คำถาม-คำตอบ ข้อ 2451-2500
2500.
ขอความเมตตา จาก ท่านอาจารย์ ดร.สนอง ค่ะ

1. หนูอยากทราบว่าเราเกิดมา ชีวิตเราต้องการอะไรกันแน่ค่ะ
หนูควรจะใช้หลักธรรมข้อไหนเป็นเครื่องคอยยึดเอาไว้เตือนสติ
เพราะท่านอาจารย์ผ่านโลกมามาก ท่านมีแนวทางดำเนินชีวิตอย่างไรให้ชีวิตไม่วุ่นวาย
มีหลักคิดและวิธีปฎิบัติอย่างไร

2. เมื่อมีอะไรเข้ามาในชีวิตให้เราต้องตัดสินใจ เราจะรู้ได้อย่างไรค่ะว่าเราจะตัดสินใจถูก
ท่านอาจารย์มีหลักอย่างไรค่ะ

3. หนูควรว่างใจอย่างไรดีกับการกระทำของพ่อแม่ค่ะ
เมื่อเห็นว่าท่านกำลังทำในสิ่งที่น่าอึดอัดใจค่ะ เช่น ท่านชอบพูดจาแรงๆไม่ไว้หน้าใคร
หนูอยู่ด้วยก็รู้สึกอึดอัด แต่จะว่าก็ไม่ใช้หน้าที่ลูกค่ะ ท่านอาจารย์พอจะมีอุบายไมค่ะ

4. ท่านอาจารย์ค่ะบางทีเรารู้ว่าสิ่งนี้ผิดแต่ทำไมเราจึงทำค่ะ
ทำไมเรายังตัดไม่ได้ อาจารย์มีวิธีแก้ไขอย่างไรค่ะ หนูจะปฏิบัติตาม


ขอความเมตตา ค่ะ   ตอบ
(๑) ถามว่า : ชีวิตต้องการอะไร ตอบว่า : ความต้องการขึ้นอยู่กับความรู้หรือปัญญาที่แต่ละบุคคลพัฒนาได้ อาทิ บางคนเกิดมาเพื่อชดใช้หนี้กรรมเก่า พร้อมกับสร้างหนี้กรรมใหม่ บางคนเกิดมาเพื่อปรับปรุงแก้ไขชีวิตให้ดีขึ้น บางคนเกิดมาเพื่อสั่งสมบุญไปสู่สุคติภพ บางคนเกิดมาเพื่อนำพาชีวิตให้พ้นไปจากวัฏสงสาร ฯลฯ อย่างไรก็ตามมนุษย์มีศักยภาพในการพัฒนาจิต ให้เข้าถึงสภาวะที่ตนปรารถนาได้ (๒) ถามว่า : เมื่อมีสิ่งใดเข้ามาในชีวิต จะตัดสินใจให้ถูกได้อย่างไร ตอบว่า : คำว่าถูกนั้น ถูกของใคร หากใช้ปัญญาทางโลก (อวิชชา) ตัดสินใจ ก็เป็นที่หวังได้ว่า ทุกข์กายทุกข์ใจย่อมเกิดตามมาไม่จบสิ้น ตรงกันข้าม หากพัฒนาจิต (วิปัสสนาภาวนา) จนเกิดปัญญาเห็นแจ้ง แล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้งดับที่ต้นเหตุของปัญหา ปัญหาจึงจะหมดไปได้อย่างแท้จริง (๓) ให้ดูพ่อแม่เป็นครูสอนใจ เมื่อเห็นว่าพ่อแม่ทำไม่ดี ก็เป็นเรื่องของพ่อแม่ ผู้เป็นลูกต้องไม่ประพฤติ เช่น พ่อแม่ แล้วเรา (ลูก) ก็จะไม่มีพฤติกรรมไม่ดีเช่นท่าน ยิ่งไปกว่านั้นพ่อแม่ยังมีพระคุณ ที่ทำให้ลูกได้สร้างเมตตาบารมี ด้วยการให้อภัยทุกครั้งที่พ่อแม่เป็นต้นเหตุของความขัดใจ ดังนั้นจงมองให้ออกด้วยการพัฒนาจิตตนเองให้มีสติ แล้วสิ่งดีๆทั้งหลายจะเกิดขึ้นกับผู้ถามปัญหา (๔) ข้อ (๓) และข้อ (๔) เหตุเกิดจากจิตตนเองมีกำลังสติอ่อน หากประสงค์ให้ปัญหาหมดไป ต้องพัฒนาจิตให้มีสติมากกว่าที่เป็นอยู่ ด้วยการเอาศีล ๕ มาคุมใจ แล้วสวดมนต์ก่อนนอนทุกวัน หลังสวดมนต์เจริญสติภาวนาครึ่งชั่วโมงหรือมากกว่า เมื่อสองกิจกรรมแล้วเสร็จ ต้องอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร ผู้มีสัจจะประพฤติตามที่ชี้แนะให้ถูกตรง แล้วโอกาสที่ปัญหาจะหมดไปย่อมเกิดขึ้นได้
 
2499.
กราบเรียน ท่านอาจารย์ที่เคารพ

หนูมีปัญหาขอเรียนถามท่านดังนี้ค่ะ

1.   ผู้ที่มีปัญหากับบุพการีของตน ขาดความเคารพนอบน้อม   และเคยใช้ถ้อยคำไม่สุภาพ
เคยตวาด ตะคอก หรือโต้เถียงบ่อยๆ   จะมีวิธีใดแก้ไขเพื่อนำพาจิตใจให้ไม่โมโห
หรือเกิดอารมณ์เสียเวลาคุยกัน หรืออยู่ด้วยกันหากพาตัวไปนั่งสมาธิ จะสามารถเข้าถึงได้หรือไม่คะ
ถ้าไม่มีการขอขมาต่อพ่อแม่เสียก่อน

2.   มีศีลคุมใจ หมายความว่าอย่างไรคะ  

3.   ทำอย่างไรจึงจะมีความอ่อนน้อมต่อทุกคนที่เราอยู่ด้วยได้และกับผู้ที่เราเคยได้ล่วงเกินด้วยวาจาไปแล้ว เราต้องไปขอขมาหรือขออโหสิกรรมกับทุกคนหรือไม่  หากต้องการจะเจริญภาวนาให้เข้าถึงมรรคผล

หนูขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่เมตตาไขปัญหา   และกราบขออโหสิกรรมกับท่านอาจารย์  
หากว่าหนูได้เคยล่วงเกินท่าน ด้วยกาย วาจา ใจ ทั้งโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ขอท่านอาจารย์ได้โปรดให้อภัยอโหสิกรรมแก่หนูด้วยค่ะ

ดารุณี

ตอบ
(๑) ต้องขอขมาต่อพ่อแม่เมื่อมีโอกาสอันควร (วันพ่อหรือวันแม่) หลังจากนั้นสวดมนต์ก่อนนอนทุกวัน แล้วสวดมนต์พัฒนาจิต (สมถภาวนา) ประมาณ ๓๐ นาที แล้วอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร อุทิศทุกครั้งเมื่อปฏิบัติธรรมแล้วเสร็จ เมื่อมีโอกาสต้องนำตัวเองเข้าปฏิบัติธรรม ตามสถานที่หรือตามวัดที่จัดให้มีการปฏิบัติธรรม

ในกรณีที่ยังมิได้ขอขมาต่อพ่อแม่ สามารถปฏิบัติธรรมได้ แต่โอกาสที่จะพัฒนาจิตให้เข้าถึงธรรม ย่อมเกิดขึ้นได้ยากเพราะบาปยังตามให้ผลอยู่

(๒) ใจมีหน้าที่ รู้ คิด นึก คำว่า "มีศีลคุมใจ" หมายความว่า ทุกขณะตื่นใจต้องไม่คิด ใจต้องไม่นึก สิ่งอันเป็นอกุศล โดยเฉพาะอกุศลที่เกิดจากการคิดละเมิดศีล (ศีล ๕) ที่ตนต้องรักษาไว้ให้ได้ ก่อนที่จะนำตัวเองเข้าปฏิบัติธรรม

(๓) หากมีโอกาสเปิดให้ทำ ต้องไปขอขมาต่อทุกคน ที่ผู้ถามปัญหาเคยมีพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อเขา เมื่อเขากล่าววาจายกโทษให้ การพัฒนาจิตของผู้ถามปัญหา จึงจะเจริญก้าวหน้าได้

สุดท้าย ผู้ตอบปัญหายกโทษให้แล้ว
 

2498.
เราขอตายก่อนตอนนี้เลย เพื่อไปใช้กรรมในนรก่อนได้มั้ย  อยู่ก็ทรมาน แต่การอยู่มันมีสิ่งกระทบรอบด้าน  
หากตายเลยจะได้ก้มหน้าใช้กรรมอย่างเดียว

ตอบ
ขออภัยที่พูดตรง คนโง่ย่อมคิดเช่นนี้

คนฉลาดน้อย หนีนรกด้วยการพัฒนาจิตให้เป็นอิสระจากโทสะ

คนฉลาดน้อย พัฒนาจิตให้มีสตินำพาชีวิตไปสู่สุคติ

คนฉลาดน้อย บำเพ็ญทานและรักษาศีลอยู่เป็นนิจ เพื่อนำชีวิตสู่เทวโลก

คนฉลาดน้อย พัฒนาจิต (สมถภาวนา) จนตั้งมั่นเป็นฌานตลอดชีวิต

คนฉลาดมาก พัฒนาจิต (วิปัสสนาภาวนา) จนเกิดปัญญาเห็นแจ้ง แล้วใช้ปัญญานั้นปิดอบายภูมิ

คนฉลาดที่สุด ใช้ปัญญาเห็นแจ้งนำพาชีวิตให้พ้นไปจากวัฏสงสาร

2497.
คาใจเรื่อง ตายแล้วเกิดทันที ขัดแย้งกับที่ว่า ตายแล้วมียมทูตมารับตัว

  หนูได้ศึกษาธรรมะมาได้ระยะหนึ่งค่ะ
หนูได้พอศึกษามาจากครูอาจารย์ที่ว่า ตายแล้วเกิดทันที
ซึ่งการจุติแล้วไปปฏิสนธิในภพภูมิใหม่ทันที เช่น อรูปภูมิ รูปภูมิ   สวรรค์   มนุษย์   อบายภูมิ
(นรก   เปรต   อสุรกาย   เดรัชฉาน)  
แล้วคำกล่าวเรื่องราวที่ว่าเมื่อตายแล้วจะมียมทูตมารับตัวไปตัดสินกรรม ทำให้หนูงงและสับสนค่ะ  
ว่าคืออะไร แล้วถ้าเรื่องนี้มีจริง ตัวจิตที่ปฏิสนธิใหม่ตัวนั้นมันเกิดในภูมิไหนกันคะ
ยมทูตถึงต้องรับไปตัดสินก่อนว่าจะส่งไปภูมิไหนต่อไป   หรือเรื่องนี้ไม่ได่มีอยู่จริงคะ  

หนูสงสัยและเป็นข้อข้องใจที่สุดค่ะ พยายามหาคำตอบในเวปต่างๆแต่ไม่กระจ่างค่ะ  
หนูจึงมาขอคำชี้แนะจากท่านอาจารย์ค่ะ

ขอความเมตตาจากท่านอาจารย์ได้เมตตา   กรุณาชี้แนะคำตอบให้หนูด้วยนะคะ ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง

ด้วยความเคารพเป็นอย่างสูง

ตอบ
ศาสนาพุทธที่แพร่ขยายมาสู่สุวรรณภูมิ เป็นศาสนาพุทธสายใต้ที่เรียกว่า เถรวาท การเข้าถึงความรู้ในพุทธศาสนาเถรวาท (พระไตรปิฎก) เข้าถึงได้สองแนวทางคือ การศึกษาเล่าเรียนแบบคันถธุระ หรือปริยัติธรรม และเข้าถึงได้ด้วยการพัฒนาจิตที่เรียกว่า วิปัสสนาธุระ จนเกิดปัญญาเห็นแจ้งขึ้นกับจิต ความรู้ที่เข้าถึงแบบแรก เป็นปัญญาสัญญา หรือรู้จำ ไม่สามารถนำพาชีวิตไปสู่ความพ้นทุกข์ แต่ความรู้แบบที่สอง เป็นความรู้ที่จริงแท้ สามารถส่องนำทางชีวิตไปสู่ความพ้นทุกข์ได้

ต้องขออภัยกับท่านผู้ถามปัญหา หากวางตำราคัมภีร์ลงชั่วคราว แล้วพัฒนาจิต (ปฏิบัติธรรม) จนเข้าถึงปัญญาเห็นแจ้งได้แล้ว ความสงสัย ความข้องใจ ความสับสน ฯลฯ ย่อมหมดไปจากใจไอย่างแท้จริง .... พิสูจน์ไหม
  

2496.
กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร . สนอง วรอุไรที่ผมเคารพครับ

กระผม อายุ 40 ปีครับ อยู่จังหวัดอยุธยาครับ

กระผมและท่านอาจารย์ไม่เคยเจอตัวตน ไม่เคยส่ง email หรือพูดคุยกับอาจารย์มาก่อนครับ
เพียงแต่ผมเองได้กราบขอตัวเป็นศิษย์ของท่านอาจารย์ เพื่อขอนิสัยในการปฏิบัติ ต่อหน้าพระพุทธรูปที่บ้าน ก่อนสวดมนต์เย็นเมื่อหลายปีก่อนครับ และยึดแนวการปฏิบัติ ตามท่านอาจารย์ , หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน
และที่สุดคือผมเป็นศิษย์ของหลวงปู่สังวาลย์ เขมโก วัดทุ่งสามัคคีธรรม ที่จังหวัดสุพรรณ

ในระยะเวลากว่า 7 ปีที่ผมได้ติดตามฟังธรรมะ และแนวทางการปฏิบัติตามที่อาจารย์สอนไว้ในสื่อต่างๆ
ผมทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ตามนิสัยของคนอยากได้ดีแต่ยังขี้เกียจอยู่มาก
แต่ตัวเองไม่เคยท้อและมีกำลังใจทุกครั้งที่ ได้ฟังธรรมะของอาจารย์ครับ อย่างน้อย ๆ ผมก็ต้องให้ได้พระโสดาบันในชาตินี้ ตามที่ท่านอาจารย์สอนไว้ครับ

กระผมศรัทธา และ เชื่อว่าท่านอาจารย์เป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติชอบ ด้วยใจจริงตั้งแต่แรกจากเหตุที่ ท่านอาจารย์ไม่ใช่แค่พูดสอน แต่ทำให้ดู จากการที่ทำงานหนักในการเที่ยวตะเวนสอนลูกศิษย์ตลอดเวลา

อันที่จริงที่ผมส่ง email มาหาอาจารย์ก็แค่อยากบอกให้อาจารย์ทราบว่า ท่านอาจารย์ยังมีศิษย์ที่รักและเคารพ และแน่วแน่จะยึดแนวทางที่อาจารย์สอนไปตลอดครับ

สุดท้ายกระผมขอกราบบูชาท่านอาจารย์ ดร. สนอง วรอุไร ด้วยความเคารพยิ่งครับ และขอให้ท่านอาจารย์มีสุขภาพแข็งแรง เป็นที่พึ่งของผมและลูกศิษย์คนอื่น ๆต่อไปนาน ๆ ครับ

ตอบ
ผู้ที่ประพฤติตนให้ถูกตรงกับผู้ที่เคารพนับถือ แม้จะมิได้เคยพบเห็นกัน ถือว่ายังมีความเป็นครูเป็นศิษย์กันได้ ผู้ที่เร่งความเพียรในการปฏิบัติธรรมที่ถูกตรง ย่อมเข้าถึงธรรมได้ง่าย ซึ่งท่านเจ้าคุณโชดกได้กล่าวไว้ว่า

ผู้มีความเพียรมาก ปฏิบัติธรรมวันละ ๒๐ ชั่วโมง

ผู้มีความเพียรปานกลาง ปฏิบัติธรรมวันละ ๑๐ - ๑๕ ชั่วโมง

ผู้มีความเพียรน้อย ปฏิบัติธรรมวันละ ๕ - ๖ ชั่วโมง

ดังนั้น พึงเลือกปฏิบัติธรรมตามกำลังศรัทธาเถิด

2495.
กราบเรียน ท่านอาจารย์สนอง ครับ

ผมอยากถามอาจารย์ว่า การเสพสื่อลามก เช่น ดูหนังโป๊ ผลของกรรมนี้
จะส่งผลให้เป็นเช่นไร และเป็นบาปมากไหม และผิดศีลข้อไหนไหมครับ พยายามจะเลิกอยู่ครับ

ขอบพระคุณท่านอาจารย์สนองครับ

ตอบ
ที่ถามไปไม่ถือว่าเป็นการประพฤติผิดศีล แต่ถือว่ามีศีลขาด ศีลทะลุ ศีลด่าง ศีลพร้อย พูดได้ว่ายังมีจิตเป็นทาสของเมถุนสังโยค

ผู้ใดยังมีจิตข้องอยู่กับเมถุนสังโยค ผู้นั้นสามารถปฏิบัติธรรมได้ แต่จิตไม่สามารถเข้าถึงธรรมที่ปฏิบัติ คือจิตไม่ตั้งมั่นเป็นสมาธิ จิตไม่เกิดปัญญาเห็นแจ้ง
  

2494.
กราบเรียนอาจาร์ยสนองที่เคารพ

ดิฉันมีข้อสงสัยอยากจะเรียนถามว่า
๑. การที่คนเราอยากมีคู่ครองและขณะเดียวกันก็ไม่อยากมีคู่ครองทุกภพทุกชาติ
    จะต้องทำบุญด้วยวิธีการใดตามหลักพุทธศาสนา จึงจะสมความปรารถนา

๒. การที่คนเราไม่อยากพบเจอกับคนบางคนในชาตินี้
   จะต้องทำบุญด้วยวิธีใดเพื่อที่จะไม่ต้องพบเจอในชาติหน้าและชาติต่อๆไป

ผู้อยากรู้

ตอบ
(๑) พระพุทธโคดมตรัสไว้ในทำนองที่ว่า ความรักเกิดจากเหตุเคยอยู่ร่วมกันมาในภพก่อน และภพปัจจุบันยังได้เกื้อกูลกัน ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น พระองค์ยังได้ตรัสไว้ว่า "มนุษย์มีทรัพย์สมบัติเป็นห่วงผูกขา มีสามี/ภรรยาเป็นห่วงผูกมือ มีบุตร/ธิดาเป็นห่วงผูกคอ" ดังนั้นพึงเลือกเอาตามที่จิตปรารถนาเถิด

ผู้ตอบปัญหาแนะนำว่า หากผู้ถามปัญหาประสงค์มีชีวิตเป็นอิสระ อย่างน้อยต้องพัฒนาจิตตนเองให้เป็นพระอนาคามี แล้วชีวิตที่เป็นอิสระ จึงจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้

(๒) ในวัฏสงสารนี้ สัตว์บุคคลไม่สามารถหนีจิตตัวเองให้พ้นได้อย่างถาวร ด้วยเหตุนี้จึงต้องดำรงชีวิตอยู่อย่างมีสติ แล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้งส่องนำทางชีวิต จึงจะสามารถทำเหตุให้ต่างไปจากบุคคลที่ไม่อยากพบเจอ

ผู้รู้จริงแท้นิยมใช้ปัญญาเห็นแจ้ง ส่องนำทางชีวิตไปสูการเกิดเป็นพรหมอยู่ในสุทธาวาสพรหมโลก และสู่ความพ้นไปจากวัฏสงสาร นั้นเป็นทางเลือกที่ดีทีสุดของชีวิต
  

2493.
เรียน ท่าน อ.ดร. สนอง วรอุไร

  เนื่องด้วยกระผม นายบัญชา   ต้นสวรรค์   อายุ 23 ปี อ. จ.นครพนม และกำลังศึกษาที่ จ. นครราชสีมา
มีความต้องการที่จะปฎิบัติธรรมกรรมฐานเป็นอย่างยิ่งเนื่องจากไม่เคยปฏิบัติที่ไหนมาก่อน
จึงใคร่ขอความอนุเคราะห์ท่านอาจารย์ ช่วยแนะสถานที่ปฏิบัติให้ เพื่อเป็นประโยชน์ในกาลข้างหน้า
เนื่องจากอาจารย์นั้นเป็นสิ่งสำคัญต่อศิษย์ เนื่องจากจริตนิสัยของแต่ละคนนั้นต่างกัน
จึงขอความอนุเคราะห์ท่านอาจารย์ด้วยครับ และเมื่อเรียนจบจะขออุปสมบทครับ

ช่วยแนะนำสถานที่อุปสมบทปฏิบัติกรรมฐานด้วยครับ   สาธุ

ตอบ
สาธุ .... ที่ผู้ถามปัญหามองไปถึงประโยชน์ของชีวิตในกาลข้างหน้า แต่ควรมองหรือเอาจิตอยู่กับปัจจุบันนั้นดีที่สุด ด้วยการสวดมนต์ก่อนนอน หลังสวดมนต์ปฏิบัติจิตตภาวนา ตามวิธีการที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน วิธีวัดว่าวิธีการใดถูกกับจริต คือ มีจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ วิธีการนั้นใช้ได้ เมื่อสองกิจกรรมแล้วเสร็จ ต้องอุทิศบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรทุกวัน

จากผลงานวิจัยของฝรั่งที่ทำไว้ในต่างประเทศพบว่า ผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ใช้ปัญญาทางโลกร้อยละ ๒๐ แต่ใช้คุณธรรมมากถึงร้อยละ ๘๐ คุณธรรมเกิดจากการประพฤติจริยธรรม เช่น จริยธรรมของลูกต่อพ่อแม่ จริยธรรมของศิษย์ต่อครู จริยธรรมพลเมืองต่อประเทศชาติ ฯลฯ ในระหว่างที่ผู้ตอบปัญหาศึกษาอยู่ต่างประเทศ ได้พัฒนาจิตให้เป็นสมาธิ ผลปรากฏว่า คลื่นสมองเปลี่ยน แล้วทำให้ความจำเพิ่ม เรียนปริญญาเอกจึงสำเร็จได้ง่าย หากผู้ถามปัญหาจะพิสูจน์ก็อนุโมทนาด้วย

ผู้ถามปัญหาตั้งใจจะอุปสมบทเมื่อเรียนจบ จะบวชกับใคร จะปฏิบัติธรรมที่ไหน ให้ตั้งจิตปรารถนา (อธิษฐาน) ด้วยตัวเองนั้นดีที่สุด
  

2492.
ผมสงสัยว่าศีลห้าใช้คำว่างดเว้น ซึ่งหมายถึงไม่กระทําหรือไม่ดําเนินการตามปรกติ

แต่ทำไมปัจจุบันจึงกลายเป็นการห้ามทำซะทีเดียว ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดี

แต่เท่าที่ทราบมาหลักพุทธการกระทำจะผิดบาปหรือไม่ขึ้นอยู่กับเจตนามิใช่หรือ
จึงทำผมให้อดคิดไม่ได้ว่าหากเป็นการห้ามเด็ดขาด
ศาสนาพุทธจะต่างจากศาสนาเชนที่เกิดขึ้นมาในยุคเดียวกับศาสนาพุทธอย่างเรา
เพราะศาสนาเชนนั้น ถึงขนาดที่ว่าคนทำไร่ไถนาเกิดไปฆ่ามดแมลงในแปลงนา
แม้ไม่ตั้งใจก็เป็นบาป

ผมจึงถือโอกาสขอความรู้จากท่านอาจารย์ว่า การกระทำเช่นใดจึงก่อให้เกิดบาปขึ้น
แน่นอนว่าทุกการกระทำมักมีผลตามมาทั้งสิ้น

ผมเชื่อว่าแนวทางของพุทธคงไม่ได้ปฏิบัติยากถึงขนาดมนุษย์ ปุถุชนปฏิบัติไม่ได้เป็นแน่แท้
มิฉะนั้นแล้วพุทธศาสนาคงไม่ยืนยงมาได้สองพันกว่าปีและคงมีอายุสืบต่อไป
เพียงแต่อาจจะมีการย้ายพื้นที่ที่มีคนนับถือไปดังเช่นจากชมภูทวีปมาสู่
เอเซียอาคเนย์และอนาคตอาจจะไปยังฝั่งตะวันตก

สุดท้ายปัจจุบันนี้มีธรรมเกิดขึ้นหลากหลายสำนักหลากหลายแนวทาง
ทั้งที่ทุกคนก็เป็นนักบวชในพุทธศาสนา
เช่นนี้ผมจะทราบได้อย่างใดว่าคำสอนของพระพุทธองค์แท้จริงเป็นเช่นใด

ถ้าผมล่วงเกินอาจารย์ ทางกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ด้วยความตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี
ขออโหสิกรรมจากอาจารย์ด้วยครับ


ด้วยความเคารพอย่างสูง

ตอบ
ศีล เป็นวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติ ไว้เป็นข้อปฏิบัติหรือข้อบังคับ ซึ่งมีความหมายในทำนองเดียวกันกับคำว่า "ห้าม" แต่มิใช่บัญญัติว่า "ห้ามเด็ดขาด"

ผู้ถามปัญหาทราบมาว่า หลักการทางพุทธให้ดูที่เจตนาเป็นหลักนั้น ถูกต้องในกรณีที่เป็นการชดใช้หนี้เวรกรรม แม้มิได้มีเจตนาละเมิดศีล หากผู้ถูกกระทำมีการผูกพยาบาทหรือจองเวรเกิดขึ้น ผู้กระทำต้องรับผลแห่งบาปนั้นด้วย จึงสรุปได้ว่า การกระทำใดที่มิได้มีเจตนาแต่มีการผูกพยาบาทเกิดขึ้น ถือว่าการกระทำนั้นเป็นบาปได้

พระพุทธโคดมได้มอบกาลามสูตรให้กับชาวกาลามะ ไว้ใช้เป็นหลักตัดสินว่า สิ่งที่สัมผัสนั้น เป็นจริงหรือเป็นเท็จ ผู้ตอบปัญหาบอกว่า ผู้ใดพัฒนาจิต (สมถภาวนา) จนเข้าถึงอภิญญา ๕ ได้ และพัฒนาจิต (วิปัสสนาภาวนา) จนเข้าถึงญาณ ๑๖ ได้แล้ว ผู้นั้นย่อมรู้ได้ด้วยตัวเองว่า สิ่งที่ได้ยิน สิ่งทีได้ฟัง สิ่งที่ได้เห็น ฯลฯ นั้นถูกตรง หรือคลาดเคลื่อนไปจากธรรมในพุทธศาสนา
 

2491.
กราบเรียนท่านอาจารย์ดร.สนอง วรอุไร
สวัสดีค่ะ อาจารย์ คือหนูมีเรื่องที่อยากจะสอบถามน่ะค่ะ เรื่องมีอยู่ว่าแฟนหนูเกิดวันที่ 23 กันยายน ค่ะ ปีนี้ก็ 25 ปี ค่ะ คือก่อนหน้าที่จะถึงวันเกิด 2 วัน ตอนกลางคืนหนูมีความรู้สึกว่าแฟนมาอยู่กับหนูตลอด แล้วหนูก็มั่นใจว่ามันไม่ใช่ความฝันมันเป็นเรื่องจริงที่หนูสัมผัสได้ มีตวามรู้สึกแบบนี้มาตลอดตั้งแต่วันที่ 21 จนถึงวันนี้หนูก็มีความรู้สึกแบบนี้ตลอดเวลานอนหลับตอนกลางคืน หนูไม่สบายใจเลยค่ะ อีกอย่างปีนี้แฟนหนูก็ครบเบญเพศพอดี ทำให้หนูเป็นกังวลอย่างมากที่หนูมีความรู้สึกแบบนี้ ทั้งๆที่แฟนหนูก็ยังมีชีวิตอยู่ เล่าให้ผู้ใหญ่ฟังก็ไม่มีใครสบายใจเลยค่ะ ผู้ใหญ่ก็บอกให้ไปทำบุญ ไหว้พระ สวดมนต์ ช่วยตอบหนูหน่อยน่ะค่ะ ว่าที่หนูมีความรู้สึกแบบนี้เพราะอะไร หรือเป็นเพราะว่าดวงจิตของแฟนมาหาจริงๆตามที่หนูรู้สึกได้ แล้วมันจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้นกับแฟนหนูรึป่าวค่ะ แล้วหนูควรจะทำอย่างไรได้บ้าง

กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ

ตอบ
สิ่งที่ผู้ใหญ่บอกให้ไปทำบุญ ไหว้พระ สวดมนต์นั้นถูกต้องแล้ว แต่ควรเพิ่มการพัฒนาจิต ด้วยวิธีเจริญอานาปานสติหลังสวดมนต์ แล้วอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรของตน เมื่อทำกิจกรรมดังกล่าวแล้วเสร็จ

เรื่องที่ถามไปในตอนท้าย ไม่ควรเอาจิตไปจดจ่อ แต่ควรระลึกอยู่กับปัจจุบันนั้นดีที่สุด
  

2490.
กราบสวัสดีท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

ผมไม่เคยไปฟังบรรยายจริงๆแต่ฟังผ่าน youtube ก็เลื่อมใสศรัทธา
อีกทั้งตัวผมเองก็ชอบปฏิบัติธรรม มีหลายอย่างที่เหมือนเดินตามรอยเท้าอาจารย์ ในเรื่องการเริ่มต้นการปฏิบัติธรรม
ผมชอบไปวัดป่าที่อุดร แต่หลายปีมานี่ผมไม่ได้ไปไหนเลย เพราะต้องดูแลพ่อที่เป็นอัมพาต เรียกว่าดูแลตลอด 24 ชม

อยากเรียนถามอาจารย์ว่า การปฏิบัติธรรมเพื่อบรรเทาอาการเจ็บป่วยของผู้เป็นบิดา-มารดา
มีจริงและทำได้จริงไหม ควรทำอย่างไร อยากขอคำแนะนำด้วยครับ 

อีกทั้งปัจจุบันผมไปไหนไม่ได้ การปฏิบัติธรรมที่บ้านควรทำอย่างไร ก่อนหน้านั้น..
เวลาที่ผมไปวัดป่าที่อุดร ผมชอบไปนั่งภาวนาในป่า
บางครั้งแบกกลดไปปักกลางป่า จนพระที่นั่นหาว่าผมเพี้ยน
สมัยบวชเค้าเรียกผมว่า "พระเพี้ยน" คงเพราะเคยมีพระที่เสียสติหลายท่าน
เลยคิดว่าผมจะเป็นแบบนั้นกระมัง คงขอคำแนะนำเพียงเท่านี้ครับ

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ครับ

ชูชาติ มหาสุข

ตอบ
ผู้รู้จริงแท้ไม่แนะนำให้คนป่วยที่กำลังเสวยอกุศลวิบากปฏิบัติธรรม ต้องรอจนกว่าวิบากแห่งกรรมนั้นจะหมดไป จึงจะเข้าถึงมรรคผลแห่งธรรมได้ง่าย ยกเว้นผู้มีบุญบารมีเก่าสั่งสมมามาก มิต้องรอให้อกุศลวิบากหมดไปก็สามารถปฏิบัติธรรมได้

ผู้ที่อยู่กับบ้านสามารถปฏิบัติธรรมได้ ด้วยการสวดมนต์ก่อนนอน หลังสวดมนต์เจริญสติ เมื่อสองกิจกรรมนี้แล้วเสร็จ ต้องอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรทุกครั้งเมื่อการปฏิบัติธรรมแล้วเสร็จในรอบวัน ปฏิบัติเช่นนี้ไปเรื่อยๆ แล้วบุญที่เกิดจากการภาวนาจะมีมากขึ้น
  

2489.
กระผมขอความเมตตาท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ช่วยชี้แนะเรื่องการทำให้ศีลบริสุทธิ์ด้วยครับ

ผมมีปัญหาปรึกษาเรื่องการครองศีล 5 ให้บริสุทธิ์ เนื่องจากผมได้ทำผิดศีลข้อสามโดยการมีภรรยาคนที่สอง โดยภรรยาคนแรกก็รับรู้แต่เธอไม่ยอมรับ

ผมมีภรรยาคนที่สองมาห้าปี ผมก็รู้สึกผิดมาตลอด จนผมตัดสินใจคุยกับภรรยาคนแรกอย่างเด็ดขาดให้ยอมรับอย่างถูกต้อง แต่เธอก็ไม่ยอมรับ ทำให้ผมต้องตัดสินใจเลือกคนใดคนหนึ่ง เพื่อที่จะทำให้ผมไม่ผิดศีลต่อไป แต่เรื่องกลับเลวร้ายเข้าไปใหญ่ เมื่อผมจดทะเบียนกับภรรยาใหม่แล้วเธอก็ทิ้งผมไปเลย เพราะผมไม่สามารถหาเงินค่าสินสอดให้เธอได้

ทำให้ผมต้องต้องกลับมาอยู่กับภรรยาคนแรกอีกครั้งแต่การที่ผมจดทะเบียนกับภรรยาคนที่สองแล้ว กลับมาอยู่กินกับภรรยาคนแรกอีก ถือว่าผมทำผิดศีลอีกเหมือนเดิมหรือเปล่าครับ

หรือว่าไม่ผิดเพราะภรรยาคนที่สองได้ทิ้งผมไปแล้วถึงแม้นว่าจะได้จดทะเบียนค้างเอาไว้ ผมทุกข์ใจมาก เพราะผมอยากทำศีลข้อนี้ให้ได้ ส่วนศีลข้ออื่นๆผมไม่ค่อยมีปัญหาครับ

ผมจะได้ปฏิบัติธรรมได้อยากมีความก้าวหน้า ผมปฎิบัติธรรมไม่ก้าวหน้าเพราะผมมีศีลไม่บริสุทธิ์ ผมเข้าใจและพยายามอยากทำให้บริสุทธิ์จริงๆ ขออาจารย์ได้โปรดชี้แนะวิธีการปฏิบัติ และการแก้ปัญหาของผมที่ถูกต้องให้กับผมเพื่อให้ศีลผมบริสุทธิ์ด้วยครับ

ผมอยากรบกวนอาจารย์ช่วยแนะนำครูบาอาจารย์ของผมที่จะทำให้ผมสามารถปฎิบัติธรรมให้มีความคืบหน้าได้ด้วยครับ

ถ้ามีสิ่งใดที่กระผมได้ล่วงเกินท่านอาจารย์ด้วย กาย วาจา ใจ ก็ดี ขออาจารย์ช่วยเมตตาอโหสิกรรมให้กระผมด้วยนะครับ

กรมิษฐ์

ตอบ
ภรรยาคนแรกหากมิได้รับอนุญาตจากพ่อแม่ ถือว่าประพฤติทุศีลข้อ ๓ จดทะเบียนสมรสกับภรรยาคนที่ ๒ แม้จะเลิกรากันไปนานแล้ว ผู้เป็นสามียังต้องรับผิดชอบตามกฎหมายที่ระบุไว้ ด้วยเหตุนี้ หากผู้ถามปัญหาประสงค์จะพัฒนาจิตให้เข้าถึงมรรคผลแห่งธรรม ต้องมีศีลบริสุทธิ์คุมใจให้ได้ทุกขณะตื่น แล้วจึงนำตัวเข้าปฏิบัติธรรม ความสมปรารถนาจึงจะเกิดขึ้นได้ ด้วยเหตุที่ยังไม่พร้อม จึงยังไม่แนะนำครูบาอาจารย์ผู้ชี้ทางธรรมให้ สุดท้ายอโหสิให้
  

2488.
ดิฉัน ดวงนภา มีคำถามสงสัย จะสอบถามท่านอาจารย์
ดิฉันแต่งงานเข้ามาอยู่ในบ้านสามี พ่อสามี มีภรรยาหลายคนและลูกหลายคน

ขณะนี้ท่านป่วยต้องไปพบแพทย์เป็นประจำ
หน้าที่ก็จะตกเป็นของดิฉันกับสามีที่จะต้องพาไปพบแพทย์เป็นประจำ

ในแต่ละครั้งที่พาไปดิฉันก็ต้องกลับมาทำงานที่ไม่ได้ทำในวันที่พาท่านไปตามหลังจนดึก
หรือบางครั้งก็ต้องให้ลูกหยุดเรียนเพื่อไปทำหน้าที่นี้
ยอมรับว่าไปแต่ละครั้งเหนื่อยมากเพราะต้องพาไป รพ. รัฐซึ่งใช้เวลาในการรอนานมาก
ในบางครั้ง ดิฉันฉุดคิดขึ้นมาว่า ทำไมดิฉันต้องเสียสละขนาดนี้ทั้งๆที่ลูก ๆของเขาก็มีกันหลายคน
แต่ไม่มีใครเลยที่จะเสียสละเวลามาพาพ่อของเขาไปหาหมอ
บางที่ดิฉันคิดที่จะวางไม่ไปไม่เคยทำได้เลย
ไม่รู้ว่าถึงเวลาที่จะต้องดูแลพ่อตัวเองจะทำได้อย่างนี้หรือเปล่า
มีหลายเหตุผลให้คิด แต่ก็จะอธิฐานเสมอว่าให้ได้ดูแลท่านเมื่อถึงเวลา
ในบางครั้งเหนื่อยมากนั่งทำงานไปร้องไห้ไป เพราะทำงานอยู่กับพี่สาวสามี
ไปส่งพ่อของเขาหาหมอได้แต่ก็ต้องกลับมาทำงานต่อให้เสร็จ

อยากทราบว่า ควรวางใจอย่างไรไม่ให้เกิดคำถามในใจ ที่ทำให้เกิดทุกคะ

จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ซัก 8 ปี แม่เขาป่วยมาก แล้วดิฉันก็ยังท้องอยู่ ก็ต้องขับรถจากฉะเชิงเทรา
ไปนอนเฝ้าแม่สามี ที่โรงพยาบาลที่ชลบุรีในตอนเย็นและกลับมาทำงานในตอนเช้า ทุกวัน
จนแม่เขาหาย เหมือนกันแม่สามีเองก็มีลูกหลายคน แต่ก็ไม่มีใครทำอย่างดิฉัน คะ

ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าดิฉันทำไปทำไม่ แต่ก็วางใจทิ้งไม่ทำไม่ได้

แต่ก็มักจะมีคำถาม เหล่านี้ แอบคิดอยู่ในใจเสมอคะ

ตอบ
เหน็ดเหนื่อยจากการนำพ่อของสามีไปโรงพยาบาล ถือว่าเป็นความกตัญญูกตเวทีของคนดี พ่อของสามีทำให้ผู้ถามปัญหาได้สร้างเมตตาบารมี ได้สร้างวิริยบารมี ได้สร้างขันติบารมี ฯลฯ ซึ่งผู้รู้จริงแท้ไม่หยุดทำความดีเช่นนี้ และไม่เอาเรื่องของคนอื่นมาทำใจให้เป็นบาป จงอยู่กับปัจจุบัน ก่อนนอนทุกวัน (ที่บ้าน) สวดมนต์สรรเสริญคุณพระรัตนตรัย หลังสวดมนต์เจริญพุท-โธ แล้วอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนสุดความสามารถที่ตนมีอัตภาพเป็นมนุษย์
   

2487.
ดิฉัน ขอนุญาตสอบถามเรื่องการปฏิบัติธรรมสูงสุด คือพระนิพาน   จะต้องไปบวชเป็นพระภิษุณี

ดิฉันฟังธรรมที่ท่านบรรยายไว้ในเน็ต ปัจจุบันนี้หนูยังทำงานอยู่ อีกประมาณ 2 ปี
หมดภาระทางโลก ปัจจุบันหลังเลิกงาน จะปฏิบัติธรรมทุกวัน วันละ 1 บรรลัง
สวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น อาราธทานศิลห้าเช้าเย็น ปฏิบัติมาแล้ว 3 ปี
เริ่มถือศิลแปด ส.ค. 2555 เที่ยงไปแล้วไปทานข้าว ทานอาหาร มังสวิรัติ 1 ปีแล้วค่ะ
ถ้าบวชชีจะไปสูงสุดได้ไหมค่ะ


ขอให้ท่านช่วยแนะนำด้วยค่ะ สาธุ

ตอบ
ผู้มีบุญบารมีเก่าสั่งสมมามาก เช่น พระนางเขมา พาหิยะ พระมหากัจจายนะ ฯลฯ ขณะยังมีชีวิตเป็นฆราวาส ได้ฟังธรรมแล้วพิจารณาโดยแยบคาย (โยนิโสมนสิการ) จิตบรรลุอรหัตตผลได้ ตรงกันข้าม ผู้ที่มีบุญบารมีเก่าสั่งสมมาไม่มาก ต้องบวชเป็นภิกษุ ภิกษุณี สามเณร สามเณรี แล้วปฏิบัติธรรมที่สมควรแก่ธรรม เช่น พระอัญญาตรา ผู้มีจิตเป็นทาสของกามราคะ พระอปราสามา ผู้มีจิตฟุ้งซ่าน พระจิตตา ผู้มีจิตด้อยในปัญญาแม้จะปฏิบัติอยู่ยาวนาน ยังสามารถพ้นทุกข์ (นิพพาน) ได้
  

2486.
      ดิฉันได้ติดตามการบรรยายของท่านทาง Youtube มาตลอด และเข้าใจว่าการที่คนเรานั่งสมาธิจนได้เห็นหนอนั้น
คงต้องมีบุญเก่าสะสมมาในอดีตชาติ ดิฉันเป็นอีกคนหนึ่งที่ฝึกสมาธิแบบสติปัฏฐานสี่มา  
ตลอดแต่ดิฉันไม่ได้เห็นหนอแบบที่ท่านได้รับ แต่กลับได้สิ่งที่เป็นเรื่องแปลกเข้ามาในชีวิตคือ

      ดิฉันไปบวชชีพราหมที่วัดแห่งหนึ่งและในสมาธิ ดิฉันถูกพระรูปหนึ่งด่าดิฉันอย่างรุนแรงจนรับไม่ได้
ซึ่งดิฉันไม่เคยรู้จักพระรูปนี้มาก่อน เมื่อกลับบ้านดิฉันได้ยินเสียงพระรูปนี้ด่าดิฉันอย่างรุนแรงอยู่ตลอดเวลา
ทั้งใน office หรือที่บ้านหรือแม้แต่จะเดินซื้อของที่ไหนก็แล้วแต่
ดิฉันจะได้ยินเสียงพระรูปนี้ด่าดิฉันไม่หยุดและคำด่าทอนั้นจะไม่ซ้ำกันทุกวัน
แม้เวลาตื่นนอนดิฉันก็จะได้ยินพระรูปนี้ด่าตลอดเวลา ยกเว้นเวลาหลับ
ดิฉันเสียใจและร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะไหล เขาบอกว่าในอดีตชาติดิฉันฆ่าแม่เขา
ดิฉันได้ยินเสียงพระรูปนี้ด่ามาเกือบ ๑ ปี แล้วค่ะ  

        ขอเรียนถามว่า ดิฉันไม่อยากได้ยินเสียงพระรูปนี้จะทำอย่างไรดีค๊ะ
แม้พยายามจะนั่งสมาธิก็ทำไม่ได้เพราะเขาจะแกล้งให้เจ็บขาจนไม่สามารถทนได้  

พระรูปนี้มีชาญระดับไหนคะจึงสามารถด่าดิฉันได้ทุกวันยกเว้นเวลาหลับ
ดิฉันจดบันทึกไว้เป็นเวลาเกือบ ๑ ปีแล้วทุกวันนี้ดิฉันยังได้ยินเสียงด่าอยู่ค่ะ

กราบขอบพระคุณมากค่ะ

ตอบ
หากผู้ถามปัญหาจะไม่ได้ยินเสียงพระมาด่าว่า ต้องกำหนดทุกครั้งที่ได้ยินเสียงว่า "ได้ยินหนอๆๆๆๆ" ไปเรื่อยๆ ไม่เลิกได้ยินเสียงต้องไม่เลิกกำหนด ผู้ที่ชนะใจตนเองเท่านั้นจึงจะแก้ปัญหานี้ได้ .... พิสูจน์ไหม?
  

2485.
พอดีมีความสนใจในเรื่องธรรมะและได้ฟังเทปอาจารย์  
อยากปฏิบัติตนเดินในเส้นทางที่ถูกที่ควร
แต่ปัจจุบันยังทำงานอยู่ค่ะ ทำเกี่ยวกับบัญชี (คุมบัญชีบริษัทของตัวเอง)

เมื่อวานได้รับเรื่องจากพนักงานขาย ว่าลูกค้าให้ออกบิลเกิน 50,000 บาท
ลูกค้าเป็นพนักงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ติดต่อซื้อขายกันมา 10 ปีแล้ว
และเช้านี้พนักงานขายก็นำเรื่องมาปรึกษาอีกว่า  อบต.แห่งหนึ่ง ว่าจ้างให้ทำงาน 30,000 บาท
แต่ขอให้ออกบิลเป็นยอด 90,000 บาท

ใจจริงไม่อยากทำเลย รู้สึกบาป เหมือนสมรู้ร่วมคิด
ถ้าเราให้พนักงานขายปฏิเสธลูกค้า นั่นหมายถึงพนักงานขายอาจขายไม่ได้ ไม่ได้ค่าคอมมิสชั่น
ซึ่งพนักงานขายก็มาอ้อนอยู่ว่า ถ้าเราไม่ทำ  คนอื่นก็ทำ อย่าคิดอะไรมาก มันเป็นธุรกิจ

อยากเรียนถามอาจารย์ ดิฉันควรทำอย่างไร

ตอบ
การแก้ปัญหามีทางเลือกอยู่สองทาง

๑. ปฏิเสธการประพฤติคอร์รัปชั่นของผู้มาติดต่อ จะมีผลตามมาคือ เสียลูกค้า

๒. ทำตามที่ลูกค้าเสนอ (ประพฤติคอร์รัปชั่น) ซึ่งจะมีผลตามมาคือ รักษาลูกค้าชั้นเลวไว้ได้ และผู้ร่วมต้องรับอกุศลวิบากเมื่อกรรมให้ผล

ชีวิตของมนุษย์มิได้ยืนยาวอย่างที่ตาเห็น ตรงกันข้าม ชีวิตยังมีการสืบต่ออีกยาวไกล (อนันต์) ในฐานะที่ผู้ตอบปัญหาเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ไม่เชื่อในเรื่องนี้ จึงได้ไปพิสูจน์ แล้วพบความจริงว่า ปุพเพนิวาสานุสติญาณ มีจริง สามารถรู้ เห็น เข้าใจในกฎแห่งกรรม ได้พบเห็นการเวียนตายเวียนเกิดของชีวิตตัวเองไม่รู้จบ ถึงกับน้ำตาหยดแล้วเลิกพฤติกรรมเลว หันมามี พฤติกรรมไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีล ไม่ผิดธรรม มานานกว่า ๓๘ ปีแล้ว และจะมีพฤติกรรมดีงามไปจนกว่าจะนำพาชีวิตพ้นไปจากวัฏสงสาร หากผู้ถามปัญหาประสงค์จะพิสูจน์ต้องพัฒนาจิตจนเข้าถึงสมาธิระดับฌาน ดังนั้นจึงมีอยู่สองทางเลือกที่ผู้ถามปัญหาต้องเลือกทำด้วยตัวเองที่ระบุมาข้างต้น
  

2484.
กราบเรียนท่านอาจารย์ดร.สนอง วรอุไร

กระผม เป็นนักเรียนคณะนิติศาสตร์

1. อาจารย์ครับ อาจารย์มีคำแนะนำอย่างไร เกี่ยวกับคนที่เรียนคณะนิติศาสตร์

2. อาจารย์ครับ อาจารย์มี คำแนะนำอย่างไรเกี่ยวกับผู้ที่ทำงานในด้านกฎหมายครับผม ทนาย อัยการ ผู้พิพากษา ฯลฯ.

ขอขอบคุณสำหรับทุกๆคำตอบ

ขอให้อาจารย์มีร่างกายที่แข็งแรง สุขภาพที่ดีครับผม. ด้วยความเคราพ

คำตอบ
     (๑) ควรพัฒนาจิตตนเองให้มีเบญจศีล และให้มีเบญจธรรมคุ้มครองใจอยู่ทุกขณะตื่น หากประพฤติได้เช่นนี้ย่อมมีเทวดาคุ้มรักษามิให้ทำงานผิดพลาด

     (๒) สวดมนต์ก่อนนอน หลังสวดมนต์เจริญสติ ตามที่ได้รับคำชี้แนะจากครูผู้เห็นถูกตามธรรม เมื่อสองกิจกรรมแล้วเสร็จ ต้องอุทิศบุญใหญ่ที่ตนมี ให้กับเจ้ากรรมนายเวร รวมถึงอุทิศบุญให้เทวดาที่คุ้มรักษาตน ปฏิบัติเช่นนี้อยู่เนืองนิตย์ และหากมีโอกาสเปิดให้ ควรนำตัวเองเข้าปฏิบัติธรรม จนเข้าถึงปัญญาเห็นแจ้งและมีดวงตาเห็นธรรมได้แล้ว การประกอบอาชีพที่จำเป็นต้องเข้าไปก้าวล่วงในชีวิตของคนอื่น ย่อมมีความปลอดภัยกับชีวิตของตัวเอง ที่ทำงานให้กับชาติบ้านเมือง
  

2483.
ขอความเมตตาความรู้ค่ะ

1 . สอบถามเรื่องการแผ่บุญ คือ หนูนับถือ หลวงพ่อโสธร และ หลวงปู่ทวด เจ้าแม่กวนอิม เวลาสวดมนต์จะเหมาะสมหรือไม่ ถ้าหนูบอกว่า บุญกุศลนี้จงสำเร็จแด่ ,,,, หลวงพ่อโสธร และ หลวงปู่ทวด เจ้าแม่กวนอิม

2 . เวลาใส่บาตร จะมีเนื้อหมูบ้าง ไก่บ้าง จะอุทิศบุญให้เจ้าแม่กวนอิมได้หรือไม่ เนื่องจากทราบมาว่า เจ้าแม่กวนอิม ไม่กินเนื้อสัตว์

ขอบความเมตตา ค่ะ  

คำตอบ
     (๑) เหมาะสมแล้ว

     (๒) ผู้ใดมีบุญ ผู้นั้นสามารถอุทิศบุญให้แก่ผู้อื่นได้ แต่ผู้ที่ถูกอุทิศให้ จะมาอนุโมทนาหรือไม่เป็นเรื่องของเขา

     มีพระป่ารูปหนึ่ง ปฏิบัติได้ถูกตรงตามธรรมวินัยของพระพุทธโคดม ได้รับประเคนฟองน้ำถูตัว (ซากของสัตว์ทะเล) ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๖ นิ้วฟุต หลังจากอยู่กันสองต่อสอง พระป่ารูปนั้นได้ถามผู้ตอบปัญหาว่า

        พระป่า : อาจารย์ อาตมาได้รับประเคนฟองน้ำก้อนนี้แล้ว จะนำไปใช้สอยได้ อย่างไร เพราะเป็นสิ่งที่สมณะไม่สมควรใช้สอย

        ผู้ตอบปัญหา : ในเมื่อญาติธรรมศรัทธา เขาจึงถวายฟองน้ำนี้แก่พระอาจารย์ ฟองน้ำก้อนนี้จึงมีพระอาจารย์เป็นเจ้าของ เมื่อพระอาจารย์  พิจารณาแล้วไม่สมควรใช้สอยกับตัวเอง จะยกให้คนอื่นก็มิได้ ผิดธรรมวินัยตรงไน

     ปรากฏว่า พระป่าได้ยกฟองน้ำก้อนนั้นให้แก่ผู้อื่นไป ทั้งนี้เพราะพระป่าได้พิจารณาแล้ว มิได้เป็นอัฐบริขารตามที่พระพุทธโคดมบัญญัติ
  

2482.
กราบเรียนอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไรที่เคารพอย่างสูง

คำตอบของอาจารย์หนูได้นำไปใช้ปฏิบัติในชีวิตประจำวันแล้ว เช่น

          1. การพยายามนำศีลมาคุมใจให้ได้ คือแม้แต่ความคิดเราก็ต้องไม่ผิดศีลถูกต้องใช่มั้ยค่ะ สิ่งที่หนูได้รับคือความรู้สึกโกรธหรือไม่พอใจเกิดขึ้นน้อยลง เช่น เวลายุงกัดครั้งแรกหนูเกิดความไม่พอใจแต่ก็เกิดแค่เพียงนิดเดียวแล้วก็ใจก็เปลี่ยนเป็นคิดว่าช่างมันก็ปล่อยไป ความเจ็บและคันที่มีอยู่ก็เกิดขึ้นไม่นาน

           2. การปฏิบัติธรรมขึ้นอยู่กับตัวเองต้องตั้งใจและเอาชนะตัวเองให้ได้ ยังทำได้น้อยอยู่ค่ะ ตั้งใจจะสวดมนต์ทุกวัน แต่บางวันพอถึงเวลาก็จะง่วง เพลียแล้วก็ไม่ทำ

            ตอนนี้กำลังของสติ และปัญญาของหนูยังอ่อนอยู่มาก จึงขอเมตตาอาจารย์แนะนำหลักธรรมที่ช่วยหนูด้วยค่ะ
 
กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ
ธัญกมล ปิ่นทอง

คำตอบ
     (๑) ความคิดถูกต้อง

     - มีสติเกือบสมบูรณ์ แต่ยังไม่มากพอที่จะรับกระทบจากยุงกัดได้ทัน จึงมีอาการเจ็บและคันเกิดขึ้น

     (๒) เหตุที่แพ้ใจตัวเอง เพราะใจยังมีกำลัง (พละ ๕) ไม่กล้าแข็ง จึงตกอยู่ใต้อำนาจของกิเลสมาร (ง่วง นอนดีกว่า)

     ผู้ใดรู้ตัวว่า ตัวเองยังมีกำลังของสติและยังมีกำลังของปัญญาไม่กล้าแข็ง นั่นเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า ผู้นั้นจะเป็นผู้ชนะกิเลสมารได้ในวันข้างหน้า เมื่อประพฤติเหตุได้ถูกตรง
 

2481.
เรียน....ท่านอ.ดร.สนอง วรอุไร
             ข้าพเจ้านางสาววรรณา     โห้ยสิ้น แต่งงานมีครอบครัวกับชาวต่างชาติ   ความเป็นอยู่ตามอัตภาพ ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่นัก ...เรื่องที่ข้าพเจ้าเป็นทุกข์ส่วนมากจะมาจากพ่อแม่และน้องๆ ตลอดห้าปีที่ผ่านมา    ข้าพเจ้าจมอยู่กับความเครียดล้วนเป็นปัญหาของแม่กับแม่ของข้าพเข้าเอง
 
แม่พยายามจะทำลายพ่อหลายๆต่อหลายครั้ง แต่ก็ผ่านพ้นมาได้    มาเมื่อสามปีที่แล้วแม่ทำสำเร็จ ...ตอนนี้พ่อต้องโทษมาตรา 288 .... แม่ปล่อยพ่อไม่ไยดี ภาระทั้งหมดเลยไปตกที่น้องสาวที่ใกล้ที่สุด
 
ทุกครั้งที่ข้าเจ้าพูดด้วยปรึกษาด้วยไม่เคยสำเร็จสักครั้ง ....ทุกครั้งแม่จะประชดประชัด รวมทั้งบ่นๆๆเรื่องค่าใช้จ่าย ....ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าจะหาทางออกที่ดีอย่างไร ข้าพเจ้าหมดที่ปรึกษา ..รวมทั้งข้าพเจ้าอยู่เมืองนอกและหางานไม่เคยได้สักทีด้วย   ... เรียนถาม..ข้าพเจ้าบาปไหมที่หงุดหงิดทุกครั้งที่พูดกับแม่ และข้าพเจ้ากำลังชดใช้กรรมอยู่ใช่ไหมคะ ...ข้าพเจ้าจึงหางานไม่ได้สักที....เรียนมาเพื่อปรึกษาธรรมค่ะ ...อนุโมทนาสาธุบุญค่ะ

คำตอบ
      บาป หมายถึง ความเศร้าหมองของจิต หรืออกุศลกรรมที่ส่งให้ถึงความเดือดร้อน หรือสิ่งที่ทำให้จิตเลวลง (หงุดหงิด) ฯลฯ

     - ผู้ใดมีจิตหงุดหงิด ผู้นั้นกำลังเสวยอกุศลวิบากของกรรม

     - ผู้ใดมีปัญญาทางโลก (สุตตมยปัญญา และจินตามยปัญญา) น้อย และมีความด้อยในคุณธรรม ผู้นั้นมีชีวิตผิดพลาดไม่ประสบความสำเร็จ

     - ผู้ใดไม่ประพฤติทาน ศีล ภาวนา อยู่เสมอ ผู้นั้นย่อมมีดวงชะตาไม่ดี จึงหางานดีทำไม่ได้

     ด้วยเหตุนี้ ผู้รู้จริงแท้ จึงประพฤติเหตุให้ถูกตรง แล้วความสมปรารถนาย่อมเกิดขึ้นกับชีวิต
 

2480.
กราบเรียนท่านอาจารย์สนองที่นับถือ

กระผมใคร่ขอความเมตตาท่านอาจารย์
1. ภรรยาของผมป่วยเรื้อรัง เป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ซึ่่งได้ไปพบแพทย์หลายท่านทั้งแผนปัจจุบัน และแผนจีน แต่ละท่านต่างวิเคราะห์และให้แนวทางรักษาไม่เหมือนกัน ผมเข้าใจว่าคงจะเกิดจากกรรมในอดีต ซึ่งเคยทำไว้ส่งผลทำให้ไม่พบบุคคลที่สามารถรักษาได้สักราย อยากกราบเรียนถามท่านอาจารย์ว่า ภรรยาผมต้องสร้างบุญประเภทใดหรือต้องทำอย่างไรบ้างครับ จึงจะช่วยให้โรคนี้หายหรือทำให้ได้พบผู้ที่รักษาโรคนี้ได้ครับ  

2. ที่ผ่านมาผมทำทานมาตลอด และตัดใจเป็นศูนย์ พบว่ามีเงินเข้ามาให้ใช้มิได้ขาดมือ เป็นจริงตามที่ท่านอาจารย์ได้บรรยายธรรมไว้ แต่ก็พบว่ามีเหตุสุดวิสัยที่จำเป็นต้องใช้จ่ายเงินออกไปบ่อยครั้ง ทำให้ไม่ค่อยมีเงินเหลือเก็บ ทั้งๆที่พยามบริหารค่าใช้จ่ายให้จ่ายเท่าที่จำเป็น หรือประพฤติตนมักน้อยแล้วก็ตาม แต่ก็มีเหตุจำเป็นทีต้องเสียเงิน เช่น รถเสียต้องเปลี่ยนอะไหล่ราคาแพง หรือมีเหตุที่ผ่านเข้ามาโดยไม่ได้วางแผนไว้อยู่เสมอ อยากเรียนถามท่านอาจารย์ครับ ว่าเราต้องทำบุญหรือสร้างเหตุอย่างไร จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาเงินรั่วไหลได้ครับ

กราบขอบพระคุณในความเมตตาของท่านอาจารย์ครับ  

คำตอบ
      (๑) มนุษย์เป็นสัตว์โลกชนิดหนึ่ง เกือบทั้งหมดยังต้องเวียนตาย-เวียนเกิดอยู่ในวัฏสงสาร และมีชีวิตอยู่ภายใต้อำนาจของกฎแห่งกรรม โรคที่ภรรยาประสบอยู่นั้น มีต้นเหตุมาจากอดีตเคยประพฤติเบียดเบียนสัตว์อื่นมาก่อน เมื่อกรรมให้ผลจึงต้องเสวยอกุศลวิบาก (โรคหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท) ตามกฎแห่งกรรม ผู้รู้จริงแท้ไม่สามารถเข้าไปก้าวล่วงในชีวิตของผู้อื่นได้ ผู้ทำกรรมไม่ดีจึงต้องเสวยอกุศลวิบากแห่งกรรมนั้น จนกว่าจะชดใช้หนี้เวรกรรมได้หมดสิ้น

     ผู้สงสารคิดช่วยเหลือ ทำได้เพียงชี้ทางให้คนป่วยประพฤติบุญใหญ่ (จิตตภาวนา) ด้วยตัวเอง แล้วอุทิศบุญใหญ่ใช้หนี้ให้เจ้ากรรมนายเวรไปเรื่อยๆ จนกว่าหนี้เวรกรรมจะหมดสิ้น หรือให้ผู้รู้ชี้ทางให้นำพาชีวิตหน้าไปเกิดเป็นเทวดาหรือพรหม หรือให้ผู้รู้จริงแท้ชี้ทางนำพาชีวิตหน้าไปสู่สุทธาวาสพรหมโลก หรือให้นำพาชีวิตหน้าพ้นไปจากวัฏสงสาร

     (๒) แก้ปัญหาด้วยการมีสติรักษากาย วาจา ใจ ให้มีศีลข้อ ๒ บริสุทธิ์ คุมอยู่ทุกขณะตื่น
  

2479.
องค์บรรยายของชมรม

สงสัยว่าช่วงนี้องค์บรรยายของทางชมรมมีเรื่องไม่ชอบหลายคน ทำไมท่านอาจารย์ไม่สามารถคัดเลือกได้ ทำให้เริ่มไม่มีความมั่นใจในการบริจาคค่ะ

ไม่ได้ลบหลู่ศาสนาแต่กลัวการถูกหลอกลวงและเป็นเครื่องมือที่ทำให้ศาสนาเสื่อมค่ะ่

กราบขอบพระคุณถ้าท่านอาจารย์ช่วยแจงคำถามนี้ค่ะ

คำตอบ
     
คำตอบข้อนี้ยาก ฉะนั้นจงอดทนอ่าน และพิจารณาด้วยจิตอันแยบคาย (โยนิโสมนสิการ) แล้วเกิดปัญญายิ่งๆขึ้นไป

     คำว่า "สงสัย" หมายถึง ไม่แน่ใจในสิ่งที่เป็นจริงหรือเป็นเท็จ ความสงสัยไม่เกิดขึ้นกับดวงจิตของผู้มีปัญญาโลกิยญาณและโลกุตตรญาณ ตรงกันข้าม ผู้ที่ยังไม่สามารถพัฒนาจิตให้เข้าถึงความรู้สูงสุด (ญาณ) ทั้งสองฝ่ายนั้นได้ ย่อมมีความสงสัยเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ทั้งนี้เป็นเพราะยังใช้ปัญญาที่เกิดจากความจำ (สัญญา) เป็นเครื่องส่องนำทางให้กับชีวิต

     บางครั้ง ชมรมกัลยาณธรรมได้เสนอผู้บรรยายที่มีความเห็นเพี้ยนไปจากคำสอนของพระพุทธโคดม ก็ด้วยเหตุที่ไม่สามารถปฏิเสธกระแสของสังคมได้ หรือด้วยเหตุที่มีเวลาอันสั้นในการตรวจสอบพฤติกรรมของบุคคล ผู้ตอบปัญหาจึงชี้แนะว่า พุทธศาสนาฝ่ายมหายาน มีแนวปฏิบัติตามแบบของพระโพธิสัตว์ ซึ่งต่างจากพุทธศาสนาฝ่ายหินยาน ที่มีแนวปฏิบัติเพื่อเป็นพุทธสาวก ผู้ที่จะพ้นไปจากวัฏสงสาร จึงต้องเว้นประพฤติติรัจฉานกถา เว้นประพฤติติรัจฉานวิชา แล้วหันมาปฏิบัติไตรสิกขาให้ถูกตรงตามธรรม แล้วการเป็นพุทธสาวกจึงจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้

     ท่านผู้ฟังบรรยาย หรือผู้ถามปัญหาที่ยังไม่สามารถพัฒนาจิต ให้เข้าถึงปัญญาสูงสุดทั้งฝ่ายโลกิยญาณ (อภิญญา ๕) และฝ่ายโลกุตตรญาณ (ญาณ ๑๖) จึงไม่ควรปรามาส (ดูถูก) พฤติกรรมที่สัมผัสได้ด้วยตาหรือหู เพราะยังใช้ปัญญาสัญญาเป็นเครื่องมือตัดสินความถูกผิด จึงมีโอกาสผิดพลาดได้

     ผู้ตอบปัญหาขออนุโมทนากับท่านผู้ถามปัญหา ที่สามารถวิเคราะห์ได้ว่า สิ่งใดถูกตรงตามธรรมวินัยของพระพุทธโคดม สิ่งใดไม่ถูกตรงตามที่พระพุทธะตรัสสอน ขอเน้นย้ำก่อนจบการตอบคำถามข้อนี้ว่า กาลามสูตร เป็นเครื่องมือที่ใช้คัดกรองความไม่จริงออกจากความเป็นจริง ผู้ใดพัฒนาจิตจนเข้าถึงโลกิยญาณและโลกุตตรญาณได้แล้ว ผู้นั้นย่อมมีกาลามสูตรเป็นเครื่องมือที่ศักดิ์สิทธิ์ แล้วความสงสัยว่าสิ่งใดเป็นความจริง สิ่งใดไม่เป็นความจริงก็จะหมดไป
 

2478.
สอบถามปัญหาธรรมครับ

1. สงสัยเรื่องสมาบัติ 8 คือว่ามีวิธีการเข้าสมาบัติอย่างไร ? มีอันตรายไหม ? จำเป็นไหมที่ต้องเข้า 3-7 วัน น้อยหรือมากกว่าได้ไหม ? 

2. การอยากระลึกชาติได้เป็นความเห็นผิดไหม ?

คำตอบ
     (๑) ต้องพัฒนาจิตตามแนวไตรสิกขา (ศีล สมาธิ ปัญญา) กับครูผู้มีความเห็นถูกตามธรรมวินัย เมื่อนำตัวเองเข้าปฏิบัติสมถกรรมฐาน จิตย่อมมีโอกาสเข้าถึงสมาธิแน่วแน่ (ฌาน) และสามารถระลึกได้ในอารมณ์ของรูปฌาน ๔ และ อรูปฌาน ๔ ซึ่งเรียกว่า สมาบัติ ๘ การพัฒนาจิตให้เข้าถึงสมาบัติ ๘ ไม่เป็นอันตรายกับผู้ประพฤติ ต่อเมื่อจิตไม่หลงติดอยู่กับโลกิยญาณ หรือ อภิญญา ๕ (อิทธิวิธี ทิพพโสต เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ทิพพจักขุ) อันเป็นเหตุนำพาชีวิตเวียนตาย-เวียนเกิดอยู่ในวัฏสงสาร เมื่อใดที่จิตออกจากความทรงฌานแล้ว นำจิตไปพัฒนาให้เกิดปัญญาเห็นแจ้งตามแนวของสติปัฏฐาน ๔ โลกุตตรญาณ หรือ ญาณ ๑๖ จึงจะเกิดขึ้น เมื่อนั้นจิตจึงมีโอกาสพ้นไปจากวัฏสงสาร (นิพพาน) ได้

     (๒) การระลึกชาติได้ เป็นมิจฉาทิฏฐิ ไม่สามารถนำพาชีวิตให้พ้นไปจากวัฏสงสารได้ แต่พุทธสาวกที่เข้าร่วมกระทำปฐมสังคายนาพุทธศาสนาที่ถ้ำสัตตบรรณ แคว้นมคธ ล้วนเป็นพระอรหันต์ที่เข้าฌานได้ จึงสามารถรู้ เห็น เข้าใจความจริงที่เป็นโลกิยะ และความจริงที่เป็นโลกุตตระได้อย่างถูกตรงตามความเป็นจริงที่เป็นจริงแท้ ตามที่ได้ระบุไว้ในพระธรรม พระวินัย และพระสูตร (พระไตรปิฎก)
 

2477.
กราบเรียน อ.ดร.สนอง วรอุไร ที่เคารพ

หนูมีคำถามอยากเรียนถามอาจารย์ ดังนี้ค่ะ

1. ครอบครัวกำลังหาซื้อบ้านเพื่อเป็นที่พักอาศัยและประกอบกิจการค้า การปรารถนาที่จะได้พบที่อยู่อาศัยเพื่อการดังกล่าว ที่นำไปสู่ความสุข ความเจริญ สะดวก ราบรื่นทางโลกและทางธรรม

ต้องสร้างเหตุปัจจัยใด เพื่อการปฏิบัติถูกตรงตามหลักทางพุทธศาสนา ไม่ผิดพลาดไปเลือกซื้อบ้านที่ไม่ถูกตรงตามธรรม

2. หนูเริ่มศึกษาธรรมะได้ 3 ปี และพยายามปฏิบัติตามบุญกิริยาวัตถุ 10   พบว่า มีความสุขกับการสวดมนต์ อ่านธรรม ฟังธรรม และเปลี่ยนเป็นไม่มีความสุขกับการไปสังสรรค์ สนทนาทาง facebook ... อยากเรียนถามอาจารย์ เมตตาให้เหตุผลกับเพื่อนที่เราไม่ตอบข้อความ (สนทนากันเรื่องจิปาถะไม่มีสาระ) และทีเราไม่ไปร่วมงานสังสรรค์ว่าอย่างไร โดยไม่เสียมิตรภาพ ไม่ต้องพยายามหาเหตุผลมาเลี่ยงการไม่ร่วมกิจกรรม เสี่ยงต่อการผิดศีลมุสาอีกด้วยค่ะ

ขอท่านอาจารย์โปรดเมตตาช่วยชี้เเนะด้วยค่ะ

คำตอบ
     (๑) ต้องทำจิตนิ่ง แล้วอธิษฐานให้ซื้อบ้านที่มีลักษณะตามที่ต้องการได้ เมื่อใดที่เหตุปัจจัยลงตัว ความสมปรารถนาจึงจะเกิดขึ้น เหตุปัจจัยที่กล่าวถึงนั้นคือ ผู้ถามปัญหาต้องมีเบญจศีลและมีเบญจธรรม (มีเมตตากรุณา มีสัมมาอาชีวะ มีกามสังวร มีสัจจะ มีสติสัมปชัญญะ) คุ้มครองใจอยู่ทุกขณะตื่น

     (๒) ผู้รู้จริงแท้ไม่เอาสิ่งกระทบภายนอกมาปรุงอารมณ์ให้เกิดขึ้นกับจิต จึงจะเข้าถึงความสงบแห่งอารมณ์ได้ แล้วปัญญาเห็นถูกตามความเป็นจริง จึงจะมีโอกาสเกิดขึ้น ผู้รู้จริงแท้จึงมีจิตเป็นอิสระจากสิ่งกระทบรอบข้าง มีจิตเป็นอิสระจากบุคคล จึงไม่มีความจำเป็นต้องประพฤติทุศีลเพื่อรักษามิตรภาพอีกต่อไป
 

2476.
สวสัดีครับ อาจารย์ สนอง

ผมชื่อ ธนวัฒน์ มีความสนใจในการปฏิบัติธรรม แต่ยังไม่ก้าวหน้า

เวลานั่งสมาธิพอรู้สึกว่าลมหายใจเริ่มหายก็รู้สึกตัว แล้วความรู้สึกนั้นก็หายไป

พอได้ยินอาจารย์ว่า ต้องเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อให้ได้ธรรม อาจารย์ช่วยขยายความได้เข้าใจหน่อยครับ

ขอบคุณครับ

คำตอบ
     นั่งสมาธิแล้วลมหายใจหายไป ต้องใช้จิตกำหนดว่า "หายหนอๆๆๆๆ" ไปเรื่อยๆ จนกว่าอาการหายไปของลมหายใจหมดไป ดึงจิตกลับมาจดจ่ออยู่กับลมหายใจดังเดิม

     คำว่า "เอาชีวิตเข้าแลก" หมายความว่า (ในกรณีที่บอกเล่าไป) ต้องกำหนด "หายหนอๆๆๆๆ" ไปเรื่อยๆ ลมหายใจไม่กลับคืนมาต้องไม่เลิกกำหนด แม้จะเอาชีวิตเข้าแลกก็ยอมตาย ในที่สุดลมหายใจกลับคืนมาแน่นอนกับผู้ที่เอาชีวิตเข้าแลกธรรมเช่นนี้ ตรงกันข้าม ผู้ที่มิได้กำหนด เมื่อลมหายใจหายไป แล้วปล่อยใจลมหายใจกลับคืนมาเอง วิธีการเช่นนี้เป็นการทำให้โมหะมีกำลังเพิ่มขึ้น ผู้รู้ จริงแท้ไม่นิยมประพฤติ
 

2475.
กราบเรียนอาจารย์สนองครับ

ผมได้ปฏิบัติตามที่อาจารย์สนองแนะนำมา คือ ลดอาหารมื้อเย็น แต่มีสองครั้งที่มีญาติมาก็เลยไม่ได้งด นอกนั้นได้งดต่อเนื่อง ความกำหนัดหายไปเยอะมาก ความอดทนในด้านความหิวเพิ่มขึ้น แต่ผมสังเกตว่าก่อนทานข้าวเช้า หรือเวลาเย็นหาน้ำอะไรทาน น้ำลายไหล หรือบางทีเข้าสมาธิหรือเดินจงกรมน้ำลายไหล ทำให้เวลาเข้าสมาธิต้องกลืนน้ำลาย เวลาสมาธิใกล้สงบต้องกลืนน้ำลาย ทำให้เสียสมาธิ อยากจะขอคำแนะนำเพื่อนำไปฏิบัติต่อไป

ทุกครั้งในเวลาทานข้าว ผมจะภาวนาแผ่เมตตาขอบคุณข้าวปลาอาหาร แต่เดี๋ยวนี้แปลกเวลาทานข้าวเสร็จทุกครั้งจะมีลักษณะเวียนหัววิ้งๆ ซักพักหายไป เป็นเฉพาะเวลาทานข้าว อยากจะขอคำแนะนำ

ผมคงเป็นผู้ชายที่ทำบาปกับเพศแม่ไว้มาก   ในขณะที่เดินจงกรมหรือนั่งภาวนา มีภาพเก่าๆ ที่ได้ไปทำไม่ดีมาเกิดขึ้น ซักพักหายไป ผมควรมีอุบายภาวนาอย่างไร เพื่อให้จิตใจเข้มแข็งขึ้นครับ

สุดท้ายกระผมขอขมา อ.สนอง รวมทั้งพระรัตนตรัยพร้อมทั้งพ่อแม่ครูบาอาจารย์ของอาจารย์ โปรดยกโทษอโหสิกรรม ถ้าผมกระทำอะไรที่ผิดทั้งกาย วาจา ใจ อย่าได้ถือโทษ

ขอเมตตาอุบายในการเจริญภาวนาต่อไป

ขอบคุณครับ

คำตอบ
     ผู้มีศีลและมีสัจจะคุมใจอยู่ทุกขณะตื่น ย่อมมีความศักดิ์สิทธิ์ ปฏิบัติธรรมแล้วจิตย่อมเข้าถึงความเป็นสมาธิได้ง่าย ผู้มีจิตเป็นสมาธิย่อมไม่มีอาการหิวข้าวเกิดขึ้น ฉะนั้น จงดูตัวเองให้ออก แล้วเอาชนะใจตนเองให้ได้ ผู้ชนะใจตนเองได้จึงจะประสบกับความสำเร็จ (ไม่หิวข้าว)

   เหตุที่ภาพไม่ดีแต่อดีตเกิดขึ้น ต้องกำหนดว่า "เห็นหนอๆๆๆๆ" ไปเรื่อย จนภาพที่ไม่ดีหายไป แล้วเอาจิตกลับมาบริกรรมอย่างเดิมที่ประพฤติอยู่

    สุดท้าย อโหสิให้ผู้ถามปัญหา
 

2474.
กราบท่านอาจารย์ สนอง วรอุไร

กระผมมีเรื่องอยากเรียนถามท่านอาจารย์ครับเกี่ยวกับ โรคย้ำคิดย้ำทํา ( OCD ) ครับ
คำถามครับ  :  การถามครั้งนี้ถามเพื่อคนที่เป็นด้วยครับ เพราะผมเข้าไปหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้มีคนจำนวนหนึ่งก็เป็นเช่นเดียวกับผม ทั้งๆที่พวกเขาไม่ตั้งใจ และอาการก็คือมันมักจะมีความคิดที่ไม่ดีเกิดขึ้นมา ทั้งๆที่เราไม่อยากคิด พอคิดเสร็จก็มานั่งทุกข์ เพราะรู้ว่าคิดแบบนี้บาปแน่ๆ ทั้งๆที่เราไม่อยากคิดจิตใจเราดีอ่ะครับ แต่เพราะความคิดพวกนี้เกิดขึ้นมาเลยต้องมาทรมารครับ   เช่นถ้าเจอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรืออะไรที่ดีงามทั้งหลาย ความคิดที่ไม่ดีก็จะเกิดขึ้น จะลบหลู่ทันที ผมมีหน้าที่ฝืนไม่ให้คิด ผมทรมารกับอาการดังกล่าวมาก ส่วนมากจะ ผุดขึ้นในหัวแล้วมันจะห้ามไม่ค่อยได้ ผมจะแพ้มันบ่อยมาก ความจริงโรคพวกนี้มีการรักษาทางการการแพทย์ แต่ผมไม่อยากรักษาทางการแพทย์ครับ ท่านอาจารย์มีวิธีที่ผมจะหายจากอาการนี้ไหมครับ นี้เป็นโรคเกิดจากกรรมหรือไม่ครับ เป็นทุกข์อย่างมากครับ หรืออาจเป็นเพราะผมสติไม่มั่นคง หรือไม่มีสติหรือเปล่าครับ (เสริมนะครับคืออาการนี้ผมเป็นตั้งแต่เด็กๆแล้วครับ พ่อแม่ก็ตกใจเรื่องนี้ อีกอย่างครับได้กระทำทางความคิดไม่ดีต่อสิ่งที่เล่าอาการนี้มามากด้วยครับ) ถ้าผมหายจากตรงนี้ ผมจะปฏิบัติธรรมได้อย่างไม่มีอุปสรรคใดๆเลยครับ

คำตอบ
      เหตุที่เกิดอารมณ์ย้ำคิดย้ำทำเป็นเพราะ จิตมีกำลังสติอ่อน ส่วนความคิดที่ไม่ดีเกิดขึ้นเพราะ จิตเก็บสั่งสมอกุศลกรรมไว้ภายใน เมื่อใดสิ่งไม่ดีแสดงออกเป็นอารมณ์ไม่ดี จึงถือว่าเป็นบาป หากผู้ถามปัญหาประสงค์จะให้ความคิดที่ไม่ดีหมดไป ต้องเจริญพละ ๕ ให้มีกำลังกล้าแข็ง จนเห็นความคิดไม่ดีดับไป ( อนัตตา ) ตามกฎไตรลักษณ์ ปัญหาจึงจะถูกแก้ไขได้

2473.
อยากสอบถาม ท่าน อ.สนอง วรอุไร ดังต่อไปนี้ครับ
   ท่านอาจารย์สนองเคยกล่าวว่าการทำทานกับพระสงฆ์ที่มาจากจตุรทิศ
ได้อานิงส์สูงสุด แต่หากเป็นพระปลอมหรือพระที่ทุศีล เราจะได้บุญสูงสุดดังเช่นอาจารย์กล่าวไหมครับ
แล้วถ้าไม่ได้จะได้มากน้อยเพียงใดครับ

คำตอบ
     คำว่า “สงฆ์ที่มาจากจตุรทิศ” มิได้หมายความว่าสงฆ์ทุกรูป จะเป็นสงฆ์ปลอมหรือสงฆ์ที่ประพฤติละเมิดวินัย ตรงกันข้าม หากเป็นสงฆ์ที่มีสภาวธรรมในดวงจิตเป็นอริยบุคคลรวมอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก ทานที่ถวายแก่สงฆ์ย่อมมีอานิสงส์มาก
 

2472.
เรียนอาจารย์สนองที่เคารพ

รบกวนสอบถามอาจารย์เรื่องสัมภเวสีครับ ถ้าผมอยากนำข้าวปลาอาหารไปไหว้สัมภเวสีที่อยู่รอบๆบ้านเพื่อเป็นทานและผูกมิตร โดยทำเป็นประจำอาทิตย์ละครั้ง ไม่ทราบว่าจะเป็นการทำให้สัมภเวสีเหล่านั้นมาติดพันเรามากไปหรือปล่าวครับ แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งเราไม่สะดวกหรือหยุดถวาย บางคนบอกว่าจะโดนทวงหรือเป็นอันตรายต่อเรา ข้อนี้จริงหรือไม่ครับ ขอบคุณครับ

คำตอบ
     การให้ทานเป็นการได้เพื่อน ผู้ถามปัญหาประสงค์จะให้ทานแก่สัมภเวสีเป็นประจำอาทิตย์ละครั้ง เขาย่อมมารอรับทานที่มีผู้อุทิศให้อาทิตย์ละครั้งเช่นกัน ถ้ามีสัมภเวสีอยู่รอบบ้านจริงและยังมิได้ไปเกิดในภพภูมิใด เขาย่อมมารอรับทานที่อุทิศ หากมิได้มีผู้อุทิศให้ เขาย่อมมาทวงถาม ดังที่พระเจ้าพิมพิสารประสบอยู่ในครั้งพุทธกาล ทีมีเปรต ( อดีตญาติ ) มาร้องเสียงโหยหวนให้หวาดกลัว หากสัมภเวสีประพฤติในสิ่งที่ทำให้ผู้ถามปัญหาหวาดกลัว ย่อมได้รับอันตรายเช่นกัน
 

2471.
กราบเรียน ดร.สนอง   วรอุไร

ดิฉันมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเจริญสมาธิของตนเองค่ะ ซึ่งได้เริ่มศึกษาและปฏิบัติด้วยตนเองมาประมาณ 2 ปีที่ผ่านมาแล้วเพื่อเป็นการลดความเครียด ความโกรธ ความหลง และความเอาแต่ใจของตัวเอง

โดยเฉพาะความโกรธ หรือโทสะที่มีอยู่ค่อนข้างมากถึงมากที่สุดปัจจุบันก็ถือว่าการควบคุมความคิด การกระทำและคำพูดก็ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา แต่ยังไม่มากเท่าไร เพราะยังขาดความเพียร

แต่สิ่งที่ประสบจากการนั่งสมาธิเมื่อ 2 เดือนกว่าที่ผ่านมานี้ ดิฉันได้เห็นภาพ ของผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังจ้วงแทงคนๆหนึ่งที่นอนอยู่บนพื้น และอีกด้านหนึ่งก็เป็นรูปผู้หญิงผูกคอตายอยู่ มันเป็นภาพขาว - ดำ เหมือนเราดูทีวีขาวดำที่เป็นภาพนิ่งอยู่ ซึ่งในตอนนั้น ดิฉันก็พยายามบอกตัวเองว่าเห็น เพราะเท่าที่ทราบมาว่า เวลาที่เราเห็นนิมิตในขณะที่นั่งสมาธินั้นก็ให้ปล่อยวาง อย่าไปยึดติดหรือหลงกับภาพที่เห็น

หลังจากนั้นประมาณ 1 สัปดาห์ต่อมา ตรงกับวันที่ 1 เมษายน 2556 แม่ของดิฉันก็ได้เสียชีวิตลงด้วยการผูกคอตัวเอง สาเหตุเนื่องมาจากท่านป่วยเป็นโรคซึมเศร้า

ภาพที่เห็นจากการนั่งสมาธิกับการเสียชีวิตของคุณแม่เป็นวิธีการคล้ายคลึงกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ ท่านก็เคยกินยาฆ่าตัวตายมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่พาไปโรงพยาบาลได้ทันทำให้ดิฉันไม่กล้านั่งสมาธิอีก เพราะกลัวและหวาดระแวงที่จะเห็นในสิ่งที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร

ปัจจุบันก็สวดมนต์ภาวนาเพื่อให้จิตใจสงบ และพยายามรักษาศีล 5 เพื่อควบคุมความคิด การกระทำ และคำพูดของตัวเองจากสิ่งต่างๆ (ผัสสะ) ที่เข้ามากระทบจิตใจ โดยพยามยามพิจารณาให้เข้าสู่กฎไตรลักษณ์...เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

รบกวนขอความเห็นและคำแนะนำจากอาจารย์ด้วยค่ะ

ขอแสดงความนับถือ

คำตอบ
      ต้นเหตุของปัญหามีอยู่สองอย่างคือ มีอัตตาใหญ่และมีกำลังสติอ่อน เมื่อใดมีสิ่งกระทบภายนอกอันเป็นเหตุให้ขัดใจ และมีสติระลึกไม่ทันสิ่งที่เข้ากระทบจิต จิตย่อมรับสิ่งขัดใจเข้าปรุงเป็นอารมณ์เครียดและอารมณ์โกรธให้เกิดขึ้น

     ส่วนความหลงมีต้นเหตุมาจากผู้ถามปัญหา ยังมีปัญญาเห็นผิดไปจากความเป็นจริงแท้ ที่เรียกว่า อวิชชา อันได้แก่ สุตมยปัญญาและจินตามยปัญญาที่ชาวโลกนิยมพัฒนากัน และยิ่งไปกว่านั้นยังทำให้ อัตตาตัวตนหรือความเห็นแก่ตัว (ego) มีกำลังมากยิ่งขึ้น

     วิธีการกลบฝังอัตตาที่ชาวโลกนิยมพัฒนากัน คือ การประพฤติจริยธรรมที่เกี่ยวข้อง เมื่อประพฤติจริยธรรมอยู่เสมอ ความเห็นแก่ตัวย่อมถูกกลบฝังไว้ในจิตใต้สำนึก มิให้แสดงพลังออกมาเป็นพฤติกรรมที่ไม่เป็นที่พอใจของคนดีที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ในฐานะชาวพุทธนิยมให้อภัยเป็นทานในทุกเหตุที่ทำให้ขัดใจ เมื่อทำได้แล้วอารมณ์เครียด อารมณ์โกรธ ก็จะไม่เกิดขึ้น และเป็นเมตตาบารมีสั่งสมอยู่ใจจิตสำนึก ผู้ที่ไปเกิดเป็นพรหมนิยมพัฒนาเมตตาตามวิธีนี้ ตรงกันข้าม ผู้รู้จริงแท้กำจัดอัตตาให้หมดไปจากใจ ด้วยการพัฒนาจิตให้มีสติและมีปัญญาเห็นแจ้ง แล้วใช้สติและปัญญาที่พัฒนาได้มากำจัดขันธ์ ๕ ตามกฎไตรลักษณ์ เมื่อขันธ์ทั้งห้าดับ รูปนามย่อมไม่มี แล้วอัตตาที่อยู่ภายในย่อมดับตามไปด้วย จิตย่อมปล่อยวางทุกสิ่งที่เป็นเหตุขัดใจและไม่ขัดใจ เข้าถึงความเป็นอิสระจากสิ่งกระทบ อารมณ์เครียด อารมณ์โกรธ ก็จะไม่เกิดขึ้น วิธีนี้เป็นการดับอัตตาของผู้รู้จริงแท้นิยมประพฤติ

     เรื่องเห็นภาพผู้ชายประพฤติทุศีล และเห็นภาพผู้หญิงผูกคอตาย ผู้ถามปัญหาเห็นจริงด้วยจิต แต่สิ่งที่ถูกเห็นไม่จริง และมิได้เป็นเหตุให้พ้นทุกข์ ดังนั้นเมื่อเห็นภาพต้องกำหนดว่า “เห็นหนอๆๆๆๆ” ไปเรื่อยๆ จนกว่าภาพที่ถูกเห็นหายไป แล้วจิตย่อมมีสติกลับคืนมา ส่วนแม่ผูกคอตายด้วยสาเหตุโรคซึมเศร้า จงเอาแม่เป็นครูสอนใจตัวเองว่า เราจะไม่เครียดอย่างแม่ ( ตามวิธีข้างต้น ) แล้วเราก็ไม่มีพฤติกรรมเหมือนแม่

     อนึ่ง เหตุที่ผู้ถามปัญหาไม่กล้านั่งสมาธิ เป็นความเห็นที่ผิด ผู้รู้จริงแท้มิได้ประพฤติเช่นนั้น แต่ผู้รู้จริงแท้ตามดูสิ่งที่ถูกเห็นว่าเป็นไปตามกฎไตรลักษณ์ แล้วความเห็นถูกตามความเป็นจริงแท้ จึงจะเกิดขึ้น เมื่อนั้นจิตจึงจะเป็นอิสระจากสิ่งที่ถูกเห็น

     สุดท้าย วิธีการที่ผู้ถามปัญหาดำเนินอยู่นั้น ประพฤติได้ถูกทางแล้ว จงดำเนินปฏิปทาต่อไป เมื่อใดจิตเข้าถึงสติและปัญญาเห็นแจ้งแล้ว ปัญหาที่กำลังประสบอยู่ก็จะหมดไป ด้วยการดับต้นเหตุที่จิตของตัวเอง ผู้รู้จริงแท้นิยมประพฤติเช่นนี้
  

2468.
กราบเรียน อาจารย์ ดร. สนอง วรอุไร ค่ะ ,

ขอแนะนำตัวนิดนึงค่ะ หนูชื่อสุกัญญา อายุ 41 ปี หนูปฏิบัติธรรมตามแนวสติปัฏฐานสี่มาเป็นระยะเวลา 3-4 ปีแล้วค่ะ แล้วปีนี้หนูมาฝึกกรรมฐานเป็นประจำที่วัดมหาธาตุค่ะ รู้สึกว่าสติได้พัฒนาขึ้นมากค่ะ สามารถเข้าสมาธิได้เร็วขึ้นค่ะ

กลับมาปฏิบัติต่อที่บ้านก็ยากเหมือนเดิม ไม่ง่ายดายเหมือนที่วัดเลย ตอนอยู่ที่วัดกำหนดอิริยาบทย่อยตลอดไม่ส่งใจไปเรืองอื่น พอถึงเวลาปฏิบัติ สมาธิก็เกิดง่าย การเดินไปของสมาธิ เหมือนเครื่องบินที่กำลังขึ้น และมีสะดุดตอนเปลี่ยนระดับชั้นบรรยากาศ เหมือนตกหลุมอากาศเลย แล้วสมาธิก็สงบนิ่งในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ในนั้นรับรู้ได้เหมือนเราอยู่ในห้องๆหนึ่ง สุขสงบเงียบ รับรู้ว่าภายนอกมีเสียงอะไรมีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็สักแต่ว่ารู้ เขาไม่สามารถเข้ามากระทบจิตเราได้เลยค่ะ

ปัญหาคือ หนูกลัวผีมาก เหตุเกิดเมื่อคืนขณะนั่งสมาธิค่ะ สมาธิกำลังมีกำลังดีทีเดียว แล้วก็มีเสียงที่พื้นดังใกล้ๆตัวถึง 3 หนเป็นดังครั้งเดียวแล้วดับคล้ายแมลงปีกแข็งกลิ้งตัวอยู่ที่พื้นไม้ ทั้งด้านข้างและด้านหลัง ก็กำหนดเสียงหนอ รู้หนอ เสียงเขาหายไปแล้ว แต่ครั้งที่ 4 ดังรัวเข้ามาเหมือนจะถึงตัวอย่างรวดเร็วจนกลัวและตกใจจนต้องลืมตา และมองค้นหาที่มาของเสียงค่ะ แต่ไม่มีอะไรเลย พอหลังจากไม่เจออะไรหนูก็เลิกนั่งแล้วลุกออกจากห้องพระมาอยู่ที่ห้องนอนแทน สักพักก็ได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา จนทำให้ตกใจมาก กำหนดแทบไม่ทัน แต่ตอนนั้นหนูอยู่บ้านคนเดียว และประตูก็ยังปิดเหมือนเดิม (หนูเคยเจอเสียงที่กระทบพื้นแบบนี้เมื่อครั้งหลังกลับจากคอร์สปฏิบัติธรรมวัดมหาธาตุเมื่อวันที่ 1-7 พค. ที่ผ่านมาแล้ว 2 วันติดตอนนั่งสมาธิค่ะ) หรือสิ่งประหลาดพวกนี้จะเกิดตอนสมาธิเรามีกำลังค่ะ แต่หนูไม่ยอมให้ความกลัวนี้มาขวางกั้นไม่ให้ปฏิบัติต่อเด็ดขาด แต่ก็ต้องขอตั้งสติดีๆก่อน ถึงตอนนี้ยังกลัวและสงสัยไม่หายเลยค่ะว่าคืออะไร ทำไงดีคะ ต้องสวดมนต์บทไหนหรือควรกำหนด ตั้งจิตอย่างไรดีคะ กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ค่ะ

ด้วยความเคารพอย่างสูง ,
สุกัญญา

คำตอบ
      ท่านเจ้าคุณโชดกได้พูดกับพระบวชใหม่ ( ผู้ตอบปัญหา ) ว่า “ธรรมะของพระพุทธเจ้า ต้องเอาชีวิตเข้าแลก” พระบวชใหม่จึงได้ทำเป็นคนโง่ จึงเชื่อและทำตามคำบอกกล่าว ( หนังสือทางสายเอก ) ผลปรากฏว่าได้ดวงตาเห็นธรรมเกิดขึ้น และเมื่อ ๑๓ ปีที่ผ่านมา ผู้ตอบปัญหาได้ไปกราบและสนทนาธรรมอยู่กับหลวงปู่สุภาที่จังหวัดภูเก็ต ได้สนทนากันถึงเรื่องวิกฤตของชีวิต หลวงปู่ฯ เล่าว่า “มีอยู่คืนหนึ่งในเมืองญวน ( เวียตนาม ) ได้นั่งปฏิบัติธรรมอยู่ในป่าองค์เดียว ได้มีงูใหญ่มาเขมือบและกลืนท่าน จากปลายเท้ามาจนถึงบั้นเอว” หลวงปู่ฯ ผ่านวิกฤตนั้นมาได้ด้วยพูดกับงูใหญ่ว่า “ชีวิตนี้ไม่เสียดาย ตั้งแต่บวชเป็นพระปฏิบัติธรรมก็ด้วยหวังพระนิพพาน ดังนั้นหากจำเป็นต้องตายก็ขอให้ได้นิพพาน” งูใหญ่จึงได้คายหลวงปู่ออกจากปาก และมีชีวิตอยู่รอดมาจนทุกวันนี้

     เหตุการณ์ที่บอกเล่ามา จะผ่านไปด้วยดีต้องเอาชีวิตเข้าแลก แล้วจึงจะได้ดวงตาเห็นธรรม … . สู้
 

2467.
กราบเท้า อ. ครับ
    ผู้ที่ตายไปเกิดเป็นปรฑัตชีวีเปรตเท่านั้นที่ต้องการบุญจากการอุทิศ แต่มีเงื่อนไขว่า เขาต้องมาอนุโมทนาบุญ
จึงจะได้รับส่วนบุญที่อุทิศไปให้ หากตายไปเกิดอยู่ในภพอื่นที่เป็นสุคติ เขามีบุญมากอยู่แล้วจึงไม่ต้องการบุญ
หรือไปเกิดในภพที่การสื่อสารไปไม่ถึง หรือภพที่ต้องเสวยอกุศลวิบากล้วนๆก็มารับบุญไม่ได้

    ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว การที่ผมทำบุญแล้วอธิฐานจิต ถวาย นำส่ง อุทิศ
และขออโหสิเจ้ากรรมนายเวร ให้ทุกวันบางวันๆละ 3 เวลาได้ประโยชน์อย่างไรบ้างครับ

ณัฐ

กราบเท้าขอบพระคุณครับ

คำตอบ
     คำว่า “เจ้ากรรมนายเวร” หมายถึง ผู้เคยมีกรรมมีเวรแก่กัน

     คำว่า “กรรม” หมายถึง การกระทำ มนุษย์ทำกรรมได้ ๓ แบบคือ มโนกรรม วจีกรรม กายกรรม

     คำว่า “เวร” หมายถึง ความพยาบาท , ความปองร้าย หรือที่ให้ผลเป็นความไม่สบายกายไม่สบายใจ ( บาป )

    การกระทำใดที่เป็นเหตุให้เกิดการเบียดเบียนสัตว์ ( รูปนาม ) อื่น การผูกพยาบาทหรือการปองร้ายย่อมเกิดขึ้น มนุษย์เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่เวียนตายเวียนเกิดนับภพชาติไม่ถ้วน ( อนันต์ )
       คราใดที่มนุษย์ประพฤติเบียดเบียน ย่อมมีเจ้ากรรมนายเวรเกิดขึ้น มีอนันต์เช่นกัน เจ้ากรรมนายเวรใดตามทวงหนี้เวรกรรมได้ก่อน แล้วได้อนุโมทนาบุญที่เกิดจากการอุทิศ
ผู้เห็นถูกนิยมอุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวรอยู่เสมอ หรืออุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวรทุกครั้งที่นึกได้ เมื่อใดที่เขาเลิกทวงหนี้ ผู้อุทิศบุญย่อมเป็นอิสระ คือ ไม่นึกถึงเจ้ากรรมนายเวรนั้นอีกต่อไป ท่านเจ้าคุณโชดกสอนผู้ตอบปัญหาให้อุทิศบุญทุกครั้งที่ปฏิบัติธรรมแล้วเสร็จใน
 
2466.
ข้อนอมน้อมแด่องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์

กราบท่านอาจารย์สนอง วรอุไร (ท่านผู้ให้ความรู้เข้าใจในธรรม แด่ข้าพเจ้าและทุกๆคน)

      ด้วยข้าพเจ้าขอเมตตาจากท่าน ด้วยอยากมีจิตทีเบิกบานศึกษาในธรรมเสมอ ด้วยยุคปัจจุบันคนไม่ดีมาเกิดเยอะมากจริง มีจริง เห็นจริง เหตุการณ์ดังกล่าวข้างล่างนี้ทำให้จิตหดหู่ กังวล ข้าพเจ้าควรภาวนาอธิฐานเช่นไร และคิดทำอย่างไรดีในสภาวะ เหตุการณ์ดังกล่าวนี้

     คำเล่าเหตุการณ์) บ้านหนูอยู่ติดกับบ้านลูกเข้าติดยาและจำหน่าย บ้านเยื้องถัดออกมาฝั่งหน้าก็เป็นบ้านเช่า   บ้านเช่ามีกลุ่มคนงาน มีทั้งติดยา สักทั้งตัวก็มี (ดูเหมือนจะมาจาก hongkong) กลางวันก็เคาะตีโลหะเสียงดัง(ท่อแอร์) กลางคืนก็เสียงดัง และพวกเขามีรถ 3-4 จดเรียงบนถนนหน้าบ้าน   และบ้านใหญ่อีกหลังหนึ่งซึ ่ งถัดมาจากบ้านเช่ากลุมนี้ ก็กำลังจะขายทิ้ง และมีแนวโน้มว่า หัวหน้ากลุ่มบ้านช่านี้กำลังกำลังจะติดต่อซี้อเพื่อเข้าอยูอาศัย  

     สุดท้ายขอท่านอาจารย์สนอง วรอุไร พลานามัยแข็งแรง   เพื่อโปรดเมตตาต่อมวลมนุษย์ผู้ปรารถนาพ้นจากอบาย ด้วยข้าพเจ้าขออนุโมทนามหาบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ ที่ท่านมีต่อผู้เจริญและผู้ทุกข์ยากทั้งหลาย

    ขอกราบน้อมน้อมท่านด้วยใจอันบริสุทธิยิ่ง

    วาสนา ประเสริฐคำพร

คำตอบ
      ผู้ใดพัฒนาจิตตนเองให้มีสติปัญญาเห็นแจ้งได้แล้ว ผู้นั้นย่อมมองคนไม่ดีเป็นครูสอนใจตัวเองว่า เราจะไม่ประพฤติเช่นเขา แล้วเราก็จะไม่เป็นคนไม่ดีเหมือนเขา

     อนึ่ง คนที่มีกำลังสติอ่อนอยู่ในดวงจิต ย่อมเอาความไม่ดีของคนอื่น มาเป็นกิเลสทับถมใจตัวเอง ดังนั้นควรพัฒนาจิตให้ได้ตามที่ชี้แนะมาแต่แรก แล้วจิตย่อมเป็นอิสระจากความไม่ดี ( กิเลส ) ของคนอื่น ดังที่ผู้มีความเป็นสัพพัญญูได้ตรัสไว้ว่า “ธรรมย่อมคุ้มรักษาผู้ประพฤติธรรม” นั้นเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน
  

2465.
กราบสวัสดีอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ครับ

ผมปฏิบัตินั่งสมาธิโดยจำวิธีการต่างๆ ที่ลงไว้ในหนังสือหรือไม่ก็ในอินเตอร์เน็ท ทุกวันนี้ผมนั่งสมาธิทุกคืนที่มีโอกาส ครั้งละ 30 นาที โดยไม่มีการสอบอารมณ์ แค่อยากให้จิตคิดสิ่งดีๆทำสิ่งดีๆ และอยากได้ปัญญาช่วยเรื่องต่างๆในปัจจุบันให้ดีขึ้น ก็เลยเกิดความสงสัยไม่รู้จะไปถามใคร ว่าตนเองนั้นปฏิบัติถูกทางหรือไม่ เช่นพอเริ่มนั่งสมาธิก็ค่อยๆไล่ระดับจากความไม่สงบ กึ่งสงบ แล้วสงบ จนใจตนเองคิดว่าถึงความว่างเป็นบางขณะ ตัวและหัวจะรู้สึกว่าวิ้งๆ ว่างสบายมีความสุขอิ่มเอิบใจ (แต่ในความเป็นจริงมีปัจจุบันมีปัญหามากมายในชีวิต) นั่งแล้วสบายใจก็พอจะได้ไม่คิดมาก ถ้าไม่เกิดปัญหาก็คงไม่ได้นั่งสมาธิ แต่พอเลิกนั่งขาผมชาทั้ง 2 ข้าง อาการนี้เป็นมา 3 วัน แต่ก่อนไม่เคยเป็น ขาชาจนต้องคลาน ประมาณ 5 นาทีจึงหายเป็นปกติ เหตุที่ขาชาเป็นเรื่องปกติใช่หรือไม่ครับ

ผมไม่มีอาจารย์สอนปฏิบัติโดยตรง จึงขออยากให้อาจารย์เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ว่าสิ่งที่ผมทำถูกหรือไม่ เพราะไม่รู้ว่าผู้ที่ปฏิบัติถูกทางมีอาการและอารมณ์เป็นเช่นไร

กราบขอบคุณอาจารย์ที่เคารพ

คำตอบ
      คิด พูด ทำ เป็นพฤติกรรมของมนุษย์

     คำว่า “ดี” หมายถึง ต้องมีพฤติกรรมไม่ผิดกฎหมาย หรือไม่ผิดศีล หรือไม่ผิดธรรม หากปรารถนาให้เรื่องต่างๆดีขึ้น ต้องคิด พูด ทำ แต่สิ่งดีงาม ( คุณธรรม ) เช่น
         ประพฤติตนมีศีลคุมกาย วาจา ใจ เป็นสิ่งดีงาม
        ประพฤติตนมีสัจจะคุมกาย วาจา ใจ เป็นสิ่งดีงาม
        ประพฤติตนมีความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีอุปการคุณ เช่น พ่อแม่ ครูอาจารย์ หน่วยงาน แผ่นดินเกิด ฯลฯ เป็นสิ่งดีงาม
        ประพฤติตนมีอิทธิบาท ๔ สนับสนุนการทำงาน เป็นสิ่งดีงาม
     ต่างๆเหล่านี้หากผู้ถามปัญหาประพฤติได้แล้ว ความสวัสดีของชีวิตจึงจะเกิดขึ้นได้

     สุดท้ายเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเปล่า ในการปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงธรรม ต้องแสวงหาผู้เข้าถึงธรรมได้แล้วเป็นผู้ชี้แนะ และหากเมื่อใดผู้ถามปัญหาพัฒนาตนเองจนมีพฤติกรรมถูกตรงตามธรรมวินัย ย่อมเป็นศิษย์เป็นครูกับผู้ตอบปัญหาโดยปริยาย
  

2464.
กราบเรียนท่านอาจารย์สนองด้วยความเคารพ

ได้ฟังอาจารย์ผ่านทางเว็ปไซค์แล้วได้ทำให้ได้รับความรู้และเปลี่ยนนิสัยที่ไม่ดีของตัวเองแต่ยังไม่หมดค่ะ มีเรื่องกวนใจในความผิดที่ตัวเองได้ทำไว้กับพ่อแล้วมาผุดให้จิตใจขุ่นมัว คือว่า เคยโกรธพ่อที่ไม่ช่วยน้องสาวตอนที่น้องเดือดร้อนซึ่งไม่เกี่ยวผลประโยชน์ของตัวเองเลยค่ะ มีวันหนึ่งพ่อตามไปเที่ยวด้วยไปเดินซื้อของที่เมืองทองธานี พร้อมกับลูก ๆ ของหนูแล้วหนูเดินปล่อยให้ลูก ๆ ดูพ่อหนู แล้วหนูปล่อยให้พ่อนั่งหลับที่เก้าอี้โดยที่ไม่ได้คิดว่าพ่อเหนื่อยหรือเปล่า ภาพนั้นยังติดตาหนูอยู่เลย หนูได้ซื้อดอกไม้มากราบขอขมาพ่อแล้ว แต่ภาพนี้ก็มาหลอนหนูตลอดทำให้หนูไม่สบายใจเลยจะทำยังไงได้บ้างค่ะ

กราบรบกวนอาจารย์ช่วยชี้แนะหนูหน่อยนะค่ะ   ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ด้วยนะค่ะ

คำตอบ
     กราบขอขมาพ่อหนึ่งครั้ง แล้วยังมีสิ่งหลอนใจอยู่ ต้องขอขมาซ้ำหรือขอขมาทุกครั้งที่มีโอกาสเปิดให้ คือต้องขอขมาไปเรื่อยๆจนกว่าภาพหลอนใจจะหมดไป
 

2463.
กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง

หนูมีเรื่องที่อยากจะขอความเมตตาให้ท่านอาจารย์ช่วยให้ปัญญาเป็นทานแก่หนูด้วยนะคะ

1. การสร้างมหาทาน ได้แก่ การสร้างประโยชน์ต่างๆ เพื่อสาธารณะ และรวมถึงการถวายสังฆทาน 7 วันด้วย หนูสงสัยว่า เหตุใดการถวายสังฆทานติดต่อกัน 7 วัน จึงถือว่าเป็นมหาทาน และเหตุใดจึงเป็นการทำบุญที่คนในสมัยพุทธกาลเลือกที่จะทำ เมื่อต้องการตั้งจิตอธิษฐานในเรื่องที่สำคัญๆ คะ ?
2. การเจริญพละ 5 หมายถึง การทำสมาธิโดยใช้คำทั้ง 5 เป็นองค์ภาวนา หรือหมายถึงการทำให้ตัวเรามีคุณสมบัติทั้ง 5 ข้อนั้นคะ ? เช่น ตัวแรกคือศรัทธา การเจริญในข้อนี้ ได้มาจากการฟังธรรมใช่หรือไม่คะ ?

3. หนูเคยมีอาการเห็นขณะจิตพองและแฟบไป เห็นจิตที่ยินดีกับอาหารอร่อย พอเห็นแล้ว อารมณ์ต่างๆ ทั้งน่าพอใจและไม่น่าพอใจก็หายไปทันที อาการอย่างนี้คืออะไรหรือคะท่านอาจารย์ แล้วหนูควรปฏิบัติต่อไปอย่างไร จึงจะได้รับประโยชน์มากขึ้นคะ ?

4. หนูเคยดูรูปดาราสวยๆ ในหนังสือ แล้วในฉับพลันก็เห็นเป็นภาพผู้หญิงสวยเปลี่ยนเป็นบวมอืด ผิวพรรณเขียวชำ้น่ากลัวมาก แล้วก็ตกใจผงะจนต้องปิดหนังสือ อาการอย่างนี้คืออะไรคะ ? แล้วหนูควรพัฒนาจิตต่อไปอย่างไรจึงจะเกิดประโยชน์มากขึ้นคะ ?

5. การที่หนูเคยฝันว่าพระพุทธเจ้าเสด็จตรงมาหาหนู ตอนที่กำลังสักการะโบราณสถานของสมัยพุทธกาล และครั้งหนึ่งขณะนั่งสมาธิ ได้เคยเห็นพระพุทธเจ้าขณะกำลังจะเสด็จออกแสดงธรรม มีพระอานนท์คอยดูแลต้อนรับ อยู่ในห้องโถงโบราณที่มีคนนั่งรอฟังธรรมเป็นจำนวนมาก การฝันหรือได้เห็นภาพเหล่านี้ในสมาธิ หมายถึงการที่หนูจะมีโอกาสมีดวงตาเห็นธรรมโดยไม่ช้านานใช่หรือไม่คะ หรือหมายถึงการที่หนูเคยอยู่ในเหตุการณ์นั้นมาก่อนในอดีตชาติคะ ?

6. การปฏิบัติธรรม เพื่อให้เกิด "ปัญญาเห็นแจ้ง" จิตเป็นอิสระต่อสรรพสิ่ง เข้าถึงกฎไตรลักษณ์ ขอให้ท่านอาจารย์โปรดแนะนำครูบาอาจารย์ หรือสำนักปฏิบัติธรรมที่จะสอนวิธีบรรลุเป้าหมายนี้ให้หนูด้วยเถิดนะคะ

ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างยิ่ง

คำตอบ
      ( ๑ ) คำว่า “มหาทาน” หมายถึง ทานที่ให้แก่คนหมู่มาก การถวายสังฆทานจึงเป็นมหาทานได้ เหตุที่คนโบราณสร้างมหาทานติดต่อกัน ๗ วัน เพื่อให้จิตได้อานิสงส์มากยิ่งขึ้น ดังนั้นคนที่มาเกิดในครั้งพุทธกาลหรือครั้งก่อนพุทธกาล จึงนิยมที่จะบำเพ็ญมหาทานอย่างน้อย ๗ วัน เพื่อต้องการให้มีบุญบารมีสั่งสมมาก และงานของสังคมในสมัยนั้นยังมีไม่มากเหมือนปัจจุบัน เขาจึงมีความพร้อมและศรัทธาในการบำเพ็ญมหาทานมากกว่าคนในยุคปัจจุบัน จึงบำเพ็ญมหาทานได้ยาวนาน

     ( ๒ ) การเจริญพละ ๕ หมายถึง การพัฒนาจิตให้มีคุณธรรม ( ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ) ทั้งห้าอย่างกล้าแข็ง แล้วจิตจึงจะมีกำลังต้านทานอำนาจของมารทั้งห้า ( กิเลสมาร ขันธมาร อภิสังขารมาร เทวปุตตมาร มัจจุมาร ) ได้นอกจากการฟังธรรมแล้ว การเข้าใกล้และพูดคุยไต่ถามกับผู้ทรงคุณธรรม ย่อมทำให้ศรัทธามีกำลังเพิ่มมากขึ้น

     ( ๓ ) การเห็นจิตมีอาการพอง มีอากาแฟบ เป็นเรื่องของจิตที่มีสติกำกับ จึงสามารถจดจ่ออยู่กับการเห็นนั้นได้ การเห็นอารมณ์ที่น่าพอใจและอารมณ์ที่ไม่น่าพอใจ เป็นการเห็นของจิตที่มีสติเกือบจะสมบูรณ์ จิตที่มีกำลังของสติกล้าแข็ง ย่อมเห็นสิ่งที่กระทบดับไป และเกิดปัญญาเห็นแจ้งขึ้นทันที จึงจะวางสิ่งกระทบที่ไม่มีตัวตน แล้วจิตว่างเป็นอุเบกขา ดังนั้นหากผู้ถามปัญหาปรารถนานำพาชีวิตให้พ้นไปจากวัฏสงสาร จงเร่งความเพียรพัฒนาจิตให้มีคุณธรรมในพละ ๕ อยู่ทุกขณะตื่น แล้วความสมปรารถนาจึงจะเกิดขึ้นได้

     ( ๔ ) ปัญญาเห็นแจ้งย่อมเห็นความสวยงามเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตน คือความสวยความงามไม่มีอยู่จริง ดังนั้นจงพิจารณาความสวยความงามบ่อยๆ จนกระทั่งจิตเป็นอิสระจากกิเลสกามนั้นๆ แล้วจิตย่อมเป็นอิสระจากสิ่งที่ถูกเห็น

     ( ๕ ) ที่เห็นนั้นเป็นสุภนิมิตที่บ่งชี้ว่า ในอนาคตผู้ถามปัญหาย่อมมีโอกาสเข้าถึงสภาวธรรมที่เห็นนั้นได้

     ( ๖ ) แนะนำให้ไปฝากตัวเป็นศิษย์ แล้วปฏิบัติธรรมอยู่กับท่านเจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ จังหวัดอยุธยา แล้วอิสรภาพที่สมบูรณ์ของชีวิตย่อมมีมาในวันข้างหน้า
 

2462.
กราบเรียน อาจารย์ ดร.สนอง ที่เคารพ
 
1.ผมมีข้อสงสัยว่า เราจะทราบจริตของเราได้อย่างไรและควรเจริญสติอย่างไรให้ก้าวหน้ากับจริตของตนครับ
 
2.ผมพยายามนั่งสมาธิ แบบมีสติจดจ่ออยู่กับลมเข้า-ออก เมื่อเกิดอาการคิดฟุ้งซ่าน ก็พยายามรู้ว่ากำลังคิด แล้วดึงกลับมาใหม่ ไปเรื่อยๆ แต่ก็ได้ไม่นานเท่าที่ควร อยากทราบว่าการปฏิบัติแบบนี้ถูกต้องหรือไม่ครับ
 
3.จำเป็นหรือไม่ครับที่ต้องเดินจงกรม สามารถเจริญสติเพียงท่านั่งอย่างเดียวได้ไหม
 
ขอขอบคุณอาจารย์ ที่สละเวลามาช่วยตอบปัญหานะครับ

คำตอบ
     ( ๑ ) จริตของมนุษย์มี ๖ อย่างได้แก่ ราคจริต โทสจริต โมหจริต สัทธาจริต พุทธิจริต และวิตกจริต ผู้ที่ลักษณะนิสัยชี้เด่นไปในทางใด ต้องเลือกบทกรรมฐานที่เหมาะกับจริตมาบริกรรม แล้วจิตย่อมตั้งมั่นเป็นสมาธิได้ง่าย อาทิ

     ผู้มีราคจริต เด่นกว่าจริตอย่างอื่น
         ควรใช้อย่างใดอย่างหนึ่งในกสิณ ๑๐ เว้นวรรณกสิณมาบริกรรม
        หรือ ควรใช้อย่างใดอย่างหนึ่งในอสุภะ ๑๐ มาบริกรรม
        หรือ ควรใช้อย่างใดอย่างหนึ่งในอัปปมัญญา ๔ มาบริกรรม
        หรือ ควรใช้อย่างใดอย่างหนึ่งในอรูป ๔ มาบริกรรม
        หรือควรใช้กายคตาสติมาบริกรรม แล้วจิตย่อมตั้งมั่นเป็นสมาธิได้ง่าย

     ผู้ที่มีพุทธิจริต เด่นกว่าจริตอย่างอื่น
        ควรใช้อย่างใดอย่างหนึ่งกสิณ ๑๐ เว้นวรรณกสิณ
        หรือ ควรใช้อย่างใดอย่างหนึ่งในอรูป ๔ มาบริกรรม
        หรือ ควรใช้อุปสมานุสติ ( ระลึกคุณของพระนิพพาน ) มาบริกรรม
        หรือ ควรใช้มรณสติ มาบริกรรม
        หรือควรใช้อาหาเรปฏิกูลสัญญา มาบริกรรม แล้วจิตย่อมตั้งมั่นเป็นสมาธิได้ง่าย

     * อย่างใดอย่างหนึ่งในอรูป ๔ เหมาะกับทุกจริต คือ นำมาบริกรรมแล้ว จิตย่อมตั้งมั่นเป็นสมาธิได้ง่าย

     ( ๒ ) หากสติยังไม่กล้าแข็งพอที่จะตั้งมั่นเป็นสมาธิจวนแน่วแน่ ต้องกำหนดว่า “ฟุ้งหนอๆๆๆๆ” ไปเรื่อยๆจนกว่าอาการฟุ้งจะดับไป แล้เวเอาจิตมาอยู่กับองค์บริกรรมเดิม จิตจึงจะตั้งมั่นเป็นสมาธิมากยิ่งขึ้น

     ( ๓ ) การเดินจงกรมเป็นอิริยาบถใหญ่ ทำให้จิตจดจ่อ ( สติ ) อยู่กับเท้าที่ก้าวย่าง ได้ดีกว่านั่งภาวนา เว้นไว้แต่ว่าผู้ใดมีสติกล้าแข็งแล้ว ทุกอิริยาบถย่อมทำให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิได้
  

2461.
กราบเรียน ท่านอาจารย์ ดร.สนอง

ผมมีข้อสงสัยในการปฏิบัติ
ข้อ 1 จำเป็นต้องเดินจงกรมให้เท่าหรือมากกว่านั่งสมาธิหรือไม่
ข้อ 2 กำหนดปวดหนอๆๆเป็น สมถะ การเห็นการเกิดดับของอาการปวดเป็นวิปัสสา ผมเข้าใจถูกหรือไม่
ข้อ 3 เวลาเจอเวทนาปวดสุดๆแล้วจะกำหนดปวดหนอต่อไป หรือจะกลับมากำหนดที่พองยุบ และเมื่อครบที่ตั้งเวลาไว้แล้ว ควรเลิกทำมาเดินหรือทนต่อไปดี
ข้อ 4 เวลาผมดูอาการปวดดูให้เห็นการเกิดดับของมัน ผมทำถูกหรือไม่
ข้อ 5 เวลากำหนดเดินซ้ายหนอขวาหนอ   เป็นสมถะ พอเดินไปเจอแดดกำหนดร้อนหนอ จนความร้อนหายไปเป็นวิปัสสนา ผมเข้าใจถูกหรือไม่
ข้อ 6 ถ้าทนพิจารณาเกิดดับของอาการปวดไปสุดๆ   แล้วมันจะหายไปจริงหรือ
ผมติดขัดตรงเจอเวทนา ขอคำแนะนำในการปฏิบัติหน่อยครับ                             

ขอบพระคุณมากครับ

คำตอบ

     ( ๑ ) ไม่จำเป็น

     ( ๒ ) กำหนดว่า “ปวดหนอๆๆ” จนกว่าอาการปวดหายไป แล้วเอาจิตมาจดจ่อ อยู่กับองค์บริกรรมเดิมที่ใช้บริกรรม อย่างนี้เป็นสมถภาวนา ส่วนจิตที่รู้ เห็น เข้าใจ ในอาการปวด ( ทุกขเวทนา ) ว่า ดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์ ซึ่งในที่สุดแล้ว อาการปวดไม่ใช่เป็นสิ่งที่มีตัวตน ( อนัตตา ) การที่จิตเห็นในลักษณะนี้เรียกว่าเป็นการเห็นแจ้ง ผู้ใดมีจิตเห็นแจ้งแล้ว ย่อมมีจิตเป็นอิสระจากสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตน อย่างนี้จึงจะเรียกว่าเป็นวิปัสสนา

     ( ๓ ) เมื่ออาการปวดเกิดขึ้นแล้ว ไม่กำหนดอาการปวดให้หายไป แต่เอาจิตไปจดจ่ออยู่กับการภาวนาพองหนอ - ยุบหนอ พฤติกรรมเช่นนี้ส่งเสริมให้โมหะเติบโตขึ้น ผู้รู้จริงแท้ย่อมไม่ประพฤติ

     เมื่ออาการปวดเกิดขึ้นแล้วเลิกทำ เท่ากับเป็นการหนีปัญหา ผู้รู้จริงแท้ไม่แนะนำให้หนีปัญหา เพราะในวัฏสงสารนี้ ไม่มีใครหนีใจตัวเองได้พ้น

     เมื่ออาการปวดเกิดขึ้นแล้วทนปวดต่อไป ผู้รู้จริงแท้ไม่ประพฤติ แต่ผู้รู้จริงแท้ใช้สติและปัญญาเห็นแจ้ง ดับต้นเหตุของอาการปวด

     ( ๔ ) ผู้ใดใช้จิตที่ตั้งมั่นจวนแน่วแน่ ( อุปจารสมาธิ ) ตามดูอาการปวดว่าดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์ เมื่ออาการปวดเข้าสู่ความเป็นอนัตตาแล้วไม่กลับมาปวดอีก จิตจึงจะเป็นอิสระจากอาการปวดนั้น ผู้ที่เห็นเป็นเช่นนี้จึงจะเรียกว่า เป็นการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาที่ถูกทาง

     ( ๕ ) จิตของผู้รู้จริงแท้ ย่อมไม่รับเอาความร้อนของแดดมาปรุงเป็นอารมณ์ อย่างนี้จึงจะเรียกว่าเป็นวิปัสสนาภาวนา

     ( ๖ ) พระพุทธโคดมตรัสให้ดับที่ต้นเหตุ ด้วยการพัฒนาจิตให้มีสติรับทันสิ่งที่เข้ากระทบ แล้วเห็นสิ่งกระทบดับไปตามกฎไตรลักษณ์ได้แล้ว เวทนาดังกล่าวจะไม่เกิดกับจิตของผู้มีสติสัมปชัญญะเช่นนี้ 
  

2460.
กราบขออนุญาตเรียนสอบถามอาจารย์ ค่ะ

1) คือคุณพ่อหนูท่านเป็นคนไม่ค่อยพูด จึงไม่ค่อยให้พร อย่างมากท่านก็พูดแค่ว่า " ขอบใจ " เท่านั้น ไม่ทราบว่าทำอย่างไรดีคะจึงจะให้ท่านอนุโมทนา กับเราได้ หรือแค่่ท่านคิดในใจก็พอ ?? 

2) ในโอกาสวันวิสาขบูชานี้ หนูจะพาคุณพ่อไปลองฝึกปฎิบัติธรรม ณ วัดอัมพวัน เนื่องจากโอกาสอำนวยและหนูเคยไปเรียนปฎิบัติมาครั้งนึงแล้ว  

แต่กังวลเนื่องจากคุณพ่อหนูท่านติดบุหรี่ ซึ่งหนูแจ้งชวนท่านว่า หนูจะไปปฏิบัติธรรม อยากให้คุณพ่อไปเป็นเพื่อนจะสะดวกมั้ย  ท่านว่าสะดวก และได้แจ้งท่านแล้วว่า สถานที่ปฏิบัติห้ามสูบบุหรี่ พ่อจะอดทนไหวมั้ย  ท่านว่าไม่ต้องห่วง (เข้าใจว่าท่านอยากให้หนูสบายใจในการไปปฏิบัติ ส่วนหนูตั้งใจ นำท่านไปศึกษาสักครั้ง ค่ะ)

กราบเรียนถามว่า สิ่งที่ได้กระทำไปแล้วนั้น หนูทำถูกต้องมั้ยคะ ?

3) คำว่า ลาพุทธภูมิ คืออะไรคะ ?  

สุดท้ายนี้ กราบขอบพระคุณในความเมตตาไขปัญหาให้ความกระจ่าง ขออโหสิกรรม หากมีกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมใดๆ ที่ได้ล่วงเกิน ท่านอาจารย์ค่ะ ขอคุณพระคุ้มครองท่านอาจารย์ค่ะ

คำตอบ
     ( ๑ ) คำว่า “ขอบใจ” เป็นกุศลวจีกรรมที่แสดงความรู้สึกพอใจในความดีของผู้อื่นที่มีต่อตน

     คำว่า “อนุโมทนา” เป็นกุศลวจีกรรมที่แสดงความยินดีตาม ยินดีด้วย หรือพลอยยินดี

     ดังนั้น คำที่คุณพ่อพูดว่า “ขอบใจ” หมายความว่า คุณพ่อมีความยินดีที่ลูกได้ทำความดีให้แก่ท่าน

     ส่วนคำว่า “พร” หมายถึง คำแสดงความปรารถนาดีในศาสนาพุทธ บุคคลจะได้รับสิ่งที่ตนปรารถนา ( พร ) ต่อเมื่อต้องทำเหตุให้ถูกตรง

     ( ๒ ) ถูกต้องแล้ว

     ( ๓ ) คำว่า “ลาพุทธภูมิ” หมายถึง บอกยกเลิกการนำพาชีวิตไปตามแนวทางของการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

     สุดท้าย อโหสิให้
 

2459.
กราบเรียน ท่านอาจารย์สนอง วรอุไร

            หนูมีโอกาสได้อ่านหนังสือ "ทางสายเอก" ของอาจารย์ ประมาณกลางเดือน กรกฎาคม 2553 จำได้ว่า หนูหยิบหนังสือเล่มนี้อ่านจนวางไม่ลงต้องอ่านให้จบเล่มภายในคืนนั้น หนังสือเล่มนี้ทำให้หนูกลับมาคิดทบทวนว่า ขนาดอาจารย์เป็นปรมาจารย์ทางวิทยาศาสตร์ อาจารย์ยังต้องยอมให้กับธรรมะของพระพุทธเจ้า   จึงเป็นที่มาว่า หนูก็อยากรู้ธรรมของพระพุทธเจ้า และทำให้หนูอยากพิสูจน์ว่าพระพุทธเจ้า ธรรมของพระพุทธเจ้า มีจริง หรือแค่เป็นกลอุบายให้คนเราอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุขเท่านั้น

               จากนั้น หนูก็พยายามหา หนังสือธรรมะ มาอ่าน มาศึกษา และในช่วง เมษายน 2554 ได้ลองเข้าไปฝึกกรรมฐาน 3 วันที่ เวฬุวัน จ.ขอนแก่น เมื่อกลับมาบ้าน ก็มานั่งปฏิบัติเองบ้าง พร้อมกับอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ   จำได้บ้าง ไม่จำบ้าง และบางครั้งขณะทำงาน ก็จะฟังเสียงบรรยายธรรมของท่านเจ้าคุณโชดก ไปด้วย ฟังไปเรื่อยๆ แบบยังไม่เข้าใจอะไร เหมือนฟังไว้เป็นข้อมูล จำได้บ้าง จำไม่ได้บ้างค่ะ จนรู้สึกว่า ตัวเองอ่านมาก็น่าจะพอประมาณ ฟังท่านเจ้าคุณโชดกก็ฟังแล้ว น่าจะถึงเวลาลงมือปฏิบัติจริงๆ ซะที พอช่วงกลาง ธันวาคม 2554 ตัดสินใจเข้ากรรมฐาน 7 วัน ที่เวฬุวัน

              ปี   2555 บอกตัวเองตั้งแต่ต้นปีว่า ...ว่าปีนี้จะตั้งใจฝึกปฏิบัติกรรมฐานให้ได้มากที่สุด เมื่อวันไหนหยุดงาน 3 วัน หนูจะไปฝึกกรรมฐานที่สวนเวฬุวัน จ.ขอนแก่น ตอนนอนอยู่ที่เวฬุวัน ได้ลองฝึกนอนอดูลมหายใจเข้าออก (ฝึกเองก่อนนอน เนื่องจากมีโอกาสได้ฟังธรรมของพระอาจารย์ท่านหนึ่งว่า ถ้าอยากเห็นตัวเองตาย ให้ลองนอนสมาธิดู) และได้รู้คำตอบจากการฝึกของตัวเองว่า ตอนตื่น ตัวเองหายใจเข้า จากนั้นเมื่อกลับมาที่บ้านก็จะลองนอนดูลมหายใจ ฝึกไม่กี่วันก็เกิดเหตุการณ์แปลกๆ ขึ้น คือ ขณะที่นอนสมาธิ หูได้ยินเสียงคนเปิดประตูห้องนอน ทีแรกเข้าใจว่าน้องชาย ใจก็คิดว่า ตัวเองล็อคประตูอยู่นะ ในระหว่างที่คิดนั้น ก็รู้สึกว่า คนที่เดินเข้ามาเริ่มเดินวนตัวเรา (คล้ายๆ ว่ามาดูว่าเรากำลังทำอะไร) ตอนนั้นรู้ตัวว่าใจเต้นเเรงมาก จิตเริ่มกลัว จากที่เริ่มต้นจากภาวนาหยุบหนอ พองหนอ พอสติรู้ว่าไม่ใช่น้องชายตัวเองแน่นอน คำภาวนาที่นึกได้ขณะนั้น คือ พุทโธ พุทโธ จนสิ่งนั้น เดินวนตัวเราครบ 3 รอบ แล้วมาชะโงกหน้าดูหน้าเรา จากนั้น ก็หายไป.....พอรู้ว่า สิ่งนั้นหายไปแล้ว ตัวเองก็รีบลืมตาขึ้น เอามือจับที่ใจตัวเอง ก็รู้ว่าหัวใจเต้นแรงมาก ในคืนนั้นเลยตัดสินใจว่า ไม่นอนสมาธิต่อแล้ว

             ...... หลังจากนั้น ถัดมาจำไม่ได้ว่าถึงเดือนไหม ใจยังอยากพิสูจน์ว่า มันคืออะไร   ก็ตัดสินใจฝึกนอนสมาธิอีกครั้ง สักพักเข้าใจว่าตัวเองคงหลับในสมาธิ แต่จิตรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีเมื่อจิตถูกกระชากให้เคลื่อนไหว   ตอนนั้น ก็ตั้งสติว่าเกิดอะไรขึ้น ก็รับรู้ว่า ตัวเองยังนอนภาวนาหยุบหนอ พองหนออยู่ แต่จิตเหมือนเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ โดยไม่มีจุดหมาย   มีทั้งช่วงที่เป็นทางราบ และช่วงที่เหมือนจะเคลื่อนตกจากที่สูง ทางที่ไปค่อนข้างมืด แต่สว่างในระยะที่จิตมองเห็น...ความรู้สึกตลอดการเดินทางที่จิตเคลื่อนไปข้างหน้า ตัวเองรู้สึกหวาดเสียว แต่ก็ตั้งสติว่า ปล่อยไปเรื่อยๆ เพราะอยากรู้ว่าจิตจะไปไหน   แล้วอยู่ดีดี   ตัวเองก็ลืมตาขึ้นทั้งๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจ และพอวันต่อๆ มาได้ลองฝึกนอนสมาธิอีกก็ไม่มีอะไรเเปลกๆ เกิดขึ้นอีกค่ะ

จนเมื่อ ตุลาคม 2555 หนูมีโอกาสได้ฝึกกรรมฐาน กับหลวงตาท่านหนึ่ง หลังจากนั้นเมื่อกลับมานั่งปฏิบัติที่บ้านหนูก็มีอาการ ตัวโยก สั่น หัวโขกพื้น ขณะนั่งสมาธิ   ช่วงเป็นใหม่ๆ   สั่งหยุดเองได้ พอช่วงปลาย ตุลา   สั่งหยุดเองไม่ได้ ต้องให้หลวงตาช่วยสั่งหยุดจึงหยุด แล้วก็จะมีอาการแบบนี้เรื่อยๆ จนบางวันหลวงตาท่านเหนื่อยค่ะ (บางครั้งจะถูกกดหัวลงกับพื้นดินเวลาไปปฏิบัติที่วัดกับหลวงตา และกดลงที่นอนบ้างเวลานั่งสมาธิในห้องนอน กดกลางกระหม่อม กดแบบกดจี้ๆ จนหัวสะบัด กดหูซ้าย หูขวา หน้าผาก บางทีก็จะกดแช่ให้อยู่นิ่งๆ อาการนี้หลวงตาบอกว่า ครู บาอาจารย์ท่านมาให้ของ) จากอาการโยก สั่น สะบัด หลวงตาท่านได้สื่อสารกับครูบาอาจารย์ บอกว่าให้บวชชีให้ครูบาอาจารย์ และเจ้ากรรมนายเวร

ช่วงต้นเดือน ธันวาคม 2555 ได้บวชชี ประมาณ 7 วัน ในวันแรกหลังจากรับศีลแล้ว ในขณะนั่งปฏิบัติกรรมฐานหลวงตาท่านได้มองเห็นว่า มีบรรพบุรุษอยู่ในตัวเราเป็นผู้หญิงแก่ผมสัน ยุ่งเหยิง ตาแดง และมีผู้ชาย มีแต่กระดูก อยู่ในตัวเรา ที่ทำให้เราสั่นขณะนั่งสมาธิ หลวงตา ได้เชิญออกจากตัวให้ค่ะ จากนั้นอาการโยก สั่น ก็ค่อยๆ เบาลง วันที่ 4 ของการบวชเกิดอาการปิติ แบบไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต น้ำมูก น้ำตาไหลขณะนั่งสมาธิ พอถอนสมาธิระหว่างจะแผ่เมตตา อยู่ดีๆ ก็ร้องไห้ จนกล่าวคำแผ่เมตตาไม่ได้ ในความรู้สึกขณะนั้น อยากให้ญาติ พี่น้อง พ่อแม่ เจ้ากรรมนายเวร ทุกคน ได้มาร่วมรับรู้บุญที่ตัวเองได้ทำนี้ และหลังจากนั้น อาการโยก สั่นเวลานั่งปฏิบัติ ก็ไม่เกิดขึ้นอีก

ช่วงต้นเดือนมกราคม 2556 อาการโยก สั่น มือสะบัด เริ่มกลับมาอีก แต่ว่าอาการจะไม่ได้ตัวโยก หรือสั่นรุนแรง ตลอดเวลาที่นั่ง เหมือนช่วง 2 เดือนแรก    แต่จะโยกเป็นช่วงๆ   หน้าสะบัด   มือสะบัดขึ้นลง เป็นช่วงๆ   ซึ่งขณะนี้ เมื่อนั่งสมาธิแล้วจิตเริ่มนิ่ง อาการที่ว่า จะเกิดขึ้นทันที   บางทีที่ไปสวดมนต์ หรือนั่งสมาธิในที่ที่มีคนเยอะ หนู ก็จะใช้วิธีถอนสมาธิ เพื่อไม่ให้มีอาการอย่างที่ว่าค่ะ (พอดีช่วงนี้หลวงตาท่านขึ้นถ้ำเชียงดาวค่ะ เข้าพรรษาถึงจะกลับมาขอนแก่นค่ะ)

ทุกครั้งที่มีโอกาส (ที่ใช้คำว่าบางโอกาส เพราะเมื่อรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้คำตอบ หรือให้ความสำคัญกับมันมากไป ก็จะหยุดคิดเรื่องนี้) หนูจะพยายามศึกษาอาการที่เกิดกับตัวเองขณะปฏิบัติ ก็จะมีกล่าวถึงเรื่องอาการของปิติ ต่างๆ รวมถึง ความคิดเห็น ต่างๆ ที่มีในอินเตอร์เน็ต หนูยังไม่อยากปักใจเชื่อว่า มันเป็นอาการโยกที่เกิดจากปิติ เพราะไม่อยากให้ตัวเองหลงระเริงว่าได้ปิติแล้ว อีกอย่างหนูกลัวว่า อาจเกิดจากสิ่งที่เป็นจิตอื่น เข้ามาแฝงตัวในสังขารนี้ หรือเปล่า และพอเกิดอาการตัวโยกนี้ หนูก็ไม่ได้เข้าไปปฏิบัติกรรมฐานที่เวฬุวันอีก เพราะกลัวว่า คนที่ไม่เข้าใจจะคิดว่าหนูเป็นบ้า

เมื่อมีอาการตัวโยก สั่น หน้าสะบัด มือสะบัด หนูจะมีทั้งสั่งหยุด หยุดแล้ว สักพักก็เป็นอีก บางครั้งหนูก็จะกำหนดว่า สั่นหนอ สั่นหนอ ก็หยุด แต่ก็เป็นอีก บางครั้งหนูจะใช้วิธีแผ่เมตตาก็หยุดค่ะ แต่ไม่นานอาการก็กลับมาอีก (ทำตามที่หลวงตา และพระอาจารย์ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดป่ามหาวนาราม จ.ขอนแก่น ท่านแนะนำค่ะ)

นอกจากนี้แล้ว (ช่วงหลังจากที่หนูได้ฝึกกรรมฐานกับหลวงตา) เมื่อหนูนอนสมาธิ สักพัก ซึ่งคาดว่าตัวหนูหลับในสมาธิ จิตหนูจะตื่นขึ้นมาทันที เมื่อขาที่นอนเหยียดตรง จะขยับเปลี่ยนเป็นไขว้กันในท่าสมาธิ และมือที่วางแนบตัว จะขยับมาประสานมือขวาทับมือซ้าย แบบท่าสมาธิเพียงแต่อยู่ในอาการนอน บางครั้งเมื่อมือประสานกันแล้ว มือจะยกไปมาทั้งๆ ที่ประสานกันอยู่ ..แล้วตัวหนูจะดีดลุกขึ้นมาในท่านั่งสมาธิ ซึ่งพอลุกนั่งแล้วจะเป็นท่านั่งที่เหมาะเจาะมากๆ แบบว่าหนูไม่ต้องขยับให้เข้าที่เลยค่ะ... เป็นท่านั่งที่นั่งสบายมากกว่าตอนที่หนูจัดท่านั่งสมาธิก่อนนั่งปฏิบัติค่ะ.... แรกๆ กลัว จนไม่กล้านอนสมาธิอีก จนมาช่วงเดือนเมษายน 2556 ตัดสินใจนอนสมาธิอีกครั้ง อาการเช่นนี้ก็ยังเกิดขึ้น ก็ยอมรับว่าตัวเองยังมีความรู้สึก กล้าๆ กลัวๆ กับอาการเช่นนี้ ทั้งอยากพิสูจน์ ทั้งกลัวค่ะ คือ ทุกครั้งที่เป็นเช่นนี้ ตัวเองจะตั้งสติแล้วถามว่า จริงๆ แล้วตั้งใจขยับเอง หรือเปล่า หรือ จิตตัวเองสั่งให้กายมันเคลื่อนไหวแบบนี้ไหม ก็จะนอนดูอาการที่กายขยับไปมาค่ะ แต่คำตอบที่ได้กับตัวเอง คือ จิตก็ไม่ได้สั่ง กายมันไปของมันเอง

จากที่เล่าให้อาจารย์ฟังข้างต้น หนูมีข้อสงสัยขอเรียนปรึกษาท่านอาจารย์ว่า

1.  อาการที่เกิดขึ้นขณะนั่งสมาธิ เป็นอาการปิติ หรือ ว่าเป็นกรรมเก่า หรือว่า มีจิตอื่นแฝงในสังขารนี้คะ หนูจะแก้อาการนี้ได้อย่างไรบ้างคะ

2.  เวลานอนสมาธิแล้วกายขยับเปลี่ยนจากท่านอนมาเป็นท่าสมาธิ ตลอดจนตัวดีดลุกขึ้นนั่งในท่าสมาธิเกิดจากอะไรคะ

3.  ช่วงกุมภาพันธ์ 2556 หนูมีโอกาสได้ฟังธรรมของหลวงพ่อวัดป่าหนองหลุบ จ.ขอนแก่น ได้นั่งสมาธิพร้อมฟังธรรม ภายในไม่ถึง 5 นาที น้ำมูก น้ำตาไหลตลอด แต่หนูก็กำหนดรู้และฟังธรรมต่อ เรียกว่าไหลตลอดจนหลวงพ่อเทศน์เสร็จคะ แต่จิตใจอิ่มมากค่ะ และช่วงประมาณ 1 เดือนให้หลังนี้ เวลาหนูอ่านเรื่องเล่า ประวัติ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ หรือฟังเสียงธรรม น้ำตา น้ำมูกมักจะไหล และร้องไห้ได้ง่ายๆ ค่ะ คือ ต้องมีทิชชูอยู่ใกล้ๆ ค่ะ (คือมันไม่ใช่แค่น้ำตาไหล น้ำมูกไหลเฉยๆ แต่มันคือ ร้องไห้ไปด้วยอ่านหนังสือไปด้วยค่ะ แม้แต่เมื่อสักครู่ก่อนตัดสินใจเขียนถึงอาจารย์นี้ หนูนั่งฟังชีวประวัติหลวงตาบัว ก็นั่งร้องไห้ไปด้วยค่ะ) อยากรู้ว่าจริงๆ แล้ว มันเป็นอาการปิติ หรือบ้ากันแน่ค่ะ เพราะร้องไห้ น้ำตาไหลได้ทันทีที่อ่านเรื่องเกี่ยวกับพ่อแม่ ครูอาจารย์

สิ่งเหล่านี้ หนูได้เล่าให้พี่ๆ ที่สนิทฟัง แต่ทุกคนก็ได้แค่ฟัง ...ซึ่งหนูคิดว่า มันน่าจะมีวีธีแก้ไขจากผู้รู้สักคน ซึ่งทำให้หนูนึกถึงท่านอาจารย์ค่ะสุดท้ายนี้ หนูขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์สนอง วรอุไร ผู้ชักนำให้หนูอยากพิสูจน์ธรรมของพระพุทธเจ้า จากหนังสือ “ทางสายเอก” ขออาจารย์ช่วยเมตตาให้ความกระจ่างในจิตหนูด้วยค่ะ หนูไม่ได้ตั้งใจลบหลู่ พระพุทธเจ้า แต่ด้วยหนูเกิดไม่ทันพระพุทธเจ้า จึงทำให้หนูยังสงสัยบ้าง เข้าใจบ้าง ตามประสาคนที่ไม่มีประสบการณ์ทางธรรมะค่ะ

ด้วยความเคารพอย่างสูง

นางสาวอุไรรักษ์ หินทอง  

คำตอบ
     ข้อความที่เขียนไว้ในหนังสือทางสายเอก เป็นเรื่องราวที่ผู้ตอบปัญหา ซึ่งขณะนั้น ( พ . ศ . ๒๕๑๘ ) เรียนจบหลักสูตรปริญญาเอกทางด้านวิทยาศาสตร์ แล้วไม่เชื่อคำสอนในพุทธศาสนา จึงได้ไปพิสูจน์สัจธรรมจนเข้าถึงความจริงสูงสุด ( ภาวนามยปัญญา ) ที่มนุษย์พึงเข้าถึงได้ จึงทำให้การคิด พูด ทำ ของตัวเอง เปลี่ยนมาเป็นพฤติกรรมที่ถูกตรงตามธรรมวินัย แล้วได้นำตัวเองเป็นแบบอย่างสอนผู้อื่นด้วยการทำให้ดู จนมีคนศรัทธาเลื่อมในมากหลายบนแผ่นดินที่มีการนับถือศาสนาพุทธนี้

     ( ๑ ) อาการที่เกิดขึ้นขณะนั่งสมาธิ มิใช่เป็นเรื่องของปีติ แต่เป็นอาการของจิตที่ขาดสติควบคุม สิ่งเลวร้ายจึงแฝงตัวเข้ามาใช้ร่างของผู้ถามปัญหาได้ ผู้รู้จริงแท้แก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ด้วยการกำหนดว่า “รู้หนอๆๆๆๆ” ไปเรื่อยๆ จนกว่าอาการดังกล่าว ( ตัวโยกสั่น มือสะบัด หน้าสะบัด ฯลฯ ) หายไป แล้วจึงเอาจิตมาจดจ่อคำบริกรรมเดิมที่ทำอยู่

     ( ๒ ) เกิดจากจิตขาดสติกำกับ

     ( ๓ ) ผู้รู้ไม่จริง นั่งสมาธิพร้อมกับใช้หูฟังธรรม ซึ่งเป็นการปฏิบัติธรรมที่ผิด ตรงกันข้าม ผู้รู้จริงแท้ ใช้จิตจดจ่ออยู่กับอิริยาบถที่เป็นปัจจุบันขณะเพียงอย่างเดียว และเช่นเดียวกัน การอ่านเรื่องเล่า อ่านประวัติบุคคล หรือฟังธรรม หากจิตไม่ขาดสติแล้ว อาการน้ำมูกไหล น้ำตาไหลหรือร้องไห้ จะไม่เกิดขึ้น

     อนึง ปฏาจารา แห่งเมืองสาวัตถี เป็นคนบ้าไปไหนมาไหนไม่นุ่งผ้า ด้วยเหตุที่คนที่ตนรักได้ตายจากไปถึง ๖ คน วาสิฏฐีแห่งเมืองเวสาลีเป็นบ้าอยู่นานถึง ๓ ปี ด้วยเหตุที่ลูกตายจากไป เมื่อบุคคลทั้งสองได้มาฟังธรรมจากพระโอษฐ์ จึงมีสติกลับคืนมา ( หายบ้า ) แล้วทูลขอบวชเป็นภิกษุณี ปฏิบัติธรรมอยู่ไม่นานก็บรรลุอรหัตผล
 

2458.
กราบเรียน ท่านอาจารย์สนอง ที่เคารพอย่างสูงยิ่ง

หนูขออนุญาตเล่าความทุกข์ใจ ที่หนูมีก่อนที่จะถามคำถามท่านอาจารย์นะค่ะ ท่านอาจารย์ค่ะ หนูมีความทุกข์ใจอย่างมากเหลือเกิน เรื่อง ความรักชีวิตครอบครัวค่ะ หนูมีแฟนคนแรกพี่เค้าเป็นตำรวจภาคใต้ เป็นคนดีมากๆเราวางแผนจะแต่งงานกัน แต่พี่เค้าถูกโจรยิงเสียชีวิต หนูเสียใจมากๆๆๆเหมือนโลกทั้งโลกพังลงมา ชีวิตมันมืดไปหมด หนูไม่มีโอกาสจะมางานศพพี่เค้าเพราะตอนนั้นหนูดูงานอยู่เมืองนอก หนูกลับมาอีกทีก็ได้แต่กระดูกพี่เค้า หนูเสียใจมากๆไม่รู้จะคำพูดไหนมาบรรยายได้หมด

ต่อมาหนูมีแฟนคนที่สอง แฟนคนนี้ทำให้หนูเจ็บปวดมากๆ เค้าเป็นตำรวจภาคใต้ค่ะ เราคบกันตั้งแต่เค้าเป็นสิบตรี จนปัจจุบันเค้าเป็น รตท. หนูกับเค้าเราหมั้นกันแล้วค่ะ เค้าสัญญาว่า ได้นายร้อย จะมาแต่งงานกับหนู แต่พอเค้าได้นายร้อยก็เริ่มเปลี่ยนไป เริ่มมีเรื่องผู้หญิงเข้ามา ไม่โทรหาหนู และสุดท้ายเค้าขอเลิกกับหนู เค้าบอกว่า 7 ปี ที่คบกับหนูไม่เคยรักหนูเลย แต่ต้องทนอยู่กับหนูเพราะสัญญากับแม่หนูแล้วในวันที่หมั้นกับหนู อาจารย์ค่ะวันที่เค้าขอเลิกกับหนูและบอกว่าไม่เคยรักหนูเลย หนูตัวชาไปหมด

หนูงงไปหมดเลยค่ะอาจารย์ แฟนคนนี้หนูช่วยเหลือเค้ามาตลอด ทั้งเรื่องเงินและเรื่องอื่นๆอีกหลายอย่าง วิ่งหาซื้อเสื้อเกราะให้ เอาเงินเก็บของเราที่คิดว่าจะแต่งงานด้วยกันไปซื้อรถให้เค้า เค้าถามหนูว่าจะแต่งงานหรือจะซื้อรถ เค้าบอกว่าที่ทำงานเค้าอยู่ไกลจากตัวจังหวัดมาก ถ้าใช้รถหลวงจะไม่ปลอดภัย อาจารย์ค่ะ ชีวิตของคนรักกับการแต่งงานหนูจะเลือกอะไร ผู้หญิงเราก็ต้องเลือกชีวิตคนรักอยู่แล้ว หนูให้เค้าเอาเงินที่จะแต่งงาน ไปซื้อรถเพื่อความปลอดภัยในชีวิตของเค้า หนูคิดว่าเราสามารถที่จะเก็บเงินกันใหม่แล้วค่อยแต่งงานกันก็ได้ ตอนนั้นเค้าพึ่งได้เป็นนายร้อยใหม่ๆต้องขับรถเข้าตัวเมืองบ่อยๆเค้าบอกว่าไม่ปลอดภัยเวลาใช้รถหลวง อาจารย์ค่ะช่วงก่อนจะสอบนายร้อย หนูก็วิ่งหาซื้อหนังสือเตรียมสอบให้ คบกันตั้งแต่เค้าเงินเดือนแค่ 6000 กว่าบาท เค้าบอกว่าทนลำบากกับเค้าหน่อยนะเดี่ยวพอได้นายร้อยได้เงินเดือนเยอะขึ้นเราก็สบายกันแล้ว จนพอเค้าได้นายร้อยเงินเดือน ได้ประมาณเกือบ 50,000 บาท เค้าก็ทิ้งหนูไปมีผู้หญิงอื่น ไม่คิดเลยค่ะว่าเค้าจะเปลี่ยนไปขนาดนี้ หนูเสียใจมากๆๆๆ เจ็บปวดใจอย่างที่สุด

วันที่เค้าบอกเลิกกับหนู หนูกลั้นใจ บอกเค้าว่า หนูขออโหสิกรรมกับเค้าทั้งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมที่หนูเคยล่วงเกินเค้าไว้ และหนูอโหสิกรรมให้กับเค้าที่เค้าทำหนู และหนูขอบคุณเค้าที่ทนคบหนูมา 7 ปีทั้งที่ไม่ได้รักหนู และหนูอวยพรให้เค้าโชคดี มีความเจริญทั้งหน้าที่การงานและชีวิตครอบครัว อาจารย์ค่ะหนูพูดด้วยความสัตย์จริง วันที่หนูอวยพรและอโหสิกรรมให้เค้า หนูพูดจากใจจริงไม่ได้เสแสร้ง ไม่ได้ประชด และไม่ได้ด่าเค้าเลยสักคำ อาจารย์ค่ะหนูโง่มากไหมค่ะที่ทำแบบนี้ ทั้งที่เค้าขอเลิกกับหนูๆยังพูดดีกับเค้าอีก

อาจารย์ค่ะเวลาที่หนูคบกับแฟนทั้งคนแรก และคนที่สอง หนูไม่เคยนอกใจ หนูซื่อสัตย์มาตลอดทั้งต่อหน้าและลับหลัง แม้บางครั้งจะมาคนอื่นเข้ามาในชีวิตหนู ที่อาจจะดีกว่าแฟนหนู หนูก็เลือกที่จะปฏิเสธเพราะหนูคิดว่า ไม่มีคำว่าดีที่สุด มีแต่ใจเราเท่านั้นที่จะหยุดตรงคำว่าพอ

หนูขอเรียนถามท่านอาจารย์ค่ะ

1. อาจารย์ค่ะ หนูทำบาปกรรมอะไรหรือค่ะ ? ทำไมหนูถึงเจอแต่ความผิดหวัง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งๆที่ในชีวิตนี้หนูมั่นใจว่าเวลาหนูคบใคร หนูซื่อสัตย์กับคนที่หนูคบมาตลอดทั้งต่อหน้าและลับหลัง ไม่เคยนอกใจคนที่หนูคบ หรือ แย่งชิงของใคร หนูเคยอ่านในหนังสือกฎแห่งกรรม ถ้าใครก็ตามชาติก่อนทำผิดศีลข้อไหนในแต่ละด้านมามากกว่า 60% ในชาตินี้ก็จะมีปัญหาในเรื่องนั้นๆตามศีลข้อที่ตนเองผิด อย่างหนูถ้าในชาติก่อนทำผิดศีลข้อ 3 ก็จะส่งผลให้ชาตินี้ ไม่สมหวังเรื่องความรัก ชีวิตคู่ครอง มีแฟนหรือสามีก็จะถูกนอกใจ ถ้าอย่างนั้นแปลว่าชาตินี้ทั้งชาติ หนูจะไม่มีวันสมหวังในเรื่องความรักบ้างเลยหรือค่ะ ? ชาติก่อนหนูไม่รู้ว่าหนูทำอะไรมา แต่ในชาตินี้หนูมั่นใจว่าทั้งชีวิตของหนู ไม่เคยเบียดเบียนชีวิตคู่ของใคร และหนูซื่อสัตย์กับคนที่หนูคบเสมอ หนูต้องทำอย่างไร ถึงจะมีชีวิตคู่ที่ดีบ้างค่ะ?

2. ทุกวันนี้หนูสวดมนต์ไหว้พระทุกคืน และวันธรรมดาหนูจะเดินจงกรมและนั่งสมาธิอย่างละ 15 นาที และในวันหยุดจะเพิ่มเป็นอย่างละ 30 นาที เวลาหนูแผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศล ควรจะเฉพาะเจาะจงให้เจ้ากรรมนายเวรอย่างเดียวจะได้ไหมค่ะ? หรือหนูจะต้องให้ทุกๆคนเท่ากัน อย่างไหนจะดีกว่ากัน หรือจะทำให้หนูหมดทุกข์จากเรื่องความรักเร็วกว่ากันค่ะ และหนูจะต้องทำบุญอะไรเพิ่มเติมอีกไหมค่ะ นอกเหนือจากที่หนูบอกมา ถึงใช้หนี้กรรมให้เจ้ากรรมนายเวรได้หมด หรือ เร็วขึ้น

3. หนูเคยไปบรรยายให้ความรู้กับสามเณร และต้องทำกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ หนูให้สามเณรตบมือ ท่านบอกไม่ได้อาบัติ หนูจะบาปไหมค่ะที่ทำให้ท่านต้องอาบัติ(หนูไปสอนมาแล้ว 2 รุ่น รุ่นแรกหนูให้ตบมือไปแล้ว สามเณรไม่ได้บอกว่าอาบัติ ค่อยมาบอกเอาตอนที่หนูไปสอนรุ่น 2 ) แต่หนูก็เปลี่ยนเป็นให้ท่านตีโต๊ะแทนอย่างนี้ท่านจะอาบัติไหมค่ะ ท่านอาบัติหนูจะบาปมากหรือเปล่า หนูไม่ได้ตั้งใจ แต่ตั้งใจให้ความรู้ท่านและต้องมีกิจกรรมตื่นตัว เพื่อไม่ให้ท่านเบื่อและมีสมาธิในการเรียน

สุดท้ายนี้ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่หนูได้เคยล่วงเกินท่านอาจารย์ ทั้งที่หนูตั้งใจและไม่ตั้งใจก็ดี รู้และไม่รู้ก็ดี ทั้งต่อหน้าและลับหลังก็ดี หนูขออโหสิกรรมกับท่านอาจารย์ด้วยค่ะ และต้องขอโทษท่านอาจารย์ด้วยค่ะ ที่บางคำถามของหนูดูไร้สาระ

ขอคุณพระศรีรัตนตรัย ได้โปรดคุ้มครองท่านอาจารย์ให้มีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาวอยู่เป็นมิ่งขวัญแก่ผู้ทุกข์ยากทุกคนด้วยเทอญ

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ

จากผู้มีทุกข์

คำตอบ
      ( ๑ ) ก่อนจากกับแฟนคนที่สอง ผู้ถามปัญหาได้อวยพรให้เขาโชคดี มีความเจริญในหน้าที่การงานและครอบครัว หากสิ่งที่บอกเล่าไปเป็นความสัตย์ ต้องปล่อยให้เรื่องในอดีตผ่านไปเหมือนลมพัดถูกต้องตัว พระพุทธโคดมได้ตรัสไว้ในทำนองที่ว่า “มนุษย์มีทรัพย์สมบัติเป็นห่วงผูกขา มีสามีภรรยาเป็นห่วงผูกมือ มีบุตรธิดาเป็นห่วงผูกคอ” ดังนั้น หากผู้ถามปัญหาหวังความเป็นอิสระในวันข้างหน้า ต้องไม่แสวงหาสิ่งนอกภายมาเป็นห่วงถ่วงตัวให้หนัก ด้วยการปฏิบัติธรรมจนเกิดสติและปัญญาเห็นถูกตามธรรมได้แล้ว ความเป็นผู้มีโชคดีย่อมเกิดได้ในวันข้างหน้า

     ( ๒ ) ทุกครั้งที่มีการไหว้พระสวดมนต์ และปฏิบัติธรรมแล้วเสร็จ ต้องอุทิศบุญใหญ่ที่เกิดขึ้นให้แก่เจ้ากรรมนายเวร จึงจะเป็นการปฏิบัติที่สมควร ขณะใดที่บุคคลยังมีเจ้ากรรมนายเวรตามทวงหนี้อยู่ ผู้รู้ที่ไม่จริงแท้ยังต้องอุทิศบุญใหญ่ให้กับเจ้ากรรมนายเวร จนกว่าจะชดใช้หนี้เวรกรรมได้หมดสิ้น ตรงกันข้าม ผู้ที่สามารถปิดอบายภูมิ ( อริยบุคคล ) ได้แล้ว ย่อมอุทิศบุญใหญ่ให้กับสรรพสัตว์อย่างถ้วนหน้ากัน

    อนึ่ง การชดใช้หนี้เวรกรรมให้หมดสิ้นเร็ว ต้องขอความเมตตาจากผู้เข้าร่วมปฏิบัติธรรม ช่วยกันอุทิศบุญใหญ่ที่แต่ละคนมี ใช้หนี้ให้กับเจ้ากรรมนายเวรของผู้ถามปัญหาด้วย

     ( ๓ ) การบอกให้สามเณรตบมือ ( ปรบมือ ) โดยมีเจตนาให้เกิดสมาธิในการเรียน ไม่ถือว่าเป็นการประพฤติที่ผิดบาป

     สุดท้าย อโหสิกรรมให้
 

2457.
กราบเรียน ท่านอาจารย์ ดร.สนอง ค่ะ

การรู้ทันความรู้สึกต่างๆ ที่เกิดขึ้น เช่น รู้สึกโกรธ รู้สึกหงุดหงิด แล้วเรารู้ทันความรู้สึกนั้น ว่า เอ๊ะ นี่เรากำลังโกรธนะ หรือ นี่เรามีอารมณ์หงุดหงิดนะ เมื่อรู้ทันอารมณ์ขณะนั้น ก็พยายามดับความรู้สึกดังกล่าวไป การทำลักษณะนั้ใช่ เป็นการรู้สภาวะธรรมหรือไม่ค่ะ เพราะขณะเรารู้นั้นเป็นการดำเนินชีวิตตามปกติ ไม่ได้ปฏิบัติสมาธิน่ะค่ะ

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ค่ะ

คำตอบ
      ตามที่บอกเล่าไปเรียกว่า รู้สภาวธรรม ( อารมณ์ ) ที่เกิดขึ้นกับจิตของผู้ถามปัญหา เป็นการรู้สภาวธรรมที่ค่อนข้างจะสาย ผู้ปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงสติและปัญญาเห็นแจ้งได้แล้ว ย่อมเห็นความขัดใจดับไป ( อนัตตา ) ตามกฎไตรลักษณ์ แล้วอารมณ์โกรธจะไม่เกิดขึ้น ผู้รู้จริงแท้มีสภาวธรรมในดวงจิตเป็นดังนี้
 

2456.
กราบเรียน อาจารย์สนองที่นับถือ

อาจารย์ครับ อาจารย์เชื่อกรรมในภพชาติก่อนๆไหมครับ ? 

ตอนแรกผมเองก็เฉยๆกับเรื่องนี้ แต่พอเวลาผ่านไป จากเรื่องทุกข์ของผมคือครอบครัวแตกแยก ต่อมา ตกงาน และนี่ผมดิ้นรนทุกทางแต่เหมือนไม่มีแสงสว่างจากปลายอุโมงค์

ทุกวันนี้ตัวคนเดียว ไปติดต่อใครๆหรือเพื่อน ส่วนมากก็จะได้รับคำปฎิเสธ จิตใจห่อเหี่ยวไม่มีเรี่ยวแรง

ขอคำแนะนำจากอาจารย์ด้วยครับ จิตใจฟุ่งซ่านอาจจะพลานคิดไปในเรื่องแย่ๆ ตอนนี้ทำสมาธิทุกวัน ขอขมากรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรผม ให้ผมเจอทางออก

ซ้ง  

คำตอบ
      ผู้ที่พัฒนาจิตจนเข้าถึงปัญญาเห็นแจ้งได้แล้ว ย่อมรู้และยอมรับว่ากฎแห่งกรรมมีจริง เป็นกฎธรรมชาติที่มีอิทธิพลเหนือชีวิตของสรรพสัตว์ ผู้รู้จริงแท้จึงประพฤติบุญใหญ่ ( ปฏิบัติธรรม ) ให้เกิดขึ้น แล้วใช้พลังของบุญใหญ่ผลักดันชีวิต จึงจะพ้นไปจากอกุศลวิบากที่ตนกำลังเสวย นี่คือแสงสว่างที่รออยู่ปลายอุโมงค์ ผู้ถามปัญหาจะนำพาชีวิตดำเนินไปให้ถึงหรือไม่ ก็เลือกเอาตามใจปรารถนาเถิด
 

2455.
สวัสดีครับ อ.ดร.สนอง วรอุไรที่เคารพ

        ผมปัจจุบันอายุ 32 ปี ย้อนกลับไปเมื่อตอนผมอายุ 15 ผมได้นั่งสมาธิ เพราะอยากไปพบไปเห็นน้องชายที่เสียชีวิตจากการจมน้ำ ก็ได้แต่นั่งสมาธิไปเรื่อยๆก็ไม่ได้พบน้องชายดังใจหมาย แต่สิ่งที่เกิดขั้นกับผมในขณะนั้นคือ  

     - จดจำและเข้าใจในการเรียนโดยฟัง หรืออ่านเพียงครั้งเดียวได้อย่างดีมาก จากเด็กเรียนไม่เอาไหน กลับดีขึ้นมากจนถึงขั้นได้ทุนเรียนดีที่ 1 ของทางโรงเรียนในปีนั้น  

     - หลับไม่มีการฝัน ล้มหัวลงหมอนก็หลับอย่างสบาย

     - มีความสุขในการนั่งสมาธิ เหมือนกับว่าเวลาในการนั่งสมาธินั้นช่างผ่านไปรวดเร็วมาก  

     - ก่อนนอนแค่คิดอยากจะตื่นตอนไหน ก็สามารถตื่นได้ตรงเวลาโดยไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุก

แต่ด้วยในขณะนั้นยังเด็ก ติดเพื่อนอยากลองอยากรู้อะไรหลายอย่าง ทำให้ได้ทำความผิดไปค่อนข้างเยอะ ดื่มเหล้า สูบบุรี่ ยาเสพติดอย่างอื่นด้วย ร่วมทั้งลักขโมยเล็กๆน้อยๆบ้างเพราะอยากได้เงินไปเสพยา สุดท้ายก็ขายยาเสพติดอยู่พักนึง ทะเลาะกับพ่ออย่างรุ่นแรง แต่ปัจจุบันได้เลิกกระทำดังกล่าวโดยสิ้นเชิงแล้ว จนถึงวัยทำงานก็หลงใช้จ่ายเกินกำลังทำให้มีหนี้สินมากมาย ผิดศิลโดยเฉพาะข้อ 3 ไว้มาก เมื่อมีปัญหาไม่รู้จะทำอย่างไร จึงขอพึ่งธรรมของพระพุทธเจ้า แต่ก็ได้แต่ฟัง อ่าน และได้ลองนั่งสมาธิ จิตก็สงบเป็นพักๆ ไม่สงบเหมือนครั้งตอนอายุ 15 ปี เหตุเพราะผมได้สร้างกรรม และปัญหาไว้มากมายโดยความขาดสติ คงต้องทำให้ปัญหาทุเลาลงก่อนถึงจะปฏิบัติได้ ปัจจุบันผมได้ฟังการบรรยายธรรมของท่านอาจารย์อยู่บ่อยครั้งที่ระลึกได้ ศิล 5 ก็พยายามรักษา แต่ตอนนี้มันก็ติดเรื่องค่าใช้จ่ายศิลข้อ 2 และข้อ 4 จึงไม่บริสุทธิ์ โดยผมพยายามที่จะแก้ไขให้ตัวเองเดินทางถูกที่สุด 

คำถาม คือผมรักษาศิลให้บริสุทธิ์ ผมจะกลับมาปฏิบัติธรรมจนถึงชั้นโสดาบันได้หรือไม่

คำตอบ
      ในครั้งพุทธกาล สิริมามีปัญญาเห็นผิด จึงประกอบมิจฉาอาชีวะเป็นโสเภณีแห่งแคว้นมคธ ภายหลังได้ฟังธรรมจากพระโอษฐ์และได้รู้ว่า เมื่อตัวเองตายแล้วจะต้องเวียนไปเกิดอยู่ในภพนรก จึงเลิกอาชีพโสเภณีอย่างเด็ดขาด แล้วหันมาปฏิบัติทาน ศีล ภาวนา จนจิตบรรลุโสดาบันขณะยังเป็นฆราวาส และยังมีชีวิตอยู่ที่นั่นจนกระทั่งปัจจุบันนี้ จึงเรียกได้ว่า สิริมาเป็นผู้สว่างมา - สว่างไป เช่นเดียวกันหากผู้ถามปัญหา เน้นความไม่ดีของตัวเอง แล้วหยุดประพฤติดังกล่าว หันมาปฏิบัติทาน ศีล ภาวนา จนเข้าถึงมรรคผลได้แล้ว การมีชีวิตเป็นผู้สว่างมาและสว่างไปจึงจะเกิดขึ้นได้
   

2454.

การปราถนาพุทธภูมิถือเป็นความอยากหรือไม่ แล้วความอยากนั้นเป็นกิเลสหรือไม่

คำตอบ
     
ความอยากเป็นกิเลส แต่บุคคลจะนำพาชีวิตดำเนินไปในทางพุทธภูมิ ต้องประพฤติเหตุให้ตรงคือ บำเพ็ญบารมีให้ครบทั้ง ๓๐ ทัศ แล้วผลสัมฤทธิ์จึงจะเกิดขึ้นได้
 

2453.
เรียน อ.สนอง ที่เคารพ

         กระผมเป็นข้าราชการ ตั้งใจจะบวชเพื่อพัฒนาจิต โดยมีเวลาในการบวช 1-2 เดือน อยากจะขอคำแนะนำว่าจะสามารถบวชเรียน และหาครูบาอาจารย์ชี้นำทางได้ที่ใดบ้าง ขอคำแนะนำที่ไม่ไกลจากบ้านนัก   บ้านผมอยู่อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
                ธรินทร์ นวลฉวี

คำตอบ
      การเข้าถึงธรรมมิได้อยู่ที่ครูผู้สอนกรรมฐานเพียงฝ่ายเดียว แต่อยู่ที่ตัวของผู้ปฏิบัติธรรมเป็นหลัก แนะนำวัดอโศการาม
 

2452.
ขอกราบขอบพระคุณในเวลาของท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร อย่างสูง ที่กรุณาเสียสละเวลามาไขปัญหาให้ศิษย์ผู้เขลา

หนูมีเรื่องที่ไม่ทราบว่าจะทำ หรือ คิดอย่างไร ดีค่ะ

ในระหว่างสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดคุณพ่อ หนูได้ตั้งจิตไว้ว่า จะลุกขึ้นใส่บาตรทุกเช้า ทั้งสัปดาห์ เพื่ออุทิศกุศลให้คุณพ่อ และเจ้ากรรมนายเวรของท่าน(คุณพ่อหนูยังมีชีวิตอยู่ค่ะ)

แต่เช้าวันนี้ (วันที่สอง) กลับบังเอิญปิดประตูห้องน้ำ ทับจิ้งจกตาย ทั้งที่ค่อยๆ ปิด แต่ไม่ทันมองเพราะเค้าแอบอยู่ซอกบานพับ แต่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสียงแปลกๆ จึงปล่อยมือจากประตู

เห็นเค้าดิ้นด๊อกแด๊ก สงสารมาก และ เสียใจเพราะความไม่ตั้งใจ ทั้งที่ตนพยายามอย่างยิ่งที่จะรักษาศีล 5 ซึ่งเหมือนจะไม่ยาก แต่มักผิดข้อ 1 กับ ข้อ 5 ในบางโอกาส ตัดสินใจเด็ดขาดว่า ข้อ 5 เลิกแน่นอน

ทำให้วันนี้ ไม่สบายใจ ใจนึงคิดว่า ขออโหสิเค้าที่ไม่ได้ตั้งแต่ แต่เพราะเค้าตาย ทำให้ใจเราเศร้าหมอง

หนูต้องทำอย่างไร หรือคิดอย่างไรดีค่ะ เมื่อได้ผิดศิล ไปโดยเจตนา หรือ มิได้เจตนาก็ดี

การทำบุญในวันนี้ หนูจึงอุทิศบุญให้กับจิ้งจกตัวนั้น แทนค่ะ

คำตอบ
      เมื่อนำอาหารไปใส่บาตรพระแล้ว ต้องเรียนให้คุณพ่อทราบถึงกุศลกรรมที่ได้ประพฤติ เมื่อคุณพ่อเห็นลูกทำดีแล้วกล่าวว่า “สาธุ” หรือ “อนุโมทนาในกุศลกรรมของลูก” คุณพ่อจึงจะได้รับอานิสงส์ของบุญที่ลูกส่งให้

     ไม่เจตนาปิดประตูให้ทับจิ้งจกจงได้รับบาดเจ็บหรือตาย ไม่ถือว่าเป็นบาป แต่หากผู้ถามปัญหา ยังถูกจิ้งจกผูกพยาบาทหรือจองเวร บาปจึงจะเกิดขึ้นได้ ดังนั้น เมื่อใส่บาตรแล้ว ต้องอุทิศบุญให้กับจิ้งจก ก่อนอุทิศให้คุณพ่อ
 

2451.
กราบเรียน อาจารย์ ดร.สนอง ที่เคารพ

หนูมีเรื่องสงสัยคือว่า การที่เราไหว้ตี่จู้ หรือการที่เราไหว้ครูหมอตายาย (ผีบรรพบุรุษ) ซึ่งความเชื่อของคนใต้ เป็นการกระทำที่ผิดหลักศาสนาพุทธมั้ยคะ ทำได้มั้ีย คือหนูมีความปรารถนาจะปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก ถึงแม้จะไม่ได้ในชาตินี้ แต่ก็อยากปฏิบัติให้ตรงทางกับที่พระพุทธเจ้าสอนค่ะ
ถ้าหนูล่วงเกินอาจารย์ ทางกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ด้วยความตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี หนูขออโหสิกรรมจากอาจารย์ด้วยนะคะ

ด้วยความเคารพอย่างสูง

คำตอบ
      ผู้ใดปรารถนานำพาชีวิตให้เป็นไปแบบฆราวาส ถือว่าไม่ผิด ตรงกันข้าม ผู้ใดประสงค์นำพาชีวิตไปสู่ความพ้นทุกข์ ผู้นั้นต้องไม่ประพฤติตามที่บอกเล่าไป เหตุเพราะมีพฤติกรรมขวางทางพระนิพพาน

    สุดท้าย อโหสิให้