คำถาม-คำตอบ ข้อ 2501-2550 |
2550. หนูปฎิบัติธรรมมาพักหนึ่ง เข้าคอรส์ปฎิบัติมีพระอาจารย์แนะนำตลอดและคิดว่าตนเองปฎิบัติไม่ผิดทางแน่นอน คำตอบ ก. ปฏิบัติสมถกรรมฐาน แล้วจิตต้องตั้งมั่นเป็นสมาธิ ข. ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน แล้วจิตต้องเกิดปัญญาเห็นแจ้ง เมื่อปฏิบัติธรรมแล้วได้รับผลเป็นอย่างอื่น แสดงว่าปฏิบัติไม่ถูกทาง ผู้ใดไม่ยอมแพ้ใจตัวเอง พัฒนาจิตจนมีกำลังของพละ ๕ กล้าแข็งได้แล้ว มารทั้งห้า (ปัญจมาร) ไม่สามารถครอบงำจิตได้ |
2549. คำตอบ วิธีแก้ไข ต้องพัฒนาจิตของผู้ถามปัญหา ให้มีศีล ๕ และมีสติคุมอยู่ทุกขณะตื่น ด้วยการสวดมนต์ก่อนนอน หลังสวดมนต์แล้วเสร็จต้องเจริญสติภาวนา ตามวิธีการที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ผู้มีศีล มีสัจจะ และมีความเพียร ย่อมแก้ไขปัญหาได้เป็นผลสำเร็จ |
2548. กราบเรียน ท่าน อ.ดร.สนอง วรอุไร ที่เคารพอย่างสูง กระผมมีข้อสงสัยเรื่องหนึ่งมานานแล้วเกี่ยวกับครอบครัว ต้นตระกูลของกระผม กระผมขออนุญาตเล่ารายละเอียดย่อ ๆ นะครับ เท่าที่กระผมทราบก็คือ ต้นตระกูลเป็นพระยาคนหนึ่งที่มีความรู้ความสามารถมาก และได้เป็นครูสอนหนังสือให้กับเหล่าบรรดาผู้มีศักดิ์สูง (กระผมใช้คำหลีกเลี่ยง) แต่ด้วยความที่เป็นคนโมโหร้าย ดุร้าย จึงได้ทำร้ายลูกศิษย์จนเสียชีวิต ซึ่งหลังจากนั้นพ่อแม่พี่น้องของเขาก็สาปแช่งให้วิบัติ 7 ชั่วโคตร ซึ่งภายหลังมาจนวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครในตระกูลนี้ก็ไม่มีใครเจริญงอกงาม แม้กระทั่งตัวกระผมเอง เรื่องดังกล่าวนี้กระผมเองไม่ทราบว่าจริงเท็จแค่ไหน แต่ก็คิดว่าบุญและกรรมของเราเท่านั้นที่เป็นตัวกำหนดสิ่งที่เป็นอยู่ และสิ่งที่จะเกิดต่อไปภายภาคหน้า กระผมอยากเรียนสอบถาม อ.สนอง ดังนี้ครับ 1. พ่อแม่พี่น้องของเขาสาปแช่งจะมีผลตามที่เขาเจตนาได้หรือไม่ 2. ถ้าเป็นจริงเราจะแก้ไขสิ่งที่เราไม่ได้เป็นคนก่อได้ไหมครับ 3. จากที่เคยเรียนสอบถาม อ.สนอง ในคำถามที่ 2539 ขอสอบถามเพิ่มเติมอีกประเด็นเดียวครับ คือ เมื่อเราสร้างกระท่อมที่อยู่บนพื้นที่ของกรมทางหลวงไปแล้ว แต่ขณะนี้ไม่ได้ใช้แล้ว เพราะได้ปฏิบัติตามที่ อ.สนองได้แนะนำ เราต้องรื้อกระท่อมด้วยหรือไม่ครับ สุดท้ายนี้ ถ้ากระผมได้ล่วงเกินอาจารย์ทางกาย วาจา ใจ ทั้งที่เจตนาก็ดี มิได้เจตนาก็ดี กราบขออภัยและขออโหสิกรรมด้วยครับ ธนภัทร คำตอบ (๑) หากผู้ถูกสาปแช่ง มีศีลและมีสติคุมใจอยู่ทุกขณะตื่น คำสาปแช่งไม่สามารถทำให้บุคคลผู้มีคุณธรรมดังกล่าววิบัติได้ และหากเมื่อใดผู้ถูกสาปแช่งพัฒนาจิตจนเป็นอริยบุคคลได้ ความวิบัติย่อมเกิดขึ้นกับผู้กล่าววาจาสาปแช่ง (๒) คำว่า "ถ้า" ไม่มีในพุทธศาสนา แต่มีคำว่า "เหตุ" และ "ผล" เท่านั้น (๓) ผู้ใดรู้ว่าไม่ดีแล้วเลิกประพฤติ (รื้อทิ้ง) ถือว่าเป็นคนมีจิตสำนึกที่ดี (คนดี) |
2547. คำตอบ ในครั้งพุทธกาล โกกาลิกภิกขุ ได้กล่าววาจาปรามาส (ดูถูก) พระอัครสาวกทั้งสอง พระพุทธเจ้าทรงห้ามก็ไม่ยอมหยุดมิจฉาวาจาเช่นนั้น ผลจึงได้เกิดพุพองตามผิวหนัง แล้วแตกเป็นน้ำหนอง (เลือดเสีย สีขาวข้น) ต้องนั่งบนใบตองอยู่ที่หน้าวัดเชตวัน เมืองสาวัตถี แต่หนี้เวรกรรมยังใช้ไม่หมด จึงต้องลงไปเกิดอยู่ในปทุมนรก (อเวจี) หากผู้ถามปัญหาประสงค์หนีอาการคันและพุพองได้ชั่วคราว ต้องหนีไปเกิดเป็นชาวฟ้าชาวสวรรค์ ด้วยการพัฒนาตนให้มีศีลคุมใจอยู่ทุกขณะตื่น และบำเพ็ญทานอยู่เสมอตลอดชีวิต ก็สามารถหนีไปเกิดเป็นเทวดา และหากพัฒนาจิต (สมถภาวนา) จนจิตตั้งมั่นเป็นฌาน ตายแล้วพลังของฌานย่อมมีโอกาสผลักดันจิตวิญญาณไปสู่พรหมโลก ทั้งเทวดาและพรหมเป็นสัตว์ (รูปกาย) ทิพย์ ไม่มีโรคดังกล่าว หากผู้ถามปัญหาประสงค์หนีจากอาการคันและพุพองได้อย่างถาวร ต้องพัฒนาจนให้ปิดอบายภูมิได้ ด้วยการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน จนเกิดปัญญาเห็นแจ้ง แล้วใช้ปัญญาที่พัฒนาได้ ไปดังอย่างน้อยสังโยชน์ ๓ (สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส) ให้หมดไปจากใจ หากจิตวิญญาณโคจรมาเป็นเป็นมนุษย์ ย่อมไม่เป็นโรคดังกล่าวเพราะมีจริยธรรมคุ้มรักษา หากโคจรไปเกิดเป็นรูปกายทิพย์ (เทวดาหรือพรหม) จะไม่มีอาการคันและพุพองเกิดขึ้น ตาย-เกิดอีกไม่เกิน ๗ ชาติ จิตวิญญาณจึงจะโคจรพ้นไปจากวัฏสงสารได้ |
2546. คำตอบ มีเจตนาทำบุญ ๒๐ บาท โดยเอาแบงก์ ๑๐๐ ใส่ลงในพานที่เปิดวางไว้ให้ทำบุญ แล้วหยิบเงินทอนกลับคืนมา ๘๐ บาท เป็นเจตนาที่ประพฤติถูกตรง ถือว่าเป็นบุญ ตรงกันข้าม หากมีเจตนาหยิบเงินทอนกลับคืนมามากกว่า ถือว่าเป็นบาป หากลืมจำนวนที่มีเจตนา แล้วหยิบเงินทอนกลับมาน้อยกว่า ถือว่าได้ทั้งบุญและได้ทั้งบาป หากลืมเจตนา แล้วหยิบเงินทอนมามากกว่า ได้บาปมาก ได้บุญน้อย |
2545. คำตอบ ผู้มีสติสัมปชัญญะ ย่อมมองคนไม่ดีเป็นครูสอนใจ ว่าเราจะไม่ประพฤติเช่นเขา แล้วเราก็จะไม่ดีเหมือนเขา ในทางตรงกันข้าม จงมองคนที่มีความประพฤติดีเป็นครูสอนใจ ว่าเราจะประพฤติเช่นเขา แล้วเราก็จะดีเหมือนเขา อนึ่ง การปฏิบัติธรรม ต้องประพฤติตนให้ตรงตามธรรม (ทาน ศีล ภาวนา) ประพฤติตนเป็นผู้ให้สิ่งดีงาม (ให้ทาน) กับสัตว์บุคคล ที่ต้องการโดยไม่หวังผลตอบแทน ทำกาย วาจา และใจ ให้มีศีล ๕ คุมอยู่ทุกขณะตื่น แล้วจึงนำตัวไปปฏิบัติธรรมให้ถูกตรง ปฏิบัติสมถภาวนาแล้วจิตต้องมีสติตั้งมั่นเป็นสมาธิ ปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา แล้วจิตต้องเกิดปัญญาเห็นแจ้ง (โลกุตตรญาณ) สรุปได้ว่า หากปฏิบัติธรรมได้ผลถูกตรงแล้ว ต้องมีสิ่งดีงามเกิดขึ้นกับจิต ดังนั้นต้องดูตัวเอง แล้วปรับแก้ไขเหตุที่ผิดพลาดให้ถูกตรง ผู้ใดชนะใจตัวเองได้ ชีวิตนี้ไม่มีอะไรที่จะต้องแพ้อีก .... สู้ (๑) ผู้รู้ไม่เอาจิตไประลึกอยู่กับอดีต แต่เอาจิตระลึกอยู่กับปัจจุบัน สวดมนต์สรรเสริญคุณพระรัตนตรัยก่อนนอนทุกวัน แล้วตามด้วยการกำหนดลมหายใจเข้า-ออก (การนั่งหรือนอนภาวนาย่อมทำได้) ภาวนาหรือกำหนดจนหลับไป ตื่นนอนตอนเช้าจึงอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร (๒) จงอย่าบันทึกเรื่องติดลบ (โรคซึมเศร้า) ไว้ในดวงจิต แล้วประพฤติตามข้อ (๑) (๓) จงเลิกอ่านหนังสือ แล้วพัฒนาจิตด้วยการปฏิบัติสมถภาวนา เมื่อจิตจดจ่อหรือระลึกรู้อยู่กับปัจจุบันขณะได้แล้ว โรคซึมเศร้าจะไม่เกิดขึ้น .... พิสูจน์ไหม? (๔) คนมีธรรมประจำใจ ไม่เอาจิตไประลึกหรือจดจ่ออยู่กับเรื่องของคนอื่น แต่ระลึกอยู่กับการกระทำของตัวเอง สิ่งใดทีจิตสั่งให้คิด สั่งให้พูด สั่งให้กระทำ หากไม่ดีต้องแก้ไข ตรงกันข้าม หากคิดดี พูดดี ทำดี จงทำดีต่อไปให้มีความดี (บุญ) มากขึ้น (๕) อธิษฐานในสิ่งดีๆที่ตนปรารถนาได้ แต่จะสำเร็จต้องทำเหตุให้ตรง ผู้รู้จริง (ผู้มีปัญญาเห็นถูก) อธิษฐานให้จิตมีสติคุมอยู่ทุกขณะตื่น เมื่อทำเหตุให้ถูกตรงแล้ว สิ่งดีงามที่ตนปรารถนา (อธิษฐาน) จึงจะสำเร็จได้ (๖) ต้องทำเหตุให้ถูกตรงสามอย่าง ก. อย่างน้อยต้องมีศีล ๕ คุมใจ ข. พัฒนาจิต (สมถภาวนา) ให้มีสติอยู่ทุกขณะตื่น ค. ให้อภัยเป็นทาน ในทุกเหตุที่ทำให้ขัดใจ แล้วความสงบเย็น (เมตตา) ย่อมเกิดขึ้นในดวงจิต หากผู้ถามปัญหาทำเหตุทั้งสมให้ถูกตรงแล้ว ความสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนาจึงจะเกิดขึ้นได้ |
2544. กราบเรียนท่านอจ.ดร.สนองที่เคารพอย่างสูง หนูประสบปัญหาด้านอาชีพการงานมากค่ะหนูตกงานมา 2 ปีแล้ว สมัครงานไปหลายสิบแห่งก็ไม่มีใครรับเลยค่ะ หนูพยายามขายของเองบ้าง แต่ก็ขายได้น้อยมาก แม้จะขายลดราคาแล้ว แต่ลูกค้าก็ต่อแล้วต่ออีก หนูอยากขอคำแนะนำจากท่านอาจารย์ว่าจะทำอย่างไร ถึงจะมีโอกาสหางานได้ หรือถ้าหาไม่ได้จริงๆ ก็สามารถประกอบอาชีพค้าขายเองได้ประสบความสำเร็จดี หรือทำมาค้าคล่องได้ ทุกวันนี้หนูพยายามรักษาศีล 5 แต่ก็ยังไม่ถึงขึ้นคุมใจได้ค่ะ พยายาม เดินจงกรม นั่งสมาธิทุกวัน แต่สภาพการณ์ก็ยังเหมือนเดิม เหมือนหนูมีกรรมเก่าอยู่ จึงไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพเลย และหนูเป็นคนไม่เก่งอะไรซักอย่างเลยค่ะ คือไม่มีความชำนาญด้านใดเป็นพิเศษ ทุกวันนี้ก็พยายามจะเรียนรู้งานสายอาชีพอยู่ค่ะ เพราะอยากมีความชำนาญเฉพาะด้านบ้าง ทั้งที่อายุมากแล้ว แต่เหมือนใจมันไม่สู้ ใจไม่มีแรง ห่อเหี่ยว ไม่กล้า ไม่มั่นใจในตนเอง ทำให้เรียนรู้ได้ช้ามากค่ะ ขอท่านอาจารย์ช่วยชี้แนะ ให้ชีวิตหนูได้มีโอกาสทำมาหาเลี้ยงชีพได้ดีด้วยค่ะ กราบขอบพระคุณอย่างสูง คำตอบ ในทางพุทธศาสนาพบว่า ผู้มีชะตา (ดวง) ดีไม่วิบัติ การจะมีดวงดีได้ต้องประพฤติทาน ศีล ภาวนา อยู่เสมอ จนคุณธรรมทั้งสามให้ผล แล้วดวงย่อมดีแน่นอน ศีล ๕ เป็นคุณธรรมที่ผลักดันจิตวิญญาณให้มาเกิดเป็นมนุษย์ ผู้มีกาย วาจา และโดยเฉพาะใจ ต้องมีศีล ๕ คุมอยู่ทุกขณะตื่น เมื่อนำตัวเองไปปฏิบัติธรรม (สมถภาวนา) แล้วจิตจึงจะมีสติเกิดขึ้นได้ สติเป็นมารดาแห่งคุณธรรมทั้งปวง หมายความว่า กุศลธรรมทั้งหลายย่อมเกิดขึ้น แล้วถูกเก็บบันทึกไว้เป็นบุญอยู่ในดวงจิตของผู้มีสติ |
2543. ขออนุญาตถามนะคะ 1. หนูเป็นคนชอบศึกษาเรื่องเกี่ยวกับธรรมมะค่ะ อ่านหนังสือพวกนี้แล้วรู้สึกสบายใจ ชอบสวดมนต์ นั่งสมาธิ แต่ว่าไม่ชอบเข้าวัด หนูก็ไม่รู้ทำไม เพราะเวลาหนูไป พวกญาติผู้ใหญ่ชอบพูดเชิงเปรียบเทียบในบางเรื่อง 2. หนูอยากฝึกตัวเองให้เป็นคนที่มีสัจจะ บางทีหนูตั้งใจมากที่จะทำเรื่องนั้นๆให้สำเร็จ แต่ก็ท้อจนล้มเลิกไปง่ายๆ 3. บ่อยครั้งที่หนูรู้สึกว่าตัวเองเรียนรู้เรื่อง ทั้งๆ ที่ ตั้งใจฟังอาจารย์สอนตลอดเวลา แต่บางครั้งหนูก็คิดเรื่องอื่นบ้าง หนูควรทำอย่างไรคะ 4. หนูอยากได้คำแนะนำในการใช้ชีวิตในวัยเรียน ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ คำตอบ เหตุที่นั่งสมาธิอยู่ที่บ้าน แล้วทำให้จิตสงบ เพราะที่บ้านมีความเป็นสัปปายะ (เหมาะสม) เหตุที่ไม่ชอบคนอื่นพูด เพราะผู้ถามปัญหามีกำลังของสติสัมปชัญญะอ่อนกว่ากำลังของมาร จึงรับเอาคำพูดที่ไม่ดีของคนอื่น มาปรุงเป็นอารมณ์ไม่ดี (บาป) ให้เกิดขึ้นกับตัวเอง คนที่พัฒนาจิตจนมีสติสัมปชัญญะส่องนำทางชีวิต คนอื่นพูดไม่ดีก็เป็นเรื่องของเขา ไม่รับเอามาเป็นเรื่องของเรา คนอื่นพูดดีก็เป็นเรื่องของเขา ไม่รับเอามาเป็นเรื่องของเรา หากผู้ถามปัญหา คิด พูด ทำดี แล้ว ความมดีย่อมเกิดขึ้นและสั่งสมอยู่ในจิตวิญญาณของผู้ถามปัญหา .... จริงไหม? (๒) อยากมีสัจจะต้องทำตนให้มีศีลคุมใจ แล้วพัฒนาจิต (สมถภาวนา) ให้มีสติระลึกทันสิ่งกระทบทุกขณะตื่น เมื่อใดคุณธรรมทั้งสองคุมใจได้แล้ว การมีสัจจะจึงจะเกิดขึ้นได้ (๓) ต้องพัฒนาจิตด้วยการสวดมนต์ก่อนนอน หลังสวดมนต์กำหนดลมหายใจเข้า-ออก อย่างน้อย ๓๐ นาที เมื่อสองกิจกรรมแล้วเสร็จ ต้องอุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวร (๔) ทำตามข้อ (๓) เมื่อจิตเป็นสมาธิแล้ว คลื่นสมองย่อมเป็นระเบียบโดยอัตโนมัติ ส่งผลให้มีความจำเพิ่มขึ้น ตามกำลังของสติที่พัฒนาได้ .... ลองพิสูจน์ดูสิ |
2542. สวัสดีขอรับท่านอาจารย์สนอง เกล้ากระผมขอความเมตตากรุณาตอบคำถามเพื่อคลายความสงสัยครับผม คนฉะเชิงเทราเหมือนกันนะขอรับกระผม เริ่มข้อแรกเลยขอรับกระผม ข้อสอง คำตอบ ในครั้งพุทธกาล พระพุทธโคดมได้เป็นปัญหานี้ จึงได้ตรัส กาลามสูตร ให้กับชาวกาลามะ แห่งเกสปุตตนิคม ในแคว้นโกศล ถึงเรื่องสิบอย่างที่อย่าพึงปลงใจเชื่อ จนกว่าจะได้พิจารณาด้วยปัญญาว่า สิ่งที่ได้เห็น สิ่งที่ได้ยินได้ฟังเป็นกุศลหรือเป็นอกุศล เป็นธรรมะที่เป็นโทษ หรือเป็นธรรมะที่ปราศจากโทษ เป็นธรรมทีนำไปปฏิบัติแล้วมีชีวิตเจริญ หรือมีชีวิตวิบัติ ฯลฯ ผู้ตอบปัญหาในฐานะที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ ถูกสอนให้เชื่อในความจริง (เหตุผล) และได้ไปปฏิบัติธรรม (สมถภาวนา) จนเข้าถึงอภิญญา ๕ และปฏิบัติธรรม (วิปัสสนาภาวนา) จนเข้าถึงญาณ ๑๖ ได้ จึงได้รู้ด้วยจิตของตนเองว่า กาลามสูตรนั้นศักดิ์สิทธิ์ที่สุด และเป็นพุทธวจนะที่เป็นจริงมาจนทุกวันนี้ .... พิสูจน์ไหมครับ สาเหตุที่สอง จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ขึ้นอยู่กับความเห็นผิด (มิจฉาทิฏฐิ) ที่ตัวเองไปแสวงหากความรู้ ด้วยการพัฒนาสมองแบบคันถธุระ (ปริยัติ) จึงเชื่อคนอื่นยาก ทั้งนี้เป็นเพราะรู้จำ แต่ไม่รู้จริงในความรู้นั้น จึงไม่ยอมเชื่อใครผู้ใด แต่เชื่อสถาบันหรือเชื่อครูบาอาจารย์ที่ประสิทธิ์ประสาทความรู้นั้นให้ ยกตัวอย่างเช่น ศาสนาพุทธสอนว่า ภพต่างๆในวัฏสงสาร มีทั้งสัตว์ (รูปนาม) กายทิพย์และสัตว์กายหยาบ ผู้ที่เห็นผิด ไม่เคยสัมผัสกับผี (สัมภเวสี) ไม่เคยสัมผัสกับเทวดา ไม่เคยสัมผัสกับพญานาค ฯลฯ ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า สัตว์กายทิพย์มีอยู่จริง จึงไม่เชื่อ ผู้ใดยังกล่าวติรัจฉานกถา ยังประพฤติติรัจฉานวิชา ยังไม่มีศีล ๕ คุมใจ ฯลฯ ต่างๆเหล่านี้ ทำให้มารมีอำนาจเหนือใจ ความเชื่อในสิ่งที่อยู่นอกเหนือประสาทสัมผัส จึงไม่เกิดขึ้นแล้วทำให้ไม่เชื่อ ดังนั้นการบังคับโยมแม่ให้ไปปฏิบัติกรรมฐาน โดยโยมแม่ยังไม่เต็มใจถือว่าเป็นบาป ตรงกันข้าม หากโยมแม่เชื่อลูกและเต็มใจไปปฏิบัติธรรม ผู้แนะนำจึงจะได้บุญ (๒) การนั่งปฏิบัติธรรม และสามารถนั่งได้ในอิริยาบถเดียวนาน ๒๔ ชั่วโมง นั้นเป็นตัวบ่งชี้ว่า จิตเข้าถึงอัปปนาสมาธิหรือความทรงฌาน หากตายในขณะจิตทรงฌาน จิตวิญญาณย่อมถูกพลังของฌาน ผลักดันไปสู่พรหมโลก อันเป็นภพสูงสุดในวัฏสงสาร แต่ยังมีสภาวธรรมในดวงจิตเป็นปุถุชน ผู้มีจิตตั้งมั่นแน่วแน่ (อัปปนาสมาธิ) ได้ในชาตินี้ ย่อมเข้าถึงฌานสมาบัติสุขซึ่งละเอียดอ่อน ประณีต และยืนยาวกว่ากามสุข ผู้มีจิตทรงฌานสามารถหนีปัญหาได้ สามารถหนีความเจ็บป่วย (อาพาธ) ได้ ทำให้มีอายุยืนยาวได้ ทำให้มีปัญญาสูงสุด (โลกิยญาณ) หรืออภิญญา ๕ ได้ แต่ยังมีสภาวธรรมในดวงจิตเป็นปุถุชน เวียนตาย-เวียนเกิดในวัฏสงสารไม่สิ้นสุด การทำบุญเป็นคนแรกกับผู้ที่เข้านิโรธสมาบัติได้ ย่อมได้บุญมาก ดังตัวอย่างของฤาษีสรทะ (อดีตพระสารีบุตร) ทำอาสนะดอกไม้ ยืนกางร่มดอกไม้ถวายพระอโนมทัสสีพุทธเจ้า ซึ่งนั่งเข้านิโรธสมาบัตินานา ๗ วัน ซึ่งส่งผลให้มาเกิดเป็นพระสารีบุตรในครั้งพุทธกาล ซึ่งเป็นอัครสาวกที่มีปัญญามาก พระมหากัสสปะ พระอรรหันต์ทักขิไณยบุคคล นั่งเข้านิโรธสมาบัตินาน ๗ วัน ในวันที่ ๘ ได้รับการถวายน้ำผักดองผัก จากหญิงชรายากจน ผลปรากฏว่า หญิงชรายากจนตายแล้วไปเกิดเป็นเทพการีอยู่ในวิมานชั้น นิมมานรดี มีนางอัปสรเป็นบริวารแวดล้อมมากมาย ฤาษีโคตมะ (อดีตพระปุณณมันตานีบุตร) ถวายอาสนะดอกไม้และยืนกั้นร่มถวายพระปทุณุตตระพุทธเจ้า ผู้เข้านิโรธสมาบัตินาน ๗ วัน ตอนหลังฤาษีโคตมะได้มาเกิดอยู่ในครั้งพุทธกาล และบวชเป็นภิกษุที่มีชื่อว่า พระปุณณมันตานีบุตร ได้บรรลุอรหันต์ที่มีความชำนาญในการแสดงธรรม สรุป ผลแห่งความดี (อานิสงส์) ที่เกิดจากการถวายทานกับผู้ที่ออกจากนิโรธสมาบัติเป็นคนแรก ตามที่ยกตัวอย่าง มิได้เกิดในชาติปัจจุบันที่ถวายทาน แต่ผลเด่นชัดได้เกิดขึ้นในอีกหลายชาติถัดไป |
2541. คำตอบ ผู้ใดมีสัจจะ ไม่ยอมแพ้ใจตัวเอง เชื่อ แล้วทำตามที่ผู้รู้ชี้แนะ ความสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนาย่อมเกิดขึ้น .... สู้ |
2540. คำตอบ |
2539. กราบเรียน ท่าน อ.ดร.สนอง วรอุไร ที่เคารพอย่างสูง กระผมขอเรียนสอบถามปัญหา 2 ข้อครับ 1. การสร้างกระท่อม(เพื่อขายของ) ริมทางหลวง ผิดศีลหรือไม่ครับ และการวางรถเข็นบนถนนสาธารณะหน้าบ้านเราเองเพื่อขายของผิดศีลหรือไม่ครับ 2. เมื่อบุคคลเป็นพระอริยะ (พระโสดาบัน) แล้ว จะถอยหลังกลับมาเป็นปุถุชนอีกหรือไม่ครับ สุดท้ายนี้ ถ้ากระผมได้ล่วงเกินอาจารย์ทางกาย วาจา ใจ ทั้งที่เจตนาก็ดี มิได้เจตนาก็ดี กราบขออภัยและขออโหสิกรรมด้วยครับ ธนภัทร คำตอบ (๒) พระโสดาบันเป็นผู้ที่มีสภาวธรรมในดวงจิต ปราศจากสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส หรือดูได้จากพฤติกรรมที่แสดงออก เช่น มีศีล ๕ คุมใจอยู่ทุกขณะตื่น ไม่พูดติรัจฉานกถา ไม่ประพฤติดิรัจฉานวิชา ฯลฯ และไม่ถอยกลับมามีสภาวธรรมเป็นปุถุชนอีก พระสารีบุตร เคยกล่าวไว้ในครั้งพุทธกาล ในทำนองที่ว่า "บางครั้ง เรากระทำความดี กลับมีผู้อื่นมองเห็นเป็นเรื่องไม่ดี ก็มีอยู่ถมเถไป ประสาอะไรกับใจของปุถุชน มักถูกกิเลสชักพาใจให้เห็นดีเป็นชั่ว เห็นชั่วเป็นดี แล้วเที่ยวพูดให้ร้ายป้ายสีคนอื่นให้ต้องเสียหายโดยไร้เหตุผล" สุดท้าย อโหสิให้ และไม่มีโทษใดๆต่อกัน |
2538. กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ดิฉันมีปัญหาจะกราบเรียนถามท่านอาจารย์ ดังนี้ค่ะ 1. ดิฉันได้ไปปฏิบัติกรรมฐานที่คณะ 5 วัดมหาธาตุ หลังจากได้ฟังท่านอาจารย์ทางซีดี มีผลเกิดขึ้นบ้างเช่น เมื่อนั่งไปนานๆ ความเจ็บปวดขณะนั่งไม่ได้หายไปค่ะ แต่รู้สึกว่าความเจ็บปวดมันแยกออกจากตัวเรา เหมือนเราแค่เป็นผู้ดู ไม่รู้สึกทรมานกับความเจ็บปวดนั้น อาการเช่นนี้ หมายความว่าอย่างไรคะ 2. ดิฉันไม่มีโอกาสได้ไปปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ไปได้แค่ช่วงปิดเทอม และไม่ได้ค้างคืน ทุกครั้งที่ไปจะมีลักษณะแปลกๆ เกิดขึ้นบ้าง รู้สึกว่าก้าวหน้าขึ้น แต่พอกลับมาปฏิบัติที่บ้านรู้สึกว่าไม่เหมือนกับที่วัด ทั้งๆที่ดิฉันก็ไม่ได้มีความกังวลใดๆ แต่กลับรู้สึกว่าไม่ก้าวหน้าเลย ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นคะ (อยู่ที่วัดแค่ประมาณครั้งละ 3 ชั่วโมงค่ะ) 3. เราจะเจริญสติในชีวิตประจำวันได้อย่างไรคะ 4. ข้อนี้ไม่เกี่ยวกับการปฏิบัตินะคะ สุนัข หรือ แมว ที่มีเจ้าของเป็นชาติสุดท้ายที่เค้าจะเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานใช่ไหมคะ ชาติต่อไปเค้าจะเป็นคนหรือเปล่าคะ สุดท้ายนี้ ถ้าดิฉันได้ล่วงเกินอาจารย์ทางกาย วาจา ใจ ทั้งที่เจตนาก็ดี มิได้เจตนาก็ดี กราบขอภัยและขออโหสิกรรมด้วยนะคะ วัฒนี คำตอบ (๒) ปฏิบัติธรรมที่บ้านไม่สัปปายะ เหมือนกับการปฏิบัติธรรมที่วัด ซึ่งมีความสัปปายะมากกว่า ความก้าวหน้าในธรรมที่ปฏิบัติจึงได้เกิดขึ้น (๓) ผู้มีศีลและมีสัจจะคุมใจอยู่ทุกขณะตื่น สามารถพัฒนาจิตให้มีสติในชีวิตประจำวันได้ ด้วยการสวดมนต์ (สรรเสริญคุณพระรัตนตรัย) ก่อนนอน หลังสวดมนต์เจริญสติภาวนาที่ประพฤติอยู่เป็นประจำ ทำทุกครั้งที่นึกได้ ทำทุกครั้งที่ว่างจากงาน ก็สามารถทำให้จิตมีกำลังสติเพิ่มขึ้นได้ (๔) การที่สัตว์เลี้ยง (สุนัข) ตายแล้ว จะไปเกิดเป็นคนในชาติถัดไปได้ ผู้อยู่ใกล้ชิดต้องสังเกตดูพฤติกรรมที่สุนัขทำไว้เป็นเหตุ หากสุนัขมีพฤติกรรมถูกตรงตามศีล ๕ อยู่เป็นนิจ เมื่อตายแล้วจิตวิญญาณของสุนัข จึงจะมีโอกาสไปเกิดเป็นมนุษย์ได้ |
2537. กราบสวัสดี ท่านอาจารย์ ดร.สนองครับ ขอเรียนถามปัญหา 2 ข้อครับผม ข้อ 1. คือตัวผมสงสัยว่าทุกครั้งที่เราทำความดีไม่ว่าจะไปทำบุญที่วัด ถวายสังฆทาน ให้อาหารปลา หรือทำบุญอยู่ที่บ้าน สวดมนต์นั่งสมาธิ หรือช่วยคนอื่น เวลาจะอุทิศบุญ ผมต้องท่องบทสวดแผ่ส่วนกุศลทุกครั้งเลยหรือเปล่าครับ หรือว่าให้นึกอยู่ในใจว่า บุญกุศลนี้ข้าพเจ้าอุทิศให้กับ......ครับได้เลยครับไม่ต้องท่องตามบทแผ่ส่วนกุศล ข้อ 2. คือบุญที่ผมส่งให้อยากส่งให้ถึงพวกเขา จะมีวิธีเตรียมจิตระหว่างการ อุทิศบุญ อย่างไรครับต้องมีสมาธิในระหว่างอุทิศบุญใช่หรือไม่ครับ ขอบคุณท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ครับที่สละเวลามาตอบปัญหาครับผม คำตอบ (๒) ผู้อุทิศบุญกุศลที่มีใจตั้งมั่นเป็นสมาธิ ย่อมแผ่บุญกุศลไปได้ไกล ตรงกันข้าม ผู้ที่มีใจเป็นสมาธิอ่อน การทำจิตให้ตั้งมั่นเป็นสมาธิด้วยการหยาดน้ำขณะกำลังอุทิศบุญนั้น |
2536. คำตอบ (๑) ขณะแช่น้ำอุ่น การไหลเวียนของเลือดในร่างกายย่อมเกิดขึ้นเร็ว จึงทำให้น้ำตาลในเลือดลดลงอย่างฮวบฮาบ อาการเป็นลมหมดสติจึงเกิดขึ้นได้ ด้วยเหตุนี้ในครั้งต่อไป หากจะมีการแช่น้ำอุ่นเกิดขึ้นอีก ต้องเตรียมชงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลมากไว้ดื่ม เพื่อป้องกันมิให้เกิดอาการเป็นลมหมดสติ ครับ (๑.๑) มิใช่เหตุผลที่ทำให้เกิดอาการหมดสติครับ (๑.๒) พฤติกรรมที่บอกเล่าไป เป็นการให้สิ่งดีงามกับรูปตามที่อยู่ต่างมิติ ถือว่าเป็นการได้เพื่อนที่ดีครับ (๑.๓) จริงตามที่เคยพูดว่า "ความบังเอิญไม่มีในทางพุทธศาสนา" ดังนั้น หากพัฒนาจิตให้เกิดอภิญญา ๕ ได้แล้ว จึงจะสามารถสัมผัสกับเพื่อนในต่างมิติได้ (๒) การที่นักบวชรูปนั้นตอบว่า "จริงๆแล้ว อะไรๆมันก็ไม่มี" การกล่าวเช่นนั้นย่อมเกิดขึ้นกับจิตที่เข้าถึงดวงตาเห็นธรรมแล้ว ย่อมเห็นสรรพสิ่งในวัฏสงสารเป็นเพียงสมมติ มีเกิดขึ้นชั่วคราว แล้วดับไป คือไม่มีนั่นเอง สุดท้าย อโหสิให้แล้ว |
2535. ดิฉันได้ปฏิบัติธรรมตามหลักสติปัฏฐานสี่ แต่ขณะปฏิบัติจิตฟุ้งซ่านมาก กำหนดแล้วยังไม่หาย และกำหนดยืนหนอไม่ค่อยได้ ทำให้เกิดความท้อแท้ในการปฏิบัติ อยากเรียนถามอาจารย์ว่าจะมีวิธีแก้ไขอย่างไรคะ คำตอบ คนส่วนมากในยุคสมัยนี้กำลังความเพียรอ่อน ย่อมแพ้ใจตัวเอง ยอมปล่อยให้มารเข้ามามีอำนาจเหนือใจ เจ้าคุณโชดกเคยพูดไว้ว่า ผู้มีความเพียรมาก ปฏิบัติธรรมวันละ ๒๐ ชั่วโมง ผู้มีความเพียนปานกลางปฏิบัติธรรมวันละ ๑๕-๑๖ ชั่วโมง ผู้มีความเพียรน้อยปฏิบัติธรรมวันละ ๕-๖ ชั่วโมง ดังนั้นจึงต้องดูใจตัวเอง ว่าตนยังมีความด้อยในเรื่องความเพียรอยู่หรือไม่ ทั้งนี้เพราะปัญญาเห็นแจ้ง ย่อมเกิดขึ้นกับผู้มีความเพียรเป็นเลิศ หรือย่อมพูดได้ในอีกทางหนึ่งว่า ปัญญาเห็นแจ้งย่อมเกิดขึ้นกับผู้ที่เอาชนะใจตนเองได้ |
2534. หนูเป็นคนหนึ่งซื่งติดตามผลงานท่านอาจารย์มานาน พอสมควรค่ะ สิ่งแรกคือ กราบขออภัยและขอขอมกรรมหากสิ่งใดล่วงเกินท่านอาจารย์ค่ะ หนูจะทำดีหรือไม่ค่ะ ซึ่งทางบ้านเราก็ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินค่ะ แล้วก็มาปฏิบัติธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่หนูชอบ และก้อไม่ได้หวังอะไรในชีวิตอีกแล้ว นอกจากอยากเห็นแม่อายุยีน แข็งแรง พูดได้ ซึ่งตอนนี้เป็นอัมพาต พี่สาวบอกว่า การที่หนูออกจากงาน เป็นการหนีปัญหา ไม่ได้แก้ปัญหา แต่หนูคิดว่า มันทำให้เราสบายใจมีความสุข ได้อยู่กับแม่เรามีเวลาให้กับท่านมากขึ้นค่ะ รบกวนท่านอาจารย์ตอบปัญหาให้ด้วยค่ะ ท้ายนี้หนูขอคุณพระศรีรัตนตรัย จงบันดาลให้ท่านอาจารย์มีความสุข เป็นร่มโพธิ์ ร่มไทร แก่ชาวพุทธตลอดกาล นานเทอญ อรุณี คำตอบ ผู้รู้จริงแท้ไม่ประพฤติก้าวล่วงในชีวิตของคนอื่น ผู้รู้จริงแท้เป็นได้เพียงผู้ชี้ทางให้ผู้อื่น เลือกประพฤติด้วยตัวเอง คนอื่น (พี่สาว) พูดอย่างไรก็เป็นเรื่องของเขา เรื่องของเราอยู่ที่การกระทำของตัวเอง คนที่คิดตอบแทนบุญคุณของแม่ คือคนดีที่นักปราชญ์สรรเสริญ อนึ่ง คนโบราณกล่าวว่า ดิน น้ำ ลม ไฟ ที่ประกอบขึ้นเป็นร่างกาย หากอยู่ในสภาพที่สมดุลแล้ว ความเจ็บป่วยทางกายจะไม่เกิดขึ้น เหตุที่แม่เป็นอัมพาต เป็นเรื่องของวิบากกรรมที่แม่เคยประพฤติเบียดเบียนมาก่อน ผู้รู้จริงแท้รู้ว่า เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย เป็นเรื่องของการกระทำ (กรรม) จึงอยู่กับปัจจุบันอย่างมีสติ ด้วยการสวดมนต์ก่อนนอน เจริญสติหลังสวดมนต์ ทำดังนี้ทุกครั้งที่นึกได้ ทำดังนี้ทุกครั้งที่ว่างจากการงาน เมื่อใดจิตทิ้งรูปขันธ์ (ตาย) พลังของสติย่อมผลักดันจิตวิญญาณให้โคจรไปสู่สุคติภพ จิตที่เป็นทาสของกาม (รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสทางกาย) หากมีสติกำกับ จิตย่อมโคจรไปสู่คติกามภพ (มนุษย์และเทวดา) ได้ และหากจิตเป็นอิสระจากกาม ย่อมมีโอกาสโคจรไปสู่พรหมโลกได้ แต่ผู้รู้จริงแท้พัฒนาจิตจนสามารถปิดอบายภูมิได้ ตาย-เกิดอีกไม่เกิน ๗ ชาติ ย่อมเข้าสู่ภาวะนิพพานเป็นเบื้องสุด
|
2533. ปฏิบัติแบบดูกายดูใจค่ะ ไม่ค่อยได้เดินจงกรมนั่งสมาธิเพราะเวลาจำกัดมีข้อสงสัยเรียนฤามอาจารย์ค่ะ คำตอบ (๑) การดูกิเลสต้องเอาใจดู ใจที่มีปัญญาเห็นแจ้งย่อมเห็นสิ่งต่างๆได้ถูกตรงตามธรรม ใจที่มีกำลังของพละ ๕ (สัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา) ย่อมต้านทานอำนาจของมารทั้งห้า (กิเลสมาร ขันธมาร อภิสังขารมาร เทวปุตตมาร มัจจุมาร) ได้ ดังนั้นหากผู้ถามปัญหาเจริญพละ ๕ อยู่ทุกขณะตื่น อาการดิ่งวูบของจิตจะไม่เกิดขึ้น คนที่มีสติสัมปชัญญะ เมื่อรู้ว่าประพฤติผิดพลาดแล้วหยุดไม่ประพฤติต่อ พร้อมกับประพฤติเหตุใหม่ให้ตรงตามธรรม ย่อมนำพาชีวิตผ่านพ้นความวิบัตินั้นได้ ดังนั้น ที่ถามไปจึงเป็นการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง ปัญหาจึงได้เกิดขึ้น ความดีงามในธรรมจะไม่จางหายไปจากจิตที่มีพละ ๕ กล้าแข็งครับ (๒) บุคคลที่พัฒนาจิตจนเข้าถึงอริยธรรม มีลักษณะดังนี้ แล้วความเป็นอิสระในโลกธรรม ในวัตถุ ในกิเลสตัณหา อุปาทาน ฯลฯ ย่อมเกิดตามมา ส่วนการทรงตัวของจิตที่พัฒนาได้แล้ว ต้องมีกำลังพละ ๕ ครับ (๓) อริยบุคคลที่ยังมิได้บรรลุธรรมสูงสุด จะไม่ประพฤติผิดศีล แต่ยังมีการประพฤติผิดธรรมบางอย่างได้ อาทิ ยังมีกามราคะ ยังมีปฏิฆะ ยังมีรูปราคะ ยังมีอรูปราคะ ฯลฯ ได้ เหตุที่ผิวกายเศร้าหมองนั้น เกิดจากกิเลสที่เข้าปรุงแต่งจิต เช่น คนที่มีความวิตกกังวล ย่อมมีสีหน้าเศร้าหมอง เทวดาก่อนจุติย่อมมีรัศมีกายเศร้าหมอง ฯลฯ (๔) เจ้ากรรมนายเวรที่มิใช่ตัวเรา เช่น เอาก้อนดินขว้างปาสุนัขบ่อยๆ เมื่อคนปากับสุนัขมาเจอกัน สุนัขย่อมเป็นเจ้ากรรมนายเวร (กัด) กับมนุษย์ที่ไปทำให้เขาบาดเจ็บ เจ้ากรรมนายเวรคือตัวเขา เช่น คนที่คิดว่าตัวเองเป็นมะเร็ง หากคิดบ่อยๆย่อมเกิดมะเร็งขึ้นได้ เจ้ากรรมนายเวรคือผู้ที่คิดติดลบนั่นเอง ผู้ที่พัฒนาจิตดีแล้ว ย่อมมีสติคุ้มครองใจอยู่ทุกขณะตื่น กุศลธรรมทั้งปวงจึงเกิดตามมาเป็นบุญให้ผู้มีสติได้รับ อย่างนี้ไม่ถือว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวร ดังนั้นการแผ่บุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร จึงมีทั้งให้กับตัวเองและให้กับสัตว์อื่น ที่ผู้ขาดสติเคยประพฤติเบียดเบียนเขา (๕) คำว่า "แผ่เมตตา" หมายถึง อุทิศเมตตาให้กับผู้อื่นสัตว์อื่น ผู้อุทิศเมตตาให้ ต้องมีเมตตาอยู่ในใจก่อนแล้ว ผู้อื่นสัตว์อื่นจึงจะได้รับเมตตาที่แผ่ให้นั้น คำว่า "อุทิศบุญกุศล" ได้แก่ การประพฤติบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ผู้ใดประพฤติแล้ว ผู้นั้นย่อมมีบุญเกิดขึ้นและถูกเก็บสั่งสมอยู่ในใจ ในกรณีนี้จึงอุทิศบุญกุศลให้ผู้อื่นสัตว์อื่นได้ ความสมปรารถของการแผ่เมตตาหรืออุทิศบุญกุศล ผู้ที่ถูกอุทิศให้ต้องมาอนุโมทนา ความสำเร็จในการกระทำทั้งสองจึงเกิดขึ้นได้ สุดท้าย อโหสิให้แล้วกับผู้ถามปัญหา |
2532. ดิฉันมีปัญหาจะสอบถามท่านอาจารย์ดังนี้ค่ะ คำตอบ (๒) อโหสิให้ครับ |
2531. กราบสวัสดี อาจารย์ ดร.สนองค่ะ ขอเรียนปรึกษาปัญหาธรรมสำหรับผู้ปฎิบัติขั้นต้นค่ะ ๑. การสร้างความเพียรให้เกิดมีขึ้นในจิตใจควรจะต้องปฎิบัติอย่างไรบ้างคะ อุปสรรคในขณะนี้ของผู้ปฎิบัติคือขาดความเพียรที่มากพอที่จะปฎิบัติธรรมให้เกิดผลได้ ทั้งๆที่ปัจจัยในด้านอื่นๆก็มีพร้อมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ที่ผู้ปฎิบัติอาศัยอยู่ สถานะภาพของผู้ปฎิบัติและความศรัทธาที่มีต่อพระพุทธศาสนา จึงอยากรบกวนขอคำแนะนำจากอาจารย์ในวิธีการปฎิบัติให้ได้มากกว่านี้ เพราะถ้าพ้นจากชาตินี้ไปไม่รู้ว่าชาติหน้าจะได้มีโอกาสเหมือนในชาตินี้อีกหรือเปล่า ๒. เวลาเดินจงกลมจะรู้สึกเวียนหัวอยู่บ่อยคร้้งค่ะ ทำให้รู้สึกไม่ค่อยชอบการเดินจงกลม ควรจะทำอย่างไรดีคะ (เวลาเดินจงกลมจะใช้คำบริกรรม ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอค่ะ) ๓. การปฏิบัติธรรมสำหรับผู้มีความเพียรน้อย ประมาณ ๕-๖ ช.ม.ตามที่ท่านเจ้าคุณโชดกเคยกล่าวไว้ จำเป็นต้องปฎิบัติติดต่อกันไปในคราวเดียวเลยหรือเปล่าคะ ถ้าเราจัดสรรเวลาปฎิบัติในช่วงเช้าและ ก่อนนอน ส่วนในระหว่างวันใช้วิธีเจริญสติในอิริยาบทต่างๆแทนจะได้เหมือนกันมั๊ยคะ เพราะยังต้องมีหน้าที่การงานที่จะต้องทำอยู่ค่ะ สุดท้ายนี้ ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ที่ช่วยตอบปัญหาธรรม และชี้นำทางให้ผู้ปฎิบัติได้เดินไปอย่างถูกต้องไม่หลงทาง ขอกราบขอพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ คำตอบ อนึ่ง ผู้มีศีลคุมใจอยู่ทุกขณะตื่น ตายแล้วโอกาสกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ย่อมมีได้ ผู้มีทานและศีลอยู่ทุกขณะตื่น ตายแล้วโอกาสไปเกิดเป็นเทวดาย่อมมีได้ ผู้มีจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิระดับฌาน ตายแล้วโอกาสไปเกิดเป็นพรหมย่อมมีได้ ดังนั้นพึงเลือกประพฤติเหตุให้ถูกตรงด้วยตัวเอง ... ครับ (๒) ขณะเดินจงกรมแล้วเวียนหัว ต้องเอาจิตไปจดจ่ออยู่กับหัวที่เวียน แล้วกำหนดว่า "เวียนหัวหนอๆๆๆๆ" ไปเรื่อยๆจนกว่าอาการเวียนหัวจะดับไป แล้วค่อยเอาจิตมาจดจ่ออยู่กับเท้าที่ย่างก้าว (๓) การทำความดี (เจริญกรรมฐาน) แล้วมักน้อย โอกาสที่จิตจะตั้งมั่นเป็นสมาธิย่อมเกิดได้ยาก ตรงกันข้าม คนฉลาดมักมากในการทำความดี จิตจึงบรรลุความดีได้ง่าย ควรปฏิบัติอย่างต่อเนื่องเพื่อมิให้อกุศลกรรมเข้ารบกวนจิต ขณะทำงานต้องเอาจิตจดจ่ออยู่กับงานที่ทำ จึงจะเรียกได้ว่าเป็นการปฏิบัติธรรม
|
2530. คำตอบ (๒) เป็นเรื่องของคนไข้ (แม่) ที่ยินยอมให้หมอใช้มอร์ฟีน คนป่วยมิได้มีเจตนาฆ่าตัวตาย แต่มีเจตนาบรรเทาทุกขเวทนาให้หมดไป จึงไม่ถือว่าเป็นการฆ่าตัวตาย |
2529. ผมนายอำนาจ ศีลาชัย เคยถามปัญหากับอาจารย์มา 2 ครั้งแล้วคับ ครั้งนี้ครั้งที่ 3 มีเรื่องสงสัยในอาการที่เกิดขึ้นในช่วงหลังๆ ผมทำสมาธิมาหลายปีแล้วคับ แต่ช่วงหลังไม่เข้าใจอาการ ขี้ลืม กับอาการเหมือนคนขี้เกียจ 1. ผมเหมือนเป็นคนขี้ลืมมากๆ แต่ผมว่าผมเป็นคนไม่อยากจะจำอะไร ( เรื่องของโลกๆ ) อะไรจะผ่านมาผมไม่สนใจเลย สนใจแต่เรื่องธรรมมะ กับการนั่งสมาธิอย่างเดียว ขนาดวัน เดือน ปีก็ยังนึกได้ยากยกเว้นเรื่องที่จำเป็นจริงๆเท่านั้นที่จะจำ นอกนั้นแทบนึกไม่ค่อยได้เลยคับ ยิ่งเรื่องที่เป็นอดีตยิ่งแย่ใหญ่นึกแทบไม่ได้ ผมปัฏิบัติอะไรผิดหรือเปล่าครับ 2 เรื่องขี้เกียจ คิด อีกเรื่องด้วยคับ นับวันก็ยิ่งขี้เกียจ คิดไปทางอนาคต ค้าขายก็แค่ออกไปขาย ผลออกมาอย่างไรไม่ชอบที่จะคิดต่อ ใครจะทำอะไร หรือมาบอกเล่าอะไรก็ขี้เกียจ คิดตาม เหมือนจะเป็นคนโง่ๆ คิดอะไรไม่ออกอย่าไงก็ไม่รู้ครับ แต่ท่าจะลองมานั่งคิดเรื่องยากๆก็คิดได้นะคับ แค่ขี้เกียจ คิดเฉยๆเลยเป็นคนไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร ( ซึ่งแต่ก่อนเป็นคนรู้เรื่องอะไรเยอะมาก ) แต่เดี๋ยวนี้ไม่รู้อะไรเลย มันชอบอยู่เฉยๆ ความคิดนะคับ ทำงานยังทำได้ปกติครับ กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ อีกครั้งนะครับ คำตอบ (๑) ทุกสิ่งกระทบที่จิตสัมผัสได้ หากปล่อยให้ผ่านเลยไปโดยมิได้พิจารณา ท่านเจ้าคุณโชดกพูดกับผู้ตอบปัญหาว่า โมหะย่อมเกิดขึ้นกับผู้มีจิตขาดสติเช่นนี้ หากผู้ถามปัญหามีความประสงค์จะมิให้เป็นเช่นนั้น ต้องพิจารณาทุกสิ่งที่เข้ากระทบจิต ว่าดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) แล้วปัญญาเห็นแจ้งจึงจะเกิดขึ้น ดังนั้นผู้ตอบปัญหา จึงควรปรับแก้ไขตามที่ผู้รู้จริงชี้แนะ (๒) คนมีสติย่อมระลึกอยู่กับเรื่องที่เป็นปัจจุบันขณะ มิใช่เอาจิตไปติดอยู่กับเรื่องในอนาคต เหตุที่ทำให้จิตมีสติคือ สวดมนต์ก่อนนอน หลังสวดมนต์เจริญจิตภาวนา เมื่อสองกิจกรรมแล้วเสร็จ ต้องอุทิศบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรทุกครั้ง อนึ่ง ผู้ไม่ประมาท เจริญพละ ๕ (สัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา) อยู่เสมอที่นึกได้ อยู่เสมอที่ว่างจากงาน จนกระทั่งจิตมีกำลังกล้าแข็งแล้ว จึงจะสามารถต้านพลังอำนาจของกิเลสมาร (ขี้ลืม ขี้เกียจ) ได้ |
2528. กราบเรียนถามอาจารย์สนอง เจ้ากรรมนายเวรมาทวงสัญญาเมื่อชาติที่แล้ว ผมคบกับผู้หญิงคนหนึ่ง มีการทำกรรมรวมกัน คือการทำแท้งด้วยกรรมนั้นส่งผลให้เค้าไม่ได้เจอพ่อแม่ของเค้าอีกเลย แถมยังเกือบโดนข่มขื่น โดนรถชน ผมทำเค้าเสียใจและพยายามจะเลิกหลายครั้งทุกครั้งเค้าจะพยายามฆ่า ตัวตายจนผมไม่เลิก แล้วครั้งนึงเค้าได้ทำการฆ่าตัวตาย ครั้งนั้นทำให้เค้าได้พบกับลูกที่ทำแท้ง แต่เค้าไม่ตาย จากนั้นเค้าสามารถนั่งสมาธิแล้วพบลูกได้ แลัวพวกเราทำการขออโหสิกรรมแก่เค้าแล้วเค้ายอมอโหสิกรรมให้พวกเราแล้ว แล้วผมก็ได้รับผลกรรมต้องห่างจากพ่อแม่มาต่างประเทศด้วย ผมกับเค้าช่วยดูแลลูกที่เค้าสามารถติดต่อได้แต่ผมไม่ได้รักเค้าแล้ว เป็นความห่วงใยความพูกพันมากกว่าจนผมเลิกกับเค้า ผมต้องการจะคบกับคนอื่น จึงเกิดเรื่องนี้ครับเจ้ากรรมนายเวรได้มาหาลูกผมแล้วทำร้ายเค้า ที่เค้าถูกทำร้ายเพราะลูกผมเค้ารับแทนผม เพราะเจ้ากรรมนายเวรจะไปทำคนที่ผมรักหากผมพบเค้า หรือไม่ถ้าลูกไม่รับเค้าจะมาทำพ่อแม่ผม เจ้ากรรมนายเวรคนนี้เค้าชื่อบุญมีครับ ผมเรียกเค้าว่าท่านบุญมี ท่านบุญมีบอกว่าผมได้ทำสัญญากับผู้หญิงคนที่ผมจะเลิก ว่าจะดูแลกัน ผมดันทำผิดศีลหลายเมียมาชาตินี้ผมยังทำอีก ผมบอกท่านบุญมีว่าผมขอโอกาสปรับปรุงแก้ไขตัวเองผมไม่รู้ว่าชาติที่แล้วผมทำอะไรไว้บ้าง ผมจะเลิกทำผิดศีลข้อ 3 ผมพยายามละเนื้อสัตว์ ผมขออโหสิกรรม ถอดคำสัญญาเมื่อชาติที่แล้ว ท่านบุญมีบอกว่าถึงพวกมึงถอดกูก็ไม่อโหสิกรรมให้ ก็ทำร้ายลูกผม ให้ผมเลิกกับผู้หญิงที่ผมรักอย่างเดียว โอกาสของผมที่ท่านบุญมีให้ผมคือไม่ให้ผมคบผู้หญิงคนนี้ แต่ผมกับเค้ารักกัน แล้วทำตัวอยู่ในศีลธรรม ซึ่งผมตั้งใจจะทำอยู่แล้ว ผมรู้แล้วว่าผมทำกรรมมาเยอะมาก ก่อนหน้านี้ผมก็ปฏิบัติหลังจากทำงานบ้างทำบุญทำทานบ้างตามโอกาสครับ ตอนนี้ผมยอมท่านบุญมีแล้ว ยอมเลิกแล้ว แต่ในใจผมกับผู้หญิงยังรักกันยังอยากคบกันอยู่ ผมควรทำอย่างไรผมกับผู้หญิงคนนี้รักกันแต่ถ้าผมคบเค้าเค้าจะทำร้ายลูกผมผู้หญิงคนนี้ ครอบครัวผม แล้วท่านบุญมีบอกมาว่า หากผมคิดจะบวชให้บวชตอนบั้นปลายชีวิตจะได้สิ้นแรงกรรมต่อกัน ผมมีคำถามอีกครับผมนั่งสมาธิทีไรหลับทุกครั้งเลย วิธีที่ถูกควรทำอย่างไรครับ คำตอบ นั่งสมาธิแล้วหลับ ต้องเดินจงกรมจนกว่าอาการง่วงนอนจะหมดไป ผู้ไม่แพ้ใจตัวเองแก้ปัญหานี้ได้ครับ .... พิสูจน์ไหม
|
2527. กราบเรียนท่านอาจารย์สนอง วรอุไรที่เคารพ ผมพักอยู่ชลบุรีอายุ 47 ปีครับ ผมสนใจในธรรมมะ อยากปฏิบัติธรรม แต่ไม่เคยไปฝากตัวหรือหาอาจารย์ที่ไหน ได้แต่พยายามจะทำสมาธิด้วยตนเองจากการอ่านหนังสือธรรมมะ อาจารย์พอจะแนะนำวัดหรืออาจารย์ ที่สอนปฏิบัติธรรมะที่อยู่จว.ใกล้ๆหรือแถวชลบุรี ให้ผมได้ใหมครับ และอยากเรียนถามอาจารย์ว่า 1. ระหว่างภาวนาพุธโธกับยุบหนอพองหนอ ควรจะภาวนาอย่างไหนครับ 2. ระหว่างทำงาน,ขับรถ,หรือทำอะไรก็แล้วแต่ พยายามจับลมหายใจอันนี้คือการทำสมาธิใช่ใหมครับ 3. การท่องอิติปิโส ไปเรื่อยๆ ตอนจะนอน ขับรถ อันนี้เราจะได้อะไรครับ ขอขอบคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างสูงครับ คำตอบ (๑) กรรมฐานบทไหนก็ได้ ที่ทำให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิได้เร็ว (๒) การเอาจิตจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้า-ออก เรียกว่า การเจริญอานาปานสติ ขณะขับรถยนต์ไม่ควรเจริญอานาปานสติ เพราะหากจิตเป็นสมาธิแล้วอุบัติเหตุย่อมเกิดขึ้นได้ (๓) การท่องบทมนต์ "อิติปิโสฯ" ก่อนนอน หากท่องบ่นไม่ผิดอักขระ ย่อมทำให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิได้
|
2526. กราบเรียนท่านอจ.ดร.สนองที่เคารพอย่างสูง หนูมักจะทะเลาะกับแม่เป็นประจำ ส่วนใหญ่พูดกันได้นิดหน่อยก็จะต้องทะเลาะกันแล้วเพราะความเห็นไม่ตรงกัน ชีวิตหนูตกต่ำลงเรื่อยๆไม่รู้เพราะโดนแม่แช่งด่าเป็นประจำหรือป่าว ตอนนี้หนูเลยแก้ปัญหาด้วยการพูดกับแกน้อยลง ถามคำตอบคำ ไม่มีการเล่าเรื่องที่หนูพบเจอเหมือนเคย 1 การแก้ปัญหาด้วยการพูดกับแม่แบบ ถามคำตอบคำ อย่างนี้ถูกต้องตามธรรมหรือป่าวคะ 2 หนูควรไปทำงานด้วยช่วยตอบแทนคุณแผ่นดินไหมซึ่งจะทำให้ไม่ค่อยได้กลับบ้านไหมคะ คำตอบ อนึ่ง ผู้รู้จริงแท้ไม่หนีปัญหา แต่อยู่กับปัญหาแล้วพัฒนาจิตตนเองให้มีกำลังของสติกล้าแข็ง เมื่อใดประพฤติได้แล้ว กุศลธรรมทั้งปวงย่อมเกิดตามมา ให้ผู้มีปัญญาเห็นถูกตามธรรมได้เสวย .... พิสูจน์ไหม ขออภัย คนโง่ชอบเอาจิตไปไว้ที่คนอื่น เอาความไม่ดีของคนอื่นมาปรุงเป็นอารมณ์ไม่ดีให้เกิดขึ้นกับตัวเอง (๑) การแก้ปัญหาตามที่บอกเล่าไป ทำได้เกือบถูกตามธรรม แต่หากประสงค์ให้ถูกตามคำชี้แนะของผู้รู้จริงแท้ ต้องประพฤติตามที่เสนอแนะ (๒) ควรไปทำงานปลูกป่าหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสติปัญญาของผู้ถามปัญหา เพราะได้ชี้แนะแนวทางไว้ให้แล้ว จะหนีปัญหาไปอยู่ในที่แห่งใดในวัฏสงสาร ย่อมหนีปัญหาไม่พ้น เพราะไม่สามารถหนีใจตนเองได้ ผู้รู้จริงแท้ จึงอยู่กับปัญหา แล้วดับที่ต้นเหตุให้หมดไป ปัญหาจึงไม่เกิดตามมาแน่นอน |
2525. กราบเรียนท่านอาจารย์สนอง วรอุไรที่เคารพ ขออนุญาตถามท่านอาจารย์ครับ 1 สัตว์นรก มีสติระลึกหรือไม่ครับ 2 ถ้าเราประพฤติ ศีล 5 ธรรม 5 อยู่ ศีลอาจจะด่าง แต่ยังไม่มี และก็ทำทานรักษาศีล 3 ทำไมบวชเป็นพระแล้วฝึกสมาธิแล้วทำไมเห็นนิมิตมากเหลือเกินครับ 4 เมื่อจิตนิ่งแล้วตกศูนย์วูบลงไปเห็นนิมิตกายตัวเองท่านั้งสมาธิภาวนาตัวขยายใหญ่ขึ้น ทำไมวันนั้นมีความสุขเหลือเกิน เห็นครั้งเดียวก็ไม่เห็นอีกเลย 5 ผมเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย ตั้งความปราถนาว่าจะบวชอุทิศชีวิตถวายเป็นพุทธบูชา 6 ถ้าผมได้กล่าววาจาล่วงเกินท่านอาจารย์ เนื่องด้วยด้อยสติปัญญา ขอให้ท่านอาจารย์อโหสิกรรมให้ด้วยครับ คำตอบ (๒) ผู้มีทานและศีลบกพร่อง สามารถบำเพ็ญจิตภาวนาได้ แต่ไม่สามารถเข้าถึงธรรมที่ตนปฏิบัติ และไม่มีเทวดาคุ้มรักษา (๓) อดีตเคยพัฒนาจิต จึงปรากฏนิมิตข้ามภพชาติได้ ปัจจุบันเปลี่ยนสภาวะมาอยู่ในเพศครองเรือน กิเลสเข้าครอบงำจิต ทำให้มีจิตขุ่นมัว นิมิตจึงไม่ปรากฏให้จิตสัมผัสได้ (๔) ผู้ที่ประสงค์จะทราบว่า ตนเองเข้าถึงจิตตั้งมั่นเป็นปฐมฌานหรือยัง ต้องใช้จิตที่เห็นนิมิตดูที่จิตตนเองว่า มีสภาวธรรมเป็นวิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา หรือจิตไม่รับสิ่งกระทบภายนอกใดๆมาปรุงเป็นอารมณ์ หรือนิวรณ์ ๕ (กามฉันท์ พยาบาท ถีนมิททะ อุทธัจจกุกกุจจะ วิจิกิจฉา) ไม่ปรากฏ จึงจะแสดงว่า จิตเข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิในระดับรูปฌานที่หนึ่ง (๕) ผู้ที่จะรู้ว่า ตัวเองพัฒนาจิตจนสามารถรอดพ้นจากอบายภูมิได้แล้ว ต้องมีจิตเป็นอิสระจากสังโยชน์อย่างน้อยสามอย่าง คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพตปรามาส ครับ (๖) ผู้ที่เห็นสรรพสิ่งในวัฏสงสารเป็นอนัตตา ผู้นั้นย่อมไม่มีโทษเกิดขึ้นกับชีวิต .... สุดท้าย อโหสิกรรมให้ |
2524. อยากถามท่านอาจารย์เรื่องการปฏิบัติธรรม 1. แต่ก่อนเป็นคนไม่ดี ชอบดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ตอนนั้น ทุกข์มาก แต่ไม่รู้ ก็ได้ไปบวชเป็นพระ 1 พรรษา อยากถามท่านอาจารย์ว่ามันคืออะไร เหมือนกับว่าไม่มีเรา เขาทำงานของเขาเองโดยเราเป็นผู้ดู 2. พอสึกออก ตั้งจิตว่าจะเป็นคนดี แต่ก็หันหน้าไปดื่มเหล้า ติดบุหรี่อีกทั้งยาเสพติด ทีนี่หนักเลยครับ 3. เมื่อจิตนิ่งดีแล้วจิตมันหมุนดิ่งลงไปแล้วเกิดเป็นนิมิต เห็นตัวเองในดวงจิตใสมากเหมือนแก้วลอยไปข้างๆตัวผมที่อยู่ในดวงจิต ต้องขอขอบคุณท่านอาจาย์มาก ผมศัทธาท่านอาจรย์สนองมาก แต่ผมกำลังพิสูจน์สัจจะธรรมของพระพุทธองค์ ชาติหน้าผมจะไม่ไปอบายภูิม ด้วยสัจจะ คำตอบ (๒) ผู้มีศีลมีสัจจะ นิยมการสวดมนต์แล้วเจริญจิตตภาวนาอยู่เสมอ เพราะรู้ว่าการประพฤติเช่นนั้นทำให้บุญใหญ่เกิดขึ้น และไม่ลืมที่จะอุทิศบุญใหญ่ให้กับเจ้ากรรมนายเวร หลังจากทำกิจกรรมแล้วเสร็จ (๓) ตอบว่าเป็นปัญญาสูงสุด (โลกิยญาณ) ที่สามารถรู้ เห็น เข้าใจสภาวธรรมของชีวิตในวัฏสงสารว่าเป็นเช่นนั้นเอง ยังมิใช่ปัญญาเห็นแจ้ง (โลกุตตรญาณ หรือ ญาณ ๑๖) ที่นำพาชีวิตไปสู่ความพ้นทุกข์ อนึ่ง จิตที่จะไม่โคจรไปเกิดเป็นสัตว์อยู่ในอบายภูมิ (ปิดอบายภูมิ) ต้องเป็นจิตที่อย่างน้อยปลอดจากสังโยชน์ ๓ (สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส) |
2523. คำตอบ : คนที่มีความเพียรมาก ปฏิบัติธรรมวันละ ๒๐ ชั่วโมง : คนที่มีความเพียรปานกลาง ปฏิบัติธ รรมวันละ ๑๐-๑๒ ชั่วโมง : คนที่มีความเพียรน้อย ปฏิบัติธรรมวันละ ๕-๖ ชั่วโมง ฉะนั้น จงดูตัวเอง แล้วเลือกเอาตามศรัทธาเถิด การปฏิบัติสมถกรรมฐาน หากทำได้ถูกตรง และมีเหตุปัจจัยลงตัวแล้ว จะทำให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ อารมณ์ลดลง นอนหลับง่าย หลับแล้วไม่ฝันร้าย และยังทำให้มีสุขภาพดีอีกด้วย การฝันในรูปแบบต่างๆ มิได้เป็นเหตุให้พ้นทุกข์ ผู้รู้จึงไม่เอาจิตไประลึกถึงให้เสียเวลา ตรงกันข้าม ผู้รู้นิยมพัฒนาจิตให้มีสติกำกับอยู่ทุกขณะตื่น เพื่อกุศลธรรมทั้งปวงจะได้เกิดตามมา ส่วนคำว่า "เมตตา" หมายถึง ความรักความปรารถนาให้สัตว์บุคคลอื่นได้ประโยชน์และมีความสุข ผู้มีเมตตามีอารมณ์สงบเย็นปราศจากโทสะ มนุษย์และอมนุษย์ย่อมนำตัวเข้าใกล้ ผู้มีสภาวธรรมในดวงจิตเป็นได้เช่นนี้แล้ว ย่อมสัมฤทธิ์ผลในการแผ่เมตตา ปราศจากการผูกพยาบาทจองเวรใดๆเกิดขึ้น เรื่องการสวดมนต์ ผู้รู้นิยมสวดบทสรรเสริญคุณพระรัตนตรัยเป็นพื้นฐาน แล้วตามด้วยการอัญเชิญเทวดามาร่วมฟังการสวดพระปริตร หลังจากนั้นจึงจะสวดบทมนต์ที่ตนปรารถนา เช่น ป้องกันสัตว์มีพิษขบกัดต้องสวดมนต์บท ขันธปริตร ป้องกันการพลัดตกจากที่สูงต้องสวดมนต์บท ธชัคคปริตร ป้องกันอมนุษย์ (ผีหรือเทวดา) รบกวนต้องสวดมนต์บท อาฏานาฏิยปริตร ต้องการหายจากอาการเจ็บป่วย (อาพาธ) ต้องสวดมนต์บท โพชฌังคปริตร ฯลฯ นอกจากนี้ท่านเจ้าคุณโชดกยังได้กล่าวอีกว่า : ต้องอุทิศบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรทุกครั้ หลังจากปฏิบัติธรรมแล้วเสร็จ |
2522. กราบเรียน ท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ดิฉันมีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติ และ การดำเนินชีวิตประจำวันค่ะ 1. มีครั้งหนึ่ง ดิฉันท่องบทสวดมนต์ บารมีสิบทัต เมื่อสวดจบ จิตแย้งขึ้นมาว่า นี่ใครท่องแต่ปาก ไม่ทำก็ไม่ได้ประโยชน์ 2. ขณะที่ดิฉันเดินจงกรม เมื่อหยุดยืน ขณะกำลังภาวนายืนหนอ เห็นพื้นที่ดิฉันลืมตามองอยู่เป็นลูกคลื่น 3. วันหนึ่งดิฉันดูทีวีช่องพระเทศน์ธรรม ขณะดูจิตจดจ่ออยู่นั้น ภาพทีวีมีแสงสว่างกว่าปกติ 4. การที่เราเห็นคนอื่นทำบุญ เรามีจิตโมทนาบุญกับเขาด้วย ถึงแม้ภาพที่เห็นเป็นการทำบุญที่ผ่านไปแล้ว 5. ทุกวันนี้ ดิฉันยังถูกกิเลสครอบงำอยู่มาก ทั้งเบญจศิล เบญจธรรม กุศลกรรมบท 10 ยังบกพร่องอยู่ ยังด่างอยุ่ สิ่งใดที่ดิฉันได้ล่วงเกินท่านอาจารย์ ดร.สนอง ทั้งวจีกรรม มโนกรรม กายกรรม ทุกชาติภพ กาญจนา คำตอบ การท่องบ่นบทสวดมนต์ (บารมี ๑๐) ต้องท่องบ่นด้วยใจ เพราะใจเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดเป็นความสำเร็จ (มโน มยา) ในกิจทั้งปวง สรุปสิ่งที่ถามไปเป็นเทวปุตตมารมาเตือนให้ท่องบ่นด้วยใจ (๒) ผู้ถามปัญหาเห็นพื้นที่ราบเรียบ มีลักษณะคล้ายธงปลิว นั่นเป็นการเห็นด้วยจิตที่เริ่มเป็นสมาธิ (เห็นจริง) แต่สิ่งที่ถูกเห็นนั้นไม่จริง ผู้รู้จริงแท้แก้ปัญหานี้ด้วยการกำหนดว่า "เห็นหนอๆๆๆๆ" ไปเรื่อยๆ จนกว่าสิ่งที่ถูกเห็นจะหายไป แล้วเอาจิตกลับมากำหนดอยู่กับองค์ภาวนาเดิมที่ทำอยู่ การประพฤติเช่นนี้ เป็นการดึงสติกลับมาสู่ปัจจุบันขณะ (เดินจงกรม) (๓) การฟังพระเทศน์ธรรมะทางทีวีนั้น ต้องเอาใจจดจ่ออยู่กับภาพที่เห็น ใจเป็นพลังงานที่มีการเกิด-ดับ เร็วกว่าการเกิด-ดับของพลังงานประสาท (ตา) ผู้รู้ไม่จริงแท้จึงคิดว่า ยังฟังพระเทศน์รู้เรื่อง ตรงกันข้าม ผู้รู้จริงแท้รู้ว่า สิ่งที่ได้ยิน ได้ฟังนั้น ไม่เต็มร้อย หรือคือการขาดสติในบางห้วงเวลานั่นเอง เมื่อนำเอาความรู้นั้นไปตอบปัญหาในห้องสอบ จึงได้เกรด ( A B C D F) ออกมาไม่เหมือนกัน สรุป เป็นการขาดสติบางห้วงเวลา หากผู้ถามปัญหาฟังพระเทศน์ธรรมะด้วยการมีสติเต็มร้อย ดีที่สุด การดูรายการอื่นไม่มีอาการติดลบเช่นนี้ เป็นเพราะขณะดูรายการอื่นมีจิตจดจ่อ (สติ) เต็มร้อย (๔) ได้บุญกุศลตามที่ระบุไว้ในบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ (๕) ผู้ที่มีความพร่องในเบญจศีล และเบญจธรรม เทวดาย่อมหนีห่างคือ ไม่มีเทวดาคุ้มรักษา ส่วนผู้ที่มีความพร่องในกุศลกรรมบถ ๑๐ นั้น เป็นการเปิดเส้นทางชีวิตไปสูทุคติภพ (นรก ดิรัจฉาน เปรต/อสุรกาย) ผู้ที่ประสงค์จะปิดเส้นทางนี้ ต้องพัฒนาใจให้มีศีล และมีสัจจะคุมอยู่ทุกขณะตื่น สุดท้าย อโหสิให้ |
2521. กราบเรียนท่านอาจารย์สนอง วรอุไร. กระผมขอกราบเรียนถามท่านว่า 1. ผมเป็นอะไรครับ วันๆหนึ่งผ่านไป ผมรู้สึกว่า ผมแค่ทำมัน ให้มันเป็นไปแบบเดิม 2 พักหลัง ผมรู้สึกว่า ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง ไปจากเดิม ทุกอย่างที่เข้ามากระทบ ทำให้รู้สึกหงุดหงิด 3 นิพานมีจริงไหม นรกสวรรค์ ผี มีจริงไหม (อย่าตอบว่า ต้องปฎิบัติถึงรู้นะครับ)ผมเชื่ออาจารย์ 4 ถ้ามีจริงแสดงว่า ที่เรา เกิดมาเล่น เรียนหนังสือ ทำงาน มันเป็นไปตามกิเลศ มันก็เป็นทางที่ผิดทั้งหมด นะซิครับ ของคุณครับ คำตอบ (๒) การที่สรรพสิ่งเปลี่ยนแปลงไปตามกฎธรรมชาติ แล้วรู้สึกหงุดหงิด เนื่องมาจากเหตุที่เอาจิตไปยึดติดอยู่กับสิ่งที่เปลี่ยนแปลง ผู้ที่พัฒนาจิตจนมีกำลังของพละ ๕ (สัทธา วิริยา สติ สมาธิ ปัญญา) กล้าแข็งได้แล้ว ย่อมมีจิตเป็นอิสระจากสิ่งที่เข้ามาขวางกั้นบุญกุศล (มาร) ดังนั้นหากผู้ถามปัญหา ปรารถนาจะให้จิตเป็นอิสระจากความหงุดหงิด (กิเลสมาร) ต้องเจริญพละ ๕ ให้มีกำลังกล้าแข็งอยู่ทุกขณะตื่น แล้วจึงจะผ่านความหงุดหงิดนี้ไปได้ (๓) ความรู้ เห็น เข้าใจ (สนฺทิฏฺฐิโก) เรื่องนรก สวรรค์ ผี นิพพาน หากผู้ถามปัญหาปรารถนาได้คำตอบที่ถูกตรงตามความเป็นจริงแท้ ต้องประพฤติตามหลักกาลามสูตร ที่พระพุทธเจ้าโคดมได้ประทานไว้แก่ ชาวกาลามะ ในครั้งพุทธกาล ผู้ตอบปัญหาเป็นนักวิทยาศาสตร์ ที่เข้าถึงความจริงโลกิยะ (อภิญญา ๕) และความจริงโลกุตตระ (ญาณ ๑๖) ด้วยการพัฒนาจิตตามแนวของสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน จึงบอกว่า นอกจากโยนิโสมนสิการแล้ว ไม่มีหนทางอื่นใดที่จะเข้าถึงความจริงในเรื่องที่ถามได้ หากมิได้พัฒนาจิตตนเองให้เข้าถึงอภิญญา ๕ และญาณ ๑๖ ครับ ..... ขออภัยด้วย (๔) สิ่งนี้เป็นความเห็นผิดของชาวโลก ที่ยังต้องนำพาชีวิตเวียนตายเวียนเกิดอยู่ในวัฏสงสารอย่างไม่รู้จบ มนุษย์เกือบทั้งโลกนิยมพัฒนาความรู้เพียงด้าน สุตมยปัญญาและจินตามยปัญญา ทั้งๆที่มนุษย์มีศักยภาพที่จะพัฒนาความรู้สูงสุดทางด้านภาวนามยปัญญาได้ การพัฒนาความรู้สูงสุดเป็นเรื่องยาก แต่มนุษย์ที่มาเกิดอยู่ในยุคสมัยนี้ สามารถพัฒนาและเข้าถึงความรู้สูงสุดนั้นได้ ผู้ตอบปัญหา มีความจำเป็นต้องศึกษาเล่าเรียนมาทางด้านวิทยาศาสตร์ จนเข้าถึงความรู้สูงสุดทางโลก จึงทำให้ไม่เชื่อในคำสอน (ความรู้) ของพระพุทธศาสนา ได้ไปพิสูจน์ด้วยการพัฒนาจิต (จิตตภาวนา) อย่างเข้มข้น จนในทีสุดได้เข้าถึงความจริงสูงสุดของพระพุทธศาสนาได้ ทำให้วิถีการดำเนินชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดี ตรงกันข้าม คนที่มีความรู้ทางโลก กลับเห็นว่า ผู้ตอบปัญหามีพฤติกรรมผิดเพี้ยน ความรู้ เห็น เข้าใจ ที่เพี้ยนไปจากคนส่วนใหญ่เช่นนี้ เป็นที่นิยมของชาวโลก ผู้มีความรู้ เห็น เข้าใจ ถูกตรงตามความเป็นจริงแท้ มีการเผยแพร่ไปทั่วโลกในหลายภาษา และมีผู้กด ( click) เข้ามาอ่านคำตอบใน website นับได้หลายล้านครั้ง
|
2520. กราบเรียนท่านอาจารย์สนอง วรอุไร กระผมขอกราบเรียนถามท่านว่า 1. ผมเคยรับราชการทั้งประจำและการเมือง มีตำแหน่งหน้าที่ระดับสูง แต่ได้ลาออกมาระยะหนึ่งแล้ว 2. เรื่องข้างต้นทำให้ผมหลีกหนีสังคม รวมทั้งพ่อแม่ (ก็ไม่ดูแลท่าน)มาอยู่ต่างประเทศ 3. ช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาเริ่มมาอ่านและฟัง ธรรมะ ก็มีหลายๆประเด็นที่ตรงจริตรู้สึกว่า ผมควรจะทำอย่างไรคิดอย่างไร ปฎิบัติอย่างไรครับ กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ และกราบขออโหสิกรรมท่านหากล่วงเกินท่านด้วยกาย ใจหรือวาจาใด ครับ คำตอบ ผู้ถามปัญหาเป็นผู้มีโชคดีที่อกุศลวิบาก เช่น ราคะ โทสะ โมหะ รวมถึงความพยาบาท ที่เกิดขึ้นให้ระลึกได้ก่อนที่จะทิ้งขันธ์ลาโลกนี้ไปสู่อบายภูมิ ด้วยเหตุเช่นนี้ ผู้รู้จึงควรรีบกำจัดกิเลสใหญ่ให้หมดไป ด้วยการให้อภัยเป็นทาน ในทุกเหตุที่ทำให้ขัดใจ แล้วคุณธรรมที่เรียกว่า เมตตา จึงจะเกิดขึ้น หรือจะให้ดีต้องสวดมนต์ก่อนนอน หลังสวดมนต์เจริญจิตภาวนา (พุท-โธ) เมื่อทั้งสองกิจกรรมแล้วเสร็จ ให้อุทิศบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรไปเรื่อยๆ จนกระทั่งยุติการระลึกถึงเรื่องไม่ดีต่อไป จะให้ดีที่สุด ต้องนำตัวเองเข้าปฏิบัติธรรมตามสถานที่เปิดให้และเหมาะสมกับผู้ถามปัญหา (๒) จะหนีไปไหนก็หนีใจตัวเองไม่พ้น พระพุทธเจ้าโคดมสอนพุทธบริษัทให้อยู่กับปัญหา แล้วดับเหตุแท้จริงของปัญหาที่มีอยู่ในใจของตัวเอง เมื่อเหตุดับ ปัญหาย่อมดับตามไปด้วย (๓) ผู้มีความเห็นถูกตรงตามธรรม มิได้เอาจิตไประลึกรู้อยู่กับเรื่องของคนอื่น แต่เอาจิตมาระลึกรู้อยู่กับเรื่องของตัวเอง สิ่งใดดีสิ่งใดเป็นกุศล จงทำให้มีมากขึ้น ตรงกันข้าม สิ่งใดไม่ดี สิ่งใดเป็นอกุศล จงกำจัดให้หมดไปจากใจ ผู้ตอบปัญหาพูดอยู่เสมอว่า "จงดูเขาเป็นครูสอนใจ" หากเขาคิด พูด ทำไม่ดี อย่าได้ประพฤติเช่นเขา แล้วเราก็จะได้ไม่เป็นคนไม่ดีเหมือนเขา ตรงกันข้าม หากเขาคิด พูด ทำดี จงประพฤติดีเช่นเขา สุดท้าย อโหสิให้แล้วครับ |
2519. คำตอบ ผู้ทำเหตุได้ถูกตรงเช่นนี้แล้ว กระทำต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ย่อมมีโอกาสหายจากความเจ็บป่วยทางใจและทางกายได้ อนึ่ง การจะมีเทวดาคุ้มรักษา อย่างน้อยต้องประพฤติตนเองให้มีเบญจศีลและมีเบญจธรรม คุ้มรักษาใจให้ได้ทุกขณะตื่น (๒) คนทรงเจ้าพูดถูกของเขา แต่ผู้รู้จริงแท้พูดว่า ผู้ใดมีศีล ๕ และมีธรรม ๕ คุ้มครองใจอยู่ทุกขณะตื่น ผู้นั้นย่อมมีองค์ (เทวดา) คุ้มรักษา ปกติจิตวิญญาณที่มาเข้าทรง ต้องการร่างมนุษย์ไปใช้ทำประโยชน์ให้กับตัวเอง หากไม่ปรารถนาจะเป็นคนทรงเจ้า ต้องพัฒนาจิตตนเองให้มีศีลและมีสติคุ้มรักษาใจ แล้วจิตวิญญาณอื่นใดก็ไม่สามารถมาใช้ร่างกายของผู้ถามปัญหาได้ (๓) คนที่กลัวความตาย มีต้นเหตุมาจากความไม่รู้จริงในสิ่งที่กลัว ดังนั้นหากประสงค์จะเลิกกลัวความตาย ต้องพัฒนาจิตให้เข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิระดับฌาน หรือพัฒนาจิตจนเข้าถึงปัญญาเห็นแจ้ง แล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้งที่พัฒนาได้ไปพิจารณาขันธ์ ๕ จนดับได้เมื่อไร เมื่อนั้นการกลัวความตายจะไม่เกิดขึ้นอีกต่อไป (๔) หากประสงค์จะกลับมาเป็นเหมือนคนปกติ ต้องปฏิบัติตนตามข้อ (๑) (๕) ผู้รู้จริงแท้และมีความเป็นสัพพัญญู ตรัสว่า "ธรรมย่อมคุ้มรักษาผู้ประพฤติธรรม" นั้นเป็นเรื่องจริง ผู้ใดพัฒนาจิตจนมีธรรมเกิดขึ้นกับใจของตัวเองได้แล้ว ผู้นั้นสามารถพึ่งตัวเองได้และเป็นการพึ่งที่ดีที่สุด |
2518. คำตอบ (๒) พระพุทธโคดมมิได้สอนให้ประพฤติตนเป็นผู้ขอ แต่ทรงสอนให้ประพฤติเหตุให้ตรง เหตุที่ตรงของการแผ่เมตตา เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูหรือผู้จองเวร ควรพูดว่า "จงอย่าได้มีเวรต่อกัน" (๓) ผู้ใดประพฤติมีศีลและมีสัจจะคุมใจอยู่ทุกขณะตื่น ผู้นั้นมีความศักดิ์สิทธิ์ หากผู้มีความศักดิ์สิทธิ์พัฒนาจิตให้มีสติสัมปชัญญะ ด้วยการเจริญพละ ๕ อยู่เสมอ แล้วใช้สติสัมปชัญญะที่พัฒนาได้ ส่องนำทางให้กับชีวิต ผู้นั้นจึงสามารถเอาชนะใจตนเองได้ สุดท้าย อโหสิให้แล้ว |
2517. 1. หนูมีความรู้สึกบ่อยๆว่าชีวิตตัวเองไม่ค่อยมีคุณค่า บางครั้งก็รู้สึกเบื่อโลก 2. เวลาหนูใส่บาตร หนูพยายามขอให้ตัวเองได้มีศีล 5 มากๆขึ้น เพราะตัวหนูเองก็รู้ตัวเองดีค่ะว่า 3. เวลาหนูนั่งสมาธิ เกิดอาการคันๆตลอด หรือชอบนึกถึงกรรมที่เคยทำไว้ 4. หนูมีความสงสัยค่ะว่าคนที่ชอบดูสื่อลามกบ่อยๆเป็นกรรมที่ไม่ดีและไม่ควรทำหรือเปล่าคะ 5. ตอนนี้หนูห่างจากการปฏิบัติมาเกือบ 2 ปี เวลาจะตั้งใจไปปฏิบัติธรรมทีไร 6. ตอนนี้หนูก็นั่งสมาธิอยู่ทุกวันๆ วันละประมาณ 20 นาที แต่รู้สึกว่านั่งไปก็ไม่ค่อยมีผลอะไร 7. หนูมักจะมีปัญหากับแม่ค่อนข้างบ่อย ทั้งหนูและแม่ก็ไม่สบายใจ ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง คำตอบ (๒) คำว่า "ขอให้ตัวเองมีศีล ๕ มากๆขึ้น" มิได้หมายความว่าตัวเองจะต้องมีศีล ๕ อยู่ครบ (๓) การนึกถึงกรรมเก่าเป็นอาการของคนที่ขาดสติ ปัญหาต่างๆจึงได้เกิดขึ้นจากการให้ผลของอกุศลกรรม (๔) การดูสื่อลามกเป็นอกุศลกรรม ผู้หวังความเจริญในทางธรรมต้องเว้นประพฤติ (๕) ที่บอกเล่าไปเป็นเรื่องการทำหน้าที่ของมาร ผู้ถามปัญหาจะผ่านมารประเภทนี้ไปได้ (๖) ผู้รู้จริงแท้กล่าวว่า ผู้มีความเพียรมาก ปฏิบัติธรรมวันละประมาณ ๒๐ ชั่วโมง (๗) การทะเลาเบาะแว้งเป็นอกุศลธรรมที่บุคคลทั้งสองเคยก่อไว้แก่กัน |
2516. เรียนท่านอาจรย์ ดร.สนอง 1. อยากเรียนถามอาจารย์เกี่ยวกับเรื่องการอโหสิกรรมค่ะ 2. พระที่บรรลุอรหันต์แล้วในภพภูมิมนุษย์ ยังจะต้องชดใช้หนี้กรรมหรือไม่คะ กราบขอบพระคูณอาจารย์ค่ะ ตอบ(๑) สมมติบัญญัติถือว่า จิตวิญญาณที่ไปอาศัยท้องคนอื่นสัตว์อื่นเกิดเป็นรูปนาม (๒) คำว่า "สังโยชน์" หมายถึง ธรรม (กิเลส) ที่ผูกมัดใจสัตว์ไว้กับทุกข์ |
2515. กราบเรียน ท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ที่เคราพ กระผมเป็นนักศึกษาปี 1 นิติ ราม 1 ทำอย่างไรถึงจะได้พบกับ คนที่ใช่ ( คนที่ดี ) 2 และเมื่อพบแล้ว ทำอย่างไร เขาถึงจะยอม คบกับเรา ขอบพระคุณครับ คำตอบ (๒) การที่จะให้คนดียอมรับ (ยอมคบกับเรา) เป็นความเห็นผิดไปจากธรรมในพุทธศาสนา |
2514. เรียน อาจารย์ดร.สนอง ที่เคารพ ตัวผมเองพยายามที่จะคอยดูตัวเองไม่ให้ความโกรธเกิดขึ้น แต่ก็มีพลาดอยู่บ้างครับ ขอขอบพระคุณอาจารย์มากครับ ด้วยความเคารพ คำตอบ |
2513. กราบเรียนถามค่ะ ถ้าภาวนา กำหนดรู้ พอเริ่มมีสมาธิแล้วเห็นภาพลบหลู่ครูบาอาจารย์หรือผู้มีพระคุณที่เราเคารพเทิดทูน ดิฉันควรทำอย่างไรดี หรือจะกำหนดว่าอะไรดีคะ คำตอบ ผู้ใดพัฒนาจิตจนมีกำลังของพละ ๕ (ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา) กล้าแข็งได้แล้ว ผู้นั้นย่อมมีจิตที่กล้าแข็งสามารถต้านทานกิเลสมารได้ ดังนั้น หากบุคคลพัฒนาจิตให้มีศีล ๕ คุมใจได้ทุกขณะตื่น และพัฒนาจิตให้มีกำลังกล้าแข็งได้แล้ว ปัญหาที่ถามไปจะไม่เกิดขึ้นอีกต่อไป |
2512. กราบเรียน อาจารย์ ดร. สนองที่เคารพ สองสัปดาห์ก่อนผมมีโอกาสได้ไปฟังการบรรยายของ ดร. อาจารย์ท่านหนึ่ง ท่านพูดเกี่ยวกับภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นในเมืองไทยและโลกใบนี่ที่เราอาศัยอยู่ ผมมีข้อสงสัยบางข้อที่อยากให้อาจารย์กรุณาไขข้อสงสัย ดังนี้ ๑) อาจารย์ผู้บรรยาย สามารถบังคับหรือเปลี่ยนแปลงธรรมชาติได้เช่น พายุแทนที่เข้ามาในเมืองไทยกลับปรับเปลี่ยนทิศทางให้พัดไปที่ประเทศอื่น ๒) อาจารย์ผู้บรรยาย มีสิ่งของมาจำหน่าย ขายให้สมาชิก ผ่านการทำพิธี หรือ ๓) อาจารย์ผู้บรรยาย เน้นหลายครั้งระหว่างบรรยายว่าจะพยายามรักษาแผ่นดินไทยให้คงอยู่ ผมสงสัยว่าเราควรเปลี่ยนจุดหมายของเราจากพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันซึ่งยังไม่หมดวาระ ๔) อาจารย์ผู้บรรยาย นำรูปถ่ายที่อาจารย์บอกว่าเป็นรูปของเทพที่มาช่วยเมืองไทย ขออนุญาตนะครับผมอ่านหนังสือ/เทปบรรยายของอาจารย์สนอง - ผมขอความเห็นจากอาจารย์ในคำถามข้อนี้ด้วยครับ ขอบพระคุณอาจาย์ สนองมากครับ นพดล แสงทอง คำตอบ การบังคับพายุให้เปลี่ยนทิศทางไปทำความเดือดร้อนให้ผู้อื่น มิใช่คำสอนของพระพุทธโคดมครับ (๒) การปลุกเสกวัตถุให้ขลัง เป็น ดิรัจฉานวิชา หรือเป็นพระวินัย (ศีล) ที่พระพุทธโคดมบัญญัติให้ภิกษุเว้นประพฤติ แม้จะทำรายได้เข้าสู่ชมรมก็ตาม ชมรมกัลยาณธรรมไม่สอนให้ผู้ฟังธรรมประพฤติเช่นนั้น เพราะนั่นคือเหตุแห่งความเห็นผิดไปจากธรรม (๓) หากผู้บรรยายคิดเช่นนั้น เห็นว่าเป็นความเห็นผิดไปจากธรรมของพระพุทธโคดม การเผยแพร่ธรรมะที่ดีงาม เป็นจุดประสงค์หลักของชมรมกัลยาณธรรม ที่ต้องการรักษาความดีงามในธรรมวินัยของพุทธศาสนานี้ไว้ (๔) ผู้ที่ยังมีสภาวธรรมในดวงจิตเป็นปุถุชนเห็นว่าเป็นความถูกต้อง แต่ผู้ที่มีความรู้จริงแท้ในพุทธศาสนา มองเทพและประตูสวรรค์ว่า เป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง (อนัตตา) จึงมีจิตเป็นอิสระจากสิ่งที่ยกขึ้นมากล่าวอ้าง ที่บอกว่าเทคโนโลยีในปัจจุบัน ไม่สามารถถ่ายรูปลักษณะของสิ่งอันเป็นทิพย์ได้ เหตุเป็นเพราะความรู้หรือปัญญาทางโลกไม่สามารถเข้าถึงความถี่คลื่นพลังงานของสิ่งอันเป็นทิพย์ได้ |
2511. เรียนถามอาจารย์ด้วยความเคารพครับ ผมเป็นนักศึกษาแพทย์ครับ อยากทราบครับว่าเหตุใดอาจารย์จึงกล่าวว่าแบคทีเรีย ไวรัส ไม่มีรูปนามล่ะครับ เพราะมองเห็นได้ มีการดื้อยาได้ ผมเองเห็นว่าเวลาหมอให้ยาฆ่าเชื้อกับคนไข้จะครบองค์ 5 ของข้อปาณาฯ (สัตว์มีชีวิต-รู้ว่าสัตว์มีชีวิต-จิตคิดจะฆ่า-เพียรจะฆ่า-สัตว์ตายลง) ที่ผมถามเช่นนี้เพราะคับข้องใจที่ืจะต้องจ่ายยาเหล่านี้น่ะครับ คำตอบ คำว่า "ปาณาติบาต" (ปาณาติปาต) ตามที่พระพุทธโคดมบัญญัติไว้ในศีล ๕ หายถึง การนำพาชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไปหรือหมายถึงการฆ่าสัตว์ ด้วยเหตุนี้การให้ยาฆ่าเชื้อโรค (จุลินทรีย์) จึงมิได้ถือว่าเป็นการฆ่าสัตว์ครับ |
2510. ฝันถึงพญายมตัวอ้วนๆสีแดงไม่ใส่เสื้อใส่โจงกระเบนตัวเดียว มีเขาที่หัวด้วย เหมือนท่านจะมารั บ ใคร นอนไม่หลับเลยค่ะไม่กล้าหลับเลย คำตอบ |
2509. คือผมอยากถามว่าถ้าเรากลัวผีเนี่ยเกิดจากอวิชาแต่สมมุติว่ามีคนเดินมาเอามีดมาจะแทงเราแล้วเรากลัวมันเกิดจากอะไรครับ คำตอบ |
2508. กราบสวัสดี ดร.สนอง วรอุไร เจ้าค่ะ ขอความเมตตาได้โปรดชี้แนะให้ข้าพเจ้าในเรื่องต่างๆด้วยนะค่ะ ดิฉันพึ่งจะมีโอกาสได้ชมคลิปยูทูปที่ทางท่านได้ทำการเทศนาสอนธรรม ซึ่งเป็นประโยชน์มากๆเลยค่ะ เนื่องด้วยตัวเองมีความศรัทธาในพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก หากกระทำสิ่งใดให้เป็นประโยชน์ต่อมหาชนเพื่อให้ได้มีความรู้แจ้งจนข้ามพ้นสังสารวัฏได้จะยินดีอย่างยิ่ง เป็นปณิธานที่ตั้งใจไว้ค่ะ แต่มีศรัทธา ก็ต้องมีปัญญาควบคู่กันเหมือนตาชั่งให้ได้พอดีกัน หากมีศรัทธามากกว่า งานนั้นก็จะมีปัญหา แต่หากมีปัญญาแต่ขาดศรัทธา งานนั้นๆก็ไม่สำเร็จ เมื่อครั้งหนึ่งดิฉันได้อ่านพระสูตรมหายานเรื่อง พระมหายานไวปุลยธารณีสูตร ซึ่งในพระสูตรจะมีการกล่าวถึง ขอความเมตตาท่านช่วยอธิบายปรากฏการณ์ดังกล่าวให้ทราบสาเหตุที่มาและหากจะทำให้มีอาการเช่นนี้เกิดขึ้นได้เรื่อยๆ แต่แล้วผ่านไป 2 ปี ซึ่งสามารถทำสิ่งต่างๆได้มากมายในทางพระธรรมนะค่ะ แต่ปัจจุบันทุกวันนี้ ดิฉันไม่ค่อยจะทำสิ่งต่างๆได้เลย เหมือนเวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ คือมีความตั้งใจทำ แต่ทำไม่สำเร็จ หรือกว่าจะทำเสร็จก็ช้ามากๆๆเลยนะค่ะ จึงขอท่านได้โปรดชี้แนะด้วยนะค่ะ ดิฉันมีการกล่าวคำขอขมาพระรัตนตรัยเกือบทุกวันที่มีการสวดมนต์ แต่ก็ยังไม่ดีขึ้นเลยค่ะ เพราะปรารถนา จะทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อกัลยาณธรรมให้ได้มากที่สุดตามที่ได้อธิษฐานไว้นะค่ะ แต่ตอนนี้เข้าใจถึงสภาวะที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ซึ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ล้วนต้องดับทั้งนั้น จึงควรปล่อยวางกับสิ่งต่างๆให้มันดำเนินไปตามเหตุปัจจัย และรู้ทันมัน เพราะคงมีเหตุที่ตัวเองได้สร้างไว้ แต่ไม่รู้ว่าเหตุนั้นคืออะไรจะแก้ไขได้อย่างไร ดิฉันไม่กล้าที่จะแสดงธรรมในบางโอกาสหรือบางกลุ่มคน เป็นเพราะเหตุใดค่ะ แต่ในขณะที่หากบุคคลทั่วๆไปหรือเพื่อนกันก็ทำได้ตามปกติ ขอให้ท่านได้โปรดชี้แนะด้วยนะเจ้าค่ะ การขอ คือ การร้องไห้ ไม่รู้ว่าดิฉันเคยอ่านเจอที่ไหน แต่ดิฉันมักจะชอบขอ เวลาเห็นธรรมะที่เป็นประโยชน์แล้วจะคิดอยากให้ท่านอื่นๆได้รู้ด้วย แล้วไม่รู้ว่าบางอย่างเจ้าของนั้นๆเขารู้สึกหวงรึป่าวไม่รู้ แต่ทางนั้นเขาก็อนุญาตถึงนำมาเผยแผ่ต่อ แต่ทุกวันนี้ดิฉันจะสวดมนต์ทุกวัน และได้นั่งสมาธิบ้าง แต่ตัวเองรู้ว่าการนั่งสมาธินั้นยังไม่ค่อยถูกต้อง สุดท้ายนี้ หากปรารถนาเดินสายโพธิสัตว์ ไม่ทราบว่าควรศึกษาจากที่ใดนะค่ะ กราบขอบพระคุณในความเมตตา ของดร.สนอง วรอุไร เป็นอย่างสูงนะเจ้าค่ะ ขอให้กุศลธรรมที่ลูกได้กระทำมาทุกภพทุกชาติ แม้จะน้อยนิด ส่งผลให้ท่าน ดร.สนอง วรอุไรได้ช่วยเหลือกัลยาณชนได้ข้ามพ้นฝั่งให้ได้มากที่สุดด้วยเทอญ และกิจอันเป็นความตั้งใจของท่านทั้งปวงที่ดีแล้วนั้น จงประสบความสำเร็จ ทุกประการด้วยเทอญ ไม่ทราบตัวลูกเองจะมีโอกาสได้ช่วยเหลืองานท่านบ้างรึป่าวค่ะ ยินดีอย่างยิ่งนะเจ้าค่ะ กราบขอบพระคุณในความเมตตาของท่านเป็นอย่างสูงนะค่ะ คำตอบ ผู้ใดรู้ตัวเองว่า เคยประพฤติผิดพลาดมาก่อน หากหยุดประพฤติผิดพลาดนั้นได้ ย่อมมีชีวิตเจริญได้ในวันข้างหน้า จงดูตัวอย่างของอัมพปาลี หรือ อัฑฒกาสี เคยประกอบมิจฉาอาชีวะเป็นโสเภณีมาก่อน แล้วรู้ว่านั่นคือวิถีแห่งนรก (สิมพลีนรก) จึงเลิกอาชีพนั้นอย่างเด็ดขาด แล้วหันมาปฏิบัติธรรม จนสามารถนำพาชีวิตพ้นไปจากวัฏสงสารได้ หรือแม้แต่ฉันนภิกษุผู้ดื้อรั้นด้วยอัตตา จึงถูกหมู่สงฆ์ลงพรหมทัณฑ์ด้วยการ ไม่ว่ากล่าว ไม่ตักเตือน ไม่พร่ำสอน ไม่คบหาสมาคม ได้สำนึกผิดหันมาปฏิบัติธรรมจนสามารถเข้าถึงความเป็นพระอรหันต์ ดังนั้น หากผู้ถามปัญหา มิได้นำพาชีวิตดำเนินไปในแนวทางของพระโพธิสัตว์ ไม่ควรนำพาชีวิตไปสู่ภพนรก ตามที่พระรูปหนึ่งกล่าวไว้ จึงจะเป็นการดำเนินชีวิตที่ถูกตรงตามธรรม กิเลสเป็นสิ่งที่ทำใจให้เศร้าหมอง โดยเฉพาะกิเลสที่เรียกว่า สังโยชน์ ๑๐ หากผู้ถามปัญหาพัฒนาจิตจนเกิดปัญญาเห็นแจ้งได้แล้ว และใช้ปัญญาเห็นแจ้ง กำจัดสังโยชน์ ๑๐ ให้หมดไปจากใจ ชีวิตย่อมเข้าถึงอิสรภาพที่สมบูรณ์ ตามที่ผู้ถามปัญหาเขียนบอกเล่าอาการต่างๆที่เกิดขึ้นกับตัวเองนั้น หากพัฒนาจิต (วิปัสสนาภาวนา) จนเข้าถึงอริยผลได้แล้ว ความสงสัยใดๆจะไม่มีอีกต่อไป .... สู้ ผู้ใดมีพละ ๕ คุมใจได้ทุกขณะตื่น ผู้นั้นย่อมมีกำลังต้านทานมาร ผู้ชนะมาย่อมพบกับความสำเร็จในกิจทั้งปวง ตลอด ๔๕ พรรษาที่พระพุทธโคดมออกเผยแพร่ธรรม พระองค์มิเคยสอนให้พุทธบริษัทประพฤติตนเป็นผู้ขอ แต่ทรงสอนให้ประพฤติเหตุดี แล้วผลดีย่อมเกิดตามมา ทรงสอนทุกสิ่งที่เกี่ยงข้องกับความเป็นอยู่ (ชีวิต) ของสรรพสัตว์ อาทิ ทรงสอนให้พุทธบริษัทใช้ปัญญาส่องนำทางให้กับชีวิต ทรงสอนให้มีศีลคุมใจ ทรงสอนให้มีชีวิตอยู่กบโลกโดยมีทุกข์น้อยที่สุด ทรงสอนให้พัฒนาจิตไปสู่ความพ้นทุกข์ ฯลฯ ดังนั้นหากผู้ถามปัญหาปรารถนาจะช่วยเหลือผู้อื่น ต้องเอาธรรมะมาช่วยคุ้มครองชีวิตของตนเองให้ได้ก่อน แล้วจึงจะไปช่วยผู้อื่นได้ |
2507. กราบเรียน อ.สนอง ที่เคารพอย่างสูง หนูเคยเขียนมาถามปัญหาธรรมะอาจารย์หลายครั้ง เมื่อหลายปีก่อน หนูอยากถามปัญหาอาจารย์ ดังนี้ 1) ปกติแล้วถ้าพวกจิตบริสุทธ์ ทำความดีหรือความชั่วแล้ว 2) มีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้ ไสยศาตร์ ไม่สามารถมาทำร้ายเราได้โดยสิ้นเชิง 3) เมื่อเราได้พบกับคนที่มีจิตใจไม่ดี คิดแต่จะหาเรื่องหาความเดือดร้อนมาให้คนอื่นไม่เลิกรา 4) การที่เรารักษาศีล ปฏิบัติธรรม แล้วที่คนมาพูดดูถูก ดูหมิ่นสิ่งที่เราทำ ถึงเราจะไม่สนใจ 5) มีคนรู้จักที่ถือศีล ปฏิบัติธรรมมาชวนทำบุญหนูทำบุญอยู่ตลอด หนูก็ไม่เคยปฏิเสธ ขอบพระคุณอาจารย์สนองมากค่ะ ที่กรุณาตอบคำถามของหนู คำตอบ กรรมใดให้ผลก่อน กรรมที่ทำรองลงมาจึงต้องรอให้ผลภายหลัง คนรู้ไม่จริง จึงคิดว่ากรรมให้ผลช้า และยิ่งกรรมที่เป็นอโหสิกรรม (กรรมยกเลิกให้ผล) ด้วยแล้ว คนที่รู้ไม่จริงแท้จึงไม่เข้าใจว่าเป็นไปได้อย่างไร (๒) พุทธวจนะที่ว่า "ธรรมย่อมคุ้มรักษาผู้ประพฤติธรรม" เป็นสิ่งที่มีอยู่จริงในพุทธศาสนา ผู้ใดรักษาตนให้มีศีล (ศีล ๕) คุมใจ และพัฒนาจิตให้มีสติอยู่ทุกขณะตื่นได้แล้ว ไสยศาสตร์ไม่สามารถทำอันตรายผู้มีสภาวธรรมในดวงจิตเป็นเช่นนี้ได้ .... พิสูจน์ไหม? (๓) จากมงคลสูตรมีอยู่ข้อหนึ่งที่กล่าวว่า "อเสวนา จะ พาลานัง" ผู้ใดประพฤติได้แล้ว ความดีความงาม (มงคล) ย่อมเกิดขึ้นกับผู้นั้น คนที่ยกโทษให้กับคนพาล หากไม่แพ้ใจตัวเอง ต้องให้อภัยเป็นทานในทุกครั้งที่มีเหตุขัดใจเกิดขึ้น แล้วความเมตตาย่อมเกิดตามมากับผู้ให้อภัย และยิ่งประพฤติตามมงคลสูตรได้แล้ว ปัญหาเรื่องคนพาลจึงจะผ่านพ้นไปได้ (๔) ผู้ขาดสติย่อมสร้างบาปให้กับตัวเอง ด้วยการประพฤติอกุศลวจีกรรม ส่วนผลของบาปจะเสียอย่างไร ผู้รู้จริงแท้ไม่สนใจเพราะมิได้เป็นเหตุนำพาชีวิตไปสู่ความพ้นทุกข์ ในครั้งพุทธกาล มีพระอรหันต์อยู่รูปหนึ่งที่ชื่อว่า พระมหากัจจายนะ ได้กล่าวไว้ในทำนองที่ว่า คนมีปัญญาเห็นแจ้ง -มีตา เป็นเหมือน คนตาบอด -มีหู เป็นเหมือน คนหูหนวก -มีปาก เป็นเหมือน คนใบ้ -มีกำลัง เป็นเหมือน คนอ่อนแอ ดังนั้น พึงหันกลับมาดูตัวเองว่า เราเป็นคนประเภทไหน (๕) คนอื่นจะพอใจหรือไม่พอใจเป็นเรื่องของเขา แต่เรื่องของเราต้องดูให้ออกว่า การให้ทรัพย์เป็นทาน ย่อมทำให้มีทรัพย์มาก มีอานิสงส์เป็นบุญที่ทำให้เข้าถึงสวรรคสมบัติ ส่วนการปฏิบัติธรรม (วิปัสสนาภาวนา) เป็นบุญใหญ่สุด มีอานิสงส์ผลักดันชีวิตไปสู่ความเป็นอริยบุคคล และทำให้พ้นทุกข์ได้ ดังนั้น พึงเลือกกระทำตามที่ใจปรารถนาเถิด |
2506. กราบเรียนถามค่ะ ถ้าภาวนา กำหนดรู้ พอเริ่มมีสมาธิแล้วเห็นภาพลบหลู่ครูบาอาจารย์หรือผู้มีพระคุณที่เราเคารพเทิดทูน คำตอบ ผลของกรรมไม่ดี ที่เกิดขึ้นขณะนั่งภาวนา ต้องกำหนดว่า "รู้หนอๆๆๆๆ" ไปเรื่อยๆจนกว่าอกุศลวิบากหายไป ไม่หายต้องไม่เลิกกำหนด ผู้มีศีลและมีสัจจะคุมใจ ย่อมมีความศักดิ์สิทธิ์ หากไม่แพ้ใจตัวเอง ปัญหาดังกล่าวจึงจะหมดไปได้ .... สู้ |
2505. สวัสดีค่ะ ท่านอาจารย์ หนูขออนุญาติเรียนถามปัญหาชีวิตของหนูนะคะ คือหนูเป็นเริ่มเป็นคนคิดมากมานานแล้วค่ะ แต่มาช่วงปิดเทอมที่ว่างมากๆถึงหกเดือนค่ะ ยิ่งเป็นแบบนี้ ยิ่งคิดมากค่ะ คิดๆๆๆ พ่อ แม่ พูดอะไรก็ระแวงว่าจะไม่รู้เรื่อง หนูคิดมากจริงๆ แต่หนูฟังธรรมะเขาบอกว่าพอเกิดความคิดให้รู้ว่าคิดแล้วปล่อยวางไม่ต้องคิดต่อ กราบขอบพระคุณล่วงหน้านะคะ คำตอบ ดังนั้น หากผู้ถามปัญหา พัฒนาจิตตนเองให้มีสติ ด้วยการสวดมนต์ (สรรเสริญคุณพระรัตนตรัย) ก่อนนอน |
2504. กราบเรียน อาจาร์ย ดร.สนอง วรอุไร ดิฉันขอคำชี้แนะค่ะ หากเราต้องอยู่ หรือทำงานร่วมกับคนเห็นแก่ตัว และหากเราทำงานใดๆก็ตามที่ทำให้เราไม่มีความสุข ด้วยความเคารพนับถืออย่างสูง คำตอบ ก. ให้ดูเขาเป็นครูว่า คนที่มีอัตตา มี ego หรือมีความเห็นแก่ตัว เกิดขึ้นจากการพัฒนาความรู้ทางโลกเพียงอย่างเดียว ข. การจะร่วมทำงานกับคนประเภทนี้ เราต้องให้อภัยเป็นทานแก่เขา แล้วพัฒนาตนเองให้มีความรู้และมีคุณธรรม (ประพฤติจริยธรรม) ให้มากยิ่งขึ้น จึงจะอยู่ร่วมงานกับคนประเภทนี้ได้ คนไม่ฉลาดชอบมองคนอื่น แล้วเอาความไม่ดีของคนอื่นมาทับถมใจตัวเองให้เครียดให้ทุกข์ ตรงกันข้าม สรุป จงมองให้ถูกด้วยการพัฒนาจิตตนเองให้มีสติระลึกรู้อยู่ทุกขณะตื่น หรือให้อภัยในทุกเหตุที่ทำให้ขัดใจ |
2503. เรียนท่านอาจารย์ สนอง วรอุไร คือว่า หนูมีขอส่งสัยนะค่ะ ทางบ้านนะค่ะอาจารย์ ขอบคุณนะค่ะสำหรับคำตอบ คำตอบ การเลี้ยงดูพ่อแม่ตอบแทน ถือว่าเป็นจริยธรรมที่ลูกต้องปฏิบัติ ทำได้แล้วจะเกิดเป็นคุณธรรมที่เรียกว่า ความกตัญญูกตเวที ซึ่งมีอยู่ในจิตวิญญาณของคนดีทุกคน ดังนั้นพึงพิจารณาด้วยตัวเองเถิด ว่าการดูแลพ่อแม่ตอบแทนนั้น ทำได้สมบูรณ์แล้วหรือยัง ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่า ตัวเองมีงานอีกหนึ่งอย่างที่ต้องทำคือ งานภายในที่ทำให้กับตัวเอง เตรียมบุญเพื่อเดินทางในปรโลก |
2502. หนูมีปัญหาสงสัยในการปฏิบัติรบกวนเรียนถามอาจารย์ค่ะ 1. ปฏิบัติเองในชีวิตประจำวันโดยกำหนดอิริยาบทย่อยเท่าที่ทำได้ 2. กิเลสที่เป็นอนุสัยเวลาเกิดขึ้นเรารู้แล้ว เห็นแล้ว แต่รู้เห็นไม่ชัด 3. กิเลสที่เรากำหนดรู้ ดูอยู่แต่มีกำลังแรงกว่าสติ แล้วเหมือนเราจะไม่ใช่ผู้ดู 4. ที่รู้สึกตลอดว่าคนนั้นๆรู้สึกกับเราดี คนนี้รู้สึกกับเราไม่ดี 5. เวลาที่ทันปัจจุบันเช่นอกุศลเกิด รู้ปัจจุบันเมื่อนั้นเป็นกุศลดี 6. หนูมีอาการนั่งทำงานอยู่เขียนหนังสือแล้วเกิดยกแขนไม่ขึ้น 7. ศีล 8 ที่งดทานอาหารกำหนดเวลาตอนเที่ยงวัน แต่ตอนเช้าที่ตื่นนอนแล้ว กราบขอบพระคุณที่อาจารย์เมตตาตอบคำถามค่ะ คำตอบ (๒) การปฏิบัติธรรมยังเกิดปัญญาเห็นแจ้งไม่ชัด ต้องเร่งความเพียรพัฒนาจิต (สมถภาวนา) จนเข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิแน่วแน่ (อัปปนาสมาธิ) จิตออกจากอัปปนาสมาธิ ให้มาตั้งอยู่ในระดับอุปจารสมาธิ แล้วจึงจะมีโอกาสเห็นอารมณ์ในดวงจิตได้เด่นชัดยิ่งขึ้น (๓) ต้องพัฒนาจิตให้มีกำลังของพละ ๕ กล้าแข็งได้แล้ว จิตจึงจะสามารถต้านอำนาจของกิเลสมารได้ การเปลี่ยนเอาจิตมาดูที่กาย เท่ากับเป็นการหนีปัญหา ผู้รู้จริงแท้ไม่นิยมประพฤติเช่นนั้น เพราะบุคคลไม่สามารถหนีใจตัวเองได้พ้น ผู้รู้จึงไม่นิยมประพฤติ แต่ผู้รู้พัฒนาจิตจนเกิดปัญญาเห็นแจ้ง แล้วนำปัญญามาใช้ดับปัญหา จึงดับปัญหาให้เป็นอนัตตาได้ (๔) ตลอด ๔๕ พรรษา ที่พระพุทธเจ้าเผยแพร่ธรรม พระพุทธโคดมไม่เคยสอนให้เอาจิตไประลึกรู้อยู่กับสิ่งนอกกาย เพราะนั่นคืออาการขาดสติของคนที่รู้ไม่จริง จึงไม่สามารถบรรลุอริยธรรมเป็นพุทธสาวก (๕) การระลึกรู้ในสิ่งอกุศลที่เป็นปัจจุบัน หากจิตระลึกรู้แล้วไม่รับเข้าปรุงเป็นอารมณ์ การระลึกรู้ในลักษณะนี้จึงจะถือว่าเป็นกุศล ตรงกันข้าม หากจิตระลึกรู้ในสิ่งอกุศลที่เป็นปัจจุบัน แล้วจิตรับเข้าปรุงเป็นอารมณ์ ยังถือว่าการระลึกรู้ในลักษณะนี้เป็นอกุศลเช่นกัน ดังนั้นเมื่อนั่งสมาธิแล้ว จิตไประลึกรู้ทั้งสิ่งที่เป็นอกุศลและสิ่งที่เป็นกุศลที่เป็นปัจจุบัน แล้วจิตไม่รับเข้าปรุงเป็นอารมณ์ไม่ดีและอารมณ์ดี อย่างนี้จึงจะถือว่าดี เพราะจิตมีปัญญาเห็นแจ้งเกิดขึ้น (๖) ที่เขียนบอกเล่าไป ถือว่าเป็นการปฏิบัติธรรมที่ผิดทาง การเจริญสมาธิ ต้องเอาจิตระลึกรู้อยู่กับอิริยาบถใหญ่ที่เป็นปัจจุบันขณะ เช่น ขณะเขียนหนังสือ ต้องเอาจิตจดจ่ออยู่กับการเขียน ขณะทานข้าวต้องเอาจิตจดจ่ออยู่กับการเคี้ยวคำข้าว ขณะนั่งต้องเอาจิตจดจ่ออยู่กับอิริยาบถนั่ง หากทำได้เช่นนี้ แล้วสติจะไม่เคลื่อนออกไปนอกอิริยาบถ แล้วทำให้เกิดเป็นปัญหาต้องแก้ไข (๗) ต้องขออภัยไม่ตอบ เพราะมิได้ศึกษามาทางด้านคันถธุระ |
2501. สวัสดีครับ อาจารย์ ผมมีข้อสงสัยที่อยากรบกวนถามอาจารย์ ดังนี้ครับ 1. เมื่อกำลังภาวนาจิต อยู่กับลมหายใจเข้า-ออก แล้วเกิดมีอาการคันขึ้นมา ควรเลือกกำหนดจิตอยู่กับลมหายใจต่อไป หรือเปลี่ยนไปกำหนดกับอาการคันนั้นจนหายครับ 2. ที่บ้านมีศาลพระภูมิครับ เมื่อผมยึดถือพระรัตนตรัยแล้ว แต่ผมอยากให้ท่านช่วยคุ้มครองคนในบ้าน ผมจะสามารถนำอาหารมาถวาย หรือแผ่บุญกุศลให้ โดยไม่กราบไหว้ได้ไหมครับ 3. พระเครื่อง เครื่องรางที่มีการนำมาปลุกเสกแล้วนั้น มีพลังที่สามารถช่วยคุ้มครองผู้ใช้ ได้จริงหรือไม่ครับ 4. คุณยายของผมอายุ 78 ปี ท่านเป็นคนชอบทำบุญทำทานมากครับ แต่ช่วงหลังๆมานี้ ท่านมีอาการป่วยทางจิต มีอาการหวาดระแวงกลัวคนจะมาทำร้าย ได้ยินเสียง เห็นนู้นเห็นนี่ คิดไปเอง. โดยลูกหลานก็พาไปหาหมอ ให้ยามาทานแล้ว ท่านก็ไม่ยอมทาน เพราะท่านเชื่อว่าสิ่งนั้นมีจริง ไม่ได้คิดไปเอง. ผมไม่รู้จะทำอย่างไร จึงทำได้เพียงแค่เปิดรายการธรรมะให้ท่าน อย่างน้อยท่านก็ได้นั่งสมาธิบ้างครับ. ผมกลัวสุขภาพของคุณยายจะแย่ลง รบกวนอาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยครับ คำตอบ (๒) พฤติกรรมที่บอกเล่าไป สามารถทำได้ในฐานะของเพื่อนต่างมิติที่ดีต่อกัน ทั้งนี้ต้องไม่เอาเทวดามาเป็นที่พึ่ง ที่เคารพบูชาเลื่อมใส (๓) ผู้เห็นผิดนิยมแสวงหาเครื่องรางของขลังมาคุ้มครองชีวิต เพราะมีความคิดเห็นว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ธรรมวินัยในพุทธศาสนานั้นมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่า ผู้มีความเห็นถูกจึงแสวงหามาคุ้มชีวิตให้ปลอดภัยทั้งปวงในวัฏสงสาร (๔) คุณยายมีอายุเข้าสู่วัยชราแล้ว ย่อมมีสุขภาพเสื่อมลงเป็นธรรมดา สิ่งที่คุณยายเห็นนั้นเห็นจริง แต่สิ่งที่ถูกเห็นนั้นไม่จริง ผู้ถามปัญหาได้เปิดธรรมะให้คุณยายฟังนั้นดีแล้ว จงทำต่อไป ผู้รูจริงเอาคุณยายเป็นครูสอนใจครับ |