1

 

 

                                                                 
คำถาม-คำตอบ ข้อ 251-300
300.
August 28, 2006 10:56 AM

กราบเรียนอาจารย์ที่เคารพ                     

    ผมได้ฟังอาจารย์บรรยายธรรมที่วัดพระธาตุทรายทองเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านรู้สึกมองเห็นทางสว่างอยากให้อาจารย์ช่วยแนะนำสถานที่ฝึกกรรมฐาน ผมพักอยู่จังหวัดลำปางและผมทำงานที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแม่เมาะ จะใช้เวลาในการฝึกสักกี่วัน ผมสามารถลางานได้เติมที่ประมาณ 7 วัน ผมมีปัญหาถามอาจารย์อีกอย่างหนึ่งคือการถ่ายพยาธิออกจากร่างกายจะบาปหรือไม่

ขอขอบพระคุณอาจารย์มากครับ
นวรัฐ   ชยรพ

คำตอบ
    แนะนำให้ฝากตัวเป็นศิษย์ฝึกกรรมฐานที่วัดแพร่ธรรมาราม ใกล้สถานี้รถไฟเด่นชัย อ.เด่นชัย จ.แพร่

   ส่วนเรื่องการถ่ายพยาธิ ผู้ใดทำแล้วถือว่าเป็นบาป เมื่อรู้ว่าเป็นบาป ต้องปฏิบัติตัวเองให้มีบุญมากกว่าบาปที่ทำแล้วอุทิศบุญกุศลให้กับสรรพชีวิตที่ถูกเบียดเบียน อุทิศไปจนกว่าเวรรกรมที่ผูกกันไว้จะหมดสิ้นไป


 

299.
August 25, 2006 2:02 PM

กราบเรียนอาจารย์ ดร. สนอง

ดิฉันเป็นผู้หนึ่งที่ได้ฟังเทปของอาจารย์มานานแล้ว และดิฉันก็ปฎิบัติธรรมโดยการสวดมนต์ ดินจงกรม นั่ง สมาธิสม่ำเสมอ เกือบจะทุกวัน จนพบความเปลี่ยนแปลงของตัวเองมากขึ้น คือรู้จักตัวเองมากขึ้นจนไม่อยากคิดว่าตัวตนที่ แท้จริงนี่ยังไม่มี ความดีเลย เมื่อก่อนมองไม่ออก แต่ตอนนี้รู้ตัวเลยพยายามระวังแต่ก็ไม่ใช่ง่ายเลย เพียงแต่รู้สึกว่า ทุกข์กับเหตุการณ์ในชีวิต ประจำวันน้อยลง และพยาบาทน้อยลงเรื่อยๆ โกรธน้อยลง แต่ก็มีอยู่ กว่าจะรู้อย่างนี้ว่าเรานี่ทำแต่สิ่ง ไม่ดี ก็หลังจากรู้จักและสนใจ ปฎิบัติธรรม มากว่าหลายปี แต่ยิ่งทำยิ่งสงสัยกับความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง เลยอยากรบกวน อาจารย์ช่วยไขข้อข้องใจดังนี้

1. เมื่อก่อนเห็นพวงมาลัยจะต้องซื้อมาถวายพระพุทธรูปที่บ้านถ้ามีโอกาสและรู้สึกสุขที่ได้ถวาย แต่ตอนนี้ เห็นก็เฉยๆความรู้สึกบอกว่าไม่จำเป็นเพราะไม่ใช่สาระ ที่จะปฎิบัติ

คำตอบ
    การระลึกถึงบุญคุณของพ่อแม่ แล้วทำการบูชาด้วยวัตถุ เช่น อาหาร เสื้อผ้า ยา ดอกไม้ ฯลฯ ลูกผู้ได้กระทำเช่นนี้แล้ว มงคลชีวิตจะเกิดขึ้นแก่ลูก เช่นเดียวกันการบูชาคุณของพระพุทธเจ้า ด้วยการซื้อพวงมาลัยดอกไม้ไปถวายพระพุทธรูปและยิ่งได้บูชาคุณของพระพุทธเจ้า ด้วยการนำตัวเองเข้าปฏิบัติธรรม (ปฏิบัติบูชา) นั้นได้ว่าเป็นการบูชาสูงสุด และยิ่งได้เข้าถึงปัญญาเห็นแจ้งได้เมื่อใด เมื่อนั้นแหละคุณจะเลือกทำในสิ่งที่ดีกว่า เลือกทำในสิ่งที่เป็นสาระมากกว่านั้นเอง

2. เมื่อก่อนเวลาทำบุญให้ทานจะรู้สึกสุข แต่ตอนนี้ก็ทำไปทุกครั้งที่มีโอกาสทำแต่กลับเฉยๆไม่รู้สึกปลื้มปิติ แต่อย่างไร แต่ก็ทำโดย อัตโนมัติทุกครั้งที่มีจังหวะมา เช่นถ้าไปพบตู้บริจาคทานที่ใดก็หยอดไปเรื่อยๆแต่ใจกลับเฉยๆ

คำตอบ
    ทำทานด้วยใจศรัทธา และตั้งใจให้ทาน โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทนกลับมาสู่ตน นั่นแหละคือผู้มีจิตเป็นอิสระจากทานที่ทำ สรรพกุศลใด ๆ เมื่อได้กระทำแล้วและระลึกได้ว่าผลที่ทำลงไปเป็นความดีงามและไม่ติดในความดีนั้น เป็นการกระทำของปราชญ์ของผู้รู้จริง

3. เมื่อก่อนนั่งสมาธิจะเกิดปิติมากมายจนเคยเหมือนกับกายทิพย์หลุดมาครึ่งตัวแล้วมีเสียงบอกให้ออกมา ให้หมดตัวแต่กลัว (ตั้งแต่นั้นมาเลยเชื่อว่าเราไม่ได้มีแค่ชาติเดียว) ตอนนี้เวลานั่งจะมีปริศนาธรรมมากมายผุดมา เช่น ตา หู จมูก ลิ้นกายใจ บางครั้งก็พิจารณาตาม บางครั้งเหมือนนิ่งมากแต่ไม่เกิดอะไรนอกจาก จะเบาตัวและเริ่มส่องร่างเป็นจุดๆ แต่พอจะไปลึก ก็จะมีเสียงท่องพุทธะ พุทธาทำให้รู้ว่าต้องลืม ตา เหมือนการนอนชั่วครู่ตอนเช้าในรถ พอเสียงนี้มาก็จะลืมตาก็ได้เวลาต้องไปทำงานทุกที ไม่ ทราบเพราะอะไร

คำตอบ
    เพราะจิตมีความตั้งมั่นเป็นสมาธิ จนเป็นปรกตินั่นแหละ ความเที่ยงตรง ( biologieal clock ) ในการระลึกถึงหน้าที่ที่จะต้องทำจึงเกิดขึ้นอย่างทันเวลา รักษากำลังใจเช่นนี้ให้คงอยู่แล้วจะดีเอง

4. ไม่รู้ว่าเป็นอะไรเวลาพูดและทำไปอะไรไปแล้วจะมีความรู้สึกเหมือนมาสรุปว่าเราทำไม่ดีหรือดีไปกี่อย่างในวันนี้ หรือเราทำไมถึงสร้าง สิ่งไม่ดีฝังในจิตอีกแล้ว
    ขอรบกวนอาจารย์แค่นี้ค่ะ
    ขอแสดงความนับถือ
     อักษรา

คำตอบ
    กำลังของสติที่มีอยู่ระดับหนึ่ง เป็นเหตุให้ระลึกรู้ในสิ่งที่ได้ทำไปแล้วทั้งดีและไม่ดี ควรเจริญพละธรรม 5 ให้ยิ่ง ๆ ขึ้นเพื่อสติและปัญญาจะได้มีพลังมากขึ้น แล้วเมื่อนั้นการกระทำที่เกิดขึ้นจะมีแต่สิ่งดีงามล้วน ๆ
 

298.
August 24, 2006 12:54 PM

เรียนถาม
1. ทำอย่างไรจึงจะสามารถปฏิบัติธรรมได้ด้วยดีคะ เพราะคุณแม่ไม่อนุโมทนากับดิฉันค่ะ

คำตอบ
   
คุณแม่ไม่อนุโมทนาก็เป็นเรื่องของคุณแม่ท่านก็ไม่ได้บุญในส่วนนี้ (อนุโมทนาบุญ) ส่วนคุณลูกเมื่อไปปฏิบัติธรรมคุณลูกก็ได้บุญในส่วนของภาวนาบุญ (อานิสงส์มากกว่า) ใครทำบุญส่วนไหนผู้ทำก็ได้บุญส่วนนั้น บุญเป็นของเฉพาะตน (ปัจจัตตัง) ไม่ข้องเกี่ยวกัน

2. สับสนในจิตใจมาก เพราะปัญหาครอบครัวเยอะค่ะ พี่ชายพี่สะใภ้จ้องจะฮุบสมบัติ แม่ก็ไม่เป็นที่พึ่ง ตัวเองก็ปกิบัติธรรมไม่เข้าขั้น ควรทำตัวอย่างไรดีคะ

ขอบพระคุณ มา ณ ที่นี้ค่ะ

คำตอบ
   
ตัณหาเป็นต้นเหตุให้เกิดทุกข์ (สมุทัย) ถ้าวางตัณหาลงได้ ทุกข์ทั้งหลายที่พี่ชายพี่สะใภ้รวมถึงคุณแม่ กำลังแสดงให้คุณดูนั้นจะหมดไปสิ้นเชิง เหตุที่คุณวางความอยากลงไม่ได้ เพราะคุณมีความเห็นผิด ทำใจให้นิ่งแล้วดูให้ออกสิว่า สมบัติที่พี่ชายพี่สะใภ้จ้องจะฮุบนั้น ล้วนเป็นสมบัติกำพร้า ครอบครองได้ไม่นานดอก ดีไม่ดีมันหนีไปจากเจ้าของ ด้วยถูกขโมย ถูกโกง ถูกน้ำพัดพาหายไปถูกไฟมอดไหม้ไป หรือแม้ที่สุดผู้ครอบครอง ก็ต้องตายจากไปโดยทิ้งสมบัติกำพร้าไว้กับโลก เอาติดตัวไปไม่ได้สักอย่าง แต่สิ่งที่คุณได้กระทำ (ปฏิบัติธรรม) นี่สิเป็นบุญใหญ่ เป็นสมบัติที่ไม่กำพร้าสามารถติดตัวคุณไปได้เมื่อตาย ตาสว่างขึ้นสิจะได้ไม่ต้องทุกข์ใจยังไงล่ะ

297.
August 23, 2006 4:37 PM

สวัสดีครับอาจารย์ครับ

เคยได้ยินมาว่าพระอริยบุคคลขั้นโสดาบันที่เป็นฆราวาสยังมีอยู่ในปัจจุบัน ไม่ทราบจริงหรือไม่ครับ
ไม่ทราบว่าท่านระดับนั้นท่านมีอาชีพการงานเหมือนๆกับคนทั่วไปไหมครับ
คือผมสงสัยครับอยากทราบว่าท่านทำอย่างไรให้ศีลของตัวเองบริสุทธิ์ได้ในท่ามกลางสิ่งแวดล้อมในสภาพปัจจุบัน(คือผมพอจะทราบมาว่าอริยบุคคลขั้นโสดาบันมีศีลบริสุทธิ์
จะไม่ละเมิดศีลเด็ดขาด) ผมอยากมีศีล5ที่บริสุทธิ์ทุกๆวันเลยครับ
เลยอยากให้อาจารยช่วยแนะนำอุบายว่าจะทำอย่างไรให้ตัวเองมีศีล5บริสุทธิ์ คือผมไม่ค่อยมี"ปัญญา"เท่าไหร่เลยครับ มักเจอสถานการณ์ที่ทำให้เสี่ยงต่อการผิดศีลเสมอๆ

ขอบคุณครับ
นีร

คำตอบ
    ดูวิสาขาเป็นตัวอย่าง เป็นเด็กหญิงโสดาบันตั้งแต่อายุ 7 ขวบ โตเป็นสาวแล้วแต่งงาน ยังมีลูกได้ถึง 20 คน

   ในสมัยปัจจุบันหากประสงค์ความเป็นโสดาบัน ต้องเจริญวิปัสสนากรรมฐาน จนได้ปัญญาเห็นแจ้ง แล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้ง ส่องนำทางให้กับชีวิตดับอุปาทานขันธ์ 5 ให้ได้ กำจัดกิเลสในใจ 3 ตัว (สังโยชน์ 3) ให้หมดไปความเป็นโสดาบันอยู่ไม่ไกลเกินปรารถนา


296.
August 18, 2006 4:03 PM

จิตอาศัยส่วนใดของร่างกาย
สวัสดีค่ะ อาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

ได้มีโอกาสคุยกับเพื่อนๆกัลยาณมิตรและมีคนในกลุ่มถามว่า จิตอาศัยอยู่ในส่วนใดของร่างกายเรา ซึ่งก็มีคนตอบมาต่างๆกันไป บางก็ว่า ถ้าสมองเราตาย จิตเราก็ตายไปด้วย บางก็ว่า ไม่มีที่อาศัย ไม่มีที่อยู่แน่นอน แต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบได้ที่แน่นอน แต่ตามที่ตัวเองเข้าใจคือ จิตอยู่ในตัวเราในทุกส่วนของร่างกาย อยู่ที่ว่าจิตไปรับรู้สภาวะต่าง ๆ ในร่างกาย ที่ใดนั้นก็คือ จิตอยู่ที่นั่นใช่หรือไม่ หรือเรียกว่า สติ นั้นเข้าใจถูกต้องหรือไม่ค่ะ

ขอขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

คำตอบ
    คำว่าสัพพัญญูมีความหมายว่า ผู้รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง สัพพัญญูเป็นคุณสมบัติของพระพุทธเจ้า ถ้าคุณเชื่อพระพุทธะคุณต้องไม่ปลงใจเชื่อตามหลักกาลามสูตร ที่พระพุทธะมอบไว้แก่ชาวโลก แล้วพัฒนาจิตตนเองจนเข้าถึงความรู้แจ้งได้เมื่อใด ก็จะรู้ว่าจิตมีหทัยวัตถุเป็นที่อยู่ประจำในร่างกาย

   หากให้ความหมายของคำว่าตาย หมายถึง สิ้นใจ สิ้นชีวิต ไม่เป็นอยู่อีกต่อไป
เคลื่อนไหวไม่ได้ ฯลฯ คนที่พูดว่าเมื่อสมองตาย จิตก็ตายไปด้วยก็ถูกของผู้มีความเห็นอย่างนั้น คนที่พูดว่าเมื่อสมองตาย จิตจะทิ้งร่างแล้วไปหาร่างใหม่อยู่อาศัย ก็ถูกของผู้มีความเป็นอย่างนั้น คนที่พูดว่าตราบใดที่ร่างกายไม่อยู่ในสภาพให้จิตใช้ทำงานได้ จิตจะทิ้งร่างนี้แล้วไปหาร่างใหม่อยู่อาศัย ฯลฯ ต่าง ๆ เหล่านี้พระพุทธะมิให้ปลงใจเชื่อตามหลักกาลามสูตร แล้วจะทำยังไงดีล่ะ พิสูจน์สิ พัฒนาจิตเข้าถึงปัญญาสูงสุด แล้วเมื่อนั้นแหละแจ่มแจ้งด้วยตนเองได้


295.
August 17, 2006 1:09 PM

เราปฏิบัติธรรม จะทราบได้อย่างไรว่า ได้บรรลุธรรมหรือไม่

ด้วยความเคารพอย่างสูง
นิภา แสงชัยทิพย์

คำตอบ
   อ่านใจตัวเองให้ออกสิครับ ถ้าใจเป็นอิสระ ไม่ตกเป็นทาสของกิเลส ตัณหา อุปาทาน หรือใจเป็นอิสระจากโลกธรรมและวัตถุ ฯลฯทั้งโลกธรรมและวัตถุไม่มีอำนาจเหนือใจได้ เหล่านี้เป็นเครื่องบ่งชี้ใจที่เข้าถึงธรรม ใจบรรลุธรรม รู้เห็นเข้าใจด้วยตัวเอง (สนฺทิฏฐิโก) โดยไม่ต้องเอ่ยปากถามใคร เพราะใจเกิดปัญญาเห็นแจ้งเห็นสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นดับไปตามกฎของไตรลักษณ์ สิ่งเหล่านี้ไม่มีตัวตนใจไม่ยึดจับเอาสิ่งเหล่านั้นมาเป็นของตนใจจึงเป็นอิสระด้วยประการฉะนี้แล

294.
August 16, 2006 7:52 PM

สวัสดีครับอาจารย์สนอง

คือทราบมาว่าการอธิษฐานเป็นบารมีกองหนึ่ง
อยากทราบว่าการอธิษฐานเหมือนหรือต่างกับการขอธรรมดาๆอย่างไรครับ
ทำอย่างไรจึงจะเรียกว่าอธิษฐานครับ

ขอบพระคุณครับ

คำตอบ
    การอธิษฐานเป็นการตั้งจิตให้สำเร็จในสิ่งที่ปรารถนา เมื่ออธิษฐานแล้วผู้อธิษฐานต้องสร้างเหตุให้ตรงกับสิ่งที่ตนได้อธิษฐานไว้ เมื่อใดที่เหตุปัจจัยลงตัว การอธิษฐานจึงจะสำเร็จตามที่ปรารถนา

   ส่วนการ “ ขอ ” เป็นการแสดงด้วยกาย วาจา หรือใจในสิ่งที่ตัวเองไม่มี เพื่อให้ผู้อื่นยกให้ มอบให้ หรือบันดาลให้ ตนเองมีสิ่งที่ร้องขอ พระพุทธะไม่แนะนำให้พุทธศาสนิกทำตัวเป็นผู้ร้องขอหรืออ้อนวอนให้ผู้อื่นบันดาลให้


293.
August 16, 2006 7:08 PM

กราบเรียนท่านอาจารย์สนองที่เคารพเป็นอย่างสูง

   หนูและแฟนได้สวดมนต์เป็นประจำทุกวันคือสวดบูชาพระรัตนตรัย และพาหุงมหากา และบทอิติปิโสเท่าอายุของแฟนบวกหนึ่ง และต่อด้วยการแผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศล แฟนของหนูเป็นชาวฮังการีและได้สวดมนต์มาได้เป็นเวลาประมาณ ๓ ปีคะ ช่วงระยะหลังๆ จนถึงปัจจุบันแฟนของหนูได้บอกหนูว่าได้ยินเสียงประหลาด ในขณะที่สวดมนต์เสร็จแล้วตั้งจิตอธิษฐาน ส่วนหนูเองไม่ได้ยินเสียงอะไร เค้าบอกว่าเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงของกลุ่มคนจำนวนมากคุยกันระงมไปหมด ในบริเวณใกล้ๆ แต่ว่าในขณะที่สวดมนต์นั้นเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนทุกวัน และบริเวณบ้านก็เงียบสงบ เขาบอกว่าเขาไม่สามารถเข้าใจภาษาของเสียงที่คุยกัน ซึ่งตอนช่วงแรกๆ เรา ๒ คนก็คิดกันว่า คงเป็นหูแว่ว แต่เสียงประหลาดนี้ก็ปรากฏทุกวันจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในตอนแรกเค้าก็บอกว่ามันเป็นเรื่องประหลาด แต่ตอนนี้เค้าว่ามันเป็นส่วนหนึ่งไปแล้ว เค้าก็ไม่ได้รู้สึกว่ากลัวแต่อย่างใด แต่ก็สงสัยว่าเป็นเสียงอะไรเพราะเสียงบางทีก็เป็นเหมือนมีเสียงดนตรี บางทีก็เป็นเสียงแบบงึมงำ หนูเองก็ได้แต่บอกเค้าว่าสงสัยอาจจะเป็นเทวดามาร่วมสวดมนต์ด้วย (เป็นการคาดเดา) เค้าก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยจะเชื่อ

   หนูกราบรบกวนท่านอาจารย์ว่าหนูควรจะอธิบายให้เค้าอย่างไรดีคะ หรือหนูควรจะอธิบายให้เค้าเข้าใจว่าในโลกนี้ยังมีหลายสิ่งที่เราไม่สามารถเห็นด้วยตา แต่เมื่อเค้าสวดมนต์พลังงานของความตั้งมั่นแห่งจิตทำให้เค้าสามารถจูนเข้าได้กับคลื่นพลังงานบางอย่างซึ่งเป็นปัจจัตตัง เห็นได้เฉพาะตน เพราะหนูก็ไม่สามารถทำพลังงานให้ได้เท่ากับพลังงานของเขา แฟนหนูเค้ายังไม่ได้เป็นพุทธศาสนิกชนเต็มตัว แต่หนูก็ได้ชักนำให้รู้จักกับการทำบุญโดยพาไปวัดไทยในอังกฤษและได้ช่วยเหลือทางวัดทำสาธารณประโยชน์

   หนูขอคำแนะนำจากท่านอาจารย์คะว่าเค้าควรจะทำอย่างไร หรือควรจะสอนให้เค้ากำหนดแบบการทำวิปัสสนาว่าเสียงหนอ เสียงหนอ และรู้หนอ ซึ่งหนูว่าหนูก็ควรปูพื้นฐานสำหรับการทำสมาธิให้กับเค้าเสียก่อน แต่หนูก็ไม่ทราบว่าจะสอนอย่างไรดี เพราะคนฝรั่งเค้านั่งขัดสมาธิอย่างเราได้ หรือควรจะบอกเค้าไปว่าไม่ต้องไปสนใจก็กำหนดจิตตั้งมั่นและหมั่นสวดมนต์ต่อไป

กราบขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ
สุธีรา (จากประเทศอังกฤษค่ะ)

--
Sutera Ritrawe
CISCA Ltd.

คำตอบ
    การสวดมนต์หากสวดด้วยใจที่จดจ่ออยู่กับบทสวดมนต์เท่ากับเป็นการฝึกจิตให้มีสติ เมื่อสวดบ่อย ๆ จิตจะเกิดความตั้งมั่นจนถึงระดับฌานได้ แล้วโอกาสเกิดโลกียอภิญญาที่เรียกว่า ทิพพโสต (หูทิพย์) มีได้เป็นได้ ที่สามีได้ยินนั้นเป็นเสียงของรูปนามในมิติที่เป็นทิพย์ ตาเนื้อตาหนังมิอาจสัมผัสได้ เพราะเป็นมิติที่ละเอียดอ่อนเมื่อรู้เช่นนี้แล้วหลังจากสามีสวดมนต์เสร็จให้เขากล่าววาจาอุทิศบุญกุศลไปให้สัตว์ที่เกิดร่วมวัฎสงสารที่มีรูปนามเป็นทิพย์ เมื่ออุทิศให้แล้วสามีของคุณก็จะได้สัตว์ (รูปนาม)ในมิติทิพย์เป็นเพื่อน ดีเสียอีกจะได้เพื่อนในต่างมิติไงล่ะ

   ส่วนเรื่องการสวดมนต์ก็ให้ทำต่อไปเป็นปกติจนตาย ทั้งนี้เพื่อรักษาสติให้คงอยู่ เมื่อถึงเวลาทิ้งขันธ์ลาโลก (ตาย) ด้วยการมีสติกำกับ เขาจะได้ไปเกิดในสุคติภพ เช่นเทวดาซึ่งมีรูปนามเป็นทิพย์เช่นกัน


292.
กราบเรียน ดร.สนอง ที่เคารพ

ดิฉันอยากทราบว่าในการฝึกนั่งสมาธิ หรือวิปัสสนากรรมฐาน

1. จำเป็นต้องมีการสมาทานศีล 5 หรือไม่คะ เพราะที่ปฏิบัติอยู่ในตอนนี้ดิฉันไม่เคยสมาทานศีลเลยมีแม่ชีบอกว่าถ้าไม่สมาทานศีลก่อนก็จะปฏิบัติไม่สำเร็จ

คำตอบ
   
ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นหลักของไตรสิกขาที่พระพุทธะมอบไว้แก่ชาวโลก ศีลเป็นพื้นฐานของใจที่นำไปสู่ความตั้งมั่นเป็นสมาธิ ถ้าไม่มีศีลคุมใจให้ได้ก่อน สมาธิจะไม่เกิด การบรรลุธรรมขั้นสูงไม่อาจเกิดขึ้นได้

2. ทำไมเมื่อปฏิบัติไปแล้วเริ่มมีความเบื่อหน่าย ทั้งที่อยากปฏิบัติตลอด

คำตอบ
    ความเบื่อหน่ายมี 2 ลักษณะ เบื่อหน่ายเพราะมีกิเลสครอบครองใจ ผู้ใดเกิดความเบื่อหน่ายอย่างนี้ผู้นั้นจะหยุดทำความดี ส่วนความเบื่อหน่ายที่จิตพัฒนาเข้าสู่นิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่ายแบบหลังนี้ เมื่อเกิดขึ้นกับผู้ใด ผู้นั้นจะเร่งทำความดีให้ยิ่ง ๆ ขึ้น ท่านละเบื่อหน่ายแบบไหน ถ้าเป็นแบบหลังนี้ ขออนุโมทนาด้วย

291.
กราบเรียน อาจารย์สนอง ที่เคารพ

มีความสงสัยในเรื่องการถวายสังฆทานที่ถูกต้อง และการถือศีล 5 ในหัวข้อกาเมสุมิฉา ฯ จึงขอความกรุณาจากอาจารย์ช่วยชี้ทางสว่างในเรื่อง 2 เรื่องนี้ให้ด้วยค่ะ

1) การถวายสังฆทาน ถ้าเราเตรียมเครื่องสังฆทานไปถวายที่วัด และที่วัดมีพระมารับเครื่องสังฆทานนี้เพียงองค์เดียว ถือว่าเป็นการถวายสังฆทานที่ถูกต้องหรือไม่ค่ะ เพราะเคยได้ยินมาว่าต้องมีพระอย่างน้อย 4 องค์ จึงถือเป็นครบองค์สงฆ์ และถ้าท่านรับเฉย ๆ ไม่ได้กล่าวใด ๆ ว่าของเหล่านี้เป็นของสงฆ์ ถือว่าเราได้ถวายเป็นของสงฆ์หรือของพระท่านนั้นองค์เดียวค่ะ

คำตอบ
   
คำว่า สังฆทาน หมายถึงทานที่ถวายให้แก่หมู่สงฆ์ สงฆ์ทุกองค์ที่อยู่ในอาวาสนั้นมีสิทธิ์นำไปใช้ได้ แม้จะมีภิกษุเพียงองค์เดียวมารับทาน แต่เมื่อรับทานแล้วท่านนำไปเก็บไว้เป็นส่วนกลางของหมู่สงฆ์ ทานนั้นถือว่าเป็นสังฆทาน ผู้ถวายได้รับอานิสงส์แห่งทานมาก แต่ถ้ามีภิกษุ 4 องค์มารับทาน เมื่อรับแล้วนำไปเก็บไว้เป็นของส่วนตัวไม่ถือว่าเป็นสังฆทาน เป็นเพียงปุคลิกทาน ผู้ถวายได้อานิสงส์แห่งทานน้อยกว่า

   ดังนั้นก่อนที่ฆราวาสจะถวายทาน ต้องแสดงเจตนาให้ชัดว่าถวายเป็นปุคคลิกทาน หรือถวายเป็นสังฆทาน ส่วนภิกษุจะกล่าววาจาหรือไม่กล่าววาจาว่ารับเป็นทานประเภทใด ยังไม่สำคัญเท่ากับทานที่รับไปแล้วเอาไปเก็บไว้ในส่วนใด เก็บไว้ส่วนตัว หรือเก็บไว้เป็นส่วนรวม

2) ศีลในข้อ กาเมสุมิฉา ฯ ถ้ามีชายคนหนึ่งได้แต่งงานแล้ว และภรรยาได้สนับสนุนให้ไปมีผู้หญิงอีกคน โดยผู้หญิงคนนั้นก็เต็มใจและทำงานเลี้ยงตัวเองได้แล้ว ไม่ได้เป็นเด็กหรือนักศึกษา ถือว่าชายคนนี้ทำผิดศีลข้อนี้หรือไม่ค่ะ (บางคนบอกว่าไม่ผิดเพราะเขาไม่ได้ล่วงเกินลูกหรือเมียใคร)
           กราบขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
    ทุกคนเกิดมาต้องมีพ่อแม่ให้กำเนิด ฉะนั้นการล่วงละเมิดหญิงที่มีเจ้าของ (พ่อแม่) และเจ้าของยังไม่อนุญาตยกให้เป็นภรรยา ถือว่าผิดศีลข้อ 3

290.
กราบเรียน อาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ที่เคารพ

ผมขออนุญาตเรียนถามปัญหากับอาจารย์ดังนี้ครับ
    ผมจะเจริญสติเกือบทุกวัน ถ้าไม่ติดภารกิจอื่นๆ ตั้งแต่ 3.00 น. โดยการเดินจงกรม 1 ชม. และนั่งวิปัสสนากรรมฐานอีก 1.5 ชม. พอผมนั่งไปได้ประมาณ 20 นาที ผมเริ่มรู้สึกว่ามือผมที่วางที่หน้าตัก มันว่าง ๆ เหมือนไม่มีมือ ผมจึงกำหนด "ว่างหนอ รู้หนอ ๆ" แต่อาการดังกล่าวก็ไม่หาย
และร่างกายผมก็ค่อย ๆ ว่าง จนเหลืออยู่ 3 จุดที่ผมยังรู้สึกคือ
1. อาการของท้องพอง ท้องยุบ ที่ผมใช้สติตามดูอยู่ตลอดเวลา
2. รู้สึกถึงตาตุ่มของเท้าซ้ายที่ถูกทับอยู่ แต่ไม่ใช่เวทนา หรือการปวดแต่อย่างไร
3. รู้สึกถึงขาขวา ท่อนบน ที่มันเหมือนจะเป็นอาการชา ๆ แต่ไม่ปวดแบบเวทนา

ผมติดอยู่ในอารมณ์นี้เกือบครบเวลาที่ตั้งไว้ โดยการกำหนดสติรู้ ดูอยู่ที่หน้าท้อง พอง-ยุบ ตลอดเวลา ผมอยากเรียนถามอาจารย์ว่า สภาวะแบบนี้เป็น ปีติ หรือเปล่า? เพราะผมเกรงว่าจะไปติดอยู่กับปีติ จนการปฏิบัติไม่ก้าวหน้า ขอให้อาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยครับ

    - - - แต่ก่อนที่ผมจะกำหนดออกจากสมาธิประมาณ 10 นาที รู้สึกถึงเวทนาอย่างแท้จริง คือปวดเข้ากระดูก ผมจึงกำหนดตามดูอาการปวดนั้น จนครบเวลาที่ตั้งสัจจะไว้

ขอขอบคุณในความเมตตาของท่านที่ช่วยตอบคำถามและเป็นครูสอบอารมณ์ให้กับนักปฏิบัติทุกคนครับ

ทุกครั้งหลังจาก ผมสวดมนต์หรือเจริญสติเสร็จ ผมจะอุทิศส่วนกุศลให้กับอาจารย์เสมอครับ ในฐานะที่ท่านเป็นกัลยาณมิตรให้กับผม แม้จะไม่ได้เคยพบอาจารย์ แต่คำบอกกล่าวที่อาจารย์ได้เขียนไว้ในหนังสือ ทางสายเอก นั้น นับเป็นคำบอกกล่าวของกัลยาณมิตรที่มีค่ายิ่ง

คัมภีร์

คำตอบ
(1) คำว่าเหมือนไม่มีมือ แสดงว่ายังมีมือลักษณะนี้เป็นเครื่องบ่งชี้ว่า กำลังของสติยังไม่กล้าแข็งมี ๆ หลุด ๆต้องแก้ไขด้วยการกำหนดในใจว่า “ รู้หนอๆ ๆ ๆ ” เรื่อยไปจนกว่าความรู้สึกดังกล่าวจะหายไปสิ้นเชิง แล้วจึงดึงจิตมาระลึกรู้อยู่ที่อาการพองยุบของผนังหน้าท้อง

(2) ความรู้สึกลงไประลึกรู้อยู่ที่ตาตุ่ม ต้องกำหนดเหมือนข้อ (1)

(3) เมื่อความรู้สึกลงไประลึกรู้อยู่ที่ขาขวาท่อนบนต้องกำหนดเหมือนข้อ (1)

อาการทั้งหมดไม่ใช่ปีติ แต่เป็นอาการของสติที่ยังกวัดแกว่งไประลึกรู้ในที่ต่าง ๆ ยังไม่มีความตั้งมั่นมากพอที่จะนำไปใช้ในการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานได้


289.
ดิฉันมีเรืองสงสัยอยากเรียนถามดังนี้ค่ะ

1 เวลาที่เราอนุโมทนาบุญอยู่ในใจเงียบๆ
จะได้ผลต่างกับการกล่าวออกมาดังๆหรือไม่ค่ะ

คำตอบ
    ได้บุญทางด้านมโนกรรมอย่างเดียว แต่ถ้ากล่าวคำอนุโมทนาด้วยจะได้บุญทั้งมโนกรรมและวจีกรรมด้วย

2 เวลานั่งสมาธิ บางทีก็หลับไป อยากเรียนถามว่าพอเรารู้สึกตัวว่าเราหลับไป
เราควรนอนพักผ่อนแล้วค่อยตื่นมาทำสมาธิให่มหรือว่า เราควรพยายามนั่งสมาธิต่อค่ะ

คำตอบ
    ตอนหลับจะไม่รู้สึกตัว เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วจึงรู้สึกตัวสามารถนั่งสมาธิใหม่ได้ ถ้ารู้สึกว่าง่วงนอนหรือกำลังจะหลับให้เปลี่ยนอิริยาบถจากนั่งภาวนามาเป็นเดินจงกรมแทนหรือหายใจเข้าลึก ๆ 20 ครั้ง หรืออาบน้ำสระผม ฯลฯ แล้วจึงกลับมานั่งสมาธิใหม่สลับกับเดินจงกรม ก็จะทำให้ปัญหานี้คลายลงได้

3 ดิฉันมีพี่ชายคนหนึ่ง เค้าโกหกพ่อเรื่องเงินค่าเทอม คือเค้ามาเบิกเกินค่ะ
แล้วบังเอิญดิฉันไปเห็นใบเสร็จและรู้ว่าเค้าโกหก
แต่ดิฉันก็ไม่กล้าบอกพ่อเพราะกลัวว่าพ่อจะไปโวยวายและทะเลาะกับพี่
อยากเรียนถามว่า ดิฉันบาปไหมค่ะ แล้วดิฉันควรทำอย่างไรดี

กราบเรียนถามมาด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ
คำตอบ
    รู้ว่าพี่ชายโกหกพ่อแล้วตัวเองไม่สบายใจก็ถือว่าเป็นบาป หากอยู่ในฐานะที่เตือนกันได้ ควรไปพูดคุยกับพี่ชายว่าการทำเช่นนั้นผิดศีลข้อ 4 และ ข้อ 2 ตายแล้วมีโอกาสไปเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิได้ หากเขาไม่เชื่อและไม่ทำตาม คุณต้องปล่อยวาง คิดเสียว่ามันเป็นวิบากกรรมที่สอง พ่อลูกผูกกันไว้แต่อดีตชาติก็ต้องใช้หนี้เวรกรรมกันไป

288.
กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร.สนองที่เคารพอย่างยิ่ง

ขอเรียนสอบถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ

ดิฉันกำลังศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาของสมองโดยใช้ปลาเป็นรูปแบบ
ต้องมีการฆ่าปลาจำนวนมาก ดิฉันผิดศีลข้อที่ 1 หรือไม่คะ
หากพิจารณาตาม ดังนี้
   1. เจตนาฆ่า..ไม่มีเจตนาฆ่า
   2. ลงมือกระทำ..แต่เป็นผู้กระทำ เพื่อการศึกษา
   3. ยินดีในการกระทำ..ไม่ยินดีในการกระทำ เกิดความเคร้าหมองในใจ

เนื่องจากดิฉันได้สมาทานถือศีลห้าค่ะ..แล้วศีลห้าจะบริสุทธิ์ได้อย่างไรคะ
และต้องทำงานวิจัยต่อเนื่องต่อไป เนื่องจากเป็นอาชีพ เราจะมีวิธีแก้อย่างไรคะ

ก็พยายามมองว่าได้ทั้งบุญและบาป..และขึ้นกับจิตขณะปฏิบัติด้วยใช่ไหมคะ
ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์มากค่ะที่ช่วยชี้แนะ

คำตอบ
เวลาจะจับปลามาฆ่า ปลาว่ายน้ำเข้ามาหามือ หรือปลาว่ายน้ำหนีสุดชีวิต ถ้าปลาว่ายน้ำหนีแสดงว่า ปลาก็รักและหวงแหนชีวิตของเขา เขายังไม่อยากตาย แม้จะถูกจับอยู่ในมือมนุษย์ปลายังดิ้นสุดแรง เพื่อเอาชีวิตอยู่รอด ผู้ใดพรากจิตไปจากร่างของสัตว์ พระพุทธะบัญญัติไว้เป็นวิบัติข้อแรก (ปาณาติบาต) บาปแน่นอน

1.  การทดลองการพัฒนาของสมอง โดยกำหนดไว้ในเผยการทดลองว่าจะต้องฆ่าปลา นี่แหละที่เรียกว่า “ เจตนา ” ถ้าปลอดจากเจตนาต้องไม่กำหนดให้มีการฆ่าปลา หากปลาตายโดยเหตุอื่นที่อยู่นอกเจตนา เช่น ตายเพราะขาดออกซิเจน อย่างนี้ไม่เรียกว่าเจตนา

2.   ลงมือฆ่าเป็นกรรมฝ่ายอกุศลเป็นบาป แต่เมื่อนำความรู้ที่ได้ไปช่วยเหลือผู้อื่นเป็นบุญ ดังนั้นการกระทำอย่างนี้จึงได้ทั้งบาปได้ทั้งบุญสั่งสมอยู่ในจิตของผู้กระทำ

3.  ถ้าไม่ยินดีทำบาปแล้ว การทดลองเรื่องการพัฒนาสมองโดยกำหนดให้มีการฆ่า จะไม่เกิดขึ้นแน่นอน ดังนั้นการทดลองนี้เกิดขึ้นได้เพราะมีจิตยินดีพอใจที่จะทำ

คนรู้ศีลต่างจากคนมีศีล คนที่สมาทานศีล 5 คือคนที่รับเอาศีล 5 มาปฏิบัติให้มีอยู่ในจิตใจ อย่างนี้เรียกว่าคนมีศีล ไม่ละเมิด ไม่ก้าวล่วงในศีลที่สมาทาน แต่คนรู้ศีลสามารถละเมิดศีล 5 ได้โดยไม่มีความเกรงกลัวบาปจะตามมาให้ผล การละเมิดศีลอย่างนี้ในสังโยชน์ 10 เรียกว่า “ สีลัพพตปรามาส ” ปฏิบัติธรรมอย่างไรก็ไม่สามารถเข้าถึงมรรคผลได้

ยังไม่หยุดฆ่าโดยอ้างเหตุว่า ต้องทำงานวิจัยต่อเนื่องต่อไปเป็นข้ออ้างที่ถูกตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ เพราะวิทยาศาสตร์คำนึงถึงเหตุและผลเพียงอย่างเดียว แต่ในพุทธศาสนาคำนึงถึงเหตุและผลที่อยู่บนพื้นฐานของศีลและธรรม ในฐานะที่ผู้ตอบปัญหาเคยเป็นนักวิทยาศาสตร์และได้ทำงานวิจัยในทำนองเช่นนี้มาก่อน จึงขออนุญาตเสนอแนะ โดยจะปฏิบัติตามหรือไม่ก็เป็นสิทธิ์ของคุณ ว่าถ้าหยุดการฆ่าได้แล้วประพฤติศีล 5 ข้อให้มีอยู่ครบในใจ โอกาสเข้าถึงมรรคผลในการปฏิบัติธรรมย่อมมีได้เป็นได้ แต่ถ้ายังหยุดการฆ่าไม่ได้ด้วยเหตุผลใดก็ตามผู้ฆ่าต้องทำบุญอยู่เสมอ แล้วอุทิศบุญกุศลให้กับสัตว์ที่ถูกฆ่า (ใช้หนี้กรรม) ทั้งนี้เพื่อให้บาปกรรมตามผู้ฆ่าไม่ทัน แล้วคุณก็จะปลอดภัยจากการตายในวัยที่ยังไม่สมควรตาย ต้องขออภัยในคำตอบที่ไม่คล้อยตามตัณหาของนักวิทยาศาสตร์

287.
ขอเรียนถามอาจารย์ ดร. สนองดังนี้

1. จะทำอย่างไรกับรูปภาพพระพุทธรูป หรือภาพพระอริยสงฆ์ หลวงพ่อต่างๆ ที่เราไม่เอา เพื่อไม่ให้เป็นการล่วงเกินพระพุทธรัตนตรัย

คืออยากจะทิ้ง หรือฉีก ก็เกรงว่าจะเป็นบาป ขอให้ท่านอาจารย์ช่วยแนะนำด้วยครับ และหากเห็นภาพเหล่านี้ตกอยู่ในที่ไม่เหมาะสม ควรจะทำอย่างไรครับ

คำตอบ
   
เรื่องที่เล่าไปให้ฟังทั้งหมดมาจากเหตุที่มีความเห็นผิด (มิจฉาทิฏฐิ) เพราะเอาใจไปเป็นทาสของวัตถุสมมติที่ตาเห็น ถ้าเชื่อพระพุทธะแล้วลงมือพัฒนาจิตตนเองให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง ความเห็นถูกตามธรรม (สัมมาทิฏฐิ) ก็จะเกิดขึ้น ผู้มีความเห็นถูกมีจิตเป็นอิสระต่อสรรพสิ่ง ไม่หลงผิดเอาภาพที่เป็นวัตถุสมมติมาเป็นอารมณ์หากปรับปรุงแก้ไขปัญญาของตนเองให้ได้อย่างนี้แล้วปัญหาเรื่องนี้จะหมดไป

2. ปัจจุบันนี้มีการพิมพ์รูปพระไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูป หรือพระสงฆ์ลงในสิ่งพิมพ์ต่างๆ เช่น หนังสือพิมพ์ แสตมป์ เป็นต้น ซึ่งสิ่งพิมพ์เหล่านี้สามารถตกไปตามที่ต่างๆที่ไม่เหมาะสม เช่นขยะ ผู้ทำสิ่งพิมพ์เหล่านี้จะมีบาปหรือไม่
   ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
     เศวตศรีถวัลย์

คำตอบ
    กรรมอยู่ที่เจตนา ผู้ผลิตสิ่งพิมพ์ดังกล่าว มีเจตนาดีทางโลก ต้องการเผยแพร่สิ่งที่เขาศรัทธา เคารพบูชา ให้คนอื่นได้รู้ได้เห็นไม่เป็นบาปหรอกครับ

286.
กราบเรียนอาจารย์สนองที่เคารพ

ขอขอบพระคุณอย่างสูงที่อาจารย์ได้ให้ความกรุณาตอบคำถามที่ดิฉันได้เรียนถามข้างล่างว่านิมิตเกิดขึ้นได้อย่างไรนั้น (คำถามที่ 283 ) และอาจารย์ได้ตอบว่า

"นิมิตเกิดขึ้นได้กับทุกดวงจิต ที่มีความตั้งมั่นเป็นสมาธิ สมาธิไม่จำเป็นต้องนั่งภาวนา ผู้ที่มีประสบการณ์ในการฝึกจิตมาก่อน ฝึกจิตยาวนาน"

อันที่จริงดิฉันเพิ่งจะเริ่มทำสมาธิได้เพียงไม่ถึงเดือนก็ได้เกิดนิมิตขึ้นครั้งแรก ซึ่งเหตุการณ์นิมิตทั้งสองเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายนและกรกฎาคมนี้เองและเกิดขึ้นในเวลาห่างกัน 1 เดือนพอดี

อีกเรื่องหนึ่งคือเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งในเวลานั้นดิฉันไม่เคยมีการทำสมาธิมาก่อนเลย วันหนึ่งดิฉันไม่ระวังและไปสะดุดชนขอบตู้ไม้อย่างแรงทำให้เกิดความเจ็บปวดอย่างมาก ทันใดนั้นดิฉันเกิดความคิดแวบขึ้นมาว่าพระทีปฏิบัตธรรมมานานสามารถรับการผ่าตัดโดยไม่ต้องวางยาสลบ เมื่อคิดเช่นนั้นดิฉันก็ทำจิตนิ่งและหายเจ็บในวินาทีนั้นเป็นปลิดทิ้ง ในเวลานั้นดิฉันดีใจที่หายเจ็บและคิดในใจว่าทำได้จริงๆด้วย พอคิดเท่านั้นก็เกิดความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นมาเช่นเดิม ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะจิตเกิดความไม่นิ่ง ดิฉันจึงเริ่มทำจิตนิ่งอีกครั้ง และนิ่งอยู่นานรอจนกระทั่งคิดว่าความเจ็บนั้นจะค่อยๆคลายตัวไปเองเมื่อเวลาผ่านไป และก็เป็นจริงเช่นนั้น เมื่อดิฉันเริ่มคลายจากความนิ่งอีกครั้งก็พบว่ามีความรู้สึกเจ็บหลงเหลือน้อยมากจนอาจกล่าวได้ว่าไม่มีความเจ็บหลงเหลืออยู่อีก แต่อาจจะมีความรู้สึกเล็กน้อยจากแรงกระแทก พอสักประมาณ 1-2 วินาทีผ่านไป ก็หายเป็นปลิดทิ้ง

1) ไม่ทราบว่าที่ดิฉันเล่ามาทั้งหมดเป็นความเข้าใจที่ถูกต้องหรือไม่ว่าความเจ็บปวดนั้นหายได้เพราะการทำจิตให้ว่าง หากใช่ดิฉันอยากแนะนำให้ผู้ที่ประสบความเจ็บปวดทางกายแบบเดียวกันนี้ จะสามารถนำวิธีนี้ไปลองทำดูก็จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดทางกายไปได้เป็นปลิดทิ้ง หรือหากอาจารย์มีข้อแนะนำอื่นๆก็จะเป็นพระคุณอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
  
  คำว่ามีประสบการณ์ฝึกจิตมายาวนาน หมายความว่าเคยฝึกมาก่อนในอดีตชาติ

   ส่วนเรื่องความเจ็บปวดหายได้ หากทำจิตใจว่าง คำว่า “ ว่าง ” หมายถึงว่างจากอารมณ์ปรุงแต่ง คือว่างจากความเจ็บปวดนั่นเอง คนที่เดินไปสะดุดขอบตู้ หากกันใจไม่ให้ไปรับสัมผัส มาปรุงเป็นอารมณ์ได้ ความเจ็บปวดจะไม่มี

2) อันที่จริงดิฉันเพิ่งจะเริ่มทำสมาธิได้ไม่ถึงเดือนก็เกิดนิมิตขึ้นนั้น เป็นไปได้หรือไม่คะว่าสาเหตุอาจเป็นเพราะในชีวิตประจำวันดิฉันรู้สึกว่าโดยรวมๆแล้วตนเองมีความสงบสุขอยู่แล้วเป็นนิจ แม้จะไม่ได้ทำสมาธิก็สงบอยู่แล้ว แต่ถ้าได้ทำสมาธิก็ยิ่งสงบกว่า ดังนั้นแม้จะเพิ่งเริ่มทำสมาธิก็สามารถเกิดนิมิตขึ้นได้ง่ายๆแม้จะไม่ได้อยู่ในเวลาทำสมาธิก็ตาม

คำตอบ
   
ที่บอกเล่าไปก็เป็นเครื่องยืนยันได้ว่า อดีตชาติเคยฝึกจิตจนมีความตั้งมั่นเป็นสมาธิมาก่อนแล้ว ชีวิตนี้ใช้เวลาฝึกไม่นานเท่าไร นิมิตก็สามารถเกิดขึ้นได้ง่าย

3) รบกวนอาจารย์ให้คำอธิบายคำว่า "สัตว์ที่มีรูปกายเป็นทิพย์" ว่าคืออะไรและมีกี่จำพวก อะไรบ้างค่ะ     ขอขอบพระคุณอย่างสูงในความกรุณาของอาจารย์ที่ได้สละเวลาอันมีค่าในการตอบคำถามนี้
       ขอแสดงความนับถืออย่างสูง   
    แสงอรุณ

คำตอบ
    สัตว์ที่มีรูปกายเป็นทิพย์หมายถึง สัตว์ที่มีกายละเอียด ที่ตาเนื้อตาหนังไม่อาจมองเห็นได้ ได้แก่ สัตว์นรก เปรต อสุรกาย เทวดา และพรหม

285.
กราบเรียน ดร.สนอง ที่เคารพ ดิฉันมีคำถามดังต่อไปนี้

1. เวลาเดินจงกรม ตอนยืน,เดิน และนั่งสมาธิ มักจะกังวลที่ลมหายใจตลอดเวลา ทำให้รู้สึกอึดอัด ไม่เป็นธรรมชาติเลย ทำแล้วไม่สบายใจกลับกังวลมากขึ้น และบังคับตัวเองจนแข็ง แม้แต่ในเวลาปกติที่ไม่ได้ทำกรรมฐานแล้วก็ตาม ไม่มีสติเลยมีแต่ความฟุ้งซ่านตลอดพยายามกำหนด แต่ไม่ทันสักกที ทำให้ท้อมาก ๆ

คำตอบ
   
ความกังวลเป็นเรื่องปกติของคนมีสติยังไม่กล้าแข็ง ยังมีใจเป็นทาสของกิเลส ในกรณีของคุณหากประสงค์จะตัดความกังวลให้ขาดไปจากใจ ต้องปฏิบัติให้ได้ 2 เรื่อง คือ ทุกครั้งที่เกิดความกังวล ต้องเอาใจไปจดจ่อกับเรื่องที่กังวล แล้วกำหนดในใจว่า “ กังวลหนอ ๆ ๆ ๆ ” เรื่อยไปจนกว่าความกังวลจะดับไปแล้วไม่กลับมาเกิดอีก จึงค่อยดึงจิตกลับมาสู่องค์ภาวนาเดิม เรื่องที่สองที่ต้องปฏิบัติคือ หมั่นเป็นคนให้ทานอยู่เสมอ โดยเฉพาะอภัยทาน ต้องทำบ่อย ๆ หากแก้สองข้อนี้ได้ปัญหาก็จะหมดไปชั่วคราว

2. การตามรู้ว่าขณะนั้นจิตกำลังคิด ดี ไม่ดี ออกไปเที่ยว หรือ รู้ว่าฟุ้งซ่าน ปรุงแต่ง ได้ยินอะไรมาก็คิดปรุงแต่ง พอรู้ว่าคิดก็หยุด แต่พอสักพักก็คิดอีก บางทีกว่าจะรู้ตัวก็นานมาก อยากถาม ท่านว่า ดิฉันควรปฏิบัติกรรมฐานตามจริตไหนดี

คำตอบ
   
จริตของแต่ละคนเป็นนิสัยเฉพาะตน ปรับแก้ไขได้ยากจริตแบบไหนไม่สำคัญ ปฏิบัติธรรมได้ทุกจริต ในกรณีของคุณ หากเจริญพรหมวิหาร 4 ให้ได้พร้อมกับเร่งความเพียรในการเจริญสติ การปฏิบัติธรรมสามารถบรรลุมรรคผลได้ง่าย ปัญหาอยู่ที่ว่าคุณมีความศรัทธาในคำแนะนำนี้เต็มร้อยไหม และคุณสามารถนำเอาพรหมวิหาร 4 มาบรรจุไว้ในใจได้แค่ไหน นั่นแหละคือต้นเหตุที่จะทำให้ปัญหาถูกแก้ไขให้หมดไป

3. ดิฉันมีกรรมมาตั้งแต่เด็ก ๆ มักต้องมารับกรรมอย่างนี้อยู่เสมอ ๆ โดยมากจะโดนกล่าวหาว่า เราทำผิด นินทาว่าร้ายผู้อื่น ขโมย ขี้โกง เอาความลับของเพื่อนไปบอกคนอื่น ถ้าได้เข้าไปมีเพื่อนสนิทที่ชอบยุและว่าคน ระยะหนึ่งเขาก็จะโกรธเราที่ไม่ได้ดั่งใจ ต่อมาคำพูดที่เขาว่าคนอื่น จะเป็นคำพูดที่เขาเอาไปบอกคนนั้น ๆ ว่า เราเป็นผู้ว่า และคนนั้นก็จะโกรธเราไปอย่างไม่ฟังเหตุผลอะไรทั้งนั้น ซึ่งเรื่องนินทาคนนั้นแค่เรากล่าวถึงคนอื่นในทางไม่ดีหรือรับฟังมันก็บาปแล้วเราก็ทราบ แต่บางทีความสนินสนมคิดว่าเขาจะไม่หักหลังเราแบบนี้ เราก็มักเห็นด้วยและคล้อยตามไป แต่กรรมที่ได้รับคือคนอื่นจะไม่ถามว่าจริงหรือเปล่า แต่จะบอกคนอื่นและสรุปเลยว่าเราทำ เราเป็นคนไม่ดี ไม่ควรคบ

ในขณะนี้ ดิฉันกำลังประสบอยู่เป็นเพื่อนร่วมงาน เขาราวีตลอด แต่ไม่บอกเหตุผลว่าเราว่าอะไรเขาจึงโกรธมากไม่ยอมเลิกรา เขาให้เพื่อนสนิทที่เป้นผู้จัดการไปฟ้องถึงเจ้าของกิจการ หลังจากที่บอกคนอื่น ๆ แล้วยังไม่พอใจ ตอนนี้ดิฉันอดทนอย่างมาก แต่บางทีก็อดไม่ได้จึงพูดกับคนที่เข้าใจเราว่า ทำไมไม่ยอมเลิกราสักที และไม่อยากรู้แล้วว่ามันเรื่องอะไร เมื่อก่อนที่เขาว่าเราผิด เราก็ขอโทษไปแล้วทั้งที่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร เผื่อจะดีขึ้นกลับแย่ลงไปอีก กลายเป็นว่าเรายอมรับผิดไป

จึงอยากเรียนถามอาจารย์ว่า เป็นเพราะเหตุอันใด ขอบพระคุณมากค่ะ
    สาธิตา

คำตอบ
   
ทุกคนที่เกิดมาล้วนต่างมีกรรมกันทุกคน ใครทำกรรมไม่ดีไว้มาก จิตจะสั่งสมกรรมไม่ดีไว้มาก เมื่อกรรมให้ผล อุปสรรคและปัญหาของชีวิตย่อมมีมาก ใครทำกรรมไม่ดีมาน้อย แต่ทำกรรมดีไว้มาก อุปสรรคและปัญหาของชีวิตย่อมมีน้อย มีความสุขสบายมากทั้งหมดของกรรมที่ทำไว้แต่อดีตเป็นเรื่องที่แก้ไขไม่ได้ ทำไมไม่คิดทำแต่กรรมดี ๆ และหยุดทำกรรมไม่ดีให้ได้ในปัจจุบันนี้ล่ะ ผู้รู้เขาทำกันอย่างนี้ ในวันข้างหน้าเขาย่อมได้รับผลของกรรมดีแน่นอน

   ใครเขาจะคิด จะพูด จะทำ จะสรุปอย่างไรกับคุณ มันเป็นเรื่องของเขา คุณไปห้ามเขาไม่ได้ เรื่องของคุณอยู่ที่ว่าแต่นี้ต่อไปคุณต้องหยุดคิด หยุดพูด หยุดทำ หยุดสรุปไม่ดีกับคนอื่นให้ได้แล้วนั่นแหละปัญหาต่าง ๆ จะหมดไปเมื่อกรรมใหม่ให้ผล

   เรื่องที่เพื่อนร่วมงานราวีคุณ เป็นอกุศลวิบาก ที่คุณสร้างวีรกรรมอันเป็นอกุศลกับเขาไว้ก่อนนั่นเอง ถ้าคุณไม่ยอมชดใช้หนี้เวรกรรมให้เขาไป แล้วเมื่อไหร่หนี้ที่ก่อไว้ จะหมดไปได้ล่ะคิดจะไม่ใช้หนี้ คิดจะเบี้ยวหนี้ คิดจะหนีหนี้ ไม่สำเร็จหรอก ดูตัวอย่างของพระมหาโมคคัลลานะสิ หนีหนี้กรรมที่ไปทุบแม่จนตายแล้วหลายภพหลายชาติ ในที่สุดเมื่อหนี้เวรกรรมตามทัน ยังต้องชดใช้ด้วยการถูกโจรทุบจนตาย เช่นเดียวกัน ตอนที่ผู้ตอบปัญหาไปปฏิบัติธรรมอยู่กับเจ้าคุณโชดก เมื่อหนี้เวรกรรมตามทันจับต้องชดใช้หนี้กรรมให้หมดกันไป

   เรื่องกล่าวคำขอโทษ คุณมีสิทธิ์ทำได้ แต่การยกโทษให้เป็นสิทธิ์ของเขาว่าจะยกโทษให้หรือไม่ ตัวอย่างสมมติ(ไม่ใช่เรื่องจริง) ว่ามีเพื่อนมาขอยืมเงินคุณไปก้อนหนึ่ง เขาเอาไปซ่อมรถที่ชนกันพอถึงกำหนดใช้หนี้เขาไม่มีเงิน เขามาบอกว่า “ ขอโทษนะ เงินที่ยืมไปไม่สามารถหามาใช้หนี้ได้ ขอยกเลิกหนี้นะ ” ถามว่าคุณจะยกโทษยกหนี้ให้เขาได้ไหม หากคุณยังโกรธและคิดอกุศลกับเขา ก็แสดงว่าคุณไม่ให้อภัยเขา คุณไม่ยกโทษให้เขา

284.
กราบเรียน ดร.สนองที่เคารพอย่างสูง

หนูมีความสงสัยในคำว่า"กัลยาณพาล"ที่อาจารย์อ้างถึง (ข้อ 263)
อยากทราบว่าปุถุชนที่ถือศีล5และปฏิบัติธรรมแต่ยังไม่บรรลุมรรค ผล
เช่นนี้ถือว่าเป็นกัลยาณพาลหรือไม่คะ

กราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ
จากผู้ที่สงสัยว่าตัวเองเป็นกัลยาณพาลหรือไม่

คำตอบ
    กัลยาณพาล คือคนที่มีพฤติกรรมดี มีศีล 5 ครองใจอยู่ทุกขณะตื่น แต่ใจยังมีกำลังของสติสัมปชัญญะยังไม่กล้าแข็ง พอที่จะตัดกิเลสให้ขาดลงได้ ใจยังมีโมหะ ใจยังตกเป็นทาสของกิเลส ตัณหา อุปาทาน ยังไม่ฉลาดในทางแห่งมรรคผลนิพพาน จึงสมมุติเรียก บุคคลผู้มีลักษณะดังกล่าวว่าเป็นกัลยาณพาล

283.
นิมิตเกิดขึ้นได้อย่างไร
กราบเรียนอาจารย์สนองที่เคารพ

   ตามที่ดิฉันได้เคยเรียนถามอาจารย์เรื่องนิมิตที่เกิดขึ้นขณะนอนสมาธิว่าเห็นรูปพระพุทธรูปปางสมาธิสีขาว และมีรัศมีล้อมรอบเป็นสีขาวและเหลืองสลับกันไปมา 3 วง และสามารถควบคุมให้รูปเล็กหรือใหญ่ได้เหมือนการซูมภาพจากกล้องหรือ COMPUTER ว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรนั้น อาจารย์ได้อธิบายให้ทราบว่าเป็นเพราะพลังสมาธิ และไม่ให้ยึดติดกับสิ่งที่เห็น เพราะจะเป็นการขัดขวางการไปสู่การทำวิปัสสนานั้น ดิฉันขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงในคำแนะนำนั้น

   หนึ่งเดือนผ่านไปหลังจากการเห็นนิมิตครั้งแรก ขณะที่ดิฉันกำลังไปนั่งให้หมอนวดสาววัยกลางคนนวดเท้าเพื่อสุขภาพ (ตามที่เป็นที่นิยมเปิดร้านกันมากมายในกรุงเทพฯในขณะนี้) ขณะที่กำลังให้หมอนวดๆเท้า ดิฉันนั่งหลับตานิ่งๆ ไม่ได้คิดอะไร จู่ๆก็เกิดเห็นรูปเหมือนพระจันทร์สีเหลือง มีวงกลมล้อมสีขาว 1 วงและถัดไปเป้นสีเหลืองแบบเดียวกับพระจันทร์ โดยในดวงจันทร์มีรูปหัวใจเล็กๆสีขาวปรากฎ สักพักก็เปลี่ยนจากหัวใจกลายเป็นรูปพระอาทิตย์ครึ่งวงกลมเหมือนเพิ่งโผล่จากน้ำทะเลตอนเช้า และสักพักก็หายไปเอง แต่ละภาพเกิดขึ้นประมาณ 5 วินาที ดิฉันรู้สึกประหลาดใจในสิ่งที่เห็นเพราะไม่เคยเห็นภาพลักษณะนี้มาก่อน และก็ไม่ได้เคยไปคิดถึงเรื่องหัวใจ (หรือความรัก) หรือพระอาทิตย์แต่อย่างใด แต่เกิดขึ้นเองโดยขณะจิตนิ่งไม่ได้คิดอะไรเลย และเกิดขึ้นอย่างง่ายๆ ทั้งที่มีหมอนวดกำลังนวดเท้าอยู่ จึงสงสัยว่าทำไมนิมิตจึงเกิดขึ้นได้ง่ายดายเช่นนี้และเกิดขึ้นเพราะเหตุใด

เพื่อให้อาจารย์เห็นภาพนิมิตที่ดิฉันเห็น ดิฉันได้แนบรูปทั้งสามมาให้อาจารย์ดูด้วย เพื่ออาจารย์จะได้เห็นภาพด้วยค่ะ

ขอขอบพระคุณอย่างสูงในความกรุณาของอาจารย์ในครั้งนี้

ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง
แสงอรุณ

   

คำตอบ
  
 นิมิตเกิดขึ้นได้กับทุกดวงจิต ที่มีความตั้งมั่นเป็นสมาธิ สมาธิไม่จำเป็นต้องนั่งภาวนา ผู้ที่มีประสบการณ์ในการฝึกจิตมาก่อน ฝึกจิตยาวนาน โอกาสเกิดนิมิตมีได้เสมอในทุกอิริยาบถที่จิตเป็นสมาธิ ภาพที่เกิดขึ้นนั้นเห็นผลจากสมาธินั่นเอง ยังไม่เป็นวิปัสสนากรรมฐาน เพราะปัญญาเห็นแจ้งนิมิตยังไม่เกิดขึ้น ถ้าเมื่อใดจิตเป็นแจ้งนิมิต จิตไม่เอานิมิตมาปรุงเป็นอารมณ์ จิตปล่อยวางนิมิต จิตเป็นอิสระจากนิมิต นั่นแหละการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน จึงจะดำเนินไปถูกตรง แนวทางของพระพุทธะ

 

282.
เรียนอาจารย์สนองที่เคารพ

หนูมีข้อสงสัยที่เกิดจากการปฏิบัติ 2 ข้อ ดังนี้ค่ะ

1) เดือนที่แล้วหนูขึ้นไปปฏิบัติธรรมที่เชียงใหม่ค่ะ วันนั้นนั่งสมาธิได้ประมาณเข้าช.ม.ที่ 2 หรือที่ 3
ไม่แน่ใจ ก็มีอาการรู้สึกคันที่หัวเข่า หนูก็พิจารณาว่ามันบังคับไม่ได้ มันเป็นอนัตตา
(ที่นั่นเค้าสอนว่ารู้สึกที่ใจอย่างไร ก็ให้พิจารณาว่ามันไม่ใช่ของเรา มันบังคับไม่ได้ มันเป็นอนัตตา) แต่
อาการคันมันก็เพิ่มขึ้นมากๆแล้วก็ทรมานมากๆ ใจนึงก็ร้องบอกว่าแค่เอื้อมมือไปเกาก็หายแล้ว หรือแค่ลุกก็
หายแล้ว แต่อีกใจก็พิจารณาตามไปว่าไอ้ที่รู้สึกคันนั้นมันบังคับไม่ได้ มันเป็นอนัตตา....ใจมันต่อสู้กันเอง
นานมากๆ ๆๆ จนตัวหนูเองแทบจะร้องให้ออกมาแต่หนูก็ไม่ยอมแพ้ ยังคงนั่งพิจารณาใจที่มันกระวนกระ
วายต่อไป..แล้วขณะที่ต่อสู้กันอยู่ ๆ ก็เหมือนมีระเบิด ๆ ออกมา มันมีเป็นเหมือนแสงวาบ สว่าง
เบา เย็น หนูรู้สึกว่าตัวเบาเหมือนลอยอยู่ในความสว่างนั้น (แต่อาการลอยก็รู้ว่าเป็นท่านั่งสมาธิอยู่)
ในขณะนั้นหนูก็ยังพิจารณาว่าร่างกายที่รู้สึกว่ามันเบาและลอยอยู่นั้น
เราก็บังคับมันไม่ได้ มันเป็นอนัตตา.....พิจารณาอยู่อย่างนั้นตลอด
(อาการคันที่ทรมานหายไปตั้งแต่ตอนนั้นค่ะ) แล้วพอเรารู้ว่าใจเราเป็นสุข มันเย็น มันสงบอยู่ขณะ
นั้น หนูก็เลยแผ่เมตตา...พอเริ่ม สัพเพ สัตตา เท่านั้น ..ก็รู้ว่าขนลุกตั้งแต่ปลายเท้าไล่ขึ้นไป ขึ้นไป
จนถึงศรีษะ เหมือนคลื่นทะเลที่มันซัดมากระทบฝั่ง
(รู้สึกขนลุกแต่หนูก็ยังแผ่เมตตา กับท่องบท อิทังเม มา ตาปิตุนัง...ไปเรื่อยๆนะคะ) พอมันขนลุกขึ้นสุดถึงศรีษะ หนูก็รู้สึกถึงว่ามันมีพลังอย่างหนึ่งที่มันกระจาย
ออกไปจากตัวเอง...แผ่ออกไป กระจายออกไปกว้างมากๆ ไม่เห็นที่สุด...แล้วใจมันเหมือนบอกกับตัว
เองด้วยว่าที่เราแผ่เมตตาออกไปนั้น...มันไปได้ไกลจริงๆ สัตว์ทั้งหลายได้รับจากเราจริงๆ
(ไม่รู้จะใช้คำอธิบายอย่างไรค่ะ) แล้วมันก็เป็นสุขค่ะ....หลังจากนั้นสักพักอาการเบา สว่าง เย็น
สบาย ก็หายไป...อาการคันที่หัวเข่าก็กลับมา แต่แค่คันนิดๆ เท่านั้น ...หนูยังคงนั่งสมาธิอีกพักนึงแล้ว
ก็ออกจากสมาธิ...พอออกมาแล้วตัวก็ยังเบา ใจสบายมีความสุข สดชื่น มันตื่นไม่ง่วงนอนเลยค่ะ

ต้องขอโทษที่อธิบายซะยืดยาวนะคะ ที่เล่ามาทั้งหมดนี้อยากเรียนถามอาจารย์ว่า มันเป็นนิมิตที่เกิดจาก
สมาธิหรือคะ? หรือว่ามันเป็นอะไรคะ? แล้วอาจารย์มีข้อแนะนำอะไรสำหรับหนูเพื่อที่จะพัฒนาการ
ปฏิบัติให้ก้าวหน้าขึ้นไปอีก รบกวนบอกด้วยค่ะ?

คำตอบ
    อาการคันเป็นปีติชนิดหนึ่ง วิธีแก้ปัญหาที่บอกไปนั้น ถ้าสติยังไม่มีกำลังกล้าแข็งพอ อาการคันจะปรากฏขึ้นได้อีก ประสงค์จะแก้ปัญหาอาการคันไม่ให้กลับมาอีก ต้องกำหนดในใจว่า “ คันหนอ ๆ ๆ ๆ ” จนกว่าอาการคันจะหายไปแล้วไม่กลับมาอีก นั่นแหละเรียกได้ว่าสติมีกำลังมากพอ เมื่อสติมีกำลังมากพอแล้วต้องใช้จิตตามดูผัสสะต่าง ๆ ให้เห็นเป็นไปตามกฎไตรลักษณ์ปัญญาเห็นแจ้งในผัสสะจึงจะเกิดขึ้น

   อาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เป็นผลมาจากจิตมีความตั้งมั่นเป็นสมาธิแต่ยังเป็นสมาธิที่ยังไม่ยาวนาน ต้องเจริญสติภาวนาให้มากยิ่งขึ้นจนกระทั่งสามารถระลึกรู้ สิ่งกระทบภายนอกที่เข้าสัมผัสจิตดับไปทุกครั้ง นั่นแหละจึงจะเรียกว่ามีสติดี มีสติที่ควรแก่การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน


2) หลังจากนั้นอีก1-2 วัน หนูนั่งสมาธิเข้าช.ม. ที่ 2 หนูก็รู้สึกว่ามันเกิดมีพลังบางอย่าง วนกลมๆอยู่
รอบๆ ช่วงช่องว่างที่ลำตัว แขนกับมือค่ะ (เวลานั่งท่าสมาธิ มือขวาจะทับซ้าย ดังนั้นช่วงระหว่างตัว
เรา ช่วงแขน จนถึงมือที่ทับกันอยู่จะเป็นช่องกลมๆตรงกลาง ไม่แน่ใจว่าอาจารย์จะเข้าใจที่หนูพูดหรือ
เปล่า) พลังกลมๆนี้มันก็วนๆอยู่ และหนูก็เลยลองหายใจให้แรงขึ้น..พอหายใจแรง มันก็รู้สึกว่าพลังนี้มัน
ดันแรงขึ้น แต่ถ้าหายใจปกติมันก็วนอยู่ปกติค่ะ....เป็นอย่างนี้อยู่พักใหญ่ค่ะ แล้วมันก็ค่อยๆ สลายไป
เหมือนหมอกค่ะ

อาการแบบนี้มันคืออะไรหรือคะ? ถ้าปฏิบัติแล้วเป็นอย่างนี้อีก หนูควรพิจารณาอย่างไรดี เพราะก่อนหน้า
นี้ก็เคยเป็นมาแล้วค่ะ แต่เป็นลูกพลังงานเล็กๆ อยู่ระหว่างอุ้งมือทั้งสองที่วางทับกันอยู่เท่านั้น

ขอขอบคุณอาจารย์ที่กรุณาอ่านและตอบคำถามของหนูไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
อตินุช

คำตอบ
   
อาการที่บอกเล่าไป เป็นผลมาจากการเจริญสมถกรรมฐาน จิตรู้ไม่ทันจึงตกเป็นทาส คือ หลงติดอยู่กับอาการที่เกิดขึ้น เป็นการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่ผิดทาง วิธีแก้ปัญหาก็คือ เมื่อจิตสัมผัสได้ว่า มีพลังบางอย่างเกิดขึ้น ต้องกำหนดในใจว่า “ รู้หนอ ๆ ๆ ๆ ” จนกว่าพลังที่เกิดขึ้นนั้นจะอันตรธานไป แล้วให้ดึงจิตกลับสู่องค์ภาวนาเดิม

281.
อ.สนองที่เคารพ

   หนูอยากทราบว่าหากเราบังเอิญได้รู้จักกับคนๆหนึ่ง คุยกันเหมือนรู้จักกันมานาน มีความรู้สึกที่ดีต่อกันมาระยะหนึ่ง หากไม่มีปัญหาเรื่องความแตกต่างทางฐานะและครอบครัวแล้วบวกกับทางสังคมด้วยเราน่าจะเป็นคนที่สามารถแต่งงานกันได้ ทีนี้หนูเคยอ่านอาจารย์บอกว่าไม่มีคำว่าบังเอิญ ทีนี้หนูรู้ว่าปัญหาข้างหน้ามันต้องเกิดและไม่สามารถเป็นไปได้
    อยากทราบว่าเป็นทุกข์ทางใจขนาดนี้เราทำกรรมอย่างไรร่วมกันมาถึงต้องมีอุปสรรคขนาดนี้ แล้วเราควรออกให้ห่างใช่มั๊ยคะเพราะถ้าเราเป็นคู่กันจริงๆคงไม่ทรมานอย่างนี้

ขอบคุณอ.สนองอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
    กรรมร่วมในอดีต คือ เคยช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาพระพุทธะสอนไม่ให้ยึดติดอดีต เมื่อภพชาติผ่านพ้นแล้วต้องปล่อยให้ผ่านไป การไปเอาเรื่องในอดีตมาเป็นเรื่องจริงในปัจจุบัน ต้องพบกับความผิดหวังความทุกข์ทุกคนนั้นแหละ พระพุทธะสอนวิธีพ้นทุกข์ด้วยการอยู่กับปัจจุบัน เพราะปัจจุบันสามารถปรับปรุงแก้ไขทางชีวิตของตัวเองได้ ไม่มีใครแก้ไขอดีตได้ ดูตัวอย่างของพระมหาโมคคัลลานะสิท่านอยู่กับความจริงยอมรับความจริง เพราะอดีตได้ทุบแม่ตาบอดจนตายเพราะเนรคุณไม่ประสงค์จะเลี้ยงดู เมื่อกลับชาติมาเกิดในครั้งพุทธกาล อกุศลกรรมตามทัน ท่านจึงยอมให้โจรทุบจนตาย แต่ชีวิตปัจจุบันท่านปรับแก้ไขชีวิตจนบรรลุอรหัตผล เมื่อทิ้งขันธ์ละโลกไปแล้ว อกุศลกรรมที่เหลือตามไม่ทันจึงยกเป็นอโหสิกรรม

   มนุษย์เป็นสัตว์ที่ต้องอยู่ร่วมเป็นสังคม ดังนั้นการหนีปัญหาด้วยการปลีกตัวออกห่าง จึงมิใช่วิถีทางของพระพุทธะ พระพุทธะสอนให้เผชิญกับปัญหา ด้วยการปรับมิจฉาทิฏฐิให้เป็นสัมมาทิฏฐิ แล้วใช้สัมมาทิฏฐินำทางให้กับชีวิตตัวเองได้นี่สิ แล้วคุณจะอยู่กับปัจจุบันอย่างรู้ทัน และไม่เป็นทาสของอดีต ความทุกข์ใจอันเนื่องจากความเห็นผิดก็จะหมดไป ความสุขก็จะเกิดขึ้นมาแทนที่


280.
หากที่ทำงานมีเพื่อนเร่วมงานและเจ้านายทำผิดศีลแล้วเราเป็นลูกน้อง ต้องทำตามคำสั่ง จะทำอย่างไรดี

อาจารย์ช่วยตอบด้วยค่ะ

คำตอบ
   
ทุศีลเป็นเรื่องส่วนตัวของบุคคล ในฐานที่เป็นลูกน้อง ต้องประพฤติจริยธรรมการเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาให้ครบถ้วนและต้องทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ เพราะนี่เป็นเรื่องของส่วนรวมที่คุณอาสาเข้าไปทำงานให้กับองค์กร

279.
กราบเรียนอาจารย์ที่เคารพ

   การถวายข้าวพระพุทธ ไม่จำเป็นใช่หรือไม่

ขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
    การบูชาพระพุทธเจ้า ปฏิบัติบูชาเป็นการบูชาสูงสุดมีอานิสงส์มากกว่า อามิสบูชา (ปกติบูชาด้วยดอกไม้ธูปเทียน) ส่วนการถวายข้าวแก่พระพุทธรูป ถ้ามีเจตนาเป็นทานแล้วผิดทางเพราะพระพุทธรูปฉันไม่ได้

278.
เรียน อาจารย์สนอง ที่เคารพอย่างสูง

ดิฉันขออนุโมทนาบุญกุศลที่อาจารย์ช่วยชี้ทางสว่างทางจิตวิญญาณ ให้กับเพื่อนมนุษย์จำนวนมาก ดิฉันได้มีโอกาสฟังการบรรยายธรรมของอาจารย์ทางเว็ปไซด์ของชมรมกัลยาณธรรมแล้วเกิดความเลื่อมใสศัทธามาก โดยเริ่มฝึกปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2549 โดยไปปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานครั้งแรกที่วัดคลองตาลอง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เป็นเวลา 3 วัน การปฏิบัติธรรมวันที่ 1 , 2 รู้สึกเจ็บปวดทรมานมาก แต่วันที่ 3 ระหว่างที่ดิฉันภาวนาหยุบหนอ พองหนอแล้วรู้สึกลมหายใจละเอียดลงเรื่อยๆ จนในที่สุดเหมือนไม่มีลมหายใจแต่ที่ท้องยังมีการพองยุบอยู่ แล้วรู้สึกเหมือนไม่มีลมวิ่งเข้าวิ่งออกจากภายนอก แต่กลับรู้สึกว่ามีลมวิ่งวนเป็นวงกลมอยู่ภายในร่างกาย และลมค่อยๆเย็นขึ้นๆจนไปสัมผัสกับร่วงกายส่วนใด (ร่างกายภายใน) ก็รับรู้ถึงความเย็นวาบของร่วงกายส่วนนั้น เช่น ปาก กระพุ้งแก้ม ความรู้สึกของตัวเองในตอนนั้นรู้สึกมีความสุขมาก ระหว่างที่กำลังเกิดอาการดังกล่าว พระอาจารย์ก็เรียนสติให้กลับมาและนำกล่าวคำแผ่เมตตา ช่วงนั้นรู้สึกว่ามีลมเย็นวิ่งออกมาทางปากของดิฉัน และวิ่งออกไปทั่วร่างกาย ออกไปปลายนิ้วมือนิ้วเท้า แล้วอาการปวดเมื่อยทรมานที่ได้รับมาสองวันก็หายไปทันทีทันใด ขนรุกขนชัน มีแต่ความสุขอิ่มเอมหัวใจ นึกขึ้นมาคราใดก็ยังขนรุกขนชัน

ดิฉันขอเรียนถามอาจารย์ว่า อาการที่ดิฉันได้ประสบระหว่างปฏิบัติกรรมฐานเรียกว่าอะไร และต่อไปควรทำอยางใด จึงจะเป็นวิธีที่ถูกต้อง

กราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
   
อาการที่เกิดขึ้นเรียกว่า ปีติ อันเป็นผลสืบมาจากจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิระดับหนึ่ง วิธีลดปีติเพื่อให้จิตตั้งมั่นยาวนานขึ้น คือให้กำหนดลมอยู่ในกาย ด้วยการบริกรรมว่า “ รู้หนอ ๆ ๆ ๆ ” จนลมหยุดและหายไป เมื่อเกิดความรู้สึกเย็นวาบให้บริกรรม “ เย็นหนอ ๆ ๆ ๆ ” จนความรู้สึกเย็นวาบหายไป และปีติตัวสุดท้ายคืออาการขนลุกขนชันให้ภาวนาหรือบริกรรม “ ขนลุกหนอ ๆ ๆ ๆ ” จนอาการขนลุกหายไป แล้วจิตจะมีกำลังของสติเพิ่มขึ้น หลังจากนั้นให้ดึงจิตกลับมาสู่องค์บริกรรมเดิม และหากเมื่อใดจิตเข้าถึงความตั้งมั่นยาวนาน (อุปจารสมาธิ) ให้เอาจิตไปพิจารณาสติปัฏฐาน 4 เพื่อทำให้จิตเกิดปัญญาเห็นแจ้ง นี่แหละวิถีของนักปฏิบัติธรรมที่เข้าถึงธรรมของพระพุทธะ

277.

1.นั่งสมาธิจิตเป็นประภัสสรไม่มีอะไรเข้าถึงจิตได้ไม่ว่าเสียงดังก็สลายหมดแต่ยังมีความคิดอยู่
ผมอยู่ขั้นไหนแล้วครับ

คำตอบ
    อยู่ในขั้นที่จิตเริ่มเข้าสู่ความเห็นแจ้งตามเป็นจริงว่า สิ่งต่าง ๆที่เข้ากระทบจิต ดับไปตามกฎไตรลักษณ์ ทำไมไม่ตามดูความคิดที่เกิดขึ้นให้ดับไปด้วยล่ะ

2.นั่งวิปัสนาอยู่จิตวูบเห็นความเกิดดับที่จิตจริงๆไม่ขาดสายเห็นความไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตาที่จิตจริงๆวิปัสสนาผมอยู่ขั้นไหนแล้วครับ

คำตอบ
    อยู่ในขั้นที่จิตเห็นแจ้งในจิต ต่อไปลองเอาจิตที่เห็นแจ้งในจิต ส่องดูจิตตัวเองสิว่า สังโยชน์ทั้ง 10 ตัว นี้คือสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส กามราคะ ปฏิฆะ รูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ และอวิชชา ว่ายังมีกิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์ตัวใดบ้าง ที่กำจัดได้หมดสิ้นไปจากใจได้แล้ว และยังมีกิเลสตัวไหนบ้างที่ยังอาศัยใจเป็นที่พักพิงยังกำจัดไปไม่หมด กรุณาบอกให้คนอื่นรู้ด้วย จะได้เอามาเป็นกำลังใจ ปฏิบัติให้เกิดความก้าวหน้าให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป

276.

เรียนถามอาจารย์ดังนี้ครับ

1. การทำบุญอุทิศส่วนกุศลทางภาคอิสานส่วนใหญ่แล้วเขาจะฆ่าสัตว์อย่างหมู วัว อื่นๆ อย่านี้แล้วจะยังได้กุศลอยู่หรือครับ แล้วจริงๆแล้วการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้บิดามารดาและญาติที่ถูกต้องควรทำอย่างไร

คำตอบ
   
การฆ่าสัตว์เป็นการกระทำที่ผิดศีลข้อปาณาติบาต เมื่อทำสำเร็จแล้วผลของบาปจะถูกสั่งสมอยู่ในจิต

   ส่วนการทำบุญ ต้องทำตามที่ระบุไว้ในบุญกิริยาวัตถุ 10 เมื่อทำแล้วผลบุญจะถูกสั่งสมไว้ในจิต ผู้มีบุญอยู่ในจิตสามารถอุทิศบุญกุศลให้กับบิดามารดาและญาติได้

2. กระผมมีหลานที่น้องสาวภรรยานำมาฝากเลี้ยงไว้คือพ่อแม่เขาแยกทางกัน ใจผมก็คิดว่าเขาเป็นลูกคนหนึ่งแต่ผมก็ยังเป็นคนธรรดา บางทีก็มีวอกแวกบ้างจะทำอย่างไรจะทำใจให้มีเมตตาอยู่ในใจจริงครับและ จะสอนลูกให้เข้าใจได้ให้ลูกคิดว่าหลานที่มาอยู่ด้วยให้เขารู้สึกว่าเป็นน้องเขาจริงๆ

คำตอบ
   
ต้องพัฒนาตัวเองเป็นผู้มีเมตตาให้ได้ก่อน เพราะเมตตาเป็นคุณธรรม ที่ประกอบเป็นพรหมวิหาร 4 พ่อแม่ที่ดีต้องมีพรหมวิหารอยู่ในใจ นอกจากนี้พ่อแม่ที่ดียังต้องมีจริยธรรมของการเป็นพ่อแม่ และเลี้ยงดูลูกหลานด้วยใจที่ปราศจากอคติ หากทำได้อย่างนี้แล้ว ความสำเร็จที่คาดหวังไว้ย่อมเกิดขึ้น

3. เมื่อเดือน ธันวาคม 48 กระผมได้นำข้อความบ้างส่วนของหนังสือของอาจารย์เรื่อง ทำชีวิตให้ดีและมีความสุข (หน้า99)เขียนเป็นบทความเพื่อเข้าประกวดในบริษัทโดยไม่ได้ขออนุญาติกระผมขอกราบขอขมาอาจารย์ อย่าให้กระผมมีบาปเลยนะครับตามตัวอย่างดังนี้

เรื่อง อาชีพเสริมสามารถทำควบคุ่ไปกับงานประจำได้จริงหือ

อีกสิ่งหนื่งที่ทำให้คนเรามีความสำเร็จในชีวิตคือ มีงานทำ เพราะชีวิตคืองาน งานคือชีวิต ทุกคนที่มีชีวิตต้องมีงาน หมดชีวิตเมือไหร่ก็หมดงาน งานที่ดีนั้นต้องทำแล้วไม่ผิดกฎหมาย สร้างประโยชน์ ไม่เบียดเบียน ไม่ทำให้ใครหลงงมงาย นั่นนับว่าดีหมด ดังนั้นการทำงานให้สำเร็จได้ ต้องมีความมุ่งมั่นเพียงหนื่งเดียวแต่หากว่างานที่ทำเป็นงานหลักนั้น มีเวลาว่างนอกเวลางานประจำ พอให้เราทำงานอื่นเป็นอาชีพเสริมได้โดยไม่กระทบกับวันเวลาของงานประจำ และมีเวลาว่างพอให้เราพักผ่อนได้ มิใช่ว่าพอทำงานเสริมแล้วมาเบียดบังวันเวลาของงานประจำอย่างนี้เป็น ไม่ดีแน่ๆ เพราะจะทำให้เสียประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย นายจ้างก็จะเสียงานที่ควรจะได้ ลูกจ้างก็จะเสียความน่าเชื่อถือเพราะงานหลักเป็นความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย ที่ได้ยอมตกลงกันไว้แต่แรกแล้วเมือคิดที่จะทำอาชีพเสริมแล้ว ต้องเลือกอาชีพที่จะทำนั้นไม่ให้กระทบกับอาชีพหลักได้จริงๆ จึงจะถือว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้มีอาชีพเสริมได้

ดังนั้นอาชีพเสริมสามารถทำควบคู่ไปกับงานประจำได้ แต่ต้องเลือกอาชีพเสริมที่ทำแล้วไม่กระทบกับวันเวลาของงานประจำได้จริงๆ หาความพอเหมาะพอดีให้ได้ก็พอ เมื่อทำดังนี้แล้วก็จะมีความสุขแน่เลยครับ

กราบขมากราบขอบพระคุณท่านอาจารย์มากๆครับ

คำตอบ
อนุญาตย้อนหลังและไม่เป็นโทษ

275.
กราบเรียนถาม ท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ที่เคารพ


ถ้าหากผมจะบวชโดยขออนุญาตพ่อและแม่ว่าจะบวช 3 เดือนแล้วก็จะสึกออกมาแต่งงานและก็ทำงานต่อ แล้วต่อมาหลังจาก 3 เดือนแล้วผมไม่ยอมสึกเพราะว่ารู้สึกสงบมีความสุขในทางธรรม ไม่อยากออกไปเจอกับปัญหาในทางโลก โดยพ่อกับแม่และแฟนที่จะแต่งงานด้วย มาตามให้สึก ผมก็ไม่สึกนั้น

ขอกราบเรียนถามท่านอาจารย์ว่าถ้าผมทำผมจะบาปหรือไม่อย่างไร และถือว่าเป็นการละทิ้งหน้าที่ในการเลี้ยงดูพ่อแม่ แล้วหนีไปบวชหรือไม่อย่างไร
( ผมมีพี่สาว 1 คนแต่งงานแล้ว และพี่ชาย 1คนยังไม่แต่งงาน)

กราบขอบพระคุณอาจารย์อย่างสูงครับ

คำตอบ
    พูดไว้ว่าจะทำอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วไม่ทำตามที่พูด ถือว่าผู้พูดไม่มีสัจจะ การไม่มีสัจจะเป็นเหตุนำมาซึ่งบาปที่เกิดจากอกุศลวจีกรรม ส่วนการละทิ้งหน้าในการเลี้ยงดูพ่อแม่เป็นการละเมิดอริยธรรมของลูกที่ดี มีผลทำให้คุณธรรมเสื่อม ดังนั้นผู้มีบาปและมีคุณธรรมเสื่อม จะส่งผลให้การดำเนินชีวิตมีอุปสรรคปัญหาไม่เจริญก้าวหน้า

274.
ขอความกรุณาจากดร.สนอง ช่วยตอบปัญหาดังนี้นะคะ

1. มีสำนักแม่ชีท่านหนึ่ง ท่านทักมาว่า ดิฉันมีวิญญาณแฝง แล้ววิญญาณแฝงพวกนั้น ตามไปแกล้งคนใกล้ตัวดิฉัน อย่างเช่น เพื่อนดิฉัน แฟนดิฉัน จนตอนนี้ ดิฉันต้องออกห่างมา เพราะพวกเค้าล้มป่วยเจ็บตัวกัน บอกว่ามีคนมากระทืบหน้าอกตอนนอนมั่ง หรือโรคกำเริบมั่งเพราะวิญญาณไปแกล้งไปรังแกเค้า สาเหตุเพราะพวกเค้าเอาความลับของพวกวิญญาณมาบอกดิฉัน พวกวิญญาณเลยโมโหเลยไปแกล้งคนที่มาบอกดิฉัน เรื่องมันเป็นแบบนี้ค่ะ ดิฉันอยากถามดร.ว่า ดิฉันมีวิญญาณแฝงจริงเหรอคะ นี่พวกเค้าอุปาทานกันไปเองหรือเปล่า ทำไมถึงเจ็บเนื้อเจ็บตัวกันเป็นแถบ ล้มป่วยก็มี

คำตอบ
   
ปากคนมีไว้สำหรับพูด สำหรับกิน พูดดีก็ได้พูดร้ายก็ได้ กินอาหารดีมีประโยชน์ก็ได้ กินอาหารไม่ดีมีโทษก็ได้ การจะไปห้ามปากคนอื่นไม่ให้พูดไม่ดี เจ้าคุณโชดกเคยบอกกับผู้ตอบปัญหาว่า “ ห้ามปากคนทั้งโลก ให้พูดไม่ดีห้ามไม่ได้ แต่ห้ามหูเราไม่ให้ฟังเรื่องไม่ดีห้ามได้ ” ผู้ตอบปัญหาเชื่อครูบาอาจารย์แล้วทำตามจึงไม่มีเรื่องรกหูเข้ามากวนใจ ลองทำตามคำแนะนำของเจ้าคุณโชดกดูสิทำให้แล้วสบายใจ จิตไม่ตกเป็นทาสของเรื่องไร้สาระที่ออกจากปากคนไงล่ะ

2.การฝึกอานาปานสติ และฝึกให้เป็นวิปัสสนาไปด้วยในตัว ทำได้หรือไม่
    มีคำถามแค่นี้แหละค่ะ

คำตอบ
   
การฝึกอานาปานสติ เป็นการเอาจิตจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้า-ออก เป็นการฝึกให้จิตมีกำลังของสติเพิ่มมากขึ้นผลที่เกิดตามมาคือ ความตั้งมั่น (สมาธิ) ของจิต เมื่อจิตมีความตั้งมั่นแล้ว สามารถเอาลมหายใจเข้า-ออก มาฝึกเป็นวิปัสสนาสามารถทำได้ด้วยการเอาจิตตามดูลม จนเห็นแจ้งชัดว่า ลมที่ผ่านเข้าทางจมูกมีการเกิดขึ้นและดับไปเมื่อลมหยุดเข้า ขณะเดียวกันลมที่ผ่านออกทางจมูกมีการเกิดขึ้นและดับไปเมื่อลมหยุดออก นั่นคือลมที่ไหลเข้ามีเกิดและดับ ลมที่ไหลออกมีเกิดและดับ เมื่อจิตเห็นแจ้งการเกิด-ดับตามความเป็นจริงดังนี้ นั่นคือวิปัสสนา

273.
สวัสดีครับอาจารย์สนอง


1.บาปกรรมบางอย่างที่ถูกบีบให้ทำเช่นขโมยอาหารเพราะความหิว กฏแห่งกรรมจะมีการลดหย่อนผ่อนโทษวิบากอันนั้นให้ไหมครับ

คำตอบ
    ไม่มีการลดหย่อนผ่อนโทษหรอกครับ ต้องไปถามผู้เป็นเจ้าของอาหารที่ผู้นั้นได้ขโมยเขามา

2.สมัยบวช ตัวผมเองเป็นโรคประสาท เกิดโกรธหลวงพ่อบางอย่าง ความโกรธนั้นทวีขึ้นมากจนอดกลั้นเอาไว้ไม่ได้ เหมือนถูกบีบให้ด่าหลวงพ่อและก็ด่าคำหยาบๆกับหลวงพ่อออกไป สึกออกมาใจคอก็ไม่ค่อยดีตลอดมา มีคำหยาบอยู่ในหัวเกือบตลอดเวลา ไม่ทราบว่าวิบากกรรมจะใช้ในชาตินี้หมดไหมครับ จะหายเหมือนคนปรกติในชาตินี้หรือไม่ครับ ปฏิบัติธรรมเจริญกุศลจะได้ผลเหมือนคนอื่นไหมครับ
ขอบคุณครับ

คำตอบ
    ไม่ทราบ ไม่ทราบ ไม่เหมือน

272.
ขอเรียนถาม ดร.สนองค่ะ

หนูมีเรื่องอยากทราบดังนี้
๑. เคยอ่านเจอว่าเวลาที่ใช้พวกหมู หรือไก่ ไหว้บรรพบุรษนั้นถ้าเค้าได้รับก็จะต้องมาบอกเรา แต่ถึงได้รับหรือไม่ มันก็เป็นบาปใช่ไหมค่ะ ทีนี้พอหนูบอกคุณแม่ให้เลิกเอาพวกหมู หรือไก่ ไหว้เค้าก็บอกว่าไม่ได้ มันเป็นประเพณี หนูควรทำอย่างรดีค่ะ

คำตอบ
    เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล บอกแล้วเขาไม่ทำตามก็ต้องปล่อยวาง นั่นแหละถูกต้องที่สุด

๒. มีอยู่ครั้งหนึ่งหนูไปหาหมอฟัน แล้วรอคิวนานมากๆ พอถึงคิวหนูพยาบาลก็บอกว่าขอให้คนนึงเข้าก่อนได้ไหม เค้าแค่เปลี่ยนเหล็กดัดฟัน (หนูก็เคยดัดฟัน รู้ว่ามันแค่ไม่เกิน๕ นาที) หนูก็เลยให้เค้าเข้าก่อน แต่มันนานผิดปกติพี่สาวหนูเลยแอบดูตรงช่อง ปรากฏว่าเค้าขูดหินปูนด้วย พอดีพี่สาวหนูเค้ารีบเพราะมีเรียน เราก็คุยกันเล่นๆแต่ไม่ได้คิดจริงจังอะไร ว่าถ้าเค้าออกมาเมื่อไหร่จะร้องเพลง "ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี..." เอาเข้าจริงๆก็ไม่ได้ร้องเพราะรีบเข้าต่อเลย อย่างนี้เป็นมโนกรรมหรือเปล่าค่ะ แล้วจะผิดที่วจีกรรมด้วยหรือไม่ เพราะเราสองคนร้องออกมาเล่นๆแต่ว่าเจ้าตัวเขาไม่ได้ยิน

คำตอบ
    แค่คิดแล้วก็เป็นมโนกรรม เพลงที่คิดไว้เมื่อได้ร้องออกมาก็เป็นวจีกรรม ถ้ายังไม่ได้ร้องก็เป็นแค่มโนกรรม

๓. เวลาฟังบรรยายธรรม บางทีก็หลับแบบนี้บาปไหมค่ะ

คำตอบ
    การฟังธรรมเป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ 10 ฟังได้แค่ไหนก็ได้บุญแค่นั้น ตอนที่หลับจิตตกภวังค์ ไม่มีสติระลึกรู้ บุญไม่เข้าแล้วตอนหลับน่ะ กรนออกมาหรือเปล่า ถ้ากรนส่งเสียงรบกวนคนอื่นทำให้คนอื่นฟังธรรมไม่ชัดเจนก็เป็นบาปนะคุณ

๔. เมื่อก่อนถ้าแม่อยากทำหรือซื้ออะไรแล้วหนูเห็นว่ามันไม่จำเป็นหรือยังไม่ต้องรีบก็จะขัดเค้าไว้ก่อน ว่าเดี๋ยวค่อยทำหรือซื้อก็ได้ หนูอยากทราบว่ามันเป็นบาปไหมค่ะ แต่ปัจจุบันหนูเลิกขัดเค้าแล้วค่ะ ตามใจเค้าอยากทำหรือซื้ออะไร แต่ถ้ามันแพงมากหนูก็จะบอกให้เค้าคิดดีๆก่อน
     กราบมาด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
    พูดออกไปแล้วเป็นเหตุไปขัดใจคนฟัง ทำให้คนฟังเกิดโทสะเกิดความไม่สบายใจ การพูดนั้นเป็นบาป ไม่พูดดีกว่านะ

271.
กราบเรียน อ.ดร.สนอง วรอุไร ที่เคารพ

   อีเมลฉบับนี้ผมเขียนมาเพื่อขอบพระคุณท่าน ที่ได้ช่วยเป็นกัลยาณมิตร ช่วยชี้ทางแห่งปัญญาให้กับผม เดิมทีผมไม่ได้รู้จักท่านมาก่อนเลยว่าเป็นใครมาจากไหน และก็ไม่ได้สนใจในเรื่องผลกรรม การเวียนตายเวียนเกิดมากนัก แล้ววันหนึ่งหน่วยงานผม ก็ได้เชิญท่านไปบรรยายธรรม เมื่อ 5 เม.ย.49 ด้วยธุระบางอย่างทำให้ผมไม่สามารถที่จะอยู่ฟังการบรรยายธรรมของท่านได้ (พอมาได้อ่าน หนังสือทางสายเอก ของท่านแล้ว รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้อยู่ฟัง) แต่ก็ได้ฟังและดูจากคลิปวิดีโอ จากเว็บไซด์แห่งนี้แล้ว

    เป็นเรื่องบังเอิญที่ผมได้พบ และได้อ่านหนังสือเล่มนี้ จึงถือได้ว่าหนังสือเล่มนี้เป็นเทียนจุดชนวนแห่งปัญญาให้กับผม มีความปรารถนาจะเจริญวิปัสสนากรรมฐาน จากนั้นเดือน มิ.ย.49 ผมก็ได้มีโอกาสไปเจริญวิปัสสนากรรมฐานที่ วัดอัมพวัน เป็นเวลา 7 วัน นับได้ว่าความรู้ในหนังสือที่ได้อ่านมา เป็นฐานความรู้แห่งการปฏิบัติจริง ๆ พอผมกลับมาแล้วก็อ่านอีก ทำความเข้าใจอีก ทำให้เข้าใจแจ่มแจ้ง จนบัดนี้ทุกเวลาผมจะระลึกรู้ เจริญสติอยู่เสมอ ผมรู้กับตัวเองแล้วครับว่าปัญญาเป็นอย่างไร
และผมได้แนบรูปสแกนเมื่อครั้งที่ท่านไปบรรยายธรรมที่หน่วยงานผมมาด้วย เพื่อนำใช้ประโยชน์ต่อไป และขอรบกวนถามคำถามท่าน อ.ดร.สนอง เพียงเรื่องเดียวครับ

    ครั้งที่ไปปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ที่วัดอัมพวัน ผมได้ทดลองเจริญสติตอนนอน แล้วผมรู้สึกว่าเหมือนร่างกายเราไม่ได้นอน มันจะระลึกรู้อยู่ตลอดเวลา ผมเลยไม่มั่นใจว่า นั่นเรียกว่าการนอนอย่างมีสติหรือเปล่า หรือว่าเป็นกายานุปัสสนา-แบบนอน ผมจึงกำหนดออกจากวิปัสสนา แล้วอุทิศส่วนกุศลให้กับสรรพสัตว์ แล้วปล่อยให้จิตหลับในภวังค์ไปเลยเพื่อพักผ่อนร่างกาย ให้พร้อมสำหรับการปฏิบัติในวันรุ่งขึ้น

ขอความเมตตาท่านได้ช่วยตอบคำถามด้วยครับ
    คัมภีร์

 

คำตอบ
   ก่อนตอบขอเรียนให้ทราบว่า คำว่า " บังเอิญได้พบและได้อ่านหนังสือทางสายเอก " จะไม่เกิดกับผู้เข้าถึงธรรมของพระพุทธะ

ผู้รู้จริงกล่าวว่า " ทุกปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ย่อมมีเหตุที่ทำให้เกิด "

  ขออนุโมทนา ที่ท่านเป็นผู้หนึ่งที่ดำเนินตามแนวทางของกาลามสูตรและนำตัวเองเข้าปฏิบัติจิตภาวนา ณ วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ส่วนที่ถามไปนั้น ขอตอบว่าเป็นกายานุปัสสนากรรมฐาน โดยอาศัยอิริยาบทนอนเป็นองค์ภาวนา หากยังรักษาปฏิปทานั้นไว้ได้ตลอดไป ผลดีย่อมเกิดกับชีวิตของผู้ปฏิบัติแน่นอน

270.
สวัสดีค่ะ อาจารย์สนอง

พอดีหนูมีเรื่องทุกข์ใจ และมีคนแนะนำให้มาเรียนปรึกษาอาจารย์
คือเมื่อตอนหนูอายุประมาณ 17-18 หนูเคยให้เพื่อนของเพื่อนยืมเงินไปทำแท้งค่ะ เค้าบอกว่าถ้าไม่ให้เค้า เค้าจะฆ่าตัวตาย เค้าบอกสารพัดว่าผู้หญิงคนนั้นเคยวิ่งให้รถชนด้วยซ้ำ หนูไม่รู้จะทำยังไงดี ห่วงผู้หญิงคนนั้นด้วยทั้งๆที่ไม่รู้จักกันเลย เค้าบอกว่าถึงหนูไม่ให้ เค้าก็ไปเอาที่อื่นอยู่ดี แต่ยิ่งปล่อยไว้นานยิ่งอันตราย หนูเลยให้ไปพันหนึ่ง หนูไม่แน่ใจว่าสุดท้ายเค้าจะรวบรวมเงินพอหรือเปล่า ตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองเด็กมาก และโง่มากที่ยอมให้เงินไป จนทำให้รู้สึกเป็นทุกข์จนถึงตอนนี้

จนถึงบัดนี้ผ่านมาหลายปีแล้ว หนูทำบุญทำทาน อุทิศส่วนบุญกุศลให้เด็กคนนั้น พยายามรักษาศีล ก็รู้สึกดีขึ้น ตอนนี้หนูก็รับอุปการะเด็กอยู่คนหนึ่ง และบริจาคเลือดสม่ำเสมอ แต่บางครั้งหนูยังรู้สึกว่าความผิดก็ยังติดตัวไปตลอดชีวิตอยู่ดี รู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆอยู่ที่ใจ ยังไงก็เอาไม่ออกเสียที บางครั้งก็รู้สึกว่าต่อให้ทำดีแทบตายก็ลบความผิดนี้ไม่ได้ กลัวบาปกลัวกรรมมาก กรรมจะส่งผลให้หนูไม่มีลูกหรือทุกข์ทรมานหรือเปล่าคะ
หนูควรทำอย่างไรดี

ขอบคุณค่ะ
ลลิตา

คำตอบ
    การช่วยเหลือคนอื่นให้ทำกรรมไม่ดี ผู้ให้การช่วยเหลือต้องมีส่วนแห่งการรับวิบากนั้นด้วย ทางที่ถูกควรทำบุญใหญ่ให้มาก ๆ ทำอยู่เสมอทำบ่อย ๆ และหลังจากที่ได้ทำบุญแล้วต้องอุทิศบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรที่คุณไปเบียดเบียนเขา ทำไปเรื่อย ๆ จนกว่าความคิดอกุศลจะหมดสิ้นไปจากใจ คือไม่คิดถึงเรื่องนี้อีกเลย นั่นพอจะเป็นที่สบายใจได้ว่า เด็กที่คุณไปเบียดเบียนนั้นได้เลิกจองเวรกับคุณแล้ว

269.
อ.สนองที่เคารพ

   1. หากเราได้รวบรวมเงินเพื่อนฝูงตั้งใจจะไปสร้างพระ แต่มีเหตูจำเป็นให้เราต้องนำเงินนั้นมาใช้แต่ไม่ได้มากมาย ตั้งใจไว้ว่าถึงเวลาจะใส่เเงินพิ่มให้มากกว่าเดิมแต่ยังไม่ทันทำ ไม่ทราบว่าหนูจะบาปมากมั๊ยตอนนี้หนูมีปัญหารุมเร้ามากหลายเรื่องทำให้ทุกข์มากอยากทราบว่าเราสร้างกรรมให้กับตัวเองโดยไม่เจตนาแล้วใช่มั๊ยคะ เพราะเดิมทีตั้งใจจะชวนเพื่อนสร้างพระไม่คิดจะเอาเงินมาใช้ แต่จำเป็นเลยต้องทำแบบนี้แล้วเจ้ากรรมนายเวรเค้าคงมาทวงหรือเปล่าเลยทำให้เราต้องทุกมากเดือดร้อนมากขนาดนี้

คำตอบ
   
วิธีการที่บอกเล่าไป คือหนทางแห่งการสร้างเหตุไปเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ ซึ่งมีทุกข์ให้ต้องเสวยได้หนักหน่วงกว่าทุกข์ที่คุณกำลังรับอยู่ขณะเป็นมนุษย์ รู้อย่างนี้แล้วควรทำบุญไว้มาก ๆ (ดูบุญกิริยาวัตถุ ๑๐) เมื่อใดทุกข์วิบากใช้กันจนหมดสิ้นไป โอกาสที่คุณจะพบกับความสุขความสบายจะเกิดตามมาภายหลัง

   2. หากผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือเราเขาเกิดเป็นคนหูเบาเชื่อคนง่ายแล้วจากเคยชอบเรา หรือเคยช่วยเหลือเรามาแล้วเกิดเปลี่ยนใจไม่ช่วยแถมเข้าใจเราผิดคิดว่าเราเป็นคนไม่ดี อยากทราบว่าการที่เขาช่วยเหลือเราในยามทุกข์ยากนั้น เขาได้บุญแต่หากเขาช่วยเราแล้วเกิดความระแวงไม่เชื่อใจแล้วทิ้งความช่วยเหลือกลางทางทำให้เราลำบากมากๆๆ อยากทราบว่าเขาจะยังได้รับบุญนั้นเต็มร้อยมั๊ยคะหากเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด

คำตอบ
   
การช่วยเหลือคนอื่นในหนทางที่ชอบธรรมซึ่งเป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ทำแล้วคนให้การช่วยเหลือได้บุญ เมื่อไรหยุดการช่วยเหลือ บุญส่วนนี้ก็ไม่เกิดขึ้นอีก

268.
หนุอยากทราบว่าการที่เรามีคนมาอิจฉาเราเป็นเวลาหลายปีแล้วเขาชอบแอบใส่ร้ายเราเป็นประจำทำให้เราเดือดร้อนหลายครั้งเป็นเพราะเราเคยทำกับเขามาก่อนใช่ไหมคะ ทำอย่างไรเรากับเขาถึงจะหมดเวรกรรมต่อกัน หนูมีปัญหากับแม่สามีเขาชอบว่าร้ายหนูเป็นประจำ และยังทำกับหนูหลายอย่างเป็น10หน เกินที่เราจะรับเขาได้แล้วแต่หนูไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรดีให้หมดกรรมกับเขา ใส่บาตรกรวดน้ำทำมาแล้ว ทำบุญทุกครั้งก็เอ่ยถึง รู้สึกว่ามันไม่หมดเสียทีจนหนูไม่คิดอยากจะดองเป็นญาติกับเขาแล้ว

อ.สนองช่วยชี้แนะด้วยค่ะ
ขอบพระคุณอย่างยิ่งค่ะ

คำตอบ
   
หากคุณเชื่อว่ากฎแห่งกรรมมีจริง และเชื่อว่าสิ่งใดเกิดขึ้นย่อมมีเหตุที่ทำให้เกิดแล้ว วิธีแก้ปัญหาจะง่ายขึ้น คืออยู่กับความจริง ยอมรับความจริง และยอมชดใช้หนี้กรรมที่คุณเป็นผู้ก่อขึ้นในอดีต โดยไม่สร้างหนี้กรรมใหม่ให้เกิดขึ้นอีก และทุกครั้งที่ทำความดี ต้องอุทิศบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร อุทิศบ่อย ๆ โอกาสที่คุณจะพ้นไปจากการถูกใส่ร้ายจากแม่สามีย่อมเกิดขึ้นได้เมื่อคุณได้ใช้หนี้เวรกรรมหมดสิ้นไป ผู้รู้แนะนำวิธีการชดใช้หนี้เวรกรรมไว้อย่างนี้ ลองพิสูจน์ดูสิ

267.
กราบเรียน ดร.สนอง ที่เคารพ

   ดิฉันได้ปฏิบัติธรรมวิปัสนากรรมฐานมาประมาณ 2 ปี แต่ไม่ได้ต่อเนื่อง พอมีธุระหยุดไม่ได้ทำต่อ ก็่จะหลายวันกว่าจะมาเริ่มต้นอีก ปัญหาที่พบในขณะปฏิบัติธรรมคือ การตามลมหายใจ ซี่งพอพยายามจะไปที่ ท้องพอง-ยุบ สักพักเหมือนเราหายใจขัด อั้นหายใจ ทำให้รู้สึกเบื่อไม่อยากปฏิบัติ แต่รู้ว่าเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งเมื่อทำใหม่ ๆ ไม่เคยเป็น แต่พอเผลอชอบตามลมตลอด อยากทราบถึงวิธีแก้ไขนะคะ เวลานั่งมักมีจิตใจที่ ฟุ้งซ่านตลอดเวลา และถ้านั่งนานก็จะมีความปวดตามมาด้วย กำหนดสลับกันไปตลอดจนหมดเวลา ประมาณครั้งละ 30-40 นาที

   ดิฉันเป็นคนคิดมากเมื่อเวลามีเรื่องเข้ามากระทบ จะคิดและเศร้านานมาก ปฏิบัติธรรมแล้วช่วยได้เยอะ แต่ยังไม่ก้าวหน้าเลย เวลาปัจจุบัน ชอบลืมกำหนด ปล่อยให้เรื่องมันเข้าไปถึงใจแล้วทุกที พยายามจะไม่ลืมกำหนด ผลคือลืม ดิฉันเป็นคนใจร้อน ขี้หงุดหงิด โมโหง่าย แต่มักจะหายเร็ว ซึ่งเป็นผลเสียมาก ๆ พยายามแก้ไขนิสัยนี้อยู่ ดีขึ้น 60% ค่ะ

ขอบพระคุณค่ะ
สาธิตา

คำตอบ
   
วิธีแก้ไขต้องทำอย่างน้อย 3 เรื่อง คือต้องให้มีศีลคุมใจอยู่ครบทุกขณะตื่น ต้องรักษาสัจจะว่าจะปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่อง และสุดท้ายเร่งความเพียรในการปฏิบัติ

   ส่วนอาการปวดที่เกิดขึ้นขณะนั่งปฏิบัติต้องกำหนดว่า “ ปวดหนอ ๆ ๆ ๆ ” ไปเรื่อย ๆ จนความปวดหายไป แล้วดึงจิตกลับมาสู่องค์ภาวนาเดิม

   เรื่องเป็นคนคิดมาก เป็นคนชอบลืม สาเหตุเพราะมีกำลังของสติอ่อนมีจริตเป็นคนใจร้อน โมโหง่าย หงุดหงิด ให้บริกรรมหรือกำหนดคำว่า “ ช่างมันเถอะ ๆ ๆ ๆ ” จนอาการติดลบนั้นหายไป แล้วจึงดึงจิตกลับมาสู่ปัจจุบัน ทำอย่างนี้บ่อย ๆ จนเมตตาเกิดขึ้นแล้วจริตที่ไม่ดีก็จะหายไป ดังนั้นจึงควรเจริญสติบ่อย ๆ เหมือนกับตักน้ำใส่โอ่ง ยังมีวันที่น้ำเต็มโอ่งได้ฉันใด การเจริญสติภาวนา ย่อมสัมฤทธิผลได้ฉันนั้น

266.
สวัสดีครับอาจารย์สนอง

แต่ก่อนผมซื้อกางเกงขายาวหลายตัวเป็นของปลอมเลียนแบบยี่ห้อดังๆ
ตอนหลังหันมาสนใจธรรมมะรักษาศีล เพิ่งเฉลียวใจว่าผิดศีล จะเลิกใส่แล้ว
ควรทำอย่างไรกับกางเกงเหล่านี้ดีครับ ถ้าจะบริจาคให้คนอื่นยังสมควรอยู่ไหมครับ

ขอบคุณครับ

คำตอบ
    แค่จิตใจตกเป็นทาสของ brand name ก็ถือว่าเป็นบาปอยู่แล้ว ยิ่งไปซื้อหาของที่ลอกเลียนแบบมาใช้ ก็เท่ากับทำผิดศีลข้ออทินนาทานอีกด้วย คนที่รู้ตัวว่าได้ทำบาปไปแล้ว โอกาสที่จะทำตัวให้หนีพ้นจากบาปจึงมีทางเป็นไปได้ ด้วยการเจริญสติและสร้างปัญญาเห็นแจ้งให้เกิดขึ้น แล้วใช้สติปัญญานั้นทำใจให้เป็นอิสระจากสรรพสิ่งนั้นไง

   เรื่องที่คิดจะไม่ใช้แล้วนำไปบริจาคให้คนอื่น หากคิดและทำได้อย่างที่คิด อานิสงส์ที่เกิดจากการบริจาคทานที่ไม่บริสุทธิ์ ย่อมเกิดขึ้นได้แต่ไม่มากเท่ากับการบริจาคสิ่งที่บริสุทธิ์เป็นทาน ดังนั้นบริจาควัตถุที่ได้มาเป็นทานจึงดีกว่าการไม่บริจาคแน่นอน เพราะบริจาคแล้วทำให้สามารถกำจัดความตระหนี่ได้


265.
กราบเรียน อาจารย์สนอง ที่เคารพ

มีหลายๆ คนบอกว่า การทำบุญสร้างพระประธานจะได้อานิสงส์สูงมาก ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่ค่ะ ถ้าเรามีเงินจำนวนหนึ่ง ให้เลือกการทำบุญระหว่างสร้างพระประธาน กับการทำบุญอื่น ๆ แต่หลายอย่าง เช่น ถวายอาหารพระ ทำหนังสือธรรมะ สร้างถาวรวัตถุ ไม่ทราบว่าสมควรทำอย่างไหนดีกว่าค่ะ แต่ไม่ว่าอย่างไร ทั้งสองอย่างก็ยังสู้การปฏิบัติธรรม วิปัสสนากรรมฐานไม่ได้ใช่หรือไม่ค่ะ

ขอความกรุณาอาจารย์ตอบข้อสงสัยให้ด้วยค่ะ
กราบขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
    ความเห็นที่ว่าการทำบุญด้วยการสร้างพระประธาน จะได้อานิสงส์สูงมาก ต้องมีสิ่งเปรียบเทียบมาตรวัด
   ถ้าเปรียบกับการทำบุญด้วยการสร้างกำแพงวัด สร้างพระประธานได้อานิสงส์มากกว่า
   ถ้าเปรียบกับการทำบุญด้วยการทำจิตตภาวนา การสร้างพระประธานได้อานิสงส์น้อยกว่า

   สร้างโบสถ์ 100 หลัง สร้างพระประธาน 100 องค์ ถวายอาหารพระ 100 ชาติ ฯลฯ อย่างมากก็ได้แค่สวรรค์สมบัติ ทำจิตตภาวนาเช่นปฏิบัติสมถกรรมฐานอย่างมากได้พรหมสมบัติ ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานอย่างมากได้นิพพานสมบัติ อย่างไรก็ดีผู้รู้ไม่ปฏิเสธการทำบุญ เพราะกว่าจะเข้าถึงนิพพานชีวิตยังต้องผ่านวิบากอีกยาวไกล ควรทำบุญไว้ให้หลากหลายนั่นแหละดี อานิสงส์จะเกิดขึ้นหลากหลายเป็นความสะดวกสบายง่ายต่อการทำจิตตภาวนา

264.
กราบเรียนถามคำถามอาจารย์ สนอง วรอุไร

หนูกราบขอบพระคุณอาจารย์มากค่ะ สำหรับคำตอบหนูดีใจที่อาจารย์ตอบคำถามหนูขอให้ผลบุญที่อาจารย์ทำส่งผลให้อาจารย์มีสุขภาพร่างกาย แข็งแรงและอายุยืนค่ะวันเสาร์ที่ผ่านมาหนูไปบริจาคเลือดแล้วหนูก็อุทิศผลบุญฯ ให้อาจารย์ด้วยค่ะ ซึ่งหนูถือว่าเป็นครูบาอาจารย์ของหนู ไม่ทราบ ว่าอาจารย์จะได้รับไหม และวันนี้หนูมีคำถามอยากจะเรียนถามให้อาจารย์ช่วยตอบค่ะ

1. คนโบราณเคยกล่าวไว้ว่า "ถ้าตาขยิบข้างขวากับใครจะเกิดปัญหาไม่ดีกับคนๆ นั้น แต่ถ้าขยิบข้างซ้ายจะเจอเรื่องดีๆ กับคนๆ นั้น" ไม่ทราบว่าความ เชื่อแบบนี้ เป็นจริงไหมค่ะ พี่สาวหนูคงอยากรู้คำตอบเช่นเดียวกัน พอเวลาตาขวาขยิบมักเป็นกังวลทุกที

คำตอบ
   
พระพุทธะสอนให้เชื่อโดยใช้เหตุผล และอย่าปลงใจเชื่อด้วยเหตุ 10 อย่าง เช่นด้วยการฟังตามกันกัน ด้วยการถือสืบ ๆ กันมา ด้วยการเล่าลือ ฯลฯ (ดูกาลามสูตร) ถ้าคุณพัฒนาจิตจนเข้าถึงปัญญาเห็นแจ้งได้แล้วคุณจะไม่สร้างปัญหาให้กับใคร และปัญหาของใครก็ไม่สามารถเข้ามารบกวนจิตใจของคุณได้ ฉะนั้นเวลาตาข้างขวาขยิบ แล้วเกิดเป็นกังวลใจขึ้นในจิตของใคร นั่นแสดงว่าใครคนนั้นยังไม่รู้จริง

2. หนูอยากมีส่วนร่วมทำบุญกับพระภิกษุสงฆ์ที่ท่านได้เข้าทำนิโรธสมาบัติหลายวัน (หนูไม่ทราบกี่วันค่ะ) บ้างค่ะ อาจารย์ช่วยแนะนำได้ไหมค่ะว่าจะ มีวัดไหนบ้างที่มี
กราบขอบพระคุณในความเมตตาของอาจารย์ค่ะ

คำตอบ
   
เรื่องนี้ไม่ยาก คบหาสมาคมกับผู้แสวงบุญที่ชอบสร้างโรงทานตามวัดต่าง ๆ สิคุณ นักแสวงบุญด้วยการสร้างโรงทานเขาจะมีหูไว ตาไว กว่าผู้ตอบปัญหาเสียอีก ถ้าจะให้แนะนำก็บอกว่า ที่วัดศรีดอนมูล อ.สารภี จ.เชียงใหม่ มีกิจกรรมแบบนี้ในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ส่วนจะเป็นวันไหนนั้นสอบถามกันเอาเอง

263.
กราบเรียนอาจารย์สนองที่เคารพยิ่ง

อยากเรียนถามว่าคนประเภทไหนคะที่เข้าจำพวกคนพาล ที่ไม่ควรอ่อนน้อมถ่อมตนด้วย
คนที่ไม่มีศีล 5 จัดเข้าประเภทคนพาลหรือไม่คะ
ด้วยความเคารพอย่างสูง

คำตอบ
    คนที่ไม่มีศีล 5 คุ้มครองใจ หรือคนที่ประพฤติล่วงอกุศลกรรมบถ 10 จัดเป็นคนพาล (อันธพาล) ที่ไม่ควรอ่อนน้อมถ่อมตน หากจำเป็นต้องปฏิสัมพันธ์กับคนประเภทนี้ ควรมีปฏิสัมพันธ์เฉพาะเรื่องที่เป็นสาระ ตรงไปตรงมา และมีปฏิสัมพันธ์เท่าที่จำเป็น

   ยังมีคนพาลอีกประเภทหนึ่ง เป็นผู้มีความประพฤติดี มีกาย วาจา เรียบร้อย แต่ใจยังตกเป็นทาสของความโลภ ความโกรธ ความหลง ยังมีปัญญาอ่อน ไม่สามารถปกป้องใจให้เป็นอิสระจากกิเลส ตัณหา อุปาทานได้ ในสายตาของคนทั่วไป คนประเภทนี้ถือว่าเป็นคนดีแต่ในสายตาของผู้เข้าถึงธรรม เรียกคนประเภทนี้ว่า “ กัลยาณพาล ” หากคนใกล้ชิด มีโอกาสนำชีวิตสู่ความวิบัติได้

ของแถม โทษของการคบคนพาล

   ๑.  ทำให้ขาดจากประโยชน์ตนประโยชน์ผู้อื่น

   ๒.  ขาดจากประโยชน์โลกนี้ ขาดจากประโยชน์โลกหน้า

   ๓.  ทำให้ประพฤติทุจริตทางกาย วาจา ใจ

   ๔.  ทำให้เสียชื่อเสียง

   ๕.  ไม่มีคนนับถือ

   ๖.  ทำให้คนเกลียด ไม่อยากคบหาสมาคมด้วย

   ๗.  หมดความเป็นสิริมงคล

   ๘.  ทำลายตระกูลตัวเอง

   ๙.  ตายแล้วมีโอกาสลงไปเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิได้ง่าย


262.
ดิฉันได้ติดตามฟังธรรมบรรยายของอาจารย์ได้ไม่นาน แต่การได้ฟังนั้นทำให้ดิฉันเข้าใจหลายๆอย่างและได้ปฎิบัติตามคำแนะนำของอาจารย์ไม่ว่าจะเป็นจากการฟังธรรมบรรยาย หรือจากการที่อาจารย์ตอบคำถามให้แก่ผู้ถามอื่นๆ ซึ่งทำเวลาที่ฟังหรืออ่านคำตอบของอาจารย์มันทำให้รู้สึกสบายใจและได้รับรู้ถึงความมีเมตตาของอาจารย์เป็นอย่างมาก

ดิฉันมีคำถามดังนี้ค่ะ
ดิฉันตั้งใจจะซื้อพระไตรปิฏกฉบับประชาชนไปบริจาคให้วัดที่สร้างใหม่แถวบ้านค่ะ แต่ยังงัยก็ยังหาซื้อไม่ได้ ดิฉันมีของตัวเองอยู่แล้ว 1 เล่ม ถ้าดิฉันนำเล่มที่ดิฉันมีไปบริจาคจะเป็นแดนทานรึเปล่าคะ

ขอบพระคุณในคำตอบค่ะ
ขออนุโมทนาบุญกับอาจารย์ที่ช่วยให้ความกระจ่างในธรรมด้วยนะคะ

แสงเดือน

คำตอบ
   
เรื่องนี้เหมือนกระจก 2 ด้าน ด้านหนึ่งเป็นกระจกที่หลอกตาอีกด้านเป็นกระจกที่เห็นถูกตรง ผู้รู้ไม่จริงย่อมมองในด้านที่เป็นอสาระ คือมองที่รูปเล่มหนังสือที่ผ่านวิบากแห่งกาลเวลามา ว่าเป็นของเก่าของใช้แล้ว หากเอาไปบริจาคถือว่าเป็นเดนทาน แต่ผู้รู้จริงมองในด้านที่เป็นสาระคือองค์ความรู้ที่ถูกตีพิมพ์อยู่ในหนังสือแม้จะผ่านวิบากแห่งกาลเวลามา แต่ความรู้ยังทรงไว้ซึ่งคุณค่ามีความเป็นอมตะเหนือกาลเวลา เมื่อนำความรู้ที่ไม่ล้าสมัยไปบริจาคเชื่อว่าไม่เป็นเดนทาน

   แล้วคุณล่ะในฐานะที่กำลังจะเป็นผู้บริจาค จะมองที่รูปเล่มหนังสือหรือจะมองที่องค์ความรู้ที่ถูกตีพิมพ์อยู่ในหนังสือ กรรมอยู่ที่เจตนา ถ้ามีเจตนาบริจาคหนังสือเก่า นั่นแหละเดนทาน ถ้ามีเจตนาบริจาคความรู้เป็นอมตะนั่นไม่ถือว่าเป็นเดนทานนะโยม

261.
กราบเรียน อาจารย์สนอง ที่เคารพ

    ได้อ่านหนังสือธรรมะหลาย ๆ เล่ม ที่ครูบาอาจารย์ท่านสอนไว้ว่า ถ้านั่งสมาธิแล้วฟุ้งซ่าน หาความสงบไม่เจอ ให้นั่งดูความคิด นั่งดูอารมณ์ ให้นั่งดูจิตว่ามันคิดเรื่องอะไรก็แล้วแต่ นั่งดูไปเรื่อย คิดอะไรก็ให้รู้อยู่ดูเฉย ๆ ดูว่ามันจะคิดอะไรต่อ ตามดูมันไป

   อยากเรียนถามอาจารย์ว่า ไม่เข้าใจว่าจะทำได้อย่างไรพร้อม ๆ กัน เพราะตอนที่เราคิดเรื่องอื่น ๆ อยู่ จิตเราก็คิดหรือฟุ้งซ่านในเรื่องนั้นอยู่ เราจะเอาจิต หรือ สติที่ไหนไปตามดูมันได้พร้อมกัน คือสงสัยว่าจะทำ 2 อย่างนี้พร้อมกันได้อย่างไรค่ะ เพราะถ้าเราสามารถตามดูมันได้ แสดงว่าตอนนั้นเราต้องมีสติกับมาอยู่กับปัจจุบันแล้ว ไม่ใช่เหรอค่ะ

   ขอความกรุณาตอบข้อสงสัยนี้ให้ด้วยค่ะ จะได้สามารถนำไปใช้พิจารณาได้อย่างถูกต้อง

กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ
อาภานันท์ โรจน์ทิพย์

คำตอบ
   
ที่ครูบาอาจารย์สอนนั่นถูกต้อง ต้องใช้จิตดูจิตที่กำลังคิดจะคิดเรื่องอะไร ก็ตามดูความคิดไปเรื่อย ๆ ดูว่าจิตกำลังคิดอะไร หรือมีอารมณ์เกิดขึ้นกี่ครั้ง ต้องใช้จิตตามดูอารมณ์ที่เกิดขึ้นทุกครั้ง การใช้จิตตามดูความคิดหรือใช้จิตตามดูอารมณ์ ก็คือต้องการให้จิตจดจ่อ (มีสติ) อยู่กับความคิดหรือใช้จิตตามดูอารมณ์ วิธีการอย่างนี้แหละที่เรียกว่า การฝึกจิตให้มีสติไงล่ะ ถ้าจิตจดจ่ออยู่กับสั่งที่เกิดขึ้น จิตจะเข้าสู่ความตั้งมั่น (สมาธิ) โดยอัตโนมัติ ในที่สุดจะเห็นได้ว่าทั้งความคิดหรืออารมณ์จะเกิดขึ้นกี่ครั้งกี่หนย่อมดับลง (อนัตตา) ในที่สุด นี่แหละปัญญาเห็นแจ้งในเรื่องของความคิดในเรื่องของอารมณ์ ต้องเป็นไปตามธรรมนิยาม (อนิจจัง-ทุกขัง-อนัตตา) จริงแท้แน่นอนเมื่อดูจนถึงที่สุดแล้ว ความคิดและอารมณ์เป็นสิ่งที่ไม่จีรัง ไม่ควรเอาจิตเข้าไปยึดถือมาเป็นของตน จิตปล่อยความคิดปล่อยวางอารมณ์ได้ ความเป็นอิสระของจิตก็เกิดขึ้น จิตเข้าสู่ความเป็นอุเบกขา พร้อมกับมีปัญญาเห็นถูกตรงเกิดขึ้นได้ด้วยวิธีการตามดูนี่แหละ

260.
กราบเรียนถามอาจารย์ สนอง วรอุไร

หนูได้อ่านหนังสือธรรมะของอาจารย์ 2-3 เล่มแล้ว และหนูชอบค่ะซึ่งหนูสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ แต่บางครั้งหนูทำไม่ได้ ดังนั้นหนูจึงมีคำถาม ที่อยากจะรบกวนให้อาจารย์ช่วยตอบให้ด้วยค่ะ

1. ธรรมะคำว่า "ขันติบารมี" ทำไมทำยากจังบางครั้งอดทนได้ บางครั้งอดทนไม่ไหวแล้ว ตั้งแต่เด็กจนถึงโต หนูโดนพี่น้อง,เพื่อน ด่าแกล้งข่มโดยเฉพาะจิตใจ มาตลอดจนโต ทั้งที่เราผิดบ้าง(น้อยที่จะผิด)และไม่ผิดเลย พอวัยทำงาน ณ ปัจจุบันนี้ ก็โดนพี่ร่วมงานตำหนิด่าว่าคำอย่างรุนแรง ว่าต่อหน้าคนในที่ทำงานเดียวกันให้เราอาย กะความผิดนิดเดียวจนหนูเสียใจมาก จนทนไม่ไหวแล้วมันมีความคิดอยากตายเร็วๆ ทำไมเราสู้ใคร ๆ ไม่ได้เลย แถมยังโดนน้องในที่ทำงานทั้งขู่ทั้งข่มชอบดุชอบว่า จนเหมือนตัวเองจะขาดความมั่นใจฯไปเลย และจะเป็นโรคจิตอยู่แล้ว มันเก็บกดมาก หนูจะแก้ปัญหายังไงดี อ.กรุณาช่วยตอบคำถามหนูด้วยนะค่ะ

คำตอบ
   
ก็ขันติบารมีของหนูยังไม่แก่กล้าน่ะสิ ปัญหาที่หนูเผชิญอยู่ไม่ต้องไปโทษใคร ต้องโทษตัวเองว่าไม่ฉลาดที่เอาจิตใจของตัวเองเข้าไปเป็นทาสคำพูดของคนอื่น เอาจิตตัวเองไปรับคำพูดที่ไม่ดีของคนอื่นมาเป็นอารมณ์เก็บกดให้กับตัวเอง เรื่องนี้ดีนะจะบอกให้ คนที่เขาด่าเขาว่า เขาตำหนิ เขามีบุญคุณกับหนูมาก เพราะเขาเป็นครูทำให้ได้สร้างขันติบารมีนั่นไง ปัญหาจะถูกแก้ไขให้หมดไปได้ต้องใช้ปัญญา อารมณ์แก้ปัญหาไม่ได้หรอก แก้ปัญหาอย่างนี้สิ เวลาถูกด่า ถูกว่า ถูกตำหนิ ให้ระลึกรู้อยู่ในใจเสมอว่า “ ช่างมันเถอะ ๆ ๆ ๆ ” บริกรรมเรื่อย ๆ ไปจนกว่าใจจะหลุดเป็นอิสระจากอารมณ์เก็บกด หรือถ้าจะให้ดีที่สุด หนูต้องพัฒนาปัญญาเห็นแจ้งให้เกิดขึ้นในใจ แล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้งพิจารณาขันธ์ 5 ให้เห็นว่าดับไปตามกฎไตรลักษณ์ แล้วเมื่อนั้นแหละความมีอัตตาตัวตนของหนูจะหมดไป ตอนนี้แหละคำดุคำว่ากล่าวตำหนิที่พ่นออกมาจากปากคน ก็จะเหมือนกับลมพัดปะทะหินผา ไม่สะเทือนไม่หวั่นไหว แต่จะกลับกลายเป็นเสียงเสียดสีจากธรรมชาติ จิตจะปล่อยวางได้ดีไหมล่ะ ลองพิสูจน์ดูด้วยตนเองสิ

2. คนนับถือศาสนาคริสต์เขาจะมีเจ้ากรรมนายเวรเหมือนคนนับถือพุธไหมค่ะ และเราสามารถทำบุญอุทิศผลบุญให้แก่เจ้ากรรมนายเวร และอื่นๆ (ถ้าเขามี) แทนคนที่นับถือศาสนาคริสต์ได้ไหมค่ะ เพราะของเขาทำไม่ได้
      หนูกราบขอบพระคุณอาจารย์ สนอง วรอุไร มากค่ะ สำหรับคำตอบ

คำตอบ
   
คนนับถือศาสนาใด ทำชั่วแล้วย่อมมีเจ้ากรรมนายเวรเหมือนกันนั่นแหละ วันก่อนได้มีโอกาสเข้าไปบรรยายธรรม ให้นักโทษฟังในคุก มีศาสนิกชนของศาสนาอื่นนอกจากศาสนาพุทธ จำนวนเป็นร้อยต้องเข้ามาใช้หนี้เวรกรรมที่ทำไว้ไม่ดีนั่นไง

   ตัวอย่างคนในศาสนาอื่นเจ็บป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลหมอจัดยาให้กินเขาจึงหายจากโรค นั่นแสดงว่าเขารับได้ เช่นเดียวกับการให้สิ่งที่เป็นบุญเช่นการช่วยเขาให้พ้นจากการจมน้ำ เมื่อเขายื่นมือให้พุทธศาสนิกชนจับยึดแล้วดึงขึ้นจากน้ำ เขาก็รับบุญที่ทำให้เขารอดชีวิตได้ พ้นจากเจ้ากรรมนายเวรที่ประสงค์จะเอาชีวิตของเขาได้ ดังนั้นจึงอุทิศบุญกุศลแทนกันได้หากเจ้ากรรมนายเวรยอมรับ

259.
กราบเรียนอาจารย์ ดร.สนอง

หนูกับแฟนคบกันมาหลายปีและวางอนาคตจะแต่งงานกัน แต่แฟนหนูแอบไปมีความสัมพันธ์และคบกับผู้หญิงคนอื่น(2-3 เดือน) แต่ก็ให้อภัยเขาทั้งสองคนเพราะคิดว่ามันเป็นกรรมของหนูหรือที่เรา 3 คนเคยทำร่วมกันในอดีตชาติ ซึ่งหนูให้อภัยด้วยจิตที่เมตตา และสวดมนต์เจริญภาวนาแผ่เมตตาให้เขาทั้งสอง

1.หนูทำเช่นนี้แล้ว จะสามารถตัดกรรมหนูกับผู้หญิงได้หรือเปล่าค่ะเพื่อที่จะไม่ต้องเป็นเจ้าเวรนายกรรมกันต่อในชาติหน้า เพราะแฟนหนูเขาขอโอกาสและกลับมาคบกับหนูเหมือนเดิม

คำตอบ
   
ปัญหาต้องแก้ด้วยปัญญาที่เห็นถูกตรง ปัญหาจึงจะหมดไปได้ การที่คุณให้อภัยคนอื่น ทำให้เกิดเป็นความเมตตาขึ้นในใจของคุณ อานิสงส์ของเมตตาไม่สามารถตัดเวรตัดกรรมได้ แต่สามารถป้องกันอันตรายจากไฟ ศาสตราวุธและยาพิษ ไม่ให้กร้ำกรายผู้มีเมตตาได้

2. แบบนี้ถือว่าแฟนหนูกับผู้หญิงคนนั้นผิดศีลข้อกาเมฯหรือเปล่าคะ เพราะหนูกับแฟนยังไม่ได้แต่งงาน

คำตอบ
   
คุณยังไม่มีสิทธิเป็นเจ้าของของผู้ชาย หากเขาทั้งสองเสพเมถุนกัน เขาไม่ได้ผิดศีลกับคุณ แต่เขาผิดศีลข้อ 3 กับพ่อแม่เพราะพ่อแม่ยังมิได้ยินยอม ยกให้เขาทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน

258.
กราบเรียนถามท่านอาจารย์ ดร.สนองครับ

    หลังจากที่กระผมได้มีโอกาสปรึกษาท่านอาจารย์ ดร.สนอง  
มาแล้วครั้งหนึ่งเกี่ยวกับผลการปฎิบัติธรรมตอนนี้ใจของกระผมนิ่งแน่นขึ้น สติและร่างกายเต็มเปี่ยมไปด้วยความปิติสุขใจเบิกบานในสมาธิมาก

    ตอนนี้เมื่อผมมีความสุขจากพระศาสนาแล้วผมจึงคิดว่า    
ผมเองนั้นแต่ก่อนก็เคยเป็นคนที่เคยยืนอยู่ในความมืดมาก่อน แต่เป็นเพราะผลการปฎิบัติธรรมที่ทำให้ใจของผมเปลี่ยนไป     มีความสงบรู้จักเห็นใจผู้อื่นและรักที่จะมอบความสุขให้ทุกคน    
ผมเริ่มทำบุญเพื่อพระพุทธศาสนาเพื่อหวังว่าจะต่ออายุพระพุทธศาสนาต่อไป     
แต่มีคำถามอยากเรียนถามท่านอาจารย์ ดร.สนอง   ดังนี้ครับ

   1. ผมเริ่มทำบุญทุกวันๆละ 20 บาทที่วัดไกล้ที่ทำงาน   
และผมก็ไปวัดทุกเดือนๆหนึ่งผมจะทำบุญครั้งละ 1000 บาท ขณะทำบุญอยู่นั้นผมมักจะนึกน้อมจิตถึงพ่อที่เสียไปแล้วคิดว่าท่านอยู่ในตัวผมแล้วทำบุญพร้อมกันแล้วตั้งจิตว่าขอให้ผลบุญนี้ไปถึงพ่อและเจ้ากรรมนายเวรขอให้มีความสุขในภพภูมิที่ดีๆ
อย่าได้จองเวรซึ่งกันและกันเลยและขอให้ลูกได้มีแต่ความสุข
   การทำแบบนี้จะช่วยให้ท่านได้บุญพร้อมกระผมมั้ยครับ   
และจำนวนเงินที่ทำมีผลต่างกันอย่างไรเช่น 20 บาททุกวันรวม 30 วันเป็นเงินเพียง 600 บาท แต่ได้ทำบุญทุกวันกับอีกอย่างคือ 1 เดือนทำครั้งเดียว แต่จำนวนเงินเยอะกว่าต่างที่จำนวนวันไปทำบุญน้อยกว่า

คำตอบ
    การทำบุญด้วยการบริจาคทรัพย์เป็นทาน เป็นเพียงหนึ่งในสิบวิธีของการทำบุญ ดูเรื่องบุญกิริยาวัตถุ 10 แล้วทำบุญให้หลากหลาย อานิสงส์ของบุญจะเกิดขึ้นได้ง่าย เมื่อมีบุญแล้ว คุณอุทิศให้กับผู้ล่วงลับ หากผู้ล่วงลับมีโอกาสมาอนุโมทนาบุญเขาก็ได้รับ ความมากน้อยของทรัพย์ที่บริจาคไม่สำคัญเท่ากับความบริสุทธิ์ของใจของผู้บริจาคทรัพย์ หากบริจาคแล้วเกิดปีติมากก็ได้บุญมาก ลองไปอ่านเรื่องของหญิงชราผู้ยากจนทำบุญโดยเอาน้ำผักดองใส่บาตรพระมหากัสสปะ แล้วเกิดปีติมากเมื่อตายลาโลกไปแล้ว ได้ไปเกิดเป็นเทพนารีอยู่ในสวรรค์ชั้นสูงสุดเลยทีเดียวเชียว

   2. ถ้าสมมุติว่าคนรวยทำบุญ 50,000 บาท กับคนปานกลางทำบุญ 50,000 บาทเท่ากัน ความปิติเท่ากันผลบุญจะต่างกันมั้ยครับ
   คือว่ากระผมสงสัยว่าคนรวยคงไม่คิดมากเพราะเงินแค่นี้ขนหน้าแข้งคงไม่ร่วง แต่คนปานกลางนี้สิคับน่าจะเยอะนะครับกว่าจะเก็บเงินได้ขนาดนี้

คำตอบ
    สมมุตว่าคนรวยและคนจนให้ทรัพย์จำนวนเท่ากันบริจาคเป็นทาน เมื่อให้แล้วเกิดปีติเท่ากัน เป็นสมมุติที่เป็นจริงไม่ได้ จึงไม่ขอตอบ

   3. ขณะที่กระผมนั่งสมาธิอยู่พอเกิดความสุขกายสบายใจ ตัวจะเบาสบายหายใจเข้าจะโล่งโปร่งเบาสบายกระผมมักจะน้อมเอาพ่อมานั่งที่ตัวผมด้วย คือนึกว่าท่านมานั่งที่ร่างของเราเป็นนิมิตพ่อในท่านั่งสมาธิทำแบบนี้ ท่านจะมีได้รับผลบุญจากการที่กระผมได้ปฎิบัติธรรมมั้ยครับ

คำตอบ
    หนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ 10 ไม่มีข้อไหนเลยที่บ่งบอกถึงการกำหนดเอาบุพพการี ที่ตายไปแล้วมาเป็นรูปนิมิตนั่งสมาธิ แล้วผู้ล่วงลับจะได้บุญโดยวิธีการเช่นนี้ ฉะนั้นหากประสงค์จะให้ผู้ตายได้บุญ คุณต้องทำบุญแล้วอุทิศบุญให้ผู้ตายและผู้ตายต้องมาอนุโมทนาบุญ อย่างนี้ผู้ตายได้รับบุญแน่นอน

   4. ผมสงสัยว่าบุญคือความสุขใช่มั้ยครับเพราะเวลานั่งสมาธิแล้วผมรู้สึกว่าพอใจนิ่งดีแล้วก็เกิดความสุขลมหายใจเข้าออกมันช่างละเอียดอ่อนมาก    ความเบาความสบายเหมือนปลอดกังวลเป็นที่ๆอยากจะอยู่แบบนี้นานๆ    สมาธิสามารถชำระล้างใจให้กลัวบาปได้และทำให้ผมเป็นคนขี้สงสารคนมากเวลาทำบุญผมมักจะมีความปิติใจมากครับ     ผมจึงคิดว่าบุญคือความสุขใช่มั๊ยครับ      
สุดท้ายขอขอบคุณท่านอาจารย์ ดร.สนอง   และทีมงานที่ช่วยตอบคำถามได้รวดเร็วมากเลยครับ  
    ขอบคุณจริงๆ

คำตอบ
   
คำว่าบุญมีความหมายหลายอย่าง แปลว่าความสุขก็ได้และหากเมื่อใดจิตมีสติเพิ่มขึ้น ความตั้งมั่นของจิตที่เรียกว่าสมาธิก็จะเกิดขึ้น กำลังของสมาธิไม่สามารถชำระล้างใจให้สะอาดปราศจากมลทินได้ ต้องใช้ปัญญาญาณล้างมลทิน(กิเลส) ที่สะสมอยู่ในใจจึงจะสะอาดได้

257.
เรียนถามอาจารย์ครับ
ผมเพิ่งเริ่มฝึกนั่งสมาธิ มาได้2อาทิตย์
แต่มีปัญหาดังนี้ครับ

1. ผมยังกำหนดรู้ที่ยุบ-พองไม่ได้ ซึ่งเห็นอาจารย์ตอบแล้ว แต่ลักษณะของผมคือ จิตชอบที่จะไปที่ลมหายใจเข้าออกแต่ผมก็ไม่สามารถวางจิตที่ปลายจมูกได้อีก ทำอย่างไรครับจึงจะทำให้จิตไปที่เดียวที่ท้องได้ ผมสามารถที่จะใช้ สมถะอื่นๆมาฝึกแทน วิปัสสนาอีก3ฐานคือ เวทนา จิต และธรรมได้ไหม

คำตอบ
    ควรใช้วิธีเจริญกรรมฐานที่เหมาะกับจริตของคุณจะทำให้สมาธิเกิดขึ้นเร็ว ดูกรรมฐาน 40 จากหนังสือพุทธธรรมของท่านปยุตโต (พระพรหมคุณาภรณ์)

2.ผมนั่งสมาธิแล้ว ชอบรู้สึกอึดอัดที่จมูกและคอแห้งที่ลำคอ อาจเป็นเพราะผมหายใจทางปากด้วย แล้วต้องหายใจลึกๆเองไม่ได้ตามธรรมชาติ กลืนน้ำลายบ้าง จะแก้อย่างไรครับ

คำตอบ
    ถ้านั่งแล้วมีปัญหาทำไมไม่ลองเปลี่ยนไปเดินจงกรมดูบ้างล่ะ หรือเลือกกรรมฐานที่เหมาะกับจริตตามข้อ (1)

3.แล้วหาก ผมเกิดอาการปวดขึ้นมาที่ขาตอนนั่งผม จะให้ผมบริกรรม ปวดหนอๆๆ ไปเรื่อยๆ จนหายไปเอง หรือ บริกรรมสักพัก แล้วกลับมา ยุบพองต่อครับ หรือบางทีเกิด ปวดด้วย คันด้วย มีเสียงมาอีก มาพร้อมกันจะให้ใช้ฐานใด

คำตอบ
   
หากปวดขา ถ้ากำหนดปวดหนอ ๆ ๆ ๆ แล้วยังแก้ไม่ได้ลองเปลี่ยนไปเดินจงกรมดูสิ หายปวดขาได้ หากเมื่อใดทำจิตตภาวนาจนมีกำลังของสติเพิ่มมากขึ้น การกำหนดปวดหนอ ๆ ๆ ๆ ไปเรื่อย ๆ อาการปวดหายไปได้ครับ ถ้ามีอาการคันก็บริกรรม คันหนอ ๆ ๆ ๆ ไปเรื่อย ๆ จนกว่าอาการคันหายไป ถ้าได้ยินเสียงก็กำหนด ได้ยินหนอ ๆ ๆ ๆ เรื่อย ๆ จนเสียงหายไป กำหนดทีจะเรื่อง แก้ปัญหาทีละเรื่อง เมื่อปัญหาหมดให้ดึงจิตกลับมาสู่องค์ภาวนาเดิม

256.
เรียนถามอาจารย์สนองครับ

ได้รับยาพาราเซตามอลหลายกระปุกเป็นของชำร่วยจากงานศพ
จะแบ่งไปถวายพระซักสองกระปุกโดยที่ยังไม่ได้แกะห่อพลาสติกที่หุ้มออก
อยากทราบว่ายังสมควรถวายพระได้หรือไม่ครับ

ขอบคุณครับ

คำตอบ
    หากยังไม่ได้เปิดออกใช้ นำไปถวายพระได้ไม่ถือว่าเป็นเดนทาน

255.
เรียนถามการทำสมาธิ
กราบเรียนถามท่าน อ.สนอง ครับ

  ผมได้ปฎิบัติสมาธิแล้ววันที่ 26 พ.ค นี้ผมต้องการจะนั่งให้พ้นความเจ็บปวดเวลานั่ง เวลาที่มันปวดขึ้นมาแล้ว สมาธิก็เริ่มจางหายไปแต่อาการปวดมันมากจนไม่สามารถกำหนดลมหายใจได้ ปวดจนรู้สึกว่าถึงกระดูกขา ผมพยายามสู้แต่มันก็ไม่มีสมาธิเลยมีแต่ความเจ็บปวด ผมควรจะกำหนดจิตตอนที่ปวดมากๆ อย่างไร และวางจิตไว้ที่ไหนครับ
ตอนนี้ผมอายุ 35 ปีครับ

คำตอบ
   ความต้องการนั่งให้พ้นความเจ็บปวด เป็นความคิดที่ผิด เพราะสิ่งที่คุณต้องการนั้นคือ “ ตัณหา ” เมื่อเอากิเลสขึ้นมาตั้งไว้ในจิต แล้วจะทำให้จิตมีความตั้งมั่นเป็นสมาธินั้นเป็นไปไม่ได้ เหตุที่เป็นไปไม่ได้เพราะกำลังของสติ ยังไม่กล้าแข็งเกินกำลังของขันธมาร จึงเอาชนะมารไม่ได้

   วิธีที่ถูกคุณต้องปล่อยวางความต้องการ (ตัณหา) แล้วเจริญสติตามวิธีที่ครูบาอาจารย์ท่านสอน หากเมื่อใดความเจ็บปวดเกิดขึ้นที่แข้งขาคุณต้องกำหนด ปวดหนอ ๆ ๆ เรื่อยไปจนกว่าความเจ็บปวดจะหายไปแล้วดึงจิตกลับมาสู่องค์บริกรรมเดิมที่คุณใช้ในการพัฒนาจิตให้มีสติ
และหากความความเจ็บปวดเกิดขึ้นอีกต้องใช้วิธีการดังกล่าวเรื่อย ๆ ไปในสมัยที่ผู้ตอบปัญหาไปฝึกกรรมฐานกับทานเจ้าคุณโชดก การเจ็บปวดที่แข้งขาก็เกิดเหมือนคุณนั่นแหละ ตอนที่สติยังไม่กล้าแข็งพอ ความเจ็บปวดเกิดหลายครั้งและได้ทำซ้ำวิธีการเดิม จนในที่สุดเมื่อจิตมีกำลังของสติกล้าแข็งมาก ๆ ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นหายไปทันที่ที่จิตระลึกรู้ทัน เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะเชื่อคำสอนของครูอาจารย์แล้วทำตามโดยไม่คิดอะไรอื่นให้เป็นน้ำชาล้นถ้วยนั่นเอง นี้เป็นเรื่องที่ทำได้จริง อยากพิสูจน์ไหมล่ะ สู้ตายสิและต้องรักษาสัจจะให้ได้ มรรคผลจึงจะเกิดขึ้นจริง

254.
สวัสดีครับอาจารย์สนอง

คือผมอยากไปรักษาศีล8วันพระหรือปฏิบัติธรรมที่วัดที่เขาเปิดให้ร่วมกิจกรรมเข้าโครงการที่ทางวัดจัดนะครับ
ไม่ทราบว่าถ้าเราไปกินอาหารใช้น้ำไฟวัดแล้ว ไม่ทราบว่าเราเป็นหนี้สงฆ์
จำเป็นต้องทำบุญด้วยปัจจัยใช้หนี้ถวายวัดด้วยหรือเปล่าครับ(เห็นมีวัดบางวัดวางตู้บริจาคสำหรับใช้หนี้สงฆ์ไว้ครับ)
คือตัวเองไม่ค่อยมีเงินนะครับ (ไม่มีงานทำอยู่)

ขอบคุณครับ

คำตอบ
    เมื่อคุณไปกินอาหาร ไปใช้น้ำใช้ไฟฟ้าในวัด ถ้าสงฆ์ไม่เอ่ยปากให้คุณใช้ฟรี คุณก็ต้องเป็นหนี้สงฆ์ เว้นแต่ว่ามีสงฆ์บางท่านปรารถนาสร้างทานบารมีจึงเอ่ยปากอนุญาตให้ฆราวาสใช้น้ำใช้ไฟกินอาหารได้ฟรี คุณก็ไม่เป็นหนี้ ถ้าคุณไม่มีสตางค์ใช้หนี้ทำไมไม่ทำอย่างนี้ล่ะ ครั้งหนึ่งเคยมีคนไปกินอาหารที่ร้านอาหารแล้วไม่มีเงินจ่ายค่าอาหาร เจ้าของร้านอาหารจึงให้ใช้หนี้ค่าอาหารด้วยการล้างจานแทน ก็เป็นอันว่าหมดหนี้ เช่น เดียวกันถ้าคุณเป็นหนี้สงฆ์ทำไมไม่ไปเอ่ยปากขอกวาดลานวัด กวาดเช็ดถูพื้นศาลา ทำความสะอาดห้องน้ำส้วมฯลฯ บอกกับสงฆ์ว่าผมไม่มีสตางค์ขอใช้หนี้สงฆ์ด้วยวิธีนี้แทน ถ้าสงฆ์เห็นชอบด้วยคุณก็หมดหนี้ วิธีนี้ดีไหมล่ะ

253.
กราบเรียนถามท่านอาจารย์ต่ะ

ตอนนี้คนไทยทั้งประเทศต่างห่วงใยและส่งกำลังใจให้คุณครูจูหลิงคนดีของแผ่นดิน ให้เกิดปาฎิหารย์หายจากการบาดเจ็บที่ถูกทำร้าย หนูก็เป็นอีกคนที่เอาใจช่วยมากๆ ตอนนี้ร่างครูนอนแน่นิ่ง ทางบ้านทำพิธีเรียกขวัญร้องวิญญาณให้กลับคืนมา หนูอยากรู้จังว่าจิตของคุณครูอยู่ที่ไหนตอนนี้ จึงขอเรียนถามท่านอาจารย์ว่าจิตของครูมีทางไปอยู่ที่ไหนได้บ้างเจ้าคะ หนูเชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศก็อยากรู้เหมือนกัน

ขอบพระคุณท่านอาจารย์อย่างยิ่งเจ้าค่ะ

คำตอบ
    คนรู้ไม่จริงจึงอยากรู้ว่าจิตของครูจูหลิงไปอยู่ที่ไหน จึงไม่รู้ แต่คนรู้จริงไม่อยากไปรู้เรื่องของคนอื่น จึงรู้ว่าปัจจุบันจิตของครูจูหลิงยังอยู่ในร่างเดิมนั่นแหละ

252.
อ.สนองที่เคารพหนูมีคำถามอาจารย์ค่ะ

อยากทราบว่าการที่คนเราได้รู้จักกันโดยบังเอิญ แค่เพียงการพูดคุยแค่ไม่กี่วันแล้วมีความรู้สึกว่าเหมือนรู้จักกันมานานมากโดยยังไม่เคยเจอหน้าเลย มันเป็นบุญกุศลเก่าที่เคยทำกันมาใช่มั๊ยคะแต่หากเรารู้ว่าเราไม่สามารถที่จะคบกันได้เกินกว่านี้ มันก้ออาจเป็นกรรมเก่าที่เราทำมาด้วยกันใช่ไหมค่ะ ถึงทำให้ไม่สมหวังในเรื่องนี้(ความรักนะคะ)
ดังนั้นเราจึงควรเอาตัวออกห่างให้เร็วที่สุดใช่ไหมค่ะเพื่อที่จะไม่มีกรรมต่อกันอีกหากคนใดคนหนึ่งต้องเสียใจหนูขอถามอาจารย์แค่นี้ค่ะ

ขอบพระคุณอาจารย์มากค่ะ

คำตอบ
    คำว่าบังเอิญไม่มีในผู้รู้ ปรากฏการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นย่อมมีเหตุที่ทำให้เกิดบุคคลที่มารู้จักกันและไว้ใจกันโดยยังไม่เห็นหน้ากันเลย ก็แสดงว่าเคยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาแต่อดีต ส่วนคำว่ากรรมคือการกระทำ หากบุคคลทำกรรมร่วมกับคนหลายคน เมื่อกรรมให้ผลเป็นวิบาก บุคคลก็ต้องเสวยวิบากนั้นกับคนหลายคน ก่อนหลังตามลำดับความแรงของกรรม กรรมใดให้ผลก่อน ผู้ทำกรรมต้องรับวิบากนั้นก่อนกรรมใดให้ผลทีหลัง ผู้ทำกรรมต้องรับวิบากนั้นภายหลัง ด้วยเหตุนี้ในครั้งพุทธกาล สาวกของพระพุทธะไปบิณฑบาต แล้วไปพบภรรยาในอดีตชาติมาใส่บาตร จึงทูลพระพุทธเจ้าว่าจะกลับไปอยู่กับอดีตภรรยา พระพุทธเจ้าตรัสว่า อดีตเป็นเรื่องของอดีต ปรับปรุงแก้ไขอดีตไม่ได้ ให้อยู่กับปัจจุบัน โลกจะไม่วุ่นวายสับสน ด้วยเหตุนี้ คุณไม่จำเป็นต้องนำตัวออกห่าง แต่สามารถสร้างกรรมดี ๆ ร่วมกันได้ แต่ต้องมีสติระลึกรู้อยู่กับปัจจุบัน ทำภาระและหน้าที่ในปัจจุบันด้วยความถูกต้องดีงาม กรรมอันเป็นกุศลจะได้เกิดขึ้น และกุศลวิบากก็จะมาหาคุณได้อีกในที่สุด

251.

กราบเรียนท่านอาจารย์สนอง ที่เคารพ

อยากรบกวนท่านอาจารย์แนะนำการปฎิบัติตนเมื่อถูกผู้อื่นเอาเปรียบ เราควรปฎิบัติตนอย่างไรจึงจะถูกต้องค่ะ ระหว่างคิดว่าการที่เราโดนเอาเปรียบนั้นเป็นกรรมเก่าของเราเองหรือควรจะต่อสู้เพื่อสิทธิของตัวเองเพราะบางคราวก็รู้สึกท้อเพราะเหมือนกับต่อสู้ไปก็ไม่สามารถแก้สถานการณ์ให้ดีขึ้น

อยากขอคำแนะนำท่านอาจารย์ว่าในสถานการณ์แบบใดที่เราควรวางเฉยและสถานการณ์แบบใดที่ควรจะต่อสู้ค่ะ

เกี่ยวกับการฝึกสมาธิไม่ทราบว่าท่านอาจารย์เปิดอบรมหลักสูตรสมาธิที่กรุงเทพ บ้างหรือเปล่าคะ

ขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
    ถ้าคุณเชื่อในปัญญาของผู้รู้ คุณต้องเอาขันติธรรมขึ้นตั้งเป็นปราการ รับกระทบจากการถูกผู้อื่นเอาเปรียบ แล้วใช้เมตตาธรรมเป็นอาวุธแผ่ไปยังผู้ที่เอาเปรียบคุณ แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็จะผ่านพ้นด้วยดี

   ทำไมไม่คิดว่าก็เพราะคุณมีดีให้เขาเอาเปรียบ เขาไม่มีอย่างที่คุณมี แต่เขามีความเห็นแก่ตัว (อัตตา) เขาจึงคิดเอาเปรียบคุณไงล่ะ หากเมื่อใดคุณคิดแล้วทำการต่อสู้เพื่อสิทธิของคุณ การผูกพยาบาทจองเวรจะเกิดขึ้นทันที เมื่อเหตุปัจจัยลงตัวแล้วโคจรมาพบกันอีกในวันข้างหน้า คุณก็จะกลับมาสู่วงจรเดิมอีกมิใช่หรือ เหตุเพราะเวรไม่ถูกระงับ ด้วยเหตุนี้พระพุทธะจึงสอนเวไนยสัตว์ว่า “ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ” ไงล่ะ ยอมเป็นผู้แพ้ผู้เสียเปรียบในสายตาของชาวโลก เพื่อเป็นผู้ชนะผู้ได้เปรียบในสายตาของผู้รู้ในวันข้างหน้า จะมิดีกว่าหรือ เลือกหนทางแก้ปัญหาเอาเองนะข้าพเจ้ามิบังอาจเข้าไปข้องเกี่ยวในทางกรรมของใคร เป็นได้เพียงผู้ชี้ทางเท่านั้น

   อนึ่งด้วยมีเวลาแห่งชีวิตไม่มาก จึงไม่มีเวลาเหลือที่จะเอื้อให้เปิดหลักสูตรอบรมจิตให้แก่ผู้ใดได้...ต้องขออภัย

 

 

 

 

ส่งคำถามถึง ดร. สนอง วรอุไร => question@kanlayanatam.com

สอบถาม ให้คำแนะนำที่ => webmaster@kanlayanatam.com