอยากรู้ต้องตามไปดูด้วยตนเอง แต่ผู้ตอบปัญหาเชื่ออย่างสนิทใจว่าหลวงปู่ธรรมชัยไม่กล่าววาจาที่เป็นเท็จ ฉะนั้นที่ถามไปจึงเป็นสีลัพพตปรามาส
  

648.
ขอกราบเรียนถามท่านดร.สนอง 2 คำถาม

คำถามที่1
อยากทราบว่าเป็นโรคกรรมใช่ไม๊ค่ะ คนที่เป็นไปทำกรรมอะไรมา มีวิธีแก้ยังไรบ้างค่ะ?

   ดิฉันเป็นโรคเกี่ยวกับมดลูก2โรคคือ เนื้องอก ได้ผ่าตัดออกไปแล้ว แต่มีโอกาสกลับมาเป็นใหม่ค่ะ โรคที่สองคือ เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่เป็นโรคที่รักษาไม่หายยกเว้นต้องมีลูกซึ่งยากเพราะดิฉันยังโสดและอายุมากแล้ว ดิฉันเชื่อว่ามีคนเป็นกันมาก มีคนแนะนำให้ทานเจ ต้องเจเท่านั้นถึงจะช่วยให้ทุเลากินมังสวิรัติก็ยังไม่พอ จริงไม๊ค่ะ ช่วยแนะนำด้วยค่ะ

คำตอบ
  เป็นโรคที่เกิดจากประพฤติละเมิดศีลข้อ ปาณาติบาต วิธีแก้ปัญหาในเรื่องการชดใช้หนี้เวรกรมให้ดูคำตอบในเว็บข้อ 621 (1)-(4) และที่มีคนแนะนำให้กินเจ เขาแนะนำถูกแต่โรคที่เกิดขึ้นจะหายหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

คำถามที่2
อยากทราบว่าคนที่ทำอาชีพที่ต้องคอยลุ้นวันต่อวันเดือนต่อเดือนว่าจะทำยอดได้ไม๊ แถมยังมีความเสี่ยงสูงด้วยหากทำพลาด ทำกรรมอะไรมาถึงไม่มีความมั่นคงเลย ต้องแก้ไขอย่างไรค่ะ

อาชีพที่ทำอยู่คือเจ้าหน้าที่โบรกเกอร์ตลาดหุ้น ทำมานานกว่าสิบปี โดยจุดเริ่มต้นดูเหมือนงานอาชีพอื่นที่มีอนาคตเติบโตได้ มีความมั่นคง แต่ด้วยระบบธุรกิจที่เปลี่ยนไปทำให้มีกฏเกณฑ์ออกมาคนที่ตกในอาชีพนี้คือ มีความเสี่ยงสูงถ้าทำพลาด มีรายได้ไม่แน่นอนขึ้นกับภาวะตลาด อนาคตอาจอยู่ไม่ได้เพราะมีซื้อขายผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ถ้าจะให้เปลี่ยนอาชีพตอนนี้คงยากเพราะทำมานานแล้ว อายุเยอะแล้ว อาชีพนี้บาปไม๊เพราะต้องเรียนตามตรงว่าไม่มีใครรู้แน่นอนว่าหุ้นจะขึ้นลงเท่าไหร่ แต่เราต้องคอยแนะนำลูกค้าตามข้อมูลที่มี

ขอกราบขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
    คนหลงโลกยังจำเป็นต้องดำเนินชีวิตอยู่ด้วยการเอาจิตไปผูกติดเป็นทาสกับวัตถุ จึงถูกกิเลสหลอกใช้ให้เกิดอารมณ์วูบวาบ หวั่นไหว เครียด ซึ่งให้อานิสงส์เป็นบาป และยังถูกเก็บสั่งสมไว้ในจิตวิญญาณของผู้หลงอีกด้วย ตายแล้วบาปนำไปเกิดในที่ไม่ดีดังตัวอย่างของโตเทยยพราหมณ์ หลงมนุษย์สมบัติจึงต้องไปเกิดเป็นลูกสุนัข เฝ้าสมบัติตัวเองที่ถูกฝังดินไว้ในบ้านของลูกชาย และเช่นเดียวกันในครั้งพุทธกาล ยังมีคนตาสว่าง เช่น ปิปผลิมาณพ เจ้าชายอนุรุทธ ผสะกุลบุตร ฯลฯ เห็นทุกข์โทษที่เกิดจากการมีจิตเป็นทาสของวัตถุ ด้วยรู้แจ้งชัดว่า ตายแล้วไม่สามารถแบกขนเอามนุษย์สมบัติข้ามภพข้ามชาติไปได้สักอย่าง เพราะเป็นสมบัติของโลก เป็นสมบัติที่ต้องทิ้งไว้เป็นกำพร้า มีแต่บุญและบาปเท่านั้นที่ตนเองสามารถนำพาไปได้จึงได้สละสมบัติมนุษย์ให้ผู้อื่นครอบครองแล้วตัวเองไปแสวงหาสมบัติที่ดีกว่า ปลดจิตให้เป็นอิสระจากสิ่งเศร้าหมอง คือกิเลสทั้งปวงให้ได้ แล้วจึงจะสามารถเข้าถึงอริยสมบัติซึ่งเป็นสมบัติที่สุดยอดและบุคคลสามารถเข้าถึง แสวงหามาไว้เป็นของตนได้

ด้วยเหตุนี้ผู้ถามปัญหาต้องพัฒนาจิตตนเองให้เลิกหลงทำตัวเองให้เข้าถึงความจริงของชีวิต ปัญหาที่ถามไปจึงจะสามารถแก้ไขได้
  

647.
กราบเรียนถามอาจารย์สนองค่ะว่า

   1.คุณแม่ของดิฉันอยากทราบว่าหากเราติดเงินผู้อื่นอยู่อยากใช้คืนแต่ตอนนี้หาตัวเขาไม่พบจะทำอย่างไรดีคะ
   2.ดิฉันมักจะไปบวชเนกขัมมะอยู่ที่สำนักแห่งหนึ่งบ่อยๆ พระอาจารย์บอกว่าเราจะบริกรรมว่าอะไรก็ได้เพราะเป็นแค่บัญญัติ แต่เวลาท่านนำเจริญสติท่านจะใช้ พุทโธ อยากทราบว่าเราควรใช้เหมือนท่านหรือไม่คะ
   3.ดิฉันเป็นคนชอบพูดเล่น พูดตลก พูดประชดเล่นๆ และพูดแซวผู้อื่น อยากทราบว่าผิดศีลข้อ 4 หรือไม่คะ

กราบขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
    (1) เอาเงินเท่าจำนวนที่เป็นหนี้ไปสร้างบุญใหญ่เช่น สร้างกุฏิสงฆ์ สร้างทางเดินจงกรม เป็นเจ้าภาพปฏิบัติฯลฯ แล้วอุทิศบุญกุศลที่เกิดขึ้นให้กับผู้เป็นเจ้าหนี้ของเงินที่คุณไปเอามา

   (2) พระอาจารย์แนะนำนั้นถูกต้องแล้ว จะให้องค์บริกรรมพุท-โธ ให้เหมือนท่านหรือบริกรรมต่างไปจากท่าน ยังไม่สำคัญเท่ากับว่าองค์บริกรรมใดเมื่อนำมาใช้แล้ว ทำให้จิตเกิดความตั้งมั่น (สมาธิ) ได้เร็วองค์บริกรรมเช่นนั้นเหมาะกับจริตของคุณ จงใช้เพียงอย่างเดียวและตลอดไปสมถภาวนาจึงจะสัมฤทธิ์ผล

   (3) ไม่ผิดศีลข้อ 4 แต่ผิดกุศลกรรมบถในเรื่องของวจีกรรม 4 หากยังประพฤติอกุศลวจีกรรมอยู่เรื่อย ๆ จะไม่สามารถนำจิตเข้าถึงธรรมขั้นสูงของพระพุทธะได้
  

646.
เรียน ท่านอาจารย์ สนอง วรอุไร

   กระผมเพิ่งเรียนจบ ป ตรี ในคณะวิศวกรรมศาสตร์ ได้ 3-4 ปี ขณะนี้กำลังทำงานช่วยเหลือธุรกิจของครอบครัวซึ่งทำกำไรได้ปีหนึ่งๆ มากมายพอจนใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไปได้หลายชีวิต ตั้งแต่เด็กจนโต ผมสนใจและชอบศึกษาวิชาทางวิทยาศาตร์มาตลอด จนจบการศึกษาทางวิศวฯ จิตใจเชื่อมั่นในวิทยาศาสตร์เท่านั้น ไม่เคยสนใจเรื่องของศาสนาต่างๆแม้แต่น้อย ตั้งแต่อายุ 20 ปี ก็ได้ถูกปลูกฝังให้สนใจแต่เรื่องธุรกิจและการแข่งขันมาตลอด ได้อ่านหนังสือทางธุรกิจและการค้าหลักๆ มาเกือบหมดเมื่อเทียบกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน

    แต่ในช่วงที่เติบโตมานั้น ก็สนใจอ่านในเรื่องของปรัชญาด้วย มีหลายครั้งที่ความสงสัยทั้งในเชิงวิทยาศาสตร์และปรัชญามาบรรจบกัน เช่น จักรวาลนี้จริงๆแล้วคืออะไรกันแน่ เกิดมาจากไหน ก่อนเหตุการณ์ big bang นั้นมีอะไรเกิดก่อน และ ชีวิตคนคืออะไร วิญญาณคืออะไร ทำงานในเชิงวิทยาศาตร์อย่างไรบ้าง ฯลฯ

   จนเมื่อเร็วๆมานี้ได้พบกับธรรมะของพุทธศาสนาโดยบังเอิญจึงเกิดความซาบซึ้งในพระธรรมเนื่องจากทุกสิ่งนั้นล้วนตรงกับจริตของผมในแง่หลักการและเหตุผลของสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะหลักของปฏิจสมุปปบาทและอริยสัจจสี่ ซึ่งเป็นทางแห่งการพ้นทุกข์ ในจักรวาลนี้ ไม่มีอะไรเป็นพระเจ้า ไม่มีใครเป็นเจ้าของอะไรสักอย่าง ทุกสิ่งล้วนเป็นเหตุปัจจัยสืบเนื่องมาตามลำดับ และมีความเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทั้งสิ้น ไม่น่ายึดถืออะไรสักอย่าง ตั้งแต่นั้นมาผมได้ทำการศึกษาค้นคว้าครั้งใหญ่จากหนังสือ เวปไซต์ และการบรรยายธรรมของอาจารย์ท่านต่างๆ และนำมาปฏิบัติธรรมด้วยตนเอง

คำถามที่อยากเรียนถามท่านอาจารย์เพื่อให้กรุณาชี้แนะมี ดังนี้

   1. ผมอายุได้ 26 ปีแล้วยังไม่เคยบวชมาก่อนเพราะทางครอบครัวไม่มีศรัทธาในเรื่องนี้เลย ผมสนใจที่จะบวชเพื่อจะได้มีโอกาสเรียนรู้และปฏิบัติธรรมได้เต็มที่ ไม่ต้องมัววุ่นวายกับเรื่องราวทางธุรกิจตั้งแต่ลืมตาตื่นนอนจนดึกดื่น กว่าจะได้ปฏิบัติธรรม ขอให้ท่านอาจารย์ช่วยชี้แนะ วัด และพระอาจารย์ที่ท่านสอนอย่างเคร่งครัดและถูกต้องในด้านวิปัสสนา และ สติปัฐาน 4 ด้วยครับ ผมเข้าใจว่ามีมายมายหลายวัดที่ทำการสอนอยู่ดีเท่าเทียมกัน แต่ขอให้ท่านอาจารย์ช่วยชี้แนะสัก 2 - 3 ที่ที่ท่านอาจารย์คิดว่าเหมาะสมที่สุดด้วยครับ ผมตั้งใจว่าจะบวชสัก 2 - 3 สัปดาห์

   2. ผมมีความเชื่อมั่นในพระธรรมว่าเป็นหลักวิชาสูงสุดที่จะทำให้สัตว์ทั้งหลายพ้นทุกข์ และเชื่อว่าตัวผมเองสามารถช่วยเผยแพร่พระศาสนาและช่วยเหลือผู้คนได้มากมายกว่าการที่ผมจะมัวแต่ทำธุรกิจเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้องไม่กี่คน แต่ก็ยังไม่มีกำลังใจเข้มแข็งพอที่จะสามารถสลัดบ่วงทางโลก ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจการงาน ครอบครัว เพื่อนพ้อง และคนรัก ไปบวชแบบถาวรได้ ซึ่งอาจยังเป็นกรรมเก่าของผมอยู่ในขณะนี้ แต่ก็มีความตั้งใจว่าจะทำเพื่อพุทธศาสนาเต็มที่ในฐานะของฆราวาส

กราบขอบคุณท่านอาจารย์อย่างสูงครับ

คำตอบ
    ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในธรรมชาติหรือเกิดขึ้นกับชีวิตหากเข้าถึงความจริงแท้ (ปรมัตถสัจจะ) ในพุทธศาสนาได้แล้วจะรู้ว่า ไม่มีปรากฏการณ์ใดเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ทุกปรากฏการณ์ต้องมีเหตุที่ทำให้เกิด ที่คุณมีความสนใจในหลักของปฏิจสมุปปบาทและอริยสัจ 4 เมื่อเหตุปัจจัยของบุญบารมีที่ถูกเก็บสั่งสมในจิตลงตัว จะเป็นแรงผลักดับให้บุคคลได้เข้าถึงความจริงแท้ (เหตุผล) ในระดับที่อยู่เหนือประสาทและเครื่องมือสัมผัส ดังที่นักวิทยาศาสตร์นอกกรอบหลายคนรวมถึงคุณได้เข้าถึง

(1) คนที่มีบุญบารมีส่งผลต้องเจอกับครูที่เข้าถึงความจริงแท้ในพุทธศาสนา จึงขอแนะนำให้ไปฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อพิสูจน์ความจริงในพุทธศาสนากับพระอาจารย์มนตรี สำนักสงฆ์ป่าละอู จ.กาญจนบุรี พระอาจารย์มานพ จ.จันทุบรี พระอาจารย์ประสิทธิ์ วัดป่าหมู่ใหม่ จ.เชียงใหม่ ฯลฯ

(2) ความเชื่อมั่นในพระธรรมจะเกิดขึ้นเต็มร้อยได้ ต้องปฏิบัติและเข้าถึงธรรมของพระพุทธะด้วยตัวเอง ดังเช่นวิศวกรผู้เปลี่ยนวิถีชีวิตตนเองมาเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ วิศวกรผู้อุทิศตนทำหน้าที่เป็นเว็บมาสเตอร์ในเว็บกัลยาณธรรม ฯลฯ
  

645.
กราบเรียนท่านอาจารย์สนอง วรอุไรที่เคารพอย่างสูง

หากกระผมทราบว่าตนเองเคยปรารถนาพุทธภูมิมาและชาตินี้ต้องการที่จะลงมาเป็นสาวกภูมิจะต้องปฏิบัติอย่างไรครับ

คำตอบ
    ให้ไปกล่าววาจาขอโทษต่อหน้าพระพุทธรูปแล้วแจ้งความประสงค์ขอลาพุทธภูมิพร้อมยกเหตุแห่งการลา แล้วจึงอธิษฐานใหม่ขอนำพาชีวิตมาดำเนินอยู่ในสายของพุทธสาวก
     

644.
ขอเรียนถามท่าน ดร.สนอง วรอุไร

หนูนั่งสมาธิเกือบทุกวัน แต่หนูก็มีปัญหาขอเรียนถามท่านดังนี้ค่ะ
1. ตอนที่หนูกำลังน้งภาวนาอยู่และกำหนดพุทโธ ไปเรื่อยๆ หนูรู้สึกปวดตีงที่ขมับ แต่ภาวนาไปเรื่อยก็หายไปเอง อยากเรียนถามว่าอาการอย่านี้ควรทำอย่างไรต่อค่ะ

2. เวลาที่กำหนดพุทโธอยู่นั้นโดยกำหนดที่ลมหายใจเข้า หายใจออก นั้นพยายามที่ให้จิดอยู่ที่ลมหายใจแต่ปรากฏว่าจิตกลับออกไปคิดเรื่องอื่นๆ โดยที่ไม่ไต้ตั้งใจคิด เหมือนจิตออกไปเอง และเหมือนจิตอีกดวงก็กำลังภาวนาพุทโธอยู่ อยากเรียนถามว่าต้องแก้ไขอย่างไรค่ะ

คำตอบ
    (1) หลังจากอาการปวดตึงที่ขมับหายไปให้ดึงจิต (สติ) กลับมาสู่องค์บริกรรมเดิม ทำอย่างนี้ทุกครั้งที่มีอารมณ์อื่นปรากฏแล้วดับไป

   (2) ให้เปลี่ยนอิริยาบถจากนั่งภาวนา มาเป็นอิริยาบถเดินจงกรมสลับกันไปเรื่อยๆ จะทำให้สติมีกำลังมากยิ่งขึ้นจิตจะไม่หนีออกไปจากร่างกายได้
   

643.
กราบสวัสดี ท่านอาจารย์ สนอง ที่ร้านเป็นร้านหนังสือ มีลูกค้าเข้าออกทั้งวัน สังเกตุดูว่า
- ลูกค้า 75 % เป็นพวกมีเป้าหมาย มาเลือกดู แล้วซื้อหาไปตามที่ต้องการ
- ส่วนลูกค้า อีก 10 % เป็นพวกรสนิยม สูงในการเลือกดู คือดู แต่หนังสือ แพง ๆ เท่านั้น แต่ไม่เคยซื้อ พอดูจนพอใจ( หนังสือ เยินได้ที่แล้ว) วาง หันไปซื้อ นสพ 10 บาท กลับบ้าน
- อีก 15 % เป็นพวกไม่ซื้อเลย ขอให้ข้าอ่าน อ่าน อ่าน บางที มายืนกางหนังสือพิมพ์ อ่านเสมือนอยู่บ้าน ก็มี ต้องเตือน
แม่ค้า "พี่ค่ะ หนังสือพิมพ์ อย่ากางอ่านนะคะ"
ลูกค้า " ทำไม ดูก่อนไม่ได้เหรอ"
แล้วส่วนมาก พวกที่กาง อ่านนี่ไม่ซื้อซะด้วย

ในความคิดของดิฉัน ว่าร้านเรานี่ก็ใจดี สุด ๆ แล้ว เพราะไม่ได้เย็บ หรือติดไม่ให้อ่าน แต่ก็เห็นบางรายอย่างที่ว่า อ่านเอาเป็นเอาตาย อ่านทุกเล่มเปิดทีละหน้าเลยยืนอ่าน เลยทั้งที่ไม่ใช่ พ็อคเก็ตบุ๊ค

ขอถามว่า
- จะวางใจ ของเรา เองตรงไหนดี ค่ะ เพราะถ้าไปเปลี่ยนพวกนี้คงไม่เปลี่ยน ตัวเราเองก็ไม่อยาก จะโมโห ให้มันเดือดในใจ

โปรดแนะนำ ด้วยเถอะค่ะ - อาจารย์ ค่ะ ปฏิบัติสม่ำเสมอ ทุกวันมากบ้างน้อยบ้าง แต่รู้สึกว่าไม่พัฒนาขึ้นเคยฟังที่อาจารย์ บอกว่า ต้องพิจารณาดูว่า ทำไม ถึงไม่พัฒนา ก็เรียนตามตรงค่ะว่า ไม่มั่นใจ ต้องใส่ความเพียรมากกว่า นี้ หรือหันมา ดูตัวเองให้ดี ๆ ว่าขณะนี้ มีสติประกอบอยู่ตลอดหรือไม่ อันเนื่องมาจากการงาน ทำให้ จิตไม่ตั้งมั่นเลยค่ะ ในเมื่อตอนนี้ยัง ปฏิบัติได้ไม่ดี ก็หมั่น ทำบุญทุกวัน ตักบาตร พยายามควบคุมจิตให้มี ศีล 5 ตลอด (รวมทั้งปฏิบัติด้วย) ชวนผู้คนที่มืดบอดมีปัญหามาปรึกษา ให้ศึกษาพระธรรมชวนไปวัด ทำบุญ พิมพ์หนังสือสวดมนต์ ให้ความรู้ในทางธรรม ด้วยกุศลพวกนี้ จะทำให้พบทางสว่าง ในการปฏิบัติได้บ้างไหมค่ะ - ในกรณีที่ เราพบเจอ พระปลอม มาบังคับให้ทำบุญ ควรจะปฏิบัติ อย่างไร แจ้งตำรวจ หรือต่อว่าตรง ๆ หรือว่า ทำเฉย ค่ะ อาจารย์ (ที่รู้ว่า ปลอม เพราะต้องการ แต่เงินค่ะ เปิดบาตรมี แต่แบงค์ 20 ในบาตรค่ะ) ขอแสดงความนับถืออย่างสูง

คนศรัทธา

คำตอบ
    ลูกค้าร้อยละ 75 รวมกับลูกค้าร้อยละ 10 เป็นเหตุสนับสนุนให้ธุรกิจดำเนินอยู่ได้เป็นบุญ ส่วนลูกค้าอีกร้อยละ 15 ถือว่าเป็นการชดใช้หนี้เวรกรรม (บาป) ที่คุณเคยก่อไว้ในอดีตเอาส่วนที่เป็นบุญรวมกับส่วนที่เป็นบาป แล้วยังเหลือส่วนที่เป็นบุญให้คุณและบริวารได้เสวย ก็น่าจะพอใจแล้วเพราะตายแล้วมีบุญกับบาปเท่านั้นที่จะนำติดตัวได้ วางใจให้ได้อย่างนี้จะได้ไม่ต้องโมโหให้มันเดือดอยู่ในใจ แล้วการไปเกิดใหม่ในภพต่ำ จะได้ไม่เกิดกับคุณในวันข้างหน้า

หากประสงค์จะมีความมั่นใจให้เกิดขึ้นกับตัวเอง ต้องทำใจให้เป็นผู้มีศีลและสัจจะ เป็นพื้นฐานรองรับใจให้ได้ก่อน แล้วความเพียรจึงจะเกิดเป็นความจริงได้ หมั่นทำบุญทุกวันเป็นเรื่องดี เพราะบุญจะเกิดและถูกเก็บสั่งสมอยู่ในใจทุกวันจะให้ดียิ่งขึ้นก่อนทำบุญต้องใช้ปัญญาเป็นฐานรองรับใจ แล้วอานิสงส์ที่เกิดขึ้นจากการทำบุญจะมีมากและหากประสงค์พบทางสว่างของชีวิต ต้องทำบุญด้วยการปฏิบัติจิตตภาวนา

ส่วนเรื่องเจอพระปลอมหากไม่ศรัทธาไม่เอากายวาจาใจเข้าไปร่วมกระบวนอกุศลกรรมผู้ถามปัญหาจะปลอดจากการเก็บบาปของคนอื่นมาสั่งสมเป็นสมบัติของตัว
  

642.
กราบเรียนอาจารย์ด้วยความเคารพ

   การที่เราใช่ชีวิตในปัจุบันมีสิ่งรอบข้างเรามากมายหรือคนพูดกับเราแล้วมากระทบจิตของเราจะรู้ และรู้สึกเสียวแป๊ปๆๆที่หน้าอก และความรุ้สึกเสียวแบบนี้จะค่อยกะตุ้นเราตลอกเวลาทั้งเรื่องเล็กหรือใหญ่ จนต้องระลึกรุ้ถึงอารมณ์นั้นๆๆตลอดจนอาการหายหรือความรุ้สึกนั้นหาย สิ่งที่จะจับได้ อย่างเช่น คือความรุ้สึกโกรธก็จะรู้ตาม จะตามรู้ไปจนหาย แต่บางครั้งใช่เวลานานมากเพราะอารมณ์โกรธรุนแรง เมื่อมาเปรียบเทียบการที่นั้งปฎิบัติจะเห็นเวทนา เกิดดับที่ชัดเจนมาก แต่อาการโกรธที่เราอยู่กับปัจุบันนี้ตามรุ้ว่าเกิดโกรธดับคือหายโกรธ แต่บางครั้งจะนานมาก อย่างนี้ถูกหรือเปล่าครับการที่เราตามดูอาการโกรธทำให้เกิดทุกที่ใจครับหายโกรธ(ดับที่ใจ)

ถามอาจารย์ว่า
     อาการเสียวที่หน้าอกเวลามีอะไรมากะทบที่จิตเราจะรุ้ทันที่ว่าต้องตามรู้ทันที่ ว่าเกิดสภาวะไดครับหรือผมเป็นอะไรแน่ครับ
     การที่ใช่ชีวิตปกติทุกวันเราจะตามดู สิ่งที่มากะทบจิต ว่ามีสภาวะใด แต่จะมองดูการเกิดดับ ระหว่างที่เกิดและกำลังจะดับไม่ชัดหรือไม่เห็นเลย ต้องฝึกอย่างไรครับ

ขอขอบคุณอาจารย์อย่างสูงครับ

คำตอบ
    อาการเสียวที่หน้าอก เหตุเกิดเพราะจิตมีกำลังของสติยังไม่กล้าแข็ง และจิตยังมีอัตตาอยู่ ประสงค์จะแก้ปัญหาต้องดับเหตุทั้งสองลงให้ได้ ด้วยการปฏิบัติสมถภาวนา แล้วต่อด้วยวิปัสสนาภาวนาใช้ปัญญาเห็นแจ้งดับอัตตาด้วยการพิจารณาขันธ์ 5 ให้เห็นว่าดับไปตามกฎของไตรลักษณ์

   วิธีการที่ผู้ถามปัญหานำมาใช้ ยังเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกทางต้องแก้ปัญหาด้วยการปรับแก้ไขต้นเหตุที่สองให้ถูกตรงตามที่บอกกล่าวไว้ข้างต้นให้ได้ก่อน แล้วจึงจะเห็นการเกิด-ดับของสิ่งที่เข้ากระทบจิตได้ชัดเจน
   

641.
ดิฉันมีปัญหาดังนี้ค่ะ
อยากสอบถามคือว่า บุคคลเพศที่ 3 เช่น เกย์ ตุ๊ด กระเทย ทอม ดี้ เลสเบี้ยน ที่ต้องการและสนใจในธรรมะ แต่เพศไม่สมบูรณ์ซึ่งมีคนเคยบอกว่าจะปฏิบัติธรรมไม่ได้ เพราะมีกรรมผิดศีลข้อที่ 3 แต่พวกเขาเหล่านั้นสนใจกับธรรมะและสนใจปฏิบัติธรรมควรทำอย่างไรดีค่ะที่สามารถหาวิถีแก้ไขได้
1. บุคคลเพศที่ 3 สามารถฝึกฝนธรรมมะได้หรือไม่
2. ควรฝึกสมาธิ วิปัสนากรรมฐานได้อย่างไรที่ถูกต้อง
3. อยากให้อาจารย์แนะนำวิธีทางที่ถูกต้องสำหรับบุคคลเหล่านี้จะได้เป็นทางสว่างต่อค่ะ

กราบขอบพระคุณอาจารย์ที่ได้อ่านและตอบคำถามค่ะ

คำตอบ
   (1) สามารถฝึกฝนธรรมะได้ แต่ไม่สามารถเข้าถึงธรรมขั้นสูงที่จะนำพาไปสู่ความเป็นอริยบุคคลได้ เหตุเพราะยังต้องชดใช้หนี้กรรม ด้วยการเสวยอกุศลเป็นบุคคลประเภทสามอยู่

   (2) ควรฝึกตนเองให้ประพฤติอยู่ในกุศลกรรมบถ 10 ให้ได้ก่อน แล้วจากนั้นค่อยเริ่มปฏิบัติสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน

   (3) สำหรับบุคคลผู้ยังจำเป็นต้องชดใช้หนี้เวรกรรมประเภทนี้ แนะนำให้ประพฤติบุญกิริยาวัตถุ 10 ในข้อที่สามารถทำได้ ทำไปเรื่อย ๆ ตลอดชีวิต พ้นวิบากกรรมได้เมื่อใด บุญที่ทำไว้แล้วนี้จะส่งผลให้การบำเพ็ญจิตตภาวนาจะบรรลุผลสำเร็จดังที่ตนปรารถนา
     

640.
เรียนถาม ท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ที่เคารพ ดังนี้ครับ

   1. ผมเคยไปปฏิบัติธรรมที่วัด พระท่านสอนว่า จิตของคนเรามี 121 ดวง หมายความว่าอย่างไรครับ และดวงจิตทั้ง 121 นั้น มีการดำเนินไปอย่างไร เกิดแล้วดับตลอดเวลาหรือไม่ครับ และเมื่อจิตคิด เรื่อง 1 เรื่องต้องใช้จิตทั้ง 121 ดวงคิด 1 เรื่อง หรือใช้จิต 1 ดวงคิด 1 เรื่องครับ การที่จิตเราไม่นิ่งต้องคิดตลอดเวลาทั้ง ๆ ที่ไม่อยากคิดเพราะอะไร

   2. จำนวนภพภูมิทั้งหมด 31 ภพภูมินั้นรวมทุก ๆ galaxy และทุก ๆ ระบบสุริยะจักรวาลด้วยหรือไม่ครับ ไม่ใช่เฉพาะสุริยะจักรวาลที่มีโลกเราเป็นบริวารเท่านั้นใช่ไหมครับ

   3. คนที่อยู่ในสภาพเป็นเจ้าชายนิทรานั้น มีเวทนา สัญญา สังขาระ หรือไม่ครับ ร้อน หนาว เจ็บ ไม่มีใช่หรือไม่ครับ แล้วทุกข์เวทนา สุขเวทนามีได้หรือไม่ ต่างจากคนที่เป็นโรคอัลไซเมอร์อย่างไรครับ ส่วนที่เหมือนกันคือมีจิตวิญญาณ จะสามารถพัฒนาจิตที่มีอยู่ให้สงบเพื่อให้เกิดปัญญาเข้าถึงธรรมได้หรือไม่ อย่างไรครับ ใช้วิธีกำหนดจิตอย่างไรครับ ปัญหานี้อาจารย์เคยตอบแต่ว่าจิตยังทำงานอยู่เพียงแต่สมองใช้การไม่ได้จึงสั่งให้อวัยวะอื่น ๆ ทำงานไม่ได้จึงไม่มีการตอบสนอง แต่เวทนาขันธ์สัญญาขันธ์สังขาระขันธ์ยังมีอยู่หรือไม่ครับ
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่ให้ความรู้ครับ

   เชน.

คำตอบ
    (1) มิได้เรียนปริยัติ ต้องขออภัยไม่ตอบ

   (2) ภพที่สัตว์ต้องไปเวียนตาย-เวียนเกิดในวัฏสงสารมิได้มีแต่เพียงสุริยจักรวาลเท่านั้น ยังมีภพอื่นที่อยู่ในจักรวาลอื่นเช่นภพยามาอันเป็นที่อยู่ของเทวดาประเภทหนึ่ง ภพนั้นอยู่ไกลเกินกว่าที่แสงแห่งดวงอาทิตย์จะสาดไปถึง

   (3) ตราบใดที่จิตยังไม่จุติ จิตจะยังคงอยู่ในร่างกาย ที่รับกระทบได้แต่ไม่สามารถส่งออกให้ประสาทรับรู้ได้ การมีเวทนา สัญญา สังขาร ปรากฏอยู่ในดวงจิตจึงมีได้เป็นธรรมดา ส่วนคนที่อยู่ในสภาวะที่เรียกว่าอัลไซเมอร์ ขณะใดจิตระลึกได้ถึงสิ่งที่เข้ากระทบ เช่น เสียงเพลงสวดมนต์ สุภสัญญาที่เป็นบุญย่อมเกิดขึ้นและสั่งสมอยู่ในจิต

คนที่ถูกสมมุติเรียกว่า เจ้าชายนินทรา หากเครื่องมือ (ร่างกาย) ชำรุดมาก จนไม่สามารถรับกระทบจากภายนอกได้ จะไม่สามารถพัฒนาจิตให้เข้าถึงธรรมได้
 

639.
เรียนถาม ท่านอาจารย์ ดร . สนอง ที่เคารพ

    1. อาจารย์กรุณาอธิบายเรื่องการมองเห็นข้ามภพภูมิหรือการมองเห็นต่างมิติกันของมนุษย์กับเทวดาว่าเกิดได้อย่างไร มนุษย์ต้องพัฒนาจิตจึงจะเห็นได้ แล้วเทวดาล่ะคะ ส่วนมนุษย์หลังตายแล้ว จิตออกจากร่าง สามารถเห็นญาติพี่น้องได้ทุกคนหรือไม่ แม้ว่าคนที่ตายนั้นจะไม่เคยฝึกจิตมาก่อนเลย เป็นความสามารถตามธรรมชาติของกายทิพย์ทุกกายทิพย์หรือไม่ และสามารถเห็นได้ทุกคนในโลกหรือเห็นได้เฉพาะคน ที่อยากเห็นเท่านั้น และการมองเห็นนี้จะคงอยู่ไปถึงเมื่อใด เป็นการมองเห็นตลอดเวลาหรือชั่วขณะคะ

    2. สัมภเวสี เห็นมนุษย์และสิ่งต่าง ๆ ในมนุษย์ภูมิเหมือนตอนที่ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่คะ ถ้าเหมือนท่านเหล่านั้นจะไม่ถูกรบกวน จิตเป็นทุกข์จนกว่าจะถึงเวลาได้เปลี่ยนภพภูมิหรือคะ และจะมีวิธัใดสร้างบุญบารมี ในระหว่างที่รอเวลาถึงอายุขัย จะใช้วิธีใดในการพัฒนาจิตวิญญาณคะ

    3. การเข้านิโรธสมาบัติเหมือนหรือแตกต่างจากการเข้าฌาณธรรมดาอย่างไรคะ พระที่ท่านอาพาธเป็นไข้ป่าเข้านิโรธสมาบัติหลายวัน แล้วหายป่วยเพราะเชื้อโรคไม่ได้รับออกซิเจนทำให้เชื้อโรคตายนั้น สมองหรือร่างกายของพระท่านจะได้รับออกซิเจนปริมาณเท่าใด เพราะเหตุใดคะ

   ปัญหาทั้ง 3 ข้ออาจคล้ายคลึงกับผู้อื่นที่อาจารย์เคยตอบแต่ไม่ซ้ำกันแน่นอน ปัญหาของดิฉัน ถามละเอียดกว่า ปัญหาเหล่านี้มาจากการที่ดิฉันได้อ่านหนังสือซึ่งเป็นผลงานของอาจารย์ หลาย ๆ เล่ม แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจ ก็เลยขอความกรุณาอาจารย์อธิบายโดยละเอียดอีกครั้งนะคะ จะสังเกตได้ว่าในคำถาม 1 ข้อ ดิฉันถามหลายอย่าง ดิฉันสงสัยจริง ๆ ค่ะ อยากทราบก่อนจะได้ไม่เป็นแบบชื่อหนังสือ " เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน "
กราบขอบพระคุณที่ท่านอาจารย์กรุณาให้ความรู้เป็นทานบารมีค่ะ

คำตอบ
    (1) การเห็นรูปนามในต่างมิติ ต้องใช้ทิพพจักขุญาณ ซึ่งมนุษย์สามารถพัฒนาจิตให้เข้าถึงปัญญาสูงสุดระดับนี้ได้ด้วยการพัฒนาจิตให้ตั้งมั่นระดับฌาณ แล้วทิพพจักขุญาณก็จะเกิดขึ้นจึงสามารถเห็นรูปนามที่เป็นทิพย์ได้ เทวดาที่รูปนามที่เป็นทิพย์อยู่แล้วหากเขาปรารถนาเห็นสิ่งใจที่อยู่ในวิสัยของบุญบารมีที่มีเขาสามารถเข้าถึงได้ เขาก็จะเห็นได้โดยไม่ยากลำบากเช่นมนุษย์

มนุษย์ที่ตายแล้วไปได้รูปนามที่เป็นทิพย์ สามารถเห็นญาติพี่น้องได้หากอยู่ในข่ายความถี่คลื่นจิตจะระดับเดียวกัน ภุมมเทวาอยู่ในภพที่ใกล้ชิดกับภพมนุษย์ เขาจึงสามารถเห็นการกระทำของมนุษย์ได้ง่ายความลับของมนุษย์จึงไม่มีกับเทวดาที่อยู่ในภพ จาตุมหาราชิกา

   (2) สัมภเวสี เห็นมนุษย์และสิ่งต่าง ๆ ในมนุสฺสภูมิได้เท่าที่อยู่ในรัศมีของจิตสัมผัส สัมภเวสียังต้องทุกข์เช่นหิวกระหาย ร้อนหนาว ฯลฯ เช่นเดียวกับมนุษย์ก่อนตายไปเป็นสัมภเวสี แต่ไม่สามารถพัฒนาจิตวิญญาณได้ เพราะมีทุกข์วิบากที่ต้องเสวยจนกว่าจะครบอายุขัยแล้วไปเกิดใหม่ เช่น เกิดในสุคติภพที่เหมาะสมจึงจะมีโอกาสพัฒนาจิตได้

   (3) คำว่า “ ญาณ ” คือปรีชาหยั่งรู้ เป็นปัญญาระดับสูงสุดที่เกิดกับจิต ส่วนคำว่า “ ฌาน ” เป็นสภาวะของจิตที่มีความสงบประณีตดังนั้นคำทั้งสองจึงมีความหมายต่างกัน

   การเข้านิโรธสมาบัติ เป็นความสงบประณีตของจิตที่ปราศจากเวทนาและสัญญา อริยบุคคลตั้งแต่ระดับอนาคามีขึ้นไป จึงจะสามารถพัฒนาจิตเข้าสู่สภาวะเช่นนี้ได้ ส่วนปุถุชนที่พัฒนาจิตจนเข้าถึงฌานสมาบัติไม่สามารถเข้าถึงนิโรธสมาบัติได้

คำวา ร่างกายไม่ได้รับออกซิเจน หมายถึง ไม่มีก๊าซออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย แต่ไม่ตายด้วยร่างกายมีพลังของสมาธิขั้นสูงคุ้มรักษา ความรู้ของวิทยาศาสตร์ไม่สามารถเข้าถึงเหตุผลในระดับนี้ได้ เพราะอยู่นอกเหนือประสาทสัมผัส

เหตุที่ผู้ถามอ่านหนังสือหลายเล่ม แล้วยังไม่เข้าใจในเรื่องของนิโรธสมาบัตินั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เพราะผู้ถามปัญหาใช้ประสาทสัมผัสเป็นเครื่องมือในการรู้เห็นเข้าใจเหตุผลที่อยู่ในระดับตื้นเท่านั้นผู้ถามจะหมดความสงสัยได้ก็ต่อเมื่อ พัฒนาจิตตนเองจนเข้าถึงสภาวะของนิโรธสมาบัติได้ แล้วคำวาสันทิฏฐิโก จะกระจ่างขึ้นความสงสัยในสภาวะของนิโรธสมาบัติก็จะหมดไป     
  

638.
เรียนอาจารย์สนอง

หนูมีเรื่องจะเรียนถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ
1. เวลาหนูไปกราบครูบาอาจารย์ หนูจะเห็นท่านนั่งคุยกับญาติโยมเป็นเวลาหลายๆชั่วโมง (บางครั้ง 4-5 ชั่วโมงเลยค่ะ) โดยไม่ลุกจากอาสนะและไม่ฉันน้ำเลย (ทั้งๆที่มีโยมถวายแล้ว) หนูเข้าใจว่าที่ท่าน ไม่ฉันน้ำเพราะอาจจะต้องลุกไปเข้าห้องน้ำ แต่ด้วยความเมตตา ท่านคงไม่อยากให้โยมนั่งรอท่าน ใจ หนูอยากจะกราบเรียน ขอให้ท่านฉันน้ำบ้างและไปเข้าห้องน้ำบ้าง แต่เนื่องจากหนูเป็นผู้หญิง จึงไม่กล้า เพราะกลัวพูดไปแล้วจะไม่เหมาะสม หนูจึงรบกวนถามอาจารย์สนองค่ะว่า ในกรณีแบบนี้ หนูพูดได้ไหม คะ ถ้าพูดได้ หนูควรจะใช้คำพูดแบบใดที่เหมาะสมดีคะ

2. ที่บ้านหนูไม่มีห้องพระค่ะ หนูจึงนำพระพุทธรูปและรูปครูบาอาจารย์ตั้งไว้ที่หัวเตียงค่ะ อย่างนี้ทำได้ ไหมคะ เพราะเคยอ่านหนังสือว่าไม่สมควรตั้งพระพุทธรูปและรูปครูบาอาจารย์ไว้บนหัวเตียง

ขอขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
    (1) พูดได้แต่ไม่ควรพูด พระจะฉันน้ำหรือไม่ฉันน้ำเป็นเรื่องของท่าน ที่ต้องบริหารจัดการด้วยตัวท่านเอง คุณไม่มีสิทธิ์ไปบอกให้ท่านทำหรือไม่ทำอะไร ตามความหวังดีของกิเลสที่มีอยุ่ในใจคุณ

   (2) สามารถทำได้หากมีใจศรัทธา ตั้งไว้ที่หัวนอนเพื่อเป็นที่ระลึกถึงคุณความดีของท่านและจะดียิ่งขึ้นหากเอาท่านมาเป็นครูสอนใจและดำเนินตามรอยธรรมให้ได้อย่างท่าน  
 

637.
กราบเรียนอาจารย์ดร.สนองค่ะ

   ตอนนี้ดิฉันอายุ 28 ปี เมื่อเรียนจบปริญญาตรีตอนนั้นอายุได้ประมาณ 22 เกี่ยวกับร้านเครื่องเขียนและถ่ายเอกสาร เงินลงทุนตอนแรกมาจากคุณพ่อคุณแม่กู้โดยใช้หลักทรัพย์บ้านเข้าธนาคาร ได้มาประมาณ 5 แสนกว่าบาท ก็เริ่มทำธุรกิจนี้เพราะทำเลดีมากอยู่หน้าโรงเรียน โดยปลูกร้านค้าเองประมาณ เกือบ 4 แสนกว่าบาท ส่วนเงินที่เหลือก็เอามาซื้อเครื่องถ่ายเอกสาร แต่ของที่ลงร้านไม่มีเลยไปกู้สินเชื่อส่วนบุคคลธนาคารและบัตรเครดิตต่างๆ ช่วง 2-3 ปีแรกก็ดีคือค้าขายได้ดีหมุนเงินทันแต่พอมาช่วงหลังๆ เกิดหมุนเงินไม่ทัน และมากู้นอกระบบพอนานเข้าเกิดหมุนไม่ทันไม่มีส่งปัญหาวุ่นวายตามมาเจ้าหนี้ก็มาทวง ค่าของ ค่าบัตรเครดิตและสินเชื่อต่างๆมากมาย ดิฉันจึงตัดสินใจประกาศเซ้งร้าน พอประกาศได้ไม่ถึงเดือนก็มีคนมาเซ้งร้าน พอได้เงินมาดิฉันก็เอาเงินไปเอาบ้านออกจากธนาคาร และชำระหนี้ส่วนต่างๆเกือบทั้งหมด แต่ยังมีเหลืออยู่บาง เงินที่อีกส่วนดิฉันก็เอามาลงทุนใหม่สถานที่ใหม่ เพราะดิฉันคิดว่าถ้าไม่ลงทุนอะไรสักอย่างดิฉันก็ไม่มีงานทำไม่เงินใช้ ดิฉันลืมบอกไปว่าดิฉันสนใจศึกษาธรรมะตั้งแต่เด็กๆๆ พอมาทำธุรกิจใหม่ก็เริ่มมีปัญหาอีกค้าขายไม่ดีเหมือนเก่าดิฉันก็พยายามปฏิบัติสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ ทำบุญใส่บาตรและทำบุญทำกุศล บางวันก็ทำได้ดี บางวันจิตฟุ้งมีปัญหาต่างๆๆมากมาย และพพอได้ฟัง cd และอ่านหนังสือธรรมของอาจารย์ ดร.สนอง ก็สบายใจขึ้นบางแต่พอมีปัญหาก็กลับมาคิดอีก พยายามทำจิตให้ว่าง พยายามไม่คิดถึงสิ่งที่มีเป็นปัญหาของตัวเอง เพราะทุกสิ่งที่มากระทบจิตเป็นสิ่งปรุงแต่ง แม้กระทั่งความโศกเศร้าเสียใจ การดีใจ ผิดหวัง เจ็บปวด หรืออาการอื่น แต่ฉันก็อยากฝึกและปฏิบัติตามแนวทางพุทธศาสนาที่ถูกต้องจากกัลยาณมิตร

     อยากขอแนะนำจากท่านอาจารย์สนอง ว่าดิฉันควรทำอย่างไร และควรฝึกปฏิบัติอย่างไร เป็นแนวทางที่ถูกต้อง ถึงแม้จะไม่หลุดพ้นจากพันธะนาการที่ดิฉันได้สร้างไว้ แต่อยากได้คำแนะนำจากอาจารย์ เพื่อให้ดิฉันปฏิบัติตรงตามแนวทางของพระพุทธเจ้าและพระศาสนาต่อไป

ขอขอบคุณค่ะที่อาจารย์ได้อ่านและตอบคำถาม

คำตอบ
   หลักธรรมที่ใช้นำพาชีวิตและธุรกิจให้เจริญงอกงาม ผ่านพ้นอุปสรรคปัญหาได้คือ ทำใจของตัวเองให้เป็นผู้มีกุศลกรรมบถ 10 มีสัจจะ มีความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ และปฏิบัติธรรมที่เป็นบุญ (บุญกิริยาวัตถุ 10) แล้วอุทิศบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวรอยู่เสมอธุรกิจจึงจะดำเนินไปราบรื่น
 

636.
เรียนท่านอาจารย์

"การเอาเนื้อเป็ด เนื้อไก่ ไปเซ่นไหว้ คือการส่งอาหารไปให้ผีหรือเจ้าที่ (บรรพบุรุษ) ถ้าเขาเป็นผีหรือเจ้าที่ที่สื่อสาร (ทางจิต) กันได้แล้วเขามาอนุโมทนา เขาจะได้รับอาหารนั้นในลักษณะเป็นทิพย์" อยากถามว่า ถ้าเราไม่เซ่นไหว้เลยจะดีกว่ามั้ยครับ (อย่างเทศการตรุษจีน) แต่ทุกครั้งที่ทำความดี เช่น ตักบาตร สวดมนต์ ปฏิบัติกรรมฐาน จะอุทิศไปให้เค้าแทน อย่างนี้เค้าจะอดอาหารมั้ยครับ

  ขอบพระคุณครับ

คำตอบ
    ไม่เซ่นไหว้เลยไม่ดีเพราะบางอมนุษย์ยังจำเป็นต้องรับการเซ่นไหว้ ทุกครั้งที่ตักบาตรแล้วอุทิศบุญกุศลให้อมนุษย์ที่ยังต้องการอาหารทิพย์ยังมีอยู่ เมื่อเขามาอนุโมทนาเขาจะไม่อดอาหารสวดมนต์และปฏิบัติกรรมฐานแล้วเสร็จ ควรอุทิศบุญให้กับญาติที่ตายหากบุญสื่อไปถึงและเขามาอนุโมทนาได้เขาจะได้รับอานิสงส์ของบุญในส่วนอื่นที่ไม่ใช่อาหาร
  

635.
กราบเรียนถาม อาจารย์ ดร.สนอง ที่เคารพ ดังนี้ค่ะ

   1. เมื่อหมดอายุขัยจุติจิตแล้วจะปฏิสนธิจิตทันที (ผู้ยังไม่บรรลุเป็นพระอรหันต์) แล้วจะต้องไปพบยมบาลหรือไม่ กรณีใดต้องพบกรณีใดไม่ต้องพบ และการพบยมบาลเพื่อตัดสินว่าจะต้องไปสู่ภพภูมิใดใช่หรือไม่ หรือกรรมที่ได้กระทำได้ตัดสินแล้วหลังจุติจิตทันที เช่น ผู้ที่จุติจิตในฌาณจะไปเกิดเป็นพรหมทันทีนั้นก็ไม่ต้องไปพบยมบาลใช่หรือไม่คะ แล้วที่พระท่านว่าหลังตายแล้ว 7 วัน ผู้ตายจะมาเยี่ยมบ้านเก็บรูปเก็บรอย นั้น ช่วงเวลาดังกล่าวถือว่าผู้ตายอยู่ในสภาวะใด ภพภูมิใด ก่อนที่จะไปสู่ภพภูมิใหม่ต่อไป

   2. สัมภเวสี จัดอยู่ในภพภูมิใด ใช่ จาตุมหาราชิกาภูมิหรือไม่คะ ส่วนมนุษย์ต่างดาวอยู่ใน อสูรกายภูมิใช่หรือไม่คะ

   3. เมื่อตายแล้วไม่มีกายเนื้อ ไม่มีลมหายใจ ในการพัฒนาจิตจะทำได้อย่างไร พรหมในชั้นสุทธาวาสจะสามารถพัฒนาจิตให้เข้าสู่พระนิพพานได้ โดยใช้วิธีใดคะ และเทวดาในชั้นต่างๆนั้นจะพัฒนาจิตได้อย่างไร ใช้วิธีเหมือนมนุษย์คือ สติปัฏฐานสี่ ได้หรือไม่คะ

กราบขอบพระคุณที่อาจารย์ให้ความรู้กับผู้ไม่รู้และขออภัยที่ถามหลายคำถามในคำถาม 1 ข้อ เพราะต้องการทราบอย่างละเอียดจริง ๆ ค่ะ

คำตอบ
    (1) กรณีที่ต้องพบยมบาล คือคนที่ทำกรรมที่เป็นทั้งบุญเป็นทั้งบาป อันเป็นเหตุนำพาชีวิตไปได้รูปนามอยู่ในกามภพ ( ภพนรก ภพสวรรค์ )

กรณีที่ไปพบยมบาลชั่วคราว คือคนที่ปฏิบัติสมถภาวนาจนเข้าถึงความเป็นฌาน ในขณะจิตทรงฌานตายแล้วไปได้รูปนามในรูปภพและอรูปภพ

การพบยมบาลมีอยู่เหตุเดียวคือ ท่านจะเป็นผู้ตัดสินทางชีวิตให้สัตว์บุคคลที่ตายแล้วไปเกิดใหม่ในปรภพ

คนที่ตายแล้วยังไม่ไปเกิดในรูปใหม่ ยังคงมีรูปลักษณ์เหมือนเดิม แต่เป็นรูปทิพย์ถือได้ว่ามีสภาวะเป็นสัมภเวสียังไม่ไปเกิดอยู่ในภพใด สัมภเวสีมีโอกาสมาเยี่ยมบ้านเก่าเก็บรูปรอยบันทึกเป็นสัญญาไว้ในดวงจิต ส่วนคนที่ตายแล้วไปได้ร่างใหม่อยู่อาศัยดังเช่นสิริมา กลับมากราบพระพุทธเจ้าในร่างที่ตนเองเป็นนางฟ้า ได้เห็นศพตัวเองในสมัยที่ยังเป็นมนุษย์ นอนขึ้นอืดอยู่นานถึง 4 วัน

   (2) สัมภเวสีเป็นสัตว์ที่มีรูปนามเป็นทิพย์ แทรกอยู่กับภพมนุษย์ มนุษย์ต่างดาวบางประเภทเกิดโดยวิธีโอปปาติกะแต่ยังจิตอยู่ในภพมนุษย์เช่นกัน มิได้อยู่ในภพของเปรตอสุรกาย

   (3) มนุษย์ที่ตายแล้วไปเกิดอยู่ในภพที่มีรูปนามละเอียดมีลมหายใจที่ละเอียด ระบบประสาทของมนุษย์สัมผัสไม่ได้ เมื่อมีรูปนามจึงสามารถพัฒนาจิตวิญญาณได้ ดังตัวอย่าง ของสิริมหามายาเทพบุตรสามารถใช้ร่างกายทิพย์พัฒนาจิตตนเอง จนเข้าถึงความเป็นเทพบุตรโสดาบันได้ ในสวรรค์ทุกชั้นมีเทวดานางฟ้าโสดาบันในพรหมสุทธาวาสมีพระพรหมอนาคามี ท่านเหล่านั้นสามารถพัฒนาจิตวิญญาณ ให้เป็นเทพอริยบุคคลที่สูงขึ้นไป ด้วยวิธีกำจัดกิเลส ( สังโยชน์ 10) ให้หมดไปจากใจ จนบรรลุอรหัตตผลได้

หมายเหตุ รู้มากฟุ้งมาก มีสัญญามากกำจัดกิเลสได้ยาก ต้องใช้เวลายาวนานกว่าจะกำจัดกิเลสให้หมดไปจากใจได้
  

634.
เรียนท่านอาจารย์สนอง

หนูเป็นคนหนึ่งที่เคยหลงทนงตนมาก มักคิดว่าตนเองดีกว่าเหนือกว่าคนอื่น รวมทั้งมักดูถูกว่าผู้อื่นเขลากว่าตน มาบัดนี้ได้สำนึกรู้แล้วว่าเป็นความคิดและการกระทำของคนเบาปัญญาโดยสิ้นเชิง เวลานี้ได้เข้าถึงซึ่งความไม่เจริญแห่งชีวิต ซึ่งเข้าใจได้ว่าเกิดเพราะอกุศลกรรมที่ทำมา ท่านอาจารย์ปรดเมตตาชี้ทางออกให้แก่ผู้เบาปัญญาผู้นี้ด้วยค่ะ

ขอขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
    วิธีแก้ปัญหาเรื่องนี้ ต้องปวารณาเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มาเป็นที่พึ่งเคารพบูชา ด้วยการกล่าวคำว่าพุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ สามครั้งแล้วขอขมาโทษต่อสัตว์บุคคลที่คุณได้เคยปรามาสให้เขาเหล่านั้นยกโทษให้ และต้องไม่ประพฤติพฤติกรรมอันเป็นอกุศลให้เกิดขึ้นอีกจากนั้นรักษาใจให้มีศีล 5 กำกับมีสัจจะคุมใจทุกขณะตื่น ทำบุญตลอดชีวิต อุทิศบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวรทุกครั้งที่นึกได้ว่าตัวเองได้ทำบุญและมีบุญสั่งสมอยู่ในใจ
    

633.
คำถามครับ

ผมกับแฟนอยู่ด้วยกันมา 4 ปีไม่ได้แต่งงานกัน และปัจจุบันได้เลิกกันไปแล้ว ด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่ก็จากกันด้วยดีพอสมควร ตั้งแต่วันที่เลิกกันจนปัจจุบัน 6 เดือนแล้ว เราไม่เคยติดต่อกันเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่เราสองคนเข้าใจกันดี และคิดว่าเราคงไม่มีโอกาสจะกลับมาพบเจอกันอีกแล้วในชาตินี้

โชคดีอย่างหนึ่งว่า ช่วงเวลาที่ผมและแฟนอยู่ด้วยกัน แฟนชอบให้ผมพาไปไหว้พระ ทำบุญ ถวายสังฆทานอยู่บ่อยๆ ซึ่งผมก็พาไปด้วยจิตใจที่ตั้งใจจริงทั้งคู่ เมื่อเลิกกันแล้ว ผมก็ยังคงไปไหว้พระ ทำบุญเช่นเดิม และผมไม่เคยลืมที่จะอุทิศส่วนกุศลและแผ่เมตตาให้เธอทุกครั้ง

ขอถามอาจารย์ว่า
   1.บุญกุศลที่เราร่วมทำด้วยกันมาเหตุใดไม่ส่งผลให้เราครองคู่กันได้ครับ?
   2.แล้วบุญกุศลนี้จะส่งผลในชาติหน้ากับเราสองคนอย่างไรบ้างครับ?
   3.ทุกครั้งที่ผมทำบุญผมจะอุทิศส่วนกุศลและแผ่เมตตาให้เธอ โดยเจาะจงชื่อ-นามสกุลของเธอทุกครั้ง ไม่ทราบว่าเธอจะได้บุญด้วยไหม? เพราะว่าเธอไม่รู้ไม่เห็นและไม่ได้อนุโมทนาบุญที่ผมทำครับ

กราบขอบพระคุณอาจารย์มากครับ...

คำตอบ
    (1) เมื่อใดแรงกรรมที่ผลักดันให้มาอยู่ร่วมกันหมดกำลังการพลัดพรากย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ตัวอย่างเช่น พระนางสิริมหามายาได้สวรรคตจากไป ทิ้งเจ้าชายสิทธัตถะอายุ 7 วันไว้เบื้องหลัง ลูกชายอายุ 3 ขวบ ของนากีสาโคตรมีตายจากไปทิ้งแม่ให้อยู่เบื้องหลัง ปิปผลิมาณพแยกทางกับภัททกาปิลามีภรรยา ด้วยเหตุนี้ปัจจัยแห่งการเข้าถึงความเป็นอนาคามีบุคคลจึงทำให้แรงกรรมที่อยู่ร่วมกันหมดไปฯลฯ ต่าง ๆ เหล่านี้เป็นผลมาจากแรงกรรมที่ถูกเก็บสั่งสมในดวงจิตส่วนใหญ่มีไม่เหมือนกัน

   (2) บุญกุศลที่ทำไว้ร่วมกัน มีโอกาสส่งผลให้มาพบกันได้อีกในอนาคตข้างหน้า แต่เกิดในที่ห่างกัน ดังตัวอย่างในปลายพุทธกาลของพระพุทธกัสสปะ มีภิกษุ 7 องค์ต่างพร้อมใจกันขึ้นไปปฏิบัติธรรมอยู่บนยอดเขาสูง โดยเอาชีวิตเข้าแลกธรรม ผลปรากฏว่ามีภิกษุหนึ่งองค์บรรลุอรหัตผลตายไปเข้าสู่นิพพาน ภิกษุอีกองค์หนึ่ง บรรลุอนาคามิผล ตายไปเกิดเป็นพรหมในชั้นสุทธาวาส ส่วนอีกห้าองค์ที่เหลือตายไปเกิดเป็นเทพบุตรอยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หลังจากนั้นจุติจากเทวดามาเกิดเป็นมนุษย์อยู่ในสมัยพุทธกาลของพระพุทธโคดม แม้ว่าจะเคยปฏิบัติธรรมร่วมกันมาก็ตาม ภายหลังได้มาเกิดในสถานที่ต่างกัน เกิดเป็นมนุษย์ชื่อ ปุกกุสาติชาวแคว้นคันธาระ เกิดเป็นมนุษย์ชื่อกุมารกัสสปชาวโกศล เกิดเป็นมนุษย์ชื่อสภิยปริพพาชกชาวมคธ เกิดเป็นมนุษย์ชื่อทัพพะ ชาวมัลละ และเกิดเป็นมนุษย์ชื่อพาหิยะแคว้นพาหิยะ

   (3) บุญสำเร็จด้วยการทำเหตุดีสิบอย่าง ( บุญกิริยาวัตถุ 10) แต่หนึ่งในการทำความดีนั้นคือ การอุทิศบุญ ซึ่งจะสัมฤทธิ์ผลได้ต้องมีบุญที่อุทิศต้องมีผู้อุทิศและต้องมีผู้มาอนุโมทนาบุญ ดังนั้นหากผู้รับไม่รู้ว่ามีผู้อุทิศบุญให้ จึงไม่ได้มาอนุโมทนาบุญความสำเร็จในการอุทิศบุญย่อมไม่เกิดขึ้น
   

632.
ช่วงเวลาการนั่งสมาธิ มีผลจริงหรือ
กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

   เนื่องจากดิฉันทำงานประจำอยู่ ดังนั้นการที่จะมีโอกาส ปฏิบัติธรรมได้ มักจะเป็นช่วงค่ำ แต่เนื่องจากได้รับทราบข้อมูลหนึ่งมาว่า การนั่งสมาธิแก้กรรมนั้นต้องทำเฉพาะช่วงกลางวันระหว่าง 6 โมงเช้าไปจนถึงพระอาทิตย์ตกดินเท่านั้น เพราะถ้าหากทำนอกเหนือเวลาดังกล่าวจะทำให้เราสื่อสารกับเจ้ากรรมนายเวร นั้นมีสัมภเวสีมาด้วย และถ้าสัมภเวสีมาขอผลบุญก่อนและเอาไปไม่ได้จะทำให้เขาโกรธแค้น ซึ่งมีผลเสียมากกกว่าผลดี

  ดิฉันจึงมีความไม่สบายใจ ว่าหากเป็นเช่นนั้นจริงการทำบุญของดิฉันนั้นอาจมีโทษมากกว่ามีคุณ จึงกราบขอความกรุณาจาก ท่านอาจารย์ ดร.สนอง ช่วยไขความกระจ่างและแนะนำวิธีการที่ถูกต้องด้วยค่ะ

ด้วยความเคารพอย่างสูง
    ปณิตา เล็กมณี

คำตอบ
    คำพูดที่ออกจากปากมนุษย์ มีทั้งถูกมีทั้งผิดด้วยเหตุนี้พระพุทธะจึงได้สอนชาวกาลามะ แห่งแคว้นโกศลว่า อย่าปลงใจเชื่อด้วยเหตุ 10 อย่าง อาทิ ด้วยการฟังตามกัน ด้วยการเล่าลือด้วยการอ้างตำราหรือคัมภีร์ ด้วยเขาเป็นครูของเรา ฯลฯ ผู้ตอบปัญหาได้ปฏิบัติตามจนเข้าถึงความจริงแท้ ( ปรมัตถสัจจะ ) ได้จึงได้ใช้เหตุและผลมาเป็นเครื่องกลั่นกรอง สิ่งที่ได้ยินได้ฟังมาว่าเป็นจริงหรือไม่

จึงได้รู้ว่าการสื่อสารกับสัตว์ที่มีกายหยาบ หรือสื่อสารกับสัตว์ที่มีกายทิพย์ สามารถสื่อสารได้ทุกโอกาส โดยไม่มีกาลเวลามาเป็นเครื่องปิดกั้นเพียงแต่วา เขาอยู่ในวิสัยที่จะรับได้หรือรับไม่ได้ นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่งตัวอย่างเช่น ในมัชฌิมยาม เทวดาในหมื่นโลกธาตุ มาขอฟังธรรมและสนทนาธรรมกับพระพุทธะในปัจฉิมยามพระพุทธะประทานโอวาทข้อปฏิบัติที่ผิดพลาดแก่ภิกษุผู้มีจิตข้องในอกุศล

จากประสบการณ์ตรง มีเรื่องจริงเล่าให้ฟังว่า เคยมีสัมภเวสีมาขอส่วนบุญหลังสองทุ่มล่วงแล้ว กลางดึกภุมมเทวดารังเกียจคนทุศีลจึงแสดงอิทธิฤทธิ์ไล่คนเหตุเพราะคนกลุ่มนั้นดื่มสุราจนเมามายขาดสติฯลฯ

ผู้ถามปัญหาเกรงว่าสัมภเวสีจะโกรธแค้นและทำร้าย วิธีป้องกันคือต้องประพฤติตนให้เป็นผู้มีศีล มีธรรม มีสติ และอุทิศบุญกุศลอยู่เสมอ
  

631.
สอบถามการปฏิบัติธรรม การดูจิด เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน

ผมเริ่มที่จะรู้จักการปฏิบัติกรรมฐานมาประมาณ 7-8 ปีได้แล้ว โดยไปปฏิบัติที่วัดอัมพวัน(ยุบหนอ-พองหนอ) แต่กลับมาก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อ โดยผมเองเพิ่งมาเริ่มปฏิบัติต่อเนื่อง จริงจังเมื่อตนเองตัดสินใจเลิกบุหรี่ และอบายมุขต่างๆ เมื่อประมาณเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลที่อยากให้ตนเองมีศีลอย่างน้อย 5 ข้อให้ครบ และอยากสะสมสิ่งดีเข้าไว้ในดวงจิตเพื่อไปในภายภาคหน้า,

คำถามก็คือ

1. การปฏิบัติผมจะยึดหลักการเดิน แล้วก็นั่งหากมีเวลา แต่หากมีเวลาน้อยก็ใช้สวดมนต์แล้วก็นั่งสมาธิต่อเลย โดยจะไม่ได้กำหนดช่วงเวลาว่าเท่าไร คิดแต่ว่าทำได้เท่าไร ก็เท่านั้น แต่ปรากฏว่าทุกครั้งหลังจากที่เราออกจากสมาธิก็จะเป็นประมาณ 1 ชั่วโมงทุกครั้ง ทั้งทั้งบ้างครั้งตั้งใจว่าจะให้เลยชั่วโมงแล้วค่อยออกแต่ก็ผ่านไปไม่ได้ กระผมจะมีวิธีการตามดูจิต หรือพิจารณาอย่างไร เพื่อให้ผ่านเวลาไปได้ครับ ทั้งๆ ที่เวทนาต่างๆก็น้อยสามารถทนได้ แต่ใจเราอยากออกพอถึงช่วงเวลาดังกล่าว(ดูเหมือนมันจิตมันจะติดกับเวลามากเกินไปครับ)

2. ขอแนวทางในการดูจิต ในชีวิตการทำงานประจำวันว่าเราจะทำยังไงได้บ้างเพื่อให้เราสามารถมีสติตลอดวันครับ และนำมาใช้ในการปฏิบัติสมาธิอย่างไรครับ

3. กรณีที่นั่งแล้วเห็น ดิน เห็นน้ำไหล เห็นลมพัดไหว และเห็นไฟ มันมีปริศนาธรรมอะไรหรือเปล่าครับ หรือพิจารณาให้ดับไปก็พอครับ แต่ช่วงที่เห็นก็รู้สึกสบายจนบ้างครั้งก็รู้สึกว่ามีลมมากระทบ แต่ไม่เหมือนลมทั่วไปที่มาโดนกาย เหมือนเย็นจากข้างในครับ

>>หากถามไม่ถูกไม่ควรยังไงขอขอโทษนะครับ และขอรบกวนถามเท่านี้ครับ

ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
สรชา

คำตอบ
    (1) หากประสงค์ให้การปฏิบัติธรรมมีระยะเวลายาวนานออกไป อยู่ที่การตั้งจิตปรารถนา ( อธิษฐาน ) อธิษฐานจิตจะศักดิ์สิทธิ์ได้จิตของผู้อธิษฐานต้องมีศีลบริสุทธิ์และมีสัจจะคุมจิตให้ได้ทุกขณะตื่นด้วยเหตุนี้ต้องปรับปรุงแก้ไขจิตตนเองให้ได้ก่อน แล้วความปรารถนาที่อยากให้เป็นไปจึงจะเกิดขึ้นได้

   (2) คนที่ยังทำงานอยู่กับสังคมมนุษย์ มีเหตุภายนอกหลากหลายเข้ากระทบจิต ทำให้เกิดเป็นอารมณ์หลากหลาย การมีจิตระลึกทันสิ่งกระทบให้ได้ตลอดทั้งวัน ย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่ประสงค์ให้มีสติมากขึ้นระลึกได้ทันสิ่งกระทบมากขึ้น สามารถทำได้กับคนที่ยังจำเป็นต้องทำงานอยู่ด้วยการทำเหตุสี่อย่างให้ถูกตรงคือ ทำงานด้วยใจรัก ( ฉันทะ ) ทำงานด้วยความพากเพียร ( วิริยะ ) ทำงานด้วยใจจดจ่อ ( จิตตะ ) และใช้ปัญญาไต่สวนงานที่ทำ ( วิมังสา ) วิธีการทำงานแบบนี้มีผลดีอย่างน้อยสองทาง คือทำให้เกิดความสำเร็จในงาน และมีสติเพิ่มขึ้น ผู้ที่ปฏิบัติงานด้วยวิธีการเช่นนี้บ่อย ๆ ความตั้งมั่นเป็นสมาธิของจิตย่อมเกิดขึ้น จากการทำงานนั่นเอง มือโปรเขาทำงานแบบนี้

   (3) ไม่ได้เป็นปริศนาธรรมอะไรหรอก เป็นผลที่เกิดจากการมีจิตที่ตั้งมั่นเป็นสมาธิ ฤาษีโยคีในอดีตมีความชำนาญในเรื่องเหล่านี้และด้วยเหตุที่รู้ไม่จริง จึงหลงเล่นอยู่กับสิ่งที่ถูกเห็นซึ่งไม่ทำให้พ้นไปจากความทุกข์ได้ ดังนั้นผู้รู้จริงจึงเอาสิ่งที่ถูกเห็น มาใช้เป็นตัวอย่างให้จิตตามดู จนเห็นว่าสิ่งที่ถูกเห็นจึงไม่ใช่ตัวตนแท้จริง จิตปล่อยวางจิตเป็นอิสระ และเกิดปัญญาเห็นแจ้งขึ้นกับจิต แล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้งส่องนำทางให้กับชีวิต ดำเนินไปสู่ความพ้นทุกข์ได้
   

630.
กราบเรียนอาจารย์ครับ

   ผมได้ไปเข้าปฏิบัติวิปัสนากรรมฐานครั้งแรกก็เกือบจะหนึ่งปีแล้วครับ ผมได้ยอมตายดู และผ่านมาได้ (เวทนาดับไป) เห็นการเกิด การทนอยู่ไม่ได้ การดับ และเมื่อได้เห็นครั้งแรก จิตรู้สึกเป็นกุศลเบาสบายมากและตื่นเต้นและรู้ว่ามีธรรมวิเศษอยู่จริง หลังจากนั้นได้เชื่อนรก สวรรค์ เวรกรรมและเรื่องต่าง ๆ ในพุทธศาสนา หลังจากนั้นก็ปฏิบัติและศึกษาธรรมะมาเรื่อย ๆ จนถึงวันนี้ครับ ค่อนข้างรู้มากขึ้นจากไม่ค่อยรู้อะไร ทุกวันนี้จะกำหนดสติในกิจวัตรประจำวันตลอด เท่าที่ระลึกได้ ไม่ซีเรียส เพราะเคยเคร่งไปกับการกำหนด พอลืมพอเผลอไป ทำให้หงุดหงิด อึดอัด หนักแน่นใจ ฟุ้งซ่าน จนลืมตามดูอาการหงุดหงิด อึดอัด หนักแน่น ฟุ้งซ่านไป จึงทำให้จิตรู้สึกไม่เป็นกุศล ก็เลยทำแบบสบาย ๆ ไม่ซีเรียสมาก จึงมีจิตเบาสบาย - เฉย ๆ เพราะเคยรู้ว่า ถ้าปฎิบัติถูกทางจิตจะเบาสบาย ถ้าไม่ถูกจิตจะหนัก ๆ แน่น ๆ ทุกวันนี้ก็จะเดิน - นั่งทุกวัน หลังจากปฎิบัติแล้วก็จะมีเบาสบายบ้าง แน่นบ้างไม่มากนัก และจะเฉย ๆ นี้มากสุด เพราะรู้ว่าจิตไม่เที่ยง จะให้ได้ดีทุกครั้งเป็นไปไม่ได้ จะรบกวนถามอาจารย์ครับว่า ที่ปฏิบัติแล้วจิตรู้สึก เฉย ๆ ไม่เบาสบายนี้ ถูกต้องหรือป่าวครับ ขออาจารย์ชี้แนะครับผม เพราะทุกวันนี้จะเฉย ๆ มากครับ

    ผมรักและเคารพอาจารย์มากครับ ทุกครั้งที่ปฏิบัตกรรมฐานก็จะแผ่กุศลถึงอาจารย์ด้วยครับ ผมขอโทษนะครับที่รบกวนอาจารย์ เพราะผมรู้ว่าอาจารย์นั้นเหนื่อยมากกับภารกิจของอาจารย์ทุกวันนี้ เพราะเครื่องมือเริ่มเสื่อม
ขอให้อาจารย์มีสุขภาพแข็งแรงนะครับอย่าเจ็บไข้ได้ป่วยเลยครับ

กราบขอบพระคุณครูอาจารย์ด้วยรักและเคารพครับ

คำตอบ
    เมื่อจิตเข้าสู่ความสงบตั้งมั่นเป็นสมาธิ จิตจะเห็นแจ้งในอารมณ์ คือเห็นอารมณ์ของจิตดับไป อารมณ์ไม่มีตัวตน จิตปล่อยวางอารมณ์จิตเป็นอิสระเข้าสู่การวางเฉยเป็นอุเบกขารมณ์ นี่เป็นหนทางที่ผู้รู้ใช้เป็นวิธีดูจิตตัวเอง คุณได้ปฏิบัติมาถูกทางแล้ว เพียงแต่รักษากำลังของใจคือพละ 5 ให้กล้าแข็งอยู่ทุกขณะตื่น แล้วจิตจะเป็นอิสระต่อสรรพสิ่งที่เข้ากระทบจิต เมื่อใดจิตเป็นอิสระจากกิเลสในสังโยชน์ 10 ได้ ความเป็นอริยบุคคลเกิดขึ้นได้ด้วยวิธีนี้
   

629.
เรียน อ.สนอง ที่เคารพ

    ผมเคยเลี้ยงปลามังกร (Arowana) 3 ตัว โดยเลี้ยงมาเป็นเวลาประมาณ 5 ปี ผมรักปลาทั้ง 3 ตัวมาก เอาใจใส่ดูแลอย่างดีมาตลอด แต่อาหารที่ให้ปลามังกรกินนั้นเป็นสัตว์น้ำตัวเล็กๆ เช่นลูกปลานิล ลูกปลาดุก ลูกปลาไน ลูกกบ รวมถึงจิ้งหรีด หนอนนก ซึ่งผมให้อาหารแบบนี้มาตลอด จนมาถึงประมาณ 1 ปีที่ผ่านมานี้ผมเริ่มสนใจเรื่องธรรมะมากขึ้น จึงรู้สึกว่าการให้อาหารปลาโดยใช้สิ่งมีชีวิตเป็นบาป ผมเริ่มมีความกังวล จึงพยายามฝึกให้ปลากินอาหารสำเร็จรูปแต่ไม่ได้ผล ครั้งสุดท้ายผมอดอาหารทุกอย่างให้แต่อาหารเม็ดอย่างเดียวเป็นเวลา 1 เดือน จนปลาผอมก็ไม่ยอมกินอาหารเม็ด ผมจึงต้องตัดสินใจให้อาหารที่มีชีวิตอีกครั้งจนเขาเริ่มอ้วน แล้วตัดสินใจนำเขาไปปล่อยที่บึงฉวาก (เนื้อที่ประมาณ 2700 ไร่)
จ.สุพรรณบุรี เมื่อกลางเดือนกรกฎาคม 2550 โดยผมคิดว่าเขาน่าจะหากินเองได้เพราะเขาเคยจับลูกปลามีชีวิตในตู้ปลากินเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาจะปรับตัวใช้ชีวิตตามธรรมชาติได้หรือไม่ จนมาถึงตอนนี้ผ่านมาประมาณ 4 เดือนแล้ว ผมยังคิดถึง ยังเป็นห่วงเขาอยู่ และมีจิตใจที่เศร้าหมองทุกครั้งที่คิดถึงเขา

ผมจึงมีคำถามจะถามอาจารย์ดังนี้
1. การตัดสินใจนำปลาไปปล่อยเป็นวิธีที่เหมาะสมหรือไม่ บาปหรือเปล่า
2. จะแก้ไขสภาพจิตใจที่เศร้าหมองได้อย่างไรเมื่อคิดถึงปลา

คำตอบ
    (1) เจตนาปล่อยสัตว์ให้มีชีวิตอิสระถือได้ว่าเป็นบุญและไม่เข้าไปร่วมกระทำปาณาติบาตไม่เป็นบาป ถามว่าการกระทำนี้เหมาะสมหรือไม่ เรื่องนี้อยู่ที่มุมมองของแต่ละบุคคล มุมมองทางโลกในฐานะเป็นผู้เลี้ยงปลาตู้ จะเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม แต่มองในแง่มุมของธรรมะ เห็นว่าเหมาะสม ถ้าให้ผู้ตอบปัญหาเลือกวิธีปฏิบัติ จะเลือกปฏิบัติอย่างที่คุณทำเพราะชีวิตเป็นของตัวเอง แต่ละสัตว์ต้องบริหารจัดการนำพาชีวิตด้วยตัวของเขาเอง

   (2) ทำบุญใหญ่ ๆ เช่น ปฏิบัติจิตตาภาวนา แล้วอุทิศบุญกุศลให้ปลาทั้งสามชีวิตไปเรื่อย ๆ จนกว่าความคิดถึงปลาจะหมดไป นั้นจึงจะแสดงว่าจิตของคุณเป็นอิสระจากกิเลสมารได้แล้ว
      

628.
เรียน อ.ดร.สนอง

ขอเรียนถามว่า การที่เราจะแผ่เมตตาในที่ทำงาน หรือสถานที่ต่างๆ รวมทั้งบุคคลที่เราจะปฏิสัมพันธ์ด้วยนั้น ใช้บทแผ่เมตตา สัพเพ สัตตา หรือเปล่าคะ

ขอบคุณมากค่ะ
  นัท

คำตอบ
   ตอบว่าได้
    

627.
กราบเรียนอาจารย์ ดร. สนอง วรอุไร ที่เคารพอย่างสูงครับ
จิตสับสน พุทธภูมิ กับ สาวกภูมิครับ

   ผมมีปัญหาดังนี้ครับ ผมมีความปรารถนาในพุทธภูมิ แต่จากการศึกษาและปฎิบัติธรรม ทำให้บางครั้งรู้สึกว่าอยากพ้นจาก สังสารวัฏโดยเร็ว เนื่องจากเห็นว่าชีวิตนี้มีแต่ความทุกข์ ขณะที่อีกใจหนึ่งก็อยากช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งหลายให้พ้นทุกข์ ทำให้เกิดความรู้สึกสับสนวนเวียนอย่างนี้อยู่ตลอดเวลา (ส่วนใหญ่จิตปรารถนาพุทธภูมิ) ตอนนี้ไม่รู้ว่าควรจะวางใจอย่างไรครับ รู้สึกว่าเป็นคนโลเล จิตใจไม่มั่นคง

ขอความกรุณาอาจารย์เมตตาช่วยชี้แนะด้วยครับ
ขอบพระคุณอาจารย์อย่างสูงครับ
ผู้สับสน

คำตอบ
   ผู้ใดประพฤติให้มีศีลบริสุทธิ์คุมใจอยู่ได้ทุกขณะตื่น และผู้ใดมีสัจจะสถิตอยู่ในใจได้ทุกขณะตื่น ผู้นั้นไม่มีจิตโลเลสองเรื่องนี้หากคุณประพฤติได้ ความสับสนในการเลือกทางเดินของชีวิตจะหมดสิ้นไป
  

626.
กราบเรียนท่านอาจารย์สนองที่เคารพ

หนูมีเรื่องรบกวนถามอาจารย์ดังต่อไปนี้ค่ะ

  1. มีผลบุญอะไรบ้างไหมคะที่จะส่งผลต่อชีวิตของเราทุกภพทุกชาติ

  2. มีบ้างไหมคะที่เราทำบุญแล้วคำอธิษฐานของเราเป็นจริงได้ในชีวิตนี้ ไม่ต้อง รอนานข้ามภพข้ามชาติ

  3. การที่เราจะทำอะไรสักอย่างที่เป็นสิ่งที่ดีแล้วอยากทำให้สำเร็จโดยง่ายดาย (อยากมีผู้ช่วยเพราะทำด้วยตัวคนเดียวไม่ได้) จะทำอย่างไรดีคะ รบกวนอาจารย์ ให้คำแนะนำด้วยค่ะ

ขอขอบพระคุณอาจารย์ล่วงหน้านะคะ จะรอคำตอบค่ะ

คำตอบ
    (1) บุญและบาปที่ถูกเก็บสั่งสมอยู่ในจิตวิญญาณของสัตว์บุคคล ส่งผลให้สัตว์บุคคลต้องเวียนตาย - เวียนเกิด ทั้งในสุคติภพและในทุคติภพเรื่อยมา จนสุดตาทิพย์สัมผัสยังไม่รู้ที่จบสิ้น

ผู้ตอบปัญหาเพียงต้องการให้ผลของบุญส่งผลคือต่อชีวิตทุกภพชาติต้องหยุดทำบาปแล้วประพฤติกุศลกรรมบถ 10 ประพฤติบุญกิริยาวัตถุ 10 ประพฤติเบญจศีล ฯลฯอยู่เสมอ โอกาสที่บุญจะส่งผลผลักดันชีวิตให้ไปเกิดอยู่ในสุคติภพย่อมเป็นได้

   (2) บุญที่จะส่งผลให้เป็นจริงได้ในชีวิตนี้ ต้องประพฤติตนให้เป็นผู้มีศีล แม้จะอธิษฐานหรือไม่อธิษฐาน สิ่งที่ผู้ประพฤติได้รับในชีวิตนี้คือ มีครอบครัวเป็นสุข คำพูดมีเสน่ห์เป็นที่รักของมนุษย์และเทวดา มีอายุยืนยาวปราศจากโรคฯลฯ หรือประพฤติตนให้มีบุญด้วยทำตัวเองให้มีจิตเมตตา ผลที่ได้รับในชีวิตนี้คือหลับเป็นสุข ไม่ฝันร้าย ตื่นเป็นสุข มีจิตตั้งมั่นเร็ว มีสีหน้าผ่องใสฯลฯ หรือประพฤติตนให้มีบุญด้วยการเลี้ยงดูพ่อแม่ ผลที่ได้รับในชีวิตนี้คือ นักปราชญ์สรรเสริญ มีความเจริญในชีวิตและเจริญในอาชีพการงานฯลฯ

สรุป ผลดีต่าง ๆ เหล่านี้ เกิดกับผู้กระทำ โดยไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้า

   (3) ต้องทำตัวให้เป็นผู้มีบุญด้วยการประพฤติบุญกิริยาวัตถุ 10 อยู่เสมอ แล้วใช้อิทธิบาท 4 เป็นฐานรองรับความสำเร็จในการทำงาน

ประสงค์มีผู้ช่วยที่ดี ตัวเองต้องประพฤติดีให้ได้ก่อนด้วยการมีจริยธรรมของนายจ้างที่ดี เช่น จัดงานให้เหมาะกับสติ ปัญญา และกำลังของผู้ช่วยงาน ให้ค่าจ้างรางวัล เหมาะสมกับงานและความเป็นอยู่ให้สวัสดิการดี ได้สิ่งตอบแทนมาต้องแบ่งปัน ให้มีวันหยุดพักผ่อน ตามโอกาสสมควรฯลฯ
  

625.
กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไรที่เคารพอย่างสูงค่ะ

หนูมีปัญหาเกี่ยวกับหลักการปฏิบัติตัวมาถามค่ะ
คือหนูเป็นคนที่ชอบศึกษาเรื่องธรรมะ ชอบสวดมนต์ ชอบเข้าวัดกับคุณแม่ ตอนนี้หนูทำงานแล้วค่ะ เป็นเซลล์ขายรถ(โตโยต้า) แต่หนูรู้สึกว่าอาชีพนี้มันขัดกับการปฏิบัติตัวของหนูจังเพราะการเป็นเซลล์บางทีต้องพูดโกหกบ้างพลิกไปพลิกมา บางทีต้องหลอกล่อให้ลูกค้าจองรถให้ได้ ขอถามนะคะ

   1.หนูควรเป็นเซลล์ต่อไปดีไหมคะ เพราะหนูรู้สึกว่าอาชีพนี้มัน มุสาบ้างบางครั้งและหนูจะบาปไหมหนูจะมีกรรมมากไหม

   2.ถ้าหนูไม่มีทางที่จะไปหนูควรจะทำอย่างไรดีคะ การสวดมนต์จะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้ไหมคะทุกวันนี้หนูพยายามใส่บาตรสวดมนต์ขออโหสิกรรมเกือบทุกวัน
หนูควรทำอย่างไรแนะนำหนูด้วยค่ะ

คำตอบ
   (1) การพูดเป็นเท็จ เมื่อกรรมให้ผลผู้พูดจะได้รับอานิสงส์บาปคือ ตนเองพูดแล้วคนฟังไม่ศรัทธา ไม่มีคนเชื่อถือ บริวารกระด้างกระเดื่อง ปากมีกลิ่นเหม็น มีใจฟุ้งซ่าน หากเป็นบาปหนัก ทำให้พูดติดอ่างจนถึงคำพูดเป็นใบ้ฯลฯ

ผู้รู้เป็นได้เพียงผู้ชี้ทาง ชีวิตเป็นของคุณ ต้องตัดสินใจนำพาชีวิตด้วยตัวคุณเอง ว่าจะประกอบอาชีพทุศีลอยู่ต่อไปหรือไม่

   (2) สวดมนต์เป็นการปฏิบัติธรรมเบื้องต้น มีอานิสงส์เป็นบุญการประกอบอาชีพที่จำเป็นต้องมุสามีอานิสงส์เป็นบาป ฉะนั้นพฤติกรรมที่คุณทำจึงได้ทั้งบาปและบุญสั่งสมอยู่ในจิตวิญญาณของผู้กระทำ ปัญหามีอยู่ว่า แรงกรรมที่เป็นบาปหรือแรงกรรมที่เป็นบุญ อย่างใดจะให้ผลก่อนกัน หากจำเป็นต้องประกอบอาชีพที่เป็นบาป ควรทำบุญที่ให้ผลยิ่งใหญ่เพื่อบาปตามให้ผลไม่ทัน บุญใหญ่สุดคือการปฏิบัติจิตตภาวนา แล้วต้องอุทิศบุญกุศลใช้หนี้เวรกรรม ที่ไปก่อไว้กับลูกค้าที่มาซื้อสินค้าไปใช้



อีกเรื่อง หนูคบเพื่อนชายสนิทอยู่คนหนึ่ง ประมาณ 1 ปีแล้ว อายุเราก็27 ปี บรรลุนิติภาวะกันแล้ว
ขอถามนะคะ

1.ถ้าเราเมคเลิฟกันแต่ไม่มีอะไรกัน(ไม่มีเพศสัมพันธ์กัน)เราผิดศีล หรือบาปไหมคะ แฟนสัญญาว่าจะไม่มีอะไรกันจนกว่าจะพร้อมแต่ขอทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เราจะมีกรรมกันไหมคะยิ่งกับแม่กับพ่อด้วย หนูคิดมากเพราะครออบครัวหนูค่อนข้างหัวโบราณ คุณแม่เป็นคนธรรมะธรรมโมมาก ตัวหนูเองหนูเองก็ค่อนข้างเชื่อในเรื่องหลักปฏิบัติธรรม

2. หนูควรจะทำตัวอย่างไรต่อไปคะ ช่วยแนะนำหนูด้วยนะคะ

ขอบคุณค่ะ

คำตอบ
    (1) ไม่ผิดศีลข้อกาเมสุมิจฉาจารแต่ผิดธรรมข้อยังมีจิตเป็นทาสของกามราคะ ตายแล้วยังมีโอกาสไปเกิดอยู่ในภพที่มีการเสพกาม เช่น ภพสวรรค์ ภพมนุษย์ ภพเดรัจฉาน และกามภพอื่นในอบายภูมิ

   (2) พระพุทธะตรัสได้ว่า หากปรารถนานำพาชีวิตไปสู่ความเกษม ต้อง ลด ละ เลิก การหาความสุขจากการเสพกาม แล้วแสวงความสุขจากจิตสงบและความสุขจากจิตเป็นอิสระ ซึ่งเป็นความสุขที่ละเอียดประณีต ยืนยาว และมีโทษน้อยกว่ากามสุข


   

624.
กราบเรียน อาจารย์สนองที่เคารพ

     หนูมีเรื่องปรึกษาอาจารย์ค่ะ หนูเป็นคนชอบเข้าวัดค่ะอยากจะปฏิบัติธรรมมาก ตอนนี้ก็สวดมนต์ทุกวันและนั่งสมาธิเมื่อมีโอกาส เพราะตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ปี 2 ค่ะ หนูไม่อยากมาเกิดบนโลกมนุษย์อีก ใจจริงๆคืออยากออกบวชแต่มีเหตุให้ไปไม่ได้ในตอนนี้เพราะต้องดูแลแม่ในอนาคตค่ะ แต่มีความตั้งใจตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ หนูก็ปฏิบัติไปเรื่อยๆและหนูก็มีแฟนแล้วค่ะแม่หนูก็รู้แต่เรามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง
     1.หนูตั้งใจไว้ว่าจะรักษาศีล 5 ถ้ามีความสัมพันธ์กับแฟนแบบนี้จะมีความผิดไหมค่ะในทางธรรม
     2.หนูนอนหลับแล้วก็โดนเหมือนผีอำค่ะ ขยับตัวไม่ได้เรียกใครก็ไม่ได้ยิน และมีเสียงกระซิบข้างหูว่า บาปกรรมมีจริงนะ เป็นเสียงผู้ชายที่รู้สึกกว่ามีพลัง ไม่ทราบว่ามันมีสาเหตุหรือเปล่าค่ะ

     หนูขอรบกวนอาจารย์เพียงเท่านี้ค่ะ ขอบพระคุณอาจารย์ด้วยความศรัทธายิ่ง

คำตอบ
     (1) ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง หากหมายถึงการเสพสังวารกับลูกของคนอื่น ที่พ่อแม่เขายังมิได้เอ่ยปากยกให้ถือได้ว่าประพฤติตนทุศีลข้อกาเมสุมิจฉาจาร และผิดธรรมข้อไม่มีกามสังวร

    (2) ศาสนาพุทธเป็นศาสนาของผู้รู้ ผู้รู้จึงรู้ว่าไม่มีปรากฏการณ์ใดเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ทุกปรากฏการณ์มีเหตุทำให้เกิดฉะนั้นผู้ใดประพฤติทุศีลไร้ธรรม เมื่อแรงกรรมให้ผลอกุศลวิบากย่อมเกิดขึ้นกับผู้กระทำกรรม ประพฤติผิดไปแล้วจะทำอย่างไรดี ต้องหยุดประพฤติอกุศลกรรม แล้วทำดีหนีให้ทัน ดูตัวอย่างของสิริมา ไม่อยากไปปีนอยู่บนต้นงิ้วในนรก จึงหยุดประกอบอาชีพทุศีลไร้ธรรมด้วยการเลิกเป็นโสเภณีและหันมาให้ทาน รักษาศีล และประพฤติธรรม จนบรรลุโสดาบันก่อนตายปิดอบายภูมิได้ทัน ตายแล้วได้ไปเกิดเป็นนางฟ้าโสดาบัน อยู่ในสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี มีอายุขัยยาวนานถึง 1,600 ปีทิพย์
  

623.
กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไรที่เคารพอย่างสูงค่ะ

ดิฉันมีคำถามอยากจะกราบเรียนถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ

1. กำลังตัดสินใจว่าจะมีลูกดีหรือไม่ ซึ่งถ้าไม่มีลูกก็คือการที่เราไม่ต้องสร้างห่วงขึ้นมา แต่มีคนให้เหตุผลที่ดีของการมีลูกว่า เป็นการช่วยให้โอกาสดวงวิญญาณที่จะมาสร้างบุญกุศล ถ้าเราไม่มีลูกจะเป็นการขัดขวางเค้าไหมคะ ทั้งๆที่สถานะของครอบครัวมีความพร้อมที่จะเลี้ยงดูเด็กที่เกิดมาได้

2. พอคนที่ตายไปวิญญาณจะติดอยู่ในรูปเดิมคือหน้าตาเหมือนเดิมใส่เสื้อผ้าตัวเดิม ณ วันที่ตาย แล้วสัตว์เดรัจฉานจะติดอยู่ในรูปเดิมด้วยรึเปล่า อย่างเป็นหนอนก็ยังเป็นหนอนอยู่ เป็นมดก็ยังเป็นมดอยู่ ถ้าไม่ติด แล้วทำไมถึงไม่ติดแล้วเขาจะอยู่ในรูปไหนค่ะ

  มีเรื่องจะขออนุญาตอาจารย์ค่ะ เนื่องจากอยากจะขอคัดลอกหนังสือของอาจารย์หลายๆเล่ม อาทิเช่น ทางสายเอก ทำชีวิตให้ได้ดีและมีสุข ฯลฯ เพื่อนำไปเปลี่ยนเป็นอักษรเบลล์ให้กับคนตาบอด ไม่ทราบว่าอาจารย์จะอนุญาตไหมคะ

ขอบพระคุณท่านอาจารย์อย่างสูงค่ะ

คำตอบ
   (1) เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับความปรารถนาของผู้ถามว่าจะเอาสมบัติทางโลกหรือจะเอาสมบัติทางธรรม พระพุทธะตรัสว่า “ ลูกเป็นเหมือนบ่วงผูกคอ ภรรยาหรือสามีเป็นเหมือนบ่วงผูกมือ ทรัพย์สมบัติเป็นเหมือนบ่วงผูกขา ” ฉะนั้นเหลือเอาเองตามใจปรารถนาเพราะชีวิตเป็นของคุณ ผู้ตอบปัญหาเป็นได้เพียงผู้ชี้แนะ

  (2) สรรพสัตว์รวมถึงมนุษย์ ที่ตายก่อนถึงอายุขัย ตายแล้วต้องไปเกิดเป็นสัมภเวสี มีรูปนามเป็นทิพย์และมีรูปลักษณะพร้อมอาภรณ์เครื่องประดับ เหมือนเดิมทุกประการ ส่วนสัตว์ที่ตายเมื่อถึงอายุขัยจะไปเกิดเป็นสัตว์ (รูปนาม) อยู่ในภพต่าง ๆ ตามแรงของกรรมผลักดันให้สัตว์ต้องไปเกิด รูปลักษณะรวมทั้งอาภรณ์ประดับกายจะเปลี่ยนไปจากเดิม เช่นมนุษย์ตายไปเป็น เทวดา เปรต สัตว์นรก ฯลฯ ผู้มีตาทิพย์เห็นแล้วไม่สามารถจำได้ เพราะมีรูปลักษณะต่างไปจากสัญญาเดิม ที่ถูกเก็บบันทึกไว้ในดวงจิตของผู้เห็น และถ้ามนุษย์ตายไปเกิดเป็นเต่า เป็ด ห่าน ฯลฯ ที่มีรูปกายหยาบ เห็นได้ด้วยตาเนื้อตาหนัง ก็ไม่สามารถจำได้ ด้วยมีรูปลักษณะต่างไปจากสัญญาเดิม ที่ถูกเก็บบันทึกไว้ในดวงจิต

   ส่วนเรื่องที่จะขอคัดลอกหนังสือทางสายเอก ทำชีวิตให้ดีและมีสุข ฯลฯ เพื่อเปลี่ยนเป็นอักษรเบลล์ให้กับคนตาบอด เป็นความคิดที่ดีอนุโมทนาด้วยแต่ต้องไปขออนุญาตกับชมรมกัลยาณธรรมและบริษัทอมรินทร์ นะครับ
    

622.
เรียน ดร.สนอง วรอุไร

ดิฉันติดตามผลงานของอาจารย์มาตลอด มีปัญหาขอเรียนถามดังนี้

1. ปฏิบัติธรรมทุกวัน(ประมาณ 2 ปี) แต่ทำไมมีปัญหาเรื่องเงินตลอด เหมือนชีวิตจะลุ่ม ๆ ดอน ๆ รู้ทั้งรู้ว่ามนุษย์ส่วนใหญ่ก็มีปัญหาเรื่องปากท้องแทบทุกครัวเรือน

2. อธิษฐานจิตให้มีทุนทรัพย์ มีแรงกาย แรงใจ ที่จะสร้างบุญบารมี และปฏิบัติธรรมวิปัสสนากรรมฐานต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อสร้างบุญบารมี และขอให้ได้ดวงตาเห็นธรรม ดิฉันขอมากไปหรือเปล่าคะ จะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน

3. ชีวิตในปัจจุบันนี้มีความสุข กว่าแต่ก่อนเมื่อได้รู้จักและปฏิบัติธรรม เหมือนว่าดิฉันค้นพบทางสว่างแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะก้าวพ้นและถึงจุดหมายปลายทางหรือไม่ บางครั้งก็ท้อทำอย่างไรจิตใจถึงจะเข้มแข็งคะ

ขอบพระคุณท่านอาจารย์มาก ๆ ค่ะ
   จากเดือน

คำตอบ
    (1) ชีวิตที่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ ชีวิตที่มีปัญหาเป็นผลเกิดมาจากเจ้าของชีวิตมีบาป (อกุศลวิบาก) ตามให้ผล และผู้ปฏิบัติธรรมมิได้หมายความว่า ผู้นั้นเข้าถึงธรรมปฏิบัติธรรมมายาวนานถึงสองปี มิสามารถทำให้บาปหมดไปจากใจได้ ตัวอย่าง มหาวาจกอุบาสก ปฏิบัติธรรมยาวนานถึง 50 ปี ยังไม่สามารถเข้าถึงธรรม เหตุเป็นเพราะไม่มีกัลยาณมิตรมาเป็นผู้ชี้ทางปฏิบัติธรรมที่ถูกต้องได้ ตายแล้วจึงต้องพาชีวิตไปเกิดเป็นสัตว์อยู่ในอบายภูมิ ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมปฏิบัติได้ถูกตรงและมีบุญเก่าส่งผล มรรคผลแห่งธรรมย่อมเกิดขึ้นได้ อุปสรรคปัญหาจะลดน้อยลงจนกระทั่งหมดไปได้เมื่อบรรลุนิพพาน

   (2) อธิษฐานอย่างไรสามารถตั้งความปรารถนาได้ทั้งนั้น แต่มีเงื่อนไขอยู่ที่ว่า หลังจากอธิษฐานแล้วต้องทำเหตุให้ถูกตรง เมื่อเหตุปัจจัยลงตัว การอธิษฐานจึงจะสัมฤทธิ์ผลได้

   (3) ประสงค์ให้มีจิตใจที่เข้มแข็ง ต้องสร้างเหตุให้ถูกตรงด้วยการเจริญพละ 5 (ศรัทธา วิริยา สติ สมาธิ ปัญญา)อยู่เสมอทุกขณะตื่น

คำว่า “ เจริญ ” หมายถึงทำให้เกิดมีขึ้นหรือทำให้ดียิ่งขึ้น
    

621.
กราบเรียนอาจารย์สนองที่เคารพ

   ดิฉันใคร่ทราบคำตอบ เพื่อให้หายสงสัยดังนี้คะ ในกทม แห่งหนึ่ง มีหญิงนุ่งขาวห่มขาว รับนั่งทางในดูอดีตชาติ เพื่อแก้กรรมกับเจ้ากรรมนายเวร วิธิการคือ เขาให้เรานั่งหลับตาต่อหน้าเขา ขณะที่เขาก็นั่งสมาธิประมาณสัก 10-15 นาที แล้วก็ให้ลืมตา เขาก็เช่นกันก็จะเล่าให้ฟังว่าเราเคยเกิดเป็นทหารบ้าง ฆ่าข้าศึกไทย พม่า เจ้ากรรมนายเวรเขาจะยกโทษให้ ถ้าทำบุญอุทิศให้เขา ซึ่งก็ได้แก่ ทำบุญใส่บาตร ถวายสังฆทาน อะไรทำนองนี้ โดยเสียค่าธรรมเนียมครั้งละ 500 บาท ดิฉันเคลือบแคลงว่าหากเขาสามารถรู้ได้จริง คนที่ได้ถึงจุดนี้คงไม่ปรารถนาเงินทองมากมายขนาดนั้น หรือ เขายังละกิเลสไม่ได้หมดสิ้น และที่เขารู้อดีตชาติได้รู้จริงละหรือ หากจริงได้ก็ดี เราก็จะได้ทำบุญอุทิศตัดกรรมกันไป เพียงแต่ต้องเสียเงินครั้งละ 500 บาทก็มากอยู่ เกรงแต่ว่าหากไม่ใช่เราจะเสียเงิน เสียเวลา เอาเงิน 500 บาทไปทำกุศลอื่นได้ประโยชน์มากกว่า หากถูกหลอก บุญที่ดิฉันอุทิศไปก็ยังอยู่กันดิฉันใช่ไหม เพียงแต่บุญหาตู้ไปรษณ๊ย์ลงไม่ได้ ก็กลับมาหาเราอยู่ดี

กราบขอบพระคุณอาจารย์ที่กรุณาเมตตา

คำตอบ
   ผู้ใดเข้าฌานได้ จะสามารถเห็นเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดในอดีตด้วยตาทิพย์ แต่ยังถือว่าเป็นปุถุชนที่กิเลสยังมีอำนาจอยู่เหนือใจ การเรียกค่าธรรมเนียมจากผู้ไปขอใช้บริการจึงเป็นเรื่องปกติของคนที่มีความเห็นผิด

สรรพสัตว์รวมถึงมนุษย์ที่ยังต้องเวียนตาย เวียนเกิดอยู่ในภพภูมิต่าง ๆ ไม่มีสัตว์ใดปลอดจากหนี้เวรกรรม ฉะนั้นผู้รู้จึงไม่ปลดหนี้เวรกรรมด้วยวิธีที่บอกเล่าไป เพราะจะทำให้เสียทั้งเงินเสียทั้งเวลา และปลดหนี้ได้ไม่หมด แต่ผู้รู้ใช้วีปลดหนี้เวรกรรมดังต่อไปนี้

   1.  ยอมรับความจริงว่าตัวเองได้ก่อหนี้ไว้ และยอมชดใช้หนี้เวรกรรมเมื่ออกุศลกรรมตามทัน
   2.  ทำตัวเองให้มีบุญ (ดูบุญกิริยาวัตถุ 10) แล้วอุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวร แทนหนี้เวรกรรมที่ตนก่อไว้แต่อดีต
   3.  หยุดสร้างบาป แต่ทำบุญให้ยิ่งใหญ่ จนหนี้เวรกรรมตามไม่ทัน
  4.  พัฒนาจิตจนเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพาน (ดับรูป-ดับนาม)ได้แล้วหนี้เวรกรรมที่เหลือทั้งหมดเป็นอันยกเลิก

อนึ่งการเสียเงิน 500 บาท เป็นค่าใช้บริการจากเขา ไม่ถือว่าเป็นการทำบุญ แต่ถ้านำเงิน 500 บาทไปใช้

ประโยชน์ให้ถูกตรงตามบุญกิริยาวัตถุ 10 จงจะถือได้ว่าเป็นการทำบุญ และเมื่อมีบุญแล้วจึงจะสามารถอุทิศบุญให้แก่สรรพสัตว์ได้
     

620.
กราบเรียนอาจารย์สนอง

    ดิฉันขออนุญาตฝากตัวเป็นศิษย์นะคะ ปรกติจะปฏิบัติธรรมตามแนวของหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน ได้พาลูกชาย 2 คน ไปปฏิบัติธรรม เมื่อวันที่ 19-20 ตค. ที่ผ่านมาเพราะเป็นวันเกิดของลูกชาย แต่ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำให้โดนตำหนิว่า จะเป็นบาปมากกว่าเป็นบุญ เพราะที่วัดถือศีล 8 ลูกชายยังเล็กนัก แยกนอนต่างหากกับฝ่ายผู้ชายไม่ได้ (8 กับ 10 ขวบ) พ่อเขาก็มีภรรยาใหม่ไปแล้ว จึงต้องไปกันลำพังแม่ลูก เห็นว่าลูกก็เริ่มเข้าสู่วัยรุ่น เริ่มมีคำถามแปลกๆ(ที่จริงเขาเป็นลูกติดพ่อเขามาแต่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กจึงผูกพันกันมาก) เขามาปรึกษา แต่เขาไม่ได้คุยให้พ่อเขาฟัง ดิฉันเองอยากให้ลูกมีธรรมะเป็นเกราะคุ้มกันเขาจากภัยอันตรายในสังคมเสียแต่ตอนนี้ ที่ยังสามารถกล่อมเกลาเขาได้ เขาก็ตั้งใจดีนะคะ ถ้าบาปดิฉันก็คิดว่าคุ้มกัน แต่ครั้งหน้าจะคิดไตร่ตรองให้ดีกว่านี้ค่ะ

ดิฉันจะขอความกรุณาอาจารย์ ช่วยแนะนำดังนี้ค่ะ
   ดิฉันมีลูกชายคนเล็กอีกคน อายุ 1 ขวบ 7 เดือน เขาเห็นสิ่งเหนือธรรมชาติ คือตัวเขาเรียกว่า ผี ไม่แน่ใจว่าเป็นอะไรอย่างนั้นหรือเปล่า เริ่มแรกเขาพบที่ต้นสักแถวบ้าน เขาก็จะมองไปแล้ว บอกว่า ผี ผี ถ้าเดินไปใกล้ ก็จะหัวเราะ เหมือนเล่นกัน แล้วทักว่าผีทำไรอยู่ บางครั้งก็เล่นจ๊ะเอ๋กัน เขาจะพูดว่า เอายัง อยู่ไหน แล้วหัวเราะคิกคัก
และยังมีที่ซอยหลังบ้าน แต่ที่นี่เขาไม่เล่นและแสดงอาการกลัว และเวลานี้เขาก็พูดถึง ผี เวลาอยู่ในบ้าน วันนี้กล่อมเขานอน เขาบอกว่า กลัวผี ใจเขาเต้นแรง เหงื่อออกจนเสื้อชื้น ร้องให้กอดแน่นๆ จึงพาเขามาจุดธูป สวดมนต์จึงกลับไปนอนได้

อยากเรียนถามอาจารย์ว่า เขาเห็นสิ่งที่เราไม่เห็นใช่มั้ยคะ แล้วคืออะไร และเราจะต้องปฏิบัติยังไงจึงจะเหมาะสม จะทำยังไงให้ลูกไม่ต้องสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ (ไม่ทราบว่าถ้าเขาเห็นจริงๆ จะเป็นเรื่องดี หรือไม่ดี)

     ปัจจุบันเวลาไปทำบุญก็จะเชิญกายทิพย์ เทวดา ทั้งในบ้านและแถวบ้านไปทำบุญด้วย เวลาทำบุญก็จะตั้งจิตอุทิศให้ สวดกรณียเมตตาสูตร เพราะได้อ่านคำแนะนำของอาจารย์มาบ้างว่าให้เราเป็นเพื่อนกับกายทิพย์ไว้

    ขอแสดงความเคารพอย่างสูงและนับเป็นบุญอันประเสริฐ ที่ได้พบกัลยาณมิตรอย่างอาจารย์ ในภพที่เต็มไปด้วยสัตว์ที่ส่วนใหญ่ไม่เจริญทางจิต ดิฉันจะตั้งใจประกอบกุศลต่อไป

    ขอศึกษาธรรมจากอาจารย์ตลอดไปนะคะ
       ปวริศา

คำตอบ
   ตอบว่าใช่ ลูกเห็นสิ่งที่แม่ไม่เห็น สิ่งนั้นคืออมนุษย์ที่มีกายทิพย์ ลูกเห็นแล้วเกิดอาการหวาดกลัวเป็นเรื่องไม่ดีแม่ต้องทำบุญแล้วอุทิศให้กับอมนุษย์ที่ลูกเห็น อุทิศให้บ่อย ๆ จนกระทั่งอาการหวาดกลัวของลูกจะหมดไป ส่วนอมนุษย์ที่ลูกเห็นและเล่นจะเอ๋กันเป็นเรื่องดี ที่อมนุษย์มาเล่นเป็นเพื่อนลูก แม่ต้องอุทิศให้เขาเช่นกันเป็นการตอบแทนความดีที่อมนุษย์มีให้แก่ผู้เป็นแม่และลูกเวลาแม่จะไปทำบุญที่ไหน ชวนเขาเหล่านั้นไปร่วมทำบุญด้วย เป็นสิ่งดีทำถูกแล้วและจงทำต่อไปเรื่อย ๆ
  

619.
กราบเรียนท่านอ.ดร.สนอง วรอุไร

    ดิฉันกราบขอบพระคุณในความกรุณาตอบคำถามของดิฉัน เนื่องด้วยดิฉันมีข้อสงสัยอยากเรียนถามต่อจากคำถามข้อที่ 612 คือ หากเมื่อถึงเวลาที่ดิฉันต้องการมีบุตร ไม่ทราบผลกรรมของดิฉันมีโอกาสเกิดแก่ครอบครัวของดิฉันในอนาคตหรือไม่ มีวิธีการป้องกันไม่ให้ผลกรรมของดิฉันตกแก่ผู้อื่นหรือไม่ เนื่องจากทั้งแฟนดิฉันและลูกของดิฉันในอนาคตเค้าไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยในการกรรมที่ดิฉันก่อ(ดิฉันได้สารภาพเรื่องนี้ให้แฟนของดิฉันทราบแล้ว เนื่องจากดิฉันรู้สึกว่าเค้าควรรู้และตัดสินใจว่าดิฉันยังมีคุณค่าเพียงพอที่จะเป็นภรรยาและแม่ของลูกเค้าในอนาคตอันใกล้นี้หรือไม่ ซึ่งเค้าได้ให้อภัยและเข้าใจดิฉัน รวมถึงได้ให้กำลังใจดิฉันเป็นอย่างดี)

    ขอกราบขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ

คำตอบ
    ไม่มีผู้ใดรู้ว่า กรรมที่เคยทำในห้วงเวลาที่ผ่านมา (อดีต) จะให้ผลเมื่อไร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยต้องลงตัว เพื่อไม่ให้เหตุปัจจัยที่เป็นอกุศลลงตัว ฉะนั้นต้องทำกรรมดีในปัจจุบันให้ยิ่งใหญ่ ด้วยการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน แล้วขอความเมตตาจากผู้ร่วมปฏิบัติฯ อุทิศบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของคุณ เมื่อใดเจ้ากรรมนายเวรพอใจยกเลิกการจองเวร คุณจะไม่ระลึกถึงเรื่องนี้อีก จึงจะหลุดพ้นจากหนี้เวรกรรมได้
 

618.
กราบเรียนท่านอาจารย์สนอง วรอุไรที่เคารพอย่างสูง
กระผมมีคำถามอยากเรียนถามอาจารย์ดังนี้ครับ

1.หลังจากที่ได้ทำบุญ หรืออนุโมทนาบุญแล้วรู้สึกสะท้านขึ้นภายในกายนั่น เป็นเพราะกระแสของบุญหรือเป็นเพราะเราปรุงแต่งขึ้นมาเองครับ

2.กระผมได้พบพ่อแม่ครูบาจารย์ และหลังจากที่ท่านได้แนะนำสั่งสอน ตัวกระผมเองก็ได้น้อมนำคำสั่งสอนนั้นมาปฏิบัติ ถือได้ว่าเป็นศิษย์อาจารย์กันรึยังครับ หรือว่าต้องขออนุญาตจากท่านก่อนจึงจะสามารถเป็นศิษย์ของท่านได้

3.หลังจากที่กระผมได้ทำบุญไม่ว่ารูปแบบใดผมมักที่จะอธิฐานในใจเสมอว่า"ขอให้ผลบุญนี้เป็นแรงนำส่งให้เข้าถึงพระนิพพาน"(เหมือนเป็นแรงผลักดันขึ้นมาภายในใจให้อธิฐานออกไป) ที่เป็นเช่นนี้ใช่เป็นเพราะสัญญาเก่าที่เคยปรารถนาเป็นสาวกภูมิหรือไม่ครับ

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อย่างสูง และขออนุโมทนาบุญกุศลที่เกิดขึ้นแล้วนี้และต่อไปในอนาคตกาลข้างหน้า

คำตอบ
    (1) สิ่งที่บอกเล่าไปเป็นผลที่เกิดจากการทำบุญแรงกรรมที่เป็นบุญเข้ากระทบจิต ปรุงแต่งเป็นอารมณ์ส่งผลต่อเนื่องถึงร่างกายให้เกิดเป็นอาการสะท้าน

   (2) ครูบาอาจารย์ถ่ายทอดความรู้ให้ศิษย์ แล้วศิษย์นำมาปฏิบัติได้ถูกต้อง มีปฏิปทาตรงตามที่ครูสอน ถือได้ว่าเป็นครูเป็นศิษย์กันแล้วโดยพฤตินัย ผู้ตอบปัญหาเคยได้สนทนาธรรมกับพระป่ารูปหนึ่งท่านตอบปัญหาได้ถูกตรงตามธรรมของพระพุทธะ ทำให้ผู้ตอบปัญหาเกิดศรัทธาจึงของฝากตัวเป็นศิษย์ พระป่าตอบว่า “ ไม่รับเพราะเรามีอาจารย์องค์เดียวกันคือพระพุทธเจ้า ”

   (3) ตอบว่าใช่ เป็นสัญญาเก่าที่ฝังอยู่ในดวงจิตจะเข้าถึงพระนิพพานได้ ต้องปฏิบัติจิตตภาวนาจนเกิดปัญญาเห็นแจ้งแล้วกำจัดอวิชชาให้หมดไปจากใจ คำอธิษฐานคือความตั้งจิตปรารถนาจึงจะเป็นจริงได้
 

617.
กราบเรียนดร.สนอง

   กระผมได้ไปปฎิบัติวิปัสนามาผลที่เกิดจากการปฎิบัติมา 9วัน กระผมได้ทำตามที่พระอาจารย์สอนทุกอย่างแต่มีช่วงหนึ่งก่อนที่ผมจะออกมา คือว่ากระผมได้ตามดูเวทนาจนเห็นเวทนามีลักษณะขึ้นๆๆลงๆๆ ช้าบางเร็วบางผมได้กำหนดยุบหนอพองหนอตามอาการของเวทนาที่เกิด แต่มีอยู่ว่าตามดูลักษณะเวทนา(โดยไม่รู้สึกถึงการเจ็บปวด เพราะก่อนหน้านี้ไม่กี่วันอาการของเวทนานั้นเจ็บมากจนแทบขาดใจ แต่ก็ทนได้) ตามดูอาการเวทนาจนเหมือนลักษณะถูกอาการได้ดึงให้ตามไปและลมหายใจน้อยลงๆๆ จนมีความรู้สึกว่าไม่มีลมหายใจเห้นแต่อาการพองยุบๆๆอยู่อย่างนี้จนสักพักหนึ่งประมาณไม่ได้ มีการโครงแครง(อธิบายไม่ถูก)แน่นผมกำหนดไม่ค่อยถูก แต่ยึดว่ารุ้หนอๆๆจะมีเอียงบางเหมือนลักษณะว่าค่อยๆๆผ่อนแต่ก็นั้งต่อสักพักก็ต้องผ่อนอีก ตอนนี้รู้สึกว่าปวดท้องมากๆๆ จนต้องออกจากการปฎิบัติเวลานั้นและมีความกลัวอยู่บ้าง

1.อยากถาม ดร.สนองว่าผมต้องปฎิบัติต่ออย่างไรบ้างเพราะผมไม่รู้จะทำไงต่อไป
ผมได้ทำการทดลองไว้2วิธีก่อน
   วิธีที่1ผมได้ตามเวทนาไปเรื่อยๆจนแน่นไปหมดผมก็ผ่อนแล้วเกิดการแกว่งต้องกำหนดรู้หนอๆๆ
   วิธีที่2 ตามได้สักพักก่อนผ่อนจะไม่ค่อยแกว่งเท่าไร ออกแล้วปวดท้องมาก ผมจะทำอย่างไรต่อดี และคืออะไร

2.หลังๆๆเวลานั้งสมาธิจะไม่กำหนดยุบหนอพองหนอ แต่จะดูที่อาการพองยุบเลยและเข้าสมาธิเร็วมาก ผิดทางหรือปล่าวครับ

3.ช่วยแนะวิธีปฎิบัติต่ออย่างไรคือจะได้ปฎิบัติถูกครับ

ขอขอบคุณครับที่ตอบคำถามผม
ผู้ต้องการความก้าวหน้า

คำตอบ
   (1) จิตที่เสวยทุกขเวทนาแล้วใช้จิตตามดูทุกขเวทนาให้เห็นเป็นตามกฎไตรลักษณ์ไม่ได้ นั่นแสดงว่ากำลังของสติยังไม่กล้าแข็งจึงรับเอาสิ่งกระทบมาปรุงเป็นอารมณ์เวทนาให้เกิดขึ้นทั้งสองวิธีที่บอกเล่าไป นำมาใช้แก้ปัญหาแล้วไม่ได้ผล เหตุเป็นเพราะกำลังของสติยังอ่อนจึงต้องกำจัดให้มีกำลังของสติกล้าแข็งยิ่งขึ้น ด้วยการเปลี่ยนอิริยาบถจากนั่งบริกรรมมาเป็นอิริยาบถเดินจงกรม ทำเช่นนี้สลับกันไปเรื่อย ๆ แล้วสติจะมีกำลังกล้าแข็งขึ้นได้เอง

   (2) ไม่ผิดทางเพราะองค์บริกรรมใดที่นำมารใช้ปฏิบัติแล้วจิตมีความตั้งมั่น (สมาธิ) เกิดขึ้นได้เร็ว องค์บริกรรมเช่นนั้นถูกตรงกับจริตของผู้ปฏิบัติธรรมผู้นั้น

  (3) ต้องรักษาศีลให้บริสุทธิ์คุมใจ รักษาจิตตนเองให้เป็นผู้มีสัจจะ นำวิธีการที่ใช้ปฏิบัติอยู่ในข้อ (2) มาปฏิบัติให้ต่อเนื่องและยาวนานทั้งหมดเป็นสิ่งที่แนะนำ
  

616.
กราบเรียน ดร.สนอง ที่เคารพอย่างสูง

ดิฉันมีข้อสงสัยขอเรียนถามดังนี้ค่ะ
    1. นั่งกรรมฐานจำเป็นต้องสวดบูชาพระกรรมฐานทุกครั้งหรือไม่ และพระกรรมฐานหมาย ถึงใครคะ ?

คำตอบ
  
คำว่ากรรมฐานหมายถึงวิธีฝึกอบรมจิตซึ่งแบ่งวิธีการฝึกได้เป็นสองอย่าง คือสมถกรรมฐานหมายถึงวิธีฝึกจิตให้มีสติผลที่เกิดตามมาคือความสงบตั้งมั่นเป็นสมาธิของจิต อย่างที่สองคือวิปัสสนากรรมฐาน หมายถึงฝึกจิตที่สงบตั้งมั่นเป็นสมาธิได้แล้วให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง

   สมัยที่ผู้ตอบปัญหาไปทำจิตตภาวนาอยู่กับท่านเจ้าคุณโชดก ท่านมิได้แนะนำว่า ต้องสวดบูชาพระกรรมฐานท่านสอนวิธีการฝึกจิต ด้วยคำสอนสั้น ๆ 5-10 นาที แล้วลูกศิษย์แต่ละองค์ต้องไปฝึกกันเอาเองในบทสวดมนต์ทั้งหลาย มีบทสวดมนต์บางบทระบุถึงการพิจารณาการบริโภคใช้สอยปัจจัย 4 (ตังขณิกปัจจเวกขณปาฐะ) บางบทให้พิจารณาอวัยวะทั้ง 32 ว่า เป็นของไม่สะอาด (ทวัตติงสาการะปาฐะ) บทสวดมนต์บางบทให้พิจารณา การแก่ การเจ็บไข้ การตาย การพลัดพราก การทำกรรม ว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่มนุษย์ทุกรูปนามต้องพบ (อภิณห ปัจจเวกขณะ 5) ฯลฯ บทสวดมนต์ต่างๆ เหล่านี้ สวดแล้วทำให้จิตสงบได้พิจารณาตามด้วยเหตุนี้ครูบาอาจารย์ผู้สอนกรรมฐานบางท่านจึงบอกให้ศิษย์สวดบูชาก่อนปฏิบัติกรรมฐานด้วยก็ได้

   ถามว่าพระกรรมฐานคือใคร ต้องตอบว่า คือจิตที่จดจ่อและระลึกรู้ (สติสัมปชัญญะ) อยู่กับการพิจารณาบทสวดมนต์ขณะทำการเจริญมนต์นั่นเอง

    2. ทำบุญ ถือศีล 5 สวดมนต์ไหว้พระ และนั่งกรรมฐาน ภาวนา แม้ว่าจะไม่ได้ฌานอภิญ ญา แต่บุญส่งให้เป็นเทวดานางฟ้า หากผู้นั้นไม่ต้องการเสวยบุญในสวรรค์ แต่ต้องการ เกิดเป็นมนุษย์ในภพชาติต่อไป จะต้องทำอย่างไรบ้างคะ เพราะเคยทราบมาว่า หากทำ บุญแล้วปิติในบุญกุศล (ทำบุญโดยมีกิเลสคืออยากทำบุญ) จะเป็นการสร้างภพสร้าง ชาติให้ไปเกิดเป็นเทวดานางฟ้า แต่ถ้าทำบุญโดยไม่หวังผลในบุญกุศลนั้น ๆ จะเป็น การตัดภพตัดชาติ

   ขอความกรุณาช่วยให้ความกระจ่างด้วยค่ะ ขอขอบพระคุณในความกรุณาตอบข้อสงสัยค่ะ

คำตอบ
   ปรารถนาเกิดเป็นเทวดา นางฟ้า หรือมนุษย์ ถือได้ว่าเป็นการสร้างภพชาติได้เหมือนกัน ทำบุญโดยไม่หวังผลบุญยังไม่ถือว่าเป็นเหตุให้ติดภพชาติได้ เพราะเมื่อใดที่บุญให้ผลแล้ว ผู้กระทำสิ่งที่เป็นบุญ ยังต้องเวียนตาย-เวียนเกิดอยู่ในภพภูมิต่าง ๆ ดังนั้นการทำบุญเพื่อต้องการติดภพชาติต้องทำบุญด้วยการทำจิตตภาวนาซึ่งเป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ 10 ผู้ใดเจริญจิตตภาวนาจนเกิดปัญญาเห็นแจ้งได้แล้ว นำปัญญาเห็นแจ้งไปกำจัดอวิชชาซึ่งเป็นกิเลสตัวสุดท้ายในอนุสัย 7 หรือเป็นกิเลสตัวสุดท้ายในสังโยชน์ 10 ได้เมื่อใดแล้วจึงจะสามารถตัดภพชาติได้
    

615.
กราบเรียนท่านอาจารย์สนองที่เคารพยิ่งค่ะ

   หนูเคยเขียนมาถามอาจารย์เมื่อไม่นานมานี้ (ลำดับที่ 584) หนูขออนุญาตรบกวนอาจารย์เพิ่มเติมนะคะ คุณพ่อหนูยังรักษาวินัยในการปฏิบัติเช่นเดิมค่ะ คือแนวหลวงพ่อจรัญ แต่เมื่อวานนี้ท่านบอกว่าท่านเพิ่มช่วงเช้าอีก คือนั่งสมาธิอย่างเดียว ตามหนังสือ เคล็ดลับการฝึกจิต โดยท่านพระมหาศิริ กนตสิริ สำนักปฏิบัติธรรมศิริธรรม (ถ้าชี) ที่ได้จากเพื่อน กล่าวสั้นๆ คือ เช้า สมถะ (ท่านว่าอย่างนั้นค่ะ) เห็นว่านั่งสักพักแล้วกำหนดจิตที่ศีรษะแล้วแผ่ลงมาที่ลำตัว จะช่วยรักษาอาการป่วยได้ (หนูรายงานเท่าที่จำได้นะคะ) และเย็นก็เดินจงกรม นั่งสมาธิยุบหนอ พองหนอ อย่างละ 1 ชั่วโมง จึงขอถามอาจารย์ว่า สมควรหรือไม่คะที่เช้าปฏิบัติแนวหนึ่ง เย็นอีกแนวหนึ่ง

    เรื่องครูอาจารย์ที่ท่านอาจารย์แนะนำนั้น กราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ ลองติดต่อที่วัดมหาธาตุแล้ว ทราบว่าท่านพระมหาบุญชิตมีภารกิจมากอีกทั้งเป็นพระผู้ใหญ่ เกรงว่าคงจะเป็นการรบกวนเวลาของท่านที่ยุ่งอยู่แล้วและเข้าถึงยาก อยากให้คุณพ่อไปพบครูอาจารย์ที่อาจารย์แนะนำนะคะ (คุณพ่อท่านเคยบอกว่า อ่านและทำเองตามหนังสือก็ได้ ไปพบพระอาจารย์ก็ไม่รู้จะคุยถามอะไร) อาจารย์พอจะแนะนำได้ไหมคะ ท่านอ่านเยอะมากค่ะพวกหนังสือแนวปฏิบัติหลากหลายแนว เกรงว่าท่านจะสับสนค่ะ

    ขอรายงานผลการปฏิบัติของหนูนะคะ เดินนั่งอย่างละชั่วโมง แต่รู้สึกว่าไม่ค่อยมีสติเท่าไร บางทีสติไม่จับยุบพองแต่แวบไปคิดเรื่องอื่นเอง มีบ้างทีรู้สึกว่าจิตสงบ แต่ก็แว้ปเดียวเท่านั้นค่ะ บางทีนั่งๆ อยู่ก็รู้สึกว่าผงะจะเอนไปข้างหลังวูบหนึ่งค่ะ รู้สึกฟุ้งซ่านกว่าช่วงแรกๆ ที่เริ่มปฏิบัติ จึงขอคำแนะนำในการปฏิบัติจากท่านอาจารย์เพิ่มด้วยค่ะ ส่วนเรื่องเห็บสุนัขตอนนี้ไม่มีแล้วค่ะ เนื่องจากซื้อยามาฉีดให้พวกเขา (ฉีดเกือบทุกเดือน สงสารเหมือนกันค่ะ เขาก็เจ็บ ไม่ทราบว่าบาปหรือไม่คะ การที่เราไม่อยากให้เขาป่วยแบบนี้)

   สุดท้ายขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและบุญกุศลที่ท่านอาจารย์ได้สร้างมา ขอให้คุ้มครองอาจารย์ให้ปราศจากโรคาพยาธิทั้งหลายและอยู่เป็นกระจกส่องใจลูกศิษย์ ซึ่งยังอ่อนในทางธรรมตราบนานเท่านาน

   กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อย่างสูงค่ะ

คำตอบ
    ปฏิบัติธรรมแนวไหน ไม่สำคัญเท่ากับ ปฏิบัติธรรมแล้ว ต้องได้ผลเป็นความตั้งมั่น (สมาธิ) ของจิต และต้องได้ผลเป็นความเห็นแจ้ง (วิปัสสนา) เกิดขึ้นกับจิต

   ดังที่ได้บอกเล่าไป ตอนเช้าปฏิบัติธรรมแล้วจิตตั้งมั่นถือว่าถูกต้อง ตอนเย็นปฏิบัติธรรมในอีกแนวทางหนึ่ง และให้ผลเป็นความตั้งมั่นของจิต ถือว่าถูกต้อง ซึ่งทั้งสองวิธีของการปฏิบัติ เป็นเพียงสมถกรรมฐาน ยังไม่ถูกตรงตามแนวทางของพระพุทธะ คือต้องปฏิบัติธรรมแล้วเกิดปัญญาเห็นแจ้ง (วิปัสสนากรรมฐาน) แล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้งมากำจัดกิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในขันธ์สันดานคืออนุสัยทั้ง 7 หรือกำจัดกิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์ ให้ต้องเวียนตาย-เวียนเกิดอยู่ในวัฏสงสารคือสังโยชน์ทั้ง 10 ให้หมดไปจากใจ จึงจะถูกตรงและเป็นเป้าหมายของการปฏิบัติธรรม

   ส่วนเรื่องปฏิบัติธรรมตามที่ชี้นำทางไว้ในหนังสือ ผู้ใดมีบุญบารมีสั่งสมมามากพอ สามารถปฏิบัติและเข้าถึงธรรมได้ด้วยตัวเองแต่หากบุญบารมีสั่งสมมาไม่มากพอ จะทำให้ปฏิบัติหลงทาง เสียเวลาเนิ่นนาน กว่าจะบรรลุอมฤตธรรมของพระพุทะ ดังตัวอย่างของพระมหาสิวะผู้รู้ธรรม สอนศิษย์จนบรรลุอรหัตตผลมาเป็นจำนวนมาก แต่กว่าตัวเองจะเข้าถึงธรรมได้ ต้องนำตัวเองเข้าไปปฏิบัติธรรมอยู่ในป่ายาวนานถึง 30 ปี จึงบรรลุเป็นอริยบุคคลขั้นสูงสุดได้ และในทางตรงข้ามมหาวาจกอุบาสกผู้รู้ธรรม นำตัวเองไปปฏิบัติธรรมตามลำพังไม่มีใครผู้ใดเป็นครูชี้แนะ ปฏิบัติธรรมยาวนานถึง 50 ปี ยังเข้าไปถึงธรรมของพระพุทธะ ตายแล้วยังต้องไปเกิดใหม่เป็นเดรัจฉานอีกด้วย

   ส่วนเรื่องที่ผู้ถามปัญหาปฏิบัติธรรมแล้วจิตยังไม่สงบยังเกิดอารมณ์ฟุ้งซ่าน ต้องปฏิบัติให้ต่อเนื่องยาวนาน และนอกจากที่เคยแนะนำไว้ในข้อ 584 ต้องปฏิบัติถูกตรง และยังขึ้นอยู่กับบุญบารมีเก่าที่สั่งสมมาแต่อดีตชาติ เป็นฐานรองรับความสำเร็จในมรรคผลของการปฏิบัติด้วย
   

614.
กราบเรียนท่านอ.ดร.สนอง วรอุไร

อาจารย์รู้เรื่องน้ำท่วมโลกหรือไม่ครับ จะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับเมืองไทย มากน้อยขนาดไหนครับ ผมเห็นพระหรืออาจารย์หลายท่านบอกว่าไม่เกิน10ปี 6ปี 5ปี 2ปีบ้าง เมืองไทยจะหนาวหิมะตกบ้าง คลื่นยักษ์ สูงหลายเมตรบ้าง แผ่นดินไหว น้ำท่วม ตามความเห็นของอาจารย์ เห็นว่ายังไงบ้างครับ จะได้รับมือถูก และเร่งฝึกสติมากๆ

คำตอบ
    จากประสบการณ์ตรงของผู้ตอบปัญหา เชื่อเต็มร้อยว่าธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรมที่มีธรรมอยู่ในจิตเป็นความจริงแท้ ดังที่พระพุทธะตรัสไว้ว่า “ ธัมโม หเว รักขติ ธัมมะจารี ” ดังนั้นใครผู้ใดเชื่อในความจริงที่พระพุทธะได้ตรัสไว้ ควรประพฤติธรรม (สมถ-วิปัสสนากรรมฐาน) จึงจะเรียกได้ว่า เป็นการรับมือกับความวิบัติของโลกที่ถูกต้องตามธรรม
  

613.
ดิฉัน รู้สึกว่าเหมือนเรือไร้เข็มทิศ ขอความเมตตาอาจารย์ช่วยให้ความกระจ่างด้วยคะ

   1.การที่เราฝึกจิตให้มีสติรู้ปัจจุบันทุกเมื่อ นอกจากประโยชน์ในชีวิตทางโลกแล้ว เวลาตาย ซึ่งเป็นเวลาสำคัญที่ความคิดของจิต ณ เวลานั้น จะเป็นแดนเกิดต่อไป งงว่าหากเราอิ่มเอิบในบุญที่เราทำมา แล้วเราควรจะตั้งสติในบุญอันใดที่เราทำเล่า หากเราเป็นอัมพาต สมองไม่ทำงานหรือเป็นอัลไซเมอร์ เรามิเสียโอกาสได้ตั้งสติในสิ่งดีงามขณะตายหรือ เช่นนี้หมายว่าก็เป็นกรรมอย่างหนึ่งของเราใช่ไหม แล้วสุดท้ายเราควรตั้งจิตอย่างไรดี แต่เวลาที่ยังไม่ตายเล่าจะตั้งจิตว่าขอเกิดเป็นชาย แล้วได้บวชในพุทธศาสนา และสามารถหลุดพ้นจากวัฎฎสงสารได้ หรือ ไม่ต้องบวช เป็นชาย หรือหญิงก็สามารถหลุดพ้นได้ หรือปล่อยให้บุญกรรมพาไปเอง ตั้งจิตได้หรื่อไม่ว่าขอแค่โสดาบันก็พอ เกรงว่าขอสูงไป บุญมีไม่พอก็จะชวดทั้ง
วัฎฎสงสาร และโสดาบัน สู้ตั้งต่ำกว่าหน่อยอย่างน้อยได้โสดาบันก็ยังดี
  

   2.สามารถตั้งจิตได้หรือไม่ว่า ชาติไหนๆก็ขอไม่พบคนนี้อีก หรือ ควรตั้งจิตว่าขอไม่ต้องพบคนที่มีข้อเสีย หรือ ทุศีลแบบนี้อีกต่อไปได้หรือไม่ ขอแบบนี้ค่อนข้างเปิดกว้าง ดีกว่าใช่หรือไม่ หากว่าคนนั้นเกิดทำบุญร่วมกับเรามาหลายอย่างในชาตินี้ ที่ขอไว้ก็ไปขัดกับ บุญที่ทำกันมาหรือไม่ หรือจะทำให้บุญกรรม ทำงานสับสน

    3. การที่เรายังติดใจเอาความกับใครสักคน หากไม่ได้ชำระจิต ทำความเห็นให้ถูกต้องให้เรื่องมันจบ และไม่ถือสาหาความกับเขา ต่อไปแล้ว มันจะบันทึกไว้ในดวงจิต            ตามติดเราไปทุกชาติ ทำให้ต้องมาพบมาเจอกันใช่หรือไม่ แต่ถ้าคู่กรณี ไม่รู้เรื่องว่าเราไม่ถือสาแล้ว ยังติดใจเรื่องเราอยู่ ก็ต้องมาเกิดเจอกันใช่หรือไม่

ขออนุโทนาในความดีของอาจารย์ที่ให้ความกระจ่างในทางธรรม

คำตอบ
    เรือที่ขาดหางเรือแล่นไปไม่ตรงทาง เรือที่ขาดเข็มทิศแล่นไปผิดทาง ชีวิตที่ขาดสติดำเนินไปวกวนในวงกว้าง ไม่ต่างจากเรือที่ขาดหางเสือและขาดเข็มทิศ

(1) เวลาใกล้ตาย จิตระลึกได้ในบุญใด แล้วทำให้อิ่มเอิบพึงระลึกรู้อยู่กับบุญนั้น การระลึกที่เป็นสัมมาสติ สุคติย่อมเป็นที่หมายของชีวิตหน้า การระลึก (สติ) เป็นเรื่องของจิตมิใช่เป็นหน้าที่ของสมอง ฉะนั้นเป็นอัมพาตเป็นอัลไซเมอร์ หรือสมองไม่ทำงาน จึงเป็นเรื่องของความชรา ความเสื่อม ความชำรุด ของส่วนที่เป็นร่างกายไม่เกี่ยวกับจิต จึงไม่เสียโอกาสการมีสติของจิต

ส่วนเรื่องการเกิด การเจ็บป่วย การตาย มีต้นเหตุมาจากความรู้ไม่จริง (อวิชชา) ของจิต ทำให้จิตขาดสติสัมปชัญญะ ใครผู้ใดมีและใช้สติสัมปชัญญะกำจัดอวิชชาให้หมดไปจากจิตได้ การเกิด การตาย การเจ็บป่วย จะไม่มีกับผู้นั้น ฉะนั้น ขณะยังมีชีวิตอยู่ ควรตั้งเป้าหมายว่าจะนำพาชีวิตให้พ้นไปจากการเวียนตาย-เวียนเกิดในวัฏสงสารแล้วทำเหตุให้ถูกตรงคือปฏิบัติสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานจนเกิดปัญญาเห็นแจ้งถูกตรงตามธรรมแล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้งกำจัดอนุสัยทั้ง 7 หรือสังโยชน์ 10 ให้หมดไปจากใจได้แล้วเป้าหมายที่ตั้งไว้จึงจะบรรลุผลได้

เรื่องการมีเพศเป็นชายหรือหญิงรวมถึงการบวชหรือไม่บวช ไม่สำคัญเท่ากับการประพฤติธรรมถูกตรงตามธรรมแห่งการหลุดพ้น และสามารถทำให้จิตเป็นอิสระจากกิเลสจนเข้าถึงความเป็นอริยบุคคลขั้นต้น (โสดาบัน) ได้ จึงจะเป็นที่แน่ใจได้ว่าโอกาสนำพาชีวิตให้พ้นไปจากวัฏสงสารในวันข้างหน้ามีได้แน่นอน

(2) บุคคลสามารถตั้งเป้าหมายของจิตได้ ด้วยการสร้างมหาทาน เช่นทำบุญเลี้ยงพระ 7 วัน แล้วอธิษฐานตามจิตปรารถนาหลังจากนั้นรักษาศีล 5 ให้มีอยู่กับใจ และสุดท้ายต้องทำเหตุให้ถูกตรง คือทำศีลให้บริสุทธิ์ มีศรัทธาเต็มร้อยในธรรมวินัยของพระพุทธะ มีการสละบริจาคให้ยิ่งใหญ่ และสุดท้ายสร้างปัญญาพุทธะ (ปัญญาเห็นแจ้งในสรรพสิ่ง) ให้เกิดขึ้น เมื่อใดที่ผู้ถามปัญหาประพฤติได้ผลถูกตรงตามนี้ โอกาสนำพาชีวิตหน้าไปพบกับคนที่มีอธรรม (ข้อเสีย) หรือทุศีลย่อมไม่เกิดขึ้นแม้จะเคยร่วมบุญ-บาปกันมาแต่ชาติปัจจุบันทำกรรมไว้ต่างกัน เมื่อบุญให้ผลย่อมไม่พบกันอีกตามจิตปรารถนา เหตุเพราะทำกรรมที่ให้ผลเป็นบุญไว้ต่างกัน การพบและอยู่ร่วมกับคนทุศีลย่อมไม่เกิดขึ้นได้

(3) ผู้รู้จริง รู้ว่าเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ฉะนั้นการที่ยังติดใจเอาความกับใคร เป็นการผูกชีวิตไว้กับความพยาบาท (เวร) เมื่อใดกรรมที่เป็นเวรแสดงผล ชีวิตที่มีเวรผูกติดย่อมได้รับผลเป็นความขัดข้อง เดือดร้อน เป็นทุกข์ ฉะนั้นการให้อภัยคือการไม่ผูกเวรไว้กับผู้ให้อภัย แม้จะเกิดมาพบกันอีก และผลของกรรมที่เป็นเวรให้ผลผู้ถูกจองเวร ยังต้องรับผลของกรรมนั้น ต้องพบกับอุปสรรคและปัญหาอยู่บ้าง แต่ไม่ถึงกับทำให้ชีวิตวิบัติ ดังตัวอย่างคู่เวรกรรมระหว่างพระพุทธะผู้มีศีล ถูกอดีตและปัจจุบันพระเทวทัตจองเวร แต่ละภพที่เกิดมาพบกัน พระโพธิสัตว์ยังต้องชดใช้หนี้เวรกรรมเรื่อยมา เมื่อพระโพธิสัตว์ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ยังถูกพระเทวทัตตามราวีในที่สุดพระเทวทัตลงไปเกิดเป็นสัตว์เสวยทุกข์อยู่ในนรก ส่วนพระพุทธะนำพาชีวิตไปสู่วิมุตติสุขในนิพพาน

ฉะนั้นเรื่องจริงที่ยกมาเป็นอุทาหรณ์จึงสอนให้รู้ว่า เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรตอบกลับ คือหนี้เวรกรรมหมดไปด้วยการชดใช้และไม่ก่อหนี้เวรกรรมใหม่ให้เกิดขึ้น
     

612.
กราบเรียนท่านอ.ดร.สนอง วรอุไร ดิฉันอยากได้คำชี้แนะมากค่ะ

   ดิฉันมีทุกข์ที่เกิดจากการช่วยเหลือใครคนหนึ่งแต่ในขณะเดียวกับกลับเป็นการช่วยเหลือให้เค้าฆ่าใครอีกคน มันเป็นบาปที่ดิฉันไม่เคยคิดว่าจะต้องเกิดกับตัวดิฉันเอง ดิฉันควรจะทำอย่างไร และแนะนำให้คนที่เค้ามาพึ่งดิฉันทำอย่างไร ดิฉันเหมือนตกนรกทั้งเป็น เป็นทุกข์มากรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนเลวมาก รู้สึกผิดกับพ่อแม่ที่เค้าเลี้ยงดูเรามาอย่างดี รู้สึกผิดกับคนรักในสิ่งที่ดิฉันกระทำ ดิฉันไปปฏิบัติธรรมก็รู้สึกเหมือนดิฉันไม่คู่ควรกับสถานที่บริสุทธิ์ ดิฉันเข้าใจว่าดิฉันกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่ก็ปล่อยวางเรื่องนี้ไม่ได้เช่นกัน มันกลัวไปหมด

   เรื่องของเรื่องก็คือหญิงคนหนึ่งเค้าเปรียบเสมือนน้องสาวของดิฉันเค้าบอกว่าเค้าถูกรังแกจนเกิดการตั้งครรที่ไม่พึงประสงค์ขึ้นมา ดิฉันได้ตกกระไดพลอยโจนให้ต้องเป็นเหตุให้เป็นผู้พาเค้าไปทำสิ่งที่เลวร้ายในชีวิตของดิฉัน ดิฉันลองเสนอทางเลือกอื่นแล้ว แต่ดิฉันต้องเคารพในการตัดสินใจของหญิงคนนั้น หรืออีกนัยหนึ่งดิฉันกลับไม่กล้าพอที่จะยืนกรานในสิ่งที่ถูกต้อง ดิฉันได้ถูกกำหนดให้เป็นผู้นำเรื่องไปปรึกษาผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง รวมถึงบอกกล่าวถึงการตัดสินใจของหญิงคนนั้น จนสุดท้ายดิฉันได้กลายเป็นผู้พาเค้าไปจัดการในทุกๆอย่าง ดิฉันอยู่ในสถานะที่ต้องช่วยเค้า ดิฉันทิ้งเค้าไม่ได้จริงๆ ตอนนี้ดิฉันคิดว่า ชาติก่อนดิฉันคงเคยกระทำกรรมเลวกับน้องเค้าไว้เค้าก็เลยให้ดิฉันต้องชดใช้ด้วยการตกนรกทั้งเป็นจากการช่วยเค้า แต่ดิฉันไม่ได้โกรธอะไรเค้าเพราะถึงยังไงเค้าก็เป็นเสมือนน้องสาวดิฉันซึ่งถ้าดิฉันไม่เป็นที่พึ่งให้เค้าดิฉันก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร อะไรจะเกิดขึ้น ชีวิตน้องเค้าเป็นเด็กดีและน่าสงสารในความคิดของดิฉัน คิดซะว่าเป็นกรรมเลวของดิฉันเอง ได้แต่อธิฐานว่าต่อไปขอให้ดิฉันกับน้องเค้าได้ร่วมประกอบกรรมดีร่วมกันแทน

ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์มาก หากดิฉันไม่มีวาสนาที่ท่านอาจารย์จะตอบคำถาม ดิฉันก็จะถือว่าเป็นกรรมของดิฉันเอง ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์สำหรับคำสอนที่ดิฉันได้มีบุญได้มีโอกาสได้ฟังธรรมจากท่าน

ขออนุญาตขอให้ท่านอาจารย์ประสบความสำเร็จตามที่ท่านมุ่งหวังด้วยเทอญ ขอบคุณค่ะ

คำตอบ
    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประสบการณ์ตรงของชีวิตที่ผู้ถามเข้าถึงด้วยตัวเอง เป็นเรื่องดีที่คุณต้องระมัดระวัง อย่าให้เหตุการณ์เช่นนั้น กลับมาเกิดขึ้นกับตัวเองอีกเป็นครั้งที่สอง การกระทำของคุณถือได้ว่าเป็นผู้ร่วมกระบวนอกุศลกรรม เมื่อมีผู้อื่นทำกรรมเลวมาก่อนแล้ว ระลึกได้ว่าจะพาชีวิตไปสู่ความตกต่ำ จึงควรเลิกพฤติกรรมเลวแล้วหันมาสร้างพฤติกรรมดี ดังเช่น อัมพปาลีโสเภณีแห่งแคว้นวัชชี หรือสิริมาโสเภณีแห่งแคว้นมคธ ทั้งสองท่านเลิกหาเลี้ยงชีวิตด้วยอาชีพที่ไม่สะอาด (มิจฉาอาชีวะ) แล้วหันมาปฏิบัติธรรม จนอัมพปาลีบรรลุอรหัตตผลเข้าสู่นิพพานไปแล้ว และสิริมาปฏิบัติธรรมจนบรรลุความเป็นโสดาบันตายไปเกิดเป็นนางฟ้าโสดาบันอยู่ในสวรรค์ชั้นสูงสุด (ปรนิมมิตวสวัตตี)

ดังนั้นหากความเห็นถูกเกิดขึ้นกับคุณได้เมื่อใด คุณจะชื่นชมและศรัทธาในนางพญาสิงห์ทั้งสองที่ยกมาให้ดูเป็นตัวอย่าง และนำตัวเองเข้าประกอบกรรมดี ตามแนวทางที่ท่านทั้งสอง ได้ทำเป็นตัวอย่างให้ชาวโลกดู
    

611.
เรียน อาจารย์ ดร.สนองฯ ครับ

ผมเรียนอยู่ที่ Nottingham University ครับ การมาอยู่ที่นี่ทำให้ผมศีลครบโดยอัตโนมัติ กินมื้อเดียวอีกต่างหาก บังเอิญด้วยว่ามาเจอเวบไซด์ของอาจารย์และฟังสิ่งที่อาจารย์กล่าว ทำให้ผมเริ่มนั่งสมาธิ ฝึกสติทุกเช้า จริงๆ แล้วผมอ่านหนังสือของอาจารย์มาก่อนสองเล่มแล้วล่ะครับ

ผมกำลังเรียนหัวข้อ สงคราม ผมก็เลยเสนออาจารย์ที่นี่ว่า ผมจะศึกษาเรื่องนี้ โดยผ่านกระบวนการคิดแบบพุทธ ปรัชญาทางพุทธ ซึ่งเขาสนใจมาก เพราะเขาอยากรู้วิธีคิดแบบตะวันออกด้วย ก็เหมือนกับผมเผยแผ่ธรรม แบบทางวิชาการไปด้วย เพราะผู้คนที่นี่ อะไรก็ตามถ้าไม่เป็นวิชาการ จะไม่ได้รับความสนใจ ก็เลยเรียนถามอาจารย์ ครับ เผื่อ อาจารย์มีมุมมอง ปรัชญาในทางพุทธ ที่เกี่ยวกับสงคราม ในมุมที่แตกต่างออกไป

ขอบพระคุณครับอาจารย์
  ร.ต.อ.อภิชาติ หัตถสิน

คำตอบ
    สงครามคือการรบกัน สงครามนอกแนวพุทธหมายถึง การรบกับผู้อื่น ใช้กำลังคนใช้กำลังสติปัญญาไอคิว ใช้กำลังอาวุธเข้าประหัตประหารกัน โดยมีจุดหมายอยู่ที่การเป็นผู้ชนะเหนือผู้อื่นแต่สงครามตามแนวพุทธคือการรบกันตัวเอง รบกับใจของตัวเอง รบกับกิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในใจของตัว คืออนุสัย 7 ได้แก่ กามราคะ ปฏิฆะ ทิฏฐิ วิจิกิจฉา มานะ ภาวราคะ อวิชชา หรือรบกับกิเลสที่ผูกมัดใจคือสังโยชน์ 10 ได้แก่ สักกายทิฏฐิ สีลัพพตปรามาส วิจิกิจฉา กามราคะ ปฏิฆะ รูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา กิเลสเหล่านี้เป็นต้นเหตุให้มนุษย์และสัตว์ต้องเวียนตายเวียนเกิดไม่มีวันจบสิ้น การรบแนวพุทธมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่การเอาชนะใจตนเองคือตัดรากถอนโคน เผาทิ้ง กิเลสเหล่านี้ให้สูญสิ้นไปจากใจเป็นสงครามที่เอาชนะได้ยาก แต่ยังมีผู้เอาชนะใจตัวเอง เป็นวีรบุรุษที่แท้จริงได้ ดังตัวอย่างเช่นบรรดาพระอรหันต์ทั้งหลายได้ทำสงครามให้ชาวโลกดูเป็นตัวอย่างและเป็นผู้ชนะที่แท้จริง
     

610.
เรียน ดร.สนอง

   หนูมีเรื่องทุกข์ใจจะขอเล่าสั้นๆนะคะ แม่สามีขยันสร้างหนี้มาก เราเคยใช้หนี้จนหมดไปหลายรอบ ก็จะมีหนี้ใหม่มาอีก แม่สามีจะโทรมาขอเงินลูกชายเป็นประจำ สามีหนูก็พยายามหาให้ทั้งที่ไม่มีเงิน จนเดี๋ยวนี้สามีหนูมีหนี้บัตรเครดิต 10กว่าใบ ขณะนี้อยู่ขั้นตอนการประนอมหนี้ และรอขึ้นศาล แม่สามีก็ทราบเรี่องเพราะมีจดหมายส่งไปที่บ้านแม่อยู่ หลายสิบฉบับ แต่ทุกวันนี้แม่สามีก็ยังโทรมาขอเงินอยู่เป็นประจำ ด้วยเหตุผลที่ว่าขายของไม่ดี ไม่เงิน เลยต้องไปกู้เค้ามา สามีกลุ้มใจมาก เคยคิดฆ่าตัวตายหลายครั้งเพราะไม่รู้จะทำยังไง ถ้าไม่ให้ก็กลัวบาป และ เป็นลูกอักตัญญู

1.ถ้าเราไม่ให้เงินแม่อีกจนกว่าเราใช้หนี้หมด เราจะบาปและอกตัญญูมั้ยคะ บาปจะติดตัวเราไปมั้ยคะ เพราะเวลาบอกว่าไม่มี แม่ก็จะร้องให้ บ่นว่ากลุ้มใจ อยากตายเพราะไม่มีเงินไปใช้หนี้คนอื่น

2.เราควรจะทำอย่างไรให้แม่ หยุดสร้างหนี้คะ

3.ชาติที่แล้วเราทำเวรกรรมอะไรไว้คะ และควรจะแก้ไขกรรมนี้ได้อย่างไรคะ

กราบขอบพระคุณดร. ที่ช่วยชี้ทางสว่างนะคะ
   คู่กรรม

คำตอบ
    (1) ตัวเองเป็นหนี้ ทุกข์มากกว่าคนอื่นเป็นหนี้พฤติกรรมที่ได้ประพฤติแล้ว เป็นการสร้างบาปให้กับตัวเอง ทำไมไม่หยุดสร้างบาปล่ะ การแสดงความกตัญญูต่อบุพการีมิใช่ต้องทำด้วยเงินเพียงอย่างเดียว ยังทำโดยวิธีอื่นได้อีก เช่น ประพฤติจริยธรรมของการเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่

มนุษย์มีความทุกข์เป็นสมบัติประจำตัว การเกิด การแก่ การตายเป็นทุกข์ประจำ การทำงานที่เป็นโทษ การเจ็บป่วย การเป็นหนี้ฯลฯ เป็นทุกข์จร ฉะนั้นเพื่อลดความทุกข์ ต้องทำร่างกายให้แข็งแรง ทำงานไม่ผิดศีลไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดธรรม และทำตัวเองให้ไม่เป็นหนี้ ด้วยการบริโภคใช้สอยมักน้อยพอให้ชีวิตดำรงอยู่ได้ บริโภคใช้สอยแต่สิ่งที่เป็นสาระ สิ่งใดไร้ประโยชน์ไม่จำเป็นกับชีวิตต้องงดเว้น และสุดท้ายทำตัวเองให้เป็นคนสันโดษ ไม่นำตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ปฏิบัติเพียงเท่านี้ทุกข์จรจะลดลงได้มาก

   (2) ทุกคนมีชีวิตเป็นของตัวเอง แม่ต้องศรัทธาและทำตามคำชี้แนะในข้อ (1) และบริหารจัดการชีวิตตนเองปัญหาหรือความทุกข์จึงจะบรรเทาลงได้

   (3) ประพฤติคนเป็นผู้ทุศีลข้อ 2 เป็นต้นเหตุทำให้เสียทรัพย์ การเป็นหนี้เป็นอกุศลวิบาก เกิดมาจากเหตุที่ตนเองกระทำไว้ก่อน วิธีบริการจัดการหนี้กรรมต้องหยุดสร้างหนี้ใหม่ ชดใช้หนี้เก่าให้หมดไปเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นผู้มักน้อยและมีสาระ ทำบุญ(บุญกิริยาวัตถุ10) อยู่เรื่อย ๆ แล้วอุทิศบุญให้เจ้าหนี้ ทำความดีทุกรูปแบบให้ยิ่งใหญ่สุดท้ายพัฒนาจิตวิญญาณตัวเองให้เข้าสู่นิพพานหนี้เวรกรรมที่เหลือทั้งหมดเป็นอันยกเลิก (อโหสิ)
  

609.
เรียน อ.ดร. สนอง

รบกวนขอทราบ สถานที่ฝึกกรรมฐาน ที่อยู่ทางภาคใต้ค่ะ (บ้านอยู่ที่ จ.ภูเก็ต) อ่านหนังสือของอาจารย์ทราบว่าวัดไร่เปิงมีสอน แต่คงไม่สะดวกไปถึงเชียงใหม่ค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ
นัธชยา

คำตอบ
    เนื่องจากไม่มีประสบการณ์ เกี่ยวกับสถานที่ฝึกปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานทางจังหวัดภาคใต้ต้องขออภัยให้คำชี้แนะไม่ได้ หากมีเจตนาจะพัฒนาจิตตนเองแล้ว ไม่ต้องเดินทางไกลไปฝึกถึงภาคเหนือหรอก ขึ้นไปแค่ภาคกลางก็มีสำนึกให้ฝึกวิปัสสนากรรมฐาน อยู่หลายแห่งอาทิในกรุงเทพฯ ที่มียุวพุทธิกสมาคม ที่วัดมหาธาตุฯ ที่วัดอินทรวิหาร ฯลฯสิ่งที่ควรคิดคือทุกคนเมื่อถึงเวลาที่จิตทิ้งขันธ์ลาโลกต้องเดินทางไกลยิ่งกว่านี้มาก
 

608.
กราบเท้าท่านอาจารย์ที่เคารพอย่างสูง

ดิฉันมีข้อข้องใจอยากเรียนถามดังนี้ค่ะ ดิฉันเป็นคนชอบคิดฟุ้งซ่าน คิดไปในอดีตและอนาคต จะมีสติอยู่กับปัจจุบันรวมในวันหนึ่งๆ คงไม่เกิน 1 ชั่วโมง พยายามแล้วพยายามอีก ก็คิดว่ายังไม่ค่อยก้าวหน้าเท่าที่ควร แต่ดีกว่าเดิมค่ะ แต่ตอนนี้ดิฉันประสบกับปัญหาที่หนักหนาสำหรับตัวเองคือ ชอบง่วงนอน ซึ่งมันเป็นอุปสรรคกับดิฉันอย่างมาก โดยเฉพาะตอนดิฉันนั่งฟังพระธรรมจากแผ่น CD ฟังตอนแรกๆ ก็มีสติตามรู้ดี แต่พอไม่นานตัวเองจะไม่รู้สึกเลยว่าหายไปไหนมา คิดว่าตัวเองคงนั่งหลับ
ดิฉันขอถามว่า "ดิฉันหลับใช่หรือไม่" อาจารย์มีข้อแนะนำอย่างไรบ้าง

ขออาจารย์โปรดเมตตาดิฉันด้วย

คำตอบ
    คนหลับคือคนที่มีจิตตกภวังค์ พลังงานของจิตไม่มีการเกิด-ดับ จึงไม่รับรู้สิ่งใดทั้งสิ้น เรื่องนี้เป็นธรรมชาติของจิตของสัตว์โดยทั่วไป กระเพาะที่มีอาหารบรรจุอยู่มากขณะสูดลมหายใจเข้าสู่ร่างกายออกซิเจนส่วนใหญ่จะถูกขับลงสู่กระเพาะเพื่อใช้ในการร่วมย่อยอาหาร ออกซิเจนส่วนน้อยถูกขับเข้าสู่สมอง ทำให้สมองมีพลังงานอยู่น้อย อาการง่วงนอนจึงเกิดขึ้นได้ ฉะนั้นควรแก้ไขตัวเองก่อนฟังธรรมต้องเดินออกกำลังกายหรือทำงานให้อาหารในกระเพาะถูกย่อยสลายให้หมดได้ก่อน ในการปรุงอารมณ์ ฉะนั้นควรทำใจให้มีศีล 5 คุม แล้วเจริญสติภาวนาก่อนนอนหลังตื่นนอน และทุกครั้งที่ว่างจากงานภายนอก มีสัจจะปฏิบัติต่อเนื่องยาวนานได้แล้ว จิตจะตั้งมั่นเป็นสมาธิ อารมณ์ฟุ้งหลากหลายจะลดลง พลังงานจะถูกอนุรักษ์และมีมากขึ้น ความง่วงจะลดลง
  

607.
เรียนถาม อาจารย์สนองค่ะ

ดิฉัน อยากเรียนถาม อาจารย์สนองเรื่องเกี่ยวกับกฐิน ดิฉันเองไม่เคย เป็นเจ้าภาพหรือกรรมงานกฐิน ผ้าป่าใดๆมาก่อน ดิฉันได้พบเจ้าอาวาสวัดป่าปิยราช ที่อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่ง อาจารย์ท่านว่าที่วัดยังไม่ได้กฐินเลย ที่ศาลาหลังคารั่ว บริเวณพระประทานพอดีดิฉันจึงว่า จะลองปรึษากับคนสนิท รักใคร่ดู เผื่อจะได้เรื่อง แต่ยังไม่รับปากท่าน เมือ่ดิฉันปรึษา พ่อ แม่ และเพื่อน ๆ ไม่มีใครเห็นด้วย ให้เหตุผลว่า กฐินเป็นบุญใหญ่ ทำยาก เพื่อน ๆดิฉันเองก้อคงไม่มีเงินพอ หากจะใช้เงินของตนเองทั้งหมดไม่มีใครเค้าทำกัน ดิฉันโลภมาก อยากได้บุญ การทำกฐินเป็นสิ่งที่ดิฉันปรารถนา ว่าจะทำสักครั้งในชีวิต

ดิฉันขอคำแนะนำจากท่านอาจารย์ในเรื่องนี้ด้วยค่ะ

คำตอบ
    การทอดกฐินเป็นมหากุศล เป็นเจ้าภาพทอดกฐินร้อยครั้งได้แค่สวรรค์สมบัติ แต่หากนำตัวเข้าปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงธรรมของพระพุทธะได้ จะเป็นบุญใหญ่สุดสามารถผลักดันชีวิต ไปสู่ความเป็นอริยบุคคลได้เข้าถึงนิพพานสมบัติได้

ฉะนั้นการเป็นเจ้าภาพทอดกฐินหากมีบารมีมากพอ เป็นเจ้าภาพแล้วไม่เบียดเบียนตัวเองและผู้อื่น รับเป็นเจ้าภาพทอดกฐินดีกว่าไม่รับ
     

606.
เรียนถาม

ท่านอาจารย์คะ หนูมีกิจการส่วนตัว คือเรียนจบแล้วมาช่วยพ่อแม่ทำงาน พี่น้องก็มาทำด้วยกันครบทุกคน หนูนำเงินของส่วนกลางไปทำบุญ เช่นบริจาคพิมพ์หนังสือธรรมะ สร้างสถานปฏิบัติธรรม และช่วยเกื้อกูลครูบาอาจารย์ ฯลฯ ใจหวังว่าขอให้ผลบุญเกื้อกูลคนในครอบครัวให้อยู่เย็นเป็นสุขและให้ได้เข้าทางธรรม หนูเคยพูดกับพ่อแม่ว่าขออนุญาติเอาเงินไปทำบุญโดยไม่ต้องบอกกล่าว (เพราะเคยบอกแล้วถูกขัดขวาง) พ่อแม่ก็ไม่ว่าอะไร ใจหนึ่งก็คิดว่ากำลังทำดีอยู่ แต่ใจหนึ่งก็ไม่ค่อยสบายใจเพราะเหมือนปิดบัง และคล้ายๆจะเจือด้วยโทสะด้วยเพราะกลัวว่าจะถูกขัดขวางการทำบุญ

อาจารย์โปรดแนะนำด้วยค่ะว่าควรทำต่อไปอย่างเดิมหรือควรแก้ไขอย่างไร ขอบคุณท่านอาจารย์ค่ะ

คำตอบ
    ควรแก้ไข ด้วยการขออนุญาตใช้เงินส่วนกลาง กับผู้มีส่วนร่วมทุกคน หากเขาไม่เห็นด้วย ต้องใช้เงินส่วนตัวของคุณเองไป
 

605.
เรียนท่านอาจารย์

หนูมีอาการคือ ในชีวิตประจำวันเมื่อรับการกระทบจากภายนอกแล้วจะปรุงแต่งเป็นอารมณ์ตลอดเวลา ทำให้ร่างกายเหนื่อยง่าย ทำงานได้ครึ่งวันจะง่วงนอน และเพลีย

เมื่อพยายามตั้งสติไม่ให้ไปตามอารมณ์จะเกิดความสว่าง ถ้าการกระทบภายนอกแรงและตั้งใจทำที่ใจจะยิ่งสว่างมากและยาวนาน พอใจมันสว่างจะรู้สึกเหมือนหลับไม่ลง เพราะใจไม่อยากนอน แต่ขณะเดียวกันร่างกายก็สู้ไม่ไหว เกิดเป็นความไม่ลงตัวระหว่างกายกับใจ หลายๆวันเข้าก็ป่วย และกลายเป็นคนป่วยง่ายมาก หนูควรปฏิบัติอย่างไรคะ จึงจะแข็งแรงทั้งกายและใจไปพร้อมกัน

ขอบพระคุณท่านอาจารย์ค่ะ

คำตอบ
    ปรับแก้ไขตัวเองให้มีศีล 5 คุมใจให้ได้ตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้า จนกระทั่งหลักไปในตอนกลางคืน ก่อนนอนสวดมนต์ทำจิตตภาวนา อุทิศบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวร แล้วเข้านอนด้วยการปล่อยวางความคิดทุกอ่างให้หมดสิ้นไปจากใจ ผู้ใดปฏิบัติได้อย่างที่ชี้แนะแล้วความลงตัวระหว่างกายกับใจก็จะเกิดขึ้น
  

604.
กราบเรียนอาจารย์ด้วยความเคารพ

   พ่อของผมนั้นเขาสวดมนต์เช้าเย็นอยู่เป็นประจำนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ว่าพอสวดเสร็จอุทิศส่วนกุศลเสร็จ เขามักจะขอโน้นขอนี่ (ขอทรัพย์สินเงินทองอย่างมาก) และยังยึดติดกราบไหว้ของขลังที่เขาบูชามา อย่างเช่น ถังเงินถังทอง แหดักเงิน ฯลฯ ที่มีอยู่ (แต่ไม่ได้มีมากมายนักหรอกครับ) ทั้งนี้เขาต้องการให้ได้เงินมาหมุนเวียน ไม่อยากลำบากไม่อยากไม่สบายใจ ต้องหาเงินจวนเจียนเข้าเช็คตลอด และเขามักมีอารมณ์เร็วต่อสิ่งมากระทบโดยเฉพาะความโกรธ เป็นคนโกรธง่าย เห็นใครดีก็ชอบ เห็นใครไม่ดีก็บ่นก็ว่า โกรธเคือง พอเดี๋ยวอีกวันนึงเห็นไอ้คนที่ไม่ดีมาทำสิ่งที่ดีให้ตนก็ชอบอีก พอไอ้คนที่ดีมาทำไม่ดีกับตนก็โกรธเคืองอีก เป็นอยู่อย่างนี้ประจำ (พอใจก็ชอบไม่พอใจก็โกรธ แต่มักจะมองคนในด้านลบแล้วโกรธ) แล้วทุกวันพระ เขาจะถวายข้าวพระพุทธรูป ศาลพระภูมิ ศาลตายาย ตลอดจนอาม่า อากงและแม่ของผมที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งยังเป็นการเห็นผิดอยู่ เขายังไม่รู้ในการที่ต้องดูที่ตัวเอง กำหนดดูอารมณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นแล้วดับ เขาเป็นคนที่สอนยากมาก บอกให้ไปเข้ากรรฐานก็ไม่ไป เขาบอกว่า "เตี่ยสวดมนต์ทุกวันนี่ก็พอแล้ว เตี่ยรู้อะไรต่ออะไรดี ไม่ต้องไปหรอก" ผมควรบอกยังไงกับพ่อของผมดีครับในเรื่องทั้งหมดนี้ เรื่องของขลังกับเรื่องถวายข้าวควรบอกมั้ยครับ ผมขออาจารย์สนองโปรดชี้แนะสนองปัญหาผมด้วยครับ
   สุดท้ายนี้ผมขอพรคุณพระรัตนตรัยได้โปรดดลบันดาลให้อาจารย์มีสุขภาพแข็งแรง ได้อยู่สอนมวลมนุษย์ให้พ้นทุกข์ตลอดรอดฝั่งด้วยเถิด

ขอขอบคุณอาจารย์ด้วยความเคารพครับ

คำตอบ
    ความรู้ไม่จริง (โมหะ) เป็นกิเลสที่แก้ไขได้ยาก แต่สามารถแก้ไขได้ ด้วยการเจริญจิตตภาวนาจนเกิดปัญญาเห็นแจ้ง แล้วความเห็นผิดดังที่บอกเล่าไปก็จะถูกกำจัดให้หมดไปด้วยปัญญาเห็นแจ้งนั่นเอง

ชีวิตของใครจะเป็นอย่างไร ต้องบริหารจัดการด้วยตัวเจ้าของชีวิต โดยเฉพาะลูกไม่มีสิทธิ์ที่จะไปสั่งสอนพ่อแม่ หากเมื่อใดผู้เป็นลูกปรับแก้ไขชีวิตตัวเองให้มีศีลมีธรรมคุ้มครองใจให้มีความเห็นถูกมีพฤติกรรมในการคิด พูด ทำ ดีทุกเรื่อง จนทำให้เกิดความศรัทธาขึ้นกับพ่อแม่ แล้วมาเอ่ยปากขอคำแนะนำจากผู้เป็นลูก เมื่อนั้นลูกจึงจะมีสิทธิ์ชี้แนะพ่อแม่ได้
   

603.
เรียน อาจารย์สนองที่เคารพ

   ดิฉันได้รับการตอบปัญญาของอาจารย์ ขอบพระคุณอย่างที่สุด   ทุกคำถามและทุกคำตอบเป็นครูสอนได้อย่างดี ดิฉันอ่านทุกข้อ และปฏิบัติตามคำชี้แนะ

ก่อนนี้ปฏิบัติธรรมจริง แต่ไม่เห็นธรรม ยังหลงอยู่ ปัจจุบัน ทำตามคำสอน คำชี้แนะได้ผลจริงๆ ถือศีล 5 ครองใจ ปฎิบัติตามพละธรรม 5 และทำบุญกริยา10 เจริญพรหมวิหาร4 อยู่ทุกขณะจิตให้ได้ เปลี่ยนเลยค่ะ ชีวิตเปลี่ยน ความคิดเปลี่ยน การกระทำแบบเคยชินถูกเปลี่ยน

ขอกราบท่านให้เป็นผู้รู้ เป็นอาจารย์ทางธรรม ด้วยความเคารพ และศรัทธายิ่ง

ขออนุญาตคัดลอกคำถาม-คำตอบ จำนวน กว่า 600 ข้อ และธรรมบรรยาย ของอาจารย์ทุกตอนที่มีอยู่ในเว็บไซร์ เพื่อเก็บไว้ฟัง และ อ่านทุกๆวัน จะได้มีสติระลึกรู้ ใส่ของดีๆให้จิตทุกๆวัน

กราบมาเพื่อขออนุญาติจากครูอาจารย์ และ หนูจะไปกราบอาจารย์ในวันอาทิตย์ที่ 25พฤศจิกายน นี้ค่ะ ในงานบรรยายธรรม

หนูหน่อง

คำตอบ
    ผู้ถามขออนุญาตคัดลอก คำถาม-คำตอบในเว็บไซด์ เพื่อเก็บไว้ดูเป็นส่วนตัว ไม่ขัดข้อง อนุญาต

   พร้อมกันนี้ขออนุโมทนาความเห็นถูกที่ได้เกิดขึ้นกับผู้ถามแล้วนำคำชี้แนะไปปรับแก้ไขสิ่งผิดพลาดให้กลับมามีชีวิตที่ดีงามได้
  

602.
กราบเรียนอาจารย์สนอง

หนูมีคำถามดังต่อไปนี้ ค่ะ

1.ทุกครั้งที่มีการสอบเพื่อน ๆของหนูจะนำโน๊ตย่อติดตัวเข้าไปด้วยทุกครั้งเลยค่ะ และหากได้โอกาสที่อาจารย์คุมสอบไม่เห็นเห็นก็จะหยิบขึ้นมาดู เพื่อนๆเค้าทำแบบนี้เกือบหมดทุกคนในห้องเลยค่ะ ส่วนอาจารย์ที่คุมสอบบางทีก็จงใจทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้นั่งหันหน้าเข้าข้างฝาปล่อยให้นักศึกษาลอกกันค่ะ หรือบางคนก็แอบเอาโน๊ตย่อเขึ้นมาดูค่ะ ตัวหนูเองไม่เคยทุจริตในการสอบค่ะและหนูเองเป็นคนเรียนไม่เก่งหัวไม่ดีและหนูยอมรับเลยค่ะว่าตัวเองก็เป็นคนไม่ได้ตั้งใจเรียนอะไรมากมาย ทำได้แค่ไหนก็แค่นั้น แล้วทุกๆ ครั้งที่ผลการสอบออมาหนูจะได้คะแนนน้อยที่สุดในห้องเรยค่ะ ประมาณว่าเป็นฐานเวลาตัด curveคะแนนของห้องค่ะ แต่หนูก็ไม่สนใจ เพียงแต่ก็ยังสับสนในตัวเองว่าที่จริงแล้วเราควรจะทุจริตเหมือนที่เพื่อน ๆทำหรือป่าว เพราะมีเพื่อนหลาย ๆ คนที่ทำแบบนี้จนได้เกรดเฉลี่ยสูงๆอาจารย์ในคณะก็รักใคร่ จบด้วยเกียรตินิยม สร้างความภาคภูมิใจให้พ่อแม่ หนูจึงอยากถามอาจารย์ว่าการที่อารจารย์จงใจยอมให้นักศึกษาทุจริตในการสอบนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นความหวังดีที่อยากจะช่วยนักศึกษา นั่นเป็นบุญหรือบาปคะ และการที่ทุจริตในการสอบเพื่อให้ได้เกรดสูง ๆ หวังจะให้พ่อแม่ภูมิใจในตัวเราและมีการงานที่ดีทำได้เงินเดือนสูง ๆ แล้วเอาเงินเดืนั้นมาเลี้ยงพ่อแม่ นั้นถือว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องหรือไม่ ?

คำตอบ
    นักศึกษาประพฤติทุจริตในการสอบ ถือว่าเป็นบาปอาจารย์ผู้คุมสอบหวังช่วยเหลือลูกศิษย์ ด้วยการทำเป็นไม่เห็นศิษย์ประพฤติทุจริตเป็นอาจารย์ที่ไร้คุณธรรม และยังเป็นการส่งเสริมศิษย์ให้ชั่วมากขึ้นอาจารย์จึงบาปมากกว่า การกระทำของอาจารย์แบบนี้ ไม่ต่างไปจากความหวังดีของลูกที่คิดตอบแทนคุณของพ่อ ด้วยการสืบทอดเจตนาธรรมทุจริตค้ายาเพื่อนำเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว จนในที่สุดถูกจับได้พร้อมยาบ้าจึงต้องถูกพิพากษา นำพาชีวิตตนเองเข้าไปอยู่ในเรือนจำตามรอยบิดาผู้มาชีวิตวิบัติ ที่ถูกฆาตกรรมจากผู้ร่วมกระบวนกรรม


2. มีอยู่ครั้งหนึ่ง เพื่อนสนิทของหนูเค้าไม่ยอมส่งงานอาจารย์ อาจารย์ก็โทรมาตามงานจากเค้า แต่เค้าโกหกอาจารย์ไปว่าเค้าได้ส่งไปแล้วและเพื่อนคนนั้นก็หนีไปเที่ยวต่างจังหวัด และระหว่างที่เค้าอยู่ต่างจังหวัดนั้นเองอาจารย์ได้โทรไปบอกให้เค้ามาส่งงานอีกในวันรุ่งขึ้น เพราะอาจารย์บอกว่าได้กลับไปหางานของเค้าแล้วแต่หาไม่พบ ถ้าหากไม่มีงานชิ้นนั้นส่งอาจารย์ๆ ก็ตัดเกรดให้เพื่อนหนูไม่ได้ เพื่อนคนนั้นจึงได้โทรมาขอร้องให้หนูทำงานให้เค้าแล้วเอาไปส่งที่อาจารย์ท่านนั้น แต่หนูไม่ยอมทำให้เพื่อนเพราะหนูไม่อยากมีส่วนในการโกหกอาจารย์เพราะอาจารย์ท่านนั้นเป็นคนดีมีศีลธรรม เพื่อนของหนูเค้าเลยไปไหว้วานให้เพื่อนอีกคนนึงทำส่งให้ หลังจากนั้นไม่นานก็มีเพื่อนอีกคนนึงมาต่อว่าหนูว่าเป็นเพื่อนสนิทกันอะไรที่ช่วยกันได้ก็น่าจะช่วยหากไม่เหลือบ่ากว่าแรง หนูก็เรยรู้สึกผิดและสับสนว่าตัวหนูเป็นคนแล้งน้ำใจกับเพื่อนสนิทเกินไปหรือเปล่าคะอาจารย์ ?

คำตอบ
    การคบเพื่อนเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นกับชีวิต ต้องคบทุกคนเป็นเพื่อน แต่เพื่อนใกล้ชิดเพื่อนสนิทต้องเป็นคนดีที่เรียกว่า กัลยาณมิตร เพื่อนดีไม่นำพาชีวิตไม่ตกต่ำ เพื่อนดีจะป้องกันขัดขวางไม่ให้เราทำชั่วและชักชวนให้เราทำดี ทำแล้วต้องไม่ผิดกฎหมายไม่ผิดศีลและไม่ผิดไปจากธรรม

เป็นสิ่งที่น่าเสียดายที่ผู้ถามปัญหามีเพื่อนสนิทเป็นคนพาลหากยังคบหาใกล้ชิด โอกาสที่เพื่อนพาลจะพาประพฤติผิดย่อมเกิดขึ้นได้ฉะนั้นการไม่ร่วมมือกระทำความชั่วกับเพื่อนที่เป็นคนไม่ดี ไม่ถือว่าเป็นการกระทำที่แล้งน้ำใจสำหรับคนดี แต่ถ้าคนชั่วทำตามคนพาลที่ขอร้องให้กระทำความผิดถือว่าผู้ให้ความร่วมมือเป็นคนมีน้ำใจชั่วแล้วในที่สุดตัวเองก็จะกลายเป็นคนชั่วคนพาลตามไปด้วย ด้วยเหตุนี้ในมงคลสูตรข้อแรก พระพุทธะจึงได้ตรัสกับเทวดา ที่มาขอให้บอกความเป็นมงคลว่า “ อเสวนา จะพาลานัง บัณฑิตตานัญจะ เสวนาฯ ” ผู้ใดทำได้แล้วความเป็นมงคลจะเกิดขึ้นกับชีวิต


3.หากหนูทำการปฎิบัติธรรมถือศีล สวดมนต์และนั่งวิปัสสนาอานิสงค์ของการปฎิบัตินั้นจะสามารถ ทำให้หนูอธิฐานจิตโน้มน้าวให้พ่อแม่ของหนูหันมาสนใจการปฎิบัติธรรมฝักใฝ่ในพุทธศาสนา นั่งวิปัสสนากรรมฐาน และสามารถบรรลุธรรมในชาตินี้ได้หรือไม่คะ
และหากหนูสนใจแต่การปฎิบัติธรรมจนละเลยเรื่องความก้าวหน้าของชีวิตการงาน แต่ก็ไม่ได้ละทิ้งหน้าที่ทางโลกโดยซะทีเดียว และอาจทำให้พ่อแม่เป็นห่วง อย่างนี้ถือว่าหนูทำบาปต่อบุพการีหรือเปล่าวคะ ?

ขอบคุณค่ะ
จอมขวัญ

คำตอบ
   เพียงแค่การสวดมนต์ และปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานยังไม่ถือว่ามีพลังบุญกล้าแข็งพอ ที่จะทำให้พ่อแม่บางคนศรัทธาแล้วหันมาสนใจปฏิบัติธรรมได้ หากเมื่อใดผู้เป็นลูกปฏิบัติธรรมจนจิตเข้าถึงธรรมบรรลุความเป็นอริยบุคคลได้แล้วโอกาสที่พ่อแม่จะหันมาสนใจและฝักใฝ่อยู่ในธรรมย่อมเกิดขึ้นได้ ดังตัวอย่างของพระสารีบุตรเปลี่ยนความเห็นผิดของนางสารีผู้เป็นแม่ให้กลับมาเห็นถูกและนับถือพระพุทธศาสนา

ผู้ที่สนใจพุทธศาสนาและนำตัวเองเข้าประพฤติได้ถูกตรงตามธรรมย่อมเข้าถึงธรรมได้ในชาตินี้ ตามระดับของธรรมทีตัวเองปฏิบัติได้อาทิ ประพฤติจริยธรรมพ่อแม่ได้ถูกตรงครบถ้วน คุณธรรมของการเป็นพ่อแม่ที่ดีย่อมเกิดขึ้น ประพฤติตนมีงานดีทำมีเงินใช้ ใช้เงินอย่างประหยัดแต่พอดี และไม่ทำตัวเป็นหนี้ เขาย่อมเข้าถึงธรรมที่นำสู่ความสุขแบบฆราวาสได้ ประพฤติสมถภาวนาจนจิตเข้าสู่ความตั้งมั่นเป็นสมาธิจิตย่อมเกิดความสงบสุขประพฤติวิปัสสนาภาวนา จนเกิดปัญญาเห็นแจ้งได้ โอกาสเป็นอริยบุคคลย่อมเกิดขึ้นได้ฯลฯ

ผู้ใดประพฤติงานภายนอกที่ทำให้กับสังคมได้ถูกตรง ไม่ทำให้เกิดเป็นความเสียหาย ไม่ถือว่าเป็นการละทิ้งหน้าที่ในทางโลก ส่วนงานภายในคืองานบริหารจัดการชีวิตตัวเองให้ดี ไม่ถือว่าทำชีวิตให้เสียหายส่วนเรื่องที่บุพการีเป็นห่วงนั้นเป็นเรื่องของเขา พระพุทธะมิได้สอนให้ไปแก้ไขผู้อื่น แต่สอนให้ดูตัวเอง ปรับแก้ไขตัวเองให้ดี ฉะนั้นผู้ถามปัญหาจึงต้องพิจารณาคำชี้แนะจากผู้รู้ แล้วตัดสินใจนำพาชีวิตไปด้วยตัวเอง


601.
กราบเรียนอาจารย์สนองที่เคารพค่ะ

ดิฉันมีเรื่องขอถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ

1. การบรรลุมรรคผลนิพพานนั้นเป็นเรื่องที่ต้องสร้างบารมียาวนานหลายกัลป์ เลยหรือปล่าวคะ เพราะได้อ่านหนังสือของพระในสมัยปัจจุบัน บางรูปได้บอกว่า เรื่องของการบรรลุมรรคผลนิพพานเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ในชีวิตนี้ เป็นเรื่องจริงหรือไม่คะ

2. การได้พบพระอริยบุคคลเป็นเรื่องที่ต้องมีบุญกุศลมาก่อนหรือไม่คะ
   ขอขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ


คำตอบ
   (1) ใช่ คนที่จะบรรลุธรรมสูงสุดได้ต้องสร้างและสั่งสมบารมีมายาวนานเป็นกัลป์

ที่พระสงฆ์บางรูปกล่าวไว้ในหนังสือที่ผู้ถามปัญหาไปอ่านเจอว่า “ การบรรลุมรรคผลนิพพาน เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ในชีวิตนี้ ” เป็นเรื่องจริงกับคนที่มีบารมีสั่งสมมาจากอดีตชาติอันยาวไกลและมีมากพอจนแสดงผลได้

  (2) ต้องมีบุญกุศลสั่งสมมาก่อน จึงสามารถพบและได้สนทนาธรรมกับอริยบุคคลได้


 

 

ส่งคำถามถึง ดร. สนอง วรอุไร => question@kanlayanatam.com

สอบถาม ให้คำแนะนำที่ => webmaster@kanlayanatam.com