1

 

 


                                                                 
คำถาม-คำตอบ ข้อ 351-400

400.
jeab_jannyjaja@hotmail.com
February 21, 2007 3:49 PM

เรียน อ. สนอง ที่เคารพ

   การที่ถูกสาปแช่งให้มีอันเป็นไปทั้งที่เรามิได้ทำความผิดนั้น พยายามอธิบายและ
บอกก็ไม่มีใครเชื่อเราเลย ก็เลยต้องหยุดพูด หยุดบอก เพราะเราทำดีที่สุดแล้ว เรา
จะต้องรับกรรมนั้นหรือไม่ค่ะ

ขอบพระคุณมากค่ะ

คำตอบ
   เมื่อไม่ได้ทำกรรมผิด อกุศลวิบากตามที่ถูกสาปแช่งจะเข้ามาหาคุณได้อย่างไร ถ้าจะให้ปลอดภัยต้องทำตัวเองให้เป็นผู้มีศีลและมีสติครองใจอยู่ทุกขณะตื่นได้แล้วปลอดภัยที่สุด

399.
kikuanona@msn.com
February 21, 2007 12:54 PM

ขอเรียนถาม อาจารย์ดร.สนองค่ะ

   ดิฉันมีเรืองสงสัยอยากเรียนถามว่า เวลาที่เราไปไหว้ที่ศาลเจ้าของคนจีนอยางเช่น
เล่งเน้ยยี่ หรือที่ ซัมปอกง นั้น เวลาที่เราอฐิษฐาน
เราสามารถขอให้เรามีดวงตาเห็นธรรมเหมือนที่เราตั้งจิตเวลาไหว้พระได้หรือไม่
ถ้าไม่ได้เราควรอฐิษฐานแบบไหนคะ

กราบเรียนถามมาด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
   หากเจ้าทั้งสองศาลเจ้าไม่ได้เป็นอริยบุคคล คุณอธิษฐานให้มีดวงตาเห็นธรรม ท่านจะไม่สามารถดลใจของคุณให้ประพฤติได้ตรงธรรม ที่นำสู่การมีดวงตาเห็นธรรมได้ แต่ถ้าอธิษฐานขอให้มีมนุษย์สมบัติมีสวรรค์สมบัติ นั้นมีโอกาสเป็นไปได้มากกว่า แต่คุณต้องประพฤติให้ตรงด้วย
 

398.
ananyapj@gmail.com
February 21, 2007 11:07 AM

เรียน อาจาร์ย สนอง ที่เคารพ

   ดิฉันได้ฟังการบรรยายของอาจาร์ยหลายครั้งแต่ผ่านทาง ซีดี
และอ่านหนังสือของอาจาร์ยหลายเล่ม เพราะได้อ่านและฟังการบรรยายของอาจาร์ยจึงตั้งจิตอธิษฐานว่า ช่วงปิดเทอมนี้จะไปปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เพื่อให้ผู้รู้สอนวิถีทางที่ถูกต้องให้ก่อน และพยายามจะทำตัวไม่เป็นน้ำชาล้นถ้วย ระหว่างที่ยังไม่ได้ ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ดิฉันจะรักษาศีล5 และทำจิตให้ไม่ โลภ โกรธ หลง แต่เมื่อฟังและอ่านหนังสืออาจาร์ยแล้ว ดิฉันมีปัญหาจะเรียนถามว่า

   1. เหตุใด คนที่เคยปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานในชาติภพที่แล้ว หรือสะสมมาหลายภพชาติแล้ว เมื่อเกิดมาในชาตินี้จึงยังมาทำผิดศีล เช่น ดื่มสุรา พูดโกหก ฆ่าสัตว์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ดิฉันเห็นว่าเป็นเรื่องการสร้างกรรม ไม่ใช่ชดใช้กรรม ไม่น่าที่จะเป็นการกระทำของคนที่เคยผ่านการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานมาแล้ว
(สงสัยว่ากุศลจากชาติที่แล้วไม่ช่วยให้มีจิตฝักไฝ่หรือดลบันดาลให้ทำแต่ความดีเลยหรือ)

คำตอบ
    อดีตเคยปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานก็จริงอยู่หากจิตยังเข้าไม่ถึงมรรคผลของการปฏิบัติ ตายแล้วมาเกิดใหม่ได้รูปนามในชาติปัจจุบัน ยังมีโอกาสทำผิดพลาดเช่น ดื่มสุรา พูดโกหก
ฆ่าสัตว์ฯลฯ


   2. ดิฉันมีอาชีพรับราชการตำรวจ ก่อนหน้านี้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับงานบริการและติดต่อกับประชาชนทั่วไป มีเรื่องผลประโยชน์และการผิดศีลเข้ามาเกี่ยวข้อง ปัจจุบันโดนย้ายอยู่งานอำนวยการ ไม่ได้ติดต่อกับประชาชน และดิฉันเพิ่งจะได้สัมผัสและเห็นด้วยกับแนวทางตามรอยของอาจารย์ ถือว่าเป็นเรื่องธรรมะจัดสรร หรือไม่
   ขอบพระคุณค่ะ
     อนันยา

คำตอบ
    เมื่อรู้ตัวว่าประพฤติผิดธรรม แล้วสามารถหยุดการกระทำที่ไม่ดีนั้นได้ ถือว่ายังมีความดีถูกเก็บอยู่ในจิตใจ ฉะนั้นจงหยุดประพฤติไม่ดี แล้วเร่งทำคามดีทางกาย วาจา ใจให้ยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะให้ทาน รักษาศีล ไหว้พระ สวดมนต์ ฟังธรรม ปฏิบัติธรรมไปเรื่อย ๆ จนตาย วันข้างหน้าชีวิตคุณดีแน่นอน
 

397.
ayeejung@yahoo.com
February 20, 2007 1:22 PM

กราบสวัสดีท่านอาจารย์ ดร. สนอง วรอุไร ค่ะ

    ดิฉันมีคำถามเรียนถามท่านอาจารย์ค่ะ คือ ดิฉันได้ดาวน์โหลดเสียงธรรมบรรยายของท่านอาจารย์จาก เว็บไซด์ชมรมกัลยาณธรรมมาฟัง แล้วเห็นว่ามีคุณค่าต่อชีวิต จึงเขียนซีดีให้เพื่อนๆ ด้วย 3 คนไม่ทราบว่าจะผิดหรือเปล่าค่ะ ที่ไม่ได้ขออนุญาตท่านอาจารย์ก่อน

ถ้าผิดต้องขออนุญาตท่านอาจารย์ด้วยนะค่ะ แล้วจะไม่ทำอีก

ที่ทำลงไปแล้วนั้นเพราะไม่รู้ แต่พอได้ฟังการบรรยายธรรมของท่านอาจารย์ตอนหนึ่ง ที่มีเด็กหนุ่มเอาซีดีของท่านอาจารย์ไปก๊อปปี้ต่อ เท่ากับว่าเป็นการขโมย เพราะไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของก่อน เลยกลัวเหมือนเด็กหนุ่มคนนั้นค่ะ

ขอเรียนถามต่อคะ
กรณีที่เว็บไซด์ต่างๆ (โดยเฉพาะเว็บไซด์เกี่ยวกับพุทธศาสนาจะมีให้โหลดทั้งบทสวดมนต์, เสียงเพลง, เสียงบรรยายธรรมต่างๆนั้น) เราเห็นว่ามีประโยชน์ต่อชีวิต แล้วเราดาวน์โหลดมา แล้วนำมาเขียนซีดี ให้ญาติ เพื่อน ได้ฟังได้รู้เหมือนเรานั้น ทำได้หรือไม่ค่ะ

ด้วยความเคารพอย่างสูง
    ayee_jung

คำตอบ
    รู้ว่าผิดแล้วยังถามไปอีก สบายใจได้อนุญาตให้โดยมีผลย้อนหลัง

   จากคำถามต่อเนื่อง ตอบว่าทำได้ หากผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์บอกอนุญาตไว้ล่วงหน้า

396.
siriratanakul@yahoo.com
February 19, 2007 2:38 PM

เรียน ท่าน อาจารย์ ดร.สนอง ที่เคารพค่ะ

   ดิฉันติดตามฟังการบรรยายธรรมของท่านตลอดค่ะ และพยายามปฏิบัติตนตามที่ท่านสอน แต่เมื่อเร็วๆ นี้ทางบ้านมีปัญหา ดิฉันฟุ้งซ่าน ทำใจปล่อยวางลำบาก ขอความกรุณาท่านช่วยชี้ทางสว่างให้ด้วยค่ะ ดิฉันมีพี่น้อง 2 คน พ่อแม่รับราชการ ตอนนี้เกษียณอายุแล้วค่ะ ดิฉันแต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่พยายามทำงานกำลังสร้างตัว น้องชายยังไม่แต่งงาน มีงานประจำทำแต่เพิ่งทำได้ไม่ถึงปีค่ะ และเค้ามักจะพาผู้หญิงเข้ามาอยู่ด้วยที่บ้าน แล้วก็ถูกผู้หญิงทิ้งอยู่เป็นประจำ ใครเตือนให้เปลี่ยนพฤติกรรมก็ไม่เปลี่ยนซะที

    พ่อแม่แบ่งมรดกให้ดิฉันกับน้องเท่าๆ กัน น้องใช้หมดแล้ว แต่ส่วนของดิฉันยังไม่หมดกำลังจะลงทุนเปิดกิจการกับสามี ส่วนของพ่อแม่แบ่งไว้ก้อนหนึ่งเป็นก้อนสุดท้ายที่จะใช้ยามแก่เฒ่า

   เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาจู่ๆ ผู้หญิงของน้องชายก็บอกว่าท้อง จะต้องให้ไปสู่ขอตามประเพณี แล้วกำชับว่า อย่าบอกให้พ่อแม่เธอรู้ว่าท้อง กลัวพ่อแม่เธอจะเสียใจ พร้อมกับบอกน้องชายว่าให้เตรียมสินสอดไว้ไปให้พ่อแม่เธอ ซึ่งเป็นเงินจำนวนมากกว่าที่ทางบ้านดิฉันมี ซึ่งต้องใช้เงินของพ่อแม่และดิฉันรวมกันถึงจะพอ

   ดิฉันแนะนำว่าควรรีบแต่งแต่อย่าได้เรียกร้องมากนักและอย่าทำให้ตัวเอง และคนอื่นเดือดร้อน ให้จัดงานเท่าที่เรามี พอทำได้ก็ไม่น่าเกลียด ดีกว่าปล่อยให้ท้องโต และควรจะไปรับผิดกับพ่อแม่ เค้าจะได้ช่วยกันคิดหาทางออก เพราะน้องชายดิฉันก็ไม่มีเงิน แต่น้องชายตามใจผู้หญิงของเค้าจะไปกู้หนี้ยืมสินมาเพื่อจัดงานให้ใหญ่โต ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วตัวน้องชายเองก็ไม่สามารถหาเงินมาได้เพราะไม่มีสินทรัพย์อะไรจะไปค้ำประกันเงินกู้เลย สุดท้ายก็มาอ้อนขอเงินพ่อกับแม่ก่อนและบอกว่าจะหามาคืน ซึ่งเป็นเงินก้อนสุดท้ายที่เก็บไว้ใช้หลังเกษียณ ก็ยังไม่พอจะต้องมายืมดิฉัน หรือญาติคนอื่นๆ

   ซึ่งพ่อกับแม่ก็พร้อมที่จะเสียสละเงินก้อนนั้นให้ และอาจถึงขั้นพ่อแม่ต้องเอาทรัพยสินที่มีอยู่ไปขอกู้เงินมาให้น้องชาย แต่ดิฉันคิดว่ามันไม่ถูกต้องจึงห้ามพ่อกับแม่ และส่วนของดิฉันก็ไม่ให้ยืม เพราะไม่รู้ว่าจะได้คืนหรือไม่ และเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ และดิฉันยืนยันขันแข็งจะไม่ช่วยและตามใจแม่กับน้องชาย เพราะถ้าตามใจแม่กับน้องชายแล้ว พ่อแม่ดิฉันเองจะลำบาก และครอบครัวดิฉันจะมีปัญหา

    อยากเรียนถามท่าน ดร. สนอง ว่า

   1.ดิฉันเป็นลูกอกตัญญูหรือเปล่าคะที่ไม่ยอมช่วยเหลือพ่อแม่ในเรื่องนี้

คำตอบ
    ไม่เป็นลูกอกตัญญู

   2.มีวิธีไหนที่จะหาทางออกได้และเป็นการดีกับทุกฝ่าย

คำตอบ
    ช่วยเหลือเท่าที่ตนเองสามารถช่วยได้ และการช่วยเหลือนั้นต้องไม่เบียดเบียนตัวเอง

   3.จะทำอย่างไรกับน้องชายดีคะ
      กราบขอบพระคุณในความเมตตาของอาจารย์ค่ะ

คำตอบ
    “ กมฺมุหา วตฺตติโลโก ” สัตว์โลกเป็นไปตามกรรมต้องปล่อยเขาไปตามกรรมของเขา เพราะเขาเป็นผู้ทำเหตุของกรรม เขาจึงต้องรับผลของกรรมที่เขาทำขึ้นด้วยตัวเอง จึงจะถูกต้องตามธรรม
   
  

395.
jeab_jannyjaja@hotmail.com
February 17, 2007 4:26 PM

เรียน อ. สนอง ที่เคารพ

ขอถามเพียงคำถามเดียวค่ะ

ถ้าเราไม่มีโอกาสไปขอขมาบุคคลผู้มีพระคุณอย่างสูง เช่น ครูบาร์อาจารย์ บิดา
มารดา เป็นต้น กับสิ่งที่เราทำผิดต่อท่านจะด้วยเหตุผลใดก็ตามที่ไม่สามารถพบเจอ
ท่านได้อีก เราสามารถขอขมาลาโทษโดยการตั้งจิตบ่อย ๆ ได้หรือไม่คะ

ขอบพระคุณมากค่ะ

คำตอบ
    เมื่อไม่สามารถเจอผู้มีพระคุณ คุณสามารถขอขมาได้ ขอขมากี่ครั้งก็ได้ สำคัญอยู่ที่ว่า ท่านผู้มีพระคุณจะอโหสิให้คุณหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากท่านไม่ทราบและไม่ยกโทษให้หรือหากท่านทราบแต่ไม่ยกโทษให้ การขอขมานั้นก็ไม่สำเร็จประโยชน์ถือเป็นโมฆะ

   หากผู้มีพระคุณทราบเรื่องที่คุณขอขมา ทราบโดยวิธีใดก็ตาม และอโหสิให้คุณการขอขมานั้นถือว่าสำเร็จประโยชน์ไม่เป็นโมฆะ


 

394.
pusarat.ratananond@citigroup.com
February 15, 2007 6:56 PM

อยากเรียนถามดังต่อไปนี้ค่ะ
1. การบวชเนกขัมมะกับการบวชชีพราหมณ์ต่างกันอย่างไร?

คำตอบ
    สาระของคำว่าบวชเนกขัมมะ หมายถึงการนำตัวออกห่างจากสิ่งเย้ายวน ทางกามคุณ

   ส่วนคำว่าบวชชีพราหมณ์ เป็นสมมติบัญญัติที่ใช้เรียกหญิงที่ออกบวชด้วยการนุ่งขาวห่มขาว และไม่โกนผมโกนคิ้ว

   ประเพณีที่ถือปฏิบัติ บุคคลทั้งสองกลุ่มออกบวชเพื่อการปฏิบัติธรรม


2. และแบบใดมีอานิสงส์มากกว่ากันคะ? สำหรับผู้ปฏิบัติเอง และพ่อกับแม่

ขอกราบขอบพระคุณค่ะ....

คำตอบ
    ถามว่าใครได้อานิสงส์มากกว่า อยู่ที่ว่าใครปฏิบัติธรรมแล้ว กายใจเป็นอิสระจากกามได้มากกว่า ผู้นั้นได้รับอานิสงส์ของการอกบวชมากกว่า คนที่กายใจยังตกเป็นทาสของกาม
 

393.
sayawalay@gmail.com
February 15, 2007 3:39 PM

กราบเรียนถามท่านอาจารย์ค่ะ

ปุจฉา
   1. ที่วัดแห่งหนึ่ง มีเจ้าอาวาส 2 องค์ ๆ แรกถูกปลดเพราะความประพฤติเสื่อมเสีย แต่ก็ไม่ยอมรับคำสั่งปลด ยังถือว่าตัวเองเป็นเจ้าอาวาสอยู่ ส่วนเจ้าอาวาสองค์ใหม่มีความประพฤติดีกว่า แต่ความรู้ความสามารถน้อยกว่าองค์ที่ถูกปลด ไม่ทันเกมเล่ห์เหลี่ยมองค์แรก ในวัดจึงแบ่งเป็นก๊กใหญ่สองก๊ก ทำให้ชาวบ้านแบ่งเป็นสองฝ่าย ทั้งทะเลาะกันท้าทายกัน วัดจีงโกลาหลชุลมุนวุ่นวาย เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัดก็รู้ แต่แก้ไขไม่ได้ จะมีใครมาช่วยจัดการได้บ้าง หรือเจ้าอาวาสปัจจุบันควรทำอย่างไร

คำตอบ
    เรื่องนี้เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของสงฆ์ ผู้เป็นเจ้าคณะตำบล ผู้ตอบปัญหาอยู่นอกวงการปกครองของสงฆ์ จึงไม่สามารถเข้าไปแก้ปัญหานี้ได้

   2. ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งมีปัญหาที่ถกเถียงกันไม่จบ
  คือเรื่องมีอยู่ว่า
วัดในหมู่บ้านได้ก่อสร้างอาคารเรียนเป็นของโรงเรียนพระปริยัติธรรมขึ้นมาหลังหนึ่ง เป็นอาคารเรียน 4 ชั้น โดยได้รับเงินบริจาคมาจากหลายๆที่ เป็นจำนวนเงินหลายล้านบาท ตอนนี้อาคารก็ได้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่มีปัญหาขึ้นเมื่อจะตั้งชื่ออาคาร ซึ่งทางคณะกรรมการวัดกับพระบางรูป ได้เสนอชื่อของญาติโยมท่านหนึ่งที่ได้บริจาคเงินส่วนหนึ่งสมทบทุนสร้างอาคารเรียนด้วย

   แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่เห็นชอบด้วยเพราะโยมท่านนี้เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ อยากจะให้ทางวัดใช้ชื่อของหลวงพ่อเจ้าอาวาส หรือจะเป็นชื่อเจ้าอาวาสองค์ก่อนๆ ก็ได้ หรือจะใช้ชื่ออาคารเฉลิมพระเกียรติในหลวงทรงครองราชย์ครบ 60 ปีก็ได้ แต่พวกกรรมการวัดก็ไม่ยอมกัน ในตอนนี้ก็มีการถกเถียง ด่าทอกันจนเป็นเรื่องเป็นราวฟ้องร้องหมิ่นประมาท ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน ทางกรมการศาสนาก็ไม่เห็นมีกฎ ระเบียบ ที่จะใช้ควบคุมการตั้งชื่ออาคาร
กรณีอย่างนี้จะทำให้เรื่องยุติได้อย่างไร

   ขอกราบรบกวนท่านอาจารย์วิสัชนา เพื่อสงเคราะห์ผู้ที่ไม่รู้วิธีแก้ปัญหานี้ด้วย
      กราบขอบพระคุณในความเมตตาของท่านอาจารย์เจ้าค่ะ     
      สยา

คำตอบ
    ความเป็นสาระของอาการมิได้อยู่ที่สมมติบัญญัติ (ชื่อ) แม้อาคารที่ก่อสร้างเสร็จแล้วยังไม่มีชื่อ ก็สามารถเข้าไปใช้สอยให้เกิดประโยชน์ กับการเรียนการสอนปริยัติธรรมได้มิใช่หรือ

   คนรู้ไม่จริงย่อมโต้เถียงขัดแย้งกันให้เปล่าประโยชน์คนรู้จริงไม่โต้เถียง แต่มุ่งทำประโยชน์ให้เกิดขึ้นมากกว่า หากยังหาจุดลงตัวไม่ดี เขาคงเลิกโต้แย้งโต้เถียงกันไปเอง เมื่อตายจากกันไป


392.
sftucu@hotmail.com
February 11, 2007 8:25 AM

เรียน อาจารย์ ดร.สนอง วรอุไรที่เคารพ

   หนูเป็นนิสิตทันตแพทย์ หนูได้ฟังธรรมะของอาจารย์จากคุณแม่ค่ะ รวมถึงเคยไปนั่งสมาธิที่ยุวพุทธหลายครั้ง แต่ก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ (เนื่องจากไม่เคยกลับมาปฏิบัติเลย) ปัจจุบันหนูมีความทุกข์มากค่ะ เกี่ยวกับเรื่องการเรียน ตอนนี้หนูทำงานบนคลินิกกับผู้ป่วย แต่ความก้าวหน้าทางการเรียนของหนูขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งอาจารย์ ตัวหนูเอง รวมถึงตัวผู้ป่วย ซึ่งตอนนี้ใกล้จะต้องปิดภาคเรียนแล้วแต่คะแนนของหนูก็ไม่ถึงเกณฑ์ค่ะ ทำให้ตอนนี้หนูคิดมากจนทำอะไรไม่ได้ทั้งๆที่ใกล้จะสอบซึ่งหนูต้องอ่านหนังสือ แต่จิตใจหนูฟุ้งซ่านแต่เรื่องทำคลินิกทำให้อ่านหนังสือไม่รู้เรื่องเลยค่ะ กินข้าวก็ไม่ค่อยลง นอนก็จะคอยฝันถึงอนาคตตลอดทำให้รู้สึกพักผ่อนไม่พอ พ่อแม่พยายามให้กำลังใจแต่หนูเป็นคนชอบวิตกกังวลมากค่ะ
หนูมีคำถามขอความกรุณาอาจารย์ช่วยหนูให้พ้นทุกข์นี้เถอะค่ะ

   1. เมื่อเวลาหนูทำคลินิคในแต่ละวันหนูจะพยายามวางแผนการทำงานทุกอย่างเอาไว้และหวังว่าจะให้ได้เช่นนั้น แต่เมื่อหนูทำไม่ได้ขณะจิตนั้นหนูจะลนลาน เศร้าใจ จนทำงานผิดพลาดค่ะ ถ้าเป็นอย่างนั้นหนูไม่ควรคาดหวังการทำงานในแต่ละครั้งหรือเปล่าคะ เพราะเมื่อผิดหวังจะได้ไม่เสียใจมาก

คำตอบ
    วางแผนการทำงานให้ดีที่สุดตามความรู้ความสามารถที่มี และเมื่อลงมีทำงานแล้ว ต้องทำงานด้วยใจรัก ทำด้วยความพากเพียรทำด้วยใจจดจ่อ (มีสติ) และใช้ปัญญาไต่สวนงานที่ทำ (ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา) ที่พูดถึงเป็นหัวใจแห่งความสำเร็จในงานที่ทำ เมื่อลงมือทำงานตามวิธีการที่คิดว่าดีที่สุดแล้ว ต้องไม่คาดหวังผลงานที่จะเกิดขึ้น นี่คือความเห็นถูกในการทำงาน แล้วความผิดหวังในผลของงานจะไม่เกิดขึ้น

   2. หนูพยายามกำหนดรู้ปัจจุบันแต่มันก็คอยคิดถึงอนาคตตลอดว่าคะแนนไม่ถึง เดี๋ยวต้องซ้ำชั้นแน่เลยหนูจะทำอย่างไรดีคะ

คำตอบ
    กำหนดรู้อยู่กับปัจจุบันยังไม่ได้ เหตุเกิดจากจิตมีกำลังของสติไม่กล้าแข็ง ต้องแก้ที่ต้นเหตุด้วยการทำให้ใจมีศีล 5 คุมอยู่ได้ทุกขณะที่ตื่นแล้วเพียรทำจิตตภาวนาก่อนนอนและหลังจากตื่นนอนทุกวัน หากมีสัจจะและรักษาความเพียรนี้ไว้ได้ ผลสำเร็จในการแก้ปัญหาจะเกิดขึ้นได้แน่นอน

   3. การทำคลินิคมักมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเสมอ ถ้าหนูพยายามคิดว่าเราทำดีที่สุดแล้ว อนาคตช่างมันอะไรมันจะเกิดอะไรก็ต้องเกิด จะเรียนไม่จบ 6 ปีก็ช่างมันอย่างนี้ถึอว่าถูกต้องหรือไม่คะ

   หนูกราบขอบพระคุณอาจารย์ล่วงหน้าเป็นอย่างสูงนะคะที่อาจารย์ช่วยไขข้อข้องใจให้
     สุดท้ายขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยได้โปรดคุ้มครองอาจารย์ด้วยค่ะ

คำตอบ
    ความเห็นถูกนำไปสู่ความคิดถูก หนูเป็นผู้คิดถูกแล้วเมื่อทำดีที่ที่สุดแล้ว ต้องไม่คาดหวังผลที่จะเกิดขึ้นในกาลข้างหน้า และหากมีปัญหาใจเกิดขึ้น ความรู้ความสามารถและประสบการณ์ จะช่วยให้ผ่านพ้นปัญหานั้น ๆ ได้

391.
jeab_jannyjaja@hotmail.com
February 10, 2007 3:59 PM

เรียน ดร. สนอง วรอุไร

หากตัวเราเป็นต้นเหตุที่ทำให้บุคคลอื่นเข้าใจผิดผู้มีศีลธรรม ทั้งที่เรามิได้
ตั้งใจ....
   1. เขา (บุพการีของเรา และน้อง ๆ) มองเราว่าเราปฏิบัติธรรมแล้วพฤติกรรมไม่เหมือนเดิม เช่น ไม่ค่อยพูดคุยกับคนที่บ้าน บางครั้งก็ดูหงุดหงิด ดูแย่ลง เขาก็ ไปโทษว่าเพราะเป็นเพราะไปปฏิบัติธรรม ทำให้ไม่ค่อยอยู่บ้านไม่ห่วงที่บ้าน ซึ่งได้อธิบายให้ฟังแล้วแต่ก็ยังไม่เข้าใจยิ่งทะเลาะกันมากยิ่งขึ้น เพราะดิฉันจะไป ปฏิบัติธรรมหลายวัน และไปทำบุญอย่างต่อเนื่องหลายวันเช่นกัน

คำตอบ
    เพียงแค่บอกเล่าไป มิได้ถามจึงไม่ตอบ

   2. เขา (บุพการีของเรา และน้อง ๆ) โทษสถานที่ที่เราไปปฏิบัติทั้ง ๆ ที่เราไป ปฏิบัติเป็นสถานที่ที่ดีมีครูบาอาจารย์ดี สอนให้เราเป็นคนดี มีศีลธรรม หากเป็นเช่นนี้ ดิฉันก็มีบาปมากที่ไม่สามารถอธิบายให้เขาเข้าใจได้ และก็เป็นบาปของผู้ ที่กล่าวหา(บุพการี และน้อง ๆ) เช่นนั้นทั้งที่ไม่รู้ความจริงใช่หรือไม่คะ

คำตอบ
   
บาปเกิดกับผู้ประพฤติทุศีล ไร้ธรรม การอธิบายเหตุผล (ความจริง) ให้คนอื่นเข้าใจ คุณสามารถอธิบายได้ เมื่อผู้ฟังรับและเข้าใจเหตุผลของคุณแล้วยอมรับความจริง หรือรู้แล้วแต่ไม่ยอมรับความจริง มันเป็นเรื่องเฉพาะตัวของเขา ผู้ใดเห็นถูกก็หมดปัญหา ผู้ใดเห็นผิดก็มีปัญหา

   3. ทำยังไงดีคะเครียดมากเลย พยายามกำหนดรู้ สวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ ก็ไม่หาย จิตตกมากๆค่ะ ไม่ทราบว่าจะแก้ไขอย่างไร
    อาจารย์สนองคะ ขอความกรุณาให้ความ เมตตาดิฉันชี้แนะแนวทางให้ดิฉันด้วยเถอะค่ะ มันรู้สึกแย่
มาก ๆ เหตุการณ์ต่าง ๆ มันยังวนเวียนอยู่ในจิตใจดิฉันตลอดเวลา ไม่มีความสุขเลยค่ะ ปวดหัวมากค่ะ (ดิฉัน คงหนีกรรมนี้ไม่พ้น รวมถึงบุพการีและน้อง ๆ ของฉันใช่มั๊ยคะ)

ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
    ปฏิบัติธรรมแล้วเครียด แสดงว่าธรรมะยังเข้าไม่ถึงใจ ผู้ใดมีธรรมอยู่ในใจได้แล้ว ผู้นั้นมีจิตเป็นอิสระจากโลกธรรมและวัตถุจะพัฒนาจิตให้เป็นอิสระได้ ต้องเจริญพลธรรม 5 ให้มีกำลังกล้าแข็ง แล้วใช้สติสัมปชัญญะนำทางให้ชีวิต สิ่งกระทบภายนอกที่เข้าทางทวารทั้ง 5 ไม่สามารถมีอำนาจเหนือใจผู้นั้นได้ หากคุณปฏิบัติได้เช่นนี้ อาการติดลบต่าง ๆ ที่บอกเล่าไปก็จะอันตรธานไปจากกายใจของคุณได้แน่นอน
 

390.
jeab_jannyjaja@hotmail.com
February 05, 2007 5:21 PM

เรียน ดร. สนอง วรอุไร
กรรมที่มิได้ตั้งใจให้เกิด

   ขณะนี้มีความทุกข์ใจมากเกี่ยวกับความผิดพลาดที่มีต้นเหตุมาจากตัวดิฉันเอง โดยมี เหตุการณ์โดยภาพรวมคือ ดิฉันได้รับการให้การช่วยเหลือจากท่านผู้ใหญ่ซึ่งเปรียบ เสมือนครูบาอาจารย์ทั้งในด้านการสอนปฏิบัติธรรมและสอนในการดำเนินชีวิต ยามที่ ดิฉันมีปัญหาท่านก็ให้ที่พักอาศัยแก่ดิฉัน ดิฉันมีปัญหากับทางบ้านด้วยความไม่ เข้าใจกัน ด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียว ไร้หลักยึด และเป็นคนโลเล ตัดสินใจเองไม่ได้ ดิฉันได้ตัดสินใจมาอยู่หอพักระยะหนึ่ง หลังจากนั้นก็มีปัญหากับที่ทำงานอีกจึง ย้ายมาพักอาศัยกับท่านผู้มีพระคุณท่านนี้ ท่านให้การดูแลดิฉันเป็นอย่างดี ดิฉัน ได้พักอาศัยกับท่านประมาณ 2-3 วันเท่านั้น ก็ได้รับข่าวจากทางบ้านว่าแม่นั่ง ร้องไห้และน้องทุกคนก็เป็นห่วงมาก จึงตัดสินใจให้เพื่อนมาขนของกลับบ้านแต่เกิด ปัญหาจากคำพูดของเพื่อนทางโทรศัพท์ที่พูดคุยกับผู้ใหญ่ท่านนี้ว่าให้ปล่อยตัว ดิฉันไปเถอะ ทำให้ดูเหมือนว่าท่านกักตัวดิฉันไว้ ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่ แต่ด้วย การขึ้นไปขนของและใช้เวลานานมาก และดิฉันไม่ยอมรับโทรศัพท์เพื่อนทางมือถือ เพื่อนดิฉันจึงโทรศัพท์ขึ้นไปที่โทรศัพท์บ้าน และใช้คำพูดที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ ท่านผู้มีพระคุณของดิฉันต้องลงมาชี้แจง และหลังจากนั้นดิฉันก็ไม่สามารถไปที่ นั่นได้อีก เพราะฉันเป็นสาเหตุนำปัญหาไปให้ท่านผู้มีพระคุณของดิฉัน ดิฉันจะทำ อย่างไรดี มันเป็นกรรมที่ดิฉันสร้างเอง เป็นบาปอย่างมากที่ทำกับผู้มีพระคุณของ ดิฉัน
 
   อาจารย์คะอยากจะขอคำแนะนำจากอาจารย์หน่อยค่ะ อยากจะเข้าไปขอขมาท่านแต่ไม่ มีโอกาสแล้วจะทำอย่างไรดีคะ ที่จะทำได้บ้าง ฉันกลุ้มใจมากเลยค่ะ ถ้าสวดมนต์ ปฏิบัติธรรม เจริญสติ จะช่วยได้มั๊ยคะ และจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนคะ

   ขอบพระคุณมากค่ะ

คำตอบ
    สวดมนต์เป็นการปฏิบัติธรรมเบื้องต้น ปฏิบัติสมถกรรมฐานเป็นการปฏิบัติธรรมขั้นกลาง ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานและจิตเข้าถึงธรรมของพระพุทธะได้แล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นจะหมดไป

   ถามว่าใช้เวลาปฏิบัติธรรมยาวนานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับปัจจัยเหล่านี้คือ ได้กัลยาณมิตรในทางธรรมเป็นผู้ฝึกสอน ผู้ปฏิบัติธรรมมีศีล 5 คุมใจอยู่ทุกขณะตื่น กินน้อย นอนน้อย พูดน้อย แต่มีความเพียรในการปฏิบัติมาก บุญเก่าส่งผล ฯลฯ หากคุณทำเหตุเหล่านี้ได้ลงตัว โอกาสที่จิตบรรลุธรรมของพระพุทธะ เกิดขึ้นได้ไม่นานนัก

   การขอขมาผู้มีพระคุณ เป็นความดีที่ผู้เจริญนิยมทำกัน คนที่มีความดีสั่งสมอยู่มากในจิตใจ ทำความดีได้ง่าย ทำความชั่วได้ยาก ตราบใดที่พญายมราช ยังเปิดโอกาสให้ลมหายใจของคุณเข้า-ออกได้ ตราบนั้นโอกาสทำความดียังเปิดรอคุณอยู่



389.
apathamaporn@yahoo.co.th
February 04, 2007 5:03 AM

เรียน อ.สนองที่เคารพ

             คือหนูได้ชมอาจารย์สนองให้สัมภาษณ์ในรายการทไวไลท์แล้ว รู้สึกสนใจแนวในสาระและแนวทางที่อาจารย์สนองได้ให้ไว้ในรายการ ก็เลยมาเปิดดูในเว็บกัลยาณธรรมรู้สึกว่าตัวเองเจอแนวทางที่จะมาปฏิบัติในชีวิตประจำวันแล้วค่ะ แต่รู้สึกก็ยังไม่เข้าถึงสักเท่าไร

            หนูมีปัญหาเรื่องความเครียดค่ะ

            คือหนูทำงานรับราชการโดยทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นงานที่ไม่หนักมากนักแต่ปัญหาของหนูก็คือ เวลาทำงานมักไม่มีจิตจดจ่อในงานที่ทำสักแต่ว่าทำงานให้เสร็จๆไป โดยไม่เข้าใจในสาระของงานนั้นๆเนื่องจากระหว่างพิมพ์คอมพิวเตอร์ หนูมักจะไปรับคำพูดของเพื่อร่วมงาน ซึ่งพูดจากระทบกระทั่งกับหนูเอามาปรุงเป็นอารมณ์ทำให้เป็นโรคเครียด และปวดหัว บางครั้งพกพาเอาคำพูดที่กระทบกระทั่งนั้นกับมาคิดมากด้วย ขอบอกว่าทุกข์มากค่ะ เพราะความแค้นมันอยู่ในอก ทั้งๆที่พยายามจะให้อภัยและเมตตาแล้ว(โปรแกรมจิตติดลบตลอดค่ะ) แต่ละวันไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรได้แต่เปิดเทปบรรยายของอาจารย์มาฟัง ก็ช่วยได้ดีทีเดียวค่ะแต่พอคิดว่าพรุ่งนี้จะต้องไปทำงานก็รู้สึกว่าเป็นทุกข์อีกแล้ว เพราะไม่รู้จะเจอกับเรื่องอะไรบ้างหนูคิดว่าหนูพอจะเข้าใจในหลักคำสอนของอาจารย์ แต่ยังไม่สามารถนำมาสู่ในการปฏิบัติได้

   หนูจึงขอความกรุณาอาจารย์ช่วยชี้แนะแนวทางแก้ไขปัญหาด้วยค่ะ

           1. นิสัยหนูชอบรับเอาคำพูดของคนมาปรุงเป็นอารมณ์ ถ้าพูดชมก็ทำให้ใจพองถ้าโดนด่าก็ทำให้เครียดฟูๆแฟปๆตลอดเวลา เบื่อมาก

คำตอบ
  
  เป็นธรรมดาของคนที่มีจิตตกเป็นทาสของโลกธรรม คือ คำสรรเสริญ คำนินทา จึงได้ออกอาการที่บอกเล่าไป หากประสงค์จะทำจิตใจให้อยู่เหนือโลกธรรมดังกล่าว ต้องหมั่นให้อภัยทานบ่อย ๆ ดังมีเพลงทางภาคเหนือ มีเนื้อร้องว่า “ ช่างมันเต๊อะ ช่างมันเต๊อะ ช่างมัน.. ” คนทางภาคเหนือจึงมีจิตสงบอย่างไรล่ะ หากคุณให้อภัยบ่อย ๆ จนกระทั่งเกิดเป็นเมตตาบารมีสั่งสมอยู่ในใจได้แล้ว ปัญหาเรื่องเครียด เรื่องอารมณ์ ฟู ๆ แฟบ ๆ ก็จะหมดไป

           2. วิตกกังวลค่องข้างสูง เหตุการณ์ยังไม่เกิดก็กังวลไปก่อนแล้วทั้งทั้งที่พยายามอยู่กับปัจจุบัน แต่ก็ระลึกได้บ้างไม่ได้บ้าง

คำตอบ
   
เหตุเกิดเพราะจิตมีกำลังของสติยังไม่กล้าแข็งต้องเจริญสติภาวนา จนกระทั่งจิตไม่เคลื่อนออกไปรับสิ่งกระทบที่อยู่นอกกาย มาปรุงเป็นอารมณ์ได้เมื่อใดแล้ว ความวิตกกังวลจะหมดไป

           3. ถ้าหนูอยู่ใกล้กับคนที่คิดมาก และโปรแกรมจิตติดลบตลอดเวลายิ่งไปกันใหญ่เลย ทุกวันนี้ก็เป็นอย่างนั้น(ท่านเป็นพ่อของหนูเอง)

คำตอบ
    ใกล้คนเช่นไร ก็เป็นเหมือนเช่นคนนั้น ทำไมไม่เข้าใกล้คนดี คนมีอารมณ์สงบเย็นบ่อย ๆ หรือฝึกจิตให้เกิดสติสัมปชัญญะ เพิ่มมากขึ้น หรือกำจัดอัตตาให้หมดไปจากใจได้เมื่อไร ปัญหาที่เกิดขึ้นจะหมดไปได้แน่นอน
   

           4. เวลาโดนใครด่า หนูก็จะแก้ปัญหาโดยเงียบ พยายามที่ไม่พูดมันเป็นวิธีที่ถูกต้องรึเปล่าค่ะ(กดดันและอึดอัดมาก) ถ้าไม่ถูกต้องอาจารย์คิดว่าหนูควรจะปฏิบัติอย่างไร

คำตอบ
   
เมื่อถูกคนด่าว่า ต้องพิจารณาว่า จิตของคนด่ามีอารมณ์ไม่ดี ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดาของคนมีอารมณ์ไม่ดี เมื่อเขาด่าว่าคุณเป็นคนไม่ดี คุณต้องพิจารณาดูว่า คุณยังมีความไม่ดีอยู่ในตัวคุณหรือไม่หากคุณยังมีความไม่ดีอยู่จริง ต้องขอบคุณเขาที่เป็นเหมือนกระจกส่องให้เห็นตัวคุณเอง ผู้ด่าเป็นผู้มีบุญคุณแล้วคุณจะโกรธเขาได้อย่างไร แต่ถ้าหากคุณไม่ได้เป็นอย่างที่เขาด่าว่า แสดงว่าผู้ด่าดูคุณผิดไป โง่เองเป็นผู้ที่น่าสงสาร ควรให้อภัย แล้วเอาเขาเป็นครูสอนใจ ว่าคุณจะไม่ทำเช่นเขา หากคุณปรับความเห็น (ทิฏฐิ) ให้ได้อย่างนี้ ทุกคำด่าว่าจะดีทั้งขึ้นดีทั้งล่อง

           5. ทุกวันนี้ขี้หลงขี้ลืม จนจะเป็นอัลไซเมอร์อยู่แล้วค่ะทั้งทั้งที่อายุ 30 ปีเท่านั้นเอง   
                 ขอความกรุณาอาจารย์ช่วยตอบเมลล์หนูด้วยนะคะขอบคุณค่ะ

คำตอบ
    ขี้หลง ขี้ลืม มีต้นเหตุมาจากจิตขาดสติ หากคุณปรับปรุงแก้ไขจิตตัวเอง ด้วยการเจริญสติอยู่ทุกขณะตื่น มีจิตจดจ่ออยู่กับงานที่ทำ มีจิตจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้า ลมหายใจออก อาการขี้หลงขี้ลืมจะหมดไป ทำไปเรื่อย ๆ จนแก่แล้วตาย อัลไซเมอร์ไม่สามารถเข้าสู่ใจของคุณได้หรอก
 

388.
numope@hotmail.com
February 02, 2007 2:30 PM

ดิฉันขอเรียนถามว่า

เวลาเราเปิดธรรมบรรยายต่างๆ เช่นของดร.สนอง เราจะเชิญ
เทพเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธ์ที่อยู่ในบ้าน
มาฟังธรรมบรรยายด้วย ควรหรือไม่ และต้องเชิญกลับด้วยไหมคะ
หรือควรจะเชิญเวลาที่เราเปิดบทสวดมนต์ฟัง ขอให้ช่วยชี้แนะด้วยค่ะ

ขอบคุญมากค่ะ

คำตอบ
    ควรเชิญทั้งเทวดาและอมนุษย์อื่นที่อยู่ในบ้านรอบบ้าน รอบตัว มาฟังธรรมบรรยาย ฟังบทสวดมนต์ ฟังพระเทศน์ ฯลฯ จะเป็นการได้เพื่อน การฟังธรรมตามกาลเป็นบ่อเกิดแห่งมงคลอุดมการณ์ให้ธรรมเป็นทานบารมีสูงสุด เมื่อเสร็จกิจการฟังแล้วเทวดาและอมนุษย์รู้หน้าที่จะกลับเองไม่ต้องเชิญกลับ
 

387.
siripon_c@hotmail.com
January 30, 2007 1:52 PM

เรียนขอคำแนะนำ

พบว่าสามีโอนเงินให้หญิงอื่นใช้ใจหนึ่งอยากเรียกร้องคืนทางกฎหมาย ใจหนึ่งไม่อยากผูกเวรกรรม ไม่ทราบชาติแล้วทำกรรมใดไว้

เรียนขอคำแนะนำจากท่านอาจารย์ด้วยค่ะ

คำตอบ
    อดีตละเมิดศีลข้อ 2 ปัจจุบัน โลภะกับตัณหามีอำนาจอยู่เหนือใจ ปัญหาที่ถามไปจึงเกิดขึ้น
 

386.
friends.dd@hotmail.com
January 24, 2007 9:02 AM

ผมอยากถามเกี่ยวกับ กรรมครับ

   1. คือผมตอนเด็กๆ ที่ผ่านมาทั้งชีวิต ผมผิดศีลมาตลอด เช่นฆ่าสัตว์ (วัว )ลักทรัพย์ พูดปด บ่อยมาก แต่ทุกวันผมเลิกหมดแล้วครับ แต่ที่ทำมาก็เยอะพอสมควร บาป เคยตีวัว(โรงฆ่าสัตว์) แต่ปัจจุบันผมรักษาศีลภาวนา ปฏิบัติธรรมมาได้เกือบปีแล้วครับ บวชเนกขัมมะ ใส่บาตรทุกเช้า สวดมนต์ทุกวัน นั่งสมาธิทุกวัน ทำมาได้ปีกว่าๆแล้ว บางครั้งรู้สึกปลื้มใจที่เราได้ไหว้พระ น้ำตาจะเอ่อล้นด้วยความปีติ

    ผมอยากถามท่านอาจารย์ว่า ถ้าผมตายในตอนนี้ผมจะลงอบายไหมครับ (ถ้าผมตายแบบโสดาบันในขณะตาย)แต่อดีตผมทำบาปไว้เยอะพอสมควรเลยครับ เรียกว่ามากทีเดียว (บาปที่ผมทำมาในอดีตด้วยความไม่รู้ไม่สนใจ)

คำตอบ
   
เมื่อใดบุคคลสามารพัฒนาจิตจนบรรลุความเป็นอริยบุคคล ขั้นโสดาบันได้แล้ว เมื่อจิตทิ้งขันธ์ลาโลกจะไม่ไปเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิแน่นอน

   2. ผมเป็นคนมีกรรมมากพอสมควร เกิดมาแม่ก็เสีย ส่วนพ่อผมไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย ตั้งแต่เด็กจนโต ผมก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน จนทุกวันนี้ผมก็ไม่เคยได้เจอพ่อเลย ตอนนี้ผม29ปีแล้ว ผมอยู่คนเดียวมาตลอด แต่ผมไม่เคยคิดถึงท่านเลย ผมรู้สึกเฉยๆ ญาติพี่น้องทุกวันผมก็ไม่เคยเจอกันเลย นานมากจะเจอกันที

    อยากถามว่าผมทำกรรมอะไรมาครับชีวิตถึงเป็นแบบนี้ แล้วผมจะบาปมากไหมที่ไม่ได้ดูแลพ่อ (แต่ท่านก็ไม่เคยสนใจผมมาตั้งแต่เด็กๆแล้วครับ) ทุกวันอยากบวชแต่ไม่รู้จะทำไง ก็คงทำได้แค่ปฏิบัติธรรม ไหว้พระสวดมนต์ไปครับ
   ขอท่านอาจารย์แนะนำทางเดินชีวิตด้วยครับ
     ขอบคุณมากครับ

คำตอบ
    การกำพร้าพ่อแม่ เหตุเกิดจากเคยทำกรรมด้วยการฆ่าสัตว์และพรากลูกสัตว์ไปจากพ่อแม่ ไม่ประพฤติจริยธรรมของลูกที่ดี ถือว่าเป็นบาปได้

   ประสงค์จะบวชเป็นภิกษุเป็นกุศลเจตนาที่ดี เมื่อบวชแล้วหากได้ปฏิบัติธรรม จะดียิ่งขึ้น เมื่อปฏิบัติธรรมแล้วได้ดวงตาเห็นธรรมนั้นว่าดีที่สุด แนะนำให้ไปสมัครและบวชเป็นภิกษุปฏิบัติธรรมที่วัดแพร่ธรรมาราม อำเภอเด่นชัย อยู่ใกล้สถานีรถไฟเด่นชัยด้วยตัวคุณเอง โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ทางวัดก็จะบวชให้


 

385.
January 20, 2007 5:07 PM

กราบท่านอาจารย์สนองที่เคารพอย่างสูง

ดิฉันมีคำถามที่อยากถามท่านอาจารย์ดังนี้ค่ะ
    1.การที่พ่อใช้ให้ดิฉันไปซื้อเบียร์และน้ำอัดลมซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพให้พ่อ ถ้าดิฉันไม่ไปซื้อให้ เพราะเห็นว่ากินแล้วเสียสุขภาพ นั้นถูกต้องแล้วหรือเปล่าคะแล้วจะเป็นการอกตัญญูหรือไม่คะที่ไม่ได้ทำตามที่พ่อสั่ง แต่ถ้าดิฉันไม่ไปซื้อให้ พ่อก็ต้องไปซื้อเองอยู่ดีค่ะ

คำตอบ
    การช่วยงานของพ่อแม่ในทางที่ถูกต้องชอบธรรมเป็นความกตัญญู มีอานิสงส์เป็นบุญ พ่อใช้ให้ลูกทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องชอบธรรม แล้วลูกปฏิเสธไม่ร่วมทำกรรมไม่ดี ไม่ถือว่าเป็นความอกตัญญู ไม่เป็นบาป ส่วนพ่อจะทำกรรมไม่ดีด้วยตัวท่านเองก็เป็นกรรมไม่ดีของพ่อคนเดียว

    2.ถ้าปัจจุบันยังต้องทำงานหาเงินเลี้ยงชีพอยู่ทำให้ไม่มีเวลาปฏิบัติกรรมฐานมากนัก แต่ไม่อยากเกิดอีกแล้ว อยากเข้าถึงนิพพานในชาตินี้ จะต้องทำอย่างไรคะ คือจริงๆอยากปฏิบัติกรรมฐานเดินจงกรม นั่งสมาธิอย่างเดียว ไม่อยากทำงานแล้วแต่ก็ทำไม่ได้เพราะจะไม่มีเงินค่ะ    
    ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่เมตตาตอบคำถามและขอให้ท่านอาจารย์มีสุขภาพแข็งแรงค่ะ
    ด้วยความเคารพอย่างสูง

คำตอบ
    วันหนึ่งมี 24 ชั่วโมง ใช้เวลาไปกับการทำงานประมาณ 8 ชั่วโมง ใช้ไปกับงานของสังคมประมาณ 8 ชั่วโมงและใช้ไปกับงานของตัวเอง (นอน) ประมาณ 8 ชั่วโมง ตราบใดที่ลมหายใจยังไม่หยุดไหลเข้า-ไหลออกจากร่างกาย ทำไมไม่ใช้การไหลเข้า-ออกของลมนั้นมาปฏิบัติกรรมฐาน ในเวลาของตัวเองที่มีอยู่ คุณสามารถใช้เวลาส่วนตัว มานั่งฝึกดูลมเข้า-ออก ใช้เวลาส่วนตัวมาเดินจงกรมใช้เวลาส่วนตัวมาพิจารณาร่างกาย พิจารณาอาการที่เกิดกับร่างกาย (เวทนา) พิจารณาดูจิตตัวเอง และพิจารณาดูธรรมที่เข้ากระทบจิตให้เห็นว่าดำเนินไปตามกฎของไตรลักษณ์ หากทำได้อย่างนี้แล้วไม่เห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องเลิกทำงานทิ้งงานให้ขาดรายได้ไปโดยเปล่าประโยชน์ นอกจากนี้ยังเป็นการดีที่จิตของคุณยังได้พัฒนาให้ดียิ่งขึ้นได้อีกด้วย..สัมมาทิฏฐิจึงบังเกิดขึ้นกับผู้ถามปัญหา
   
 

384.
January 17, 2007 4:13 PM

เรียนอาจารย์ที่เคารพครับ

ข้าพเจ้ามีเรื่องที่อยากเรียนถามหนึ่งเรื่องครับ    
    ขณะนี้ผมทำงานอยู่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง(งานเยอะและใช้เวลาไปกับการทำงานในแต่ละวันมาก)และผมก็กำลังเรียนปริญญาโท(ด้านกฎหมาย)และต้องเตรียมสอบอีก ทำให้ผมมีความเครียดเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ ผมจึงอยากให้ท่านอาจารย์แนะนำแนวทางการดำเนินชีวิต ในแต่ละวันให้มีความสุขและประสบความสำเร็จด้วยครับ

   ขอบกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง

     Pachara Suksumek

คำตอบ
    การกำจัดความเครียดทำได้หลายวิธี เช่น ออกกำลังกาย ด้วยการเดิน การเล่นกีฬา การว่ายน้ำ การหายใจลึก ๆ การเดินลมปราณ ฯลฯ

   การทำใจให้เป็นอิสระชั่วคราว เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยกำจัดความเครียดได้ ทำใจให้เป็นอิสระจากงาน ทำใจให้เป็นอิสระจากวิชาที่เรียน ด้วยการเอาจิตมาจดจ่ออยู่กับลมหายใจที่ผ่านเข้าผ่านออกทางจมูก ประมาณ15-30 นาที ทำทุกครั้งที่เกิดความเครียดทำทุกครั้งก่อนนอน ทำไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งภายในเวลาที่กำหนด จิตไม่เคลื่อนออกไปนอกร่างกายได้เมื่อใด เมื่อนั้นจิตจะมีความตั้งมั่น ไม่ตกเป็นทาสของงาน ไม่ตกเป็นทาสของวิชาที่เรียน ความเครียดก็จะหมดไป
 

383.
January 17, 2007 4:01 PM

เรียนอาจารย์สนองที่เคารพ

   1. พ่อของผมเป็นคนจีนตอนนี้ อายุได้ 60 ปีแล้ว เวลาโมโหจะชอบพูดคำหยาบ และทำลายข้าวของ มีอยู่หลายครั้งที่จับหนูได้จะชอบทรมาณ โดยการให้หนูตัวนั้นตากแดดจนตาย เราเห็นแล้วเราอยากช่วย แต่ก็ไม่ได้ช่วยเพราะ พ่อคงโมโหและจะหาเรื่องกับแม่อยู่เรื่อยๆ ผมอยากถามว่าผมบาปไหมที่ไม่ได้ช่วยให้หนูตัวนั้นรอดตายครับ?

คำตอบ
    ถ้าคุณเห็นหนูถูกทรมานจนตาย แล้วจิตของคุณเกิดความเศร้าหมองถือว่าเป็นบาป คิดเสียว่าเป็นการชดใช้หนี้เวรหนี้กรรมระหว่างหนูกับพ่อ หากประสงค์จะช่วยหนู ทำไมไม่อุทิศบุญกุศลให้กับหนูจะมิดีกว่าหรือ แล้วเอาพ่อกับหนูมาเป็นตัวอย่างสอนใจของคุณ ว่าจะไม่สร้างหนี้เวรกรรมแบบนั้นให้เกิดขึ้นกับใจของคุณ

   2. ผมมั่นสวดมนต์ รักษาศีล ๕ และ ๘ ทำทาน และทำภาวนาอยู่เป็นประจำ ผมจะช่วยพ่อผมแผ่เมตตาให้กับสัตว์เหล่านั้นไม่ให้มาจองเวรกับพ่อผมได้ไหมครับ?

คำตอบ
    การคิดช่วยพ่อให้รอดพ้นจากการถูกจองเวรจากหนู เป็นความคิดที่เป็นกุศล คิดแผ่เมตตาให้กับสัตว์เหล่านั้นสามารถคิดได้ หากคุณมีเมตตาอยู่ในใจ สามารถแผ่เมตตาได้ ส่วนสัตว์เหล่านั้นจะเลิกจองเวรกับพ่อของคุณหรือไม่ มันเป็นเรื่องของสัตว์เหล่านั้นว่าเขายินดียกโทษให้กับพ่อของคุณหรือไม่

   3. ผมเคยนั่งสมาธิแล้ว จิตสงบ ใจเอิ่มอิ่ม รู้สึกว่าตัวเบาและนั่งอยู่ในที่โล่งๆ สักพักก็รู้สึกมีแสงสว่าง แว็บขึ้นมาทันทีเร็วมาก คล้ายแสงแฟลตจากกล้องถ่ายรูป ผมตกใจนึกว่ามีใครแกล้ง จึงลืมตาขึ้น ก็ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลย อยากถามว่าแสงที่ผมเห็นนั้น เป็นแสงอะไรครับ?
    ขออนุโมทนาสาธุ กับการตอบคำถามของ อาจารย์สนอง ด้วยนะครับ
     ขอให้อาจารย์สุขภาพแข็งแรง และ ให้ได้แผ่แพร่ธรรมของพระพุทธเจ้าไปนานๆ นะครับ

คำตอบ
    เป็นกิเลสที่เกิดขึ้นกับจิตที่มีความตั้งมั่น (สมาธิ) ในระดับหนึ่งเท่านั้น หากไม่สามารถกำจัดแสงที่เกิดขึ้นกับใจให้หมดไปได้ วิปัสสนาญาณไม่อาจเกิดขึ้นได้

382.
January 16, 2007 12:54 PM

สวัสดีครับ อาจารย์

    ผมมีเรื่องรบกวนสอบถาม ดังนี้คือผมไปซื้อบ้านมือสอง ซึ่งเขามีการตั้งศาลตายายเอาไว้แล้ว
ซึ่งผมอยากให้เอาออก จะต้องทำอย่างไร เพราะพื้นที่บ้านค่อนข้างแคบ แต่ผมไม่รู้จะไปปรึกษาใครและต้องทำอย่างไร
จึงเรียนปรึกษาอาจารย์ครับ ขอบคุณครับ

   ทรงกลด สถิตพิพัฒน์

คำตอบ
    สัตว์ที่มาอยู่อาศัยบนโลกใบนี้ มีทั้งสัตว์กายหยาบและสัตว์กายทิพย์ที่ตาเนื้อตาหนังสัมผัสไม่ได้ เขาเป็นผู้ที่เข้าอยู่อาศัยในศาลตายายก่อน คุณมาซื้อบ้านมือสองและเข้าอยู่อาศัยทีหลัง ผู้มาทีหลัง มีสิทธิ์อะไรที่คิดจะไปรื้อบ้าน (ศาลตายาย) ไม่ให้เขาอยู่อาศัย หากคุณใช้สิทธิ์ทางกฎหมายที่มนุษย์บัญญัติขึ้นว่าคุณเป็นเจ้าของที่แล้วไปรื้อศาลตายายทิ้ง เข้าก็ใช้สิทธิ์ทางกฎแห่งกรรมที่ธรรมชาติบัญญัติขึ้น คือ ผูกพยาบาทจองเวรกับคุณได้ แล้วคุณจะอยู่อาศัยในบ้านที่ซื้อไว้อย่างไม่มีความสุข หากหวังความสงบสุข ต้องอยู่อาศัยกับสัตว์กายทิพย์แบบเพื่อนที่ดีต่อกัน ไม่เบียดเบียนกัน พึ่งพาอาศัยกัน ศาลตายายมีขนาดเล็กนิดเดียว ทำไมไม่คิดสร้างให้เขาใหม่ ให้เขาอยู่ในมุมที่เหมาะสมกับบริเวณพื้นที่ ที่เขาพอใจจะอยู่

381.
January 15, 2007 7:13 PM

กราบเรียนอาจารย์ครับ
  อยากเรียนรู้ธรรมะตั้งแต่เริ่มต้น

   กระผมได้มีโอกาสดูทีวีรายการคุณไตรภพ ตอนอาจารย์ออกอากาศ กระผมรู้สึกอยาก ศึกษาธรรมะและ ปฎิบัติตั้งแต่เริ่มแรก

   ผมอยากจะฝึกกรรมฐานไปตามขั้นตอน เป็นขั้นๆครับ เพื่อที่จะปฎิบัติตามและศึกษาเพื่อ จะเข้าถึง ธรรมะของพระพุทธเจ้าบ้างครับ

    ขณะนี้กระผมอายุ33ปี ก่อนหน้านี้ ประมาณ 12หรือ13ปีที่ผ่ามมา กระผมได้ไปปฐมนิเทศที่จังหวัดนครสวรรค์ ที่วัดอะไรไม่ทราบ อยู่บนเขานะครับ คือปฐมนิเทศตอนเข้าเรียนนะครับ กระผมได้นั่งสมาธิตรงหน้าพระอาจารย์ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสครับ แล้วกระผมรู้สึกว่า ตัวจะพองๆๆลอยๆๆอย่างไงไม่ทราบ ความรู้สึกผมรู้สึกว่ามีอะไร สักอย่างเหมือนกับคลื่นมาโดนที่ตัวผม กระผมพยายามคิดว่าไม่จริงนะครับเพราะความกลัว ว่าถ้าลอยแล้วจะตก เพราะตอนนั้นเรานั่งอยู่ หลังจากนั้นผมไม่กล้าถามใครกลัวว่า ผมคิดไปเองบ้าง บ้าบ้างกลายมาเป็นปริศนากลับผมจนทุกวันนี้ และทำให้ผมอยากจะรู้ ว่าถ้าปฏิบัติต่อจะไปถึงไหน คือว่าเริ่มต้นไม่ถูกนะครับและหลังจากนั้นก็ทำงานเลยไม่ มีเวลา

    อาจารย์ครับบ้านอยู่จังหวัดเชียงใหม่พอจะมีอาจารย์หรือสถานที่ปฏิบัติธรรมที่จะแนะนำผมไหมครับ กระผมคิดว่าการปฎิบัติธรรมที่ถูกจะต้องมีครูอาจารย์สอน

       สุรเชษฐ์ พรมนนท์

คำตอบ
    หากประสงค์จะฝึกกรรมฐานเป็นขั้นตอน เพื่อนำตัวเองเข้าถึงธรรมของพระพุทธะ ก่อนอื่นต้องแสวงหาครูอาจารย์ผู้เป็นกัลยาณมิตรในทางธรรมให้ได้ก่อน สมัครตัวเป็นศิษย์ที่ดี ทำตัวเองให้เหมือนคนโง่ไม่ทำตัวเป็นเหมือนน้ำชาล้นถ้วย กำจัดความอยากรู้ (ตัณหา) ให้หมดไปจากใจ ครูสอนให้ปฏิบัติอย่างไร ศิษย์ที่ดีต้องทำตามให้ได้เท่านั้น

   บอกว่าทำงานแล้วไม่มีเวลาปฏิบัติกรรมฐาน ไม่ใช่ความเห็นที่ถูกต้อง ตราบใดที่ลมหายใจยังไม่หยุดเข้าออกจากร่างกายนั้นเป็นเวลาที่ยังมีอยู่ เอาเวลานั้นมาใช้ฝึกกรรมฐานได้ แนะนำให้คุณไปสมัครเป็นศิษย์และฝึกกรรมฐานกับอาจารย์พระมหาประจาก “ สำนักอานังเลนัง ” บ้านพันหลัง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เพราะท่านเป็นกัลยาณมิตรในทางธรรม ของผู้แสวงหาโมกขธรรม เช่นคุณ



January 04, 2007 11:52 AM
sayawalay@gmail.com

กราบสวัสดีปีใหม่ พ.ศ. 2550 แด่ ท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร
๑. ทรงธรรมนิราศเรื้อง จากสวรรค์
   สนองมูลจิตอธิษฐาน มาเอื้อ
   อนุกูลประชาอัน หมู่ญาติ
   บริวารมิตรมากเหลือเกื้อ มามุ่งนิพพาน

๒. อนุพุทธะตามต่อ ตามหมาย
   สำเร็จสมสืบสาย ร่วมไท้
   เสร็จกิจนิพพานราย ตามหมู่ กันเฮย
   บำราศแล้วยังแนวให้ เดินตาม

๓. โมทนาสาธุคุณ ความเพียร
   กัลยาณธรรมจำเนียร เนิ่นแล้ว
   สืบสนองการอาเกียร ใหญ่ยิ่ง
   ยกจิตชนจิตแก้ว แซ่ซ้องสาธุการ

๔. โทษาใดข้าฯอาจมี อาจหมาย
   ขอขมาลาโทษหาย หากพร้อง
   เพรงร่ำจำจับกราย มากล่าว
   เพรงเล่นเพลงเยิรร้อง ศกสวัส-ดีเองฯ

     ข้าพเจ้าขอกราบอาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมด้วยพระธรรมและพระอริยสงฆ์เจ้าทั้งหลาย ได้โปรดรักษาท่านอาจารย์ที่เคารพยิ่งให้มีความสุขกายสุขใจ มีสุขภาพแข็งแรง อยู่เป็นกัลยาณมิตรที่พึ่งของสาธุชนทั้งหลายได้นานที่สุด ตราบเท่าสังขารของมนุษย์ในยุคนี้ดำรงอยู่ได้

      และให้กัลยาณมิตรเพื่อนชมรมกัลยาณธรรม มีความสุขความเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป จนถึงซึ่งความพ้นทุกข์คือพระนิพพานโดยเร็วพลันทุกท่าน และขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ชนชาวไทยทั้งหลาย ขอให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุขในพระธรรมคำสอนของพระบรมศาสดา แคล้วคลาดปลอดจากภัยอันตรายทั้งปวงด้วยเทอญ.

     

380.
January 12, 2007 7:39 PM

ผมมีปัญหาเรื่องความเครียดครับ
แต่เมื่อดูตามมัน ความเครียดจะหายไป แต่ผมก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง ครั้งที่ไม่ได้จะยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่

ทำไมผมถึงทำได้บ้างไม่ได้บ้างครับผมอยากจะทำได้ตลอดครับ

ผมขออุทิศบุญที่ได้จากการบวชพระที่วัดอ้อน้อยให้อ.สนองด้วยนะครับ
คำตอบของอาจารย์คงช่วยผมและผู้คนอีกมากมาย
ขอบคุณอ.สนองมากครับ

คำตอบ
    การแก้ปัญหาความเครียดหากทำให้จิตมีกำลังของสติกล้าแข็งอยู่ทุกขณะตื่นจึงสามารถทำตัวเองให้เป็นเพียงผู้ดูได้ ความเครียดที่เกิดขึ้นจะดับไป (อนัตตา) ตามกฎไตรลักษณ์ เหตุที่ทำได้บ้างทำไม่ได้บ้าง เหตุเพราะกำลังขณะสติยังไม่กล้าแข็งมากพอ ฉะนั้นต้องมีศีล 5 คุมใจให้ได้ก่อน ต้องทำจิตตภาวนา ต่อเนื่องยาวนานแล้วความเครียดจึงจะหมดไปได้ เมื่อจิตมีกำลังของสติเพิ่มมากขึ้น
 

379.
January 12, 2007 1:07 PM

เรียน อาจารย์ ดร.สนอง วร อุไร
อยากทราบวิธีหลุดพ้น

   ดิฉันมีเรื่องรบกวนเรียนถามอาจารย์ว่า จะมีวิธีหลุดพ้นจากบางสิ่งบางอย่างที่คอยรบกวนดิฉันได้หรือไม่อย่างถาวร คือว่าดิฉันอยู่ ๆ รู้สึกมีอาการผิดปกติเหมือนมีบางอย่างพยายามจะแฝงในตัวดิฉัน ทำให้ดิฉันไม่สามารถนึกคิดหรือรู้สึกว่าเป็นตัวของตัวเอง ไม่อยากฟังเพลง ดูหนัง หรือหาความเพลิดเพลินได้ตามปกติเหมือนคนทั่ว ๆ ไป แต่จะมีอาการหดหู่ หวาดกลัว ตัวมักชา ๆ ข้างในปากก็จะรู้สึกเย็น ๆ ปลายเท้าบางทีก็จะร้อนวูบ ๆ เวลาดิฉันสวดมนต์ในบางครั้งหูจะดังก้องผิดปกติ และมักจะนึกคิดแต่เรื่องพระเรื่องเจ้า อาการนี้เป็นมา 3 เดือนแล้วค่ะ ไม่ทราบว่าอาการที่ดิฉันเป็นอยู่นี้ใช่คนที่จะเป็นร่างทรงหรือเปล่าค่ะ ? ถ้าใช่มีวิธีที่จะหลุดพ้นได้อย่างถาวรหรือไม่ค่ะ ตอนนี้ดิฉันไม่สามารถนั่งสา มาธิ ได้เพราะว่าเวลาหลับตามักจะนึกคิดแต่เรื่องที่ทำให้ดิฉันกลัว เป็นห่วงคนโน่นคนนี้อยู่ตลอด ซึ่งเมื่อก่อนดิฉันก็ยังนั่งสมาธิได้บ้าง

   มีอึกเรื่องที่ดิฉันขอรบกวนเรียนถามคือ วิบากกรรมไม่ว่าหนักหรือเบา พอกาลเวลาผ่านไปจะช่วยให้ลดลงหรือหมดไปได้หรือไม่ค่ะ

     ดิฉันขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงที่อาจารย์เมตตาช่วยชี้ทางสว่างให้ดิฉันค่ะ
      ขอ แสดงค วาบนับถือ
         สุนี

คำตอบ
   ปัญหาที่บอกเล่าไป หากพัฒนาพละ 5 ให้มีกำลังกล้าแข็งได้เมื่อใดแล้ว ปัญหาดังกล่าวจะหมดไป

   ส่วนเรื่องของวิบากที่ไม่ดี หากคุณยอมรับความจริงอยู่กับความจริง ยอมรับความจริงโดยไม่สร้างกรรมดำขึ้นใหม่ โอกาสที่ที่วิบากไม่ดีจะหมดไปในเวลาข้างหน้ามีได้เป็นได้

 

378.
January 10, 2007 2:45 PM

กราบเรียนถามท่านอาจารย์ดังนี้ครับ

ผลแห่งการสวดมนต์และการนั่งสมาธิต่างกันหรือเหมือนกันอย่างไรครับ

   โสภณ

คำตอบ
    เหมือนกันตรงที่การกระทำทั้งสองอย่างเป็นการปฏิบัติธรรม ต่างกันตรงที่ “ สวดมนต์ ” เป็นการปฏิบัติธรรมขั้นต้นเป็นบันไดขั้นแรก ที่จะก้าวไปสู่บันไดขั้นที่สอง คือการพัฒนาจิตให้ตั้งมั่นเป็นสมาธิ ซึ่งนำไปสู่การเกิดของฌานของโลกิยอภิญญา (อิทธิวิธี ทิพพโสต เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ทิพพจักขุ)

   ของแถม หากลดกำลังของสมาธิ ให้ต่ำลงมาจากระดับฌานได้แล้ว โอกาสก้าวขึ้นสู่บันไดขั้นที่สาม คือการเกิดของวิปัสสนาญาณมีได้เป็นได้ด้วยพิจารณาสติปัฏฐาน 4 โดยมีกฎไตรลักษณ์เป็นเครื่องกรองปัญญาเห็นแจ้งให้เกิดขึ้น


 

377.
January 09, 2007 12:24 PM

กราบเรียนท่าน ดร. สนอง วรอุไร
ควรจะปฏิบัติอย่างไรเพื่อให้ดีกว่าเดิม

     ปัจจุบันสามี (อายุ 35 ปี)ของดิฉัน (อายุ 33 ปี) เป็นมะเร็งตับขั้นสุดท้าย และอาการก็เริ่มที่จะแสดงออกอย่างชัดเจน เจ็บปวด ระบบขับถ่ายเสีย บวม ดิฉันก็มีภาระลูกเล็ก 2 คน พ่อแม่เขาที่ต้องเลี้ยงดู ดิฉันสงสารเขามากและเข้าใจในกรรมที่เขาและดิฉันร่วมสร้างกันมาและต้องชดใช้ ดิฉันบอกให้เขามีความหวังและใช้ธรรมมะ สมาธิ และปัญญา เข้าช่วยในการทำให้กายอยู่ต่ำกว่าใจของตนเพื่อลดความเจ็บปวด เครียด อย่ายึดติดกับทุกสิ่ง ซึ่งสามีเองก็ทำได้ดีพอสมควร เพราะสามีเองชอบสวดมนต์ สมาธิ เราสองคนได้ทราบถึงความทุกขครั้งนี้ยิ่งใหญ่มากสำหรับครอบครัวเรา แต่เราก็ดีใจที่ทำให้เราสามารถเข้าถึงการรู้จักใหอภัยต่อสิ่งรอบข้างกายเรา ไม่โกรธ ไม่โลภอีกแล้ว รู้จักการให้ทาน สำหรับดิฉัน ถึงแม้วันนี้ดิฉันพอที่จะละได้ซึ่งความทุกข์ พลัดพราก ลงได้บ้าง พยายามเป็นทุกๆ อย่างเพื่อเป็นที่พึ่งของคนที่ยังอยู่ แต่บางครั้งก็ซวนเซ ไม่แน่วแน่ และก็ยังไม่รู้ว่าเมื่อถึงวันที่สามีต้องจากไป จะทำใจให้ได้ดีกว่านี้หรือไม่

      อยากให้ท่าน ดร. สนอง ช่วยแนะนำแนวทางการปฎิบัติที่ทำให้ดิฉันเข้มแข็งได้ดีกว่าและอยู่อย่างมีสุขกับครอบครัวที่เหลืออยู่ และอยากให้สามีมีแนวทางการปฎิบัติตนในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ และมีความสุข เจ็บปวดน้อยที่สุดเวลาที่อาการมันมากกว่าที่เป็นตอนนี้ และหมดห่วงหมดทุกข์ก่อนที่จะจากไป และสุดท้ายอยากให้ลูกชาย 2 คน เป็นเด็กอายุ 6และ 4 ปี เริ่มที่จะมีธรรมมะเพื่อเติบโตเป็นพลเมืองดีของสังคม ควรจะเริ่มอย่างไร จะทำได้ไหมเพราเป็นเด็กอยู่

     ขอขอบพระคุณในความกรุณาครั้งนี้
        รุ่งนภา

คำตอบ
    การเกิดการตายเป็นเรื่องธรรมชาติของสัตว์ (มนุษย์) ทุกขณะเวลาที่เคลื่อนผ่านไป ทุกคนเดินเข้าใกล้ความตายอยู่ทุกขณะ การมีจิตระลึกรู้อยู่กับปัจจุบัน และทำปัจจุบันให้ดีที่สุดเป็นวิธีของผู้รู้ผู้ฉลาดเขาประพฤติกัน ฉะนั้นรักษาใจไว้ดีกว่า รักษาใจให้เป็นผู้รู้มีศีลคุมใจ อยู่ทุกขณะตื่น ทำจิตให้ตั้งมั่นเป็นสมาธิ การสวดมนต์นับเป็นการปฏิบัติธรรมขั้นต้น การทำจิตให้ตั้งมั่นเป็นสมาธิเป็นการปฏิบัติธรรมขั้นกลาง และหากเมื่อใด ทำจิตให้เกิดปัญญารู้เห็นได้ถูกตรงตามความเป็นจริง เรียกว่าเป็นการปฏิบัติธรรมขั้นสูงสุด

   เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงว่า ทุกสิ่งเมื่อมีเกิดแล้วต้องมีดับไปเป็นธรรมดา ทุกสิ่งเป็นเพียงสมมุติขึ้นชั่วคราว เช่นเดียวกันร่างกายเกิดขึ้นแล้วในที่สุดต้องดับไป คนที่รู้เห็นถูกตรงอย่างนี้ จะไม่หลงผิดยึดเอาสิ่งสมมติมาเป็นของตัวเอง ไม่ยึดเอาสามีมาเป็นของเรา ต่างคนต่างมาตามกรรม ต่างคนต่างต้องไปตามกรรม เท่านั้นเอง ฉะนั้นอยู่กับปัจจุบัน และทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ทำให้เข้าถึงความจริงทั้งพ่อ ทั้งแม่ ทั้งลูกให้ได้ นี้เป็นวิธีที่ผู้รู้ผู้ฉลาดเขาปฏิบัติกัน เขายึดถือกัน จึงจะสามารถอยู่กับทุกข์โดยไม่ทุกข์ใจได้ ลองพิสูจน์ดูสิ


 

376.
January 09, 2007 11:23 AM

เรียน อ.สนอง ที่เคารพ

   ดิฉันปฏิบัติสมาธิมาได้ประมาณ 3 ปี โดยปกติเวลานั่งสมาธิแล้วจิตจะนิ่งๆ สงบๆ โดยจะกำหนดรู้อยู่บริเวณลิ้นปี่ แต่พอออกจากสมาธิ จิตจะยังหวั่นไหวไปตามอารมณ์ที่มากระทบ เหมือนคนที่ไม่เคยปฏิบัติสมาธิมาก่อน แต่ตอนนี้ หลังจากนั่งสมาธิตามวิธีของพระอาจารย์มั่น คือ "ให้กำหนดจิตรู้อยู่ภายในตัวไม่ส่งจิตออกนอก" ดิฉันจึงพิจารณาร่างกายส่วนต่างๆขณะนั่งสมาธิ และพอออกจากสมาธิก็ยังรู้สึกว่าจิตยังคงกำหนดพิจารณาร่างกายตลอดเวลา และไม่ค่อยมีอารมณ์หวั่นไหวตามสิ่งที่มากระทบมากอย่างที่เคยเป็น แต่จะมีสิ่งที่แปลกเกิดขึ้น คือ ขณะทำงานหรือขับรถ จะมีลักษณะคล้ายจิตแบ่งเป็น 2 ภาค ภาคแรก
คือ จิตรู้ว่าขณะนี้ต้องทำงานหรือต้องขับรถ ส่วนอีกภาคหนึ่งจิตจะพยายามพิจารณาร่างกายตัวเอง โดยจะรู้สึกว่ามีลมวิ่งไปตามส่วนต่างๆของร่างกาย จึงทำให้ในขณะทำงานหรือขับรถรู้สึกว่าสติไม่ค่อยอยู่กับกิจกรรมที่ทำ ณ ขณะนั้น จึงต้องการเรียนถามท่านอาจารย์ดังนี้ค่ะ

      1.ลักษณะที่เกิดขึ้นกับดิฉันในตอนนี้คืออะไร เป็นการปฏิบัติสมาธิที่ถูกทางหรือไม่

ก่อนตอบปัญหา ขอบอกว่า วิธีการใจที่คุณนำมาปฏิบัติแล้วทำให้จิตมีความตั้งมั่น (สมาธิ) ได้ยาวนานที่สุด วิธีนั้นเหมาะกับจริตของคุณหากหวังความก้าวหน้าในการพัฒนาจิต ให้นำมาปฏิบัติบ่อย ๆ ต่อเนื่องยาวนาน และรักษาความตั้งมั่นของจิตให้คงอยู่ ความสำเร็จในการปฏิบัติธรรมย่อมเกิดขึ้น

คำตอบ
   
คือสติยังไม่กล้าแข็งพอ ที่จะระลึกได้ว่า ขณะขับรถจิตต้องจดจ่ออยู่กับการขับรถ ขณะทำงานต้องจดจ่ออยู่กับการทำงานเพียงอย่างเดียว จึงจะพูดได้ว่า เป็นผู้มีสติรักษาตนได้ ฉะนั้นปรับปรุงแก้ไขให้มีสติเพิ่มมากขึ้น ตามวิธีการของหลวงปู่มั่น ที่คุณได้นำมาใช้ในการเจริญสติภาวนา

   

      2.ทำไมจิตของดิฉันจึงรู้สึกว่าไม่รวมเป็นหนึ่งเดียว (รู้สึกแยกเป็น 2 ภาค) และตอนนี้รู้สึกหงุดหงิดกับสิ่งที่เกิดและสับสนในตัวเองเป็นอย่างมาก

      3. ดิฉันควรจะปฏิบัติอย่างไรเพื่อให้สามารถใช้สมาธิควบคู่กับการดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ
            ขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ
               จาก รอความหวัง

คำตอบ
   
(2) และ (3) ตอบแล้วในข้อ (1) คือเหตุเกิดเพราะจิตยังมีกำลังไม่มากพอ ที่จะจดจ่ออยู่ในอิริยาบถเพียงที่เป็นปัจจุบันได้

         
 

375.
Monday, January 08, 2007 9:54 AM

กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง ที่เคารพ

     ดิฉันได้แต่งงานเมื่อ 3 ปีที่แล้ว และตอนนี้ได้เลิกกับสามีแล้ว
ก่อนที่จะแต่งเคยไปดูหมอดูเค้าบอกว่าคนนี้เป็น เนื้อคู่ และพอเลิกกันแล้วเขาก็บอกว่าจริง ๆ เป็นเนื้อคู่กันนะ ไปดูหลาย ๆ หมอดูเขาก็บอกแบบนี้ และบอกว่าถ้าเลิก กับคนนี้ไปจริง ๆ จะเจอเนื้อคู่อีกทีก็ ประมาณเดือน ก.พ. ปี 50 แต่ดิฉันก็เชื่อมั่น ในการตัดสินใจของตัวเองมากกว่าหมอดู แต่ที่ไปดูเพราะตอนนั้นเสียใจรู้สึกว่าตัวเองไม่มีที่พึ่ง ตอนเลิกกับสามี พยายามทำใจ ช่วง 3 เดือนที่แล้วที่ดิฉันเสียใจมาก ๆ ก็ได้ฟัง CD ของอาจารย์ และเริ่มฝึกวิปัสสนากรรมฐาน ทำให้ดิฉันมีจิตใจไม่เศร้าหมองอีก และ ตั้งใจไม่อยากมีชีวิตครองเรือนอีกต่อไป เพราะได้เห็นถึงความทุกข์ ในการมีชีวิตครองเรือน แต่ที่ผ่านมาถือว่าชดใช้เจ้ากรรมนายเวร และอโหสิกรรมให้เขาไป สิ่งที่ดิฉันจะถามคือ

     1.ดิฉันไม่ปรารถนามีชีวิตครองเรือน และไม่อยากเจอเนื้อคู่อีก การปฎิบัติวิปัสสนากรรมฐาน จะช่วยให้เรื่องพวกนี้ เปลี่ยนแปลงไปได้หรือไม่

คำตอบ
    มีโอกาสเจอได้ หากไม่ประสงค์การมีครอบครัววิปัสสนากรรมฐานช่วยคุณได้ ต่อเมื่อต้องพัฒนาจิตจนเข้าถึงธรรมขั้นอนาคามี ซึ่งทั้งหญิงและชายที่ไม่ได้บวชก็สามารถเข้าถึงธรรมระดับนี้ได้

     2.ดิฉันปฏิบัติวันล่ะ 1 ชั่วโมง และสวดมนต์ทุกวัน น้อยไปหรือเปล่าวคะ

คำตอบ
    หนึ่งวันมี ๒๔ ชั่วโมง ปฏิบัติเพียงวันละ ๑ ชั่วโมงยังน้อยไป เวลาที่ไม่ปฏิบัติธรรม กิเลสมักจะเข้าสิงอยู่ในใจและเมื่อไรใจจะมีคุณธรรมคุ้มครองได้ล่ะ

   การสวดมนต์เป็นการปฏิบัติธรรมขั้นต้นคือ สวดมนต์เป็นการเจริญสติ ทำบ่อย ๆ แล้วดี เป็นพื้นฐานรองรับใจให้เข้าถึงธรรมได้ง่าย

     3.ปกติดิฉันเป็นคนไม่ค่อยโกรธและเป็นคนมีเมตตาพอสมควร ถ้าใครมาทำร้าย ก็มักจะเข้าใจว่าเป็นกรรมเก่า ก็อโหสิและแผ่เมตตาให้เขา ดิฉันเคยฟังอาจารย์บอกว่าคนที่ฝึกวิปัสสนากรรมฐานแล้วจะได้ปัญญาเห็นจริงแล้วจะขัด เกลานิสัยตัวเอง ให้ใจเย็นและมีเมตตา แต่ดิฉันก็ยังฝึกไม่เท่าไหร่ แต่ทำไมใจเย็นและอโหสิกรรมได้ง่าย ๆ คงยังไม่ใช่ ปัญญาเห็นแจ้งใช่ไหมคะ
   สุดท้ายนี้ ขอกราบอาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมด้วยพระธรรมและพระอริยสงฆ์เจ้าทั้งหลาย ได้โปรดรักษาท่านอาจารย์ที่เคารพยิ่งให้มีความสุขกายสุขใจ มีสุขภาพแข็งแรง อยู่เป็นกัลยาณมิตรที่พึ่งของสาธุชนทั้งหลายได้นานที่สุด

คำตอบ
   ที่บอกเล่าไป ยังไม่ใช่ปัญญาเห็นแจ้ง เป็นเพียงอภัยทานซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งเมตตา ซึ่งทำให้สงบเย็นลงได้ชั่วคราว ถ้าเป็นปัญญาเห็นแจ้ง ต้องผ่านการกลั่นกรองจากกฎไตรลักษณ์ เห็นความเป็นอนัตตาของอายตนะภายนอก (เสียง) ที่เข้าสัมผัสจิต แล้วจิตปล่อยวางเสียงได้ จิตมีอารมณ์เป็นอุเบกขาพร้อมกับการเกิดของปัญญาเห็นแจ้ง นั่นจึงจะใช่ของจริง

374.
January 03, 2007 5:30 PM

กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง ที่เคารพ

หนูมีปัญหาเรียนถามท่านอาจารย์ดังนี้ค่ะ
      1. หนูทำงานอยู่ที่สำนักงานบัญชี ซึ่งเป็นกิจการที่รับทำและตรวจสอบบัญชี โดยการทำงานบางครั้งทางเจ้าของกิจการก็มีการแนะนำให้ลูกค้าเสียภาษีน้อยลงจากความเป็นจริง ซึ่งหนูก็รับทราบเรื่องดังกล่าวแม้ใจจะไม่อยากปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านาย แต่ก็ขัดคำสั่งไม่ได้ ไม่ทราบว่าการกระทำดังกล่าวจะส่งผลให้หนูตกนรกหรือไม่ค่ะ

คำตอบ
    การกระทำที่บอกเล่าไปเป็นอทินนาทานผลกรรมจะถูกเก็บไว้ในดวงจิตของผู้กระทำ หากก่อนตายจิตระลึกได้ถึงอกุศลกรรมที่ทำ โอกาสที่จะไปเกิดเป็นสัตว์ในนรกมีได้เป็นได้

     2. และหนูก็เป็นแฟนกับลูกชายของเจ้าของสำนักงาน ซึ่งคงจะต้องรับช่วงการทำงานต่ออย่างแน่นอน หนูควรจะทำอย่างไรต่อไปดีค่ะ ลาออกแล้วหางานใหม่ดีหรือไม่ค่ะ     
       รบกวนท่านอาจารย์ช่วยชี้ทางสว่างให้หนูด้วยค่ะ
           ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
    ผู้รู้ชี้ทางสว่างให้สัตว์โลกนำพาชีวิต ให้ดำเนินไปบนเส้นทางแห่งสัมมาอาชีวะ คือประกอบอาชีพที่ไม่ผิดกฎหมายไม่ผิดศีลและไม่ผิดธรรม เส้นทางเดินของชีวิตยังมีอีกยาวไกลฉะนั้นต้องเลือกด้วยตัวคุณเอง ผู้ตอบปัญหาเป็นได้เพียง “ ผู้ชี้ทาง ” เท่านั้น
 

373.
December 28, 2006 12:25 PM

กราบอ.ดร.สนองที่เคารพอย่างสูง

  1. ดิฉันอยากสอบถามว่าการลงทุนในหุ้นถือเป็นการพนันหรืออบายมุขหรือไม่คะ

    คำตอบ
       การลงทุนในหุ้น หากมีจิตตกเป็นทาสของการได้การเสีย (กำไร-ขาดทุน) ถือว่าเป็นการพนันได้

  2. ดิฉันเป็นโรคผื่นคันผิวหนังตามตัวมาหลายปีและยิ่งเป็นหนักขึ้นเรื่อยๆค่ะเกิดจากทำกรรมอะไรมาคะ และจะขออโหสิกรรมกับเจ้ากรรมนายเวรอย่างไร

    คำตอบ
       อาการอาพาธ มีเหตุที่ทำให้เกิดได้หลายอย่าง เช่น ฤดูกาลเปลี่ยน บริหารกายใจไม่สม่ำเสมอ เพียรเกินกำลัง ผลกรรมเก่าที่ทำไว้ไม่ดี ฯลฯ

       กรณีโรคผื่นคันตามผิวหนังที่บอกเล่าไป หากบริหารกายใจจนสามารถปรับสมดุลของดินน้ำไฟลมของร่างกายได้แล้วยังไม่หายก็น่าเชื่อได้ว่า เกิดจากผลกรรมเก่าที่ทำไว้ไม่ดี วิธีแก้ปัญหาคือ หยุดทำกรรมที่เบียดเบียน ชดใช้กรรมเก่าจนกว่าจะหมดหนี้เวรกรรมและทำกรรมใหม่ดี ๆ ที่ให้ผลเป็นบุญใหญ่ เช่น จิตตภาวนา แล้วอุทิศบุญใช้หนี้เจ้ากรรมนายเวรไปเรื่อย ๆ

  3. นิสัยหรือสันดานของคนเราจะเหมือนกับในชาติที่แล้วๆมาไหมคะ
    ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ที่เมตตาตอบคำถามค่ะ ภาวิตา

    คำตอบ
        นิสัยหรือสันดาน เป็นผลแสดงของพฤติกรรมที่เนื่องมาจากสัญญาเก่าที่ถูกเก็บฝังไว้ในจิตครั้งแล้วครั้งเล่าที่ทำไว้แต่อดีตชีวิต

372.
December 24, 2006 6:26 PM

กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร. สนอง ที่นับถือครับ

   ผมเริ่ม ปฏิบัติธรรมแนวทางวิปัสสนากรรมฐาน ตาม แนวทางพระอาจารย์ ดร.ภัททันตะ อาสภมหาเถระ โดยเข้ารับการอบรมธรรม กับท่านอาจารย์ แม่ชีวชิรญาณี แป้นน้อย ที่ จ.เชียงให่ม เป็นระยะเวลา 5วัน และผมได้มาปฎิบัติต่อที่บ้านเป็นเวลา 1 เดือนโดย ตื่นตี 3 เดินจงกรม 30นาที นั่งสมาธิกำหนด พองหนอ-ยุบหนอ 60นาทีเดินจงกรมต่ออีก30นาทีทุกวันผมมีปัญหาธรรมอยากจะถามท่านอาจารย์ ดังนี้ (ไม่กล้าโทรไปรบกวนท่านอาจารย์แม่ชี)

   1.เมื่อนั่งสมาธิกำหนดพองหนอ-ยุบหนอ ไปเจออารมณ์อื่น เช่นเห็นแสง,เห็นรูปต่างๆเจ็บ,ปวด,คิดฯลฯก็กำหนดเช่นเห็นหนอ,คิดหนอ,ปวดหนอสิ่งเหล่านั้นก็หายไปแล้วมากำหมดพองหนอ-ยุบหนออีกทำอย่างนี้อยู่ตลอดจนครบ60นาทีอยากถามท่านอาจารย์ว่าปัญญา,ญาณ,ฌาณ,สมาบัติ,จะเกิดอย่างไรหรือว่าเกิดแล้วแต่ไม่รู้

คำตอบ
    อย่าไปอยากรู้เลยว่า ปัญญาญาณ ฌานสมาบัติจะเกิดอย่างไร เพราะมันคือตัวตัณหา หากตัณหาเกิดขึ้นได้แล้วมรรคผลที่ควรจะได้จากการปฏิบัติธรรมจะไม่เกิด

    2.เมื่อออกจากสมาธิแล้วไปปฏิบัติงานตามปกติ เมื่อเจอคนที่ทำไม่ถูกใจก็กำหนดว่าเห็นหนอจิตก็จะทิ้งบุคคลนั้นไปไม่ปรุงแต่ง เมื่อรู้ว่าจะโกรธก็กำหนดว่าโกรธหนอความโกรธก็เบาบางลงไม่แสดงอาการออกมา ฯลฯสิ่งเหล่านี้เรียกว่าปัญญาญาณหรือไม่แต่ทำไมถึงมี โลภ,โกรธ,หลง อยู่เพียงแค่กำหนดได้ไม่ให้แสดงอาการออกมาเท่านั้นแล้วสิ่งที่ไม่ดีเหล่านี้นั้นจะหมดไปจากใจได้อย่างไร

คำตอบ
    หลักจากกำหนดว่า “ เห็นหนอ ” แล้วจิตทิ้งบุคคลที่ทำให้ไม่ถูกใจ กำหนดว่า “ โกรธหนอ ” แล้วทำให้ความโกรธเบาบางลง เหตุเพราะจิตมีกำลังสติ ระลึกได้ทันสิ่งที่เข้ากระทบได้ทัน อารมณ์ที่เกิดขึ้นในใจถึงเบาบางลง และหากจะให้อารมณ์ไม่ดีหมดไปจากใจ ต้องเจริญสติให้กล้าแข็งยิ่งขึ้น เจริญปัญญาเห็นแจ้งที่ผ่านการกลั่นกรองด้วยกฎไตรลักษณ์ให้กล้าแข็งยิ่งขึ้นได้เมื่อใดแล้วสิ่งไม่ดีเหล่านั้นจะหมดไปจากใจได้แน่นอน
   
   3.ที่ปฏิบัติมา 1เดือนเต็มถูกแนวทางวิปัสสนากรรมฐานหรือไม่ถ้าไม่ถูกทางต้องปฏิบัติอย่างไรต้องเพิ่มสิ่งไหนบ้าง กำลังเลสงสัยอยู่ ขอรบกวนเวลาท่านอาจารย์เพียงเท่านี้ครับ

   ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าบำเพ็ญเพียรมาจงหนุนนำให้ท่านอาจารย์บรรลุมรรคผลนิพพานในชาตินี้ด้วยเทอญ
      ไชยา ศรีสว่าง

คำตอบ
    สิ่งที่ปฏิบัติมาได้ 1 เดือน ปฏิบัติได้ถูกทางแล้ว เพียงแต่แก้ปัญหาเล็กน้อยที่เกิดขึ้นให้ได้ ตามคำแนะนำจากครูผู้มีประสบการณ์แล้ว วิปัสสนาญาณก็จะถูกพัฒนาให้มีมากขึ้นตามลำดับ
 

371.
December 22, 2006 11:38 AM

กราบเรียนถาม ท่านดร.สนอง คะ
ฝันเห็นยมฑูต

   เพื่อนของหนูเล่าความฝันให้ฟังว่า มี 2 ยมฑูตมาเข้าฝัน และบอกว่า เขาจะมีอายุอยู่ไม่เกิน 26 ปีหรอก ความฝันนี้มีความหมายไหมคะ หรือว่าคนเราสามารถฝันอะไรไปต่างๆได้ธรรมดา

ขอบพระคุณมากคะ

คำตอบ
    ความฝันนี้มีความหมายว่า ผู้ฝันต้องรีบเร่งสั่งสมทรัพย์ภายในให้กับตัวเองให้มากที่สุด ด้วยการปฏิบัติบุญกิริยาวัตถุ 10 ก่อนที่สองยมทูตจะกลับมา เอาตัวผู้ฝันไปหาที่อยู่ใหม่ให้กับจิต
 

370.
December 21, 2006 11:22 PM

ขออนุโมทนบุญกับท่านอาจารย์ด้วยค่ะ

   หนูขอกราบเรียนถามธรรมจากอาจารย์ค่ะ ขออาจารย์ได้โปรดแนะนำด้วยค่ะ คือว่า ตามหลักฮวงจุ้ย การเคลื่อนย้ายหรือขยับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น พระพุทธรูป หรือหิ้งพระ จะต้องดูฤกษ์ยาม ซึ่งถือว่าสำคัญมากต่อเจ้าของบ้าน บังเอิญว่ามีคนไปเคลื่อนย้ายโดยไม่บอกให้เรารู้ก่อนและก็ย้ายไปอยู่บริเวณที่เดินข้ามไปข้ามมา ทำให้หนูโกรธมากและต่อว่าพวกเขาไป ซึ่งทำให้กลายเป็นอกุศลกรรมซ้ำเติมหนูเข้าไปอีก จนแทบไม่มองหน้ากัน

   ขออาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยค่ะว่าถ้าหนูจะย้ายหิ้งพระกลับจะต้องดูฤกษ์ยามอีกไหมคะ และถ้าเกิดสถานการณ์แบบนี้อีก หนูควรจะทำใจอย่างไรเพื่อจะละจากโทสะได้ หรือมีความเห็นที่ถูกต้อง (สัมมาทิฐิ) เกี่ยวกับเรื่องนี้ค่ะ

ขอบคุณค่ะ

คำตอบ
    ย้ายไปได้ก็ย้ายกลับที่เดิมได้ พร้อมเมื่อไรก็ย้ายได้เมื่อนั้น ไม่จำเป็นต้องรอฤกษ์ยามอะไรทั้งสิ้น

   เนื่องจากต่างคนต่างมีทิฏฐิไม่เหมือนกัน จึงทำในสิ่งที่ไม่เหมือนกัน วิธีดีที่สุดคือปรับความเห็นให้เข้ากันได้ แล้วหาข้อยุติว่า จะเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปตั้งไว้ตำแหน่งไหนของบ้านจึงจะเหมาะสมที่สุด เรื่องที่เกิดขึ้นจะยุติลงได้
 

369.
December 19, 2006 3:25 PM

กราบเรียน ท่านอาจารย์สนอง
กระผมสุดโต่งเกินไปหรือไม่ครับ?

   กระผม อยากเรียนถาม ความเห็นของท่านอาจารย์ คือ จากที่ผมได้ดูทีวีไม่นานมานี้ ได้พบข่าวงานพระราชทานเพลิงศพของผู้มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง (นักการเมือง) มีการจัดงานใหญ่โตมาก ผู้คนที่ไปงานล้วนเป็นผู้มีชื่อเสียงระดับประเทศ ผมเห็นแล้วรู้สึกเบื่อหน่ายกับงานพวกนี้มาก ๆ และไม่เห็นด้วยกับการจัดงานอะไรทำนองนี้ เพราะคิดว่าแค่คนตายคนหนึ่ง(ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดามากๆ ) ทำไมต้องจัดงานให้สิ้นเปลืองอย่างไร้สาระด้วย ผมคิดว่าไม่มีประโยชน์อันใดเลย ทำให้เป็นการเห่อเหิมความมีตัวมีตนด้วยซ้ำ

ดังนั้นจึงอยากถามท่านอาจารย์ว่า ความคิดเห็นของผมนั้นสุดโต่งเกินไปหรือไม่ เพราะผมค่อนข้างสับสนมากๆ (คิดว่าตัวเองบ้าหรือเปล่าที่ทวนกระแสสังคมแบบนี้ )

ปิยะ

คำตอบ
    ผู้ตอบปัญหาเป็นอย่างคุณนั่นแหละ แต่ที่เห็นเลยไปอีก คือมันเป็นเรื่องของเขา เขาเป็นครูสอนใจตัวเองว่าอย่าไปทำแบบเขา แล้วชีวิตของเราจะได้ไม่ต้องมาเวียนตาย เวียนเกิดอีกยาวไกลอย่างไรล่ะ

368.
Monday, December 18, 2006 4:04 PM

เรียนอาจารย์สนองทึ่เคารพ
  กรรมที่รังแกผึ้งจะแก้ไขอย่างไรได้บ้างคะ

อาจารย์คะดิฉันมีเรื่องรบกวนถามค่ะคือที่ครอบครัวของพี่ชายมีผึ้งมาทำรังอยู่ที่ในครัวจึงทำไห้มีคนเจ็บเนื่องจากผึ้ง
และการทำอาหารไม่ทราบไปรบกวนผึ้ง หรือปล่าว  แต่เขาก็บินมาตกเอง

แต่มีครั้งหนึ่งพี่สะใภ้จุดธูปไปอยู่ใต้รังผึ้ง(จงใจอยากใล่เขาไป)แต่เขาก็ยังไม่ไป

และมีบางครั้งพี่สะใภ้กับพี่ชายก็ทะเลาะกันเพราะเรื่องผึ้งบินมาต่อยเวลาออกไปทำอาหาร
พี่ชายเลยต้องเอาไบกอนไปฉีด ก็ตายไปเยาะเหมือนกัน
แต่ปัจจุบันผึ้งก็ยังมาทำรังอยู่ แต่คราวนี้ไม่มีใครไปจงใจทำร้ายเขาแล้ว

ปัจจุบันนี้ครอบครัวของพี่ชายก็แตกแยกพี่สะใภ้พาลูกหนีกับไปอยู่บ้านตัวเอง

พี่ชายต้องอยู่คนเดียวและคิดถึงลูกมากสาเหตุของการทะเลาะกันเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก
ไม่ทราบว่าจริงๆแล้วเป็นเรื่องของกรรมในการรังแกผึ้งใช่ไหมคะ
เพราะเขามาพึ่งเราแต่เราไม่ให้เขาพึ่ง

แล้วจะแก้ไขได้อย่างไรบ้างคะ

เราเป็นน้องสามารถแผ่เมตตา แผ่กุศลช่วยได้ไหมคะ

หรือจะแผ่ให้ผึ้งแทนพวกเขาได้ไหมคะ

อยากให้ครอบครัวเขาอยู่อย่างมีความสุข
เพราะเขาทำไปเพราะความไม่รู้แท้ๆ

กราบขอบพระคุณอาจารย์มา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ
น้อง

คำตอบ
    สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม เมื่อวิบากของกรรมให้ผลแล้วไม่มีใครเลี่ยงได้ วิธีแก้ไขคือชดใช้ผลของกรรมไปจนกว่าจะหมดสิ้น

   น้องสาวสามารถแผ่บุญกุศล แผ่เมตตาให้กับผึ้งฝูงนั้นได้ แต่ผึ้งตัวที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรกับพี่ชาย จะอโหสิให้หรือไม่ มันเป็นเรื่องของผึ้ง ทางที่ดีเอาพฤติกรรมของพี่ชาย มาเป็นครูสอนใจตัวเองว่า หากพี่ชายมีใจเมตตากรุณาแล้ว อกุศลวิบากนี้จะไม่เกิดขึ้น

367.
December 18, 2006 12:25 PM

เรียน ท่าน อาจารย์

   ผมได้ติดตามอ่านหนังสือธรรมะต่างๆ รวมทั้งฟังการบรรยาย ของอาจารย์ มาเสมอ เพื่อพยายามขัดเกลาจิตใจที่ไม่ดีของตัวเอง พร้อมกับพยายามกระทำแต่ความดี ทั้งที่ยังไม่เคยได้รับรู้ผลของการกระทำความดีในแต่ละครั้ง อย่างไรก็ตาม ผมก็ได้ทราบอยู่อย่างหนึ่งว่ามีความสบายใจและรู้สึกปลอดภัย

   มีคนหลายคนบอกว่าจะทำดีหรือชั่วก็คือกันเมื่อตายไปแล้ว ไปเกิดใหม่ไม่ว่าเป็นอะไร เราก็ไม่รู้แล้ว เกิดเป็นสิ่งใหม่/คนใหม่แล้ว เนื่องจากความจำของจิตและความรู้สึกเรา เมื่อจุติใหม่จะถูกลบไปสิ้น เราจะทำอะไรมาก็ไม่รู้แล้ว จะกระทำไปทำไม เพื่อไปเกิดดี/ชั่ว เราก็ไม่รู้สึกของการเสวยวิบากอีกแล้ว ผมสับสนครับ

   รบกวนอาจารย์ให้ทางสว่างด้วยครับ
   ขอบพระคุณครับ
   ผู้ด้อยปัญญา

คำตอบ
    ที่หลายคนบอกวา “ จะทำดีหรือชั่วก็คือกัน ” ตายไปแล้วไม่รับรู้ สิ่งที่ได้ทำลงไปจะถูกลบไปสิ้น แล้วจะทำความดีไปทำไม นี่คือความเห็น ที่นำบุคคลลงไปเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ เรื่องนี้พิสูจน์ได้หรือไม่ ต้องพัฒนาจิตให้เข้าสู่ความตั้งมั่นสูงสุด (อัปปนาสมาธิ) ได้เมื่อใด โอกาสที่จิตจะเกิด “ ทิพพจักขุญาณ ” มีได้เป็นได้ แล้วเมื่อนั้นแหละ เขาจะแจ่มแจ้งด้วยตัวของเขาเอง ว่าจะเชื่อภูมิปัญญาของพระพุทธะ หรือจะเชื่อภูมิปัญญาของมนุสฺสเนรยิโก มนุสฺสเปโต หรือ มนุสฺสติรัจฉาโน
 

366.
December 17, 2006 10:55 PM

กราบเรียนอาจารย์ ดร.สนอง

   ดิฉัน ได้มีโอกาศอ่านหนังสือเรื่อง ทางสายเอกของอาจารย์ เนื่องจากพี่ที่เป็นกัลยาณมิตรข้างบ้านให้มา และได้มีโอกาสไปฟังธรรมบรรยายจากอาจารย์ ปี2548
ที่งานบพิตรพิมุข และที่สโมสรกองทัพบก สนามเป้าเมื่อเดือน มิถนายน 2549 และติดตาม website kanlayanatam มาโดยตลอด

   ดิฉัน พยายามที่จะหาโอกาสปฏิบัติธรรมย่างน้อยปีละ1ครั้งที่ยุวพุทธฯ ได้ 4-5 ปีแล้ว เนื่องจากหน้าที่การงานและต้องลาพักร้อนทำให้มีโอกาสได้แค่นี้ และได้พยายามให้ตัวเองอยู่ในศีล 5 ตลอด แต่บางทีกำหนดไม่ทัน สติมาช้า ก็จะหลุดซึ่งมีโอกาสผิดศีลในเรื่องคำพูดคำจาในเรื่องการงานกับลูกน้องและผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องด้วย เนื่องจากเป็นคนพูดตรง แต่ก็รู้สึกตัวว่าดีกว่าแต่ก่อนมาก ที่ไม่มีสติเลยในสมัยก่อนการปฏิบัติ

   มีเรื่องเรียนถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ

     1. ตอนนั่งสมาธิมีความเจ็บปวดที่เข่ามาก กำหนดรู้หนอ รู้หนอ แต่ยิ่งปวดมาก ปวดจนรู้ถึงความทรมานแทบขาดใจ จะตายให้ได้ เหงื่อผุดออกที่ศีรษะก็รู้ และปวดมากจนบางทีกำหนดไม่ทัน แต่มาฉุกคิดว่า กายปวดแต่ใจไม่ปวด ตอนนั้นกำหนดอยู่ว่ารู้หนอ ตรงที่ปวด แล้วตามดู จนความปวดนั้นค่อยๆหายไปเอง แล้วมีความสว่างเกิดขึ้น รู้สึกปิติเป็นสุขแต่ก็นั่งอยู่ประมาณ 5นาที ก็คลายสมาธิออก ไม่ทราบว่าต้องกำหนดอย่างไร ขอเรียนถามอาจารย์ว่าที่ถูกแล้วควรจะกำหนดอย่างไรจึงจะถูกต้องคะ

คำตอบ
    หากมีเวทนาใด ๆ เกิดขึ้นให้กำหนดจิตตามดูเวทนาว่าเป็นไปตามกฏไตรลักษณ์ และในที่สุดเข้าสู่อนัตตา จะเห็นว่าแท้จริงแล้ว “ เวทนา ” ไม่มีตัวตน เหตุที่เจ็บปวดที่เข่าเกิดขึ้นเพราะใจหลงผิด ไปยึดเอาอาการเจ็บปวด มาเป็นของตน ปัญญาเห็นแจ้งเห็นอย่างนี้

     2. อีกครั้งที่นั่งสมาธิ กำหนดพองหนอยุบหนอ พองยุบใหญ่ และเร็วมากจนกำหนดไม่ได้ ต้องกำหนดรู้หนอ แล้วตามดู จนพองยุบเล็กลง เล็กลงจนหายไป กำหนดรู้หนอ จนนานมากแต่พองยุบไม่มี ก็ กำหนดรู้หนอ รู้หนอ แล้วคลายสมาธิออก สาเหตุที่คลายสมาธิออกเพราะไม่รู้ว่า การกำหนดรู้หนอ รู้ว่าไม่มีพองยุบ แต่พองยุบไม่มา ซึ่งนานมาก เป็นการกำหนดถูกหรือไม่ แล้วต้องกำหนดต่อ อย่างไรจึงจะถูกต้อง

   ดิฉันขอสมัครเป็นศิษย์อาจารย์ด้วยคนค่ะ เพื่อขอคำแนะนำในการปฏิบัติ เพื่อที่จะได้พัฒนาจิตได้ดียิ่งขึ้นไป
    กราบขอบพระคุณอาจารย์ด้วยความเคารพอย่างสูง
    สิริพรรณ โกษาธิป

คำตอบ
    เมื่อกำหนดแล้วอาการพองยุบเล็กลงจนหายไป ต้องใช้จิตตามดู “ การหายไปของพองยุบ ” จะเป็นไปตามกฎไตรลักษณ์เช่นเดียวกัน คือเข้าสู่ความเป็นอนัตตา ปัญญาเห็นแจ้งเห็นวาแท้จริงแล้วอาการที่หายไปนั้นมีอยู่ จิตที่มีกำลังสติที่ละเอียดยิ่งขึ้น จะดับอาการพองยุบที่ละเอียดนั้นได้ ปัญญาเห็นแจ้งเกิดโดยวิธีนี้
 

365.
December 16, 2006 12:16 PM

สวัสดีค่ะอาจารย์
คำถามเกี่ยวกับเจ้าแม่กวนอิม

วันก่อนหนูเห็นองค์เจ้าแม่กวนอิมที่บ้านมีฝุ่นจับ เลยนำมาทำความสะอาด แล้วเกิดถูแรงไปหน่อย ทำให้นิ้วชี้เจ้าแม่กวนอิมหลุดไปหนึ่งนิ้ว (แล้วนิ้วนั้นก็หลุดลงท่อไปแล้ว เก็บไม่ทันค่ะ)

หนูควรทำยังไงต่อไปดีคะ?

คำตอบ
    นำไปให้ช่างทำเซรามิกค์ซ่อมสิครับ
 

364.
December 09, 2006 12:23 PM

กราบเรียนอาจารย์

   ผมอยากเรียนถามสิ่งที่ยัง ไม่เข้าใจและแน่ใจ หรือ มันเป็นเพียงอุปทานไปเอง จากการที่ผม ฝึกด้วยตัวเอง

   ขณะฝึกนั้น ไม่เคยเจออะไร แต่ เมื่อนอนมักจะฝันแปลกๆ ซึ่งบางครั้งการฝันนั้น มันทำให้ผมเอง คิดไปว่า ผมไม่น่าจะดีพอ ที่จะไปเจอพบเห็นสิ่งเหล่านั้น บางครั้งคิดไปว่า ตัวเราคิดไปเองหรือเปล่า อาจารย์ช่วยแก้ข้อข้องใจ ให้ผมด้วยครับ ขอบพระคุณมากครับ

ด้วยความเคารพนับถืออย่างสูง
ธีรชาติ

คำตอบ
    ฝึกกรรมฐานแล้วไม่เคยเจอประสบการณ์ทางจิตวิญญาณมีทางเป็นไปได้ และไม่สำคัญอะไรนัก ในกรณีที่ผู้ฝึกไม่เคยมีประสบการณ์ในการพัฒนาจิตเข้าสู่องค์ฌานมาก่อน ไม่ถือว่าเป็นการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่ผิดทาง ดังเช่นพระอรหันต์ประเภทสุกขวิปัสสโก ท่านไม่สามารถเข้าถึงองค์ฌานได้ ไม่มีโลกิยอภิญญาใด ๆ เกิดขึ้นกับจิตของท่านแต่สามารถสำเร็จอรหัตผลเข้าสู่นิพพานได้

   ส่วนคนที่นอนแล้วเกิดความฝัน มีเหตุมาจากสัญญาแต่ที่ถูกเก็บฝังไว้ในดวงจิตแสดงให้ปรากฏกับจิตของผู้ที่มีกำลังของสติยังไม่กล้าแข็งในขณะกึ่งหลับกึ่งตื่น หากเมื่อใดเขาพัฒนาจิตจนมีกำลังของสติกล้าแข็ง จนถึงระดับที่เป็นองค์ประกอบของโพชฌงค์ 7 ได้แล้วเขาผู้นั้นจะไม่ฝัน
 

363.
December 08, 2006 2:09 PM

เรียนอาจารย์สนองที่เคารพ
ธรรมะเหมือนกระแสน้ำที่ไหล

   ผมศึกษาเรื่องธรรมะมาเรื่อยๆ แต่จะเริ่มมาจริงจัง 3 อาทิตย์ จุดเริ่มมาจากคุณ ดังตฤณ ที่แต่งหนังสือเรื่อง เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน , วิปัสสนานุบาล, เจ็ดเดือนบรรลุธรรม ผมได้ฟ้งจากสื่อหมดแล้วและยังได้ copy แจกตามวัดและให้กับผู้สนใจฟรี และเมื่อวันก่อนผมก็ได้รับ CD อาจารย์ เรื่อง หลง และรู้สึกศรัทรามากแต่ไม่หลงนะครับ แต่ถ้ามีโอกาสจะไปปฏิบัติอย่างอาจารย์บ้าง อาจารย์ใช้อุบายอะไรในการกำหนดให้จิตสงบ ผมอยากจะหาต้นแบบและขอสมัครเป็นศิษย์ เพราะปัจจุบันอาศัยดูจากตำราเป็นส่วนใหญ่ ขอขอบพระคุณอาจารย์ล่วงหน้านะครับ ปัจจุบันเกือบทุกวันจะตื่นตี4เดินจงกลมนั่งสมาธิทุกวัน เคยนิ่งและสูขทุกอย่างมืดและว่างเปล่า หลังๆจิตฟุ้งกับเรื่องงานตลอด สู้กันดึงกลับมาที่ลมหายใจเป็นประจำ ช่วยแนะนำสั่งสอนด้วยครับ

    ที่ผมตั้ง Subject Email ว่า ธรรมะเหมือนกระแสน้ำที่ไหล ก็มีคำถามที่สงสัยในใจว่าตัวเองคิดผิดหรือ ถูกตรงไหน ช่วยวิเคราะห์ด้วยนะครับ มันเป็นความคิดที่ได้มาจากความรู้หลายครั้งมารวมกันเช่น

คำตอบ
   ธรรมะเหมือนกระแสน้ำที่ไหล ต้องหาวิธีทำให้ธรรมะไหลเข้าสู่ใจ และป้องกันไม่ให้ไหลออกไปจากใจได้นั่นแหละดีที่สุด

   อุบายที่ผู้ตอบปัญหาใช้ในการพัฒนาจิตวิญญาณคือวิธีกำหนด “ พองหนอ-ยุบหนอ ” ในห้วงเวลาพัฒนาจิต ต้องปล่อยวางโลกธรรมและวัตถุ รวมถึงวางตำรา วางสัญญาที่จดจำไว้ให้หมดการปฏิบัติจึงจะได้ผลเต็มที่

   การขอสมัครเป็นศิษย์นั้นขอได้ แต่จะเป็นศิษย์ที่แท้จริงได้คุณต้องทำตัวเองให้มีธรรมะ สถิตอยู่ในใจ ก่อนอื่นต้องมีศรัทธาในตัวครูอาจารย์ มีศีล 5 คุมใจอยู่ทุกขณะตื่น อ่านหนังสือทางสายเอกแล้วทำตามที่บอกเล่าไว้ให้ได้เมื่อใด เมื่อนั้นแหละ ความเป็นครูเป็นศิษย์จึงจะมีได้เป็นได้



   1 ธรรมะเหมือนกระแสน้ำที่ไหลต้องไม่หยุดทำดี ถ้าหยุดจะไหลลงที่ต่ำ ( จะเริ่มให้มีธรรมะตั้งแต่อยู่ในครรภ์เช่น เสถียรธรรมสถาน แม่ชีศันสนีย์ )

คำตอบ
    ไม่ได้ถามจึงไม่ต้องตอบ

   2 คนมีบุญเท่านั้นหรือจึงจะมีโอกาสเข้าถึงธรรมะ

คำตอบ
    นอกจากมีบุญแล้วยังต้องทำจิตตภาวนาให้เข้มข้นจนถึงจนถึงระดับให้ผล แล้วโอกาสเข้าถึงธรรมจึงจะเป็นได้

   3 ผมเองไม่รู้ตัวว่าเข้ามาทางสายธรรมเมื่อไร เข้ามาได้อย่างไร

คำตอบ
    เพราะขาดสติจึงไม่รู้ว่า เข้ามาในเส้นทางธรรมเมื่อไรและเข้ามาได้อย่างไร หากมีสติ เมื่อใดจะรู้ว่า เข้ามาในเส้นทางธรรมได้ด้วยเหตุปัจจัยที่เป็นกุศล ซึ่งเคยทำสั่งสมไว้ในดวงจิตแต่ชาติปางก่อน


   4 EQ เอาแนวทางธรรมะมาดัดแปลงให้สากล ทุกชาติ ทุกศาสนาเข้าถึงได้ จึงเกิดแนวคิดว่าจะนำธรรมะของพระพุทธเจ้ามาทำให้เป็นสากล ทุกชาติ ทุกศาสนาเข้าถึงได้ และถวายในหลวงและเสนอให้รัฐบาลบรรจุลงในหลักสูตรทุกระดับชั้นเน้นภาคปฎิบัติกรรมฐานตามระดับชั้นเรียนเช่น ป1 ภาคปฎิบัติกรรมฐาน 1วัน1คืน , ป6 ภาคปฎิบัติ
กรรมฐาน 6วัน6คืน มีการสอบปฎิบัติ ที่ต้องการให้เป็นสากล ทุกชาติ ทุกศาสนาเข้าถึงได้ เพราะประเทศเรามีหลายศาสนา โดยตั้งชื่อหลักสูตรให้เป็นกลางคือ สติเพื่อปัญญาและสันติสุข (มาจาก คุณแม่ สิริ กรินชัย ) ช่วยวิเคราะห์ปรับปรุงและสานต่อแนวคิดที่ต้องมีข้อบกพร่องและยังต้องการให้ผู้รู้พัฒนาหรืออาจเป็นแนวคิดที่ใช้ไม่ได้ก็ช่วยสั่งสอนลูกศิษย์ด้วยนะครับ
   ด้วยความเคารพอย่างสูง
     อัตชัย ชินราช

คำตอบ
      ต้องช่วยตัวเองให้ได้ก่อนแล้วจึงคิดไปช่วยคนอื่นภายหลัง เมื่อใดถูกสังคมอุปโลกน์ให้ขึ้นมาทำหน้าที่รับผิดชอบจะได้ทำหน้าที่ได้ถูกตรง และเกิดประโยชน์ต่อสังคมอย่างแท้จริง


 

362.
December 07, 2006 9:07 PM

เรียน ท่านอาจารย์ ดร.สนอง ฯ

    ผมได้มีโอกาสอ่านหนังสือทางสายเอกของอาจารย์ครับเกิดสนใจมากขึ้นจึงเข้าอินเตอร์เนตหาข้อมูลเพิ่มเติมจนได้พบเว็บไซด์นี้

   รู้สึกดีใจมากและมีข้อสงสัยซึ่งยังไม่มีผู้ใดอธิบายให้ผมเข้าใจได้ครับคือว่าผมปฎิบัติธรรมโดยการนั่งสมาธิใช้วิธีภาวนา พุธ-โธ พร้อมกับลมหายใจเข้า-ออกมีข้อรบกวนจะเรียนถามอาจารย์ดังนี้ครับ

   ๑.เมื่อผมกำหนดดูลมหายใจเข้าออกอย่างตั้งใจ ขณะที่สูดลมเข้าออกยาวๆจะมีอาการณ์ขนลุกชันแต่ถ้ากำหนดลมหายใจปกติ จะไม่มีอาการดังกล่าวบางท่านบอกว่าเป็นปิติแต่ผมสูดลมเข้าออกแค่๒-๓ครั้งรู้สึกว่ายังไม่เป็นสมาธิเท่าไหร่ แต่ก็มีอาการแล้วจะเป็นปิติได้อย่างไรครับ(ไม่ต้องหลับตาก็ทำได้ครับ)ทำอย่างไร จึงจะพัฒนาต่อไปได้

คำตอบ
    การกำหนดสติอยู่กับลมหายใจเข้า-ออก ตามปกติจิตยังตั้งมั่นไม่มากพอ ที่จะทำให้เกิดเป็นสมาธิขั้นมีปีติเกิดขึ้น การกำหนดลมหายใจยาวแม้เพียง 2-3 ครั้งแล้วมีปีติเกิดขึ้น แสดงว่าจิตเข้าถึงความตั้งมั่น (เหตุ) ให้เกิดเป็นปีติ (ผล)ได้ โดยไม่เกี่ยวกับการลืมตาหรือหลับตา แต่คนส่วนใหญ่เข้าถึงสมาธิระดับนี้ได้ต้องหลับตา

   ปัญหาเรื่องมีปีติเกิดขึ้น ต้องแก้ด้วยการบริกรรมคำว่า “ ปีติ หนอ ๆๆ ” จนกว่าปีติหายไปแล้วไม่เกิดขึ้นอีกเลย หลังจากนั้นดึงจิตกลับมาสู่องค์ภาวนาเดิม แล้วการพัฒนาจิตให้มีความตั้งมั่นมากยิ่งขึ้นจึงจะดำเนินต่อไปได้

   ๒.บางครั้งเมื่อนั่งไปนานๆจนเริ่มสงบขึ้นก็รู้สึกว่าร่างกายมีอาการกระตุกเป็นจังหวะตามตำราบอกว่าเป็นอาการของปิติชนิดหนึ่งแต่ความรู้สึกขณะที่นั่งนั้นผมไม่เชื่อ
จึงเอาจิตตามรู้ไปก็รู้ว่าการกระตุกของร่างกายที่แท้ก็มาจากจังหวะการเต้นของหัวใจเรานั่นเองปฎิบัติอย่างนี้ทำถูกหรือไม่ครับผมเป็นโรคหัวใจโตหรือปล่าว

คำตอบ
    วิธีการแก้ปัญหาของคุณยังไม่ถูก เพราะถ้าตั้งเหตุได้ถูกตรง เมื่อเหตุดับปัญหาต้องหมดไป มีสมาธิแล้วร่างกายมีอาการกระตุกเกิดขึ้นต้องบริกรรมคำว่า “ กระตุกหนอ ๆ ๆ ” เรื่อยไปจนกว่าอาการกระตุกจะหายไป แล้วดึงจิตกลับมาสู่องค์ภาวนาเดิม

   ๓.ผมเป็นคนไม่ค่อยเชื่ออะไรง่ายๆกับปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะที่ตนเองนั่งสมาธิสิ่งนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมไม่มีความก้าวหน้าในการปฎิบัติหรือปล่าวครับ
      ขออนุญาติรบกวนอาจารย์เพียงเท่านี้ครับ
       ด้วยความเคารพนับถือ

คำตอบ
    ใช่แน่นอน ขออภัยนะครับเขาเรียกว่า “ น้ำชาล้นถ้วย ” ปฏิบัติธรรมแล้วจะไม่เกิดมรรคผลก้าวหน้า วิธีแก้ให้เอาอย่างผู้ตอบปัญหา เมื่อตอนไปปฏิบัติจิตตภาวนาอยู่กับท่านเจ้าคุณโชดก ได้ทำตัวเองเหมือนคนโง่ ครูบาอาจารย์บอกให้ทำอย่างไร ทำตามที่ท่านบอกให้ได้ทุกอย่าง มรรคผลจึงเกิดก้าวหน้ารวดเร็ว ดังที่ได้บอกเล่าไว้ในหนังสือ “ ทางสายเอก ” นั่นแหละครับ
 

361.
December 04, 2006 6:47 PM

ขอกราบเรียนถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ

   1. หนูฝึกปฏิบัติวิปัสสนาในแนวสติปัฏฐาน (เคยผ่านการอธิษฐานธรรมวิเศษ) ถ้ามีวันหยุดยาวจะไปปฏิบัติที่วัดพระธาตุศรีจอมทอง จ. เชียงใหม่ แต่เวลาอยู่บ้านก็ปฏิบัติบ้าง แต่ไม่บ่อยเพราะมีความเพียรน้อย ขอเรียนถามอาจารย์ว่า หลังจากปฏิบัติที่บ้านแล้ว ในชีวิตประจำวันจะเห็นประกายแสงสีขาวสว่างวาบขึ้นแล้วหายไป เหมือนสะเก็ดไฟสีขาว แต่ไม่ได้เกิดบ่อยนะคะ อยากทราบว่าคืออะไรคะ

คำตอบ
   
คือ วิปัสสนูปกิเลส

   2. แม่ของหนูเป็นคนมีโทสะมาก (แม่เคยป่วยเป็นจิตเวช ตอนนี้ไม่มีอาการ แต่ก็ต้องกินยาทุกคืนเพื่อให้นอนหลับ)แม่ชอบคิดว่าคนอื่นดูถูกตัวเอง และไม่มีความสุข คิดว่าตัวเองถูกทอดทิ้ง เวลามีใครมาว่ากระทบมักคุมสติไม่อยู่ ด่าว่าอีกฝ่ายเสียงดังและหยาบคาย และมักจะทวงบุญคุณที่ตัวเองได้เคยทำความดีไว้กับคนๆ นั้น หนูเป็นลูกคนเดียวและมีครอบครัวแล้ว จึงไม่ค่อยได้ไปเยี่ยมแม่ อีกอย่างก็คือไม่สามารถทำใจอยู่กับแม่ได้ เพราะความคิดความเห็นไม่ลงรอยกัน มีพื้นฐานความคิดคนละอย่างโดยเฉพาะในเรื่องการทำความดีกับผู้อื่น ที่แม่คิดว่าต้องได้รับตอบแทนเสมอ แต่หนูก็ได้ส่งเงินให้คุณแม่ใช้ทุกเดือนตั้งแต่เรียนจบ และแม่ก็ไม่ต้องทำงานแล้ว หนูได้เอาซีดีและหนังสือธรรมะไปให้ แม่ก็บอกว่าฟังจนจะท่องได้หมดแล้ว และยังได้พาแม่ไปปฏิบัติที่วัดพระธาตุศรีจอมทองด้วย ที่ผ่านมาแม่ก็ผ่านการอธิษฐานธรรมวิเศษแล้ว แต่กลับมาก็ยังคุมสติไม่อยู่ ทำกิริยาเหมือนเดิม ตอนนี้หนูให้แม่ไปปฏฺบัติอีกเพราะหวังว่าจะให้แม่มีทิฐิที่ถูกและมีความสุขขึ้น อาจารย์ว่าหนูเป็นลูกอกตัญญูหรือเปล่าคะ และสิ่งที่หนูทำอยู่ถูกต้องหรือยังคะ
   ขอความกรุณาอาจารย์ตอบคำถามและให้คำแนะนำด้วยค่ะว่าหนูยังทำอะไรได้อีกบ้าง
      กราบขอบพระคุณอาจารย์ค่ะ

คำตอบ
    กลับถึงบ้านยังคุมสติไม่อยู่ ก็แสดงว่าไปปฏิบัติธรรมน่ะไปจริง แต่ยังไม่ได้ธรรมะของพระพุทธะมาคุ้มครองใจ คุณเป็นลูกกตัญญูเพราะนำแม่ไปทำความดี แต่ความดีจะเข้าไปอยู่ในใจแม่มากน้อยแค่ไหน แม่ต้องขวนขวายเอาความดีมาบรรจุไว้ในใจแม่
“ตนนั้นแลเป็นที่พึ่งแห่งตน”

 

360.
December 04, 2006 3:14 PM

เรียน อาจารย์ ดร.สนองฯ

    หนูไม่ได้ดูแลพ่อแม่ตนเอง
แต่กลับไปช่วยเหลือเพื่อนด้วยการไปดูแลพ่อแม่ของเพื่อนซึ่งป่วยอยู่
แต่ระยะเวลาการดูแลยาวนานทำให้เกิดความทุกข์และเหนื่อย
จึงขอเรียนถามอาจารย์ว่าหนูทำกรรมใดไว้กับเพื่อนหรือพ่อแม่ของเพื่อนหรือเปล่าค่ะ ที่ทำให้ต้องเป็นเช่นนี้

ขอบพระคุณอาจารย์มากค่ะ

คำตอบ
    เขาเคยปรนนิบัติดูแลคุณมาก่อน คุณก็ต้องกลับไปปรนนิบัติดูแลเขาตอบแทน เป็นไปตามกฎแห่งกรรมที่ผูกกันไว้นั่นเอง
 

359.
December 04, 2006 9:11 AM

สวัสดีครับ อาจารย์

   ผมธีรชาติ โทธรัตน์ ได้เข้าฟังอาจารย์บรรยาย ที่กฟผ.แม่เมาะ ลำปาง เมื่อวันที่ 1 ธค.2549 และรู้สึกอยากรู้อะไร มากขึ้น แต่ก็ไม่กล้าที่จะถาม เพราะไม่รู้จะเริ่มต้นที่ไหน และได้คิด ว่าควรจะถามดีหรือไม่ เพราะบางคำถามก็อาจรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่ไม่แน่ใจ มันสับสนในตัวของมันเอง จึงไม่ขอถาม แต่สิ่งที่อยากถามและคิดว่า อาจารย์ น่าจะให้คำตอบและแนะนำผมได้ คือ เนื่องจากผมได้ปฎิบัติตน มาสักระยะนึง แล้วรู้สึกว่า ไม่ก้าวหน้า มันติดขัดตรงไหน และมีสิ่งใด ที่ผมควรแก้ไข ผมเชื่อในคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ แต่ผมก็ต้องการเจอกับตัวเองจริงๆ หากอาจารย์ จะว่ากล่าว แนะนำผมเช่นไร ผมยินดี ตำหนิตรงๆผมก็ยินดีครับ

ด้วยความเคารพนับถือ
ธีรชาติ โทธรัตน์

คำตอบ
   
ต้องปรับปรุงแก้ไขตัวเองดังนี้
 ๑. เข้าหากัลยาณมิตรในทางธรรมและต้องไม่ทำตัวเป็นน้ำชาล้นถ้วย
 ๒. มีศีล ๕ คุมใจให้ได้ทุกขณะตื่น
 ๓. เจริญความเพียรให้สุด ๆ
 ๔. รักษาสัจจะว่าจะปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่อง
   หากทำได้อย่างนี้แล้ว ความปรารถนาจะเข้าถึงธรรมของพระพุทธะด้วยตัวคุณเองจึงจะมีได้เป็นได้

 

358.
December 02, 2006 8:14 PM

เรียนอ.สนอง

   ดิฉันได้อ่านคำถามของท่านอื่นค่ะ มีความสงสัยเรื่องเกี่ยวกับที่อ.บอกว่าการเป็นหมอนี่ผิดธรรม เพราะช่วยคนอื่นที่มีคู่เวรมาทวงหนี้ ขอเรียนถามว่าแล้วคนที่เกี่ยวข้องกับอาชีพหมอ รวมถึงพยาบาล เจ้าหน้าที่ที่ให้บริการคนไข้จะผิดธรรมหรือไม่ อย่างไร แล้วถ้าผิดธรรม ควรทำอย่างไร ( ไม่ได้อ่านเรื่องที่อ.บรรยายมาก่อนค่ะ เห็นคำถามเลยสงสัย)

ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ
จิราพร

คำตอบ
    ผู้ร่วมกระบวนกรรมต้องรับผลของกรรม เช่นเดียวกับผู้ทำกรรม แต่หนักเบาไม่เท่ากัน วิธีหนีกรรมไม่ดีตามให้ผล ต้องสร้างและสั่งสมบุญไว้ให้มาก แล้วอุทิศผลของบุญให้แก่เจ้ากรรมนายเวรอยู่เรื่อย ๆ เมื่อบุญมีมากกว่าบาป จะสามารถหนีผลของบาปได้ชั่วคราว หากเมื่อใดพัฒนาจิตตนเองจนบรรลุอรหัตผล แล้วทิ้งขันธ์ลาโลกเข้าสู่ภาวะนิพพาน กรรมที่เหลือทั้งหมดไม่สามารถติดตามให้ผลได้อีกต่อไป แน่นอน
 

357.
December 01, 2006 3:19 PM

เรียนท่านอาจารย์สนอง วรอุไร ที่เคารพ

   กระผมมีความสงสัยอยากเรียนถามท่านอาจารย์ว่า
หากบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันหรือพระสกิทาคามีแต่มีบุพกรรมได้มาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง
ท่านเหล่านั้นจะบรรลุธรรมตั้งแต่เกิดมาเลยหรือไม่ หรือว่าอย่างไร
ขอความกรุณาท่านอาจารย์ช่วยไขข้อข้องใจนี้ให้ด้วยนะครับ

ขอพระคุณท่านอาจารย์อย่างสูง

คำตอบ
   คำว่าบรรลุธรรม ต้องถามต่อไปว่าบรรลุธรรมขั้นไหนบรรลุธรรมขั้นต่ำ เช่น บรรลุโสดาบัน บรรลุธรรมขั้นสกทาคามี บรรลุธรรมขั้นอนาคามี หรือบรรลุธรรมขั้นสูงสุดคืออรหันต์

   ตั้งแต่เกิดในระยะแรก ที่คลอดออกจาท้องแม่ จนถึงระยะเป็นทารกแบเบาะ ยังไม่สามารถบรรลุธรรมได้เหตุเพราะเครื่องมือ (ร่างกาย) ยังไม่ถึงพร้อมให้จิตใช้พัฒนาตัวเอง ในครั้งพุทธกาลมีผู้บรรลุธรรมขั้นอรหัตผลเป็นอรหันต์ เช่น เด็กชายทัพพะอายุ 7 ขวบ โกนจุกเสร็จ ได้บรรลุอรหัตผล แล้วจึงบวชเป็นเณรอรหันต์ เด็กชายโสปาถะบรรลุอรหันต์เช่นเดียวกัน ทั้งสองท่านบรรลุธรรมขั้นสูงสุดได้ด้วยการโยนิโสมนสิการ ซึ่งคนในยุคปัจจุบันไม่สามารถทำได้ ด้วยเหตุแห่งการสั่งสมบารมียังไม่ถึงพร้อมเหมือนคนในครั้งพุทธกาล

356.
November 30, 2006 11:28 AM

เรียนถาม
 
  แม่ดิฉันมีสุขภาพแข็งแรงดี และเป็นคนหูเบา
ถ้ารักใครแล้วจะเชื่อคนนั้นทุกอย่างไม่ว่าจะถูกหรือผิด และดิฉันก็มีปัญหาว่าแม่รักพี่ชายมาก ส่วนพี่ชายก็รักพี่สะใภ้มาก เมื่อพ่อเสียชีวิตพี่ชายก็โกงสมบัติไปให้ลูกและภรรยา ปลอมลายเซ็นดิฉันรับเงินค่าขายที่ดิน ไม่ให้เงินช่วยเหลือพี่น้อง เพราะที่บ้านกินกงสี หลานคนไหนอยากเรียนพิเศษก็ห้ามเรียน แต่ให้ลูกตัวเองเรียน จนลูกตัวเองบอกว่าเรียนไม่ไหวแล้ว รังแกหลานๆ ส่วนดิฉันยังไม่แต่งงาน พี่สะใภ้ก็พยายามกดให้เป็นคนใช้ในบ้าน โดยหาเรื่องใส่ร้ายดิฉันสารพัด แล้วยุแม่ให้มามีปัญหากับดิฉัน

    ดิฉันพยายามสวดมนต์ปฏิบัติธรรม ขออโหสิกรรม แต่เพราะจิตยังไม่เข้าถึงธรรมะ เวลาถูกเขายั่วมากๆก็โมโห จึงใช้วิธีหลบหน้า แม่ พี่สะใภ้ และ พี่ชาย การกระทำแบบนี้อกตัญญูต่อแม่ไหมคะ

   ดิฉันพยายามดูแลแม่แล้วแต่เวลาอยู่ข้างตัวแม่ แม่จะหงุดหงิดอารมณ์เสีย จะช่วยทำงานบ้าน หรือช่วยเก็บของในบ้าน แม่ก็บอกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่าอย่ามายุ่ง เวลาจะช่วยซ่อมของในบ้านแม่ก็บอกว่าอย่าเสือก เวลาจัดเตรียมอาหารให้แม่ก็ไม่กิน ดิฉันยังไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้นัก จึงต้องหลบหน้าแม่ พอแม่เห็นว่าหลบหน้า แม่ก็อารมณ์เสีย ตะโกนด่าว่า อีชั่ว เห็นยักษ์หรือไง ดิฉันบอกแม่ว่าอยากให้ดิฉันทำอะไรให้ บอกดิฉันแล้วดิฉันเต็มใจทำให้ แต่แม่ก็ไม่พูดด้วยสักคำ ส่วนพี่สะใภ้ก็คอยหาเรื่องใส่ร้ายดิฉันตลอดเวลา คนอื่นดิฉันไม่ใส่ใจเท่าไร แต่ดิฉันแคร์แม่มากๆ ถึงแม่ไม่รักดิฉันแต่ดิฉันก็ห่วงแม่ ตอนนี้แม่ยังแข็งแรงอยู่ ไปเที่ยวต่างประเทศได้บ่อยๆ หากดิฉันแก้ปัญหาโดยหลบหน้าแม่ แต่ไปสวัสดีแม่เช้าเย็น ได้ไหมคะ

   ดิฉันควรทำอย่างไรดี ดิฉันอยากเป็นลูกที่ดีของแม่ ตอนนี้ดิฉันพยายามสวดมนต์ ปฏิบัติธรรม ให้มากวันที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อขออโหสิกรรม ต่อ แม่ พี่ชาย และพี่สะใภ้ ค่ะ

คำตอบ
  
  เมื่อพบคนพาล ถ้ากำลังของใจยังไม่กล้าแข็งต้องหลีกให้ห่างไกล เจ้าคุณโชดกเคยสอนไว้ว่า พบคนให้ห่างศอก พบวอก(ลิง) ให้ห่างวา พบพาลา(คนพาล) ให้ห่างไกลสุดตา

   หากเมื่อใดพัฒนาจิตจนมีกำลังของใจกล้าแข็งได้แล้ว ก็สามารถอยู่กับเขาได้ ด้วยการใช้ขันติบารมี และพรหมวิหาร 4 เป็นเครื่องคุ้มครองใจ
 

355.
November 20, 2006 9:23 PM

กราบสวัสดีอาจารย์สนองที่เคารพ
ดิฉันมีข้อสงสัยในเรื่องของศีลเรียนถามอาจารย์ ดังนี้ค่ะ

   1. ถ้าเราถูกสั่งให้ต้องพูดโกหก เราควรจะทำตามคำสั่งนั้นหรือไม่คะ? หรือควรจะพูดอย่างไร? เราจะหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่บีบบังคับให้เราต้องโกหกเกือบตลอดวันได้อย่างไรคะ ไม่ทำตามคำสั่งก็อาจถูกไล่ออกจากงาน แต่ถ้าทำตามคำสั่งก็ถูกกฎแห่งกรรมเล่นงาน

คำตอบ
    หากต้องการความเจริญในทางโลก คุณต้องทำตามที่เขาสั่งให้พูดเท็จ ถ้าต้องการความเจริญในทางธรรม คุณต้องไม่พูดเท็จชีวิตเป็นของคุณ จะเลือกนำชีวิตไปทางไหนคุณต้องบริหารจัดการชีวิตด้วยตัวคุณเอง

   2. สมมติว่าวันหนึ่งเราสมาทานรักษาศีล 8 แล้วไปทำบุญหรือปฏิบัติธรรมที่วัด บังเอิญวัดนั้นเปิดเพลงเกี่ยวกับธรรมะ มีการขับร้อง มีทำนองดนตรี อย่างนี้ศีลข้อ 7 ของเราจะยังบริสุทธิ์หรือไม่คะ ศีลข้อนี้สามารถดูรายการข่าว สารคดี แหล่งท่องเที่ยว รายการที่เป็นความรู้ได้ไหมคะ
      ขอรบกวนอาจารย์เพียงเท่านี้ค่ะ คำตอบของอาจารย์จะเป็นหลักปฏิบัติในการรักษาศีลของดิฉันค่ะ
         กราบขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
    คำว่า “ สมมติ ” เป็นเรื่องที่ไม่จริง และคำว่า “ บังเอิญ ” ไม่มีในพุทธศาสนา ดังนั้นคำถามที่ถามไปเป็นเรื่องที่ไม่จริงและไม่มี ต้องขออภัย ไม่ตอบ
 

354.
November 20, 2006 4:57 PM

เรียน ท่านอาจารย์ ดร.สนอง

ผมชื่นชมในผลงานของอาจารย์มาก หลังจากที่ได้ติดตามมามากพอสมควร

ผมมีข้อสงสัยครับ ผมฝึกสมถกรรมฐานประมาณ 1 ปีแล้ว ฝึกทุกวันก่อนนอนวันละประมาณ 30 นาที แต่ผมยังรู้สึกว่าไม่ค่อยก้าวหน้า เพราะผมติดอยู่ที่อาการขนลุกชันมานานมากแล้ว (ตั้งแต่เริ่มฝึกก็ว่าได้) ปัจจุบันแทบจะไม่มีภาพหรือความฟุ้งซ่านเข้ามาในสมองเหมือนตอนฝึกใหม่ๆ มีแต่ความเงียบ ความมืด และรู้สึกว่าเป็นสุข

มีอยากเรียนถามอาจารย์ว่า ผมจะทำอย่างไรให้เข้าถึงสมาธิิขั้นที่ละเอียดมากขึ้นกว่านี้ครับ แล้วผมจะมีโอกาสเข้าถึง ปฐมฌานได้หรือไม่ครับ

อาจารย์ช่วยแนะแนวทางปฏิบัติให้ผมด้วยนะครับ

ขอแสดงความนับถือ

ชาญวิทย์

คำตอบ
    ถ้าประสงค์จะให้จิตเข้าถึงความตั้งมั่น (สมาธิ) ให้มากยิ่งขึ้น ต้องกำจัดวิปัสสนูกิเลสคืออาการขนลุกชันให้ได้ก่อน ด้วยการบริกรรมคำว่า “ ขนลุกชันหนอ ๆ ๆ ” เรื่อย ๆ ไปจนกว่าอาการดังกล่าวจะดับไปแล้วต้องดึงจิตมาจดจ่ออยู่กับองค์ภาวนาเดิม หากทำได้สำเร็จดังที่แนะนำโอกาสที่จิตจะเข้าถึงความเป็นฌานมีได้เป็นได้
 

353.
November 20, 2006 3:37 PM

กราบเรียนท่านอาจารย์สนอง

ขอเรียนถามว่า การกู้เงินไปทำบุญ เช่น กดเงินสดจากบัตรเครดิต
แล้วใช้หนี้ตามกำหนดเวลา โดยที่บุคคลนั้นมีครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดู
เขาจะได้รับบุญเต็ม 100% หรือไม่ หากเขาทำด้วยความศรัทธาทั้งก่อนให้ ขณะให้
และหลังให้

ขอกราบขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
    คำว่า “ กู้ ” หรือ “ กู้ยืม ” หมายถึงยืมทรัพย์โดยให้ดอกเบี้ยคุณใช้บัตรเครดิต ไปถอนเงินสดออกมาใช้ ด้วยความยินยอมของเจ้าของเงินอนุญาตให้เอาเงินของเขาไปใช้ได้โดยไม่คิดดอกเบี้ย ไม่ถือว่าเป็นการกู้ยืมผู้ถามปัญหาบอกไปว่า ศรัทธาก่อนให้ขณะให้และหลังให้ ยังได้บุญน้อยกว่าก่อนให้ศรัทธา ขณะให้ตั้งใจให้ แล้วมีจิตเบิกบานแจ่มใส ได้บุญมากกว่า

352.
November 18, 2006 2:16 PM

สวัสดีค่ะดร.สนองที่เคารพ ดิฉันวิมลลักษณ์ค่ะมีคำถามอยากปรึกษาดังนี้ค่ะ

-การทำสังฆทานที่ถูกต้องๆทำอย่างไรคะ

-พระที่รับสังฆทานจะต้องมีกี่รูปกันแน่และจะต้องมีการอุปโลคด้วยใช่หรือไม่ค่ะแล้วที่ทำการสังฆทานมาตลอดด้วยพระ1รูปถือว่าผิดหรือไม่คะ

ขอบคุณมากค่ะ

คำตอบ
    การถวายสังฆทาน หมายถึง การที่ถวายแก่พระสงฆ์ หากพระสงฆ์องค์ใดรับทานที่ถวายแล้วนำไปไว้เป็นส่วนกลางสำหรับหมู่สงฆ์ได้บริโภคใช้สอยเมื่อจำเป็น หากปฏิบัติได้ถูกตรงตามนี้ถือว่าทานที่ถวายนั้นเป็นสังฆทาน มิได้ขึ้นอยู่กับจำนวนพระสงฆ์ผู้รับทาน พระสงฆ์แม้เพียงองค์เดียวรับทานที่ฆราวาสถวาย แล้วปฏิบัติถูกตรงตามที่กล่าวข้างต้นก็เป็นสังฆทานได้
 

351.
November 18, 2006 11:13 AM

   ขณะนี้หนูเรียนอยู่ปี3ค่ะ เพื่อนสนิทของหนูเป็นคนที่เครียดมาก ไม่ยอมลืมเรื่องที่ไม่ดีอะไรเลย (เขาเป็นคนความจำดีเรียนเก่งค่ะ) มีเรื่องแบบมีคนมาจีบเขาแบบ ส่ง sms มา โทรมาหาเป็นแบบนี้ประมาณเดือนหนึ่งค่ะ แต่ยังไม่ได้ตกลงอะไรมากกว่านี้ค่ะ แต่แล้วเราก็รู้ทีหลังว่าเขามีแฟนแล้ว เท่านั้นหละ เรื่องนี้ฝังใจเพื่อนหนูจนเปิดเทอม2แล้วก็ยังทำใจไม่ได้ และพูดอยู่เสมอว่า "ทำไมเรื่องนี้ต้องเกิดขึ้นกับเขา?"


   เขาเล่าให้หนูฟังว่า เขานอนไม่ค่อยหลับ นอนดึกตื่นเช้า ต้องหาอะไรทำ ดูหนังไม่เคยจบเรื่อง ตอนปิดเทอมก็ฟังเพลงที่ทำให้นึกถึงเขาคนนั้นได้ทั้งวัน หนูได้แนะนำเพื่อนหนูว่ามันเป็นกรรม ถ้าศึกษาธรรม คำถามนั้นจะไม่เกิดขึ้น ทุกทีที่เพื่อนหนูอยากระบายหนูก็ฟังทุกครั้งและให้คำแนะนำเท่าที่หนูทำได้ แต่เพื่อนหนูไม่ยอมรักษาใจแบบที่หนูแนะนำเลย หนูขอกราบเรียนถามท่านค่ะ

     1.ตอนนี้หนูยังสามารถรักษาใจของหนูได้อยู่โดยไม่เอาทุกข์ของผู้อื่นเข้ามา หนูทำถูกไหมคะ แต่ต่อไปถ้าเพื่อนหนูยังเป็นเช่นนี้อยู่หนูกลัวว่าหนูจะกลายเป็นคนเครียดไปด้วย เพราะอยู่ห้องพักเดียวกัน มันเป็นกรรมของหนูหรือเปล่าคะ

คำตอบ
   
นั่นแหละดีที่สุดเลย ผู้รู้ไม่เอาทุกข์ของผู้อื่นมาเป็นทุกข์ของตัวเอง รักษาภาวะของจิตเช่นนี้ไว้ให้คงอยู่ ด้วยการเจริญพละ 5 ให้มีกำลังกล้าแข็งอยู่เสมอ แล้วจะได้มีบุญบารมีงอกงาม เพราะมีเขาเป็นครูสอนใจไม่ให้หนูทำอย่างเขาไง

     2.หนูจะสามารถทำอย่างไรได้บ้างเพื่อเพื่อนหนูคนนี้คะ (หนูเคยให้หนังสือ ทำชีวิตให้ได้ดีและมีความสุข แต่เขาก็ยังไม่ได้อ่าน) ล่าสุดเขาบอกหนูว่าเขาไม่ไหวแล้วค่ะ            ขอกราบขอบพระคุณท่านดร.สนอง วรอุไรคะ

คำตอบ
   
แนะนำวิธีแก้ทุกข์ให้เพื่อนแล้ว แต่เพื่อนไม่ศรัทธาที่จะทำตามก็ปล่อยวางเขาไว้อย่างนั้นแหละ เขาต้องรับอกุศลวิบากด้วยตัวของเขาเอง จนกว่าจะชดใช้หนี้เวรกรรมได้หมดสิ้นเมื่อใด เมื่อนั้นแหละเขาจะได้มีหูตาสว่างขึ้น วาง วาง วางเขาได้เราก็ว่างจริงไหม

 

 

ส่งคำถามถึง ดร. สนอง วรอุไร => question@kanlayanatam.com

สอบถาม ให้คำแนะนำที่ => webmaster@kanlayanatam.com