1

 

 

 

                                                                 
คำถาม-คำตอบ ข้อ 501-550
550.

1. ขณะบวชเนกขัมมะ แต่ไม่ได้ทานข้าวที่ทางวัดจัดไว้ให้ แต่นำเงินส่วนตัวไปซื้อทานเอง เนื่องจากนักบวชมีจำนวนมากต้องเข้าคิวรับอาหาร จึงกลัวว่า จะทานไม่เสร็จทันก่อนเที่ยงวัน การกระทำลักษณะนี้ ผิดศีลหรือไม่และบาปหรือไม่คะ

คำตอบ
   
ไม่ผิดศีล และจะไม่เป็นบาปกับผู้เข้าบวชเนกขัมมะก็ต่อเมื่อ รับประทานอาหารได้หมดจดไม่เหลือทิ้ง ไม่ยืนรับประทานอาหารไม่รับประทานอาหารจนอิ่มเกินไป มีจิตไม่ตกเป็นทาสรสชาติของอาหารฯลฯ

2.ที่บ้านขายของชำ ของชำที่ขายจะมีสิ่งเสพติดอยู่ด้วย เช่นบุหรี่ เหล้าเบียร์ อยากทราบว่า เราถือศีล 5 หรือศีล 8 และขายของเหล่านี้จะผิดศีลและบาปหรือไม่คะ

คำตอบ
   
ตัวเองไม่ผิดศีล แต่เป็นต้นเหตุให้ผู้อื่นประพฤติทุศีล เป็นมิจฉาอาชีวะจึงต้องรับอานิสงส์บาปนั้นด้วย

3. ได้อ่านหนังสือจากพระอาจารย์ท่านหนึ่ง ท่านอธิบายว่าคนเราสามารถเบิกบุญมาใช้ได้แห มือน การเบิกเงินจากธนาคาร และการจะอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลต้องกล่าวชื่อและผู้ที่เราจะอุทิศก่อนที่จะสวดมนต์และนั่งสมาธิ และอุทิศอีกครั้งหลังจากการนั่งสมาธิเสร็จ เพื่อให้ผู้รับได้เตรียมตัวรับ เพราะผู้รับบางท่านจะไม่สามารถรับได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เปรียบเหมือนกับการบอกกล่าวให้ผู้รับบุญได้ทราบก่อน และหากอุทิศหลังจากนั่งสมาธิแล้วผู้รับบุญบางท่านจะรับไม่ทันเปรียบเหมือนการเปิดน้ำเต็มที่ออกมาในคราวเดียว ก็จะมีความแรงของน้ำที่มาก ผู้ที่มีบุญมากจะมีโอกาสรับได้มากเหมือนมีภาชนะใส่น้ำขนาดใหญ่สามารถรับได้เต็มที่ ส่วนผู้ที่มีบุญน้อยก็จะได้รับน้อยไปตามลำดับเหมือนมีภาชนะขนาดกลางและเล็กลดหลั่นกันลงไปแต่ผู้รับบุญบางคนไม่มีภาชนะใส่น้ำเลยก็อาจไม่ได้รับน้ำเลย จึงขอความกระจ่างในเรื่องนี้ด้วยคะ

ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ล่วงหน้าในการให้ความกระจ่างต่อผู้โง่เขลาเบาปัญญาเช่นหนูคะ

คำตอบ
    ผู้ใดมีบุญเก็บสั่งสมอยู่ในจิตใจสามารถนำบุญออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์เมื่อใดก็สามารถทำได้ และผลสำเร็จของการอุทิศบุญกุศลจะเกิดได้ต้องถึงพร้อมด้วยองค์ 3 คือ มีผู้อุทิศบุญ มีบุญอุทิศให้และมีผู้มารับ (อนุโมทนา) บุญ

การอุทิศบุญเจาะจงให้ผู้รับเพียงรายเดียว ผู้ที่ถูกเอ่ยถึงอยู่ในฐานะที่มาอนุโมทนาบุญได้และได้มาอนุโมทนาบุญ เขาจะได้รับบุญมากหรือน้อยอยู่กับคุณธรรมของผู้รับและผู้ส่งบุญ

หากผู้อุทิศบุญอุทิศให้สรรพสัตว์ไม่เจาะจง สรรพสัตว์ใดอยู่ในฐานะที่มาอนุโมทนาบุญได้เขาจะได้รับบุญมากหรือน้อยลดหลั่นไปตามระดับของคุณธรรมที่มีอยู่ไม่เท่ากันในใจของสรรพสัตว์
  

549.
กราบสวัสดีค่ะ ท่าน ดร.สนอง
ดิฉัน ได้อ่านคำตอบธรรมะของท่านจากคำถามของแต่ละท่าน ทำให้ได้ความรู้ความเข้าใจมากขึ้น แต่มีบางคำถามที่ท่านตอบแล้ว ดิฉันยังมีข้อซักถามเพิ่มค่ะ ต้องขอความกรุณาด้วย ดังนี้.-

1) คำถามเกี่ยวกับหมอรักษาคนไข้ รักษาแล้วหมอก็ยังได้ทั้งบุญและทั้งบาป (ซึ่งเป็นบาปที่ตนไม่มีเจตตนาสักนิดที่จะทำแต่ต้องได้รับไปโดยปริยาย ) ทำให้ดิฉันรู้สึกน่าใจหาย ทำให้รู้สึกว่าคนเราขึ้นชื่อว่ามีการเกิดไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไรก็ตาม มันน่ากลัวเพราะบุญกับบาปมันช่างละเอียดอ่อนเหลือเกิน ไม่ว่าจะคิด จะทำ จะพูด สิ่งใดๆ ก็ล้วนแต่อาจจะได้รับบาปโดยไม่ได้มีเจตตนาอยู่ดี เพราะเมื่อก่อนดิฉันคิดและเข้าใจเสมอว่า การที่เรา ( จะเป็นหมอหรือไม่ก็ตาม ) สามารถช่วยให้คนหายเจ็บหายไข้พ้นจากความทุกข์ทรมานได้เป็นกุศลอย่างยิ่ง คนเรามักจะพูดเสมอว่า ไม่มีปัญหาใดๆ ที่แก้ไม่ได้ แล้วบาปที่ได้รับโดยไม่มีเจตตนาเช่นนี้ ไม่มีทางแก้ไข หรือหลีกเลี่ยงเลยหรือค่ะ เพราะมีอีกหลายอาชีพที่ดิฉันเคยอ่านเจอ เช่น ผู้พิพากษา ทนายความ ฯลฯ ก็เข้าข่ายแบบนี้ แม้แต่คนที่นั่งสมาธิแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้คนป่วยหายป่วยก็ยังอาจได้รับอกุศลกรรมจากเจ้ากรรมนายเวรของคนป่วยนั้นได้เลย

คำตอบ
    ผู้ตอบปัญหาเคยถวายการนวดไหล่นวดคอของพระสุปฏิปันโนผู้มีอาการเคล็ดขัดยอก ผลที่ได้รับจากการทำความดีคือตัวเองประสบกับอาการเคล็ดขัดยอกในตำแหน่งดังกล่าวอยู่นาน 3-4 วันหลังจากหายแล้วไม่นาน ได้ไปกราบท่านและเล่าเรื่องที่ตนเองต้องรับอกุศลวิบากที่มีต้นเหตุมาจากถวายการนวด ท่านหัวเราะและบอกว่า ในอดีตท่านเคยไปถวายการนวดพระอาจารย์ของท่านที่อาพาธในลักษณะเดียวกันนั้นแล้วท่านเองได้รับอกุศลวิบากจากาการทำความดีถวายพระอาจารย์ของท่านด้วย

   ฉะนั้นการเจ็บป่วยอันมีสาเหตุมาจากกรรมคือการผูกเวรระหว่างเจ้ากรรมนายเวร กับคนไข้ผู้ถูกจองเวรหากผู้ใดเข้าไปร่วมกระบวนกรรมของเขาทั้งสอง ต้องเป็นไปตามเหตุและผลคือได้บุญตรงที่รักษาคนไข้ แต่เจ้ากรรมนายเวรของคนไข้จองเวรกับผู้ให้การรักษา ผู้ให้การรักษาจึงต้องรับอกุศลวิบาก (บาป) จากเจ้ากรรมนายเวรของคนไข้ด้วย ดังมีตัวอย่างที่พบว่าเมื่อกรรมให้ผลหมอรักษาโรคมะเร็งต้องรับอานิสงส์บาปด้วยการเป็นมะเร็งหมอผ่าตัดโรคกระดูก ต้องรับอานิสงส์บาปด้วยการถูกผ่าตัดกระดูก หมอรักษาโรคตาต้องรับอานิสงส์บาปกับปัญหาเรื่องตา ฯลฯ ด้วยเหตุนี้ผู้รู้จึงแนะนำให้ทำบุญอยู่เสมอ แล้วอุทิศบุญกุศลที่ตนมีให้กับเจ้ากรรมนายเวรของตัวเองไปเรื่อย ๆ


2) คนที่มีโทสะจริตแรง ขึ้หงุดหงิด ใจร้อน จะแก้ด้วยการปฏิบัติธรรมอย่างไรค่ะ

คำตอบ
    ต้องแก้ไขด้วยการเจริญเมตตาคือให้อภัยเป็นทานอยู่เสมอ ให้อภัยแก่ผู้ทำให้ขัดใจให้อภัยให้ทุกเรื่องที่เป็นเหตุขัดใจ และจะดีที่สุด ต้องพัฒนาปัญญาเห็นแจ้ง ให้เกิดมีขึ้นกับตัวเอง แล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้ง พิจารณาขันธ์ 5 จนดับไปตามกฎไตรลักษณ์ได้เมื่อใดแล้วอัตตาหรือความมีตัวมีตนจะหมดไป ความโกรธมีเกิดขึ้นแล้วดับไปทันทีไม่ยึดเอาความโกรธมาเป็นของตน ก็จะอยู่กับความทุกข์ใจได้โดยไม่ทุกข์

3) ดิฉันมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งปฏิบัติธรรมเป็นศิษย์ครูบาอาจารย์เดียวกัน เวลาเขาทุกข์ใจระลึกถึงครูบาอาจารย์แล้วครูบาอาจารย์ท่านนั้นก็มาเข้าฝันสอนเขาแทบทุกครั้ง แต่ทำไมเวลาดิฉันทุกข์แสนสาหัสระลึกถึงครูบาอาจารย์ท่านนั้น ท่านก็ไม่เคยไปเข้าฝันสอนดิฉันสักครั้งเดียว
จะต้องปฏิบัติอย่างไรค่ะ ครูบาอาจารย์ถึงจะรับรู้ได้

คำตอบ
    มีผู้อื่นเป็นที่พึ่งได้เป็นสิ่งดี หากพัฒนาจิตตัวเองให้มีธรรมะคุ้มครองใจได้แล้วพึ่งธรรมะที่มีอยู่ในใจตนเองได้นั้นดีที่สุด

  เหตุที่ระลึกถึงครูบาอาจารย์แล้วท่านไม่มาปรากฏในนิมิต  แสดงว่าเครื่องรับส่งของครูบาอาจารย์ กับเครื่องรับส่งของศิษย์ มีความถี่ของช่วงคลื่นจิตไม่ตรงกันจึงสื่อสารกันไม่ได้ ด้วยวิธีเช่นนี้ จึงจำเป็นต้องไปใช้วิธีการสื่อสารอย่างอื่นแทน  หรือจะให้ดีที่สุดต้องพัฒนาจิตของตัวเองให้มีคุณธรรมอยู่ในระดับเดียวกันกับคุณธรรมที่มีอยู่ในวิญญาณของครูบาอาจารย์ได้แล้ว  การสื่อโทรจิตจึงมีความเป็นไปได้
 

548.
กราบเรียน ท่าน ดร.สนองที่เคารพ อย่างสูง

   หนูมีขอสอบถาม อ.ค่ะ อ.บอกว่า ถ้าอย่างเจอพระดีให้อธิษฐานเอา เช่น ก่อนใส่บาตรให้อธิษฐานเอาว่าขอให้เจอพระสุปันฏิปันโน หนูก็ทำตามที่อ.บอกนะคะ แต่มีคนบอกหนูว่า อธิษฐานอย่างไรก็ไม่ถึงหรอกแรงอธิฐานของเรามันน้อย เราต้องไปแสวงหาพระดี ถ้าเราทำบุญกับพระที่ไม่ดี เราจะไม่ได้บุญหรือว่าได้น้อยมากหนูทราบค่ะว่าการทำบุญถ้าทำกับเนื้อนาบุญที่ดีเราก็จะได้บุญเยอะกว่า แต่หนูคิดว่า หนูทำบุญหรือทำดี อะไรก็แล้วแต่หนูไม่เคยคิดว่าจะได้บุญเยอะหรือได้น้อยเท่าไรหนูคิดว่าหนูทำบุญหรือทำดี เพราะต้องการและมันก็เป็นความดี เป็นสิ่งที่ต้องทำ สมควรจะทำ ทำแล้วเราไม่เดือดร้อน เราสะดวกที่จะทำ มีโอกาสทำ ทำแล้วสบายใจ ไม่เคยคิดว่าจะได้รับผลตอบแทนอย่างไร แรงอธิษฐานของหนูมีโอกาสเป็นไปได้หรือเปล่าคะ หนูก้เลยสับสนกับสิ่งที่คิดและก็กระทำอยู่

ขอบพระคุณ อ.อย่างสูง ขอให้คุณพระศรีรัตนตรัยคุ้มครองท่าน อ.ให้มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรงนะคะ

คำตอบ
    ผู้ที่บอกว่า “ อธิษฐานอย่างไรก็ไม่ถึงหรอก ” เป็นความเห็นถูกของคนที่บอก แต่ไม่ถูกของคนที่ดำเนินตามแนวทางของพระพุทธะ ผู้อธิษฐานหากมีศีลและสัจจะคุมใจได้แล้วคำอธิษฐานจะศักดิ์สิทธิ์ และได้สมดังที่อธิษฐานไว้ ดังตัวอย่างของพระอานนท์ อดีตได้อธิษฐานเป็นพุทธปัฏฐากของพระพุทธะองค์ใดองค์หนึ่ง จึงได้เป็นพุทธอุปัฏฐากของพระสมณโคดม ยโสธรา (พิมพา) อดีตได้อธิษฐานเป็นบาทบริจาริกาและอธิษฐานบรรลุธรรม ผลได้เป็นพระชายาของเจ้าชายสิทสัตถะและได้บรรลุธรรมเป็นภิกษุณีอรหันต์ อุบลวรรณาอดีตเคยอธิษฐานขอมีฤทธิ์จึงได้เป็นภิกษุณีอรหันต์ที่มีฤทธิ์สมดังคำอธิษฐาน ฯลฯ

   ฉะนั้นหากคุณได้ตั้งอธิษฐานไว้แล้วเมื่อใดที่เหตุปัจจัยถึงพร้อมความสมปรารถนาตามคำอธิษฐานย่อมเกิดขึ้นได้
  

547.
การเรียนท่านอาจารย์สนองที่เคารพอย่างสูงครับ

   กระผมถือว่าเป็นลูกศิษย์ทางธรรมของท่านอาจารย์ทั้งๆที่ไม่เคยพบ ไม่เคยเห็นตัวจริงอาจารย์เลยครับ ผมได้ติดตามธรรมบรรยายของท่านอาจารทางเว็บไซท์ กัลยาณธรรม ปัจจุบันนี้ผมได้ตั้งใจ รังษาศิล5 และทำสมาธิ ได้มาปีกว่าแล้วครับ และตั้งใจปฏิญาณว่าจะทำตลอดชีวิตครับผม กระผมมีความสงสัยครับที่ท่านอาจารย์แน่นำว่า การจะปฏิบัติธรรมให้ได้ผลนั้น ต้องรักษาศีล5 และเจริญ พละธรรม 5 คือ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ตลอดเวเวลา ทุกขณะที่ตื่นนั้น กระผมอย่างถามว่า วิธีที่จะเริ่มต้นเจริญพละธรรม5นั้นจะทำอย่างไร เช่น ศรัทธา เจริญอย่างไร ปัญญา เจริญอย่างไร เป็นต้น
   ขอความกรุณาท่านอาจารย์ แนะนำวิธีเจริญ พละธรรม5 พอสังเขบด้วยครับผม

กราบเรียนมาด้วยความเคารพอย่างสูง
   บวร สุขสว่าง

คำตอบ
    วิธีเจริญศรัทธาต้องทำใจตัวเองให้เชื่อและเลื่อมใสในบุญคุณของพ่อแม่ บุญคุณของครูอาจารย์บุญคุณของพระรัตนตรัย และศรัทธาเลื่อมใสในกฎแห่งกรรม ต้องเชื่อว่าทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว เชื่อว่าศีลทำให้อายุยืนปราศจากโรค ทำให้มีทรัพย์ปลอดภัยทำให้ครอบครัวเป็นสุข เป็นที่รักของสัตว์โลก ฯลฯและเชื่อว่าพละ 5 เมื่อพัฒนาได้แล้วจะเป็นกำลังของใจสามารถต้านทานกิเลสมารได้จริง

เมื่อใดที่มีจิตศรัทธาเลื่อมใสในสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้แล้วควรต้องพิสูจน์ด้วยการปฏิบัติให้เกิดเป็นจริงกับตัวเอง จนเป็นศรัทธาเต็มร้อย ส่วนการเริ่มต้นปฏิบัติ ต้องทำใจให้มีศีล 5 ให้ได้ก่อนแล้วจึงปฏิบัติสมถวิปัสสนากรรมฐานจนเข้าถึงมรรคผลแห่งการปฏิบัติแล้วศีล 5 กับพละ 5 ก็จะเกิดขึ้นในใจเป็นอัตโนมัติ
  

546.
เป็นบาปไหม

การที่แพทย์ บางครั้งเจอคนไข้ที่สิ้นหวัง(ได้ให้การรักษาเต็มที่แล้ว) ถ้ารักษาต่อไปก็อาจจะรอดอย่างพิการ หรือ ตาย จึงลดอุปกรณ์หรือยาช่วยเหลือออก และคนไข้เสียชีวิตไป ถือว่าเป็นบาปหรือไม่

คำตอบ
    ลดความช่วยเหลือคนไข้ด้วยการลดอุปกรณ์ลดยา เป็นสัมมาทิฏฐิทางโลก คนไข้ตายด้วยกรรมของเขาเองผู้ช่วยเหลือมิได้ประพฤติผิดศีล ไม่ถือว่าเป็นบาป แต่ผู้ที่นำตัวเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนกรรมของคนไข้ จะได้รับผลต่อเมื่อเจ้าหนี้เวรกรรมของคนไข้ผูกพยาบาทกับผู้ให้การช่วยเหลือ ฉะนั้นวิธีดีที่สุดผู้ให้การช่วยเหลือต้องประพฤติบุญกิริยาวัตถุ 10 อยู่เสมอแล้วอุทิศบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรเรื่อยไปเพื่อให้เวรกรรมตามไม่ทัน
    

545.
กราบขอบพระคุณท่าน ดร.สนอง สำหรับคำตอบ ที่หนูติดมานานกว่า 10 ปี

   1. จากคำถามที่ 537 ข้อ 2 นั้น ท่านตอบว่า ให้เจริญพละ 5 ให้กล้าแข็งทุกขณะตื่น หนูพอจะเข้าใจ แต่ที่ให้ปรับสมดุลระหว่างศรัทธากับปัญญา และปรับวิริยะกับสมาธิ ให้มีกำลังใกล้เคียงกันนั้น ขอความเมตตาจากท่านสอนหนูเพิ่มเติมด้วยนะค่ะ ต้องปฏิบัติอย่างไรบ้างค่ะ

คำตอบ
   หากศรัทธามีกำลังมากกว่าปัญญาความอยากรู้อยากเห็นอยากได้อยากเข้าถึงธรรมระดับนั้นระดับนี้จะเกิดขึ้น แก้ไขด้วยการพัฒนาจิตให้มีกำลังของสติให้มาก แล้วพิจารณาความอยากให้เห็นว่าดับไปตามกฎไตรลักษณ์ ปัญญาเห็นแจ้งในความอยากเกิดขึ้น ความอยากจะหมดไปนี่เป็นวิธีการเพิ่มพลังของปัญญาให้เข้ามาใกล้เคียงกับพลังศรัทธา หากมีปัญญามากกว่าศรัทธาความสงสัยในสิ่งต่าง ๆ จะเกิดขึ้น ต้องทำตัวให้เหมือนเป็นคนโง่ไม่ทำตัวให้เหมือนน้ำชาล้นถ้วย ครูบาอาจารย์ชี้แนะให้ปฏิบัติอย่างไรต้องปฏิบัติตามคำชี้แนะให้ได้ทุกเรื่อง มรรคผลของการปฏิบัติธรรมจะเพิ่มขึ้นแล้วความสงสัยจะหมดไป

ถ้ามีกำลังความเพียรมากกว่ากำลังของสมาธิจิตจะคิดฟุ้งไปในเรื่องต่างๆ ต้องเจริญสติให้มากและยาวนานจนจิตมีความตั้งมั่นเป็นสมาธิมาขึ้นความฟุ้งซ่านจากการปรุงอารมณ์ของจิตจะลดลงหรือหากมีสมาธิมากกว่าความเพียรอาการง่วง (ถีนะมิทธะ) จะเกิดขึ้น จึงต้องเร่งความเพียรเช่นเดินจงกรมให้มากและยาวนานขึ้นและกำลังความเพียรกับกำลังสมาธิจึงจะเข้ามาใกล้ ๆ กัน แล้วอาการง่วงเหงาหาวนอนจะหมดไป

ส่วนสติเป็นตัวเดียว ๆ ที่ต้องเจริญให้มากจนเป็นมหาสติได้เมื่อใดแล้ว พละ 5 คือ ธรรมะที่ทำให้เกิดเป็นกำลังของใจจะกล้าแข็งจิตไม่ตกเป็นเบี้ยล่างของมารจากนั้นใช้สติกับปัญญาเห็นแจ้ง (สติสัมปชัญญะ) ส่องนำทางให้กับชีวิต อุปสรรคปัญหาของชีวิตจะลดน้อยถอยลงและหมดไปได้ในที่สุด


   2. การเจริญสติให้มีกำลังมากที่สุด คือ การระลึกรู้ในสิ่งที่เป็นปัจจุบัน (อย่างที่หนูเคยปฏิบัติคือระลึกรู้อยู่ที่พุธโธตลอดเวลา หากทำอะไรก็ระลึกอยู่เฉพาะสิ่งที่ทำอยู่ มีอะไรมากระทบที่จิตก็ระลึกรู้ให้เท่าทันถ้าเป็นอารมณ์โกรธก็รู้เท่าทันและดับลงทันที) หนูเคยปฏิบัติอย่างนี้ถูกต้องหรือไม่ หรือท่านมีอะไรแนะนำหนูเพิ่มเติมอีกหรือไม่ค่ะ

คำตอบ
    ปฏิบัติถูกแล้ว จงปฏิบัติต่อไปให้เกิดเป็นมหาสติระลึกได้ทันในทุกสิ่งกระทบที่เข้าสัมผัสจิตจะเห็นว่าสิ่งกระทบทั้งหลายดับไปตามกฎไตรลักษณ์จิตจะปล่อยวาง และว่างเป็นอุเบกขาเกิดปัญญาเห็นแจ้งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนเป็นปภัสสร ต่อไปต้องรักษาความดีที่พัฒนาได้แล้วให้คงอยู่ ด้วยการเจริญพละ 5 อยู่ทุกขณะตื่น

   3. วันก่อนหนูนั่งสมาธิ อธิฐานถึงพระพุทธองค์ ว่าทำอย่างไรหนูถึงจะปฏิบัติสานต่อในอดีตชาติได้ สักพักหนูก็รู้สึกขึ้นมาเป็นคำตอบที่ใจว่า "ให้ปฏิบัติแบบสละเป็นสละตายจึงจะพบธรรมะอันเป็นหนทาง" สิ่งที่หนูรู้สึกขึ้นมาที่ใจนี้เป็นหนทางที่ถูกต้องแล้วใช่ไหมค่ะ ขอคำแนะนำวิธีปฏิบัติด้วยค่ะ จะได้ไม่หลงทางอีก

    ด้วยความเคารพอย่างสูง...กราบสวัสดีค่ะ

คำตอบ
    การอยากไปรู้เรื่องในอดีต ไม่ใช่วิสัยของผู้รู้จริงแต่ผู้รู้จริงสามารถอธิษฐานยอมตายเพื่อให้เข้าถึงธรรมะของพระพุทธะได้ฉะนั้นควรปรับความเห็นที่ผิดให้เปลี่ยนมาเป็นเห็นถูกตามธรรม
    

544.
กราบเรียน ท่านอาจารย์ ดร. สนอง ที่เคารพ

ดิฉันมีปัญหาที่อยากจะเรียนถามดังนี้ค่ะ
   คือมีคนจำนวนไม่น้อยที่มองว่าการนั่งสมาธิ ทำให้กลายเป็นคนไม่มีสติ หรือวิปลาส ดิฉันเคยอ่านคำตอบของท่านอาจารย์เกี่ยวกับเรื่องนี้มาบ้างแล้วค่ะ แต่อยากทราบว่าการที่นั่งสมาธิแล้ววิปลาส เป็นเพราะกรรมเก่าในอดีตส่งผล หรือเป็นเพราะกรรมปัจจุบันคะ

ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างสูงคะ
ญาดารักษ์

คำตอบ
    เหตุที่ทำให้จิตวิปลาส เป็นเพราะจิตขาดสติไปรับสิ่งกระทบไม่ดีมาปรุงเป็นอารมณ์ไม่ดีแล้วจิตยึดมั่น (อุปาทาน) เอาอารมณ์ไม่ดีนั้นมาเป็นของตัวเพราะคิดว่าอารมณ์ไม่ดีเป็นของที่มีอยู่แท้จริงความวิปลาสของจิตจึงเกิดขึ้น สิ่งกระทบไม่ดีเป็นเรื่องของกรรมเก่า การขาดสติเป็นกรรมปัจจุบันทั้งสองทำงานร่วมกันผลไม่ดีจึงเกิดขึ้นครูบาอาจารย์ผู้มีประสบการณ์และฝึกจิตได้ผลมาแล้ว สามารถแก้ปัญหาความเห็นผิดของผู้ปฏิบัติธรรมแบบนี้ได้
  

543.
กราบเท้าท่านอาจารย์สนองที่เคารพ

  หนูเพิ่งเริ่มก้าวเข้าเส้นทางสายนี้เมื่อประมาณ 2-3 เดือนนี้เองค่ะ โดยเริ่มจากได้อ่าน "ทางสายเอก" และทำให้สนใจศึกษาเรื่อยมา หนูได้ฟังธรรมะของท่านอาจารย์ และ ของท่านเจ้าคุณโชดกทุกวัน (โหลดจากทาง website ของชมรมกัลยาณธรรม) เพื่อศึกษาแนวทางที่ถูกต้อง ตอนนี้หนูเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนของการปฏิบัติค่ะ หนูมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการนั่งสมาธิภาวนา ดังนี้ค่ะ หนูรู้สึกว่าขณะกำหนดลมหายใจเข้า-ออก ทางจมูก (ภาวนา พุทโธ) หนูสามารถกำหนดได้ละเอียดกว่า และนิ่งกว่า การกำหนด "พอง-ยุบ" ที่ท้อง (รู้สึกเหมือนไม่ค่อยถนัด) แต่จากที่ฟังท่านเจ้าคุณโชดก ที่ว่า การกำหนด พองหนอ-ยุบหนอ "ทำให้ลมกระทบหนังท้อง หายใจเข้าลมกระทบเพดานท้อง ขันธ์ 5 เกิด" ได้ครบทั้ง กาย เวทนา จิต ธรรม ท่านบอกว่าการติดตามลม เป็นสมถะ ไม่เกิดปัญญา การกำหนด พอง-ยุบ เป็นวิธีที่เร็วกว่า ขอความกรุณาอาจารย์โปรดให้คำแนะนำ เพื่อที่หนูจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้องค่ะ

ขอขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ
   จีรภา

คำตอบ
    การปฏิบัติจิตตภาวนาทำได้หลายแบบ ควรเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งจากกรรมฐาน 40 ที่เหมาะกับจริตของตน ปฏิบัติถูกทางแล้วจิตต้องตั้งมั่นเป็นสมาธิ แล้วใช้กำลังของสมาธิไปพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง ด้วยการนำเอาสติปัฏฐาน 4 เป็นองค์พิจารณา เมื่อใดที่เห็นว่า กาย เวทนา จิต ธรรม ดำเนินตามกฎไตรลักษณ์ เมื่อดำเนินเข้าสู่ความเป็นอนัตตา ก็จะเห็นแจ้งว่า กาย เวทนา จิต ธรรม เป็นสิ่งที่ไม่มีความเป็นตัวตนแท้จริง จิตจะปล่อยวางผัสสะทั้งสี่ และว่างจากอารมณ์ปรุงแต่งเข้าสู่อุเบกขารมณ์ นี่เป็นเป้าหมายสุดท้ายของจิตตภาวนาคือต้องการให้มีปัญญาเห็นแจ้งเกิดขึ้นกับจิต

ด้วยเหตุที่จิตวิญญาณของสัตว์ที่มาปฏิสนธิในร่างของมนุษย์ในยุคสมัยนี้มีบุญบารมีสั่งสมมาไม่มากพอ ผู้ตอบปัญหาจึงแนะนำให้แสวงหาครูบาอาจารย์ที่เป็นกัลยาณมิตรในทางธรรม มาเป็นผู้ชี้นำแนวทางการปฏิบัติจิตตภาวนาของคุณให้ได้แล้วการเข้าถึงมรรคผลของการปฏิบัติจะไม่เนิ่นช้า
  

542.
เรียน อาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

ผมอ่านหนังสือเรื่องเล่าของหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ แล้ว ขอเรียนถามอาจารย์ดังนี้
๑. ตามที่หลวงปู่เหรียญ ได้เล่าว่า ขณะที่เดินจงกรมร่วมกับหลวงปู่ชอบ ปรากฎว่าได้เกิดแสงสว่าง และปราฎนาค ชื่อว่า เทพนาคาม มารับอนิสงฆ์จากหลวงปู่ชอบ แสดงว่านาคต่าง ๆ รวมทั้งสัตว์ที่ได้กล่าวถึงสมัยก่อน/พุทธกาล ยังมีอยู่ในโลกนี้ แต่รอเวลาที่จะปรากฏขึ้นอีกในภายภาคหน้าใช่หรือไม่ ถ้าใช่อาจารย์พอจะทราบว่าจะปรากฏขึ้นในสมัยของพระพุทธเจ้าองค์ใด

คำตอบ
    พญานาคเป็นสัตว์ที่กำเนิดอยู่ในภพเดรัจฉานแต่เป็นสัตว์ที่มีรูปร่างละเอียดเป็นทิพย์ ตาเนื้อตาหนังไม่สามารถสัมผัสได้แต่หากใครผู้ใด เจริญสมถภาวนาจนจิตสามารถเข้าสู่ความตั้งมั่นเป็นฌานได้ โอกาสเห็นพญานาคด้วยทิพพจักษุย่อมเกิดขึ้นได้ เป็นมิติละเอียดที่ซ้อนอยู่ในมิติหยาบบนโลกที่มนุษย์อยู่อาศัยใบนี้

๒. ภาษาที่ใช้ในการสื่อสารระหว่างหลวงปู่ชอบกับนาคเทพนาคาโดยวิธีใด

คำตอบ
    สื่อสารกันด้วยพลังงานจิตที่มีขนาดความถี่คลื่นเดียวกัน พระอริยบุคคลผู้มีนิรุตติปฏิบัติปฏิสัมภิทาเกิดขึ้นในดวงจิตสามารถสื่อสารกับสัตว์ที่อยู่ในภพภูมิต่าง ๆ ได้

๓. ในสมัยก่อน/พุทธกาล ก็ได้กล่าวถึงสัตว์ต่าง ๆ มากมาย ใช้วิธีใดในการสื่อสารระหว่างมนุษย์กับสัตว์ต่าง ๆ และสัตว์ต่าง ๆ ด้วยกัน
จึงเรียนมาเพื่อขอคำแนะนำจากอาจารย์ด้วยครับ

ขอแสดงความนับถือ
นายสุวัฒน์ ก.ศรีสุวรรณ

คำตอบ
    ใช้พลังงานจิตที่พัฒนาดีแล้วเป็นเครื่องมือในการสื่อความหมายกับสัตว์ต่าง ๆ ได้
   
  

541.
ทำพระโกรธโดยไม่ได้ตั้งใจ

กราบเรียนอาจารย์สนอง

คือดิฉันได้ตามพวกพี่ๆไปดูดวงชะตาของพี่คนหนึ่งกับพระองค์หนึ่งที่ต่างจังหวัด ระหว่างที่ท่านพยากรณ์ว่าจะรำรวยนั้น พวกเราทุกคนรู้ว่าเขาตอนนี้กำลังลำบากเรื่องเงินทองมาก ก็ถามท่านว่ารวยอะไร รวยหนี้หรือเปล่าว ไม่ได้ตั้งใจดูถูก คือถ้ารวยได้ก็ดีเขาจะได้ใช้หนี้ให้หมดไป พระองค์นั้นท่านโกรธขึ้นมาทันที ดุว่า อยู่หลายคำ เรียกว่าถึงแก่โมหะ หน้าตาดุดันขึ้นมาทันที ดิฉันไม่ยอมพยายามอธิบายว่าไม่ได้ตั้งใจเพียงแต่สงสัยเท่านั้น ระหว่างที่โต้ไปมาดิฉันนึกขึ้นได้ว่า เอเราจะบ้าหรือเปล่าวนี่มาเถียงอะไรกับพระ ก็เลยหยุดพูด แรกๆก็ไม่ได้คิดว่าจะบาป เพราะพระท่านก็ไม่สำรวม ให้โมหะเข้าครอบครอบง่ายจัง แถมยังพูดอีกว่า ท่านนะเป็นถึงรองเจ้าคณะนะ ท่าน คงเคยเจอแต่ชาวบ้าน ที่คะ ขา ตลอด พอเจอคนที่ซักถาม ก็โกรธขึ้นมาง่ายจัง แต่ตอนนี้รู้สึกกังวลใจว่าได้ทำบาปไว้กับพระหรือไม่ และจะขอขมา โดยไม่ต้องไปหาท่านถึงวัดได้หรือไม่

คำตอบ
    การโต้แย้งเถียงเป็นเรื่องของกิเลสที่บุคคลทั้งสองนำมาแสดงให้กันและกันทั้งพระและฆราวาสจึงมีบาปอยู่ในใจ เหตุที่บอกเล่าไปจึงได้เกิดขึ้น

ส่วนเรื่องการขอขมากรรม สามารถทำได้ในทุกสถานที่ แต่ปัญหามีอยู่ว่า คู่เวรกรรมเขายินดีอโหสิกรรมให้ผู้ขอขมาหรือไม่ นั่นเป็นสิทธิ์ของเขาเมื่อรู้ว่าการโต้เถียงเป็นสิ่งไม่ดี เป็นเหตุนำพาชีวิตลงไปเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ ต้องหยุดพฤติกรรมที่เป็นอกุศลนี้ให้ได้ และต้องไม่ประพฤติซ้ำให้เกิดกิเลสสั่งสมอยู่ในใจอีกต่อไป นี่เป็นวิธีที่พระพุทธะแนะนำพุทธบริษัทให้กระทำ
  

540.
กราบสวัสดีอาจารย์สนอง ที่เคารพ

ผมได้อ่านหนังสือของอาจารย์ ทั้งสามเล่มแล้ว ทุกวันนี้ถือศีลห้า และเมื่อมีโอกาสก็ไปถือศีลแปดที่วัดบ้าง มีคำถามอยากเรียนถามอาจารย์คือ
    1. ผมมีอาชีพเล่นดนตรีในร้านอาหาร ซึ่งขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย ถือว่าเป็นสัมมาอาชีพหรือป่าวครับ เพราะผมเองก็ไม่ได้ดื่มแล้ว และก็ไม่ได้ยินดีกับการดื่มของคนอื่นๆ

คำตอบ
   
การเล่นดนตรีเป็นสัมมาอาชีวะในทางโลก หากทำให้มีศีล 5 คุมใจได้แล้ว การเข้าถึงมนุษย์สมบัติย่อมเกิดขึ้นได้ หากประพฤติคุณธรรมเพิ่มเติมด้วยการให้ทานอยู่เสมอ สวรรค์สมบัติเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้เมื่อใดหมดความจำเป็นในการหาเลี้ยงชีพด้วยการเล่นดนตรี วางเครื่องมือลงหันมาปฏิบัติจิตตภาวนา จนเข้าถึงมรรคผลของธรรมได้แล้วนิพพานสมบัติที่มนุษย์แสวงหาการหลุดพ้นไปจากความทุกข์ทั้งปวง ย่อมเกิดกับคุณได้

    2. การหยิบยื่นแนะนำ ธรรมะให้ผู้อื่นแล้ว เค้าไม่เห็นด้วย หรืออาจมีการล่วงเกินปรามาสพระรัตนตรัยนั้น เท่ากับเราสร้างโอกาสให้เค้าทำกรรมหรือป่าวครับ ถ้าเป็นเช่นนั้นเราควรหรือไม่ควรแนะนำพวกเขา

คำตอบ
    ควรแนะนำเมื่อเขาศรัทธาเปิดใจยอมรับธรรมะให้เข้ามาสถิตอยู่ในใจ ไม่ควรแนะนำเมื่อเขายังไม่พร้อมที่จะเปิดหงายภาชนะขึ้นรองรับ น้ำทิพย์ (ธรรมะ) ที่กัลยาณมิตรรินเติมให

    3. ผมเรียนปริญญาโทอยู่ แต่ทำปริญญานิพนธ์มาเป็นปีไม่สำเร็จซักที ตอนนี้ให้พี่สาวช่วยด้วย อย่างนี้ถือว่าเป็นอกุศลกรรมหรือไม่ครับ

คำตอบ
    ปรารถนาทำวิทยานิพนธ์ให้สำเร็จลุล่วงด้วยดีต้องมีอิทธิบาท 4 เป็นฐานรองรับ คือทำวิทยานิพนธ์ด้วยใจรัก ทำด้วยความพากเพียร ทำด้วยใจจดจ่อและใช้ปัญญาไต่สวนในวิทยานิพนธ์ที่ทำ

การที่พี่สาวมาช่วยทำวิทยานิพนธ์ ประสบการเรียนรู้และทักษะของงานได้เกิดขึ้นกับพี่สาว มิใช้เป็นการเรียนรู้และการเพิ่มทักษะให้กับตัวคุณเอง และหากนำไปลวงคนอื่นให้เข้าใจผิดว่าเป็นผลงานที่เกิดขึ้นด้วยความรู้ความสามารถจากตัวคุณเอง ถือว่าผิดศีลข้อ 2 เป็นบาปครับ


    4. การที่มีแฟนอยู่ด้วยกันแล้ว ทั้งผู้ใหญ่ของแฟนกับพ่อแม่เราเรารับทราบแล้ว แต่ยังไม่ได้แต่งงานกัน นี่ถือว่าผิดศีลข้อสามหรือไม่ครับ

คำตอบ
    การแต่งงานเป็นพิธีกรรมที่มนุษย์อุปโลกน์ขึ้นมาและยึดถือเป็นประเพณี ยังไม่สำคัญเท่ากับว่าพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายเอ่ยปากและยินดีให้ทั้งสองอยู่กินกันเป็นครอบครัวแล้วหรือยัง หากเจ้าของชีวิตยังไม่ยินดียกให้ เหตุที่บุคคลทั้งสองได้กระทำลงไป ถือได้ว่าผิดศีลข้อ 3 และผลที่จะตามมาในวันข้างหน้า หลังจากทิ้งขันธ์ลาโลกไปแล้วไม่แคล้วต้องไปปีนขึ้นปีนลงต้นไม้มีหนามแหลมในนรก

    5. พ่อแม่ผมอยากให้ผมเลิกกับแฟนเพราะเธออายุมากกว่าผม ตัวท่านยังไม่เคยได้เจอหน้าแฟนผมเลย แต่ท่านก็อยากให้เลิก อย่างนี้ผมควรจะ ทำตามความสบายใจของพ่อแม่จึงจะได้เป็นลูกที่กตัญญู หรือรอเวลาให้ท่านได้พบกับแฟนของผมก่อนแล้วค่อยตัดสินใจเพราะผมคิดว่าคนเราไม่ควรตัดสินกันแค่ภายนอก

ขอบพระคุณอาจารย์ เป็นอย่างสูงครับที่เมตตาผมครับ
โอฬาร

คำตอบ
    ผู้รู้จะไม่ก้าวล่วงไปบงการให้ชีวิตของใครต้องเป็นอะไร ชีวิตเป็นของเจ้าของชีวิต ต้องบริหารจัดการด้วยตัวคุณเอง

ส่วนเรื่องความกตัญญูต่อบุพการีเป็นเรื่องของการประพฤติจริยธรรมที่ลูกที่ดีควรมีต่อพ่อแม่ ประพฤติด้วยเหตุและผลที่ถูกต้องชอบธรรม จึงจะนับเข้าเป็นคุณธรรมเกิดขึ้นในจิตใจของผู้กระทำ
 

539.
จะตั้งรับกับความสูญเสียนี้อย่างไรถ้าจับได้ว่าเมียมีชู้

เรียนถามอาจารย์ดร. สนอง ที่เคารพอย่างสูง

   ตอนนี้จิตใจผมย่ำแย่เพราะ ผมจับได้ว่าภรรยามีชายอื่นซึ่งเค้าคือเพื่อนรักของผมและคิดว่าเพื่อนคนนี้คือญาติพี่น้อง ผมปล่อยให้เพื่อนกับภรรยาสนิทกันนานถึง 3 ปีเพราะก่อนหน้าผมได้พูดอย่างชัดเจนไปว่า เป็นไปไม่ได้ที่เพื่อนรักจะทำกันแบบนี้ ตรงนี้ทำให้ผมชะล่าใจและ เพิ่งจะมารู้ว่าเค้ามีใจให้แก่กัน ก่อนหน้านั้นคิดว่าเพื่อนผมคนนี้คงไม่ทำผม เพราะเป็นผู้ชายมีเกียรติ มีชาติกระกูล คงไม่ทำกับผมแบบนี้แน่ ขณะนี้ผมกับภรรยามีลูกเล็กๆด้วยกันสองคน ผมอยากจะถามว่า จะต้องรับมือกับการสูญเสียนี้อย่างไร จึงให้ใจของผมและคนที่มีความหมายกับชีวิตผมจริงๆคือลูกๆนั้นไม่เป็นทุกข์ เพราะผมยังโง่อยู่เช่น ไปทำงานไม่ได้ กินก็ไม่ได้ ทุกอย่างเหมือนดับลงตรงหน้า คิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรกับลูก ปล่อยเค้าไปดีไหม ? เค้ารู้ตัวแล้วว่าผมรู้ เค้าก็สารภาพกับผมแล้ว (อันนี้เค้าก็ดีกับผมที่เค้าไม่โกหกและยังให้เกียรติผม) และที่โชคดีคือไม่มีอะไรมากไปกว่ากลายเป็นคนรู้ใจกันคนหนึ่งเท่านั้นมันเรียกอะไรกันครับ (กิ๊กหรือชู้) อะไรกันนะที่ดลจิตใจผมให้แอบฟังโทรศัพย์ของเค้าทั้งสองคนในวันนั้นจนทำให้เรารู้ว่าเค้าพัฒนากันมาเป็นปีแล้ว การให้อภัยต้องทำอย่างไรครับ และต้องเริ่มอย่างไร ตอนนี้เริ่มสนใจเข้าปฎิบัติธรรมแต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี

   รบกวนอาจารย์ช่วยแนะนำด้วยครับ

คำตอบ
   ที่บอกเล่าไปเป็นเรื่องของกรรมเก่าแต่อดีตที่ยังถูกบันทึกไว้เป็นข้อมูล (สัญญา) อยู่ในดวงจิต เมื่อใดที่กรรมให้ผลจะมีอำนาจผู้มัดใจสัตว์ให้ต้องเวียนตายเวียนเกิดอยู่ในกามภพมิรู้จบ หากปรารถนาจะปลดจิตให้เป็นอิสระ จากสิ่งที่ถูกเห็นด้วยตาเป็นอิสระจากสิ่งที่ถูกรู้ด้วยใจเป็นอิสระจากสิ่งที่ได้ยินด้วยหู ต้องนำตัวเองเข้าปฏิบัติจิตตภาวนา โดยใช้อสุภกรรมฐานมาเป็นบทพิจารณา เมื่อใดจิตเข้าถึงมรรคแก่งการปฏิบัติได้แล้วจะเกิดปัญญาเห็นแจ้งถูกตามเป็นจริง แล้วความเห็นผิดและยึดติดในรูปนามจะหมดไปปัญหาจะถูกแก้ไขได้ด้วยตัวเองของผู้เข้าถึงความจริงแท้ของชีวิตนั่นเอง
  

538.
กราบเรียนอาจารย์ ดร.สนอง

มีปัญหาอยากจะถ่านท่านดังนี้
1.ที่บ้านเปิดธุรกิจร้านผ้าม่าน มีช่างติดตั้งผ้าม่าน1คน ปัญหาคือช่างติดตั้งผ้าม่าน เค้าชอบเล่นพนันฟุตบอล เล่นไพ่ จนเงินเดือนหมดไม่พอใช้แล้วก็มายืมแม่ของผม(แม่กับพ่อเป็นเจ้าของร้าน) ถ้าไม่ให้วันรุ่งขึ้นเค้าก็จะแกล้งมาทำงานสาย แต่ที่ร้านไม่มีคนช่วยงานจึงต้องพึ่งเค้า จะหาใหม่คนที่มาก็ไม่เก่ง เพราะติดตั้งผ้าม่านมันต้องเป็นช่างเฉพาะทาง แม่ผมฝากให้มาถามอาจาร์ว่า เป็นเพราะทำกรรมอะไรมาจึงมาเจอลูกน้องแบบนี้ แล้วจะแก้ไขยังไงดี โดยการแจกธรรมทานหรือถวายอาหาร หรืออะไรถึงจะตรงจุดในการแก้ที่สุดครับ แล้วถ้าให้เงินเค้าแล้วเค้าเอาไปเล่นการพนัน เราจะบาปมั้ยครับ (ทั้งเงินเดือนและที่เค้ายืมนอกเหนือเงินเดือน)

คำตอบ
    กรรมที่เป็นเหตุให้มีลูกน้องไม่ดีเพราะเจ้าของธุรกิจไม่มีสัจจะ คือไม่จริงกาย ไม่จริงวาจา ไม่จริงใจ ต่อผู้ที่เข้าไปมีปฏิสัมพันธ์ด้วย วิธีแก้ปัญหานี้ในทางโลก เขาเปลี่ยนเอาคนดีมีศีลมีธรรมมาเป็นลูกน้อง มาเข้าร่วมในธุรกิจ แล้วฝึกคนดีให้มีทักษะในงานที่ทำซึ่งทำให้ง่ายกว่าฝึกจนไม่ดี (ทุศีล ไร้ธรรม) ให้เป็นคนดีซึ่งทำได้ยากกว่า

ส่วนการแก้ปัญหาในทางธรรมต้องยอมรับความจริงยอมชดใช้หนี้กรรมอันเนื่องมากจากการประพฤติไม่มีสัจจะ หยุดสร้างหนี้ใหม่ด้วยการประพฤติจริงกาย จริงวาจา จริงใจต่อผู้อื่น และทำบุญ (ดูบุญวิริยาวัตถุ 10)

การเอาเงินให้ลูกน้องแล้วรู้ว่าเขานำไปเล่นพนันทั้ง ๆที่รู้แต่หยุดให้เงินไม่ได้เป็นเพราะแรงกรรมไม่ดียังให้ผลอยู่ ผู้ให้เงินคือผู้เป็นต้นเหตุให้มีการเล่นพนันซึ่งเป็นอบายมุขชนิดหนึ่ง ชีวิตของผู้ให้เงินต้องได้รับผลแห่งความเสื่อมนี้ด้วย

  
2. ผมจะเปิดธุรกิจซื้อรถแท๊กซี่มาให้เค้าเช่าขับ ถามอาจารย์ว่าถ้าคนขับ ขับรถแท็กซี่ของเราไปชนคนตายหรือขับไปทำผิดอะไรต่างๆ เราจะบาปมั้ยครับ

คำตอบ
    บาปในฐานะเป็นต้นเหตุให้มีการประพฤติอกุศลกรรมให้เกิดขึ้น

3. แล้วผมว่าจะเปิดร้าน Internet and Game ให้คนมาเล่น ถ้าเด็กมาเล่นเกมส์เราจะบาปมั้ยครับ แล้วถ้าคนมาเล่นinternet แล้วเค้ามาเปิดดูพวกสิ่งลามก เราจะบาปมั้ยครับ
ขอบพระคุณท่านอาจารย์มากครับ

คำตอบ
   เมื่อใดที่จิตของเด็กที่มาเล่นเกมส์ เกิดความเห็นผิดและตกเป็นทาสของเกมส์ที่เล่นผู้เป็นต้นเหตุต้องได้รับอานิสงส์กับบาปในธุรกิจนี้ด้วย
    

537.
กราบสวัสดี..ท่านดร.สนอง

   หนูได้อ่านหนังสือธรรมะของท่านแล้ว รู้สึกดีใจมากที่ในปัจจุบันได้มีโอกาสอ่านธรรมะจากบุคคลที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในเพศฆราวาส หนูเริ่มปฏิบัติธรรมตั้งแต่อายุ 19 ปี เมื่อปี 2534 และเมื่อปี 2537 หนูเคยเร่งปฏิบัติธรรมและไปบวชชีพราหมณ์ ณ วัดป่านิโครธาราม ( วัดหลวงปู่อ่อน ) จ.อุดรธานี
    คืนวันแรกที่บวชหนูฝันเห็นพระอรหันต์สมัยพุทธกาลกำลังกวาดตาดอยู่หน้ากุฎิ ในฝันจิตหนูก็ถามว่าท่านสำเร็จได้ด้วยพิจารณาสิ่งใด พระอรหันต์รูปนั้นก็วางไม้กวาดลง และพนมมือสวดเป็นภาษาบาลี และตอบว่า "กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน" แล้วก็เปลี่ยนไปเป็นภาพต้นไม้มีผลไม้ใหญ่ จิตหนูก็ถามไปว่าผลไม้พวกนี้ผลใหญ่โตมากไม่เคยเห็น ก็มีเสียงผู้หญิงตอบมาว่าผลไม้เหล่านี้อยู่รอบวัดแต่มนุษย์ไม่เห็นเพราะเทวดาดูแลอยู่ แล้วหนูก็ตื่นขึ้นมา

   หลังกลับมากรุงเทพฯ ก็รีบไปค้นหนังสือธรรมะก็พบว่า เป็นข้อแรกของ สติปัฏฐาน 4 คือ "กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน" จึงทำให้หนูรู้สึกว่าสิ่งที่หนูฝันนั้นไม่ใช่อุปาทาน หนูจึงเร่งปฏิบัติมากขึ้น โดยให้จิตอยู่กับพุธโธแทบจะตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน มีสติระลึกรู้อยู่ จำได้ว่าใช้เวลาเพียง 2 วันที่ปฏิบัติมีสติอยู่กับพุธโธ ตอนกลางคืนหลังจากสวดมนต์นั่งสมาธิก็นอนภาวนาต่อ จากที่ดูนาฟิกาก่อนนอน เพียงเวลาแค่ 5 นาที ที่หลับตาแต่เปลี่ยนจากภาวนาพุธโธมาเป็น ดูการยุบพองของท้องเมื่อหายใจเข้าออก ก็ปรากฎว่าจิตค่อย ๆ นิ่งลงจนเห็นเป็นเหมือนลำแสงสีขาวพุ่ง
กระจายออกจากกลางหน้าผากกระจายขาวสว่างไปไม่มีขอบเขต แต่ขณะนั้นมีพี่สาวเปิดประตูเข้ามาในห้องนอน หนูก็รับรู้ได้แต่เหมือนกับจิตแค่เพียงรู้อยู่แค่นั้น จนสักพักก็กลับเข้าสู่อาการปกติออกจากสมาธิ พอตอนเช้าทำวัตรเช้าเสร็จหนูก็เลยลองนอนภาวนาลงอีกครั้งก็เกิดอาการเช่นเดิมเพียงแต่ต่างจากเดิมคือ ทั้งๆ ที่ร่างหนูนอนหลับตาอยู่แต่เหมือนหนูตื่นยกแขนขึ้นมาลูบหน้าได้แต่กายเนื้อยังอยู่ที่เดิม แต่มีความรู้สึกขณะยกมือขึ้นมาลูบหน้าจะรู้สึกเหมือนมีอะไรเย็น ๆ มาลูบหน้า พอจะลองลุกออกจากร่างที่นอนอยู่กลับลุกไม่ได้เหมือนมีแรงดึงดูดไม่ให้ออกไปจากร่าง
    ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ 10 กว่าปีแล้ว หนูก็หาคำตอบไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไร จิตก็ยึดติดอยู่อยากจะปฏิบัติให้ได้แบบเดิมอีกก็ทำไม่ได้ นั่งสมาธิกี่ครั้งก็อยากจะเป็นอย่างเดิมจึงทำให้ไม่สามารถนั่งสมาธิทำให้จิตนิ่งได้อีก เมื่อนั่งไม่ได้ดีก็รู้สึกท้อและละทิ้งการปฏิบัติ ทำบ้างไม่ทำบ้าง จนมาได้อ่านหนังสือธรรมะของท่าน
   จึงคิดว่าท่านคงจะให้คำเฉลยที่ติดอยู่ในใจหนูได้ค่ะ สิ่งที่หนูจะขอความเมตตาจากท่าน คือคำเฉลยจากคำถามดังกล่าว ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับหนูคืออะไร เป็นสิ่งดีหรือไม่ เพราะถ้าเป็นสิ่งที่ไม่ดีไม่ควรยึดติด ควรแก้อย่างไร

คำตอบ
    สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นนิมิต ปรากฎกับจิตของผู้มีความตั้งมั่นเป็นสมาธิ เป็นเรื่องดีแบบโลกๆ ไม่ควรยึดติดในนิมิตนั้น เพราะไม่เป็นเหตุให้พ้นไปจากความทุกข์ได้

   ส่วนเรื่องที่อยาก (ตัณหา) ปฏิบัติให้ได้เหมือนเดิมอีก รับรองว่าปฏิบัติอย่างไรก็ไม่สามารถเข้าถึงผลที่ได้เคยเกิดขึ้นในครั้งแรก ๆ เว้นไว้แต่ว่าถ้าทำให้ความอยากหมดไปได้เมื่อใดแล้ว การปฏิบัติจิตตภาวนาเพื่อให้เข้าถึงมรรคผลที่เคยเกิดขึ้นย่อมเป็นไปได้


    คำถามที่ 2 ด้วยการไม่ปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอจึงทำให้หนูไปหลงยึดติดกับการใช้ชีวิตทางโลก จึงทำให้ปัจจุบันปฏิบัติได้ไม่ดี แต่ปัจจุบันนี้ได้หวนกลับมาปฏิบัติธรรมอีกครั้ง หนูไม่ปรารถนากลับมาเกิดอีก หนูเจอครูบาอาจารย์กี่คนก็บอกว่าหนูสร้างบารมีในอดีตชาติมามาก ทำไมไม่สานต่อ อย่าให้เสียเวลาที่เกิดมา หนูอยากให้ท่านช่วยแนะนำหนูด้วยว่าควรปฏิบัติอย่างไรจึงตรงตามทางที่ครูบาอาจารย์ปฏิบัติกันมาค่ะ

คำตอบ
    คำที่ครูบาอาจารย์แนะนำนั้นถูกต้องแล้ว หากประสงค์นำพาชีวิตให้เป็นอิสระจากโลกธรรมและวัตถุ ซึ่งเป็นสิ่งลวงตาลวงใจทางโลก ต้องเจริญพละ 5 (ศรัทธา วิริยา สติ สมาธิ ปัญญา) ให้มีกำลังกล้าแข็งอยู่ทุกขณะตื่น แล้วปรับสมดุลระหว่างศรัทธากับปัญญาและวิริยากับสมาธิให้มีกำลังใกล้เคียงกัน ส่วนสติต้องเจริญให้มีกำลังมากสุดแล้วมีโอกาสนำพาชีวิตให้พ้นไปจากโลก พ้นไปจากการเวียนตายเวียนเกิด ในวัฏฏสงสารจึงจะมีความเป็นไปได้

    คำถามที่ 3 ทำไมเวลาหนูกลับมาปฏิบัติธรรมสวดมนต์นั่งสมาธิ เวลาหนูนอนหลับมักฝั่นร้าย และจะเกิดอาการหายใจไม่ออก บางครั้งเป็น 5-6 ครั้งต่อคืน สมัยก่อนเป็น 20 ครั้งต่อคืน มันทรมานมาก ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่หนูไม่อยากนั่งสมาธิ เพราะคิดว่าปฏิบัติดีแล้ว แผ่เมตตาแล้ว ทำไมชีวิตต้องเป็นแบบนี้ จึงหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ว่าอาการที่เกิดขึ้นกับตนเองมีสาเหตุมาจากอะไร ปฏิบัติธรรมหรือนั่งสมาธิผิดพลาดตรงไหนหรือเปล่า

   3 คำถาม ดังกล่าวไม่มีใครตอบหนูได้ หนูได้แต่หวังว่าท่านคงชี้แนวทางให้หนูหลุดพ้นไปได้ และสามารถสานต่อในการปฏิบัติในอดีตชาติ ที่หนูก็ไม่รู้ว่าหนูปฏิบัติถึงแค่ไหน หนูไม่อยากเสียชาติเกิดที่มาพบพระพุทธศาสนาจึงได้แต่ขอความเมตตาจากท่าน

    ด้วยความเคารพค่ะ

คำตอบ
    ผู้ใดมีสติ ผู้นั้นนอนหลับได้สนิทและไม่ฝัน ผู้ใดมีเมตตาสั่งสมในดวงจิตหลับแล้วไม่ฝันร้าย สองเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในดวงจิตของผู้ใดได้แล้ว ปัญหาที่ถามไปจะไม่เกิดขึ้น
   

536.
การที่ต้องอยู่ร่วมบ้านกับคนที่ไม่ชอบ

กราบเรียนถามอาจารย์สนองที่เคารพยิ่ง
   ถ้าเราต้องอาศัยอยู่ร่วมบ้านเดี่ยวกันกับคนที่เราไม่ชอบมากๆ ไม่อยากใช้ห้องน้ำเดี่ยวกันเลย แต่ไม่สามารถแยกบ้านไปได้ รู้สึกแย่มากๆ ไม่มีชีวิต ชีวาแช่มชื่นเหลือเลย กราบเรียนถามอาจารย์ ดิฉันควรจะทำอย่างไรเพื่อหนีจากความเป็นอยู่นี้ และความรู้สึกนี้

   ด้วยความเคารพอาจารย์อย่างสูง

คำตอบ
   คนที่ใช้ปัญญาทางโลกและมีเหตุปัจจัยเอื้ออำนวยใช้วิธีหนีปัญหาด้วยการแยกกันอยู่คนละบ้าน เมื่อไปเจอปัญหาแบบเดียวกันนี้อีกในบ้านอื่น ต้องหนีปัญหาแบบนี้อยู่เรื่อยไปไม่มีวันจบสิ้น เพราะเขาหนีใจตัวเองไม่พ้น

   ฉะนั้นเมื่อไม่สามารถแยกบ้านได้ ต้องยอมรับความจริงชดใช้หนี้กรรมเก่าให้หมดไป สร้างบุญกุศลไปเรื่อย ๆ แล้วอุทิศบุญให้หนี้เวรกรรมแทนทำบุญใหญ่ ๆ อยู่เรื่อย ๆ จนความไม่ชอบตามให้ผลไม่ทันและสุดท้ายพัฒนาจิตให้เป็นอิสระจากสิ่งที่เข้ากระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ การแก้ปัญหาแบบสุดท้ายนี้เป็นการแก้ปัญหาได้ถูกตรงที่สุด ซึ่งผู้รู้แนะนำให้กระทำ
 

535.
กราบเรียน ดร.สนอง ที่เคารพอย่างสูง

ดิฉันมีข้อสงสัยขอเรียนถามดังนี้ค่ะ

   1. หากเราเป็นผู้นำในการสร้างสาธารณประโยชน์ เช่น สร้างทางเดินสำหรับคนไปกราบไหว้พระ ถวายผ้าไตรจีวรแก่พระอริยสงฆ์ หรือร่วมถวายกฐินผ้าป่า โดยชวนบุคคลใกล้ชิดร่วมทำบุญด้วย อานิสงฆ์ของผลบุญจะนำให้เราไปเกิดเป็นพ่อแม่พี่น้องกันในภพชาติต่อไปหรือไม่ หากเราเป็นผู้นำในการทำบุญดังกล่าว เรามุ่งหวังให้เขาได้บุญกุศลและช่วยเหลือเกื้อกูลกันในภพชาติต่อไป แต่ไม่ปรารถนาจะเกิดเป็นพี่น้องกัน จะใช้การอธิษฐานขอทำบุญกุศลไม่ผูกพันกรรมเป็นพี่น้องกับบุคคลที่ร่วมบุญดังกล่าวได้หรือไม่ หรือว่าถ้าเราได้ทำบุพพกรรมร่วมกับใครไว้จะต้องเกิดร่วมชาติเป้นญาติใกล้ชิดกันต่อไป

คำตอบ
   
ในอดีตอันยาวไกล ครั้งที่พระปทุมุตตระได้อุบัติขึ้นพระเจ้ากิกีแห่งกรุงพาราณสีมีธิดาอยู่ 7 องค์ทุกองค์ประพฤติพรจรรย์และได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ในตระกูลต่าง ๆ อีกในครั้งที่พระพุทธโคดมได้อุบัติขึ้น ฉะนั้นแม้ว่าจะประพฤติพรหมจรรย์มาเหมือนกัน แต่ยังมีเหตุปัจจัยอื่นที่ต่างคนต่างทำเมื่อกรรมให้ผล จึงไม่เหมือนกันจึงมิได้กลับมาเกิดอยู่ในตระกูลเดียวกัน และยิ่งอธิษฐานไม่ผูกพันกรรมเป็นพี่น้องกันกับบุคคลที่ร่วมทำบุญด้วยกันมา จะไม่มีโอกาสเกิดเป็นญาติใกล้ชิดได้

   2. อานิสงฆ์ของการทำบุญกุศลร่วมกันแบบใดจะส่งผลให้เกิดเป็นสามีภรรยาบิดามารดาพี่น้องกัน ระหว่างการทำบุญใหญ่ร่วมกันในกลุ่มย่อย เช่น ร่วมกันเป็นเจ้าภาพกฐินผ้าป่า 10--15 คน, ถวายสังฆทานร่วมกัน 5-7 คน กับการทำบุญร่วมกันบ่อย ๆ เนือง ๆ

คำตอบ
    เมื่อใดทำบุญร่วมกันแล้ว ทั้งสองคนต้องอธิษฐานให้ตรงกัน คือขอให้เกิดมาเป็นสามีภรรยากันอีกหรือได้ทำบุญร่วมกันเป็นกลุ่มแล้วอธิษฐานให้ได้เป็นพ่อแม่พี่น้องที่ดีต่อกันอีก แล้วสุดท้ายต้องทำเหตุให้ถูกตรง คือให้มีศรัทธาเหมือนกัน ให้มีศีลเหมือนกัน ให้มีการสละบริจาคเหมือนกัน และให้มีปัญญาเหมือนกัน หากประพฤติได้ถูกตรงครบถ้วนอย่างนี้ โอกาสเข้าถึงความปรารถนาที่ตั้งไว้จะเกิดขึ้นได้ในวันข้างหน้า

   3. ผู้ที่มีญาณอภิญญาสามารถมองเห็นดวงจิตของบุคคลอื่นได้และสามารถรับคลื่นจิตของผู้อื่นรู้ว่าผู้อื่นคิดอะไร ขอถามว่า ผู้ที่มีความสามารถเช่นนี้สามารถเห็นดวงจิตของพระอริยสงฆ์ จำแนกได้หรือไม่ว่า ใครคือ โสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์

   ขอขอบพระคุณในความกรุณาตอบข้อสงสัยค่ะ

คำตอบ
    ฆราวาสปุถุชนผู้ปฏิบัติสมถกรรมฐานจนจิตตั้งมั่นระดับเป็นฌานได้ จะสามารถเข้าถึงโลกิยญาณหรือโลกิยอภิญญาได้ แต่ไม่สามารถรู้เห็นเข้าใจสภาวะจิตของพระโสดาบันพระสกิทาคามี พระอนาคามีและพระอรหันต์ได้
  

534.
อาจารย์ช่วยด้วยคะ

เรียน อาจารย์สนอง
    ดิฉันเป็นทุกข์มาหลายสิบปีนี้ ด้วยเรื่องสามีไปนอนกับหญิงอื่น ทั้งที่โสด หม้าย เท่าที่รู้ได้จากจม หรือเบอร์โทร เป็นสิบคน ทบทวนมานานว่าปัญหาคงไม่ได้อยู่ที่ตัวเรา เพราะการงานก็ก้าวหน้า มีการศึกษา ดูแลอบรมรับส่งลูกอย่างดีแต่เล็กจนโต งานบ้านงานเรือนดูแลไม่มีขาดตกบกพร่อง เขาเสียอีกที่ดุดัน ขี้โมโหโกรธา แรกก็เคยคิดว่า ตามธรรมดาที่อยู่ด้วยกันมานานก็เบื่อ ภายหลังคิดว่า เขามีทุสมบัติ ดิฉันเสียเองที่มีกรรมไปเลือกเขามาไม่ดูว่าเหมาะสม ตามภาษาคนหนุ่มสาวที่บูชารัก แต่ก็ไม่เชื่อว่าเพราะดิฉันเคยผิดศีลข้อ3 กับเขาแต่ชาติก่อน เพราะชาตินี้เป็นไปไม่ได้ที่ดิฉันจะทำเช่นนั้นได้ ไม่ใช่เพราะรักเขาแต่กลัวทำผิด ปัจจุบันเชื่อแล้วว่า คงเพราะเราคงผิดศีลข้อ3 เป็นแน่ และเขามาเอาคืนหลายเท่าพูนทวี คิดได้ดังนี้เลยทำให้ใจสงบ และมองเขาเหมือนดวงจิตดวงหนึ่งที่โคจรมาพบเพราะกรรมที่ทำกันมา มาชำระกัน เมือเราสองคนตายจากกันไปก็ไม่รู้จักกันแล้ว ไฉนจะเอาเขามามัดติดตัวเรา ตัวเขาตัวเราก็สมมติมาเจอกันเท่านั้นเอง ความรู้สีกสะเทือนใจที่มีต่อพฤติกรรมเขา ก็ไม่เอามาใส่ในใจเรา วางไว้ที่เขา ก้รู้สึกว่าดีจังสบายใจไม่เห็นทุกข์ร้อนไปกับการกระทำของเขา แต่บางครั้งความรู้สึกสะทือนใจ เศร้าใจก็เข้ามารบกวน จึงต้องทำสมาธิ สวดมนต์ไม่ให้ขาด ขาดเมื่อไรนานเข้า ความรู้สึกก็มารบกวนอีก ตั้งใจมั่นว่าชาติไหนๆจะไม่ขอเจอสามีคนนี้ ที่นำทุกข์โศกมาให้ คิดเช่นนี้ถูกหรือไม่คะ

   ดิฉันอยากได้ยินอาจารย์ วิจารณ์สักเล็กน้อย ในเรื่องที่ดิฉันเล่ามานี้ และขออนุโทนาในเรื่องที่อาจารย์บรรยายธรรม ตอบปัญหา คำถาม ช่วยผู้คนให้คลายทุกข์โศก และข้อแนะนำในการปฏิบัติตน คะ

คำตอบ
    เมื่อใดมีจิตระลึกได้ (สติ) ปัญญาเห็นถูก (สัมมาทิฏฐิ) ก็เกิดขึ้น เมื่อสมมติกับสมมติที่มีหนี้เวรมาเจอกันและกรรมให้ผลต้องใช้หนี้เวรกรรมตามกฎธรรมชาติที่มีความจริงแท้แน่นอน และเมื่อมีปัญญาเห็นถูกจึงคิดได้ถูก (สัมมาสังกัปปะ) เมื่อคิดได้ถูกก็สามารถปล่อยวางสมมติได้ถูก อุปสรรคปัญหาก็หมดไป จิตจึงเป็นอิสระจากเวรกรรมที่ผูกกันไว้

   ปัญหาเรื่องนี้มีอยู่ว่า คุณไม่ดีตรงที่ไม่พยายามรักษาสิ่งอันมีค่าคือความเห็นถูกนี้ให้คงอยู่ในจิตวิญญาณได้ตลอดไป เรื่องสมมติที่ถามไปจึงวกกลับมากวนใจให้ขุ่นมัวได้อีก จะโทษใครได้ เพราะเหตุอยู่ที่ตัวคุณหากคุณดับเหตุด้วยตัวเองได้ เรื่องทั้งหลายที่เนื่องด้วยเขาคนนี้ก็จะจบลงทันทีและจบลงด้วยดี

   คำถามต่อไปมีอยู่ว่า ด้วยการเวียนตายเวียนเกิดในอดีตชาติอันยาวไกล ยังมีรายอื่นอีกไหมที่คุณไปก่อหนี้เวรกรรมแบบนี้ไว้ คงตอบไม่ได้ แต่หากเมื่อใดเวรกรรมตามทัน ปัญหาซ้ำรอยเดิมแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้อีก ฉะนั้นทางที่ดีควรพัฒนาจิตวิญญาณให้ห่างไกลจากกามได้เมื่อใด นั่นจึงเป็นสิ่งที่จะมั่นใจได้ว่าเรื่องแบบนี้จะไม่กลับมาเกิดขึ้นได้อีกจริงแท้แน่นอน


   

533.
กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

กระผมมีปัญหาในการฝึกกรรมฐานจะถามท่านครับ
   1.อยากทราบว่าเวลานั่งกรรมฐาน(นั่งสมาธิ)เวลาเราหายใจ จะสามารถหายใจให้ลึกๆยาวๆขึ้น เพื่อให้เห็นว่าท้องพองหรือยุบ อย่างชัดเจน ควรมั้ยครับ หรือ ควรหายใจเป็นปกติเหมือนใช้ชีวิตประจำวันดีกว่าครับ(บางทีผมรู้สึกท้องมันไม่ค่อยพองหรือยุบมาก เลยใช้พุธ โท แทน ครับ)

คำตอบ
    สติที่มีกำลังน้อยไม่สามารถจับอาการพองยุบของผนังหน้าท้องที่มีขนาดเล็กได้ วิธีแก้ต้องหายใจเข้าลึก ๆ แล้วหายใจออกยาวเพื่อให้เกิดอิริยาบถใหญ่ ของท้องพอง ท้องยุบได้ชัดเจน จากนั้นปล่อยให้ลมหายใจเข้า ลมหายใจออกดำเนินไปตามปกติ จิตจะตามระลึกเข้าถึงอาการท้องพองท้องยุบละเอียดลงไปอีกและหากการะลึกรู้หายไปอีกต้องหายใจเข้าหายใจออกลึก ๆ ซ้ำอีก เพื่อให้เกิดอิริยาบถใหญ่ซ้ำอีกแล้วปล่อยให้ลมหายใจเข้าลมหายใจออกดำเนินไปตามปกติ วิธีนี้เป็นการเจริญสติให้มีกำลังกล้าแข็งยิ่งขึ้นและไม่ควรเปลี่ยนไปใช้องค์บริกรรมอื่นแทน

   2.ตอนนั่งสมาธิผมใช้เบาะผ้ารองนั่ง ผมรู้สึกว่าจะไม่ค่อยปวดขาครับเวลานั่ง ถามว่า ควรมั้ยครับที่จะหนีความเจ็บปวดด้วยวิธีนี้ หรือควรนั่งที่พื้นธรรมดาดีกว่าครับ

คำตอบ
    หากมีน้ำหนักตัวไม่มากและเพื่อลดอาการกดทับสามารถใช้เบาะรองนั่งได้ขณะนั่งบริกรรม

   3.ถ้าจิตผมยังไม่เกิดสมาธิมาก(ยังไม่นิ่งมาก)แล้วเกิดอาการปวดขา แล้วผมจะอธิฐานว่าจะยอมตาย ยอมทนปวดขาไปจนหาย หรือ จนกว่าจะครบเวลาที่กำหนด (เหมือนท่านอาจารย์ ตอนบวช ปี2518) ถามว่าผมจะได้มรรคผลมั้ยครับ

คำตอบ
    หากจิตมีกำลังตั้งมั่นเป็นสมาธิไม่มากพอ เมื่อเกิดทุกขเวทนาปวดแข้งปวดขา แล้วอธิษฐานยอมตาย โดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถย่อมเป็นไปไม่ได้ ตรงกันข้ามจิตที่ได้รับการพัฒนาจนมีกำลังของสมาธิกล้าแข็งแล้วสามารถอธิษฐานยอมตายเพื่อนำจิตเข้าถึงธรรมะของพระพุทธะได้

   4.ผมอยากทราบตารางฝึกของท่านอาจารย์ตอนที่ท่านบวช ปี2518 ครับว่าท่านนั่งสมาธิกี่นาทีแล้วเดินจงกรมกี่นาที (อยากทราบว่าในตอนที่นั่งและเดินแต่ละครั้ง ได้กำหนดเวลามั้ยครับ)และอยากทราบว่าปัจจุบันนี้ท่านปฎิบัติ ที่บ้านอย่างไรบ้างครับ
ว่านั่งครั้งละเท่าไหรและเดินเท่าไร

คำตอบ
    ในการปฏิบัติจิตตภาวนาจะนั่งนานกี่นาที และจะเดินจงกรมนานกี่นาที ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของผู้ปฏิบัติแต่ละคนที่มีมาไม่เหมือนกัน ผู้รู้จึงไม่กำหนดให้ทุกคนนั่งบริกรรมหรือบริกรรมด้วยการเดินจงกรมในห้วงเวลาที่เท่ากันแต่ผู้รู้กำหนดว่า ผู้ใดนั่งบริกรรมแล้วจิตมีความตั้งมั่นเกิดขึ้นเรื่อย ๆ จนสูงสุดของเขาแล้วความตั้งมั่นของจิตเริ่มลดน้อยถอยลง ให้เปลี่ยนอิริยาบถจากการนั่งภาวนาไปเป็นการดินจงกรมแทน จนกว่าจิตตั้งมั่นสูงสุดแล้วเริ่มลดน้อยถอยลง ให้เปลี่ยนอิริยาบถจากการเดินจงกรมกลับไปนั่งบริกรรมแทนสลับกันไปอย่างนี้แล้วกำลังของสมาธิจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

   5.ท่านบอกว่าหลังจาก30วัน ที่ท่านตั้งอธิฐานในตอนบวงปี2518 ท่านนั่งอย่างไรก็ไม่เกิดสมาธิ อยากทราบว่าปัจจุบันนี้ท่านนั่งเกิดสมาธิมั้ยครับแล้วเกิดถึงระดับไหน
ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์มากครับ ถ้าผมถามหรือพูดอะไรที่ล่วงเกินหรือผิดพลาดอะไร ขอได้โปรดอภัยให้ผมด้วยนะครับ

    ขอบคุณครับ

คำตอบ
    ปัจจุบันผู้ตอบปัญหาไม่ได้นั่งสมาธิเหมือนกับตอนที่เริ่มปฏิบัติเมื่อปี พ.ศ. 2518 แต่เจริญพละ 5 อยู่เสมอ จนกระทั่งมีสติจดจ่ออยู่กับสิ่งเข้ากระทบจิต จนเห็นสิ่งที่เข้ากระทบดับไปเป็นอนัตตาจึงปล่อยวางและว่างเป็นอุเบกขาอยู่ทุกขณะตื่น
  

532.
ขอถามเรื่องลูก

   ลูกของดิฉันอายุ 2 ขวบเป็นดาวน์ซินโดรม เคยพาไปกราบหลวงปู่ที่นับถือ ซึ่งเป็นพระสายวิปัสสนากรรมฐาน ท่านบอกว่า ที่ลูกเป็นเช่นนี้เพราะ เศษกรรม จึงขอเรียนถามว่าความหมายของ "เศษกรรม" คืออะไรคะ และผู้เป็นแม่อย่างดิฉันจะช่วยลูกอย่างไรได้บ้าง เพื่อให้กรรมของลูกบรรเทาเบาบางลง เพราะตอนนี้ลูกมีปัญหาเรื่องโรคภัยไข้เจ็บอีก โดยหมอแจ้งว่า เขาอาจจะเป็นลูคีเมีย ซึ่งหมอจะวินิจฉัยให้แน่นอนอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า ดิฉันสงสารลูกมากและเป็นทุกข์กันทั้งครอบครัว สามีและดิฉันสวดมนต์ภาวนาและแผ่ส่วนบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรแทนลูกทุกคืนเลยค่ะ และสามียังไปนั่งวิปัสสนากรรมฐานที่วัดอัมพวันเพื่ออุทิศบุญกุศลให้ลูกด้วย จะเป็นหนทางที่ช่วยแก้กรรมให้เขาได้ไหมคะ

   รบกวนถามอีกข้อว่าผู้เป็นพ่อและแม่จะช่วยตัดกรรมให้ลูกได้ด้วยวิธีใดบ้าง

ขอขอบพระคุณล่วงหน้าสำหรับความเมตตาในการตอบคำถาม เพื่อช่วยบรรเทาทุกข์ในใจของครอบครัวดิฉันค่ะ

คำตอบ
    “ เศษกรรม ” หมายถึงกรรมในส่วนที่ยังหลงเหลืออยู่หลังจากชดใช้กรรมไปแล้วแต่ยังไม่หมด ต้องมาชดใช้กรรมต่อกรรมที่เหลือจึงถูกเรียกว่า เศษกรรม

   กรรมเป็นของเฉพาะตน ใครทำกรรมทั้งดีและไม่ดีไว้ ผู้ทำต้องเป็นผู้รับผลของกรรมการช่วยเหลือในทางโลก ผู้เป็นพ่อแม่ควรนำลูกไปหาหมอผู้มีความรู้มีความสามารถมีประสบการณ์เกี่ยวกับโรคนั้น ถูกต้องแล้ว แต่ในทางธรรมโรคที่มีสาเหตุมาจากอกุศลกรรมจะหมดไปได้ด้วยเหตุ 4 อย่าง ตามคำตอบข้อ 521 (1)

   ส่วนเรื่องการแก้ไขวิบากกรรมแทนลูก สามารถทำได้ในกรณีที่เจ้ากรรมนายเวรของลูก ยอมรับข้อเสนอของผู้เป็นพ่อแม่ดังมีเรื่องที่จะเล่าให้ฟังระหว่างครูกับศิษย์คู่หนึ่ง ครูบาใหญ่ผู้สอนกรรมฐานให้กับลูกศิษย์เกิดอาพาธหนักจนไม่สามารถรับสัมผัสใด ๆ ได้จึงต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลส่วนลูกศิษย์ผู้มากด้วยความกตัญญูรู้คุณ เกรงว่าครูบาใหญ่จะต้องมาจบชีวิตลงในครั้งนี้ จึงได้อธิษฐานปฏิบัติจิตตภาวนาด้วยการเข้านิโรธสมาบัตินาน 3 วัน เพื่อเอาบุญกุศลที่เกิดขึ้นอุทิศใช้หนี้ให้กับเจ้ากรรมนายเวรของครูบาใหญ่ ผลปรากฏว่าหลังจากลูกศิษย์เข้านิโรธสมาบัติได้ 1 วันครูบาใหญ่ที่นอนไม่รู้สึกตัวอยู่ในโรงพยาบาลเกิดรับรู้สัมผัสได้เข้านิโรธสมาบัติได้ 2 วันครูบาใหญ่ลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำในโรงพยาบาลได้เข้านิโรธสมาบัติได้ 3 วัน ครูบาใหญ่ออกจากโรงพยาบาลเดินทางกลับวัดได้และยังมีชีวิตอยู่จนทุกวันนี้
   

531.
เรียนอาจารย์สนองที่เคารพ

   เพื่อนของดิฉันนั่งสมาธิได้ดี นอนก็จะทำสมาธิด้วย ทุกอริยาบทเขาจะกำหนดหมดและสามารถนั่งสมาธิได้ทุกที่และจิตรวมเร็วมาก แต่หน้าที่ทางโลกไม่บกพร่องเลย ช่วงหลังนี้เหมือนมีผู้รู้มาสอนการดำรงชีวิต สอนทุกเรื่องในการดำรงชีวิตหรือแก้ไขปัญหาชีวิตให้ แต่เป็นบทกลอน เขาต้องลุกขึ้นมาจด และมานั่งแปลความหมายเอง หากไม่ลุกขึ้นมาจดก็จะลืมหมด ซึ่งปกติเขาเป็นคนแต่งกลอนไม่ได้เลย และคำแปลกๆเขาจะไม่รู้จักเลย เช่น มรณานุสติ เขาบอกว่าไม่รู้แต่งขึ้นมาได้อย่างไร มีอยู่ครั้งหนึ่งเป็นบทกลอนปรากฎขึ้นมาเหมือนการกล่าวอำลาของพี่เขยและภายใน 7 วันนั้น พี่เขยก็เสียชีวิต
   สิ่งเหล่านี้คืออะไรค่ะอาจารย์
    ขอบพระคุณค่ะ   อนันยา

คำตอบ
    คือนิมิตที่ปรากฏขึ้นกับผู้มีจิตตั้งมั่น
     

530.
กราบเรียนถามท่าน อ.ดร.สนอง วรอุไร ครับ

1. ทำอย่างไรจึงจะนั่ง "สมาธิ" ได้สำเร็จผลมากที่สุด
2. เมื่อนั่งสมาธิเสร็จ แล้ว เราควรจะแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรอย่างไร จึงจะได้ผลมากที่สุด

ขออนุโมทนา...

คำตอบ
    (1) ต้องทำตามขั้นตอนดังนี้
          1.  ต้องมีกุศลกรรมบถ 10 คุมใจให้ได้ทุกขณะตื่น
          2.  มีกัลยาณมิตรทางธรรมเป็นครูผู้ให้คำแนะนำแนวทางการฝึก
          3.  ศรัทธาในคำสอนของครูให้เต็มร้อย แล้วทำตามให้ถูกตรงตามคำสอน
          4.  เร่งความเพียรในการปฏิบัติให้มาก
          5.  ไม่พูด (เว้นกับครูผู้สอน) ไม่ฟัง ไม่ดู ไม่อ่าน ด้วยการปลีกตัวไปปฏิบัติโดดเดี่ยว
          6.  มีบุญเก่าสั่งสมมาก่อน

   (2) เมื่อนั่งสมาธิแล้วเสร็จในรอบวันต้องอุทิศบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรให้กับญาติและสรรพสัตว์ชีวิตผู้ร่วมตาย-เกิดในวัฏสงสาร

ส่วนเรื่องการแผ่เมตตาโปรดอ่านจากคำตอบในเว็บไซด์ ข้อ 518 (2)
 

529.
ขอกราบเรียนถามอาจารย์สนองค่ะ

   1. เมื่อคนได้ล่วงลับแล้ว ดวงจิต หรือวิญญาณจะเกิดในทันทีในร่างเดิมหรือไม่ค่ะ หรือรูปร่างจะเปลื่ยนไปตามกระแสแห่งบุญกรรมที่นำไปเกิดของแต่ละสถานที่ หรือดวงวิญญานจะได้รับการพิพากษา บุญและกรรม ที่แต่ละคนได้ทำไว้ อยากทราบว่าอันไหนเกิดก่อน และเกิดหลังค่ะ

คำตอบ
   
คนที่ตายล่วงลับไปแล้วศพขึ้นอืดแล้วดวงจิตไม่สามารถวกกลับเข้ามาอยู่อาศัยในร่างเดิมได้อีกยกเว้นจิตที่มีพลังบุญสั่งสมไว้มากพอ และร่างเดิมยังสามารถใช้งานได้จิตที่ถูกทำให้หลุดออกจากร่างเดิมยังมีอยู่ดัวยวิธีใดก็ตาม โอกาสที่จิตหวนกลับเข้ามาอยู่อาศัยในร่างเดิม ยังมีอยู่ดังเช่นคนที่ตายแล้วฟื้นคืนชีพที่มาบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่จิตโคจรไปพบไปเห็น

   จิตวิญญาณที่ถูกพิพากษาจากพญายมราชแล้ว ต้องไปเกิดในร่างใหม่ในภพใดภพหนึ่งตามแรงกรรม ถ้าแรงกรรมเป็นกุศลมากก็ไปได้ร่างใหม่ในสุคติภพ ถ้าแรงกรรมเป็นฝ่ายอกุศลมีมากก็ไปได้ร่างใหม่ในทุคติภพกรรมประเภทใดให้ผลรุนแรงกว่า ต้องไปเสวยวิบากในภพนั้นก่อน

   2. ถ้าดวงจิตของเราปฏิบัติธรรม จนสามารถเห็นชาติภพก่อน ซึ่งเกี่ยวนำมาถึงวิบากกรรมในชาตินี้ได้ของผู้อื่นได้ อยากเรียนถามว่า เกิดได้ด้วยสาเหตุใด และถ้าเราอยากช่วยเหลือเขาเหล่านั้นด้วยจิตกุศลอย่างแท้จริง มิหวังชื่อเสียงเงินทองแต่อย่างไร เพื่อการดำเนินชิวิตทางธรรมที่ถูก และที่ควร เหมาะที่จะทำหรือไม่

คำตอบ
   
เกิดด้วยผลของกรรมที่ถูกเก็บสั่งสมไว้ในดวงจิตของผู้ที่ถูกเห็นเรื่องคิดจะช่วยเหลือผู้อื่นให้หันกลับมาดำเนินชีวิตในทางธรรมสามารถคิดได้ แต่หากเขายังไม่ศรัทธาคิดไปก็เปล่าประโยชน์ ผู้รู้จริงจึงไม่คิดและปล่อยวางความคิดที่ไร้สาระเช่นนี้ หากเมื่อใดเขาเกิดศรัทธาจะนำพาชีวิตให้ดำเนินชีวิตไปตามแนวธรรม คุณสามารถชี้แนวทางให้เขาได้แต่ไม่มีสิทธิ์จะไปบังคับให้เขาทำเพื่อคุณ เพราะชีวิตเป็นของเราเขาต้องบริหารจัดการชีวิตด้วยตัวของเขาเอง

   3. การที่ดวงจิตของเราสามารถสื่อสารกับองค์เทพได้ โดยโทรจิต ( ไม่ใช่การเข้าทรงนะค่ะ) นั้นหมายถึงเราพัฒนาจิตของเราจนเราสามารถ ปรับความถี่ของเรา ให้ตรงกับองค์เทพ จนสามารถสื่อสารผ่านจิตกันได้ เกิดจากบุญบารมีเก่าที่เคยสร้าง+กับสิ่งที่เราปฏิบัติและพัฒนาจิตเราในชาตินี้ ด้วยใช่หรือไม่

   ขอขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ
    ธันวดี สุกไสว

คำตอบ
    การสื่อสารโทรจิตกับใครผู้ใดก็ตาม เป็นเรื่องที่ปุถุชนผู้มีจิตทรงฌานสามารถทำได้ ความถี่คลื่นจิตของผู้มีจิตทรงฌานจะคงที่ และหากผู้ถูกกสื่อถึงมีระดับความถี่คลื่นจิตเดียวกันก็สามารถสื่อถึงกันได้เรื่องที่บอกเล่าไปเป็นผลงานเก่า ผลงานใหม่ของผู้ภาวนาจิตจนถึงความเป็นฌานซึ่งผู้ตอบปัญหาไม่แนะนำให้เอาจิตเข้าไปเป็นทาสของโลกิยอภิญญา เพราะเป็นการสูญเวลาของชีวิตและไม่ใช่วิถีของการพ้นไปจากทุกข์
     

528.
กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

กระผมมีปัญหาในการฝึกกรรมฐานอยากจะเรียนถามถ่านอาจารย์ ดังนี้ครับ
   1. ผมนั่งสมาธิก่อนนอนทุกวัน ครั้งละประมาณ30-60 นาที ทำอย่างนี้มาประมาณ 3-4 อาทิตย์
แต่ขณะปฎิบัติรู้สึกว่าจิตฟุ้งซ่านสลับกับการมีสติจดจ่อ เป็นอย่างนี้ไปจนเลิกนั่งสมาธิ
- ถามว่า ถ้าฝึกนั่งอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆจะสามารถพัฒนาจิตได้ไปถึงขั้นไหนและควรปรับปรุงอย่างไรดี

คำตอบ
    ปฏิบัติธรรมแล้วมีจิตฟุ้งกับกับมีจิตจดจ่อ ถ้าปฏิบัติต่อไปจะได้บุญตรงที่มีจิตจดจ่อ (สติ) และจะได้บาปตรงที่มีจิตฟุ้ง (กิเลส) เพิ่มมากขึ้นฉะนั้นควรปรับแก้ไขใจให้มีกุศลกรรมบถ 10 คุมใจให้ได้ก่อนปฏิบัติธรรมแล้วจิตจะมีกำลังของสติเพิ่มมากขึ้นอารมณ์ฟุ้ง (บาป) จะลดลงและหมดไปในที่สุดเมื่อสติมีกำลังมากเป็นมหาสติ

   2. ขณะนั่งสมาธิไปได้สักพักเริ่มเกิดอาการปวดขาและเริ่มปวดมากขึ้นเรื่อยจนกระทั่งออกจากสมาธิ
- ถามว่า เมื่อเกิดอาการปวดขาต้องเอาจิตไปกำหนดว่า "ปวดหนอ ปวดหนอ" แล้วกลับมาที่ลมหายใจต่อ(อาการปวดยังไม่หายไป) หรือว่ากำหนดว่า "ปวดหนอ ปวดหนอ" ไปเรื่อยๆจนกว่าอาการปวดจะหายไป?

คำตอบ
    ขณะนั่งสมาธิแล้วเกิดอาการปวดที่ขา นั่นแสดงว่าจิตขาดสติไปรับเอาสิ่งกระทบไม่ดีจากขามาปรุงเป็นอารมณ์ปวดวิธีแก้ไขต้องกำหนดว่า “ ปวดหนอ ๆ ๆ ๆ ” ไปเรื่อย ๆ จนกว่าอาการปวดที่ขาจะหายไปและเมื่อใดที่อาการปวดขาวกกลับมาให้สัมผัสได้ว่า ต้องกำหนดเหมือนเดิมจะเป็นร้อยครั้งพันครั้งต้องกำหนด จนกว่าอาการปวดหายไปแล้วไม่กลับมาเกิดอีกเลย นั่นแสดงว่าจิตมีกำลังของสติกล้าแข็ง สามารถระลึกได้ทันสิ่งกระทบแล้วอนัตตาในที่สุดกำลังของสติเช่นนี้เป็นเป้าหมายของนักปฏิบัติธรรมต้องการเข้าถึง

    3. การนั่งแต่ละครั้งผมได้ตั้งนาฬิกาปลุก(แบบสั่น)เตือนไว้1ชม.ในแต่ละครั้ง อยากรู้ว่าควรกำหนดเวลาในการนั่งหรือไม่ หรือนั่งไปเรื่อยๆจนกว่าจะเลิกเอง และถ้าชาติก่อนๆไม่เคยสั่งสมบุญเรื่องของการภาวนามาก่อน และชาตินี้จะสามารถนั่งกรรมฐานให้มีสมาธิได้มากที่สุดถึงขั้นไหน (ตอนนี้เป็นนักศึกษา)

    ขอขอบคุณอาจารย์มา ณ ที่นี้ด้วย ขอบคุณครับ

คำตอบ
    การปฏิบัติธรรมไม่ควรใช้นาฬิกาปลุก ให้รู้ว่าหมดเวลาเพราะจะทำให้จิตกังวลอยู่กับนาฬิกาบอกเวลา ควรกำหนดห้วงเวลาปฏิบัติแล้วดูนาฬิกาตอนเริ่มต้นปฏิบัติ เมื่อครบกำหนดตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ (อธิษฐาน)จิตจะรู้เอง จิตที่มีความตั้งมั่นเป็นสมาธิ เมื่อเลิกปฏิบัติแล้วจึงกลับมาดูนาฬิกา จะพบว่าใกล้เคียงกับห้วงเวลาที่กำหนดไว้

คนที่นำตัวเข้าปฏิบัติธรรมต้องมีของเก่าสะสมมาก่อน ปฏิบัติธรรมแต่ละครั้งมรรคผลของการปฏิบัติจะเพิ่มขึ้นและถูกเก็บสั่งสมไว้ในดวงจิตและไม่ควรกำหนดว่าจะปฏิบัติให้ถึงขั้นนั้นขั้นนี้ เพราะนั่นเป็นเหตุให้เกิดตัณหาและจิตยึดไว้เป็นอุปาทานซึ่งเป็นตัวขัดขวางการปฏิบัติธรรมจึงไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง


  

527.
กราบเรียนถามท่าน อ.ดร.สนอง วรอุไร ครับ

   1. ผมเคยได้ฟังธรรมเทศนาเกี่ยวกับเรื่องของการเจริญมรณานุสติครับ แต่ตัวผมเองยังไม่เข้าใจในเรื่องของการปฏิบัติครับ คือผมอยากทราบว่าหลักวิธีการ
ในการที่จะใช้ในการเจริญมรณานุสติ ควรจะทำอย่างไรครับ

คำตอบ
    มรณานุสติเป็นหนึ่งในอนุสติ 10 คือให้ระลึกถึงความตาย ที่ต้องเกิดขึ้นกับตนเองเป็นธรรมดาจะได้ไม่กลัวตายและจะได้เร่งขวนขวายบำเพ็ญคุณงามความดีให้มีและสั่งสมอยู่ในจิตใจ

   หลักการคือเอาจิตระลึกถึงความตายบ่อย ๆ ว่า เราต้องตายลงในวันใดวันหนึ่งข้างหน้าแน่นอนเป็นธรรมดา บัดนี้เราทำความดี มีบุญ มีบารมีพอแล้วหรือที่จะใช้เป็นปัจจัยเดินทางไปเกิดในร่างใหม่ในภพใหม่
   
   2. จากรายการธรรมะที่ผมเคยฟังจากวิทยุครับ มีคนส่วนนึงโทรมาถามในรายการว่า บทสวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฏกนั้นทำไมยิ่งสวดยิ่งแย่
และผมได้ฟังพระอาจารย์ท่านได้ตอบคำถามครับ ผมฟังแล้วก็รู้สึกเหมือนท่านก็ไม่แนะนำให้สวดมนต์บทนี้ครับ
ผมจึงอยากทราบว่าในเมื่อบทสวดมนต์ทุกบทล้วนเป็นบทพุทธคุณ แล้วจะทำให้แย่จริงหรือครับ

คำตอบ
    ผู้ตอบปัญหาไม่มีประสบการณ์ในการสวดมนต์บทนี้จึงไม่ทราบว่าสวดแล้วทำให้ชีวิตเสื่อมลงจริงหรือ แต่ที่รู้คือสวดมนต์ด้วยความจำเป็นคาดหวังให้มนตรานั้นกลับมาช่วยแก้ปัญหาให้กับตัวเอง เมื่อสวดแล้วไม่ได้ผลตามที่คาดหวัง จึงผิดหวังอย่างนี้เป็นการสวดมนต์ที่ผิดทาง ความรู้สึกว่า “ ยิ่งสวดยิ่งแย่ ” จึงได้เกิดขึ้นกับผู้มีความเห็นผิด

   3. การปฎิบัติในการทำสมาธินั้น จากที่ผมเคยอ่านหนังสือของท่านอาจารย์ครับ เรื่องของการที่คนเราต้องมีศีลเป็นสำคัญ จึงจะช่วยให้เราสามารถเกิดปัญญา
ในการทำสมาธินั้น หากว่าเรายังปฏิบัติในการถือศีล 5 ยังบกพร่องอยู่ในบางครั้ง(ถึงแม้ว่าจะแค่ครั้งเดียวก็ตาม) ก็จะเป็นการขัดขวางไม่ให้เราเกิดปัญญาขั้นสูงสุด
ได้ใช่ไหมครับ และศีลข้อที่ 4 เป็นศีลที่รักษาได้ยากที่สุด ควรจะทำอย่างไรดีครับ ในการที่จะรักษาศีลข้อนี้ไม่ให้ด่างพร้อย

คำตอบ
    ในเรื่องของไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นพื้นฐานเป็นบันไดส่งให้ขึ้นสูง คือศีลเป็นบันไดนำสู่การเกิดความตั้งมั่น (สมาธิ)ของจิต จิตที่ตั้งมั่นดีแล้วเป็นบันไดนำสู่การเกิดปัญญาเห็นแจ้งดังมีปรัชญาอื่นกล่าวไว้ว่า “ เมื่อใดจิตมีความตั้งมั่นเป็นสมาธิ แก่นแท้ของความรู้จะเกิดขึ้น ”

   ดังนั้นเมื่อพื้นฐานยังไม่ดี บันไดยังไม่มี โอกาสพัฒนาจิตให้ขึ้นถึงที่สูงจึงเป็นไปได้ยาก วิธีแก้ปัญหาที่ถามไปต้องแก้ด้วยการเอาธรรมะมาคุ้มครองใจคือพัฒนาใจให้เป็นผู้มีสัจจะได้เมื่อใดแล้วการละเมิดศีลข้อ 4 จะไม่เกิดขึ้น
  
   4. ถ้าคนที่กำลังเป็นทุกข์มากๆแล้วหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ ท่านอาจารย์มีแนวทางที่จะให้ใช้ในการแก้ไขไหมครับ
      สุดท้ายนี้ ผมต้องกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อย่างสูงครับ ขอให้ท่านอาจารย์มีสุขภาพแข็งแรงครับ

คำตอบ
    วิธีแก้ปัญหาคือนำตัวออกจากสังคมทีมีสิ่งกระทบไม่ดีเล่นกีฬาประเภทที่มีการใช้พลังมาก เช่น เล่นฟุตบอล เล่นรักบี้ ว่ายน้ำ เล่นเทนนิสฯลฯ เล่นจนเหนื่อยอ่อนและเมื่อยล้า รับประทานอาหารย่อยง่ายพักผ่อนด้วยการนอนหลับให้เต็มตื่น บริโภคใช้สอยมักน้อย เท่าที่จำเป็นกับชีวิตบริโภคใช้สอยแต่สิ่งเป็นสาระและมีความสันโดษ ไม่นำตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นประพฤติให้เป็นกิจวัตรเมื่อกรรมดีเหล่านี้ให้ผลปัญหาก็จะหมดไป
   

526.
กราบเรียนอาจารย์สนองที่เคารพ

1. หนูอยากทราบว่าอานิสงส์ของการสวดมนต์บทพาหุงคืออะไรทำให้ระงับความฟุ้งซ่านได้หรือไม่คะ

คำตอบ
    ผู้ใดสวดมนต์ด้วยใจจดจ่ออยู่กับบทสวดได้แล้วความฟุ้งซ่านที่มีอยู่กับใจจะหมดไป

   บทสวดมนต์พาหุงฯ (ชัยมงคลคาถา) เป็นบทสวดมนต์ที่อ้างถึงการใช้บารมี เช่น ทาน ขันติ เมตตา ฯลฯ ของพระพุทธะ อ้างถึงการใช้อภิญญา การใช้จิตที่ตั้งมั่นของผู้ทรงธรรม มาเป็นเครื่องปกป้องคุ้มครองภัยอันเกิดจากมารที่ทำให้เป็นผลสำเร็จแล้ว จึงมีบทสวดมนต์พาหุงฯ ขึ้นมาภายหลัง เพื่อให้ผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใสนำไปสวดสาธยายให้เกิดเป็นชัยมงคลกับตัวผู้สวดเอง
    
2. ที่มาที่ไปของพระไตรปิฎกมาจากไหนเรื่องราวในพระไตรปิฎกมีอยู่จริงหรือไม่ และผู้ที่เขียนเรื่องราวของพระไตรปิฎกได้มาจากสมาธิไช่หรือไม่คะ

คำตอบ
    พระไตรปิฎกเกิดขึ้นครั้งแรกหลังพุทธปรินิพพานไปแล้ว 3 เดือน ที่ถ้ำสัตตพบรรณคูหา ภูเขาเวภาระ กรุงเราชคฤห์ แคว้นมคธ เหตุเพราะมีภิกษุผู้บวชเมื่อแก่ได้กล่าววาจาจาบจ้องพระธรรมวินัยโดยมีพระเจ้าอชาตศัตรูเป็นศาสนูปถัมภก มีพระมหากัสสปะเป็นองค์ประธานและเป็นผู้ซักถามปัญหา มีพระอุบาลีเป็นผู้ตอบปัญหาด้านพระวินัย มีพระอานนท์เป็นผู้ตอบปัญหาด้านพระธรรม

   สังคายนาครั้งที่ 2 เกิดเมื่อพ.ศ. 100 ที่เมืองเวสาลี แคว้นวัชชี เหตุเพราะพระสงฆ์ประพฤตินอกธรรมนอกวินัย

  สังคายนาครั้งที่ 3 เกิดในสมัยพระเจ้าอโศกครองราชย์ ประมาณปี พ.ศ. 234 ที่เมืองปาฏลีบุตร แคว้นมคธ เนื่องด้วยเหตุมีเดียรถีย์จำนวนมาก ปลอมมาบวชเป็นพระสงฆ์ จึงทำให้พุทธศาสนาเสื่อมพระเจ้าอโศกเป็นองค์อัครศาสนูปถัมภก และยังได้ส่งพระโสณะ และพระอุตตระเป็นทุตินำพระไตรปิฎกมาสู่สุวรรณภูมิ

   พระไตรปิฎกแบ่งเป็น 3 หมวดใหญ่ คือหมวดที่ว่าด้วยพระธรรมหมวดที่วาด้วยพระวินัย และหมวดที่ว่าด้วยพระสูตร (เรื่องเล่า) ผู้ตอบปัญหาได้พิสูจน์แล้วจึงยืนยันว่าพระไตรปิฎกเป็นเรื่องจริง แต่ผู้ถามอย่าพึงปลงใจเชื่อ ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองจนเข้าถึงความจริงแล้วจึงค่อยเชื่อพระอริยสงฆ์ผู้เข้าร่วมปฐมสังคายนาจำนวน 499 รูป ทุกองค์เป็นพระอหันต์ อภิญญา 6 (อิทธิวิธี ทิพพโสต เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ทิพพจักขุ อาสาวักขยญาณ) และมีปฏิสัมภิทาญาณ 4 (อัตถปฏิสัมภิทา ธัมมปฏิสัมภิทา นิรุตตปฏิสัมภิทา ปฏิภาณปฏิสัมภิทา) ยกเว้น พระมหากัสสปะผู้ทำหน้าที่เป็นประธานปฐมสังคายนา เป็นพระอรหันต์วิชชา 3 (ปุพเพนิวาสานุสติญาณ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ) ทรงอภิญญา และมีปฏิสัมภิทาญาณด้วย การเกิดของอภิญญาและการเกิดของปฏิสัมภิทา ต้องมีสมาธิขั้นสูงสุดเป็นพื้นฐาน
   
3.หนูเชื่อว่านรก-สวรรค์มีจริงแต่ไม่เคยเห็นด้วยตา
อยากให้อาจารย์สนองออกหนังสือหรือเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับนรกที่ได้ไปพบไปเห็นมา ว่าสัตว์นรกหน้าตาเป็นอย่างไรทำกรรมเช่นไร จะต้องไปอยู่ในขุมนรกที่มีลักษณะแบบไหนและทรมานและมันยาวนานขนาดไหน จะได้ดูไว้เป็นอุทาหรณ์ไว้ระลึกไม่ให้เราเดินไปในทางที่ผิด ถ้าเป็นไปได้ช่วยบอกวิธีที่จะทำให้ตัวเราไม่ต้องตกนรกด้ว

ด้วยความเคารพอย่างสูง

คำตอบ
    เชื่อเรื่องนรก-สวรรค์ว่ามีจริงโดยไม่เคยเห็นด้วยตาเป็นการพูดที่ยังไม่ถูกตรงตามความเป็นจริง แท้จริงแล้วทุกคนเคยเกิดเป็นสัตว์นรก ทุกคนเคยเกิดเป็นชาวฟ้าสวรรค์มาแล้วทั้งสิ้น แต่การเกิดแต่ละครั้งถูกภพชาติปิดบัง ไม่ให้เห็นสิ่งที่ผ่านไปแล้วด้วยตาเนื้อตาหนัง แต่ทุกคนมีสิทธิ์เห็นได้ด้วยตาจิต ตาทิพย์ ตาญาณ หากทำเงื่อนไขได้ถูกตรงด้วยการเข้าฌานได้แล้ว จะรู้เห็นเข้าใจว่านรก-สวรรค์เป็นภพที่มีจริงเป็นจริง

   ในพระไตรปิฎกเขียนบอกเล่าเรื่องนรกสวรรค์ไว้ชัดแจ้งและยังมีคนอื่นออกหนังสือ เรื่องนรก-สวรรค์มายืนยันอีกมากยังไม่สามารถทำให้คนอีกจำนวนมากเกรงกลัวบาปกรรมที่จะทำให้ไปเกิดเป็นสัตว์นรกยังไม่ทำให้คนอีกจำนวนมาก ประพฤติเหตุที่นำสู่การเกิดเป็นชาวฟ้า-ชาวสวรรค์ ด้วยการทำตนให้มีศีล ทำตนให้เป็นผู้ศรัทธาในทานผู้ตอบปัญหาจึงยังไม่เห็นประโยชน์ที่เกิดจากการเขียนเรื่องนรก-สวรรค์ขึ้นมาให้รกโลก
  

525.
กราบเรียนอาจารย์สนองที่เคารพยิ่ง

ดิฉันขอเรียนถามปัญหาสองข้อนะคะ

1.ประโยคที่ว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน หมายความว่าอย่างไรคะ

คำตอบ
    ผู้รู้ หมายถึง รู้สัจธรรมคือรู้เท่าทันสรรพสิ่งตามความเป็นจริง เช่น รู้อริยสัจ 4

   ผู้ตื่น หมายถึง ผู้ที่ตื่นจากหลับ (กิเลส) คือตื่นจากกิเลสสามารถกำจัดกิเลสไม่ให้เข้ามามีอำนาจครอบครองใจได้

   ผู้เบิกบาน หมายถึง ผู้มีความแช่มชื่นสดใสด้วยญาณที่ใช้กำจัดอวิชชา (อรหัตตมัตคญาณ)
   
2.การ คุยไม่มีออกนอกตัว คุยแต่ภายใน อยู่กับตัวไม่ออกนอกตัว
หมายถึงการคุยแต่เรื่องที่เป็นตัวของเราไม่คุยเรื่อง
คนอื่นใช่ไหมคะ
ขอความกรุณาช่วยยกตัวอย่างการคุยไม่ออกนอกตัวซักประโยคจะได้ไหมคะ

กราบขอบพระคุณอาจารย์ด้วยความเคารพอย่างสูง

คำตอบ
    หมายถึงการคุยแต่เรื่องของกายและจิตตามความเป็นจริงแท้ เช่นคุยว่าร่างกายเป็นสิ่งปฏิกูล คุยว่าร่างกายประกอบขึ้นด้วยธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ คุยเรื่องร่างกายว่าเป็นที่อยู่อาศัยของจิตจึงเกิดขันธ์ 5 คุยว่าจิตเป็นตัวรับกระทบจากภายนอกมาปรุงเป็นอารมณ์ดีเมื่อจิตไม่มีราคะ โทสะ โมหะ เข้ารบกวน หรือมีอารมณ์ไม่ดีเมื่อมีกิเลส ตัณหา อุปาทานเข้าครอบครอง ต่างๆ เหล่านี้ล้วนดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์เมื่อเข้าสู่ความเป็นอนัตตาจิตจึงไม่ใช่ตัวตนแท้จริง ฯลฯ อย่างนี้จึงจะเรียกได้ว่าคุยไม่ออกนอกตัว
   

524.
กราบเรียน อาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

   1. เมื่อปี 2548 ดิฉันได้พบและรู้จักกับชายคนหนึ่งเพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้นค่ะ ทันทีที่เห็นก็เหมือนรู้จักกันมานาน และรู้สึกดีทุกครั้งที่เจอกันค่ะแต่ก็ต้องมีเหตุจากกันไปเพราะต่างคนต่างอยู่ไกลและมีหน้าที่ที่ไม่สามารถเจอกันได้บ่อยนัก แต่หลังจากนั้นก็มีเหตุให้เข้าใจผิดกันค่ะเพราะสื่อสารผิด เข้าใจไม่ตรงกัน ทำให้เขาเกลียดดิฉันไปเลย เขาไม่อยากเจอหน้า ไม่อยากได้ยินชื่ออีกแล้ว
ตอนนั้นดิฉันเสียใจมากเพราะรู้สึกดีกับคนนี้มาก ยากที่เราจะรู้สึกแบบนี้กับใครแต่ไม่โกรธเขาเลยนะคะและจะไม่ไปให้เห็นหน้า ให้ได้ยินตามอย่างที่เขาต้องการ กลัวเขาไม่สบายใจ จะขอกล่าวให้เขาอโหสิกรรมให้ก็มีคนบอกว่าไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นเพราะดิฉันไม่มีความผิดแต่เป็นเรื่องที่เขาเข้าใจผิดและรับไม่ได้ แต่ความรู้สึกนี้กลายเป็นความรู้สึกผิดบาปมาตลอดตรงที่ทำให้เขาโกรธค่ะ ดิฉันจึงปฏิบัติธรรมและแผ่เมตตาอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร สรรพสัตว์และตัวเขามากขึ้นเพราะเชื่อว่าคงมีเวรกรรมกันมา ไม่อย่างนั้นก็คงไม่สะเทือนใจขนาดนี้

   ดิฉันอยากทราบถึงกรรมอะไรที่ต้องเจอเรื่องราวอย่างนี้คะ เพราะเวลายิ่งนานไปถึงแม้ไม่เจอกันสิ่งที่ดิฉันทำก็เหมือนเป็นเองอยู่ฝ่ายเดียว เขาจะรับรู้หรือนึกถึงดิฉันรึเปล่าไม่อาจทราบได้ อาการตอนนี้ก็คล้ายๆรักเขาข้างเดียวค่ะ บางครั้งรู้สึกว่าแบกไปแล้วทุกข์ นั่งกรรมฐานแล้วดีขึ้นค่ะรวมถึงใช้ธรรมะตามกฎพระไตรลักษณ์เข้าช่วย แต่บางครั้งก็ยังมีความรู้สึกนึกถึงเขาว่าเขายังอยู่ด้วยอยู่ข้างๆเหมือนอาการทดแทนทางจิตใจค่ะ สบายใจแต่เหมือนเพ้อฝันเพราะความจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น จะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไรดีคะถ้าต้องการหยุดความคิดทุกสิ่งทุกอย่างกับชายคนนี้

คำตอบ
   เป็นกรรมในอดีตจิตมีความเห็นผิดไปเอ่ยวาจาขับไล่คุณที่มีความปรารถนาดีไม่ให้เข้าใกล้ เมื่อกรรมส่งผลจึงต้องพบกับเรื่องราวอย่างนี้ เอาเรื่องพลัดพรากเข้ามีอำนาจเหนือใจย่อมได้รับความทุกข์ใจทุกคนประสงค์หยุดความคิดไม่ดีนี้ให้ได้ต้องพัฒนาจิตให้มีกำลังสติสัมปชัญญะกล้าแข็ง แล้วใช้สติสัมปชัญญะมาพิจารณาสิ่งที่เข้ากระทบใจ จนเห็นดับไป (อนัตตา) ตามกฎไตรลักษณ์แล้วอุทิศบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรไปเรื่อย ๆ จนกว่าเรื่องนี้จะหมดไปจากใจไม่เข้ามากวนใจให้ขุ่นมัวอีกต่อไป

   2.อยากสอบถามวิธีเรียนให้เก่งและพัฒนาปัญญาของอาจารย์ค่ะ
ดิฉันเคยทราบมาว่าพระบางรูปจะภาวนาใช้คาถาสหัสสเนตโต ท่านบอกว่าคาถานี้ทำให้จำแม่น อยากทราบว่าทำดังนี้ได้รึเปล่าคะ แต่ดิฉันอยากได้วิธีที่เรียนอะไรก็เข้าใจง่าย ประยุกต์ได้ เช่น พอรู้สูตรก็ทำโจทย์ได้ เจอโจทย์คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ที่advanceมากๆแล้วทราบว่าต้องsoluteอย่างไร หรือมีทักษะทางด้านคิดค้น ความคิดสร้างสรรค์ เช่น คิดสูตรทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สร้างยานอวกาศ ประดิษฐิ์หลอดไฟ ทำระเบิดปรมาณู คิดโปรแกรมคอมพิวเตอร์
ต้องสร้างเหตุมาอย่างไรคะและถ้าอดีตชาติเราสร้างเหตุมาไม่พอ เช่น ชาตินี้เรียนอะไรเข้าใจยากอาศัยต้องขยัน จะทำอย่างไรให้brightขึ้นคะ ถ้าอยากสร้างเหตุให้ส่งผลปัจจุบันในชาตินี้และเก็บไว้กาลข้างหน้าด้วยค่ะ
  
กราบขอบพระคุณอาจารย์ ดร. สนอง มา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
Winnie

คำตอบ
    การบริกรรมคาถามีจุดประสงค์ต้องการให้จิตมีกำลังของสติเพิ่มขึ้น หากไม่ใช้คาถาแต่ใช้องค์บริกรรมอื่นที่เหมาะกับจริตจนบรรลุมรรคผลของการบริกรรมแล้ว ก็สามารถทำให้จิตมีกำลังของสติเพิ่มขึ้นได้จิตที่มีสติเพิ่มจะตั้งมั่นเป็นสมาธิ ซึ่งจะส่งผลถึงความถี่ของคลื่นสมองมีการเปลี่ยนไปในทางที่มีระเบียบยิ่งขึ้น ทำให้ความจำเพิ่มขึ้น สุดท้ายส่งผลถึงการศึกษาเล่าเรียนดีขึ้น

   เรื่องที่ผ่านไปแล้วเป็นเรื่องอดีตที่แม้แต่พระพุทธะยังแก้ไขไม่ได้ปัจจุบันสามารถประพฤติแต่เหตุที่เป็นสิ่งดี เพื่อผลดีงามจะเกิดตามมาในวันข้างหน้าย่อมทำได้ ประสงค์มีความจำมีสติปัญญาดีเฉลียวฉลาดต้องทำเหตุปัจจุบันให้ถูกตรง คือมีศีล 5 คุมใจให้ได้ก่อนแล้วเจริญจิตตภาวนาด้วยการสวดมนต์ก่อนนอน ฟังธรรม เจริญอานาปานสติ ลมหายใจเข้ากำหนดว่า “ พุท ” ลมหายใจออกกำหนดว่า “ โธ ” ปฏิบัติก่อนนอนวันละ 15-30 นาที ต่อเนื่องยาวนานจนกระทั่งจิตเข้าสู่ความตั้งมั่นระดับอุปจารสมาธิได้แล้วจึงปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เพื่อให้จิตเกิดปัญญาเห็นแจ้งใครผู้ใดเข้าถึงปัญญาเห็นแจ้งได้แล้วจะสามารถระลึกและรู้ทันสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริงได้ในชาติปัจจุบันและติดตามส่งผลถึงชาติหน้าได้อีกด้วย


  

523.
กราบเรียน อาจารย์ ดร.สนอง ที่เคารพอย่างสูง

   ดิฉันมีเพื่อนรับแปลงานหนังชุด วีซีดี โดยผู้จ้างไม่ได้รับลิขสิทธิ์โดยตรงจากเจ้าของหนัง ในต่างประเทศ เพื่อนฝากถามว่าจะเป็นบาปผิดศีลข้อ 2 อทินนาหรือไม่ รบกวนอาจารย์ช่วยอธิบายให้ความกระจ่างด้วยคะ

ขอขอบพระคุณอย่างสูงมา ณ ที่นี้
    ผู้หัดใหม่

คำตอบ
    ผิดศีลข้อ 2 ด้วยเหตุนำตัวเองเข้าไปมีส่วนร่วมในการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของมิได้ให้ด้วยอาการลักขโมย (อทินนาทาน) และเป็นจำเลยที่สองด้วยเหตุ ไปรับเอาของที่ถูกขโมยมา ทำให้เกิดประโยชน์กับตัวเอง คือรับผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการแปล
     

522.
ขอคำแนะนำค่ะ

สวัสดีคะอาจารย์
    หนูมีเรื่องอยากกราบเรียนถามอาจารย์ค่ะ คือหนูอยากเรียนรู้การนั่งเจริญสมาธิและวิปัสสนา หนูอ่านหนังสือแล้วไม่เข้าใจค่ะ หนูนั่งสมาธิเกือบจะทุกวันค่ะหลังจากสวดมนต์ แต่หนูไม่ทราบได้การที่หนูนั่งนั้นมันถูกหรือป่าว คือหนูพอทราบว่าการทำสมาธิทำให้เรามีปัญญาและจิตใจสงบ หนูเบื่อนิสัยในความเจ้าอารมณ์ของหนูค่ะ หนูอยากพบหนทางที่สว่างกับชีวิตหนูค่ะ หนูไม่รู้จะหาคำแนะนำทางด้านนี้จากไหนค่ะ หนูพยายามทำตามที่อาจารย์บอกค่ะ ให้คิดดี ทำด ีพูดดี พยายามเลิกทำสิ่งที่ไม่ดี

ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
    ต้องนำตัวเองเข้าปฏิบัติธรรมตามสำนักที่มีการเปิดฝึกปฏิบัติ ทั้งนี้เพื่อให้มีประสบการณ์ตรงจะได้รู้วิธีปฏิบัติที่ถูกต้องแล้วนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับตนเอง
   

521.
กราบเรียน อาจารย์ ดร.สนอง

   ดิฉัน ดำรงอาชีพด้วยการจำหน่าย เทป ซีดี ทำมาตั้งแต่ ปี 2530 ค่ะ ก็รุ่งเรืองในอาชีพมาโดยตลอด จวบจน กระทั่งปี 2533 ก็เริ่ม หันมาทำผิดศีลข้อ สองคือ หันมาทำ copy ทั้งเทป ทั้ง ซีดี ขายทำโดยไม่รู้สึกว่า ผิดศีล ใคร ๆ เค้าก็ทำกัน ทั้งยังผิลศีลข้อ 3 คือไปรักชอบ กับสามีชาวบ้าน อันนี้เป็นกรรมเก่าหรือเปล่า ดิฉันเองก็ไม่ทราบ เพราะตั้งแต่เห็นผู้ชายคนนี้ ครั้งแรก แล้วเหมือนจำได้ จนเกิดข้อผิดพลาดในชีวิต ต้องไปเป็น ภรรยา ชั่วคราว รับกรรม อยู่ถึง 7 ปีกว่าที่จะหมดกรรมได้

   พอมาถึง ปี 40 ดิฉันก็แยกทาง กันไปและหันมาทำกิจการตัวเอง ก็รุ่งเรืองมาโดยตลอดเสียแต่ว่า เหมือนจะลุ่ม ๆ ดอน ๆ พอจะดีก็มี การรื้อร้าน พอจะสบาย (เพราะส่งน้องเรียนด้วย) ก็มี การทำถนน พอจะมือขึ้น ก็โดน ขโมยเข้าร้าน ปี 41 บังเอิญ ดิฉันได้ พบกับ ชายคนนึง ที่รู้จักกันทาง net พูดคุยกันทุกวัน จนกระทั่งนัดพบกัน ดิฉันรู้สึก ถูกชะตาเค้าตั้งแต่แรกเห็น จนกระทั่งดิฉัน รักเค้ามาก เค้าจึงมาสารภาพว่า เค้ามี เมีย แล้ว เหมือนกรรมมากำหนดคนขาด สติ อย่างดิฉัน ทำให้เป็นภรรยา ลับของชายคนนี้ ต่อมา อีก 7 ปีทั้งที่ ดิฉันไม่เคย ได้รบกวนอะไรจากเค้าเลย ประกอบกันกับที่ ดิฉัน ล้มป่วย ลงด้วยโรค ธัยรอยด์เป็นพิษ อย่างแรง ทำให้อารมณ์ ดุร้าย หงุดหงิด ตลอดเวลา เพราะลมหายใจสั้น และชีพจรเต้นเกือบ 110 ต่อนาที ดิฉันรักษาตัวอยู่ 5 ปี เข้าผ่าตัดในปี มิถุนา 47 และการผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดี จนทุกวันนี้ ดิฉันไปตรวจเลือดปี ละ 1 ครั้งเท่านั้น จนกระทั่งล่าสุดปี 48 ดิฉัน โดนเจ้าหน้าที่ ลิขสิทธิ์ ของบริษัท ตามสืบและมาจับถึง ร้าน โดยที่เหตุครั้งนี้ ดิฉันไม่ได้เป็น ผู้กระทำ แต่ดัน ไปแนะนำให้น้องสาว ทำการ copy CD หนังขาย แต่ เปิดบัญชี เป็นชื่อ ดิฉัน โดยที่ดิฉันเองไม่ได้มีส่วน ได้เสียในผลกำไรนั้น ๆ ด้วย หมดเงินไปถึง 3 แสนกว่าในคราวเดียว ดิฉันแทบจะล้มทั้งยืน แต่รวบรวมสติได้ ก็ให้น้องสาว หยุดทำ และเกิด ตาสว่าง เห็นว่า อะไรมันก็ไม่เที่ยง คิดว่า แน่ ๆ ยังไม่แน่ จึงหันหน้าเข้าหา พระธรรม หันมาศึกษา พระธรรม ก็เริ่มทำ ความดีตักบาตรทำบุญ เพราะเดิมดิฉันเป็นคนจีน ไหว้เจ้ามากกว่าไหว้พระ ไปศาลเจ้ามากกว่าไปวัด พอดิฉันเริ่มศึกษา พระธรรมก็ เริ่มเห็นบาปที่ตัวเองทำ จึงไปขอเลิกลากับ ผู้ชายคนนั้น ซึ่งเค้าก็ เห็นดีด้วยเพราะเค้าเองก็เริ่ม ปฏิบัติธรรมเช่นกัน

   จนปี 49 ดิฉันเริ่ม ไปเรียน กรรมฐาน กับหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี ปฏิบัติมานาน เห็นผลเพียง ไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่ ดิฉันรวบรวมสมาธิได้ เกิดความสว่างในจิต รู้สึกสงบมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่หงุดหงิด ไม่มีอารมณ์ใด ๆ นอกจากความสงบ อยู่ที่ ภาวนายุบ พอง ไม่ได้ยินเสียง ใด ๆ จากการปฏิบัติครั้งนั้นทำให้ ดิฉัน ยิ่งสนใจในการ ทำ สมาธิมากขึ้น เพราะเห็นผล ในครั้งนั้น แต่ไม่ได้ใส่ความเพียร ก็ละวางไม่ได้ปฏิบัติต่อเนื่อง จวบจนปัจจุบันดิฉัน ไปที่ปฏิบัติธรรมที่วัด อีกครั้งเมื่อเดือน มิถุนาที่ผ่านมา และตั้งแต่กลับมา ก็เพียร ปฏิบัติ ที่บ้านพยายามให้ได้ทุกวันอาจจะมีบ้างบางวันที่ ดึกมากไม่ได้ปฏิบัติ บางวันก็ รู้สึกโปร่งสบายดี แต่เหมือนการปฏิบัติไม่ก้าวหน้าเลยค่ะ ไม่ว่า จะเดินหรือ นั่งฟุ้งซ่าน จิตออกนอกตลอดเวลา ทั้งที่เหมือนไม่มีเรืองอะไรให้คิด ภาระการเงินจากหนี้ครั้งนั้นยังอยู่ ไม่ได้ทำให้ดิฉันถึงกับ เดือดร้อน ยังพออยู่ต่อไปได้ ดิฉันหยุด ทำ copy หรือ ผิลศีลข้อ 2 เลิก ผิดศีลข้อ 3 แล้ว ส่วน ศีลข้ออื่นเช่น ฆ่าสัตวไม่ได้ทำ พูดปด ก็พยายามหลีกเลี่ยงค่ะทั้งนี้ยังเป็นแม่ค้า อยู่ก็พูดยาก แต่สุราไม่เคยแตะมานานแล้วค่ะ ทุกวันนี้ เปิดร้านหนังสือ เทป ซีดี ก็ขายแต่ของแท้ ขายเท่าที่ขายได้ และพลิกตัวเองไปขายประกัน รถยนต์ ซึ่งตัวนี้ก้าวหน้าได้ดีระดับหนึ่งค่ะ

   ที่ต้องเล่ารายละเอียดเบื้องหลังมา เผื่ออาจารย์จะได้นำไปเล่าเป็นวิทยาทาน ประกอบกับดิฉันขอสอบถามอาจารย์ ดังนี้ค่ะ

   1. ชายคนที่เพิ่งเลิกราไป เค้าไปเรียนกรรมฐานกับ แม่ชีท่านหนึ่ง แถวระยอง แม่ชีท่านนี้ท่านมี เจโตดี และบอกว่า ดิฉันเคยมีกรรมเก่ามาตั้งแต่สมัย สุโขทัย ที่ดิฉันเคยเกิดเป็นคู่ กับชายคนนี้ แล้วบังเอิญ ชายคนนี้เกิดไปมีเมียน้อยเป็นเด็กกว่า ดิฉันแค้นใจ จึงสั่งให้คนไปฆ่า ด้วยการตัดหัว เด็กคนนั้นซะแล้ว ปล่อยศพลอยไป ทั้งดิฉันยังไปให้ร้ายเด็กคนนี้ว่าหนีตามคนอื่นไป ผลกรรมนั้นทำให้ดิฉันเวียนตายเวียนเกิดรับกรรมมาหลายชาติ และเศษกรรม นั้นทำให้ดิฉันต้องเข้า ผ่าตัดคออันเกิดจากธัยรอยด์ในชาตินี้ แล้วตอนหลังจากที่ ดิฉันทราบเรื่องนี้ ก็ไม่ได้คิดติดใจอะไรจนวันหนึ่ง เกิดรู้ขึ้นมาเองว่า ชายคนแรกที่ดิฉันใช้กรรม ด้วยถึง 7 ปี คือคนที่ดิฉันจ้างวานให้ไปฆ่า เค้า ดิฉันต้องมารับกรรม ร่วมกัน ทำให้ดิฉันหาย แค้นเคืองชายคนแรก ลงไปได้
    ถามว่า : ตอนนี้ ดิฉันไม่เจอชายคนนี้ อีกแล้ว หากดิฉันหมั่นสร้างกุศล อุทิศไปให้ จะหมดเวรต่อกันไหมค่ะ เพราะดิฉันไม่ได้แค้นเคืองอะไรแล้ว เข้าใจแล้วว่าทำไมเค้าทำกับเราแบบนี้

คำตอบ
  
  หนี้เวรกรรมจะหมดไปได้ด้วยการทำเหตุให้ถูกตรง 4 ประการคือ
  1.  ยอมรับความจริงแล้วชดใช้หนี้กรรม
  2.  ทำความดีที่เป็นบุญ แล้วอุทิศบุญแทนหนี้
  3,  ทำความดีที่เป็นบุญอยู่เสมอ จนหนี้เวรกรรมตามให้ผลไม่ทัน
  4.  พัฒนาจิตให้หลุดพ้นวัฏสงสาร (นิพพาน) ซึ่งหนี้เวรกรรมที่เหลือทั้งหมดไม่สามารถตามให้ผลได้

   2. หากดิฉันไม่ได้ ผลิต หรือทำ CD ขาย แต่ดิฉันไปซื้อ ที่เค้า copy ขาย ดิฉัน จัดว่าผิดศีลข้อ 2 ไหมค่ะ

คำตอบ
    ยังถือว่าผิดศีลข้อ 2 ในฐานะผู้ร่วมกระบวนกรรมแต่เป็นจำเลยที่สอง

   3. ที่ร้านดิฉัน ขายหนังสือพวกใบ้ หวย ทั้งนี้ดิฉันไม่ได้มอม เมา เหมือนร้านอื่น ๆ ที่เน้นขายให้ได้ มาก ขายให้ได้เยอะ ๆ โดยอ้างว่า ตรงนี้ เข้าดีตรงนั้นให้แม่น คือลูกค้าอยากซื้ออะไร จะขายแต่ไม่เน้นให้ต้องซื้อมาก ๆดิฉัน ผิดศีลหรือเปล่า ค่ะ

คำตอบ
  
  ไม่ผิดศีลแต่ผิดธรรมตรงที่เข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนกรรมให้คนซื้อหนังสือใบ้หวย มีจิตตกเป็น
   

ทาสของอบายมุข (ทางแห่งความวิบัติของชีวิต) ผู้ขายหนังสือใบ้หวยต้องรับผลของการขายนั้นด้วย

   4. ด้วยความที่ก่อนหน้านี้ ดิฉันจำหน่าย เทป Cd มีลูกค้านำ CD หนังโป๊มา ทิ้งที่ร้าน เป็นจำนวน มากคือ เป็นพันแผ่น แล้วดิฉัน นำไปแจกจ่ายต่อไม่ได้เก็บเงิน อย่างนี้ บาป ไหมค่ะ

คำตอบ
    บาปตรงที่ว่า เป็นผู้ร่วมกระบวนกรรมนำซีดีหนังโป๊ไปเผยแพร่ให้ผู้อื่นมีจิตเป็นทาสของกรรมลามก

   5. ดิฉันจะทำอย่างไร หรือด้วยวิธีไหนที่จะทำให้เกิดสมาธิ ได้ดีบ้างค่ะ ตอนที่หลุดเข้าไปในสมาธิ ได้ นั้นใช้วิธี ยุบ พอง แต่พอได้สมาธิแล้วเหมือนว่า ดิฉันอยู่กับลมหายใจค่ะ ตอนนี้รู้สึก แย่ที่ไม่พัฒนาขึ้นเลย

คำตอบ
   
หยุดประพฤติอกุศลกรรม พัฒนาจิตให้มีศีล 5 คุมใจให้ได้ทุกขณะตื่น มีสัจจะ และเจริญสติภาวนาอยู่เสมอ

   6. กสิณ ถ้าเราต้องการ เพ่งกสิณ สำหรับคนฟุ้งซ่าน อย่างดิฉัน มีคำแนะนำไหมค่ะ

   เล่ามาเสียยืดยาว กราบขอบพระคุณ อาจารย์ มากค่ะที่เสียสละเวลาอ่าน ดิฉันเพิ่งรู้จักท่านอาจารย์ จากวิทยุสังฆทานธรรมค่ะ จึงตามอาจารย์มาที่เวปนี้

   ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
      วันทนีย์

คำตอบ
    ประสงค์จะเพ่งกสิณสามารถทำได้ ด้วยการประพฤติตามคำชี้แนะในข้อ (5) ให้ได้ก่อน แล้วเลือกเพ่งกสิณที่เหมาะกับจริตของตน
     

520.
กราบเท้าอาจารย์ ดร.สนอง ค่ะ

   หนูอายุ 27 ปีตอนนี้พักอาศัยอยู่ที่สหรัฐอเมริกา หนูได้มีโอกาสอ่านหนังสือทั้งสามเล่มของอาจารย์เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมานี่เอง จากการแนะนำของคนอื่น คือ ทางสายเอก ทำชีวิตให้ได้ดีและมีสุข และยิ่งกว่าสุขเมื่อจิตเป็นอิสระ ประกอบกับช่วงนี้เป็นช่วงที่กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงของชีวิต การได้มีโอกาสรู้จักอาจารย์ผ่านตัวหนังสือในอาทิตย์ที่ผ่านมาจึงถือเป็นความโชคดีของหนูอย่างยิ่ง หนูมีโอกาสได้เป็นเจ้าของร้านอาหารร่วมกับเพื่อนตั้งแต่อายุยังน้อย 24ปี แต่หนูเป็นหุ้นส่วนเล็กๆ ค่ะ แต่ในการทำงานหนูเป็นผู้นำเค้านะคะ ถึงแม้ว่าเค้าจะมีอายุมากกว่า เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาหนูตัดสินใจที่จะไม่ทำงานร่วมกับเค้า ตัดสินใจที่จะถอนหุ้นตัวเองออกมา ทั้งๆที่เสียใจเป็นอย่างมาก เพราะหนูกับพี่เค้ามีความคิดเห็นไม่ตรงกันเสมอ อาจารย์คะตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมาหนูรู้สึกได้เสมอว่าพี่เค้าไม่ชอบหนู หนูเป็นคนชอบศึกษาธรรมะและอ่านธรรมะค่ะ ได้พยายามแล้วที่จะดีกับพี่เค้าแต่บางครั้งก็เหมือนกับฝืนตัวเองทำไปไม่ได้นานก็จะออกมาเป็นตัวของตัวเอง 2 อาทิตย์ที่เหลือนี้หนูจะทำงานกับพี่เค้าสุดท้ายค่ะแล้วจากนั้นหนูจะกลับไปเดินเสริฟ์เก็บเงินค่ะ ถ้าวันนึงมีโอกาสหนูจะไปเปิดร้านเป็นของตัวเอง วันนี้หนูไปที่ร้านตอนเช้าแล้วก็เกิดมีเรื่องกับพี่เค้าขึ้นมา หนูก็กลับมาบ้านแล้วก็นึกถึงอาจารย์น่ะค่ะ เลยเข้ามาค้นในweb ดูว่าพอจะมีทางไหนที่จะได้คุยกับอาจารย์ได้ แต่ก็ไม่มีเลย เลยต้องเขียนมาแทนค่ะ

   อาจารย์คะหนูกับพี่เค้าผูกเวรกันมาหรือเปล่าคะ ทำไมเราคุยกันไม่เคยรู้เรื่องเลย เราเห็นไปคนละทางตลอดเวลา บางครั้ง หนูคิดว่าทุกคนมีเหตุผลเป็นของตัวเอง แต่ทำไมแต่ละอย่างที่พี่เค้ามองหนูเค้ามองหนูไม่เคยดีเลยหล่ะคะ ทั้งๆ ที่บางครั้งเวลาเค้าว่าหนูออกมา หนูว่าหนูไม่ได้เป็นอย่างนั้นนะคะ หนูยอมรับค่ะว่าเมื่อก่อนเคยอารมณ์ร้อน งอน แต่หนูก็พยายามปรับมาตลอด จนช่วง2 เดือนหลังนี้ดีขึ้นมาก


   ยิ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาพอได้อ่านหนังสือของอาจารย์ตลอดเวลาที่ยังต้องทำงานอยู่กับพี่เค้าหนูก็กำหนดสติอยู่กับลมหายใจตัวเองตลอด แต่ก็กลายเป็นว่าพี่เค้าหาว่าหนูกวน ไม่พูดไม่จา ทำให้บรรยากาศที่ร้านเสีย คือหนูเปลี่ยนไปไงคะ พอได้อ่านหนังสืออาจารย์เรื่องไร้สาระอะไรหนูก็ไม่พูด เค้าว่าอะไรหนูก็พูดสั้นๆ แล้วเงียบ แต่เค้าก็ยังเห็นว่าไม่ดี

   อาจารย์สนองคะ หนูรู้ว่าต้องแผ่เมตตาและให้อภัยเยอะๆใช่ไหมคะ แต่อาจารย์คะ วันนี้หนูรู้สึกเสียใจ เพราะมันมีอะไรอีกหลายๆอย่างระหว่างหนูกับพี่เค้า อาจารย์คะถ้าหนูเลือกที่จะเฉยๆ ไม่พูด ไม่คุย ไม่รับรู้ ต่างคนต่างอยุ่เลยล่ะคะ อย่างนี้จะผูกเวรกันไปอีกหรือเปล่า เพราะถ้าจะให้หนูไปพูดดีๆ หรือทำแบบเดิมนั้น หนูก็รู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสุข แล้วก็ไม่อยากแกล้งทำน่ะค่ะ หนูว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับพี่เค้าเลยถ้าหนูจะแกล้งทำ มันเหมือนไม่จริงใจน่ะค่ะ จริงๆ หนูอยากจะคุยกับอาจารย์โดยตรงค่ะ แต่ก็รุ้ว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากทีเดียว

   กราบเท้าขอบคุณอาจารย์ด้วยความเคารพนะคะ ที่สละเวลาอ่านมาถึงตรงนี้ หนูก็ยังเป็นเพียงเด็กผู้หญิงบนโลกนี้คนนึงที่ต้องการกำลังใจ และต้องการมีผู้ที่ชี้ทางให้เดินต่อไปในทางที่ถูกที่ควร ถึงแม้หนูจะยังมีกิเลสเพราะยังเป็นเพียงมนุษย์คนนึง แต่หนูก็คิดและบอกตัวเองเสมอว่าหนูต้องการจะเป็นคนดีของสังคมต่อไป หนูต้องการจะพัฒนาปัญญาและศักยภาพในตัวเองให้เจริญงอกงามต่อไป ต้องการจะเป็นกัลยาณมิตรให้กับตนเองและเพื่อนร่วมโลกต่อไปเหมือนที่อาจารย์กำลังทำอยู่ขณะนี้ หนูจะรอคำตอบและกำลังใจจากอาจารย์นะคะ วันนี้หนูจะไปนั่งธรรมะช่วยตัวเองไปก่อน หนูรักธรรมะค่ะเพราะรุ้ว่าธรรมะจะช่วยหนูได้เสมอและตลอดเวลาไม่มีใครช่วยหนูได้หรอก แต่บางครั้งหนูแค่อยากมีคนคอยช่วยประคับประคองและให้คำปรึกษาในทางที่ถูกน่ะค่ะ เหมือนกับว่าถ้าหนูผิดก็บอกว่าหนูผิดว่าได้เสมอ หนูจะได้ปรับปรุงแก้ไข

กราบเท้าอาจารย์ด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
     ทั้งหมดที่บอกเล่าไป เป็นไปตามกฎแห่งกรรมการทำร้านขายอาหาร หากมีเครื่องดื่มที่เจือปนด้วยแอลกอฮอล์เข้าไปมีส่วนร่วมในธุรกิจ หากมีการสั่งซื้อเนื้อสัตว์เข้าไปมีส่วนร่วมในธุรกิจผลที่จะต้องเกิดตามมาคือการขาดสติ การทะเลาะเบาะแว้ง การเห็นไม่ตรงกัน การผูกพยาบาลจองเวร ฯลฯ กับผู้ร่วมกระบวนกรรม ซึ่งปัญหาจะทุเลาลงได้ด้วยการใช้ขันติและพรหมวิหาร 4 ซึ่งหนึ่งในพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา ผู้มีเมตตาเป็นผู้ให้อภัยในทุกเรื่องที่ทำให้ขัดใจ ผู้มีเมตตาเป็นผู้มีอารมณ์สงบเย็น และไม่งอน หากเป็นได้อย่างนี้ การเจริญพรหมวิหารธรรม แล้วแผ่เมตตาให้กับคู่เวร จะช่วยทุเลาปัญหาลงได้ การทำงานร่วมกันแล้วมีความเห็น (ทิฏฐิ) ไม่ตรงกันย่อมไปด้วยกันไม่ได้
   ส่วนการตัดสินใจนำพาชีวิตให้เป็นไปอย่างไรเจ้าของชีวิตต้องบริหารจัดการด้วยตัวเอง ว่าจะนำพาชีวิตดำเนินไปตามกระแสโลก ที่อุดมด้วยอุปสรรค ปัญหา ความทุกข์ และความว่างเปล่าจากประโยชน์ซึ่งจะเห็นได้ชัดแจ้งในวันที่จำเป็นต้องทิ้งขันธ์ลาโลกหรือจะนำพาชีวิตให้ดำเนินไปตามกระแสธรรม ที่อยู่กับอุปสรรคโดยไม่มีอุปสรรคอยู่กับปัญหาโดยไม่มีปัญหา อยู่กับทุกข์โดยไม่เป็นทุกข์มีแต่เก็บเกี่ยวสิ่งอันเป็นประโยชน์ไว้เป็นทุนเดินทางไปเกิดใหม่ซึ่งต้องเลือกด้วยตัวเอง
  
  

519.
เรียน อาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ที่เคารพอย่างสูง

กระผมขอบารมีของอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร กรุณาพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของกระผม

     กระผม นาวาอากาศโท สหรัฐ ศรีบุญเกิด เกิดวันพฤหัสบดีที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๐๘ อายุ ๔๒ ปี อาชีพรับราชการ (ทหารอากาศ)
     ภรรยา นางวันเพ็ญ ปาโน ศรีบุญเกิด เกิดวันเสาร์ที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๑๓ อายุ ๓๗ ปี อาชีพแม่บ้าน
     บุตรสาว เด็กหญิง มนัญชยา ศรีบุญเกิด (น้องต้นข้าว) เกิดวันอังคารที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๔๖ อายุ ๓ ขวบ ๑๐ เดือน ยังไม่ได้เรียนหนังสือ

   กระผมและภรรยาแต่งงานเมื่อปี ๔๑ หลังจากแต่งงานภรรยาก็ตกงาน อยู่บ้านเช่า ชีวิตครอบครัวกระท่อนกระแท่นมาเรื่อย ๆ จวบจนต้นปี ๔๖ เริ่มตั้งครรภ์ ชีวิตครอบครัวก็เริ่มดีขึ้น ธุรกิจกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่ทำอยู่ก็ดีขึ้นมีเงินเข้ามา พอเดือนตุลาคม ๒๕๔๖ ก็คลอดบุตรสาว ก่อนคลอด ๕ วันได้ย้ายบ้านจากดอนเมืองมาอยู่ที่สายไหม (เป็นบ้านที่ซื้อเอง) จากนั้นประมาณต้นปี ๔๗ ได้ทำธุรกิจซื้อขายรถยนต์มือสอง ธุรกิจเป็นไปด้วยดี ซื้อง่ายขายคล่อง ทำสำเร็จทุกอย่าง ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ดีมาก พอสิ้นปี ๔๘ ธุรกิจซื้อขายรถยนต์มือสองก็นิ่งเงียบ จากนั้นไม่มีการซื้อขายอีกเลย

   พอเข้าเดือนมีนาคม ๒๕๔๙ ภรรยาของกระผมมีอายุครบ ๓๖ ปี ก็รู้เห็นอดีตของตัวเองว่ามาจากนาคราช เคยอธิษฐานร่วมกันมาชาตินี้เลยเกิดเป็นมนุษย์ครองคู่กัน จากนั้นก็รู้เห็นต่าง ๆ นานา ครอบครัวของกระผมหันมาปฏิบัติธรรม หมั่นภาวนา โดยเฉพาะภรรยาของกระผมเกิดธรรมะรายวัน ภาวนาในทุกอิริยาบถ วิปัสสนากรรมฐานตามแนวของพระอาจารย์ปราโมทย์ ปราโมชโช (สวนสันติธรรม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี) ศิษย์หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ทุกวันนี้ครอบครัวของกระผมหันหน้าเข้าสู่การปฏิบัติธรรม มีศีล ภาวนา เพื่อเดินตามรอยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครอบครัวของกระผมมีความสุขมาก

   แต่สิ่งที่ตรงกันข้ามคือ ธุรกิจที่เคยทำอยู่กลับนิ่งเงียบเหมือนไม่มีอะไรเลย การเงินเริ่มฝืดเคือง คิดจะทำอะไรเพื่อให้มีรายได้เข้ามา ก็ไม่สำเร็จ (ไม่เหมือนก่อนหน้านี้) ขณะที่การเงินของครอบครัวเริ่มฝืดเคือง ก็มีน้องที่ทำงานของกระผมบอกว่ามีความเดือดร้อนเรื่องเงินอย่างมากขอยืม ๑๐,๐๐๐ บาท ๑ เดือนจะนำมาคืนให้ ๑๐ เดือนแล้วเขาก็ไม่นำมาคืน ส่วนภรรยาของกระผมคิดถึงเพื่อนเก่าชื่อบุญส่งที่เคยเรียนมาด้วยกัน เคยอาศัยข้าวทาน ดูและกันมา เขาก็มายืมเงินไป ๒๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งที่เราก็ไม่มี จึงไปหากู้เพื่อนมาให้เพื่อช่วยเหลือกัน จากนั้นเขาก็หายไป (๘ เดือนแล้ว) ปกติครอบครัวของกระผมก็ฝืดเคืองเรื่องเงินอยู่แล้ว ยังมีคนมาทำให้เดือดร้อนอีก

ขอเรียนถามอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ดังนี้

๑. ธรรมะที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของกระผมมีที่มาที่ไปอย่างไร

คำตอบ
   
ที่มาของธรรมะที่เกิดขึ้นกับครอบครัวมาจากคนในครอบครัวต่างประพฤติปฏิบัติธรรม ที่ไปของธรรมะคือคนในครอบครัวทิ้งการปฏิบัติธรรมห่างเหินการปฏิบัติธรรม จิตจึงหนีไปพึ่งโลกธรรมและวัตถุ

๒. ธุรกิจที่เคยทำอยู่ ทำไมถึงเงียบไปเฉย ๆ

คำตอบ
    สรรพสิ่งมีเกิด-มีดับ ตามกฎไตรลักษณ์ธุรกิจเป็นหนึ่งในสรรพสิ่งที่กล่าวถึง

๓. เรื่องเงินที่เขามายืม เกิดจากเราใจง่าย หรือกรรมเก่าเราเคยไปเอาของเขามา

คำตอบ
    เกิดจากจิตขาดสติและกรรมเก่าส่งผล

๔. ทำอย่างไรการเงินของครอบครัวกระผมจึงจะดีขึ้น

คำตอบ
    ต้องกลับมาประพฤติปฏิบัติธรรมจนมีสติสัมปชัญญะกล้าแข็งได้เมื่อไรแล้วจิตจึงจะมีบุญสั่งสมมากครอบครัวจะดีขึ้นได้เองเพราะบุญส่งผล

๕. กระผมและภรรยาเดินมาถูกทางแล้วหรือยัง ทั้งในทางโลกและทางธรรม
     สุดท้ายนี้ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย ดลบันดาลให้อาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร และครอบครัวมีความสุขความเจริญในทางธรรม ตามที่ท่านปรารถนาทุกประการ
    ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
    นาวาอากาศโท สหรัฐ ศรีบุญเกิด

คำตอบ
    หากใช้สัญญาส่องนำชีวิตดำเนินไปถูกทางแล้วจะไม่มีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้นกับชีวิตทางโลกและชีวิตทางธรรมชีวิตทางโลกต้องส่องนำด้วยปัญญาไอคิว ชีวิตทางธรรมต้องส่องนำด้วยปัญญาญาณ
     

518.
สวัสดีค่ะ ดร.สนอง วรอุไร

   หนูได้อ่านหนังสือของอาจารย์มาหลายเล่มที่มหาวิทยาลัยน่ะค่ะ อ่านเกือบทุกวัน จะหมดทุกเล่ม(ที่มหาวิทยาลัย)แล้วนะคะ ดีมากค่ะ อย่างน้อยมีสติ ให้ทำความดีทุกขณะ คะแนนสอบการเรียนดีขึ้นอย่างอัศจรรย์ค่ะ มีเต็มกับเกือบเต็มทุกวิชาค่ะ จึงได้เกิดแรงบันดาลใจค่ะ ได้ไปบวชชีพรามณ์ในช่วงเดือนมีนาคม(อยากทำเหมือนอาจารย์น่ะค่ะ)ที่วัดมหาธาตุ ที่เห็นได้ชัดจากคนรอบข้างก็นิสัยเปลี่ยนเป็นคนใจเย็น จัดการกับอารมณ์ตัวเองได้ดีค่ะจากเมื่อก่อนมีแต่คนบอกว่าเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย หนูจึงมีปัญหาธรรมถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ

    1.ตอนเด็กๆตั้งแต่ 5 ขวบ หนูจะฝันเห็นเด็กผู้หญิงคนนึงค่ะ เค้ามาบอกให้ให้หนูไปทำบุญให้หน่อย หนูไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเห็นด้วยค่ะ หนูบอกแม่ แต่แม่ว่าหนูคิดมาก เลยไม่ได้ทำอะไรค่ะ แต่เค้ามาเข้าฝันบ่อยๆนะคะ (แต่หนูก็คิดว่าหนูคงคิดมากไป) จนฝันครั้งสุดท้ายเค้ากลายเป็นวิญญานร้ายแล้วเค้าจะฆ่าหนูน่ะค่ะ เค้าบอกว่าเพราะหนูที่ทำให้เค้ากลายเป็นแบบนี้ หนูเลยขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วย(ไม่เอ่ยถึงท่านนะคะ)ท่านมาจริงๆค่ะ บางครั้งหนูฝันว่าเค้ามานะคะ แต่เค้าทำอะไรหนูไม่ได้น่ะค่ะ จึงอยากถามว่าเพราะอะไรคะ เคยมีอะไรเกี่ยวพันกันมาก่อนรึเปล่า เค้าตามหนูมานานมากค่ะ ตอนนี้หนูอายุ22ปีแล้วนะคะ ซึ่งหนูจะฝันเห็นวิญญานเด็กบ่อยค่ะ(ไม่ใช่เด็กผู้หญิงคนนั้นคนเดียวค่ะ) ถ้าไม่มาเล่นด้วยก็มาขอร่าง แต่หนูบอกไม่ให้ สิ่งเหล่านี้เกิดจากอะไรคะ และมีวิธีแก้อย่างไร

คำตอบ
    เป็นเรื่องของกรรมเก่าที่ผูกไว้แต่อดีต ร่วมกับกรรมปัจจุบันที่ฝันเห็น ฉะนั้นทุกครั้งที่ฝันเห็นเด็ก หรือทุกครั้งที่ระลึกถึงเรื่องนี้ต้องทำบุญแล้วอุทิศผลบุญไปให้เขา เลือกทำบุญใหญ่ ๆ เช่น ถวายสังฆทานแก่พระสงฆ์ที่ทรงศีลทรงธรรม แก่พระสุปฏิปันโนหรือพระอริยบุคคลหรือนำตัวเองเข้าปฏิบัติธรรม แล้วของความเมตตาจากเพื่อนโยคีผู้ร่วมปฏิบัติธรรมช่วยอุทิศบุญกุศลให้กับเด็กที่คุณฝันเห็น หรือเด็กที่คุณนึกถึงเขาสามารถมาอนุโมทนาบุญได้ ทุกครั้งที่มีโอกาสทำบุญ เมื่อมีบุญแล้วต้องอุทศบุญให้เขาไปเรื่อย ๆ จนกว่าไม่ฝันถึงหรือไม่ระลึกถึงเขา

  ส่วนการที่เขามาขอร่างไปใช้เพื่อนำประโยชน์ของเขาและคุณบอกไม่ให้นั้นทำถูกต้องแล้ว เพราะคุณจะมีโอกาสใช้ร่างนี้ไปพัฒนาจิตวิญญาณได้เต็มที่ และหากเมื่อใดสามารถพัฒนาจิตให้มีศีล 5 คุมใจและพัฒนาจิตให้มีสติอยู่ได้ทุกขณะตื่นหากเจ้าของไม่อนุญาตจะไม่มีใครผู้ใดสามารถเอาร่างของคุณไปใช้ได้
  

   2.หนูภาวนาตามแนวสติปัฏฐาน 4 ค่ะ ก่อนนั่งหนูมักจะบอกว่าขอให้มีสภาวธรรมเกิดขึ้น แล้วเราจะแผ่เมตตาขณะภาวนาได้หรือไม่คะ แผ่อย่างไร บูญกุศลที่ได้มากที่สุดช่วงไหนคะ

คำตอบ
    การเจริญจิตภาวนาตามแนวสติปัฏฐาน 4 ผลที่เกิดตามมาคือบุญและยังเป็นบุญสูงสุดอีกด้วย เพราะการปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 ส่งผลให้ผู้ปฏิบัติสามารถเข้าถึงธรรมสามารถเปลี่ยนสภาวะจิตให้เป็นอริยบุคคลได้ฉะนั้นเมื่อผู้ปฏิบัติธรรมมีบุญเกิดขึ้นแล้ว ควรอุทิศให้กับเจ้ากรรมนายเวร ญาติพี่น้องทั้งที่มีชีวิตและล่วงลับไปแล้ว ให้กับสรรพสัตว์ที่ร่วมเวียนตายเกิด ที่สามารถมาอนุโมทนาบุญได้ ควรกระทำหลังจากปฏิบัติจิตตภาวนาแล้วเสร็จ ซึ่งผู้ปฏิบัติจะมีบุญมากที่สุด พลังจิตขณะอุทิศจะแรงสุดสามารถส่งบุญไปได้ไกลและจะมีจำนวนผู้มาอนุโมทนาบุญมากที่สุดจึงไม่ควรอุทิศบุญขณะปฏิบัติจิตตภาวนาเพราะบุญยังเกิดได้ไม่เต็มที่

   ส่วนเรื่องของเมตตาเป็นคนละเรื่องกับบุญ เมตตาเป็นความรักความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์และมีความสุข เมตตาเกิดได้ด้วยการให้อภัยเป็นทานผู้มีเมตตาเป็นผู้มีจิตอยู่เหนือโทสะ ผู้มีเมตตามีจิตสงบเย็น สรรพสัตว์นำตัวเข้าใกล้ผู้มีเมตตาไม่ฝันร้าย ไม่ฝันสกปรก ลามก ฯลฯ หากพัฒนาจิตใจให้ได้ดังนี้แล้ว จึงสามารถแผ่เมตตาให้กับสรรพสัตว์ได้ แล้วปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้แผ่เมตตากับผู้รับเมตตาจะเป็นไปในทางที่เป็นมิตรที่ดีต่อกัน
   
   3.จะทราบหรือสังเกตได้อย่างไรคะ ว่าคนนี้มีบุญบารมี และสิ่งที่พอจะบอกได้บ้างน่ะค่ะว่าพระรูปนี้เป็นพระสุปฏิปัณโณ

      สุดท้ายขอบคุณอาจารย์มากๆนะคะ
         Nan.

คำตอบ
   ต้องพัฒนาจิตตัวเองให้เป็นผู้มีบุญ ให้เป็นผู้มีบารมีได้เมื่อไรแล้วจะรู้ได้ด้วยตนเอง (สนฺทิฏฐิโก) ว่าใครเป็นผู้มีบุญบารมีสั่งสมอยู่ในจิตใจ

   พระสงฆ์รูปใดประพฤติถูกตรงตามธรรรมและวินัยของพระพุทธะพระสงฆ์รูปนั้นเป็นพระสุปฏิปันโนใช้ตาดู ใช้หูฟัง ดูนาน ๆ ฟังนาน ๆ แล้วจะรู้ได้เอง
   

517.
เรียน อาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

ขออนุญาตแทนตัวเองว่าหนูนะค่ะ ช่วงนี้หนูมุ่งมั่นในการนั่งวิปัสนากรรมฐานที่บ้านมาก ทุกเช้าและก่อนนอน แต่ปัญหามีอยู่ว่า หนูไม่แน่ใจว่าที่หนูนั่งอยู่มันเป็นแค่สมถะหรือกรรมฐานกันแน่ หนูประสงค์นั่งวิปัสนาเพื่อให้หนูมีสติมากขึ้น เกิดปัญญา และต้องการให้ตัวเองลดความเป็นตัวตนน้อยลง เพราะตัวหนูรู้สึกว่าตนเองเป็นทุกข์และทรมานกับความอยากได้ อยากมี อยากเป็น ไม่อยากได้ ไม่อยากมี ไม่อยากเป็น ทั้งๆที่รู้ว่าไม่ใช่ของเที่ยง แต่ก็ยังเป็นทุกข์กับสิ่งเหล่านี้ ทุกครั้งที่นั่งหนูภาวนาด้วยการยุบหนอ พองหนอ แต่หลายครั้งหลายครา มันมักจะฟุ้งไปเรื่องอื่น หรือบางครั้งก็มีอาการกลืนน้ำลายอยู่บ่อยๆ อาการปวดระยะหลังไม่ค่อยเป็น แต่จะรู้สึกเมื่อย จิตเริ่มขาดเป็นห้วงๆ ทำให้ไม่แน่ใจว่าที่ปฏิบัติอยู่นี่เป็นสมถะหรือกรรมฐานกันแน่ ถึงแม้ว่าจะภาวนาว่า ปวดหนอ เมื่อยหนอ แต่รู้สึกว่ามันไม่หายเลยค่ะ จะทำอย่างไรดีคะ

อาจารย์คะ หนูมีความประสงค์อยากเรียนอภิธรรมเป็นภาษาอังกฤษค่ะ อาจารย์พอจะแนะนำได้ไหมค่ะ หรืออาจารย์พอจะมีเวลาสอนหนูได้ไหมค่ะ คือ จุดประสงค์ของหนูไม่ใช่แค่พัฒนาจิตตนเอง แต่หนูอยากเขียนหนังสือนวนิยายที่สอดแทรกเชิงพุทธเป็นภาษาอังกฤษนะค่ะ ภาษาอังกฤษหนูอยู่ในระดับดีใช้ได้ แต่ยังไม่ถึงขึ้นเก่ง

ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ

ด้วยความเคารพอย่างสูง
รินรดา ชัยเจริญ

คำตอบ
    ก่อนอื่นต้องปรับความเห็นให้ถูกว่า ประสงค์จะพัฒนาจิตให้มีสติมากขึ้น ต้องปฏิบัติสมถกรรมฐาน ด้วยการเลือกองค์บริกรรมที่เหมาะกับจริตของตน (ดูกรรมฐาน 40) หากทำได้ถูกตรงแล้วจิตต้องตั้งมั่นเป็นสมาธิระดับต้น (ขณิกสมาธิ) ระดับกลาง (อุปจารสมาธิ) หรือจิตตั้งมั่นระดับสูงสุด (อัปปนาสมาธิ)

   ประสงค์พัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง ต้องปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ด้วยการนำจิตที่มีความตั้งมั่นไปพิจารณากาย เวทนา จิต ธรรม ว่าดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์ได้เมื่อไรแล้ว ปัญญาเห็นแจ้งในสติปัฏฐานทั้ง 4 จึงจะเกิดขึ้น แล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้งไปพิจารณาขันธ์ 5 (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) จนเห็นเป็นจริงตามกฎไตรลักษณ์ ได้แล้ว อัตตา หรือความมีตัวตน หรือความเห็นแก่ตนจะดับไปตัณหาคือความอยากได้ ความไม่อยากได้ (วิภวตัณหา) จะดับไป

   ที่นั่งภาวนา เช่น พองหนอ-ยุบหนอ แล้วจิตมักจะฟุ้งไปรับสิ่งกระทบอื่นเข้ามาปรุงเป็นอารมณ์ ต้องปรับต้นเหตุให้ถูกตรง คือต้องมีศีล 5 คุมใจให้ได้ก่อน แล้วการพัฒนาจิตให้มีสติ จึงจะเกิดขึ้นได้

   ประสงค์จะเรียนอภิธรรม ผู้ตอบปัญหาไม่แนะนำเพราะไม่เป็นเหตุให้พ้นไปจากทุกข์ได้ แต่ถ้าผู้ถามปัญหาประสงค์จะเรียนอภิธรรม ประสงค์จะอยู่กับความทุกข์ ก็เป็นสิทธิ์ของผู้ถามที่จะเลือกนำพาชีวิตด้วยตนเองผู้ตอบไม่เคยศึกษาเล่าเรียนอภิธรรมมาก่อนจึงไม่อาจให้คำชี้แนะได้
   

516.
เรียนอาจารย์ที่เคารพ

ดิฉันอยากทราบว่ากรรมอะไรที่ได้สามีเป็นเกย์ และต้องทนจนถึงเมื่อไหร่ถึงจะเรียกว่าหมดเวรต่อกัน ดิฉันไม่พบคำถามที่เหมือนกันในคำตอบเก่าๆของอาจารย์ค่ะ และคิดว่าสมัยนี้คงไม่ได้มีดิฉันคนเดียวที่มีปัญหานี้ จึงคิดว่าคำตอบของอาจารย์คงช่วยคนที่มีปัญหาเหมือนดิฉันได้ด้วยค่ะ

ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ

คำตอบ
    เคยร่วมกระบวนกรรมผิดศีลข้อ 3 มาด้วยกัน จะหมดเวร(ความแค้นเคือง) นี้ได้ต่อเมื่อ มีเหตุต้องแยกทางเดินของชีวิต เช่น ไม่ปรารถนาอยู่ร่วมสังคมเดียวกัน ชาติปัจจุบันสร้างเหตุต่างกันหรือตายจากกันไป ฯลฯ
  

515,
อยากแก้นิสัย

สวัสดีค่ะ

ดิฉันเป็นคนขี้หึง และขี้ระแวงมาก จิตปรุงแต่งได้เรื่อยๆ ดิฉันอยากจะแก้นิสัยนี้มากเพราะเห็นว่ามันเป็นทุกข์ทั้งกับตัวเองและคนอื่นที่อยู่ข้างๆ เรา ไม่ทราบว่าเป็นเพราะกรรมที่ทำให้เจอเหตุการณ์ที่ทำให้คิดไปได้ และต้องคิดไปในทางนั้น หรือเป็นเพราะโรคจิตเองก็ไม่ทราบ

พยายามคิดหาข้อธรรมะต่างๆ ที่พอได้ศึกษามาบ้างด้วยตนเองเพื่อหาเหตุผลดีดีมากำหราบตัวเอง ก็ไม่พบข้อไหนที่จะเอาอยู่ อาจจะเป็นเพราะความตื้นเขินและเบาปัญญาของตัวเอง แต่ดิฉันยังเชื่อว่าทุกข์ทุกอย่างในโลกสามารถดับได้ด้วยยาวิเศษคือธรรม แต่จะใช้ยาตัวไหนนั้นคงต้องพึ่งคุณหมอผู้รู้แล้วล่ะค่ะ เพราะจากการที่พยายามค้นยาสามัญประจำบ้านตามที่พอรู้ เพื่อช่วยเหลือตัวเองไปก่อนหน้านี้ตามกำลังปัญญาตัวเองมันค้นไม่เจอ รักษาไม่หาย และยังเป็นทุกข์ใจอยู่

จึงกราบขอความเมตตาอาจารย์โปรดชี้ทางสว่างให้กับสัตว์ที่กำลังตะเกียกตะกายติดบ่วงอยู่ตรงนี้ด้วยค่ะ

ขอร่วมอนุโมทนากับทุกบารมี ทุกความเมตตาที่อาจารย์กำลังบำเพ็ญอยู่นี้ และขอให้บุญใดก็ตามที่ดิฉันได้บำเพ็ญมาตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติช่วยเป็นอีกแรงหนึ่งให้ท่านอาจารย์มีกำลังทั้งนอกและในเพื่อช่วยพาสัตว์ข้ามพ้นโอฆะ เป็นกำลังของพระศาสนาของพระศาสดาเช่นนี้ต่อไปนานๆ เทอญ

ขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
    เป็นโรคจิตชนิดหนึ่ง ที่มีสาเหตุมาจากจิตที่มีกำลังของสติอ่อน และมีกำลังปัญญาเห็นแจ้งอ่อน จึงรับเอาสิ่งกระทบเข้าทางหูสิ่งกระทบเข้าทางตา มาปรุงแต่งให้มีอารมณ์ติดลบเกิดขึ้น แล้วยึดเอาอารมณ์ (อุปาทาน) นั้นว่าเป็นตัวตน เป็นของตัวเป็นของตน ทุกข์ใจเกิดขึ้น

    ยาขนานเอกที่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ ต้องมีศรัทธาเต็มร้อยแล้วปฏิบัติตามคำแนะนำด้วยการไปพิจารณาซากศพที่บวมพองขึ้นอืด สิ่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งมีน้ำเหลืองไหลออกทางปาก ทางจมูก ทางหู จนกระทั่งเข้าถึงสัจธรรมของร่างกายได้ถูกตรงตามความเป็นจริง ว่าร่างกายเป็นสิ่งปฏิกูลน่าขยะแขยง เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจไม่ปรารถนายึดเอามาเป็นของตนได้เมื่อไรแล้วปัญหาขี้หึงขี้ระแวงอันนำความทุกข์มาให้กับใจจะหมดไป
    

514.
เรียนถาม อ. สนอง ค่ะ

ดิฉันมีคำถามที่อยากจะขอความกรุณาให้อาจารย์ตอบดังนี้ค่ะ

   1. คุณแม่เป็นผู้ป่วยจิตเภท รักษาตัวและทานยามาตลอด สามารถดูแลตัวเองได้ แต่ปัญหาคือเมื่อมีใครมาพูดว่าหรือแสดงทีท่าว่าไม่พอใจการกระทำของท่าน บางครั้งแม้เพียงเล็กน้อย ก็จะโกรธและหลายครั้งก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ จะด่าทอและขว้างปาข้าวของ โวยวาย อาละวาด และมักจะโทษว่าเป็นความผิดของเพื่อนบ้านบ้าง พี่น้องบ้าง แต่ส่วนใหญ่มักจะโทษว่าเป็นความผิดของลูกว่าไม่ดูแลเอาใจใส่ ตัวดิฉันเองไม่ได้อยู่กับท่านเพราะทำงานอยู่ที่จังหวัดอื่น และยอมรับว่าไม่ค่อยใกล้ชิดกันมากตั้งแต่เด็ก ความคิดความเห็นหลายๆ อย่างก็ไม่ตรงกัน ไม่สามารถสื่อสารกันได้ จนบางครั้งเครียดมาก เพราะขนาดอยู่กันคนละที่ บางช่วงท่านยังก่อปัญหาให้เครียดได้แทบจะรายวัน
ดิฉันดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายของท่านเพราะท่านไม่ได้ทำงาน เคยพาท่านไปปฏิบัติธรรม ในวันเกิดของท่านก็จะจัดหาหนังสือธรรมะให้ท่านแจก ส่งเทปและซีดีรวมทั้งหนังสือธรรมะไปให้ฟัง ไปให้อ่าน และท่านเองก็จะเข้าวัดถืออุโบสถในวันพระ และชอบทำบุญตักบาตร แต่ก็ยังไม่ทำให้ดีขึ้น และเมื่อดิฉันทำทานหรือปฏิบัติธรรมดิฉันก็จะแผ่บุญให้ อยากจะเรียนถามอาจารย์ว่ากรรมอะไรที่ทำให้คุณแม่เป็นอย่างนี้ จะมีวิธีการอะไรอีกมั้ยคะที่จะช่วยแก้ไขอาการของท่านให้ดีขึ้นและมีความสุขขึ้นได้ และไม่ทราบว่ากรรมอะไรที่ทำให้บุคคลมาเกิดเป็นแม่ลูกกัน ถ้าเป็นกรรมไม่ดีดิฉันจะมีวิธีการตัดกรรมได้ยังไงคะ

คำตอบ
    กรรมที่ท่านทำคือ ใช้ปัญญาเห็นผิดเป็นเครื่องส่องนำทางให้กับชีวิตและไม่มีใครจะแก้ปัญหาให้กับชีวิตของท่านได้ แท้จริงท่านต้องแก้ปัญหาชีวิตด้วยตัวเอง ด้วยการพัฒนาจิตให้มีกำลังของสติ และมีกำลังของปัญญารู้ทันสิ่งกระทบต่าง ๆ ตามความเป็นจริง (สติสัมปชัญญะ) จนจิตมีกำลังอยู่เหนือกิเลส ตัณหา อุปาทานได้แล้ว ปัญหาที่เกิดกับตัวท่านจะหมดไป ท่านจึงจะมีจิตที่สงบและเป็นสุข

    คนที่จะเกิดมาเป็นแม่ลูกกันได้ ต้องเคยทำกรรมร่วมกันมาซึ่งมีทั้งกรรมดีที่ให้ผลเป็นความสุข ความเจริญ ความสำเร็จ กับกรรมไม่ดีที่ให้ผลเป็นความทุกข์ความขัดข้องของชีวิต วิธีตัดกรรมที่ให้ผลเป็นอกุศลวิบากไม่มี แต่อกุศลวิบากจะหมดไปได้ ด้วยการกระทำ 4 อย่าง ดังนี้คือ
   1.  ชดใช้หนี้กรรมจนกว่าจะหมดไป
   2.   ทำความดีที่ให้ผลเป็นบุญแล้วอุทิศบุญกุศลใช้หนี้
   3.  ทำความดีให้ยิ่งใหญ่จนกรรมชั่วตามให้ผลไม่ทัน
   4. พัฒนาจิตวิญญาณจนเข้าสู่ความเป็นอริยบุคคลขั้นสูงสุด แล้วทิ้งขันธ์ลาโลก (ดับรูป-ดับนาม) ไม่ต้องกลับมาสู่สังขารวัฏอีกต่อไป
   

   2. มีเพื่อนฝากเรียนถามอาจารย์ว่า เขาไปปฏิบัติธรรมที่วัดแห่งหนึ่ง มีหมา 2 ตัวที่คนมาปล่อยไว้ ตัวหนึ่งเป็นหมาฝรั่งตัวโต อีกตัวเป็นหมาไทยแต่มีหมัดเต็มตัว เพื่อนดิฉันอยากทราบว่าจะพาหมาฝรั่งไปทำหมันได้ไหม เพราะกลัวว่าถ้าหมาตัวนี้ออกไปนอกวัดไปผสมกับหมาตัวเล็กกว่า จะสร้างกรรมกับแม่หมาตอนคลอดลูก เพราะจะทำให้ได้รับความลำบากมาก และจะพาหมาอีกตัวไปรักษาหมัดได้หรือไม่ จะแก้ปัญหาอย่างไรไม่ให้บาปคะ

   ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงและขอให้อาจารย์มีสุขภาพแข็งแรงค่ะ

คำตอบ
    พาสุนัขไปทำหมันได้ พาสุนัขไปรักษาไม่ให้มีหมัด เห็บได้แต่ผู้ที่เป็นต้นเหตุของกิจกรรมต้องรับผล แห่งการกระทำนั้น ถ้าไม่ปรารถนาจะให้มีบาปเกิดขึ้นกับตัวเอง ต้องไม่เข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนอกุศลกรรมกับสุนัข
 

513.
เรียน ท่าน อ.สนอง

   ผมมีความเลื่อมใสในตัวท่านอาจารย์ หลังจากได้อ่านหนังสือทางสายเอก และฟังบรรยายธรรมของท่านอาจารย์ที่ ดาว์นโหลดจากเวปไซด์ อยู่ประจำและได้นำมาปรับใช้กับตัวเอง และแนะนำต่อผู้อื่น
   ผมได้ฝึกปฎิบัติสติปัตฐานสี่ตามแนวของหลวงพ่อ จรัญ วัดอัมพวันอยู่เสมอ มีปัญหาจะรบกวนท่านอาจารย์ช่วยแนะนำด้วยดังนี้
   1. ลูกสาวอายุได้ 3เดือน มีปัญหาเป็นโรคลิ้นหัวใจไม่แข็งแรงและผนังหัวใจรั่ว ถ้าผมปฎิบัติกรรมฐานบ่อยๆ แล้วแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรของลูกสาว จะช่วยให้ลูกสาวหายป่วยได้หรือไม่ ขออาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยครับ

คำตอบ
    ปฏิบัติกรรมฐาน (ภาวนา) เป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ 10 ผู้ใดปฏิบัติได้มรรคผลแล้ว จะเกิดเป็นบุญสูงสุดผู้มีบุญสามารถอุทิศบุญกุศลให้ผู้อื่นได้ ส่วนเขาจะรับอนุโมทนาหรือไม่นั้น เป็นสิทธิ์ของเขาไม่มีใครไปบังคับให้เขารับหรือไม่รับอนุโมทนาได้

   ส่วนเมตตาเป็นคนละเรื่องกับบุญเมตตาเป็นบารมีเป็นความรักความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์และมีความสุข เมตตาเกิดขึ้นได้ด้วยการให้อภัยเป็นทานเครื่องบ่งชี้ความมีเมตตาคือ ความสงบและเย็น (ไม่โกรธ ไม่หงุดหงิด) เกิดมีอยู่ในจิตวิญญาณของผู้มีเมตตา และเช่นเดียวกัน ผู้ใดมีเมตตาสามารถแผ่เมตตาให้ผู้อื่นหรือสัตว์อื่นได้ ผู้อื่นหรือสัตว์อื่นรับอนุโมทนนาเมตตาจากผู้แผ่ให้แล้วความเป็นศัตรู ความผูกพยาบาล จองเวรจะไม่เกิดขึ้น
  
   2. การตั้งจิตอธิฐานทุกๆครั้งในการทำบุญและปฏิบัติกรรมฐาน ให้ถึงพระนิพพานในกาลอันควร เป็นการอธิฐานที่ถูกต้องหรือไม่ อย่างไร

คำตอบ
    เป็นการอธิษฐานที่ถูกต้อง สำหรับผู้ปรารถนานำพาชีวิตให้พ้นไปจากสังสารวัฏ เมื่ออธิษฐานแล้วต้องทำใจให้มีศีลและสัจจะคงอยู่ และสุดท้ายต้องทำเหตุให้ถูกตรง คือพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง แล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้งไปกำจัดกิเลส ที่นอนเนื่องอยู่ในจิตสันดาน (อนุสัย 7) หรือกำจัดกิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์ให้ต้องเวียนตายเกิด (สังโยชน์ 10) ให้หมดไปจากใจได้เมื่อไรแล้วคำอธิษฐานให้ถึงซึ่งพระนิพพานจึงจะเกิดเป็นจริงได้

   3. การปฎิบัติกรรมฐานที่บ้านด้วยตนเอง จะต้องไปสอบอารมณ์กับพระอาจารย์หรือไม่

คำตอบ
    หากบุญบารมีสั่งสมมามากพอ สามารถปรับแก้ไขสิ่งผิดพลาดในการกำจัดกิเลสให้หมดไปจากใจได้ ดังเช่นพระปัจเจกพุทธะทำให้ดูเป็นตัวอย่าง แต่หากบุญบารมียังอ่อนจำเป็นต้องสอบอารมณ์กรรมฐานกับครูบาอาจารย์ผู้มีประสบการณ์และเป็นกัลยาณมิตรในทางธรรม
   
   4. ผมต้องการร่วมทำบุญโรงทานให้พระที่ออกจากสมาบัติที่อาจารย์เคยพูดไว้ จะทำได้อย่างไรครับ
      ขอรบกวนถามท่านอาจารย์เท่านี้ครับ
         กิจแสงชัย ชูชัยสุวรรณศรี

คำตอบ
    หากปรารถนาจะร่วมบุญกับการจัดตั้งโรงทานตามที่ถามไปทุกต้นเดือนกุมภาพันธ์ของปี โปรดสอบถามได้โดยตรงกับผู้มีประสบการณ์หรือถามไปทางชมรมกัลยาณธรรมน่าจะให้คำตอบที่ถามไปได้
 

512.
เรียน ท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

   ผมได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับธรรมมะแล้ว ยังไม่เข้าใจในเรื่องต่อไปนี้
   ๑. เมื่อตายแล้ว เข้าใจว่าวิญญาณออกจากร่าง ถ้าเป็นวิญญาณดังว่าจะมีกี่วิญญาณ โดยเฉพาะชาวจีน จะมีพิธีมากมายเกี่ยวกับวิญญาณ เช่น ขณะทำพิธีกงเต๊ก ผู้ทำพิธีก็บอกว่านำวิญญาณไปสู่สรวงสวรรค์ วันร่งขึ้นก็นำศฯพไปฝังยังหลุมฝังศพ เมื่อทำพิธีฝังก็นำวิญญาณมากราบไหว้บูชาที่บ้านอีกโดยมีป้ายชื่อของผู้ตายตั้งไว้ วิญญาณอยู่ที่ใด หรือสามารถเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ ได้ คล้ายมีกายทิพย์

คำตอบ
    อ่านหนังสือเกี่ยวกับธรรมะแล้วยังไม่เข้าใจเรื่องของชีวิตได้ถ่องแท้ นั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะการอ่านอย่างเดียวไม่ทำให้เกิดปัญญาเห็นแจ้งได้

   วิญญาณคือ การรู้แจ้งอารมณ์หรือคือจิต ที่ถามว่าวิญญาณออกจากร่าง นั่นหมายถึงจิตออกจากร่าง มีเพียงจิตเดียว แต่ละการเกิดดับของพลังงานจิต สามารถทำงานได้การเกิดดับของจิตเร็วมากจึงทำงานได้หลายอย่างเช่น ไปรู้อารมณ์ทางตา (จักษุวิญญาณ) ไปรู้อารมณ์ทางหู (โสตวิญญาณ) ไปรู้อารมณ์ทางลิ้น (ชิวหาวิญญาณ) ฯลฯ คนที่เข้าไม่ถึงความจริงแท้จึงเข้าใจว่ามีหลายวิญญาณ (มีหลายจิต) แต่นักปฏิบัติธรรมที่เข้าฌานได้แล้วเกิดอภิญญาไประลึกรู้ชาติหนหลัง (ปุพเพนิวาสานุสติญาณ) จะรู้เห็นเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าแต่ละภพที่ตนไปเกิดมีเพียงรูปนามเดียว เช่นเดียวกันรูปนามที่เป็นทิพย์ ที่ไปเกิดในภพที่มีอิสระในการโคจร สามารถไปในที่ต่าง ๆ ได้ตามศักยภาพที่ตนมีเช่นเทวดา แต่รูปนามทิพย์ที่ไปเกิดในอบายภูมิบางภพหมดโอกาสโคจรเพราะเสวยอกุศลวิบากถูกจำกัดบริเวณก็หมดโอกาสโคจร บางภพเปิดโอกาสให้สัตว์โคจรได้ค่อนข้างจำกัด ด้วยเหตุนี้วิญญาณจึงมีอยู่ในทุกภพ นับแต่เบื้องต่ำสุด(สัตว์นรก) จนถึงภพสูงสุด (พรหม)
 
   ๒. ที่ว่าคนทำบาปจะต้องตกนรกตามแต่กรรมของแต่ละคน การรับกรรมของคนตกนรกเป็นเช่นใด บางเล่มที่ได้อ่านมา หรือตามที่คนมักจะกล่าวถึงเสมอ เช่น ถูกเหล็กแหลมแทงบ้าง ถูกสุนัข/อีกา กัด/จิกบ้าง เป็นต้น จิตหรือวิญญาณนั้นมีรูปร่างอีกหรือ

คำตอบ
    คนทำบาปต้องถามว่า ทำบาประดับไหน เช่นทำบาปด้วยการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดกาม ฯลฯ ตายแล้วมีโอกาสไปเกิดเป็นสัตว์นรกได้ทำบาปด้วยการกล่าววาจาลบหลู่ผู้มีคุณธรรม ตายแล้วมีโอกาสไปเกิดเป็นเปรตได้
ฯลฯ

   การรับผลกรรมของสัตว์นรก แตกต่างกันตามชนิดของกรรมที่ทำตัวอย่างเพระเทวทัต รับผลกรรมในนรกด้วยการถูกตรึงให้อยู่ในท่ายืนด้วยเหล็กแหลมเสียบร่างกาย พระเจ้าอชาติศัตรูรับผลกรรมในนรก ด้วยการถูกต้มอยู่ในหม้อนรก ที่มีของเหลวเดือดอยู่ตลอดเวลา สัตว์นรกที่ถูกใช้ให้ทำงานไม่มีวันพักผ่อนเหตุเพราะสมัยเป็นมนุษย์คดโกง เบียดบังแรงงานคนอื่น ฯลฯ

   จิตหรือวิญญาณ เมื่อออกจากร่าง (ตาย)แล้วจะต้องโคจรไปเกิดอยู่ในร่างใหม่ (ปฏิสนธิ) ได้รูปนามเป็นสัตว์ในภพต่าง ๆ ตามกรรมที่ตนเองทำเอาไว้



   ๓. เพชณฆาตก็ดี ตำรวจก็ดี หรือแม้แต่ทหารที่ทำสงครามก็ดี จะต้องมีการฆ่ากันตาย จะต้องรับกรรมด้วยหรือไม่

คำตอบ
    ผู้ใดทำกรรมไม่ว่าดีหรือชั่ว กรรมจะถูกเก็บบันทึกไว้ในจิตของผู้ทำกรรมเมื่อใดกรรมให้ผล ผู้ทำกรรมย่อม ได้รับผลกรรมนั้นแน่นอน

   ๔. นายนิรยบาล (น่าจะเป็นยมบาล) เป็นผู้คุมกฎแห่งกรรม จะมีโทษหรือชดใช้กรรมหรือไม่

     จึงกราบเรียนมายังอาจารย์โปรดให้คำชี้แนะด้วยครับ
        ขอแสดงความนับถือ
        นายสุวัฒน์ ก.ศรีสุวรรณ

คำตอบ
    คำว่า “ นิรยบาล ” กับคำว่า “ ยมบาล ” หมายถึงผู้ลงโทษสัตว์นรก ผู้ลงโทษสัตว์นรกถ้าประพฤติได้ถูกตรงตามหน้าที่ และสัตว์นรกยอมรับผลของกรรมที่ตนเองทำจะไม่มีการจองเวรเกิดขึ้น ผู้ลงโทษสัตว์นรกไม่ต้องรับโทษ

   แต่ถ้าผู้ลงโทษไม่รู้แน่ชัด แล้วไปลงโทษผู้ที่มิได้ทำความผิดเกิดมีการจองเวรเกิดขึ้น ผู้ลงโทษต้องได้รับโทษแห่งการทำหน้าที่นั้นตัวอย่างเช่น มูคผักขะกุมาร (พระเตมีย์ใบ้) อดีตเคยเกิดเป็นพระเจ้ากรุงพาราณสี ได้ตัดสินโทษประหารชีวิตแก่นักโทษ เมื่อกรรมให้ผล ตนเองต้องลงไปเกิดเป็นสัตว์นรกยาวนานถึงแปดหมื่นปี เมื่อพ้นโทษในนรกแล้วจึงได้มาเกิดเป็นมนุษย์ชื่อว่ามูคผักขะราชกุมาร ได้ระลึกถึงเรื่องราวในอดีตของตนจึงได้อธิษฐานเป็นใบ้ เหตุเพราะไม่ประสงค์จะสืบต่อราชบัลลังก์ เป็นพระเจ้ากรุงพาราณสีต่อจากพระบิดา หรือในอดีตตัวอย่างหนึ่ง คือเรื่องของคุณหมออาจินต์ อดีตเคยเป็นราชมัล ทำหน้าที่ทรมานนักโทษด้วยการใช้เครื่องบีบขมับให้ยอมสารภาพความผิด ทั้งที่เป็นผู้บริสุทธิ์นักโทษจึงได้ผูกเวรได้ ผลที่ตามมาคือ เมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ในชาติปัจจุบันท่านต้องรับอกุศลวิบาก ด้วยการปวดศรีษะอย่างแรงยาวนาน


   

511.
กราบเรียน อาจารย์ สนอง วรอุไร ที่เคารพอย่างสูง

   ดิฉันขอเรียนถามเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมของตัวเองดังนี้ค่ะ
   ดิฉันเริ่มปฏิบัตธรรมที่บ้านมาได้ ๖ เดือน คือดิฉันจะสวดมนต์ประมาณ ๒๐ นาที จากนั้นก็เดินจงกรม ๒๐ ถึง ๓๐ นาท และก็นั่งสมาธิต่ออีก ๑๕ ถึง ๒๐ นาที สามเดือนแรกการปฏิบัติมีการก้าวหน้าเรี่อยๆ ดิฉันมีสมาธิมากขึ้น และก็มีความจำดีขึ้นด้วย แต่หลังจากที่ดิฉันได้พยายามที่จะนั่งสมาธิให้ได้นานขึ้นคือประมาณ ๓๐ นาทีถึง ๔๕ นาที ดิฉันก็จะมีอาการปวดหัว ยิ่งพอตกเย็นก็จะรู้สึกปวดหัวมาก และก็ปวดที่ท้องด้วย ดิฉันคิดว่าคงจะพยายามเกินไป จึงได้เกิดความเครียด ดิฉันจึงลดการนั่งสมาธิให้น้องลง และก็เดินจงกรมให้มากขึ้น อาการปวดหัวก็หายไป แต่แปลกตรงที่ว่าตอนเย็นดิฉันจะรู้สึกปวดท้อง แต่พอเช้ามาก็ไม่มีอาการดังกล่าวอีก เป็นแบบนี้อยู่หลายอาทิตย์แล้ว เวลาเกิดอาการปวดท้อง ดิฉันพยายามกำหนดว่าปวดหนอ ปวดหนอ แต่อาการก็ไม่หายไป

   ดิฉันอยากเรียนถามอาจารย์ว่าอาการเหล่านี้เกิดจากอะไร และทำอย่างไรอาการเหล่านี้ถึงจะหายไป และดิฉันจะต้องปฏิบัติอย่างไรต่อไปเพื่อความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม

กราบเรียนมาด้วยความเคารพอย่างสูง
สมศรี ฮอร์น
   
คำตอบ
    ปวดท้องต้องไปหาหมอให้หมอค้นดูต้นเหตุที่ทำให้ปวด และประสงค์ให้เกิดความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม ต้องลดความพยายามลงให้เหลือเท่าครั้งแรก ๆ ที่ปฏิบัติแล้วได้มรรคผลคือมีสมาธิมากขึ้นมีความจำดีขึ้น นั่นเป็นมัชฌิมาปฏิปทาของคุณ ต่อเมื่อจิตมีพลังมากขึ้น ระดับมัชฌิมาปฏิปทาจะเพิ่มขึ้นเองเป็นอัตโนมัติ
   

510.
เรียนถาม ดร.สนอง วรอุไร ที่เคารพ

    กระผมมีข้อสงสัย อยากเรียนถามท่าน ดร. ช่วยให้ความกระจ่างแก่ผมด้วยครับ

    1. เมื่อสมัยข้าพเจ้าเรียน ปวช. เคยสนใจเรื่องการนั่งสมาธิ อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อข้าพเจ้านั่งสมาธิได้สักพัก ลองเอามือสองข้างมาถูกัน ปรากฏว่า ฝ่ามือทั้งสอง ขยายออกเองอัตโนมัติ เมื่อลองดันมาเข้าหากันจะรู้สึก เหมือนมีอะไรซักอย่างมีแรงต้านกันอยู่ เหมือนมีลูกบอลตรงฝ่ามือ ครับ ปัจจุบันก็ยังสามารถทำได้ และเคยให้นักเรียน ในชั้นเรียนบางคน ลองกลับไปทำที่บ้าน แล้วเด็ก ๆ ก็ตื่นเต้นใหญ่ แต่เราไม่สามารถอธิบายได้ อยากเรียนถาม ท่าน ดร.ครับว่า สิ่งนี้คืออะไรครับ

คำตอบ
   สิ่งนั้นคือพลังของจิตที่ตั้งมั่นเป็นสมาธิคนหลงจำนวนมากใช้พลังสมาธิ (พลังฝ่ามือ) ไปแสดงการจับหลอดฟลูออเรสเซนท์ให้สว่างใช้พลังฝ่ามือสับอิฐให้แตกหัก ใช้พลังฝ่ามือต่อสู้ศัตรูใช้พลังฝ่ามือรักษาโรคทางกาย ฯลฯ ทั้งหมดยกตัวอย่างเป็นการใช้พลังสมาธิไปใช้ทางที่ผิด (มิจฉาสมาธิ) ผู้ตอบปัญหาไม่แนะนำให้แสดงเพราะไม่ทำให้พ้นไปจากทุกข์ได้
   
   2. ข้าพเจ้ามีความสนใจด้านธรรมะพอสมควร ชอบอ่านและศึกษาธรรมะเป็นชีวิตจิตใจ แต่รู้สึกว่าตนเองหลงในกามอารมณ์มากเกินไป พยายามใช้ธรรมะเข้าข่ม ก็ช่วยได้บ้าง ครับ ไม่ทราบว่า ตรงนี้มีกรรมใดถึงละเว้นได้ยากนัก

คำตอบ
   กรรมที่ทำคือปล่อยให้กิเลสเข้ามามีอำนาจเหนือใจเหตุเพราะไม่พัฒนาใจให้มีกำลังกล้าแข็ง
  
   3. ข้าพเจ้าสะสมหนังสือธรรมะและแผ่นซีดีธรรมะไว้มาก บางเล่มก็ยังไม่ได้อ่าน ซีดีบางแผ่นก็ยังไม่ได้ดู จึงนำหนังสือที่ได้รับแจกมานี้ เอาไปมอบให้ผู้อืนอีกที เพื่อจะเป็นประโยชน์แก่ผู้นั้นได้ ส่วนซีดี ข้าพเจ้าก็นำไปตั้งแจกไว้กับหนังสือสวดมนต์ที่ข้าพเจ้าเย็บเล่มเอง ไปวางไว้ในวัด โดยทำป้ายว่า หนังสือแจกฟรี อยากเรียนถามท่าน ดร.ว่า การที่เรามีเจตนาจะให้ทาน แต่ไม่ได้ระบุผู้รับ คือ วางไว้ให้ผู้สนใจหยิบไปได้เลย ฟรี แบบนี้ จะได้กุศลมากน้อยเพียงใด เมื่อเทียบกับการเจตนามอบให้เป็นรายบุคคล ครับ

   ข้าพเจ้ากราบขอบพระคุณ ท่าน ดร.ไว้ล่วงหน้าครับ

คำตอบ
    การกระทำแบบนี้ คือการให้ธรรมะเป็นทานแก่คนหมู่มากได้บุญมากกว่ามอบธรรมให้เป็นราย ๆ แต่ทั้งสองยังได้ไม่มากเท่ากับเอาธรรมะที่มีอยู่ในหนังสือหรือมีอยู่ในแผ่นซีดี มาบรรจุไว้ในใจของตัวเองได้เมื่อไร จะเป็นบุญสูงสุด
    

509.
เรียนคุณสนอง

   ผมเพื่งซื้อหนังสือทางสายเอกที่คุณสนองเรียบเรียงมาอ่าน (ผมขออนุญาติเรียกว่าต่อไปว่าพี่สนองได้ไหมครับ) เพราะรู้สึกศรัทธาในตัวพี่และมีโอกาสได้เข้าไปอ่านการตอบคำถามของพี่ใน web จึงใคร่ขอธรรมทานจากพี่เพื่อความคืบหน้าในการปฏิบัติธรรมครับ

   1. การสำเร็จความใคร่โดยไม่ได้ไปเที่ยวผู้หญิง ถือว่าผิดศีลห้าไหมครับ และมีผลต่อความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมอย่างไร

คำตอบ
   
การทำกรรมสามารถทำได้ 3 ทางคือ มโนกรรม วจีกรรมและกายกรรม  ไม่ผิดศีล 5 แต่ผิดธรรม ตรงที่ว่าจิตตกเป็นทาสของกามราคะ หากราคะยังมีกำลังกล้าแข็งมีอำนาจอยู่เหนือจิตใจทำให้ใจไม่สงบเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมได้

   2. ผมตั้งใจรักษาศีลห้ามาได้ประมาณหนึ่งเดือนแล้วครับ เวลาทำสมาธิซักพักจะเกิดอาการตึงบริเวณด้านในใบหน้าบริเวณจมูก และรู้สึกว่าลมหายใจเริ่มมีแรงดันแปลกๆ เหมือนลมหายใจรวมตัวเป็นลำมากระแทกจมูกเวลาหายใจออก ผมมักจะเริ่มเกิดอาการนี้เมื่อนึกเห็นภาพพระสว่าง 3จุดในหัว ในอก และในท้อง ควบกับการรู้ลมหายใจเข้าออกและคำภาวนา นะมะพะธะ ไปซักพัก แล้วจะรู้สึกสายลมหายใจเข้าออกสั้นลงแต่ไม่ถึงกับลมดับ คำถามคือความรู้สึกที่เกิดแบบนี้ที่มันรู้สึกหนักๆแน่นๆในจมูกนี้ ผมปฏิบัติผิดทางหรือเปล่าครับ ความรู้สึกจริงๆของการเข้าถึงฌานลึกจริงๆควรจะรู้สึกเบาสบาย ไม่หนักแบบนี้ใช่ไหมครับ ขอคำแนะนำด้วยครับ

คำตอบ
   
หากปฏิบัติธรรมแล้วเกิดอาการติดลบ เช่นความรู้สึกหนัก ๆ แน่น ๆ ในจมูก แล้วยังปล่อยให้อาการเช่นนี้ยังคงอยู่ การปฏิบัติธรรมจะไม่ได้ผลก้าวหน้า ถือว่าได้เป็นการปฏิบัติที่ผิดทาง วิธีแก้ไข เมื่อใดที่มีอาการดังกล่าวเกิดขึ้นต้องกำหนดว่า “ หนักหนอ ๆ ๆ ” จนกว่าอาการหนักจะหายไป เช่นเดียวกันเมื่อเกิดอาการแน่น ต้องกำหนดว่า “ แน่นหนอ ๆ ๆ ๆ ” จนกว่าอาการแน่นหายไปตามกฎไตรลักษณ์ แล้วดึงจิตกลับมาสู่องค์บริกรรมเดิม

    ส่วนการที่จิตพัฒนาเข้าสู่องค์ฌานจะไม่มีอาการเช่นนี้ปรากฏแต่มีอารมณ์ฌานเกิดขึ้น มีอารมณ์ฌานเป็นแบบไหน ขึ้นอยู่กับระดับของฌาน ทุกระดับของรูปฌานจะมีจิตแน่วแน่อยู่ในอารมณ์อันเดียว (เอกัคคตา) เป็นเครื่องบ่งชี้ความเป็นฌานของจิต

   3.ในหนังสือทางเอกนั้น ผมสนใจเรื่องการตั้งคำอธิษฐานมาก เพื่อประสบความสำเร็จในการปฏิบีติธรรมมาก ผมสนใจเรื่องการสร้างเหตุให้ตรงกับเรื่องที่อธิษฐานและการอ้างสัจจะประกอบการอธิษฐาน ผมขอเรียนถามว่า ถ้าสิ่งที่ผมจะอธิษฐานขอเป็นข้อ 3.1 ถึง 3.5 การอธิษฐานข้อใดที่ถ้าปฏิบัติตามเงื่อนไขในวิธีการด้านล่างแล้ว จะมีโอกาสสำเร็จสูงสุดครับ สาเหตุที่ผมถามเพราะผมไม่อยากอธิษฐานแล้วไม่สำเร็จกลัวว่าจิตจะตกครับ
   

วิธีการ
-ถ้าผมทำสมาธิให้เข้าฌานสูงสุดเท่าที่ผมทำได้ จนเห็นภาพพระสว่าง และอาการลมหายใจเกิดเหมือนที่ผมอธิบายข้างบน
-แล้วอ้างสัจจะที่ได้ถวายปัจจัยสร้างพระพุทธรูปของสมเด็จองค์ปฐมบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ามาแล้ว 30 วันต่อเนื่องและจะทำไปตลอดชีวิตตามสัจจะ
   
-เพื่อ
-3.1. ขอเห็นนิมิตรคำตอบของคำถามที่ว่าผมเคยอธิษฐานพุทธภูมิหรือสาวกภูมิ
-3.2. ขอเห็นนิมิตรคำตอบของคำถามว่า ถ้าผมตายตอนนี้จะไปไหน เพื่อขอทราบผลการปฏิบัติธรรมในปัจจุบันของตนเอง
-3.3. ขอเห็นนิมิตรภาพพระพุทธรูป ที่จะเป็นพุทธนิมิตรให้ผมจับภาพพระนั้นจนสามารถเข้าถึงฌานสี่ละเอียดได้เร็วที่สุด
-3.4. เพื่อขอทราบคำตอบของคำถามที่ว่า อายุขัยของคุณพ่อคุณแม่ผมจะถึงเมื่อไหร่ ผมจะได้เร่งรัดให้ท่านปฏิบัติธรรมได้ถูกจังหวะ
-3.5. ขอให้เจ้ากรรมนายเวรที่กำลังตัดรอนชีวิตของคนที่ผมอยากช่วย ให้อโหสิกรรมให้คนที่ผมอยากช่วย แลกกับการอุทิศผลบุญจากสังฆทานที่ผมจะไปทำวันพรุ่งนี้

  ท้ายที่สุดนี้ ไม่ว่าพี่สนองจะสงเคราะห์ตอบคำถามผมหรือไม่ก็ตาม ผมกราบขออำนาจพระพุทธ พระธรรม และ พระสงฆ์ จงบันดาลบุญและภูมิธรรมทั้งหมดที่ผมได้เคยทำมาดีแล้วในทุกๆชาติและที่จะได้ทำต่อไปในอนาคต ให่สำเร็จแด่พี่สนองและคนในครอบครัวพี่ เพื่อให้เข้าสู่พระนิพพานกันในชาตินี้เทอญ :)

ขอบคุณครับ
    เศวตชัย

คำตอบ
ก่อนตอบปัญหา ต้องเข้าใจก่อนว่าขณะจิตพัฒนาเข้าสู่ความเป็นฌาน ไม่สามารถอธิษฐานใดๆ ได้ เพราะจิตตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์ของฌานเมื่อใดถอนจิตออกจากฌาน จึงสามารถใช้พลังจิตไปทำสิ่งต่าง ๆ ได้

ข้อ 3.2 มีโอกาสสำเร็จได้ง่ายที่สุด เพียงแต่ว่าพัฒนาจิตให้มีสติสัมปชัญญะ แล้วดูที่ต้นเหตุที่ทำเป็นปกติอยู่ในปัจจุบัน สามารถรู้ผลว่าตายแล้วตัวเองมีโอกาสไปเกิดที่ไหน

ส่วนข้อ 3.5 สำเร็จได้ยากที่สุด เพราะเจ้ากรรมนายเวรของผู้อื่นมีจำนวนมากเกินที่จะนับได้ เจ้ากรรมนายเวรจะยกเลิกการจองเวรให้หรือไม่นั้น ไม่มีใครแม้แต่พระพุทธะยังไม่สามารถก้าวล่วงได้

 


  

508.
กราบเรียน ท่าน ด . ร . สนอง วรอุไร

หนูนางสาวศศิวิมล ช่างเรียน อายุ 32 ปี มีคำถามทางธรรมจะเรียนถามท่านดังนี้ค่ะ

   เวลาหนูนั่งฟังธรรมอย่างตั้งใจ ด้วยจิตสำรวม มีความเคารพและศรัทธาครูบาอาจารย์เป็นอย่างมาก แต่มักจะเกิดอาการจิตก้าวร้าวและคิดไม่ดี เช่น นั่งฟังธรรมของหลวงพ่อสนองกตปุญโญ นั่งฟังอย่างตั้งใจ ห่างจากท่านประมาณ 1 เมตร แต่พอนั่งฟังธรรมได้ประมาณ 2 ชั่วโมง หยิบก้อนหินเล่นไปมาได้ซัก 3-4 ครั้ง จิตก็นึกถึงการเควี้ยงก้อนหินก้อนนั้นไปทางครูบาอาจารย์ ทั้งๆที่ไม่มีความตั้งใจในการทำอย่างนั้น แต่มันมีความคิดนั้นเกิดขึ้น ทั้งๆที่หนูมีความเคารพครูบาอาจารย์เป็นอย่างมากและหนูก็ต้องงงกับความคิดของตังเองว่าทำไมความคิดนี้มันผุดมาได้อย่างไร ( เฉพาะเวลาตั้งใจมากๆแต่ถ้าฟังธรรมปกติก็ไม่มีปัญหาอะไร ค่ะ )

1.  หนูควรจะต้องทำอย่างไรค่ะ ? เพราะหนูก็กลัวบาปมากๆค่ะทั้งๆที่หนูไม่มีความตั้งใจในการทำอย่างนั้น แต่จิตมันแวบคิดในทางไม่ดี ซึ่งหนูก็รู้ว่าท่านเป็นพระอรหันต์ถ้าคิดอย่างนั้น ก็จะเป็นบาปมหันต์ ต้องตกนรก

คำตอบ
  
  เหตุที่ไประลึกรู้เรื่องขว้างปาก้อนหิน เป็นอกุศลกรรมเก่าที่เคยประพฤติมา แล้วจิตเก็บบันทึกกรรมชั่วไว้เป็นสัญญา เมื่อจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิจนถึงระดับไประลึกรู้ถึงสัญญาเก่าที่ถูกเก็บฝังไว้ในจิต วิธีแก้ปัญหา ต้องนำพวงมาลัยดอกไม้สดเช่นพวงมาลัยมะลิสดใส่ลงในพานแล้วไปขอขมากรรมต่อหลวงพ่อที่คุณไปฟังธรรมจากท่าน เมื่อท่านเอ่ยปากยกโทษให้เวรกรรมเรื่องขว้างปาผู้ทรงศีลจะหมดไป

2.  หรือว่าชาติก่อนๆหนูเป็นอย่างไรค่ะ ? ถึงมีความคิดที่ไม่ดีแวบซึ่งหนูเองก็ยังตกใจกับตัวเอง จึงต้องนั่งคล้ายสะกดจิตตัวเองและท่องอยู่ในใจว่า มนุษย์ ต้องคิดดี พูดดี และทำดี และไม่เกร็ง ทำจิตให้สบายๆ เหมือนอิริยาบถปกติ จิตจึงผ่อนคลายดีขึ้น

สุดท้ายขออำนาจคุณพระรัตนตรัย จงช่วยปกป้องและคุ้มครองท่าน ด.ร สนอง วรอุไร ให้มีความสุขความเจริญ และอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร ของชาวมนุษย์นานๆ ค่ะ
   กราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ
     ศศิวิมล ช่างเรียน

คำตอบ
    ชาติก่อนเป็นคนขาดสติ จึงคิดและทำไม่ดีกับผู้ทรงคุณธรรม ชาตินี้มีสติจึงระลึกได้ถึงแรงกรรมไม่ดีที่ทำไว้ ควรต้องรีบแก้ไข
   

507.
กราบเรียน อาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

   หนูมีปัญหาเกี่ยวกับคุณพ่อที่จะถามนะคะ คือคุณพ่อหนูเป็นคนจีน ตอนนี้อายุ 85 ปี ท่านแข็งแรงมาก และต้องเดินออกกำลังกายทุกวัน วันละ 2-3 รอบ แต่เวลาที่ท่านไปเดินออกกำลังกายนั้น ท่านจะต้องไปหยิบขนม, ผลไม้หรืออาหารรวมถึงน้ำดื่ม ที่เขาไหว้ตามศาลพระภูมิและบางแห่งที่ไหว้เจ้าที่ ท่านก็จะหยิบขนมหรือผลไม้ที่อยากกินใส่ถุงกลับมาบ้านทุกวันค่ะ ไม่ใช่ที่บ้านไม่มีให้ทานนะคะ หนูจัดอาหารให้ท่านทาน 3 มื้อ แล้วก็จัดผลไม้แบบปลอกเปลือกเรียบร้อยแล้วให้ทาน ท่านก็ทานทุกวัน แต่ท่านชอบกินขนมและน้ำดื่มที่ท่านหยิบมา (ซื้อมาให้แบบเหมือนกันท่านก็ไม่กิน) และบางครั้งก็ชอบทานอาหารที่ค้างไว้หลายวันมาก โดยอ้างว่า เพื่อนให้มา เพราะบางวันก็มีอาหารคาวที่เกือบจะเสียอยู่แล้วกลับมา ท่านก็ชอบทาน ส่วนผลไม้นั้นเอามาก็ไม่ได้ทานเพราะหนูจัดไว้ให้ทานอยู่แล้ว (คือทานไม่ทัน) ก็จะเน่าเสียทุกครั้ง และโดยเฉพาะวันพระ จะมีกลับมาเยอะมาก หนูอยากถามท่านเป็นข้อๆ นะคะ

   1. การที่ท่านหยิบของไหว้หรือกินของที่เขาไหว้เจ้าที่ไว้นั้น แต่บางครั้งก็เหมือนมีคนให้มาโดยเขาจัดใส่ถุงไว้ให้แล้ว ท่านจะบาปหรือไม่คะ แล้วเป็นกรรมอะไรคะท่านถึงได้เป็นแบบนี้

คำตอบ
    รับของที่คนมอบให้เป็นทาน ไม่ถือว่าเป็นบาปแต่การไปเอาของที่เจ้าของยังมิได้อนุญาตมาเป็นของตนโดยพลการถือว่าละเมิดศีลข้อ 2 เป็นบาป เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะความเห็นผิดจากธรรมยังมีอำนาจอยู่เหนือจิตใจ

   2. ผลไม้หรือขนมที่เน่าเสียแล้ว หนูเก็บไปทิ้งโดยไม่บอกท่านหนูจะบาปไหมค่ะ

คำตอบ
    บาปเพราะไปเอาสิ่งของของผู้อื่นไปทิ้งโดยยังไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของ แต่หากเจ้าของผลไม้เน่าอาหารบูดเน่าได้นำไปใส่ไว้ในภาชนะทิ้งของแล้วคุณสามารถนำไปทิ้งได้โดยไม่เป็นบาป

   3. ความประพฤติของท่านแบบนี้ ในส่วนหนูที่เป็นลูก หนูต้องทำอย่างไรค่ะ (เพราะบางครั้งหนูก็โกรธท่านที่นำของไหว้กลับมา แล้วก้อชอบรับประทานอาหารที่เสียๆ นะค่ะ)
ทุกวันนี้หนูก็สวดมนต์ไหว้พระ เช้า-เย็น แล้วนั่งสมาธิทั้งตอนตื่นนอนและก่อนนอน ประมาณ ครึ่งชั่วโมง และแผ่เมตตาให้ บิดา-มารดา รวมถึงญาติเปตา และสรรพสัตว์ทั้งหลาย และบางครั้งก็ไปปฏิบัติธรรมที่วัดบ้าง ถึอศีลอุโบสถบ้าง แบบนี้ถูกต้องไหมค่ะ หนูปฏิบัติมาได้ 6 เดือนแล้ว

คำตอบ
   
ในฐานะเป็นลูกควรให้ความเห็นที่ถูกต้องกับท่านหากท่านเชื่อแล้วทำตามที่คุณแนะนำจะเป็นบุญเกิดขึ้นกับทั้งพ่อและลูก ดังตัวอย่างของวิมลโกญทัญญะ ได้แนะนำแม่อัมพปาลีที่ดำเนินอาชีพเป็นหญิงงามเมือง (โสเภณี) ว่าเป็นบาปควรเลิกอาชีพนั้นเสีย แม่เชื่อแล้วทำตามและยังได้นำตัวเองมาประพฤติปฏิบัติธรรมจนบรรลุอรหัตผลเป็นพระอรหันต์ได ้หากคุณได้แนะนำพ่อแล้วท่านไม่เชื่อคุณต้องปล่อยวางเพราะชีวิตเป็นของท่านต้องเลือกและนำพาชีวิตด้วยตัวท่านเอง

   ส่วนความเห็นในเรื่องของการบริโภค มนุษย์ผู้มีความเห็นถูกเห็นว่า บุหรี่สูบแล้วให้โทษแต่ยังมีมนุษย์อีกจำนวนมากเห็นว่าบุหรี่เป็นสิ่งมีคุณ สูบแล้วสบายอารมณ์มีความสุขจึงยังคงสูบอยู่ เช่นเดียวกันผลไม้เน่าอาหารบูดเสียพวกหนอน พวกแร้งกินซากศพเน่ารวมถึงมนุษย์บางคนเห็นว่าบริโภคแล้วมีคุณ จึงยังจำเป็นต้องกินอาหารบูดเน่าอยู่เพราะบริโภคแล้วไม่เกิดโทษทั้งยังทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงอีกด้วย ผู้รู้จึงยอมรับและเคารพความเห็นของคนอื่น

   เรื่องพฤติกรรมที่บอกเล่าไปหากทำแล้วเกิดผลดีจงทำต่อไป และหากเมื่อใดสามารถนำจิตวิญญาณเข้าถึงธรรมของพระพุทธะได้แล้วคุณสามารถให้คำชี้แนะที่ดีต่อผู้อื่นได้ สามารถปล่อยวางเรื่องของคนอื่นได้ แล้วจะไม่เป็นทุกข์

หนูจะถามคำถามเกี่ยวกับคุณแม่หนู 1 ข้อนะคะ   
    4. คุณแม่หนูเสียชีวิตมาได้ ประมาณ 8 ปีแล้ว เมื่อก่อนก็ฝันเห็นท่านบ้าง แต่หลังจากที่ปฏิบัติธรรม หนูฝันถึงท่านคือฝันว่าได้จูงมือท่านเข้าไปในโบสถ์ ที่มีพระภิกษุสงฆ์หลายรูปกำลังนั่งสวดมนต์อยู่ ในฝันท่านรู้สึกกลัวๆ แต่หนูก็จูงมือตั้งแต่หน้าประตูเข้าไปถึงในโบสถ์และจัดให้ท่านนั่งฟังพระสวดอยู่ข้างหลังพระเลย แบบนี้หมายถึงท่านไปดีแล้วใช่ไหมค่ะ

   กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ที่มีเมตตากับมนุษย์ร่วมโลกอย่างหนูค่ะ

คำตอบ
    นิมิตเห็นสิ่งดี เป็นเครื่องบ่งชี้ภพที่สัตว์ไปเกิด (คติ) ดี

506.
ดิฉันขอกราบเรียนถามท่านดังนี้ค่ะ

1.ถ้าบังเอิญไปเห็นลูกน้องของพี่ชายโกงเงินพี่ชาย ควรจะบอกให้พี่ชายทราบไหมคะ หรือจะวางอุเบกขา โดยถือว่ากรรมใครกรรมเค้า

คำตอบ
    ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาของผู้รู้จริง จึงไม่มีคำว่าบังเอิญทุกอย่างที่เกิดต้องมาจากเหตุที่ทำให้เกิด ในฐานะที่เป็นน้องและยังต้องร่วมสังคมวงศาคณญาติ ต้องตอบแทนคุณของพี่ชาย ด้วยการบอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาทราบเพื่อเขาจะได้บริหารจัดการความสัมพันธ์ ระหว่างเจ้านายกับลูกน้องผู้ไร้จริยธรรมของการเป็นลูกน้องที่ดี ได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะถูกต้องตามโลกหรือถูกต้องตามธรรมก็เป็นเรื่องของพี่ชายคือต้องเลือกวิธีการด้วยตัวของเขาเอง

2.ได้ใส่บาตรแถวบ้านในกรุงเทพฯ พระท่านแจกเงิน สิบบาท ยี่สิบบาทให้กับผู้ที่มาใส่บาตร โดยบอกว่าเป็นเงิน ปุกเสกเป็นเงินก้นถุง ดิฉันควรจะรับเงินนั้นหรือไม่คะ และควรจะใส่บาตรกับท่านอีกไหมคะ

คำตอบ
    พระสงฆ์มีเจตนาที่ดี หวังทำทานด้วยการให้เงินก้นถุงเป็นทาน แก่ผู้ทำความดีด้วยการใส่บาตร คุณต้องรับไว้จะได้ไม่เป็นการตัดทางของผู้ให้ และควรใส่บาตรพระสงฆ์องค์นั้นต่อไป บุญที่เกิดจากการนำอาหารไปใส่บาตรได้เพิ่มพูนยิ่ง ๆ ขึ้น

3.ถ้าเจอเงินเป็นหมื่นบาทใส่ถุงหล่นอยู่ข้างทางควรจะนำเงินนี้ไปให้ตำราจหรือนำเงินนี้ไปทำบุญหรือไม่ควรเก็บ ปล่อยไว้ที่เดิมดีคะ
   กราบขอบพระคุณอาจารย์ที่กรุณาตอบคำถามให้คะ
     ด้วยความเคารพอย่างสูง

คำตอบ
    ควรเก็บไว้แล้วประกาศหาเจ้าของเงินที่ทำตกหล่นด้วยสื่อต่าง ๆ ที่เหมาะสม หรือนำไปมอบเป็นทางการไว้กับตำรวจเป็นผู้เก็บรักษาไว้เพื่อประกาศหาเจ้าของต่อไป
  

505.
กราบสวัสดีอาจารย์สนองค่ะ

   1.การที่ต้องอยู่ร่วมอาศัยกับผู้ที่ตำหนิ(คือแม่สามี)เราบ่อยๆ เป็นกรรมที่เราเคยก่อไว้หรือไม่ ถ้าหากว่าย้ายออกไป ไม่อยู่ร่วมกันอีก จะไปเจอกรรมที่หนักกว่านี้หรือไม่ (เพราะเพื่อนเจอเหตุการณ์อย่างนี้ เก็บกดจนเป็นบ้าไปเลย) แปลว่าเราต้องอดทนต่อเค้าจนกว่าจะตายจากกันหรือไม่เพื่อให้หมดเวรต่อกัน

คำตอบ
    เป็นกรรมที่เคยทำมาก่อนและได้ผูกเวร (ความแค้นเคือง ความปองร้าย ความคิดร้ายตอบแก่ผู้ทำร้าย) กันไว้ หากย้ายออกไปจะไปเจอกรรมที่หนักกว่านี้หรือไม่ ขึ้นอยู่กรรมว่าเคยทำกรรมที่เป็นเวรผูกกันไว้หรือไม่ ถ้าไม่เคยก็ไม่เจอ แต่ถ้าเคยทำกรรมที่เป็นเวรผูกกันไว้ เมื่อเหตุปัจจัยลงตัวจะเกิดการเบียดเบียนขึ้นได้อีก และจะให้ผลรุนแรงแค่ไหนขึ้นอยู่กับแรงกรรม (เวร) ที่ได้ทำ

   ถ้าคุณเชื่อคำแนะนำของพระพุทธะ คุณต้องใช้หนี้เวรให้หมดไม่สร้างหนี้กรรมเวรขึ้นใหม่ แล้วเวรกรรมจึงจะมีโอกาสหมดไปได้

    2.ทุกครั้งหลังถูกตำหนิแล้ว จะเกิดอาการคิดมาก คิดวนไปวนมาในเรื่องเหตุผลที่ถูกตำหนิ ซึ่งคนอื่นไม่ถูกตำหนิ ไม่เข้าใจว่าทำไมถูกตำหนิคนเดียว เป็นอย่างนี้ไม่ต่ำกว่า 2 สัปดาห์จึงจะดีขึ้น
   กราบขอบพระคุณอาจารย์สนองอย่างสูง

คำตอบ
    ผู้ใดคิดวนไปวนมาถึงเรื่องที่ถูกตำหนิ แสดงว่าผู้นั้นมีกำลังของสติอ่อน แต่เมื่อใด พัฒนาจิตวิญญาณจนมีกำลังของสติกล้าแข็งได้แล้ว การคิดวนไปวนมาจะไม่เกิดขึ้น ส่วนเรื่องที่คนอื่นไม่ถูกตำหนิ เพราะคนอื่นไม่ได้ทำกรรมที่เป็นเวรผูกไว้กับเขาผู้นั้น
  

504.
เรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

   1. พระอนาคามีบุคคลจิตละกิเลสกามแล้วเพราะเห็นโทษแล้วละได้ แต่ยังมีความ รู้สึกด้านทางกายภาพอยู่หรือไม่คะ หมายถึงทางกายยังรู้ถึงความกำหนัดแต่จิตมี กำลังเข้มกว่าไม่ทำให้ความต้องการนั้นลุไปได้

คำตอบ
    เมื่อใดจิตเข้าถึงธรรมที่ละกามราคะได้แล้วความรู้สึกทางกายภาพจะไม่ปรากฏ สิ่งนี้เป็นคุณธรรมของพระอนาคามีคิดว่าตัวเองละกามราคะได้แต่ความรู้สึกทางกายภาพ (ความกำหนัด) ยังมีอยู่สภาวะเช่นนี้ยังไม่เข้าถึงธรรมของการเป็นพระอานาคามี

   2. คนที่จะบรรลุพระอนาคามีจำเป็นต้องเกิดวิปัสสนาญาณจากการเห็นร่างกายเป็นของอ สุภะทุกคนหรือไม่คะ เคยได้ยินครูบาอาจารย์เล่าว่าความรู้สึกทางกายมันหายไป เมื่อไรไม่รู้ ต้องลองนึกถึงที่จะให้จิตกำหนัดแล้วมันไม่เกิดจึงรู้ว่าละได้ แล้ว

คำตอบ
    ปัญญาเห็นแจ้ง (วิปัสสนาญาณ) จำเป็นต้องเกิดกับพระอนาคามีทุกคน

   3. คนที่ถอดกายทิพย์ไป ช่วงนั้นจิตวิญญาณอื่น สามารถเข้ามาอาศัยในร่างกายได้ หรือไม่คะ

คำตอบ
    สามารถเข้าได้ แต่เมื่อเจ้าของเดิมกลับมาต้องออก

   4. ได้คุยกับท่านหนี่งเล่าว่า ท่านเกิดกามกิเลสแล้วท่านเลยมองตัวกิเลสนั้นแล้ว มันก็ดับวูบหายไป อันนี้เป็นมรรคหรือเปล่าคะ

คำตอบ
    เป็นมรรค

   5. การเห็นเวทนาแล้วดับเวทนาด้วยมรรรค ไม่มีต้วอะไรชี้บอกว่าจะต้องเกิด วิปัสสนาตัวนี้อย่างนี้จึงบรรลุธรรมขั้นนี้ถ้าจะรู้ว่าการเกิดวิปัสสนาแต่ละ ครั้งเป็นการบรรลุธรรมขั้นไหนต้องดูว่าละอะไรได้บ้างใช่ไหมคะ
    ขออนุโมทนากับท่านอาจารย์ และขอบพระคุณที่ท่านอาจารย์ให้ความสว่างแก่ปัญญา ค่ะ

คำตอบ
    บรรลุธรรมขั้นไหนต้องดูว่าละอะไรได้บ้างใช่ไหม ตอบว่า คำว่าบรรลุธรรมขั้นไหนหากหมายถึงธรรมขั้นที่ทำให้กิเลสตัวนั้นเช่นความโกรธหมดไป ต้องตอบว่าใช่แต่หากหมายถึงธรรมขั้นที่ทำให้เป็นอริยบุคคลต้องดูว่าละกิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์ให้ต้องเวียนตายเกิด (สังโยชน์) ได้กี่ตัว เช่นละสังโยชน์สัก 3 ตัว (สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส) ก็บรรลุธรรมขั้นโสดาบัน ละสังโยชน์ได้ 5 ตัว (สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส กามราคะ ปฏิฆะ) ก็บรรลุธรรมขั้นอนาคามี ฯลฯ
      

503.
  เรียนอาจารย์

    ดิฉันเพิ่งมีโอกาสได้อ่านหนังสือธรรมของท่าน และมีปัญหาที่ไม่แน่ใจว่าถ้าทำไปแล้วจะถูกต้องหรือไม่
    ดิฉันอยากลาออกจากงาน เพราะใจไม่สงบเหมือนตัวเองได้เข้าไปในบ่วงกรรม เนื่องจากบริษัทฯที่ ทำงานมักจะหาเรื่องหักเงินจากบริษัทฯที่รับจ้างอีกทอด โดยที่ดิฉันรู้แต่ก็พูดไม่ได้ ไม่ทราบว่าดิฉัน ควรจะทำอย่างไรดี

  กรุณาชี้ทางสว่างให้ด้วยค่ะ
    กัญญภา

คำตอบ
   บริษัทที่ทำหน้าที่หางานให้ผู้อื่นทำเรียกว่าเป็นนายจ้าง บริษัทที่รับจ้างทำงานแทนบริษัทแทนบริษัทได้งาน เรียกได้ว่าเป็นลูกจ้าง เรื่องนี้จึงเป็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างนายจ้าง-ลูกจ้าง

   ปัญหามีอยู่ว่าการหักเงินของนายจ้างแต่ละครั้ง มีเหตุผลชอบธรรมลูกจ้างเข้าใจและยอมรับความจริง ไม่ถือว่าเป็นการเบียดเบียนแรงงานของลูกจ้าง ไม่เป็นบาป ในทางตรงกันข้าม การหักเงินลูกจ้างแต่ละครั้งไม่ตั้งอยู่บนเหตุผลของความชอบธรรม ลูกจ้างถูกนายจ้างเอาเปรียบค่าจ้างแรงงานอย่างนี้ถือว่าเป็นการเบียดเบียนแรงงานของลูกจ้างเป็นบาป

   ผู้ถามปัญหาอยู่ในฐานะทำงานให้กับบริษัทนายจ้าง ต้องวิเคราะห์ด้วยตัวเองว่า ถ้าปฏิสัมพันธ์ให้ผลเป็นอย่างในกรณีแรกก็สามารถร่วมวงจรกุศลกรรมต่อไปได้ แต่หากให้ผลเป็นอย่างในกรณีที่สอง ผู้ถามปัญหาต้องตัดสินใจด้วยตัวเองว่า จะร่วมวงจรอกุศลกรรมกับบริษัทที่ทำงานอยู่หรือไม่เพราะเมื่อใดอกุศลกรรมให้ผล ผู้ร่วมเบียดเบียนแรงงานต้องได้รับอกุศลวิบากของชีวิต ด้วยการไปเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ จึงขอยกตัวอย่างของผู้ที่ทำกรรมในลักษณะนี้ ผู้ซึ่งมีประสบการณ์ตายแล้วฟื้นเล่าให้ฟัง เขาได้ตายจากโลกมนุษย์ลงไปเห็นผลกรรมของคนที่เคยทำกรรมเบียดเบียนแรงงานได้ไปเกิดเป็นสัตว์นรกถูกบังคับให้ทำงานหนักโดยไม่มีเวลาพักผ่อน มีแต่กลางวันซึ่งต้องทำงานหนักไม่มีกลางคืนให้ได้พักผ่อน เขาไปเห็นสัตว์นรกถูกบังคับให้ทำงานหนักถ้าเมื่อใดหยุดทำงานจะถูกบริวารของยมบาลทำโทษถูกตีด้วยกระบองใหญ่จนล้มลุกคลุกคลาน ถ้าไม่ลุกขึ้นจะถูกตีจนต้องรีบลุกขึ้นมาทำงานอีก เขาไปเห็นสัตว์นรกรับโทษเช่นนี้อยู่นานถึง ๒ วัน ทั้ง ๆ ที่เวลาในโลกมนุษย์ผ่านไปได้เพียง ๕ นามี ผู้ตอบปัญหาจงนำมาบอกเล่าให้ผู้ถามปัญหา ได้นำเรื่องนี้ไปคิดพิจารณาด้วยตนเอง จะได้ใช้ประกอบการตัดสินใจให้กับชีวิตของตนเองได้ไม่ผิดพลาด


 

502.
  กราบเรียนท่านอาจารย์ดร.สนองที่เคารพค่ะ

ขอเรียนถามเรื่องการปฏิบัติค่ะ
1. ดิฉัน สวดมนต์ภาษา ญี่ปุ่น เนื่องจากสามีสวด ดิฉันสวด เช้า เย็น (ประมาณ 5 นาที ถึง 1 ชม.แล้วแต่เวลา ) ดิฉัน สวดเสร็จ ได้แผ่เมตตาให้ เจ้ากรรม นายเวร ศัตรูหมู่มิตร ผู้มีพระคุณ และ สรรพสัตว์ ทั้งหลาย
2. สวดชินบัญชร 1 จบ เช้า เย็น สวดเสร็จ ได้แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ ทั้งหลาย
3. เดินจงกรม ประมาณ 45 - 60 นาที เช้า เย็น
4. นั่งสมาธิ เช้า เย็น ครั้งละ 1 ชม ดูเวทนาตามร่างกาย ทีละส่วน หาก จิตฟุ้งมาก ก็จะดูลมหายใจ จนกว่า จิตจะหายฟุ้ง เสร็จแล้ว ได้แผ่เมตตาให้ เจ้ากรรม นายเวร ศัตรูหมู่ มิตร ผู้มีพระคุณ และ สรรพสัตว์ ทั้งหลาย
5. เวลาที่เหลือจะเป็นการทำความสะอาดบ้านค่ะ ก็ทำด้วยสติ แต่ก็ยังเผลออยู่

คำถาม
   1. การสวดมนต์ ญี่ปุ่นและ แผ่เมตตา ทำได้ไหมค่ะ บุญจะถึงไหมค่ะ และการสวดมนต์ หลายๆอย่างทำได้ไหมค่ะ ขอคำแนะนำด้วยค่ะ

คำตอบ
    สวดมนต์เป็นภาษาญี่ปุ่น และแผ่เมตตาสามารถทำได้แต่บุญที่แผ่ให้สรรพสัตว์จะถึงเฉพาะสัตว์ที่อยู่ในภาวะมารับอนุโมทนาบุญได้ ผู้ใดมีเมตตาก็สามารถแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ได้และสรรพสัตว์ได้อยู่ในภาวะที่มาอนุโมทนาบุญได้ เขาก็ได้รับเมตตาที่มีผู้แผ่ให้ได้

   ส่วนเรื่องการสวดมนต์หลาย ๆ อย่างสามารถทำได้ แต่ก่อนสวดมนต์ต้องมีศรัทธา ขณะสวดมนต์ต้องตั้งใจสวด สวดมนต์เสร็จแล้วมีความอิ่มใจ การสวดนั้นจึงจะได้บุญมาก
   

   2. เดินจงกรมเสร็จ หากไม่ได้นั่งสมาธิต่อเลย ควรแผ่เมตตาไหมค่ะ หรือ รอนั่งสมาธิก่อนแล้วค่อยแผ่เมตตาทีเดียวตอนหลัง

คำตอบ
    เมตตาคือความรักความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์และมีความสุข ผู้มีเมตตาเป็นผู้ไม่มีโทสะ ไม่หงุดหงิดไม่เบื่อหน่าย ผู้ใดมีสภาวะของจิตใจเป็นเช่นนี้ผู้นั้นเป็นผู้มีเมตตาเมื่อมีเมตตาแล้วสามารถแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ได้ในทุกโอกาสรวมถึงเดินจงกรมเสร็จก็แผ่เมตตาได้ เดินจงกรมแล้วต่อด้วยการนั่งสมาธิเสร็จแล้วก็แผ่เมตตาได้

   3. การทานอาหารที่มี เนื้อสัตว์ปน แต่เราไม่ได้ทานเนื้อ ทานแต่ผัก ถือว่า เบียดเบียนสัตว์นั้นไหมค่ะ ( การทานมังสวิรัติ ไม่ได้ฝืนใจค่ะ คือ ตั้งแต่ 4 ปีก่อนได้มีโอกาสเข้ากรรมฐาน 8 วัน 7 คืน จากนั้นใจไม่รับเนื้อสัตว์เอง ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร เนื่องจากในหลักสูตรที่เข้าก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้เลย ปัจจุบันจะเหม็นเนื้อสัตว์ทุกชนิด )
     กราบขอบพระคุณด้วยใจค่ะ

คำตอบ
  
กรรมอยู่ที่เจตนา ไม่มีเจตนาฆ่าสัตว์ ไม่มีเจตนาสั่งให้ผู้อื่นฆ่าสัตว์ ไม่เห็นเขาฆ่าสัตว์ ไม่สงสัยว่าเขาฆ่าเพื่อเรา ฯลฯ ยังไม่ถือว่าเบียดเบียนสัตว์ แต่หากกักขังสัตว์ ล่ามโซ่สัตว์ ทุบตีสัตว์ ฯลฯ อย่างนี้ถือว่าเบียดเบียนสัตว์

   ดังนั้นการรับประทานอาหารที่ปรุงด้วยเนื้อสัตว์ ยังไม่ถือว่าเป็นบาป (ยกเว้นสัตว์ตัวที่ผูกพยาบาทก่อนถูกฆ่า) การบริโภคอาหารที่มีเนื้อสัตว์ปน และตนเองเลือกบริโภคแต่ผักไม่ถือว่าเป็นบาป

   ส่วนเรื่องการเหม็นเนื้อสัตว์ทุกชนิด เป็นเรื่องของระบบประสาทที่ส่งผลกระทบถึงใจ เหตุเกิดจากจิตมีความตั้งมั่นเป็นสมาธิ แล้วส่งผลถึงระบบประสาทรับกลิ่นทำงานได้เร็วขึ้นและมีความละเอียดประณีตในการจำแนกกลิ่นได้มากยิ่งขึ้นแล้วส่งผลกระทบถึงใจ ใจจึงรับสิ่งกระทบมาปรุงแต่งอารมณืเป็นกลิ่นเหม็นเนื้อสัตว์ได้ละเอียดยิ่งขึ้น


  

501.
  เรียน ท่านอาจารย์สนองที่เคารพ

   1. การได้เจอกับครูบาจารย์ที่ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบเป็นเรื่องของบุญ กุศลที่ทำมาด้วยหรือไม่คะ ถ้าหากใน ปัจจุบันเราอยากจะมีครูบาอาจารย์ที่แนะนำ สิ่งที่ถูกต้องแก่เราจริง ๆ ควรจะทำอย่างไรดี

คำตอบ
   
เป็นเรื่องของบุญกุศลส่งผล อยากจะพบครูบาอาจารย์ที่ปฏิบัติดีถูกตรงตามธรรมวินัย ปฏิบัติชอบตามรรคมีองค์แปด ต้องสร้างมหาทานเช่น เลี้ยงพระ ๗ วัน แล้วอธิษฐานให้ได้พบและมีผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นครูบาอาจารย์แล้วต้องรักษาศีล 5ให้มีอยู่ในใจให้ได้ทุกขณะตื่น แล้วต้องสร้างเหตุให้ถูกตรงคือ ไหว้พระ สวดมนต์ ฟังธรรม และเจริญสติภาวนาอยู่เสมอ ๆ


   2. ในการปฎิบัติเราจะสามารถปฎิบัติเองได้หรือไม่คะ แล้วจะทราบได้ อย่างไรว่าที่เราปฎิบัตินี้เป็นทางที่ถูกต้องแล้ว

คำตอบ
    ปฏิบัติด้วยตนเองได้หากมีบุญบารมีสั่งสมมามากพอสามารถใช้หลักธรรม 8 ข้อ ที่พระพุทธโคดมมอบให้ภิกษุณีมหาปชาบดี (โคตรมี) นำไปใช้เป็นหลักตรวจสอบการปฏิบัติธรรมว่าดำเนินไปในแนวทางที่ถูกต้องหรือไม่ (อ่านคำตอบข้อ 107 ตอบคำถามจากงานแสดงธรรมที่เทคโนฯกรุงเทพบพิตรภิมุข เมื่อ 15 ก.ค. 50)

   3. สงสัยมานานว่าองค์เทพต่างๆ หรือพระเจ้าที่คนเรานับถือในปัจจุบัน มีจริงหรือไม่ เพราะในพุทธศาสนาไม่มีเทพ สามารถให้คุณให้โทษได้จริงหรือคะ
     ขอขอบพระคุณมาณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ

คำตอบ
    ศาสนาพุทธยอมรับว่า เทพต่างๆมีอยู่จริง ๆ ในพรรษาที่ 7 หลังแสดงยมกปาฏิหาริย์ที่เมืองสาวัตถีแล้วพระพุทธะได้เสด็จไปจำพรรษาอยู่ ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อแสดงอภิธรรมโปรดพุทธมารดา (สิริมหามายาเทพบุตรจากสวรรค์ชั้นดุสิต) จนบรรลุโสดาปัตติผล พระเจ้าพิมพิสารตายแล้วไปเกิดเป็นเทพโสดาบัน (ชนวสภยักษ์) อยู่ในสวรรค์ชั้นจุตมหาราชิกา โสเภณีสิริมา เลิกประกอบมิจฉาชีพ แล้วหันมาปฏิบัติธรรม ตายแล้วไปเกิดเป็นเทพนารีโสดาบันอยู่ในสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี ลิงป่าปาลิเลยกะที่นำรวงผึ้งมาถวายพระพุทธะ ตายแล้วไปเกิดเป็นเทพมีนางฟ้าเป็นบริวาร 1,000องค์ ม้ากัณฐกะที่เป็นพาหนะนำเจ้าชายสิทธัตถะออกบวชตายแล้วไปเกิดเป็นกัณฐกะเทพบุตรอยู่ในดาวดึงส์ ฯลฯ แต่พระพุทธะมิได้สอนพุทธศาสนิกให้เอาเทพมาเป็นที่พึ่งที่เคารพกราบไหว้บูชา เหตุเพราะมนุษย์มีศักยภาพที่จะพัฒนาตนเองให้มีคุณธรรมสูงกว่าเทพได้ มีศักยภาพที่จะพัฒนาตนเองจนบรรลุความเป็นอริยบุคคล และเข้าถึงนิพพานได้ ดังนั้นพระพุทธะจึงได้แนะนำพุทธศาสนิกให้เคารพนับถือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ (ไตรสรณคมน์) และเอาพระธรรมมาเป็นที่พึ่งสูงสุด

   ส่วนที่ถามว่า เทพสามารถให้คุณให้โทษได้จริงหรือ ตอบว่าให้คุณได้ ถ้ามนุษย์ได้ความเคารพนับถือเพท ว่าเป็นสัตว์ที่เกิดอยู่ในภพที่สูงกว่ามนุษย์ เป็นเพื่อนร่วมตาย เกิด อยู่ในวัฏสงสาร มนุษย์จึงควรมีความอ่อนน้อม เคารพเทพผู้มีคุณธรรมและในทางตรงกันข้าม เทพให้โทษได้ถ้ามนุษย์แสดงตนเป็นศัตรูและมีกิริยาลบหลู่ปรามาสด้วยประพฤติอกุศลกรรมต่อเทพ