1

 

 

 

                                                       
คำถาม-คำตอบ ข้อ 2051-2100

2100.
กราบเรียนท่านอาจารย์   ที่เคารพอย่างสูง
 
         หนูได้มีโอกาศเข้าฟังการบรรยายธรรมของอาจารย์ ครั้งแรก เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา รู้สึกประทับใจมากค่ะ จริง ๆ แล้วหนูได้ติดตามหนังสือที่อาจาย์เขียน หลายเล่ม แต่ไม่มีโอกาศเข้าฟังการบรรยายธรรม และหนังสือของอาจารย์ที่ซือมา หนูแจกให้ คนที่หนูรัก ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน หรือ ผู้ใหญ่ทีนับถืออ่านอยากให้พวกเขา ได้เห็นธรรมที่อาจารย์ชี้แนะให้ คิดอยู่นานเหมือนกันว่าจะ ส่งอีเมลล์มาถามคำถามอาจารย์ ดีใหม....

     หนูพยายามอ่านคำตอบจากคำถามของเพื่อน ๆ ที่ส่งเข้ามาถามอาจารย์ เผื่อว่าใครจะมีปัญหาคล้าย เรา จะได้ นำคำแนะนำที่อาจารย์แนะนำให้ มาปรับใช้ แต่ได้อ่านคำ อธิษฐานที่อาจารย์แสดงไว้ข้างกล่องคำถาม -คำตอบแล้ว ว่าคำถามที่พวกหนู (ผู้ที่ยังมืดมนในปัญญา)ทั้งหลายที่ ถามอาจารย์ เข้ามา เปรียบเสมือนเป็นครู หนูก็เลยไม่กล้าคิดมากค่ะ   ยังไง หนูขอกราบขอบพระคุณในเมตตาจิตอันสูงส่งของอาจาย์ช่วยชี้ทางสว่างให้ค่ะ

หนูมีเรื่องเรียนถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ
     พ่อของหนูท่านเคยเป็นผู้ใหญ่บ้านมาก่อน (เมื่อสมัย 20 ปี ก่อน)   แล้วรู้สึกว่าท่านจะเคยโกงเงินสงฆ์ เกี่ยวกับ ผ้าป่า หรือเงินส่วนกลาง อะไรทำนองนี้ค่ะ (หนูฟังจากที่แม่เล่า) ตอนนี้ท่านเหมือนได้รับวิบากกรรม ท่านเป็นโรคผิวหนังชนิดนึง น่าเกลียด น่ากลัวมาก ค่ะ ขึ้นที่หน้าของท่าน หนูก้อพยายามนำท่านไปรักษาในที่ต่างๆ ก้อดีขึ้นบ้าง แต่ไม่หายขาด อีกอย่าง ท่านชอบดื่มเหล้า หมอห้าม หนู้ก้อห้าม แต่ไม่ทำตาม อาการก้อไม่ดีขึ้น ท่านชอบการพนัน ทุกอย่างเลยค่ะอาจารย์ ทั้งๆ ที่ท่านไม่ได้มีรายได้อะไร เงินที่หนูส่งให้ ท่านก้อไม่นำไปใช้ไห้เกิดประโยชน์เลยค่ะ ใช้ในทางที่ผิดซะเป็นส่วนใหญ่ หนูเคยนำท่านไปเข้าวัด ปฏิบัติธรรม ฟังธรรม หลายครั้ง พอออกจากวัดมาก้อยังทำตัวเหมือนเดิม   คือข้องเกี่ยวกับอบายมุขทุกอย่าง หนูพยายามทุกวิธี อยากให้ท่านได้ลืมดาเห็นธรรม สร้างบุญกุศลให้ตัวเอง แต่ท่านไม่เข้าใจเลยหนูควรทำอย่างไร ดีคะ

    ถ้าเงินจากที่ท่านเคยโกงมา แล้วนำมาใช้จ่ายในครอบครัว (หรือบางทีหนูอาจจะได้ใช้ด้วยเพราะยังเด็กมาก ไม่รู้จริง ๆ ค่ะ) พวกหนูที่อยู่ในครอบครัวเดียวกันกับท่านจะได้รับผลกรรมหรือ ป่าวคะ ถ้าได้รับ พอมีวิธีแก้ หรือผ่อนหนัก ให้เป็นเบาหรืป่าวคะอาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยค่ะ

    แล้วณ ปัจจุบันนี้ คุณพ่อ กับ คุณแม่ ท่านไม่ค่อยจะสามัคคี รักใคร่กันเหมือนคู่สามีภรรญาทั่วไปค่ะ   ท่านจะทะเลาะกันตลอด บางครั้งมี ลงมือลงไม้ ทั้งๆที่ท่านอายุเยอะกันแล้ว หนูก้อพยายามหาวิธี ให้ท่านอยู่กันอย่างสงบค่ะ หนูเคยฟังธรรมจากท่านหลวงพ่อจรัญท่านบอกว่า ถ้าพ่อแม่ไม่ดีให้แก้ที่ลูก   ( ลืมไปว่าคุณแม่ท่านก้อชอบดื่มเหล้าเหมือนกัน) หนูเห็นตัวอย่างไม่ดีที่พวกท่านทำแล้ว ทำให้หนูละอาย ไม่กล้าทำตาม พยายามเอาศีลห้าคลุมใจตลอดเหมือนที่อาจารย์แนะนำ ระวังสุด สุด เลยค่ะเรื่องศีลเพื่อที่จะได้เป็นคนปกติ ให้พวกท่านได้เห็นประจักษ์ หนูพยายามอยู่หลายปีแล้วค่ะอาจารย์ แต่ไม่สำเร็จเป็นเพราะอะไรคะ แล้วที่หนูเคยไปล่วงเกินท่าน (บางครั้งอาจจะพูดไม่ดีออกไป)หนูต้องทำอย่างไรคะ และอีกอย่างบางครั้งด้วยความที่ท่านไม่ลงรอยกัน ทางแม่ท่านก้อจะยกเอาตัวอย่างการกระทำของพ่อที่ไม่ดีมาบอกให้หนูได้รับรู้ด้วย คล้าย ๆ ว่าอยากให้หนูเอนเอียงเข้าข้างท่านคนเดียว หนูบางครั้งก้มีเอนเอียงไปบ้าง แต่ก้อโกรธ และเกลียด(เหมือนที่แม่ทำ)ท่านไม่ได้ เพรายังไงท่านก้เป็นบุพการี   หนูมีฐานะอยูตรงกลางอึดอัดที่สุดเลยคะอาจารย์ หนูควรทำอย่างไรดี

    คำถามสุดท้ายฝากถามให้น้องสามีค่ะ แกมีแฟนเป็นชาวต่างชาติ ไปอยู่กับแฟนที่ต่างประเทศ แล้วตัวเองไปทำงานที่โรงพยาบาลทำแท้งค่ะ อยู่ได้ประมาณ 3 ปี ปีที่ 4 สามี มีภรรญาน้อย แล้วเกิอาการเครียดมาก จนเป็นโรคประสาท ช่วงที่อาการกำเริบ แกได้ใช้มือตบเศียรพระพุทธรูปหล่นจากหิ้งลงมาเศียรขาดเลยค่ะ ก้อเลยไม่สบายใจอยากถามอาจารย์ ว่าควรทำอย่างไร ที่ไปล่วงเกินท่านไว้ แล้วอาการโรคประสาทที่เป็นอยู่ เกิดจากอะไรคะเกี่ยวกับกรรมที่เคยไปทำงานโรงพยาบาลทำแท้งหรือป่าว แล้วทำย่างไรถึงจะหายคะ เพราะรักษาแผนปัจจุบันมานานแล้ว อาการไม่ดีขึ้นเลย อาจารย์ช่วยชี้แนะดวยค่ะ
 
ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
        จากเรื่องที่บอกเล่าไป แม้จะชักชวนพ่อให้มาปฏิบัติธรรม ฟังธรรมอย่างไร ก็ไม่สามารถสัมฤทธิ์ผลได้ ทั้งนี้เป็นเพราะยังอยู่ระยะเสวยอกุศลวิบาก แต่การช่วยเหลือพ่อเป็นอริยธรรมที่ลูกควรประพฤติ เมื่อช่วยเหลือไม่สำเร็จต้องปล่อยวาง ทั้งนี้เพราะบุคคลมีกรรมเป็นทายาท มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย ด้วยเหตุนี้กรรมจึงแบ่งสัตว์บุคคลออกเป็นสองฝ่าย คือ ให้มีชีวิตชั่วช้าเลวหยาบ และให้มีชีวิตประณีตดีงาม

     ผู้ใดเข้าร่วมกระทำอกุศลกรรม ผู้นั้นย่อมมีส่วนในอกุศลวิบากที่เกิดขึ้นด้วย วิธีแก้ไขคือ ผู้ถามปัญหาต้องทำบุญอยู่เสมอ โดยเฉพาะบุญใหญ่ (ปฏิบัติธรรม) แล้วอุทิศบุญใช้หนี้เวรกรรมไปเรื่อยๆ

     ในครั้งพุทธกาล พระพุทธโคดมชี้แนะให้ผู้มีศีล เป็นผู้นำสังคม แล้วย่อมทำให้สังคมสงบและมีความปกติสุข เมื่อทั้งพ่อและแม่ไม่มีศีล ผู้อยู่ร่วมสังคม จึงต้องรับอกุศลวิบากนั้นด้วย

     การกล่าววาจาล่วงเกินพ่อแม่ ถือว่าบาป ผู้รู้จึงนิยมไปขอขมาพ่อแม่ แล้วรักษาใจตนเอง มิให้ประพฤติล่วงเกินเกิดขึ้นอีก และยังเอาพ่อแม่มาเป็นครูสอนใจตัวเอง ว่าเราจะไม่ประพฤติเช่นเขาทั้งสอง แล้วเราจะไม่ต้องมารับอกุศลวิบากเช่นเขา พร้อมทั้งรักษาใจตนเองมิให้ความคิดที่เป็นอกุศลเกิดขึ้น

     คนอื่นประพฤติไม่ดีเป็นเรื่องของเขา การทำแท้งนำความวิบัติมาสู่ชีวิต ผู้รู้ไม่ประพฤติเช่นนั้น และยังไม่เอาจิตไประลึกรู้อยู่กับเรื่องที่ไม่ดีอีกด้วย
   

2099.
เรียน ท่านอาจารย์ ดร.สนอง ที่เคารพ

ดิฉันรบกวนท่านช่วยเมตตาชี้แนะด้วยค่ะ

     ดิฉันเริ่มสนใจธรรมะมาได้เกือบๆ ๒ ปีมาแล้วค่ะ สิ่งที่ทำอยู่คือถือศีล ๕ , ฟังธรรม , ทำทาน และนานๆครั้งถึงจะไปปฏิบัติธรรมที่วัด ซึ่งสิ่งที่พยายามทำให้ได้ทุกวันคือสวดมนต์ไหว้พระ ส่วนการเดินจงกรมและนั่งสมาธิยังทำได้ไม่ต่อเนื่องค่ะ

     ๑. หลังจากเดินจงกรมนั่งสมาธิ จะรู้สึกเพลีย อย่างดิฉันตื่นมาเดินจงกรมนั่งสมาธิตอนตี ๔ อย่างละชั่วโมงพอเสร็จตอนประมาณ ๖ โมงก็เข้าไปนอนต่อและก็หลับไป จะฝันถึงสิ่งที่ยังติดอยู่ในใจ  คือความกลัวผีบ้างหรือฝันถึงเรื่องกามราคะบ้าง (ดิฉันรู้สึกว่าตัวเองติดในเรื่องกามราคะมากควรแก้ไขยังไงคะ) ทำให้อยากนอนมากๆ ตื่นแล้วก็ไม่รู้สึกสดชื่น ควรจะแก้ไขยังไงคะ

     ๒. การเดินและนั่งเป็นเวลาอย่างละหลายๆชั่วโมง ก็จะไม่ทำให้จิตรวมและเข้าถึงความเป็นฌานได้ใช่มั้ยคะ ถ้าศีลยังด่างพร้อย

     ๓. การรักษาศีลไม่ให้ด่างพร้อย ถ้าเรารู้ว่าใจกำลังเริ่มจะคิดไปในเรื่องที่ไม่ดีแล้วรีบกำหนดว่าคิดหนอๆ อย่างนี้ถือว่าเป็นการแก้ไขไม่ให้ศีลด่างพร้อยที่ถูกมั้ยคะ หรือทางที่ถูกควรจะทำยังไง

     ๔ .มีพระอริยสงฆ์ซึ่งเป็นพี่น้องต่างมารดา เคยบอกดิฉันไว้ว่า มีศรัทธาบาร มีสั่งสมมาให้สวดมนต์ไหว้พระทุกวัน แต่ไม่ได้พูดถึงการเดินจงกรมนั่งสมาธิเลยค่ะ แสดงว่าดิฉันควรสวดมนต์ไหว้พระอย่างเดียวหรือเปล่าคะ และถ้ามีศรัทธาบารมีควรพิจารณาอย่างใดในกรรมฐาน ๔๐

     สุดท้ายนี้ต้องขอขอบพระคุณในความเมตตาของท่านอาจารย์เป็นอย่างมากค่ะที่ช่วยชี้แนะ และขอร่วมอนุโมทนาบุญกับอาจารย์ด้วยค่ะ

คำตอบ
      (๑) ผู้ใดดับเหตุได้ถูกตรง ผลที่จะเกิดจากเหตุนั้นย่อมไม่มีกับผู้นั้น ปัญหาที่บอกเล่าไป มีต้นเหตุมาจาก กายและวาจา ประพฤติได้ไม่ตรงกับใจ หากปรับแก้ไขให้ตรงกันได้แล้ว และนำเอาอย่างใดอย่างหนึ่งในอสุภะ ๑๐ มาเป็นองค์บริกรรมอยู่เสมอ แล้วผลสัมฤทธิ์ในการแก้ปัญหาจึงจะเกิดขึ้น

     (๒) ขณะบริกรรม หากยังมีศีลด่างพร้อย (มีกิเลสปนเปื้อน) จิตย่อมเข้าไม่ถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิแน่วแน่ หรือที่เรียกว่า ฌาน

     (๓) ที่บอกเล่าไปเป็นการปฏิบัติที่ถูกตรงแล้ว และยังต้องปฏิบัติทุกเรื่องที่จิตมีอารมณ์เป็นอกุศล

     (๔) การพัฒนาจิตให้ตั้งมั่นเป็นสมาธิ สามารถทำได้ในทุกอิริยาบถ (ยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม พูด ฟัง ฯลฯ) หากสวดมนต์อย่างเดียวโดยไม่ใช้จิตพิจารณาโดยแยบคาย (โยนิโสมนสิการ) จิตย่อมเข้าถึงสมาธิเพียงเบื้องต้น (ขณิกสมาธิ) ส่วนการนั่งภาวนาหรือเดินจงกรม ย่อมทำให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิได้สูงกว่า

     เรื่องกรรมฐาน ๔๐ นั้น ผู้ตอบปัญหาแนะนำให้เอาอย่างใดอย่างหนึ่งในอสุภะ ๑๐ มาเป็นองค์บริกรรม หรือไปดูซากศพที่ Life Museum ของวัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรี แล้วจิตย่อมตั้งมั่นเป็นสมาธิได้
   

2098.
กราบอ. ดร. สนอง วรอุไรที่เคารพ

     หนูปฏิบัติแนวสติปัฏฐาน 4 นั่งสมาธิดูพองยุบ ดูกาย+ใจ ในชีวิตประจำวัน 2 ปีกว่า การปฏิบัติก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ ขึ้นญาณ 11 ได้หลายครั้ง แต่ไม่เคยผ่านไปได้ จนช่วงหลังๆ พอจะทรงอยู่ในญาณได้นานขึ้น ปัญหาของหนูคือสมาธิมากไป เวลาอยู่ปฏิบัติรวมหลายๆคน วิปัสสนาจารย์ก็ไม่ให้นั่งสมาธิ ให้กำหนด อิริยาบทย่อยอย่างเดียว พอออกมาสู่โลกภายนอก หนูก็ปฏิบัติต่อเนื่องตลอด 2 เดือนมานี้ สภาวะธรรมวิ่งขึ้นลง 3 รอบ และหนูจับสังเกตตัวเองได้แล้วว่า อยู่ดีๆ จิตมันก็เข้าสมาธิมาก เหมือนจิตทรงญาณ ไม่ค่อยรับรู้อะไรคล้ายเบลอๆ อึ้งๆ เฉยๆ เนือยและช้ามาก เห็นกิเลสแล้วแต่บริกรรมไม่ทัน มันดับไปเลย บางทีก็บริกรรมทัน 1-2 ครั้งดับ หลังจากเห็นกิเลสจะเฉยมาก จะไม่คิดอกุศลต่อ ไม่พูดอกุศลต่อ ไม่ทำอกุศลต่อเลย แต่ไม่เกิดปัญญา เรียนถามว่าหนูเข้าใจถูกต้องหรือไม่คะ ?

           - เวลาที่จิตทรงญาณเกิดจากเราทำ หรือมันเป็นของมันเอง ควรนั่งสมาธิต่อหรือไม่
             การนั่งสมาธิจะเป็นการเพิ่มสมาธิหรือเปล่าคะ  ?

           - มีวิธีแก้ไขอย่างไร นอกจากปล่อยให้สมาธิมันลดเอง ?

           - หนูไม่เข้าใจเรื่องการปรับอินทรีย์ เราจะสังเกตได้อย่างไร ว่าเราจะเพิ่มลดตัวไหน
             ช่วงไหน เพราะหนูเคยจมอยู่ในสมาธินานมากถึง 2 สัปดาห์กว่า
             กว่าจะรู้ตัวเสียเวลามากเลยคะ

           - มีวิธีสังเกตเฉยในสมาธิกับเฉยแบบวิปัสสนา สักแต่ว่ารู้เห็นอย่างไร ?

           กราบขอบพระคุณคะ

คำตอบ
      สภาวธรรมที่เรียกว่า จิตทรงฌาน ดังที่บอกเล่าไป เป็นผลของความไม่สมดุลของพละ ๕ คือ สมาธิมีกำลังมากกว่าวิริยะ หากประสงค์แก้ปัญหานี้ ต้องเดินจงกรมให้มากกว่าการนั่งสมาธิ หรือที่เรียกวา ปรับอินทรีย์ให้สมดุลกัน แล้วจิตจึงจะพัฒนาเข้าสู่ญาณถัดไปได้
  

2097.
ช่วยชี้้แนะด้วยครับ

ช่วงนี้เป็นช่วงที่ผมอยู่ๆก็หันมาสนใจเรื่องสมาธิเป็นพิเศษ
จากที่ไม่เคยสนใจเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ยังมีข้อสงสัยอยู่มากครับ

ในช่วงปิดเทอมนี้ ผมตัดสินใจจะบวช เพื่อพิสูจน์เรื่องนี้
กะว่าชาตินี้ต้องรู้ความจริงให้ได้และอาจจะช่วยให้จิตใจผมสะอาดขึ้นมาด้วย

ตัวผมเอง อยู่ สี่พระยา บางรัก กรุงเทพ ครับ อยากให้ อ. ดร.ช่วยแนะนำสถานที่ให้หน่อย
ต่างจังหวัดก็ได้ครับ ผมอยากได้คนชี้แนะสั่งสอนจริง

ขอบคุณครับ

คำตอบ
      หากประสงค์พิสูจน์สัจจธรรมในพุทธศาสนา แนะนำให้ไปปฏิบัติธรรมที่วัดอ้อน้อย อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม
  

2096.
การเรียนสอบถามนะคะ ดร.สนอง

คือหนูสงสัยมากจริงๆ พอดีหนูได้ยินพี่ๆเค้าคุยเรื่องการไหว้สัมพเวสี
เพื่อช่วยให้ การงานความรัก โชคลาภ ดีขึ้น เลยรู้สึกอยากไหว้บ้าง

หนูเลยสงสัยว่า การที่เราไหว้ (แบบ เอาของกินมาไหว้แล้วจุดธูปบอก) สัมพเวสีนั้น พอไหว้เค้าแล้วบอกให้เค้าช่วยเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้สัมพเวสีที่เค้าช่วยเรา เค้าจะได้บุญได้กุศลที่ได้ช่วยเราไหมค่ะ ?

หากว่าพอเราได้ที่สมใจนึกแล้ว. . .   เราไม่ได้ไหว้เค้าต่อ
สัมพเวสีเค้าจะมาตามเราไหมค่ะ ?

ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ

คำตอบ
      การช่วยเหลือผู้อื่น เป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ผู้ที่ให้การช่วยเหลือ แม้จะเป็นสัมภเวสีก็ได้บุญเช่นกัน

     ผู้มีความเห็นถูก เมื่อช่วยเหลือผู้อื่นแล้ว ไม่หวังสิ่งตอบแทน การช่วยเหลือในลักษณะนี้ ผู้ช่วยเหลือได้บุญเกิดขึ้นล้วนๆ ตรงกันข้ามผู้มีความเห็นผิด เมื่อช่วยเหลือผู้อื่นแล้ว ยังหวังสิ่งตอบแทน การช่วยเหลือในลักษณะนี้ ได้ทั้งบุญ ได้ทั้งบาป หากสัมภเวสีมีความเห็นผิด ย่อมหวังที่จะให้ผู้เซ่นไหว้ ยังคงเซ่นไหว้ต่อไป
   

2095.
กราบเรียนอาจารย์ ดร.สนอง ค่ะ

     หนูชอบฟังซีดีธรรมะของท่าน ทำให้เข้าใจธรรมะได้ดีในหลาย ๆ เรื่อง    แต่หนูมีข้อสงสัยขอสอบถาม 3 ข้อ ดังนี้ค่ะ

     1.  พ่อของหนูท่านชอบกินเหล้า ท่านกินเหล้าทุกวัน ตอนนี้ท่านอายุได้ประมาณ 74 ปีแล้ว แต่ก็ยังกินเหล้าอยู่ หนูห้ามไม่ให้ท่านกิน ท่านก็ไม่ฟัง บอกว่าท่านกินมาตั้งนานแล้ว ไม่เห็นเป็นอะไรเลย  (หนูว่าท่านอาจจะเป็นอยู่หลายโรค แต่ไม่รู้ เพราะว่าท่านไม่ยอมไปหาหมอตรวจสุขภาพเลยค่ะ)   ตอนนี้หนูมีหน้าที่ต้องคอยซื้อเหล้าให้ท่านกิน เพราะถ้าไม่ซื้อให้ท่านก็จะออกไปนอกบ้านเพื่อไปหาซื้อเหล้ามากินเอง ซึ่งจะเป็นอันตรายมากเพราะท่านความจำไม่ค่อยดีแล้ว และจำทางกลับบ้านก็ไม่ค่อยถูก อาจทำให้หลงทางได้ หนูขอถามว่าหนูบาปมากไหนคะ แล้วควรทำอย่างไร

     2. หนูชอบนอนฝันทุกคืน ไม่มีคืนไหนเลยที่ไม่ฝัน บางครั้งฝันเยอะมาก จนทำให้ตอนเช้าตื่นขึ้นมาแล้วเหนื่อยเหมือนไม่ได้พักเลย หนูควรแก้ไขอย่างไรคะ หนูเคยลองนั่งสมาธิและเดินจงกรมก่อนนอนแล้ว แต่ก็ยังฝันอยู่ดี มีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้างหรือเปล่าคะ

     3.  แม่ของหนูเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นมาก ท่านเคยถูกพี่สาวของพ่อดูถูกและกลั่นแกล้งเมื่อก่อนตอนที่อยู่บ้านเดียวกัน ทำให้ท่านไม่ชอบพี่สาวของพ่อมาก   ตอนนี้ครวอบครัวของหนู   มีพ่อ แม่และตัวหนู แยกออกมาจากบ้านเดิมที่เคยอยู่กับพี่สาวของพ่อแล้ว ทำให้พี่สาวของพ่อต้องอยู่คนเดียว ซึ่งตอนนี้ก็อายุถึง 80 ปีแล้ว หนูก็เป็นห่วงป้ามาก จึงต้องคอยแอบไปเยี่ยมและพาไปหาหมอบ้าง แต่ถ้าแม่รู้ก็จะโกรธมาก   ทำให้หนูลำบากใจเวลาที่ไปหาป้า ต้องคอยหลอกแม่ว่าไปทำงานหรือไปทำธุระอย่างอื่น หนูบาปอีกไหมคะ และทำอย่างไรแม่หนูถึงจะปล่อยวางและให้อภัยกับพี่สาวพ่อได้บ้างคะ

     คำถามเหล่านี้เป็นข้อสงสัยที่ค้างคาใจของหนูอยู่ ทำให้หนูไม่สบายใจ หากเป็นไปได้ขอคำแนะนำจากอาจารย์ด้วยนะคะ

     ด้วยความเคารพอย่างสูง
        นก

คำตอบ
      (๑) การเข้าไปมีส่วนร่วมในอกุศลกรรมของผู้อื่น ถือว่าเป็นบาป ส่วนจะบาปมากหรือบาปน้อย ก็ขึ้นอยู่กับความยาวนานหรือจำนวนครั้งที่ร่วมทำอกุศลกรรมนั้น

     พ่อเป็นผู้มีอุปการคุณต่อลูก ผู้เป็นลูกจึงต้องมีความกตัญญูกตเวที ด้วยการประพฤติจริยธรรมของการเป็นลูกให้ถูกตรง การไปซื้อเหล้ามาให้พ่อดื่ม มิใช่จริยธรรมที่ลูกต้องประพฤติ และไม่ถือว่าเป็นบาปถ้าลูกไม่ไปซื้อเหล้ามาให้พ่อดื่ม

     การพัฒนาความจำ ต้องทำเหตุให้ตรง ด้วยการไหว้พระสวดมนต์ก่อนนอน หลังจากนั้นให้ภาวนา “พุทโธๆๆๆๆ” ไปเรื่อยๆจนกว่าจะหลับ หากพ่อไม่ศรัทธาจะทำเช่นนี้ก็เป็นสิทธิ์ของท่าน เพราะพ่อมีชีวิตเป็นของตัวเองที่ต้องบริหารจัดการด้วยตัวของท่านเอง ผู้เป็นลูกต้องปล่อยวาง

     (๒) ผู้ถามปัญหาประสงค์จะแก้ไขเรื่องนอนแล้วฝัน ต้องพัฒนาจิตให้มีกำลังของสติกล้าแข็ง ด้วยการสวดมนต์ก่อนนอน เมื่อล้มตัวลงนอน ต้องเจริญอานาปานสติ (พุทโธๆๆๆๆ) ไปเรื่อยๆจนกว่าจะหลับ ผู้มีศีลและมีสัจจะ เมื่อเร่งความเพียรประพฤติตามคำชี้แนะนี้ไปเรื่อยๆ ปัญหานอนไม่หลับ จะไม่เกิดขึ้นกับผู้มีพฤติกรรมถูกตรงเช่นนี้

     (๓) บางคนทำความดีต้องแอบทำแบบหลบๆซ่อนๆ เช่น ครูบาวงศา แห่งวัดพระบาทห้วยต้ม อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน เคยเล่าให้ผู้ตอบปัญหาฟังว่า ท่านได้มาช่วยครูบาศรีวิชัย สร้างทางขึ้นดอยสุเทพ ด้วยการนำเอาชาวบ้าน ( ชาวกระเหรี่ยง ) แอบมาสร้างทางในตอนกลางคืน หากมาทำงานในตอนกลางวัน จะถูกฝ่ายบ้านเมืองจับไปรับโทษ แต่เมื่อทำความดีได้แล้ว ผลดีคือบุญ ได้เกิดขึ้นกับผู้กระทำ

     ส่วนเรื่องที่แม่ไม่ให้อภัยต่อพี่สาวของพ่อ (ป้า) ก็ถือว่าเป็นเรื่องของแม่ หากลูกมีความเห็นถูกต้องปล่อยวางเรื่องของแม่กับป้า เพราะแม่มีชีวิตเป็นของตัวเอง จึงต้องแก้ด้วยตัวของแม่เอง หากลูกเป็นผู้มีความเห็นถูกตามธรรมเช่นนี้แล้ว ความไม่สบายใจ (บาป) ก็จะไม่เกิดขึ้นกับผู้เป็นลูก
  

2094.
กราบเรียนถามท่าน อ. ดร. สนอง วรอุไร ที่เคารพค่ะ

เพื่อขอรบกวนเวลาของท่านดิฉันเรียนถามท่าน 3 ข้อค่ะ

     1, ดิฉันเคยทำแท้งมาหลายหน เหตุผล สามีไม่ยินดีและยากจน ดิฉันมีสิทธ์ที่จะภาวนาาถึงพระนิพพานใหมคะ เพราะเวลาภาวนาดิฉันนึกไม่ออกว่าจะภาวนา อะไร นอกจากว่างเปล่าค่ะ

     2, ดิฉันเคยทำให้พ่อแม่รอเก้อที่สนามบิน คือกลับจากต่างประเทศแล้วแทนที่จะไปลงที่บ้านหาพ่อแม่ กลับไปหาแฟนค่ะ

     3, ดิฉันหัดนั่งสมาธิครั้งแรกเห็นเงาพระพุทธรูป 3 ท่า คือ ปางปางสะดุ้งมาร, ปางสมาธิ, และพระเกศาท่านค่ะ หมายความว่าอย่างไรคะ

     ท่าน อ. ดร. สนอง วรอุไร ที่เคารพกรุณาตอบคำถามดิฉันด้วยนะคะ ดิฉันเชื่อในคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า กรุณาแนะนำทางพระนิพพานให้ดิฉันด้วยค่ะ

     กราบขอบพระคุณล่วงหน้ามาณ. ที่นี้ด้วยค่ะ

     ขอแสดงความเคารพอย่างสูง
      วีระวรรณ

คำตอบ
    
(๑) คำว่า “ภาวนา” หมายถึง การบำเพ็ญ , การทำให้มีขึ้นกับใจ , การสำรวมใจตั้งความปรารถนา ฯลฯ

     การทำแท้งเป็นการประพฤติทุศีลข้อปาณาติบาต เด็กที่ถูกแม่ปฏิเสธย่อมผูกพยาบาท ทำให้อุปสรรคและปัญหาเกิดขึ้นกับชีวิต ดังนั้นขณะที่แม่อยู่ในห้วงเวลาของการรับอกุศลวิบาก แม่สามารถทำบุญใหญ่ด้วยการปฏิบัติธรรมได้ แต่ยังเข้าไม่ถึงธรรมที่ปฏิบัติ

     (๒) คนที่มีกายและใจไม่ตรงกัน ปฏิบัติธรรมแล้ว ย่อมเข้าไม่ถึงธรรม ดังนั้นต้องพัฒนากายและใจให้ตรงกันได้ก่อน แล้วจึงหันมาปฏิบัติธรรม ด้วยการไหว้พระสวดมนต์ก่อนนอน หลังจากนั้นเอาจิตจดจ่อดูลมหายใจเข้า - ออก ด้วยการกำหนด “พุทโธๆๆๆๆ” ไปเรื่อยๆประมาณ ๓๐ นาทีหรือมากกว่า แล้วจึงอุทิศบุญใหญ่ที่เกิดขึ้นให้กับเด็กที่ถูกทำแท้ง ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆจนกว่า จะหมดหนี้เวรกรรม

     (๓) ปฏิบัติธรรมแล้วเห็นเงาของพระพุทธรูป ไม่ใช่วิธีปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง เมื่อการเห็นเกิดขึ้น ต้องกำหนดว่า “เห็นหนอๆๆๆๆ” ไปเรื่อยๆ จนกว่าสิ่งที่ถูกเห็นจะหายไป แล้วต้องดึงจิตกลับมาสู่องค์ภาวนาเดิมที่ทำอยู่ วิธีการเช่นนี้ ย่อมทำให้สติมีกำลังเพิ่มมากขึ้น แล้วสิ่งดีงามทั้งหลายทั้งปวง ก็จะเกิดขึ้นกับจิต
  

2093.
เพราะเหตุใดจึงไม่สามารถเรียนให้ดีได้

เรามีหลายสิ่งที่พร้อมกว่าคนอื่นหลายอย่างที่คนอื่นไม่มี อยากได้อะไรก็ได้ หน้าที่อย่างเดียวก็คือเรียนหนังสือเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ทำไมเราไม่สามารถทำมันให้ดีได้   เพราะอะไรและสิ่งสำคัญที่เราน่าจะได้เปรียบคนอื่นมากคือความสงบของจิต

ทั้งที่เรารู้วิธีควบคุมจิตให้สงบได้ แต่ทำไมเราไม่สามารถนำมันมาใช้ในการเรียนได้ค่ะ ไม่เข้าใจเลย

คำตอบ
      การรู้วิธีคุมจิตให้สงบ มิได้หมายความว่า จิตมีความสงบจากอารมณ์ปรุงแต่ง แต่ผู้มีสติคุมจิต ย่อมมีอารมณ์สงบ ผู้มีอารมณ์สงบมีคลื่นสมองเป็นระเบียบ มีความจำดีขึ้น มีความสำเร็จในการศึกษาเล่าเรียน ดังนั้นจงเปลี่ยนจากการรู้วิธีฯ มาสู่การมีสติคุมจิต แล้วความสำเร็จในการเรียน ย่อมเกิดขึ้นเป็นจริงกับผู้ตอบปัญหา
  

2092.
สวัสดีครับ ท่าน อ.ดร. สนอง วรอุไร

     กระผมจะได้ขอใคร่รบกวนท่าน อ. สนอง ช่วยตอบคำถามดังต่อไปนี้ เท่าที่ตัวกระผมได้ประสบมาดังนี้ นะครับ

      1. เรื่องการ เสี่ยงเซียมซีครับ = > ผมเคยเห็น บางคนไปทำบุญที่วัด ทีนี้เมื่อทำบุญเสร็จ ควรจะรู้สึกดีหรืออิ่มบุญ แต่หลังจากเค้าทำบุญเสร็จ เค้าก็ได้ไปเซี่ยงเซียมซี ตามนิสัยคนไทยทั่วไป แล้วได้ใบที่ไม่ดี   เค้าก็ทำหน้าเสีย และได้ความรู้สึกไม่ดีกลับไป  
   ผมจึงอยากถามว่า ไอ้การเสี่ยงเซียมซี ที่คนไทยทำกันอยู่ทุกวันนี้ มันเป็นเรื่องที่เชื่อถือได้ มากน้อยแค่ไหน ครับ ? (ตัวผมเองเคย ลองทดสองดูทางวิทยศาสตร์ ด้วยการเสี่ยงทาย 3-5 ครั้งก็ไม่เคยได้เลขเดียวกันซักครั้งครับ และลอง ไปยืนอ่านเซียมซี ประมาณ 30 ใบ พบว่า ใบที่เขียนในแนวไม่ดีเนี่ย มีประมาณ ไม่เกิน 10 ใบครับ เพราะฉะนั้นคงไม่แปลกอะไรถ้าหลายคนจะได้ การทำนายที่ดี แบบนี้มันเชื่อถือได้มากน้อย แค่ไหนครับ)

     2. เรื่อง ม้าลายครับ สังเกตุเห็นว่า คนไทยนิยมเหลือเกินที่เอาม้าลายไปบนสิ่งศักดิ์สิืทธิ์ ซึ่งเท่าที่ความรู้ผมจะมี คือ ไม่เคยเห็นว่าประวัติศาสตร์ไทย หรือ ประวัติทางพุทธศาสนา มีการใช้ ม้าลาย เลยครับ ผมเลยคิดว่า ถ้าตัวผมเองเป็นสิ่งศักดิ์สิทธ์็ ผมจะเอาม้าลายไปทำอะไร    อาจารย์มีความคิดเ็ห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ครับ?

     3. เรื่องการถวายเครื่องสักการะของคนไทย กับ สิ่งศํกดิ์สิทธิ์ เช่น หมู ไก่ต้ม เหล้า (เหมือนกับการไหว้เจ้า เช่น ไหว้ศาลพระภูมิ) ผมเองเชื่อว่า เทวดานั้นมีจริงครับ แต่ถ้าเราเอาของแบบนี้มาถวาย แล้วท่านจะได้รับหรือครับ ? เพราะท่านไม่ได้เกิดการอนุโมทนาอะไรเรย    แล้วมันจะสู้การที่เราอาจจะบอกกล่าวท่านว่า เราจะไปทำบุญนะ ให้ท่าน ตามมาอนุโมทนากับเรา อย่างนี้จะได้หรือไม่ครับ ?

     4. ตามตำแหน่งเกี่ยวกับ สิ่งศํกดิ์สิืทธ์ ต่างๆ เช่น ท้าว จตุโลกบาล พยายมราช หรือ ท่านต่างๆที่เป็นทวยเทพ ท่านเป็นองค์เดียวกันตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันหรือไม่ครับ ? หรือ เป็นเพียงชื่อ ตำแหน่ง หากถึงเวลาแล้ว ท่านก็ต้องดำเนินไปตามกรรมเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น เรารับราชการ มีตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด แล้วทำงานไปจนถึงวาระ เราก็ต้องย้าย แต่ตำแหน่งยังอยู่ที่เดิม ครับ รบกวน อ.ดร. สนองให้ความกระจ่างด้วยครับ

     5. รบกวนท่าน อาจารย์ ดร สนอง ช่วย ยกตัวอย่าง และอธิบาย ปฏิจสมุปบาท อย่างง่าย   จะได้หรือไม่ครับ เนื่องจากผมได้ศึกษา แล้วพยายามลองคิด กรณีศึกษา แต่ปัญญาผมน้อยเต็มทีครับ เลยไม่แน่ใจว่า สิ่งที่ิคิดนั้นถูกต้องหรือไม่ จะได้นำไป ปฏิบัติให้ถูกต้องครับ

     อย่างไรก็ตาม ผมยังอยากจะยืนยันครับ ว่าผมเองนั้นนับถือพระรัตนตรัยอย่างสุดชีวิตครับ และเชื่อทุกอย่างว่า เทวดา หรือ สิ่งศักดิ์สิท มีจริง และไม่มีความคิดที่จะลบหลู่ดูหมิ่นแต่ประการใดครับ เพียงแต่ สิ่งที่เห็นนี้ เป็นสิ่งที่พบเจอได้ทั่วไปกับคนไทย จึงอยากให้อาจารย์แนะนำถึงวิธีและความเห็นที่ถูกต้อง ซึ่งถ้าคำถามที่ผมถามไป นั้น มันจะสามารถทำให้คนเกิดสัมมาทิฎฐิได้ ผมจะยินดีมากครับ

     สุดท้ายนี้ ผมขอให้บุญบารมีเท่าที่ผมได้สะสมมาจนถึงปัจจุบันจงเป็นเหตุเป็นปัจจัย หนุนนำให้ อ ดร สนอง เจริญในทางโลกและทางธรรมยิ่งขึ้นไปนะคับ  

     ขอบคุณครับ

คำตอบ
      (๑) พระพุทธโคดมออกเผยแผ่พุทธศาสนามายาวนานถึง ๔๕ ปี พระองค์ไม่เคยสอนให้พุทธบริษัทให้ประพฤติเสี่ยงเซียมซี แต่สอนพุทธบริษัทให้ทำเหตุดีให้ตรง แล้วผลดีย่อมเกิดตามมา ดังนั้นคนไทยที่เป็นชาวพุทธตามสำมะโนครัว จึงมิได้ประพฤติตามคำที่พระพุทธเจ้าสอน แต่คนไทยที่เป็นชาวพุทธแท้ไม่ประพฤติเช่นนั้น ผู้บรรยายไม่มีประสบการณ์เสี่ยงเซียมซี จึงไม่ทราบว่าเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน

     (๒) คนสมัยโบราณคุ้นเคยกับการขี่ช้าง ขี่ม้า ขี่ควาย ฯลฯ เพื่อใช้เป็นพาหนะนำตัวเองไปในที่ห่างไกล คนเอเชียนำเอาช้างอาฟริกันมาฝึกให้คนขี่ ทหารไทยนำเอาฬ่อมาฝึกให้ต่างของขึ้นที่สูง หากจะมีใครนำม้าลายมาฝึกให้เป็นพาหนะให้คนขี่หลัง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไรนี่ครับ

     (๓) ผู้มีจิตทรงอภิญญา สามารถรู้ เห็น เข้าใจว่า เทวดาสามารถมาแสดงความยินดี (อนุโมทนา) กับสิ่งที่มนุษย์อุทิศให้ได้ เมื่อเทวดารับทราบแล้วจะใช้ (เสวย) หรือไม่ใช้บุญที่อุทิศให้ ก็เป็นเรื่องของเขา (เทวดา)

     (๔) ภพต่างๆในวัฏฏะ เป็นสมมุติที่มีเกิดขึ้น แล้วสลายไปเป็นธรรมดา ดังนั้นตำแหน่งต่างๆที่กล่าวไปนั้น เป็นสมมุติบัญญัติมีเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น

     (๕) คำว่า “ปฏิจจสมุปบาท” หมายถึง การที่สิ่งทั้งหลายอาศัยกันจึงเกิดมีขึ้น ดังตัวอย่างเช่น
         - เพราะความไม่รู้จริง (อวิชชา) เป็นเหตุ สิ่งที่เกิดจากปัจจัยปรุงแต่ง (สังขาร) จึงเกิดขึ้น
         - เพราะสิ่งที่เกิดจากปัจจัยปรุงแต่ง (สังขาร) เป็นเหตุ ความรู้แจ้งอารมณ์ (วิญญาณ) จึงเกิดขึ้น
         - เพราะความรู้แจ้งอารมณ์ (วิญญาณ) เป็นเหตุ ใจและกาย (นามรูป) จึงเกิดขึ้น
         - เพราะใจและกาย (นามรูป) เป็นเหตุ อายตนะทั้งหก (สฬายตนะ) จึงเกิดขึ้น
         - เพราะหู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ (สฬายตนะ) เป็นเหตุ การกระทบ (ผัสสะ) จึงเกิดขึ้น

            ฯลฯ

        * สฬายตนะ ได้แก่ หู ตาม จมูก ลิ้น กาย ใจ

     ผู้ที่พัฒนาความรู้ (ปัญญา) จากการฟัง การอ่าน (สุตมยปัญญา) และจากการคิด พิจารณา วิเคราะห์ วิจัย (จินตามยปัญญา) ย่อมมีโอกาสเข้าถึงความจริงชั่วคราว (สภาวสัจจะ) เป็นความรู้ที่ไม่จริงแท้ (อวิชชา) หรือเรียกว่า ปัญญาทางโลก

     ผู้ที่พัฒนาความรู้ขั้นสูงสุด (ญาณ) จากการพัฒนาจิตตามแนวของวิปัสสนากรรมฐาน ย่อมมีโอกาสเข้าถึงความจริงแท้ที่ไม่แปรเปลี่ยน (ปรมัตถสัจจะ) เรียกความรู้เช่นนี้ว่าเป็นความรู้แจ้ง (วิชชา) หรือเรียกว่าเป็นปัญญาทางธรรม

     ดังนั้นผู้ที่สามารถรู้ เห็น เข้าใจ ในปฏิจจสมุปบาท ว่าเป็นความจริงแท้ ต้องพัฒนาจิตจนเข้าถึงความรู้แจ้งหรือปัญญาเห็นแจ้ง แล้วความสงสัยในเรื่องดังกล่าวจะหมดไป
   

2091.
กราบสวัสดีค่ะท่านอาจารย์ ดร.สนอง 

      ก่อนอื่นนะค่ะหนูอยากจะขอบอกว่าเป็นบุญอย่างมาก ที่ได้อีเมลติดต่ออาจารย์นะค่ะ  ดีใจมากค่ะแต่จะดีใจมากๆๆ ถ้าชาตินี้ได้เข้าฟังบรรยายธรรมะ จากท่านอาจารย์สักครั้งหนึ่ง หนูไม่เคยรู้จักดร.สนองมาก่อนเลยค่ะ แต่ต้องขอขอบคุณ Youtube ที่ช่วยให้ค้นเจอท่านดร.สนอง วรอุไร  ดีใจมากๆๆค่ะ ตั้งแต่หนูได้ฟังบรรยายธรรมะเรื่องแรกของท่านดร. เรื่องชีวิตหลังความตาย (ตายแล้วฟื้นตื่นมาเล่า) จากวันนั้นถึงวันนี้เปลี่ยนชีวิตใหม่เป็นคนที่ดีขึ้น ตามจริงแล้วนะค่ะหนูเองนับถือศาสนาพุทธ และเรียนวิชาพระพุทธศาสนามาด้วย  และพอจะรู้ว่าความดีความชั่วเป็นอย่างไร แต่รู้สึกว่าตัวเองก็มักจะทำชั่วมากกว่าทำความดี ไปวัดก็บ่อย ฟังธรรมะจากพระก็ดีขณะหนึ่งแต่ก็ทำไม่ดีอีก เป็นคนขี้หงุดหงิด อารมณ์ร้อน ขี้โมโห โกรธเร็วมาก ชอบดื่มแอลกอฮอ  แหละหลายๆๆอารมณ์ที่ไม่ดีมีมากค่ะ ฟังพระก็ช่วยนิดหนึ่ง  แต่พอมาฟังท่านดร.สนองแล้ว ขอบอกได้คำเดียวค่ะว่าซึ้งมาก ชอบมากและจะขอปฏิบัติตามทุกอย่าง เพื่อพิสูจย์ว่าในสิ่งท่านดร.ได้พูดใว้มีจริงใหม ครั้งแรกที่ฟังเรื่องชีวิตหลังความตาย และเรื่องตายแล้วฟื้นตื่นมาเล่า ชอบมากค่ะและชื่อว่ามีจริงเป็นจริง  และเมื่อฟังเสร็จหนูบอกสามีว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปดิฉันจะเลิกเหล้าจะขอรักษาศีลห้า สามีตกใจเขาบอกว่าเธอทำไม่ได้แน่  แต่เขาก็บอกว่าเขาดีใจมากๆๆเลย สามีถามว่าทำไมจะเลิกเหล้า หนูก็บอกว่าฉันกลัวว่า ฉันจะไม่ได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก ฉันพึ่งดูโชในยูทูบ และฉันอยากจะเป็นคนดีฉันจะรักษาศีลห้า จะทำตามที่ดร.สนองพูดให้ฟัง สามีหนูมานั่งเปิดชม Youtube ด้วยเขาไม่เชื่อว่าใครสามารถมาเปลี่ยนใจหนูได้ นับตั้งแต่วันที่คุยกับสามีหนูเปลี่ยนไปค่ะ สามีของหนูเขาดีใจมากๆๆค่ะอาจารย์ เปลี่ยววิถีชีวิตใหม่ทุกวันนี้สามีบอกว่าอารมณ์ดี ใจดีมีเมตตา สามีบอกดีใจมากได้ภรรยาคนใหม่ที่ดีที่สุดในโลก

    ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ ดร.สนองมากนะค่ะสำหรับสิ่งที่ดีๆๆ ที่เอามาเล่ามาบรรยายให้ได้ฟัง  รู้สึกว่าบุญเก่าก็ยังพอมีอยู่ หนูอยู่ต่างประเทศก็ยังได้ยินได้ฟังสิ่งที่ดีๆๆ ที่ทำให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง ถึงแม้ว่าไม่มีโอกาศที่จะได้ยินได้ฟังโดยตรงจากท่าน  แต่ก็ยังมีบุญได้ติดตามตามเสื่ออินเตอร์เน็ต ขอขอบพระคุณอย่างสูงจริงๆๆค่ะ และขออนุโมทนาบุญในทุกเรื่อง และทุกสถานที่ที่ท่าน ดร.สนองได้เล่าและบรรยายธรรมะนะค่ะ  หนูเองมีคำถามที่อยากถามท่านอาจารย์ด้วยค่ะ ถ้าไม่รบกวนท่านหนูอยากขอให้ท่านอาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยนะค่ะ  ขอขอบพระคุณค่ะ

     1. สามีของหนูเป็นคนอเมริกันเดิมเขานับถือยิว และคริส แต่ก่อนแต่งงานกับหนูเขากลายเป็นคนไม่มีศาสนา และณ ตอนนี้นับถือพุทธแล้วค่ะ คำถามของหนูหนูอยากทราบว่าคนเราที่เกิดมานี้ ล้วนนับถือศาสนาที่แตกต่างกันไป ศาสนาอื่นเขาไม่เชื่อเรื่องการกลับมาเกิดใหม่ หลายศาสนาเชื่อว่าตายแล้วสูญ  แต่สุดท้ายทุกคนต่างก็ต้องตายเช่นกัน ไม่ทราบว่าคนที่เขานับถือศาสนาอื่น เขาจะต้องไปเจอท่านท้าวยมฑูต ยมภบาลเหมือนพุทธเราไหมค่ะ แล้วเขาจะต้องกลับมาเวียนตายเวียนเกิดเหมือพุทธเราไหม  และคนฝรั่งเขาจะทำบุญได้อย่างไร เขาสวดมนต์ไม่ได้ แผ่เมตตาไม่เป็น ขออาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยค่ะ

     2. สามีของหนูพูดไทยไม่ได้ แต่ใจเขาศรัทธาในพระพุทธศาสนามากๆค่ะ เขาอยากจะบวชแต่หนูไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร เขาฝึกนั่งสมาธิประจำค่ะแล้วเขาบอกว่าทำแล้วมีความสุขสบายใจ เขาเลยอยากบวช แต่หนูไม่แน่ใจว่าจะทำได้  กลัวเขาสวดมนต์ไม่ได้แต่อย่างไรก็ดีค่ะ จะพาสามีกลับไปบวชที่ไทยแน่นอน อยากให้เขาได้สร้างบุญ ถ้าท่านอาจารย์ทราบว่า ทีวัดไหนพอจะบวชให้คนต่างชาติได้บ้าง รบกวนช่วยชี้แนะด้วยนะค่ะ ขอขอบพระคุณอย่างสูงยิ่งค่ะ

     3. อยากถามว่า อาจารย์มีหนังสือที่เขียนเป็นฉบับภาษาอังกฤษไหมค่ะ  ถ้าอาจารย์จะกรุณา ช่วยเขียนธรรมะบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ ให้สักเล่มหน่อยจะได้ไหมค่ะ เรื่องใหนก็ได้ แต่ถ้าอาจารย์มีงานเขียนที่เป็นฉบับภาษาอังกฤษ หนูมีความประสงค์จะสั่งซื้อทุกเล่ม เพื่อเอามาแจกเป็นธรรมทานให้คนที่อเมริกา  ให้คนที่เขาสนใจในพระพุทธศาสนาได้อ่าน โดยเฉพาะครอบครัวและญาติพี่น้องและเพื่อนๆๆที่เป็นชาวอเมริกัน  เพราะเขาเห็นในสิ่งที่เราทำเราปฏิบัติแล้วเขาชื่นชม เขาอยากจะเรียนรู้ หนูเองพึ่งแต่งงานกับสามีชาวอเมกาสองปีค่ะ ยอมรับว่าภาษาอังกฤษไม่ค่อยดีมาก อยากเผยแพร่พระพุทธศาสนาให้เขาได้ฟังได้รับรู้แต่ก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร  ที่ทำได้ทุกวันนี้ก็พาเขาไปทำบุญที่วัด รับเป็นเจ้าภาพถวายอาหารให้พระสงฆ์ทุกเสาร์อาทิตย์ ทุกวันนี้เขาทำกับเราทุกครั้งเลยค่ะ แต่เขาสวดมนต์ไม่ได้ หนูเองอยากได้บทสวดมนต์เป็นภาษาอังกฤษ หนูคิดเสมอว่าอยากจะติดต่ออาจารย์ ดร.สนองมากๆๆ เพราะอาจารย์จบจากอังกฤษ อาจารย์อาจจะมีหนังสือสวดมน์เป็นภาษาอังกฤษบ้าง หนูอยากได้มากๆๆเลยค่ะ สามีเห็นหนูสวดมนต์ทุกวันก่อนนอน และตอนเช้าก่อนไปทำงานเขาก็อยากสวดมนต์ด้วย  หนูหาในอินเตอร์เน็ตแล้วแต่ไม่มี สิ่งที่เขาทำได้ทุกวันนี้คือนั่งสมาธิตามเราหลังสวดมนต์เสร็จค่ะ  ขอขอบพระคุณมากค่ะท่านอาจารย์

     สุดท้ายนี้หนูขอพรจากพระศรีรัตนตรัย ช่วยปกปักรักษาท่านอาจารย์ให้อยู่กับพวกเราชาวพุทธ ตราบนานเท่านานนะค่ะ พวกเราจะได้ฟังธรรมะบรรยายนานๆๆ เพื่อพัฒนาตนเองตามแบบอย่างท่าน  เพื่อให้มีชีวิตที่ดำเนินตามทางที่ถูกที่ควร และเพื่อให้มีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต ในทุกๆๆวันที่ยังมีลมหายใจเข้าออก เพราะที่ที่ท่านอาจารย์ได้เผยแพร่ เป็นสิ่งที่ดีมากๆๆมากปฏิบัติตามแล้วชีวิตราบรื่น ผลที่ไดจากการฟังแล้วปฏิบัติตามมันทำให้ชีวิตเป็นสุข สุขจริงๆๆค่ะ เหมือนท่านอาจารย์พูดเสมอเป็นสุขทุกขณะตื่น และคนที่ไม่ดีไม่มีถ้าเราคิดดี พูดดี และทำดี

     จากผู้ที่มีความศรัทธา ในคุณความดีของท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร  ค่ะ
       บัวสอน   P.  DELVEAUX

คำตอบ
     (๑) เป็นกุศลกรรมที่ผู้ถามปัญหาเคยทำไว้แต่อดีต เมื่อกรรมให้ผลเป็นกุศลวิบาก ชีวิตจึงได้เปลี่ยนกลับมาเป็นคนดีได้ … . สาธุ

     คนที่ตายไปแล้ว มีรูปนามเป็นทิพย์ที่ตาเนื้อตาหนังสัมผัสไม่ได้ แต่ตาทิพย์ (ทิพพจักขุ) สามารถสัมผัสได้ ใครผู้ใดทำเหตุให้จิตตกเป็นทาสของกาม เช่น ตาเห็นรูปสวยแล้วชอบ หูได้ยินเสียงก่นด่าแล้วไม่ชอบ จมูกสัมผัสกับกลิ่นหอมแล้วชอบ ฯลฯ เหล่านี้เรียกว่า มีจิตเป็นทาสของกาม ตายแล้วพลังของกรรมย่อมผลักดันจิตวิญญาณให้โคจรไปสู่กามภพ นับแต่ภพนรกขึ้นไปจนถึงภพสวรรค์ ก่อนจะไปเกิดในกามภพใด ก็ขึ้นอยู่กับชนิดของกรรมที่ทำไว้เป็นเหตุ

     ศาสนาต่างๆเป็นสิ่งที่มนุษย์สมมุติขึ้น ให้คนมาศรัทธาเลื่อมใน ส่วนการกระทำกรรม (คิด พูด ทำ) มีเหตุและผลเป็นสากล ดังตัวอย่างเช่น ผู้ตอบปัญหาเคยเข้าไปบรรยายให้ผู้ต้องขังในเรือนจำฟัง นอกจากผู้ต้องขังที่เป็นชาวพุทธแล้ว ยังมีผู้ต้องขังที่เป็นศาสนิกอื่นมาร่วมรับโทษ อันเนื่องมาจากการค้ายาบ้าซึ่งผิดกฎหมายเหมือนกัน ดังนั้นความเป็นสากลจึงเป็นสิ่งเดียวกัน แม้สมมุติบัญญัติจะแตกต่างกันก็ตาม

     การกระทำที่ให้ผลเป็นบุญมีความเป็นสากล ไม่ว่าจะเป็นคนฝรั่งหรือเชื้อชาติใด หรือศาสนิกใด หากทำเหตุให้ถูกตรงตามบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ (บำเพ็ญทาน รักษาศีล เจริญจิตตภาวนา ประพฤติอ่อนน้อม ช่วยเหลือผู้อื่น อุทิศความดี (บุญ) ให้คนอื่น เห็นคนอื่นทำความดีแล้วยินดีด้วย ฟังธรรม สั่งสอนธรรม และมีความเห็นถูกตรงตามธรรม) ทั้งสิบอย่างนี้ผู้ใดประพฤติแล้ว บุญย่อมเกิดและสั่งสมอยู่ในดวงจิตของผู้นั้น

     คำว่า “เมตตา” หมายถึง ความรัก ความปรารถนา ให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์และมีความสุข เมตตาเกิดได้ด้วยการให้อภัยเป็นทาน ให้อภัยในทุกเหตุที่ทำให้ขัดใจได้เมื่อใด ความเมตตาย่อมเกิดขึ้นและถูกเก็บสั่งสมอยู่ในดวงจิตเมื่อนั้น ผู้มีเมตตามีอารมณ์สงบเย็น (ไม่มีโทสะ) มีผลให้สัตว์เดรัจฉาน มนุษย์ เทวดา เข้าใกล้

     (๒) หากมีศรัทธาเลื่อมใสในพุทธศาสนา ผู้ตอบปัญหาแนะนำไปบวชที่วัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี เพราะที่นั่นมีวัดป่านานาชาติ มีพระฝรั่งปฏิบัติธรรมอยู่ที่นั่นหลายรูป และหากได้มีโอกาสพบและสนทนากับหลวงปู่สุมโน (พระชาวชิคาโก) ท่านชาคโรภิกขุ (พระชาวอังกฤษ) ท่านคเวสโก (พระชาวญี่ปุ่น) ฯลฯ แล้วความศรัทธาเลื่อมใสในพุทธศาสนาจะมีมากขึ้น

     (๓) หากผู้ถามปัญหามีความสนใจในธรรมะ ลองเข้าไปดูเว็บไซด์ www.kanlayanatam.com (ภาคภาษาอังกฤษ) หรืออ่านจากหนังสือ ทางสายเอก ภาคภาษาอังกฤษ ที่จัดพิมพ์โดยชมรมกัลยาณธรรม จังหวัดสมุทรปราการ เบอร์โทรศัพท์ 02-702-7353

     เรื่องบทสวดมนต์เป็นภาษาอังกฤษ ลองสอบถามไปที่วัดป่านานาชาติ สาขาวัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี


2090.
คำถามครับ

1. ผมเคยฟังธรรมบรรยายของอาจารบ์มีเรื่องข้องใจครับ อาจารย์เคยพูดไว้ผมตีความได้ว่า การสอนพ่อแม่ครูอาจารย์เป็นบาป ผมคิดว่าการสอนธรรมท่านเหล่านี้ การว่ากล่าวตักเตือนท่านเหล่านี้เรื่องการละชั่ว ยังถือเป็นบาปหรือไม่ หรือจริงๆแล้วอาจารย์มิได้หมายความเช่นที่ผมเข้าใจเพราะมันฟังดูขัดแย้ง ถ้าผมตีความผิดไปขออภัยด้วย ช่วยอธิบายด้วยครับ

2. การฝึกกสิณเป็นกรรมฐานกองกลาง หมายความว่า ใครจริตใดก็สามารถฝึกให้เกิดมรรคผลได้ถูกหรือไม่ อันนี้ฟังมาจากหลวงปู่ฤาษีลิงดำครับ

3. ผมฟังมาว่าการฝึกกสิณดินคือการเพ่งก้อนดิน จนมองเห็นได้แม้หลับตา แล้วการฝึกกสินลม จะเพ่งลมอย่างไรขอแบบละเอียดครับ

ขอบคุณอาจารย์ครับ

คำตอบ
      (๑) เมื่อใดที่พ่อแม่รวมถึงครูอาจารย์ผู้มีอุปการคุณ ยังไม่ศรัทธาให้ผู้ถามปัญหาสั่งสอนได้ คำสอนที่พูดไปย่อมสูญเปล่า (โมฆะ) เปรียบเหมือนกะลาที่คว่ำ เอาน้ำเทลงบนก้นกะลา ย่อมไม่สามารถเก็บน้ำได้ฉันใด การสอนผู้ที่ยังไม่มีศรัทธาย่อมให้ผลเป็นเช่นนั้น คือ สูญเปล่า ซ้ำยังไปกระตุ้นให้เกิดความไม่เห็นด้วยอีกด้วย พฤติกรรมเช่นนี้มีอานิสงส์เป็นบาปที่ผู้รู้ไม่ประพฤติ

     (๒) การนำเอาวัตถุอันจูงใจ (กสิณ) เว้นวรรณกสิณ (สีเขียว สีเหลือง สีแดง และสีขาว) มาเป็นองค์บริกรรม เหมาะกับทุกจริตของบุคคล และยิ่งผู้ใดมีศีลบริสุทธิ์คุมใจ มีความเพียรปฏิบัติสมถภาวนาอย่างต่อเนื่อง จิตย่อมเข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิได้ ดังที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำได้กล่าวไว้ เป็นความจริงแท้แน่นอน

     (๓) กสินมี ๑๐ อย่าง ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ (ภูตกสิณ) สีเขียว สีเหลือง สีแดง สีขาว (วรรณกสิณ) แสงสว่าง (อาโลโกกสิณ) และที่ว่าง (อากาโสกสิณ)

     ผู้มีโทสจริต เหมาะที่จะใช้อย่างใดอย่างหนึ่งในกสิณ ๑๐ มาเป็นองค์บริกรรม แล้วจิตย่อมเข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิได้ง่าย

     ผู้มีราคจริต โมหจริต ศรัทธาจริต พุทธิจริต และวิตกจริต เหมาะที่จะใช้อย่างใดอย่างหนึ่งในกสิณ ๑๐ (เว้นวรรณกสิณ) มาเป็นองค์บริกรรมแล้วจิตย่อมเข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิได้ง่าย

     การฝึกกสิณลม ต้องเอาจิตตามดูลม จนเห็นว่าธาตุลมมีอยู่ในทุกสิ่งของธรรมชาติ และสามารถเคลื่อนย้ายถ่ายเทไปในที่ต่างๆได้ตามระดับของอุณหภูมิที่เข้ามาแทรกอยู่ภายในธาตุลม เมื่อใดจิตมีความสงบระงับจากอารมณ์อื่นใด จิตย่อมเห็นธาตุลมเป็นสิ่งที่กระเพื่อม เคลื่อนไหวถ่ายเทจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง หรือจากสิ่งหนึ่งไปยังอีกสิ่งหนึ่ง ลมที่มนุษย์สูดหายใจเข้าสู่ร่างกาย ก็เป็นลมเดียวกับลมที่สุนัข วัว ควาย ฯลฯ หายใจออกจากร่างกาย และเป็นลมเดียวกันกับที่ต้นไม้ปล่อยออกนอกลำต้น ต้องใช้จิตตามดูจนเห็นถ่องแท้ว่า ลมในตัวมนุษย์ ลมในตัวสัตว์ ลมในต้นไม้ ลมในธรรมชาติ เป็นสิ่งเดียวกัน แล้วจิตย่อมเข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิได้
  

2089.
กราบเรียน อ.ดร.สนอง วรอุไร ที่เคารพอย่างสูง
 
ผมและครอบครัวพักอาศัยอยู่แถวมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย อยากสอบถามอาจารย์สนองว่า มีที่ใดในบริเวณใกล้ ๆ นี้มีวัดที่สอนสมถกรรมฐานและวิปัสนากรรมฐานที่ถูกต้องตามธรรมบ้างครับ

ขอบคุณครับ

คำตอบ
      แนะนำวัดถ้ำผาจม ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
  

2088.
กราบท่านอาจารย์ดร.สนอง วรอุไรที่เคารพเป็นอย่างสูงครับ

     กระผมมีความข้องใจเกี่ยวกับอาชีพการงานบางอย่าง ซึ่งกระผมกำลังจะตัดสินใจทำ
แต่ด้วยความกังวลใจที่มันเกิดขึ้นในจิต จึงขอความเมตตาท่านอาจารย์ให้ความสว่างครับ
 
     ถ้ากระผมทำงานเป็นตัวแทนธุรกิจเครือข่าย เกี่ยวกับการนำสมุนไพรจากต่างประเทศเข้ามาจำหน่าย เพื่อการรักษาโรคและดูแลสุขภาพ เพื่อจะหาเงินดูแลครอบครัวและรักษาโรค ให้กับคุณยาย และหาเงินช่วยทำนุบำรุงพระพุทธศาสนารวมทั้งสาธารณประโยชน์   แต่จิตกระผมมันก็เกิดความกังวลว่า จะเป็นการทำให้เงินรั่วไหลออกนอกประเทศไหม แล้วจะมีผลเสียต่อพระพุทธศาสนาไหม ที่เอาของนอกเข้ามาจำหน่ายในประเทศ ซึ่งทำให้ผมไม่กล้าที่จะทำงานนี้ครับ เพราะความกลัวบาป ขอความเมตตาท่านอาจารย์ช่วยให้ความสว่างกับผมทีนะครับ เพื่อที่ผมจะได้รู้ว่าสามารถทำได้ไม่เป็นบาปอกุศล แต่ถ้ามันไม่ดีผมก็จะหลีกเลี่ยงไม่ทำครับ
 
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ดร.สนอง วรอุไร เป็นอย่างสูงครับ

คำตอบ
      บาปให้ผลเป็นความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ พฤติกรรมใดประพฤติแล้วให้ผลเป็นเช่นนี้ ผู้รู้ไม่ประพฤติ ผู้รู้เป็นได้เพียงผู้ชี้ทาง ฉะนั้น ผู้ถามปัญหาพึงพิจารณาให้เห็นเหตุเห็นผล แล้วตัดสินใจประพฤติด้วยตัวเองตามที่ชอบ
  

2087.
กราบเรียน อาจารย์ ดร. สนอง ที่เคารพ

ขณะนี้หนูกำลังปฏิบัติธรรมตามคำบอกเล่าของอาจารย์อยู่ค่ะ และด้วยความเป็นห่วงตัวเองว่า จะเข้าไม่ถึงธรรม ด้วยพฤติกรรมที่ผิดธรรม ขอเรียนถามค่ะ

ถ้าบุคคลผู้ทุศีล ลบหลู่ผู้มีคุณธรรมสูง ประพฤติไม่ถูกต้องตามธรรม สร้างความแตกแยกให้กับผู้คนในสังคม และสร้างความวุ่นวายให้กับชาติบ้านเมือง โดยที่เราก็รู้อยู่แก่ใจในการกระทำดังกล่าว แล้วเราไปเสียเงินซื้อบริการของบุคคลประเภทนี้ เท่ากับว่าเราไปสนับสนุนคนทุศีล แบบนี้ถือว่าเราเป็นผู้ร่วมบาปไปด้วยหรือไม่ค่ะ

ด้วยความเคารพอย่างสูง

คำตอบ
     ผู้ใดเอาจิตเข้าไปร่วมในอกุศลกรรมของคนอื่น แล้วทำให้ไม่สบายใจ ถือว่าเป็นบาป ผู้ฉลาดไม่เสียเงินไปกับการซื้อเอาบาป เข้ามาสั่งสมไว้ในใจของตัวเอง เพราะรู้ว่าตายแล้วบาปมีพลังผลักดันจิตไปเกิดต่ำกว่าภพมนุษย์แน่นอน
  

2086.
เรียน ท่านอาจารย์ ดร. สนอง ที่เคารพ

    หนูได้ติดตามอ่านหนังสือของดร.สนองมาตั้งแต่ปี 2008
ทำให้หนูสนใจและเข้าหาธรรมะตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา วันนี้หนูมีคำถาม ซึ่งหนูพยายามหาคำตอบจากที่อื่นด้วยตัวเองแล้ว แต่ก็ยังสงสัยอยู่ค่ะ เริ่มจากตอนเด็ก อายุได้ประมาณ 8-10 ขวบ หนูส่องกระจก แล้วเหมือนจิตจะออกมาข้างนอก เพราะบอกว่าร่างนี้เรามาอาศัยอยู่ไม่ใช่ของเรา ตอนนั้นยอมรับว่าไม่รู้เรื่องธรรมะเลย เพราะเด็กอยู่มาก พอวัยรุ่นก็มีเหมือนสัมผัสที่ 6 มี  3 ครั้ง พ่ออ้วกเพราะเป็นเนื้องอก เวลาเดียวกันหนูก็ปวดหัวรุนแรงมาก แล้วก็ตากระตุก ครั้งแรกพี่สาวขับรถจักรยานยนต์ล้ม แล้วมันก็กระตุกอีกในวันเดียวกัน เพราะแม่โดนแมงป่องต่อย หลังจากเหตุการณ์นี้หนูเลยตั้งจิตอธิษฐาน ขอให้หนูอย่าได้รู้ได้เห็นอะไรแบบนี้อีก หลังจากนั้นหนูก็ไม่มีสัมผัสที่ 6 อีก

      จนมาปีนี้เมื่อปีใหม่หนูไปสวดมนต์ข้ามปีที่วัดไตรรงค์วิสุทธิธรรม จ.สุพรรณบุรี หลังจากนั้นปลายเดือน ม.ค. หนูก็เริ่มมีสิ่งคล้ายสิ่งที่เรียกว่าเดจาวู เหมือนภาพที่เกิดขึ้นนี้ เราเห็นมาก่อนแล้วล่วงหน้า 1 วัน   ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในฝัน   เป็นมาประมาณ 1-2 อาทิตย์ แล้วหนูก็ขอตั้งจิตอธิษฐานให้ไม่เห็นอีก แต่ว่าล่าสุดเมื่อกลางเดือน มี.ค. หนูนั่งทำงานอยู่แล้วจิตมันเริ่มนิ่ง หนูเห็นภาพพระพุทธรูปเกิดขึ้น บอกไม่ถูกว่าเห็นแบบไหนเหมือนเห็นกึ่งตากึ่งใจ เพราะเราลืมตาอยู่ ก็เลยรีบดึงๆตัวเองกลับมาเพราะต้องทำงาน หลังจากเหตุการณ์นี้หนูเวียนหัวติดกันอยู่ประมาณ 6 วัน  ในช่วงที่เวียนหัวเนี่ยก็เป็นช่วงที่หวยออกด้วย หนูไม่เคยซื้อหวยนะคะ แต่วันนั้นดันเดินผ่านคนขายล็อตเตอร์รี่ แล้วเห็นคนมุงดูอยู่   อยู่ดีๆหนูก็คิดขึ้นมาว่า " ดูอยู่นั่นแล่ะ ซื้อไปก็ไม่ถูกหรอก มันออก  ( พูดในใจเป็นตัวเลข 3 ตัว) " เพราะขณะที่คิดอยู่มันมีภาพปรากฏเป็นเลขตัวใสๆเหมือนแก้ว ปรากฎว่าวันนั้นมันก็ออกเลขนั้นจริงๆ  

     หนูไปปรึกษาพี่สาว เค้าแนะนำว่าให้หนูไปฝึกมโนมยิทธิ เพราะนี่อาจจะเป็นของเก่าของหนูที่ติดตัวมา   หนูเกิดความสงสัยจึงหาข้อมูลเรื่องมโนมยิทธิ แต่แล้วหนูเกิดความไม่ชอบแนวนี้ เพราะ หนูไม่มีความอยากรู้อยากเห็นอะไรเลย หนูไม่อยากเห็นนรก ไม่อยากเห็นสวรรค์ ไม่อยากรู้อดีต อนาคต แต่สิ่งเดียวที่หนูอยากก็คือ อยากศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนให้ได้มากที่สุดเพื่อวันนึง หนูพร้อม หนูจะได้มีดวงตาเห็นธรรม และช่วยสืบทอดพระธรรมคำสั่งสอน และช่วยเหลือผู้อื่นเท่าที่จะทำได้

คำถามคือ

1. หนูไม่อยากฝึกมโนมยิทธิ หนูควรฝึกสมาธิแบบไหนแทนดีคะ แล้วการออกจากสมาธิต้องทำอย่างไร  

2. อาการเวียนหัว เกิดจากเหตุการณ์ที่เรามีสมาธิไปเห็นพระพุทธรูป ถ้าเห็นอีกคราวหน้าจะแก้ไขอย่างไรคะ เพราะหลังๆมานี้พอว่างๆ ก็จะนึกถึงแต่พระธรรมคำสั่งสอน ส่วนใหญ่จะเป็นกฎไตรลักษณ์ แล้วสมาธิก็มาเร็วมากเลยทั้งๆที่เมื่อก่อนนั่งสมาธิไม่เคยได้

3. จะทำยังไงหนูถึงจะไม่รู้ล่วงหน้าก่อนคะ

4. ถ้าศีลพร้อย แปลว่าเรายังรักษาศีล 5 ได้ไม่ครบใช่มั้ยคะ

5. หนูมักจะมีอาการปวดหัว เวลาอ่านกระทู้เรื่องกรรมของคนอื่น ทั้งในเวปนี้และเวปอื่น หนูไม่ทราบว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไรคะ

     สุดท้ายนี้หนูขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ ดร.สนอง เป็นอย่างยิ่งที่สละเวลามาตอบคำถามของหนู ธรรมะของอาจารย์เป็นสิ่งที่มีค่าในการดำเนินชีวิตตลอด 5 ปีที่ผ่านมาของหนู   ขอมโทนาบุญด้วยค่ะ

     พัชรีพร

คำตอบ
      (๑) มโนมยิทธิ เป็นโลกิยญานตัวที่สองในวิชชา ๘ และมโนมยิทธิมิได้เป็นเหตุทำให้พ้นทุกข์ คนที่จะพ้นทุกข์ได้ต้องพัฒนาจิตจนเข้าถึง อาสวักขยญาณ ซึ่งเป็นโลกุตตรญาณตัวสุดท้ายของวิชชา ๘ ซึ่งประกอบขึ้นด้วยความรู้สูงสุด ( ญาณ ) ๘ ตัว ดังนี้

       วิชชา ๘ ได้แก่
         ๑. ญาณในวิปัสสนา (วิปัสสนาญาณ)
         ๒. ฤทธิ์ทางใจ (มโนมยิทธิ)
         ๓. แสดงฤทธิ์แบบต่างๆ (อิทธิวิธิ)
         ๔. หูทิพย์ (ทิพพโสต)
         ๕. รู้ใจคนอื่นได้ (เจโตปริยญาณ)
         ๖. รู้กำเนิดหนหลังได้ (ปุพเพนิวาสานุสติญาณ)
         ๗. ตาทิพย์ (ทิพพจักขุ)
         ๘. ความรู้ถึงความหมดสิ้นไปแห่งอาสวะ (อาสวักขยญาณ)

     หมายเหตุ : ญาณตัวที่ ๑ - ๗ เป็นโลกิยญาณ
                   ญาณตัวที่ ๘ เป็นโลกุตตรญาณ

      หากผู้ถามปัญหาไม่ประสงค์จะฝึกมโนมยิทธิ ควรใช้อย่างใดอย่างหนึ่งในอรูป ๔ มาเป็นองค์บริกรรม เมื่อใดที่จิตเข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิจวนแน่วแน่ (อุปจารสมาธิ) แล้ว นำจิตไปพัฒนาต่อด้วยวิปัสสนาภาวนา จนเข้าถึงปัญญาเห็นแจ้งได้แล้ว โอกาสมีดวงตาเห็นธรรมจึงจะเกิดขึ้นได้

    การออกจากสมาธิต้องตั้งจิตกำหนดไว้ก่อนการปฏิบัติสมถภาวนาว่า จะเข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธินานเท่าใด เมื่อครบกำหนดแล้วจิตจะถอนออกมาเองตามที่ได้ตั้งอธิษฐานไว้

     (๒) เมื่อจิตเป็นสมาธิแล้วไปเห็นพระพุทธรูป ต้องกำหนดว่า “เห็นหนอๆๆๆๆ” ไปเรื่อยๆจนกว่าการเห็นนั้นจะหายไป

     (๓) เมื่อจิตเป็นสมาธิแล้วไปรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ต้องกำหนดว่า “รู้หนอๆๆๆๆ” ไปเรื่อยๆจนกว่าการรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าจะหายไป

     (๔) ศีลพร้อย หรือ ศีลด่างพร้อย หมายถึง ศีลไม่บริสุทธิ์มีกิเลสปนเปื้อน เช่น รักษากาย รักษาวาจา มิให้ประพฤติล่วงกาเมสุมิจฉาจารได้ แต่ใจคิดถึงการถูกลวนลามทางเพศ อย่างนี้เรียกว่า มีศีลด่างพร้อย ปฏิบัติธรรมแล้วย่อมเข้าไม่ถึงธรรมที่ปฏิบัติ

     (๕) เอากิเลสคนอื่นมาปรุงเป็นอารมณ์ปวดหัวให้เกิดขึ้นกับตัวเอง คนที่ส่งจิตออกนอกกายย่อมมีลักษณะเป็นเช่นนี้
  

2085.
ขอความรู้ครับ

     ผมขอกราบเรียนท่านอาจารย์ช่วยตอบปัญหาให้ผมด้วยครับ คือว่าผมขอสารภาพบาปว่า ตัวเองเป็นคนใจคด ทำให้ความรู้สึกของใจไม่มั่นคงไม่ซื่อสัตย์ต่อสิ่งใดเลย เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอด
บางครั้งจะรู้สึกมีอัคติกับสิ่งที่ตนเองเคยนับถือ เคยศรัทธาแต่กลับรู้สึกไม่ชอบโดยไม่มีเหตุผล ผมจะแก้ไขความรู้สึกนั้นได้อย่างไร อาจารย์ช่วยแนะนำผมด้วยครับ
 
     ข้อที่สอง ชีวิตผมอาภัพไปเสียทุกอย่าง ผมทำอะไรไม่เคยดีในสายตาใครเลย ไม่ว่าจะเป็นการคิด การกระทำ คำพูด ไม่เป็นที่นิยมชมชอบของใดเลย อาจเป็นเพราะตอนเด็กผมเคยเถียงแม่ แต่ผมก็ขออโหสิกรรมแล้ว แต่ทุกวันนี้ผมก็ยังทุกใจอยู่ ผมทำอะไรก็ผิดไปเสียหมด อาจารย์เมตตาผมด้วยครับ

คำตอบ
            จิตเป็นรากฐานของสิ่งทั้งหลาย

           จิตประเสริฐกว่าสิ่งทั้งหลาย

           สิ่งทั้งหลายสำเร็จด้วยจิต

     หากผู้ถามปัญหาประสงค์จะแก้ไขปัญหาความซื่อสัตย์ ต้องแก้ด้วยการพัฒนาจิตให้มีสัจจะ ผู้ใดมีศีล ๕ และมีสัจจะคุมใจ ผู้นั้นมีกายศักดิ์สิทธิ์ มีจิตศักดิ์สิทธิ์ ผู้มีความศักดิ์สิทธ์ คิด พูด ทำสิ่งใด ย่อมประสบแต่ความสำเร็จ ในสมัยที่พระพุทธโคดมไปเสวยพระชาติเป็นสกุณโปดก นกคุ่มตัวใหญ่ รอดตายจากการถูกไฟป่าคลอกก็ด้วยมีสัจจะคุ้มครองใจ สมัยที่ไปเสวยพระชาติเป็นพญามัจฉาปลาช่อน รอดตายจากภัยแล้ง ( ปลาตกคลัก ) ก็ด้วยมีสัจจะคุ้มครองใจ และในสมัยที่ไปเสวยพระชาติเป็นพระเจ้าสุตโสม รอดตายจากถูกพระยาโปริสาทฆ่าเพื่อเอาเนื้อมากิน ก็ด้วยมีสัจจะคุ้มครองใจ ดังนั้นจงพัฒนาใจให้มีสัจจะ และมีศีล ๕ คุมใจอยู่ทุกขณะตื่น แล้วความศักดิ์สิทธิ์ก็จะเกิดขึ้นกับผู้ถามปัญหา

     คำถามตอนที่สองตอบว่า คนมีดวงดี ชีวิตไม่อาภัพ ดวงจะดีได้ด้วยการทำเหตุให้ถูกตรงสามอย่าง คือ บำเพ็ญทาน รักษาศีล เจริญจิตตภาวนา ผู้มีความเพียรประพฤติเหตุได้ถูกตรง และเมื่อเหตุปัจจัยลงตัว ดวงย่อมดีแน่นอน คนดวงดีไม่อาภัพ
  

2084.
เรียน อาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

เรื่อง เรียนถามคำถามธรรมะ

      เนื่องด้วย คุณพ่อ ของข้าพเจ้าอ่านหนังสือธรรมะหลายเล่ม แต่ยังมีข้อสงสัยบางอย่างและต้องการความกระจ่างค่ะ

     จึงขอเรียนถาม อาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร 2 ข้อ ด้วยกัน ดังนี้

           (1)  " สติ = ธรรมชาติแห่งการระลึกรู้อารมณ์   โดยการอาศัยนิมิต"   หมายความว่าอย่างไร   โดยเฉพาะ "การอาศัยนิมิต" ค่ะ

      จะสะดวกหรือเปล่าคะ ถ้าอยากให้อธิบายแบบละเอียดมากๆเลยค่ะ ^^ พอดีคุณพ่ออยากได้คำอธิบายแบบละเอียดจริงๆค่ะ

           (2) ความหมายของ "กายละเอียด" อย่างแท้จริงค่ะ (คุณพ่อทราบ แต่ยังไม่ "รู้" อย่างลึกซึ้งค่ะ)

     ตอนนี้คุณพ่อ สามารถนั่งสมาธิได้แล้ว (หมายความว่า สมัยก่อน เพียงห้านาทีก็ยังทำไม่ได้ค่ะ) แต่ที่คุณพ่อเกิดปัญหาก็คือ คุณพ่อไม่สามารถรวมจิตเป็นหนึ่งได้ เป็นเพราะอะไรคะ

     ขอบคุณสำหรับคำตอบล่วงหน้าค่ะ         
       สิริวดี 

คำตอบ
     (๑) สติเป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งของจิต ผู้มีสติย่อมระลึกได้ทันสิ่งที่เข้ากระทบจิต ผู้มีกำลังสติกล้าแข็งย่อมไม่เอาสิ่งกระทบเข้าปรุงอารมณ์ แล้วจิตย่อมตั้งมั่นเป็นสมาธิ ดังนั้นการเกิดของสติไม่ต้องอาศัยนิมิตใดๆ แต่ต้องอาศัยอย่างใดอย่างหนึ่งในกรรมฐาน ๔๐ มาเป็นองค์บริกรรม

     กรรมฐาน ๔๐ ได้แก่
        - กสิณ ๑๐
        - อสุภะ ๑๐
        - อนุสติ ๑๐
        - พรหมวิหาร ๔
        - อาหาเรปฏิกูลสัญญา ๑
        - จตุธาตุววัตถาน ๑
        - อรูป ๔

     (๒) กายละเอียด หมายถึง กายทิพย์ ที่ไม่สามารถสัมผัส (เห็น) ได้ด้วยจักขุประสาท แต่จิตที่พัฒนาจนเข้าถึงสภาวะความเป็นฌานได้แล้ว ทิพพจักขุ สามารถสัมผัสกับสัตว์ (รูปนาม) ที่มีกายทิพย์หรือกายละเอียดได้ เช่น เห็นเทวดา เห็นเปรต เห็นผี (สัมภเวสี) ฯลฯ

     เหตุที่คุณพ่อพัฒนาจิต (สมถภาวนา) แล้วยังเข้าไม่ถึงความทรงฌานเป็นเพราะ จิตยังมีกำลังของสติอ่อน ทิพพจักขุจึงไม่สามารถเกิดขึ้นกับจิตได้
  

2083.
กราบเรียนท่านอาจารย์สนอง

     ผมถูกคนต่างชาติคนหนึ่งเข้ามาทักทาย เข้ามาตรวจดวงชะตา ซึ่งสามารถตอบได้ถูกต้องเกี่ยวกับตัวผม บุคคลรอบข้าง วันเดือนปีเกิด หน้าที่การงาน ลักษณะนิสัย ตำหนิต่างๆ อาจารย์ชาวต่างชาติผู้นี้แจ้งว่าเป็นผู้สอนสมาธิ และโยคะ เขาบอกว่าในอติตชาต ิผมเคยเป็นคนสนับสนุนให้คนทำแท้ง ชาติปัจจุบันจึงไม่มีลูก

     และนอกจากนี้ยังแนะนำให้ผมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างที่ไม่ดี และขอให้ผมตั้งใจทำสมาธิ ในวันที่กำหนดในหนึ่งสัปดาห์ ปล่อยสัตว์ จากนั้น ก็ทำนายอนาคตของผมที่กำลังจะดวงดี และบอกว่าจะดียิ่งๆขึ้น แต่อย่าเพิ่งแจ้งเรื่องนี้แก่ใคร

     ผมเห็นว่า อย่างน้อยอาจารย์ชาวต่างชาติท่านนี้ก็แนะนำให้ผมปรับพฤติกรรมและทำความดีขึ้น ผมจึงศรัทธาทำบุญไปก้อนหนึ่ง จากนั้น อาจารย์ผู้นี้ก็บอกว่าเด็กที่เกี่ยวข้องกับผมในอดีตชาติ บัดนี้อยู่บนสวรรค์ เป็นพระ และอยากให้ช่วยทำบุญสร้างอาศรม ยิ่งไปกว่านั้น อาจารย์ท่านนี้ทายจำนวนเงินในใจที่ผมประสงค์จะทำบุญในอนาคตได้ถูกต้อง อาจารย์ท่านนี้ได้อ้างว่ามีวัดอยู่ที่ต่างจังหวัดและไม่รับบริจาคผ่านธนาคาร กล่าวคือ ต้องมาพบกัน เพื่อรับเงินทำบุญ ปัญหาก็คือ ผมได้ไปลองตรวจค้นใน net ดูพบว่า มีชาวต่างชาติหลายคนของประเทศนี้ที่เป็นผู้มีวิชามองเห็น หรืออาจจะมีลูกกรอกช่วย มีลักษณะที่หลายคนเชื่อว่าเป็นการหลอกลวง ดังนั้น ผมจึงมีความรู้สึกกังวลในการที่จะทำบุญต่อไป โดยคิดไปต่างๆว่า

1. อาจถูกหลอก 2. ถึงถูกหลอกก็ไม่เป็นไร เป็นการสละ ให้ด้วยความยินดี 3. หากทำทานตามคำแนะนำแล้ว อนาคตอันสดใสก็น่าจะดำเนินต่อไป อาจารย์อินเดียท่านนี้จะโทรมาทุกๆวันที่กำหนดให้ผมนั่งสมาธิ ไม่ได้ทวงเงินบริจาคโดยตรง แต่ทวงทางอ้อม แต่ผมยังไม่ได้ให้เพิ่มเติม ผมเกิดความลังเล จึงขอกราบเรียนสอบถามท่านอาจารย์สนองว่า

1. หากทานที่ให้ไปแก่บุคคลที่ใช้วิชามองเห็น ไปในการเรียกทรัพย์อย่างไม่โปร่งสัยเช่นนี้ อาจจะเป็นการทำทานในทางที่ผิดใช่ไหมครับ

2. จะไม่รับโทรศัพท์ติดต่อจากอาจารย์ท่านนี้เลย หรือ จะแจ้งว่า ขอไปทำทาน และทำบุญ (ตามหลักบุญกิริยาวัตถุ) เอง จะดีหรือไม่ครับ

และ 3. ปกติ ผมไม่เป็นคนเชื่อพิธีกรรมแบบงมงาย และยึดในหลักการทำบุญกำจัดกิเลส โดยเฉพาะการนั่งวิปัสนากรรมฐานตามที่เข้าอบรมมา จึงอยากมีอิสระในการทำบุญ อาจารย์มีความเห็นเช่นใดครับ

กราบเรียนมาด้วยความเคารพ

ผู้ไม่อยากหลงงมงาย

คำตอบ
     (๑) ใช่ครับ

     (๒) ดีครับ

     (๓) ศรัทธาก็ทำบุญ ไม่ศรัทธาก็ไม่ทำบุญ
  

2082.
หนูมีปัญหาจะเรียนถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ

๑.หนูไม่ทราบตัวเองว่าจะเลือกเรียนคณะอะไรดีที่เหมาะกับหนูที่สุด   กำลังลังเลอยู่ระหว่างครูกับนิเทศศาสตร์ หนูเลือกไม่ถูกเลยค่ะ ไม่รู้อันไหนเหมาะกับเราที่สุด

๒.ถ้าหนูนั่งสมาธิแล้วตัวโยกไปมา หนูทำอย่างไรดีคะ ลืมตาได้ไหมคะ

๓.มีคนมาบอกหนูว่าหนูมีองค์ของเจ้าแม่กวนอิม ท่านมาปฏิบัติธรรมกับหนูด้วย   เวลาสวดมนตร์ก็มาสวดด้วย เสียงหนูค่อนข้างจะเปลี่ยนไป และมือส่ายเวลาสวดมนตร์ แล้วก็เวลาเจอรูปปั้นของท่าน หัวใจเต้นแรง มือสั่นมากๆ

    และตั้งแต่หนูทราบมา หนูไม่ค่อยอยากทานเนื้อสัตว์เลยค่ะ แล้วก็อยากถือศีล 8 วันพระ และก็ทานมังด้วย นอกจากนี้หนูไม่อยากใส่เกงเกงที่ต่ำกว่าเข่าเลยค่ะ อาจารย์ว่าเป็นจริงหรือเปล่าคะ หรือหนูคิดไปเอง

๔.หนูไปอยู่วัดมา 9 วัน แรกๆก็ไม่ค่อยอยากเล่นเกม อยากทำแต่ความดี แต่พอนานๆเข้ากิเลสเริ่มครอบงำ ทำอย่างไรดีคะ

๕.อาจารย์ว่าหนูจะบรรลุโสดาบันในชาตินี้ได้ไหมคะ ถ้าหนูปฏิบัติธรรมไปเรื่อยๆ

๖.การกรวดน้ำจำเป็นต้องกรวดลงดินแล้วต้องเอาใบไม้มารองก่อนไหมคะ ทราบมาว่ากรวดในใจบางครั้งส่งไม่ค่อยถึง

๗.ตอนกลางคืนจะมีเทวดามาสวดมนต์ที่หน้าพระพุทธรูปที่บ้านไหมคะ

๘.การรอดใต้ราวผ้า และซักกางเกงในรวมกับเสื้อ เป็นการสมควรไหมคะ ทำให้เราเสื่อมลงหรือไม่

๙.เราจำเป็นต้องใส่สร้อยพระไหมคะ เพราะได้ยินมาว่าบางครั้งเราจิตไม่แข็งพอ ศีลเราไม่สามารถคุ้มกันได้พอ อาจจะมีผีอะไรมาเกาะได้จริงไหมคะ

๑๐.หนูอยากให้สมาธิญาณเพิ่มมากขึ้นต้องทำไงดีคะ ตอนอยู่วัดก็เพิ่มขึ้น แต่พอกลับมาบ้านก็เริ่มกลับไปเป็นเหมือนเดิม ต้องฝึกเท่าไหร่ถึงจะเหมาะกับตัวหนุคะ

๑๑. หนูอยากเกิดมาเป็นผู้ชายมาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ อยากห่มผ้าเหลืองก็ไม่ได้ห่ม ชาติปางก่อนหนูทำเวรกรรมอะไรมาคะถึงต้องมาเป็นหญิงแบบนี้

๑๒.เวลาสวดมนต์ที่หิ้งพระ จำเป็นต้องใส่เกงเกงที่เลยเข่าไปไหมคะ แล้วต้องใส่เสื้อที่คลุมข้อศอกไหมคะ

ได้โปรดเมตตากับลูกด้วยนะเจ้าคะ

* หนูแผ่เมตตาและแผ่บุญให้อาจารย์ด้วยนะคะ อาจารย์ได้รับไหมคะ อาจารย์ทราบไหมคะ

     สาุธุค่ะ  

ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
      (๑) วิชาที่ชอบมากที่สุดนั่นแหละเหมาะกับหนูที่สุด

     (๒) ต้องไม่ลืมตา แต่ต้องแก้ปัญหาให้ถูกตรงด้วยการกำหนดว่า “โยกหนอๆๆๆๆ” ไปเรื่อยๆ จนกว่าอาการตัวโยกจะหยุดไป แล้วดึงจิตกลับมาบริกรรมเหมือนเดิมที่ใช้ในการฝึกจิต

     (๓) ผู้รู้นิยมเอากาลามสูตร มาเป็นเครื่องคัดกรองความไม่จริง ออกจากความจริง ฉะนั้น ใครจะพูดอย่างไรก็เป็นเรื่องของเขา แต่เราจะเป็นอย่างไรอยู่ที่การกระทำของเรา จงพัฒนาจิตของคนให้เกิดสติ และเกิดปัญญาเห็นแจ้งได้เมื่อใดแล้ว อารมณ์ดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้น

     (๔) พัฒนาจิตให้มีกำลัง (พละ ๕) ได้เมื่อใดแล้ว จิตจึงจะสามารถต้านอำนาจของกิเลสมารได้ แล้วความอยากเล่นเกมส์จะไม่เกิดขึ้น

     (๕) ตอบว่าไม่ทราบ หากผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม โดยมีศีล มีสัจจะ มีความเพียร เป็นแรงสนับสนุน โอกาสพัฒนาจิตให้เข้าถึงสภาวธรรมเป็นพระโสดาบันย่อมเกิดขึ้น

     (๖) จะกรวดน้ำหรือไม่กรวดน้ำก็ได้ หากผู้มีบุญปรารถนาจะส่งบุญให้กับผู้รับ โดยสามารถสื่อสารให้เขารู้ แล้วเขาอนุโมทนาบุญ การอุทิศบุญกุศล จึงจะสำเร็จตามความปรารถนา

     (๗) การส่งจิตออกนอก มิใช่เป็นเหตุทำให้พ้นทุกข์ จึงขออภัยไม่ตอบ

     (๘) จิตเสื่อมด้วยมีกิเลสเข้าครอบงำ พฤติกรรม (คิด พูด ทำ) ใด ทำแล้วจิตเป็นอิสระ จิตจะไม่เศร้าหมองไม่เสื่อมหรอกครับ

     (๙) ผู้รู้เอาธรรมวินัยในพุทธศาสนามาคุ้มครองใจไม่ให้วิบัติ แต่ผู้หลง (โมหะ) เอาวัตถุภายนอกมาเป็นสรณะของชีวิต

     (๑๐) จิตมีความเหมาะสม (สัปปายะ) ต่อการพัฒนาจิตที่ยังมีกำลังของสติอ่อน ที่บ้านไม่สัปปายะเท่าที่วัด แต่บุคคลผู้มีศีลคุมใจ มีสัจจะ และมีความเพียรอยู่กับจิต สามารถนำเอาวิธีปฏิบัติธรรมที่วัด มาทำต่อที่บ้านได้

     (๑๑) จิตที่ระลึก (จดจ่อ) อยู่กับอิริยาบถที่เป็นปัจจุบันขณะเท่านั้น ย่อมเข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิได้ ผู้รู้จึงไม่เอาจิตไประลึกอยู่กับอดีต เพราะสิ่งที่ผ่านไปแล้วแก้ปัญหาไม่ได้

     (๑๒) ผู้ศรัทธาเลื่อมใสในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ย่อมแต่งกายให้เหมาะสมกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จะกราบไหว้
  

2081.
สวัสดีครับอาจารย์

ผมมีปัญหาที่จะถามครับ

1. ผมอยากทราบว่ากามารมณ์ของผมมีมากเกิดจากอะไร และจะทำอย่างไรให้หมดไป
   (ผมพยายามไม่ไปต่อยอดกับมันเท่าไร แต่ก็ยังมีอยู่)

2. เขาบอกมา ถ้าผมศึกษาทางธรรมแล้วจะรุ่งโรจน์จริง แล้วจะสำเร็จได้ก็ต้องอยู่ที่เรา
    ผมจะเริ่มอย่างไร

คำตอบ
     (๑) เกิดจากระบบสรีระของร่างกาย ทำงานได้ถูกตรงตามวัย วิธีแก้ปัญหานี้ ในทางโลกแนะนำให้ออกกำลังกาย เช่น เล่นกีฬาที่ใช้แรงมาก เล่นจนร่างกายเหนื่อยล้า แล้วจะทำให้กามารมณ์มีกำลังอ่อนลงหรือหมดไปชั่วคราว

     สำหรับนักปฏิบัติธรรม แก้ปัญหานี้ด้วยการงดรับประทานอาหารหลังเที่ยงไปแล้ว เพียรปฏิบัติธรรม
(เดินจงกรม) ให้มาก และนอนพักผ่อนให้น้อยชั่วโมง พร้อมทั้งปิดทวารทั้ง ๕ ไม่ให้สิ่งกระทบภายนอกเข้ากระทบจิต แล้วปัญหาดังกล่าวย่อมไม่เกิดขึ้น

     (๒) เริ่มด้วยการนำเอาไตรสิกขา (ศีล สมาธิ ปัญญา) มาปฏิบัติให้ถูกตรง คือต้องเอาศีลคุมใจให้ได้ทุกขณะตื่น แล้วเร่งความเพียรปฏิบัติสมถภาวนา จิตย่อมเข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิได้ง่าย หลังจากนั้นนำจิตที่เป็นสมาธิ ไปพิจารณาสติปัฏฐาน ๔ แล้วปัญญาเห็นแจ้งจึงจะเกิดขึ้นกับจิต อนึ่ง ผู้ใดประพฤติตนให้มี ความจริงกาย จริงวาจา จริงใจได้แล้ว โอกาสเข้าถึงธรรมที่ปฏิบัติย่อมเกิดขึ้นได้ง่าย
  

2080.
กราบอ.ดร.สนอง วรอุไร

หนูเห็นความโกรธของคนที่สนทนาด้วย เห็นว่าเขาโกรธเรา ลักษณะที่เห็นเหมือนว่าเป็นพลังงานหรือแรงอะไรซักอย่างวิ่งจากเขาตรงมาหาใจเรา แล้วแรงนั้นมันมากระทบใจเรา แล้วหนูรู้สึกเจ็บๆที่ใจ เหมือนว่าแรงนั้นมันวิ่งตรงมาเสียบที่กลางหัวใจเลย แล้วหนูก็รีบดูอาการเจ็บแล้วรีบปล่อย ไม่กล้าดูจิตตัวเองต่อเพราะกลัวเจ็บ รู้ว่าตัวเองเกิดอารมณ์กลัวเจ็บ แล้วเกิดอารมณ์สงสัย และเลี่ยงไม่มองอารมณ์โกรธของคู่สนทนา ขอเรียนถามอาจารย์ว่าเกิดจากอะไร (หนูพิจารณาแล้วคิดว่าไม่ได้ส่งจิตออกนอก แรงนั้นมันวิ่งมากระแทกใจหนูเอง เกิดเร็วมากเกือบตั้งรับไม่ทันด้วยซ้ำ) การใช้จิตรับถูกฐานหรือไม่ ? ตอนนั้นไม่ได้คิด หรือตั้งใจจะใช้จิตรับ จิตมันไปรับของมันเองคะ   แล้วถ้าเกิดแบบนี้อีกต้องปฏิบัติอย่างไรคะ

      กราบขอบพระคุณคะ

คำตอบ
     จิตที่ขาดสติ ย่อมรับเอาสิ่งกระทบภายนอก (ความโกรธของคนอื่น) ที่ไม่ดี เข้ามาปรุงเป็นอารมณ์ไม่ดีของเรา

     ผู้ใดมองออกนอกตัว (look out) เป็นการตั้งฐานรับที่ไม่ถูก แต่หากพัฒนาจิตตนเองให้มีกำลังของสติกล้าแข็ง เมื่อเห็นความไม่ดีของคนอื่น แล้วเอามาเป็นครูสอนใจตัวเอง ว่าเราจะไม่ทำ (โกรธ) เช่นเขา แล้วพฤติกรรมอันเป็นเหตุนำสู่การเกิดเป็นสัตว์นรก ก็จะไม่เกิดขึ้นกับเรา ฉะนั้นทางที่ดีที่สุด ต้องพัฒนาจิตตนเอง ให้มีสติระลึกทันความโกรธของคนอื่น หรือหากยังพัฒนาจิตไม่ถึงความมีสติกล้า ต้องให้อภัยเป็นทาน ด้วยการกำหนดว่า “ช่างมันเถอะๆๆๆๆ” ไปเรื่อยๆจนกว่า อารมณ์ไม่ดีของเราจะหายไป แล้วความเมตตาก็จะเกิดขึ้นแทนที่ ทำให้เรามีอารมณ์สงบและเย็น
  

2079.
กราบเรียนอาจารย์ที่เคารพอย่างสูงค่ะ

      หนูขอความเมตตาอาจารย์ช่วยคลายความสงสัยในการปฏิบัติตนค่ะ

1. การจะร่วมโมทนาบุญ/ขออนุโมทนา/โมทนาสาธุ ขณะนั้นเราสามารถพูดอยู่ในใจได้ไหมคะ ? หรือจะต้องพนมมือแล้วกล่าวออกเสียงด้วยคะ ? หากจะกล่าวซ้ำ ๆ บ่อย ๆในบุญกุศลเดิมๆทุกครั้งที่ระลึกถึงตัวผู้กล่าวจะได้บุญไหมคะ ?

2. เวลาเห็นผู้อื่นลุ่มหลงกิเลสทางโลกมากเกิน สนุกสนานเพลิดเพลิน ดื่มน้ำเมาจนขาดสติ การแต่งกาย และอื่น ๆ จิตหนูจะนึกไปว่าพวกเขาเหล่านั้นน่าสงสารเมื่อไหร่จะหันเข้ามาสู่ทางธรรมกันหนอ อยากให้พ้นอบายภูมิกัน ...การที่จิตนึกคิดเช่นนี้จะเป็นการหลงตัวเองหรือยกตนว่าดีกว่าผู้อื่นหรือไม่คะ ? 

3. คุณพ่อหนูเจ้าชู้ เล่นหวย ซื้อล็อตเตอรี่เกินเงินเดือนที่ได้รับ แต่ตระหนี่ถี่เหนียวกับคนในครอบครัว เกษียณแล้วก็ยังไม่เลิกไม่มีทรัพย์สมบัติไม่มีเงินเก็บ หนูเตือนให้เล่นและซื้อน้อย ๆ ก็ถูกด่าว่าเงินของพ่อไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ...จึงคิดว่าก่อนเกษียณหนูจะไม่เป็นเช่นนั้น หนูจะต้องมีบ้านในฝันปลูกพืชผักอยู่อย่างเศรษฐกิจพอเพียง จึงวางแผนจะปลูกบ้านในฝันวางรากฐานชีวิตให้กับลูกและให้พ่อแม่ได้ชื่นชม แต่เป็นการสร้างหนี้สินให้กับตนเอง

    - ความคิดหวังนี้หนูมีความเห็นถูกหรือไม่คะ ? 

    - มีแนวทางดึงคุณพ่อให้พ้นราคะ โทสะ โมหะ โลภะ บ้างไหมคะ ?

    - หลังสวดมนต์แผ่เมตตาอุทิศบุญกุศลเรียบร้อยแล้ว ทุก ๆ ครั้งหนูจะตั้งจิตอธิษฐานขอพรให้ .. " บิดาของข้าพเจ้าเป็นผู้มีความประพฤติดีประพฤติชอบ ตั้งมั่นอยู่ในศีลเจริญในธรรม เป็นผู้มีความสุขทั้งใจและกาย มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ขอให้บิดาของข้าพเจ้ามีความรัก ห่วงใย เมตตา เอื้ออาทรต่อมารดาของข้าพเจ้า ขอให้เลิกบ่น ด่า ว่ากล่าวมารดาของข้าพเจ้า ขอให้หันมาปฏิบัติดีปฏิบัติชอบต่อมารดาของข้าพเจ้า ขอให้บิดาของข้าพเจ้าเลิกซื้อล็อตเตอรี่เลิกเล่นหวย ขอให้อยู่อย่างเศรษฐกิจพอเพียงด้วยเถิด "... แรงอธิษฐานนี้จะเป็นไปได้ไหมคะ ?

ขอบพระคุณอาจารย์มากค่ะ

คำตอบ
      (๑) พูดในใจโดยไม่ต้องพนมมือก็ได้ การกล่าวซ้ำๆบ่อยๆ ก็มีบุญที่เกิดขึ้นจากการอนุโมทนาเกิดขึ้นบ่อยๆเช่นกัน

     (๒) การเห็นคนอื่นประพฤติอกุศลกรรมที่นำสู่ความตกต่ำของชีวิต การมองเช่นนี้เป็นเรื่องของปัญญาเห็นถูก และหากหมดอัตตาได้ ก็ไม่ถือว่าหลงตัวเอง และไม่ถือว่าเป็นการยกตนดีกว่าผู้อื่นอีกด้วย

     (๓) ความคิดและความหวังที่บอกเล่าไป เป็นความเห็นถูกทางโลก แต่ในทางธรรมถือว่าเป็นความเห็นผิด เพราะผู้รู้แจ้งและรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ( พระพุทธโคดม ) ได้ตรัสไว้ในทำนองที่ว่า “มนุษยสมบัตินำความคับแค้นใจมาให้กับผู้ครอบครอง”

     - จะดึงคุณพ่อให้พ้นจากกิเลสเหล่านั้นได้ คุณพ่อจะต้องมีคุณธรรมเกิดขึ้นก่อน แล้วความสมปรารถนาในสิ่งที่หวัง จึงจะมีโอกาสเกิดขึ้น

     - หากแรงอธิษฐานของลูก มีกำลังมากกว่ากิเลสของคุณพ่อได้เมื่อใดแล้ว ความสมปรารถนาในสิ่งที่ลูกได้อธิษฐานไว้ จึงจะเกิดขึ้นได้
  

2078.
กราบเรียนสอบถาม ดร สนอง ที่เคารพ   มีคำถามอยากรบกวนถามดังนี้ครับ

1. การที่ได้ซื้อ CD ที่ก๊อปปี้ ถือว่าผิดศีลข้ออทินนา หรือเปล่าครับ

2. จากคำถามข้อที่ 1 หากซื้อเพื่อความบันเทิงและการศึกษาภาษาอังกฤษ แต่ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อนำมาขาย (ซื้อมาดูและฟังภาษาอังกฤษ)
    แต่เมื่อซื้อมาแล้ว ผมก็ขอขอขมากรรมโดยกล่าวว่า "หากข้าพจงใจหรือประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินท่านผู้ใดก็ตาม โปรดยกให้เป็นอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าด้วย"
อย่างนี้จะมีผลของการกระทำ(ผลกรรม)รุนแรงไหมครับ ถ้าเป็นไปได้อยากให้ลองยกตัวอย่างของผลกรรมให้ฟังครับ

3. เนื่องด้วยปี 2558 จะเปิดอาเซียน ซึ่งจะต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นเครื่องมือในการสื่อสาร ถ้ากระผมยังต้องซื้อ CD ที่ก๊อปปี้ (ปัจจุบันดู ฟัง และเปิดอ่านพจนานุกรมภาษาอังกฤษไปด้วย)
     ถ้าผิดศีลข้อ 2 และมีผลวิบากที่ไม่ดีอยู่ เรียนถามวิธีที่จะทำให้พ้นจากวิบากที่ไม่ดีเหล่านนี้ด้วยครับ
 
กราบขอบพระคุณครับ
ภูเมธ

คำตอบ
      (๑) ถ้าผู้ให้ความรู้ในแผ่น CD มีเจตนาให้ความรู้เป็นทาน การซื้อแผ่น CD ที่มีผู้ก๊อปปี้ขาย ไม่ถือว่าผิดศีลข้อ ๒

     (๒) ถ้าเจ้าของสงวนลิขสิทธิ์ความรู้ในแผ่น CD การซื้อแผ่น CD ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ถือว่าผิดศีลข้อ ๒

     การขออโหสิกรรม ถ้าเจ้าของลิขสิทธิ์รับรู้และยกโทษให้ ผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ย่อมไม่ต้องรับโทษนั้น ส่วนผลของกรรม (อกุศลวิบาก) จะรุนแรงแค่ไหนขึ้นอยู่กับ ความรุนแรงของความเห็นผิด และขนาดของอัตตาของผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ถ้ามีความเห็นผิดมากและมีความเห็นแก่ตัว (อัตตา) มาก การจองเวรย่อมเกิดขึ้นมาก หากเจ้าของลิขสิทธิ์เห็นถูกและหมดอัตตา การจองเวรย่อมไม่เกิดขึ้น แต่บาปอันเนื่องจากการประพฤติทุศีลข้อ ๒ ยังมีอยู่

     (๓) ทำบุญใหญ่ (ปฏิบัติธรรม) ให้เกิดขึ้น แล้วอุทิศผลของบุญใหญ่ให้กับเจ้าของลิขสิทธิ์ไปเรื่อยๆ แล้วหนี้เวรกรรมย่อมตามให้ผลไม่ทัน
  

2077.
กราบเรียนอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

ผมมีความสงสัยในการปฏิบัติครับ

1. เมื่อผมนั่งสมาธิผมภาวนา พุท-โธ โดยสติจะอยู่กับลมหายใจเข้า(พุท)-ออก(โธ)   แบบนี้ถูกต้องไหมครับ

2. เมื่อผมนั่งสมาธิไปสักพักหนึ่งจะเกิดอาการปวดขามาก อยากทราบว่าให้ภาวนาพุท-โธต่อโดยไม่สนใจความปวด แล้วเอาตัวสติอยู่กับลมหายใจเข้า-ออกรึป่าวครับ   หรือให้เลิกภาวนาพุท-โธแล้วเอาตัวสติไปไว้ที่ความรู้สึกปวดครับ แล้วจำเป็นต้องมีคำภาวนาไหมครับ หรือรู้สึกว่ามันปวด เป็นแบบนี้ มันเจ็บแบบนี้ไป

3. การเดินจงกรมผมกำหนด ขวา-ย่าง-หนอ ซ้าย-ย่างหนอ ได้ไหมครับ จำเป็นไหมครับต้องกำหนด พุท-โธ เวลาเดินให้เหมือนกับนั่งสมาธิ

4. การเดินจงกรมแบบพุท-โธ มีไหมครับ อยากทราบวิธีและลองปฏิบัติว่าแบบไหนถูกจริต (เคยเห็นแต่การสอนแบบ   ขวา-ย่าง-หนอ ซ้าย-ย่างหนอ  )

รบกวนอาจารย์ช่วยแนะนำวิธีการปฏิบัติที่ถูกต้องด้วยครับ

ขอบพระคุณอาจารย์อย่างสูงครับ

คำตอบ
      (๑) จิตจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้า - ออก เรียกลักษณะเช่นนี้ว่า จิตมีสติคุม

     (๒) เมื่อมีอาการปวดขาเกิดขึ้น ต้องกำหนดว่า “ปวดหนอๆๆๆๆ” ไปเรื่อยๆจนกว่าอาการปวดที่ขาจะหมดไป ถ้าเกิดอาการปวดที่ขาแล้วทำเป็นไม่สนใจ ย่อมทำให้จิตมีโมหะเกิดขึ้น

     (๓) ได้ครับ ไม่จำเป็นครับ

     (๔) มีครับ ถ้ากำหนดแล้วจิตเข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิก็ใช้ได้ วิธีการใด เมื่อนำมาใช้กำหนดจิต แล้วทำให้สติเกิดขึ้น วิธีการนั้นถูกต้องสำหรับผู้ที่นำมาใช้
   

2076.
สวัสดีครับอาจารย์ ผมชื่อณัฐธัญครับ กำลังขึ้นชั้น ม. 5 ในโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม จังหวัดพิษณุโลก

ผมเคยได้ยินว่าการฝึกกรรมฐานช่วยให้ผลการเรียนดีขึ้น จึงอยากถามอาจารย์ผมควรปฏบัติอย่างไร เพราะผมอยากเรียนเก่งๆแล้วสอบเข้าคณะแพทย์ศาสตร์ได้ เพื่อจะลงไปเป็นหมอช่วยเหลือที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ตอน ม. 4 เทอม 2 ผมได้เกรด 3.75   และอยากทราบอานิสงส์ของการปฏิบัติกรรมฐานครับ

ขอบคุณครับ

คำตอบ
      จิตที่ตั้งมั่นเป็นสมาธิ ย่อมส่งผลให้คลื่นสมองเปลี่ยน แล้วทำให้ความจำดีขึ้น (Tony Bouzan) และจากงานวิจัยของ Dr.Goldman พบว่า คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ใช้ปัญญาไอคิว ร้อยละ ๒๐ แต่ใช้คุณธรรมถึงร้อยละ ๘๐

     อานิสงส์ของการปฏิบัติสมถกรรมฐาน มีดังนี้
       - มีอารมณ์ลดน้อยลง
       - คลื่นสมองเป็นระเบียบ
       - หายจากอาพาธ
       - เข้าถึงความสงบสุข
       - เกิดความรู้สูงสุดขั้นโลกิยะ (อภิญญา ๕)
       - ตายในฌานทำให้ไปเกิดในพรหมโลก
       - เป็นฐานให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง
          ฯลฯ

     อานิสงส์ของการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน มีดังนี้
       - ทำให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง
       - ใช้กำจัดกิเลสให้ลดลง หรือหมดไปจากใจ
       - เข้าถึงความเป็นอริยบุคคล
       - ปิดอบายภูมิได้
       - ลดความทุกข์ หรือพ้นความทุกข์ได้
          ฯลฯ
  

2075.
กราบเรียนอาจารย์ ดร.สนอง อย่างสูง เจ้าค่ะ :)

รบกวนสอบถามดังนี้ค่ะ

1. ความกลัวผี  ถ้าเรานั่งสมาธิ หรือ นอนเฉยๆเห็น วิญญาณมาจ้องดูควรทำอย่างไรค่ะ
          **- กำหนดรู้เฉยๆ ว่ามาเดี๋ยวก็ไป หรือ **สวดแผ่เมตตา ให้เขาตอนนั้นเลยค่ะ

            พอหนูเจอทีไรตกใจสะดุ้งทุกที ไม่เป็นสมาธิเลยค่ะ  
           (หนูทราบว่าเราเห็นผิดไม่รู้จริงจึงกลัวค่ะ) แต่ทำไม่ได้สักทีค่ะ มีวิธีไหนแก้บ้างค่ะ

2. การทำอาชีพเกษตรไม่ใช้สารเคมีฆ่าแมลง/ เลี้ยงแต่สัตว์ ไก่ เพื่อต้องการไข่ไก่ไว้ ขายหรือประกอบอาหาร/ แต่มิได้ฆ่า ผิดศีลไหม่ค่ะ ผิดสัมมาอาชีวไหม

3. การนำกระดาษหนังสือที่ให้ความรู้ไม่ใช้แล้ว มาเช็ดสิ่งปฏิกูล หรือเหยียบ ถือว่าเป็นบาป มีผลต่อการศึกษาความรู้หรือไม่ค่ะ

4. เราจะทราบได้อย่างไรว่าบุญนั้นถึงคนที่เราอุทิศให้ (รู้สึกแบบใด สังเกตุจากอะไรค่ะ)

5. ถ้าผิดรักษาศีลข้อ 5 แบบว่านานๆดืมสุรา 2 เดือนครั้ง   เฉพาะเมื่อมีงานฉลอง นานๆที จะมีผลต่อการก้าวหน้าปฏิบัตธรรมหรือไม่ เพราะบางครั้งเลี่ยวไม่ดื่มยาก เวลาเจอพบปะเพื่อนฝูง

6. ถ้าเราอยากไปทำเกษตร แต่แม่ไม่ชอบใจ ทำใหม่แม่เคือง ถือว่าเราบาปไหมค่ะ

ขอบพระคุณอาจารย์มากค่ะ

คำตอบ
      (๑) ต้องไหว้พระ สวดมนต์ แล้วอุทิศบุญกุศลที่ตนมีให้กับอมนุษย์ที่เห็นทุกครั้งที่เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น

     (๒) เลี้ยงไก่ด้วยการกักขัง หรือเอาไข่ไก่ที่มีเชื้อผสมแล้วไปขาย ก็ยังเข้าข่ายประพฤติทุศีล

     (๓) พฤติกรรมใดที่บุคคลได้กระทำแล้ว เกิดเป็นความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ พฤติกรรมนั้นถือว่า บาป หากเป็นไปในทางตรงกันข้าม ไม่ถือว่าเป็นบาป และไม่มีผลต่อการพัฒนาความรู้

     (๔) ผู้รู้ อุทิศบุญให้ หรือทำความดีให้กับใครผู้ใดแล้ว ย่อมไม่ตามดูผลที่เกิดขึ้น การอุทิศหรือการกระทำในลักษณะนี้ ถือว่าได้บุญเต็มร้อย แต่ผู้รู้ไม่จริง นิยมตามดูผลจากการอุทิศหรือการให้ จึงได้ทั้งบุญและบาปเกิดขึ้น

     (๕) ปฏิบัติธรรมแล้วเข้าไม่ถึงธรรมที่ปฏิบัติ เหตุเป็นเพราะจิตไม่มีศีลคุม หรือขาดสัจจะคุมความประพฤติ

     (๖) เป็นบาปครับ
  

2074.
กราบสวัสดีอาจารย์ครับ

     เมื่อเดือนก่อนผมฝันถึงหลวงปู่มั่นฯ ในฝันเห็นตัวเองได้เข้าไปกราบท่าน. หลังจากนั้นบังเอิญเพื่อนๆคุยกันว่าจะซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ผมก็เลยมี Idea ไปซื้อตามอายุของหลวงปู่ แล้วอธิฐานจิตว่า ถ้าได้เงินมา ผมจะร่วมทำบุญ กับ มูลนิธิหลวงปู่ แล้วก็ ร่วมสร้างโรงพยาบาลสงฆ์ หลังจากนั้นก็ถูก Lottery จริงๆ ผมจึงให้เพื่อนไปขึ้นเงินแล้วก็ทำบุญทั้งหมด

     คำถาม : ผมนึกอยู่ในใจว่า ครูบาร์อาจารย์ท่านไม่เคยสั่งเคยสอนให้เล่นหวย แต่ผมประมาทไปทำเข้า เพราะไม่รู้จะเอาทรัพย์ มาจากวิธีไหน ? แบบนี้จะบาปและทำให้การภาวนาของผมไม่คืบหน้าไหมครับ ? แล้วจะมีวิธีการแก้ไขอย่างไร ?

     กราบขอบพระคุณครับ

คำตอบ
      บาปเพราะใจพ่ายแพ้ต่ออำนาจของกิเลสมาร ผู้มีจิตเป็นทาสของกิเลสมาร ย่อมเข้าไม่ถึงผลแห่งการประพฤติจิตตภาวนา หากผู้ถามปัญหาประสงค์จะแก้ไขข้อผิดพลาด (บาป) ที่ตนได้กระทำแล้ว ต้องไปขอขมากรรมต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แล้วรักษาใจให้มีศีลและมีสัจจะคุมให้ได้ทุกขณะตื่น และต้องไม่ประพฤติอกุศลกรรมเช่นนั้นให้เกิดซ้ำอีก จากนั้นต้องหันมาปฏิบัติธรรม เร่งความเพียร แล้วโอกาสพ้นไปจากบ่วงของมาร จึงจะเกิดขึ้นได้
  

2073.
เรียนท่านพระอาจารย์ ดร.สนอง   วรอุไรครับ  

     กระผมมีเรื่องที่รู้สึกว่าเป็นความทุกข์ ที่ไม่สามารถควบคุมจิตของตัวเองได้   ทำให้เราเป็นคนอ่อนไหวง่าย เป็นที่ยึดหนัก คิดไปเครียดๆไป

     ขอเล่าเรื่องตัวเองนิดหนึ่งนะครับ คือเราเปิดร้านทำกิจการการค้า(แว่นตา)ซึ่งก็เป็นระดับกลางๆ   เปิดมา 5 ปีแล้ว    

     โดยปัจจุบันแล้วเหมือนอยู่คนเดียว เพราะอยู่ที่ร้านก็เหมือนคล้าย 7-11 มีเวลาออกนอกบ้าน 3 ชม.   หลังจากปิดร้านก็ออกไปรับคนรัก ทานข้าวและกลับบ้าน  (กระผมนอนที่ร้านครับ)

     ตอนดึกๆหลังจากส่งแฟนแล้วบางทีเรารู้ว่าเราต้องกลับร้านเรารู้สึกว่ากระผมไม่อยากกลับเลย   มันเจออะไรเดิมจนมันรู้สึกเบื่อ เฉาๆ และไม่อยากอยู่คนเดียว........  

     ชีวิตในวัยเด็กกระผมเป็นคนอยู่คนเดียว พ่อแม่อาจจะไปคนละทาง แต่เราเองก็อยู่คนเดียวจนโต   จึงทำให้เรารู้สึกว่า เราไม่มีใครเลย เวลามีเรื่องอะไรก็คิดแล้วคิดวน คิดอยู่คนเดียว คิดแล้วไปยึดไปผูก     เอาจิตไปผูกกับความวิตก ความกลัวทั้งหลาย คิดว่าอยู่คนเดียวแล้วจะทำให้จิตตัวเองฟุ้ง

     กระผมรู้สึกว่าเรากำลังแบกก้อนหินให้มันหนักตัวเราขึ้นทุกวันๆ

    พร้อมกับกระผมมีเรื่องทุกข์ใจเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บที่ไม่หนักหนา แต่ก็ทำเรากลุ้มและกลัว กังวล(กลัวว่าจะต้องไปหาหมอ กลัวผ่า กลัวเจ็บ ทั้งๆที่มันอาจจะไม่ถึงขนาดนั้น)   จนเรามีความกลัวซึ่งมันมากขึ้นๆ เอาจิตไปผูกกับอนาคต และติดกับอดีตที่เศร้า   ปะปนจนเต็มไปหมดครับ จนเราคิดว่าเราเหมือนคนฟุ้งซ่าน

     วันอาทิตย์กระผมพาครอบครัวไปทานข้าว แต่ข้างล่างร้านอาหารที่เราไปมีป้ายคำพูด ในเรื่องธรรมะสอนให้เราดำเนินชีวิตว่าอย่ายึด ทุกอย่างไม่เที่ยง ทั้งร่างกายก็ไม่ใช่ของเรา   แต่เราไปยึดว่ามันเป็นของเรา เจ็บไข้ได้ป่วย จิตเราก็มักจะไปผูกติดกับสิ่งต่างๆนาๆ ทั้งความรัก รักแค่ไหนวันหนึ่งก็ต้องมีจาก ทุกอย่างมีขึ้นมาก็ต้องมีดับไป ความสุขและความทุกข์ก็เช่นกัน  .... กระผมอ่านข้อความตรงนี้แล้ว  ก็รู้ตัวเองว่าเราต้องการอะไรในชีวิต

     กระผมเองไม่เคยเป็นคนแบบนี้เลยนะครับ อายุ 32 เอง เพียงแต่ครั้งหนึ่งเคยไปเยี่ยมแม่เพื่อนที่เลิดสิน เพราะคุณแม่เพื่อนเราติดเอดส์จากการบริจาคเลือด หรืออะไรสักอย่างเราไม่แน่ใจจริงๆ     ซึ่งตอนนั้นกระผมเองก็ไม่เคยเห็นอะไรอย่างงี้มาก่อนเลย ขึ้นลิฟท์ไปชั้นอายุรกรรม   แล้วเปิดประตูลิฟท์มาเท่านั้นแหละครับ เจอสภาพผู้ป่วยแบบใกล้ถึงเวลาจริงๆแล้ว นั่งรอนอนเปล   และภาพที่เราไม่คิดว่าจะเห็นมันทำให้เราฝังใจมาจนถึงตอนนี้เลย คือมีพระภิกษุสงฆ์รอสวดอยู่ 3 รูป

     นี่กระผมเห็นความจริงของชีวิตอยู่ใช่ไม๊ครับ อยากจะเข้าใจยอมรับมัน ไม่ยึดตัว ไม่คิดอะไร   แต่ไม่รู้จะเริ่มศึกษายังไง   
  
     พอเวลาเจ็บไข้ได้ป่วยต้องใช้บัตรทอง แล้วไปนั่งรอประมาณครึ่งวัน   รู้สึกว่าเห็นคนเจ็บคนป่วยแล้วน่าสงสาร ถ้าเราเป็นเค้าเราจะทำยังไง .....   เอาความทุกข์ของคนอื่นมาใส่ตัวเรา กระผมเป็นแบบนี้เสมอ คิดว่าทุกคนก็เจ็บก็ป่วย   ซึ่งมันก็เป็นความจริง แต่พอไปเห็นจริงๆแล้ว   กลับทำให้เราจิตตกว่าทำไมคนเราถึงเกิดมาต้องลำบากนักหนา น่าเวทนา   น่าสงสารจนจิตและความคิดตัวเองเหมือนไปนั่งแทนที่เค้าซะอย่างงั้น   

     ตั้งแต่นั้นมาจิตกระผมเองก็ผูกติดอยู่กับความกลัวและกังวลนี้มาตลอด จนเราเป็นคนที่คิดมาก   แต่ก็อยากศึกษาธรรมะนะครับ ถึงแม้จะมีเวลาน้อยก็ยังดีกว่าไม่มี

     ความคิดกระผมเอง ก็รู้สึกนะครับว่าธรรมะนี่เป็นทางสายกลางซึ่งจะทำให้เราเข้าใจทุกสิ่ง .... ทำให้เราเห็นจริง รู้จริง วางกิเลส ตัณหา เราว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่สอน ให้เราได้ปฏิบัติทุกสิ่งในชีวิตได้ (พูดเหมือนกระผมแก่ใช่ไม๊ครับ แต่กระผมอยากทำให้จิตตัวเองสงบ ปล่อยวาง ไม่นำจิตไปยึดติดกับความกลัว หรืออดีตและอนาคต)     บางทีเราอ่านหนังสือธรรมะแล้วเราอาจจะไม่ค่อยเข้าใจ เพราะเหมือนเป็นผู้แสวงหาเบื้องต้น   อ่านไปต้องไปเสริช์ดูว่าคำแต่ละคำคืออะไร แล้วเราจะเข้าใจมันได้อย่างไร  

     ส่วนตัวแล้วคิดว่ากระผมไม่อยากปล่อยให้เวลามันผ่านไปเรื่อยๆ   เราคิดว่าคนหลายๆคนอาจจะมองข้ามสิ่งเหล่านี้ แต่สำหรับกระผมเองจึงอยากเข้าใจ   และยกระดับจิตตัวเองขึ้นมา  

     อยากหาหนังสือที่อ่านแล้วทำให้มุมมองเราเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องจิต และการปล่อยวางได้ถูกต้องด้วยนะครับ....

     กระผมเองไม่อยากเอาจิตไปผูกกับสิ่งที่เกิดกับความทุกข์หรือสุขทั้งหลาย ทั้งอดีตและอนาคต   ยอมรับในสิ่งที่เกิดและดับไป ....   เพราะชีวิตกระผมเองเหมือนอยู่คนเดียว คิดคนเดียวมาตลอด

     กระผมบางทีอยากนั่งสมาธิแต่เราก็มักจะฟุ้ง จิตเราไม่นิ่งเลย   ช่วยชี้แนะแนวทางการนั่งสมาธิกำหนดอยู่กับลมหายใจ ปล่อยความคิดให้ว่างเปล่า   มีแต่ความสงบให้กระผมได้เข้าใจด้วยได้ไหมครับ

     เรื่องของกระผมอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ใหญ่สำหรับบางท่าน   แต่ก็คงเป็นปัญหาของเรามากถ้าเราไม่รู้จักศึกษาและเข้าใจในวันนี้   วันข้างหน้าเราคงขาดสติในชีวิตที่เราเหลืออยู่

     ขอบพระคุณอาจารย์มากๆสำหรับคำชี้แจงที่มีค่า และความหมายสำหรับคนๆหนึ่ง ที่ไม่รู้จะเริ่มยังไง   เริ่มที่ไหน ทำความเข้าใจอะไรก่อน ให้มีทางสว่างในธรรมทั้งกายและใจ

คำตอบ
      เรื่องที่บอกเล่าไปทั้งหมด มีเหตุมาจากจิตขาดสติคุ้มครอง จึงไปรับเอาสิ่งต่างๆมาปรุงเป็นอารมณ์ฟุ้งซ่าน ดังนั้น แนวทางแก้ปัญหาที่ถูกตรง ต้องพัฒนาจิตให้มีสติคุม แนะนำให้พัฒนาจิตด้วยการมีศีล ๕ และมีสัจจะคุมใจให้ได้ทุกขณะตื่น หลังจากนั้นเร่งความเพียรพัฒนาจิต ( สมถะภาวนา ) อย่างใดอย่างหนึ่ง ด้วยการเอาจิตจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้า - ออก ( อานาปานสติ ) หรือเอาจิตจดจ่ออยู่กับอากาศ หรือช่องว่างอันหาที่สิ้นสุดมิได้ ( อากาสานัญจายตนะ ) ต้องกำหนดอย่างต่อเนื่องทุกครั้งที่นึกได้ กำหนดทุกครั้งที่ว่างจากการทำงาน เมื่อใดจิตมีกำลังของสติเกิดขึ้นกล้าแข็งแล้ว สิ่งดีงาม ( คุณธรรม ) ทั้งหลายทั้งปวงย่อมหลั่งไหลเข้าสู่จิต แล้วปัญหาที่เกิดขึ้นจะหมดไป ผู้ใดเอาชนะใจตนเองได้แล้ว ชีวิตนี้ไม่มีอะไรจะแพ้อีก … . สู้ครับ
  

2072.
อาจารย์ค่ะ
               ลูกสาว มีอาการ แปลก ๆๆ งองแงวันพระ ไปในที่แปลก ๆๆ ก้องอนแงตลอด ร้องไห้มีตลอดตั้งแต่เกิด ในช่วงกลางคืนเมือนฝันร้าย ใครจะเอาชีวิต ขออาจารย์แนะนำด้วยค่ะ

คำตอบ
       หัดลูกให้ไหว้พระสวดมนต์ก่อนนอน แล้วกำหนดพุท - โธ ประมาณห้านาที หลังจากนั้นอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร รวมถึงอมนุษย์ที่ต้องการบุญ ปฏิบัติเช่นนี้ทุกวัน แล้วอาการที่บอกเล่าไป จึงจะมีโอกาสหายได้
  

2071.
กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง

ผมมีคำถามดังนี้ครับ

     1. เวลาผมฟังเสียงธรรมบรรยายต่างๆ หรือ ประวัติของพระพุทธเจ้าที่เป็นเทปmp3, หรือจาก youtube แล้วผมตามอนุโมทนาบุญในเรื่องราวของธรรมะบรรยายนั้นๆ จะได้บุญหรือไม่ เช่น เรื่องราวของนางวิสาขา ผู้เป็นโยมอุปฐากพระพุทธเจ้าผมอนุโมทนาบุญของนางวิสาขาด้วย...

     หรือในเสียงบรรยายธรรมของท่านอาจารย์ ที่บอกว่า " ด้วยบุญด้วยบารมีที่ผู้บรรยายได้สั่งสมมาตั้งแต่... ขอบุญกุศลที่ผู้บรรยายมีจงมีแก่ท่าน...." ไม่รู้ว่าผมจะได้รับบุญอันนั้นด้วยหรือไม่เพราะผมฟังจาก mp3 ไม่ได้อยู่ในที่ๆ นั้น ในเวลาที่เกิดขึ้นจริงขณะนั้นครับ

     2. ผมเห็นตามวัดต่างๆ มีตู้หยอดเหรียญที่เวลาใส่เหรียญลงไป ก็จะมีเสียงพระสวดให้พร เหมือนเวลาถวายของให้พระ แบบนี้เราจะได้รับพรเหมือนกับพระสงฆ์มาสวดให้เราต่อหน้าหรือไม่

     ขอความกรุณาไขความกระจ่างด้วยครับ
      ขอบพระคุณมากครับ
      Nai

คำตอบ
      (๑) ได้บุญที่เกิดจากการอนุโมทนา ในทั้งสองกรณีที่ยกตัวอย่างไป

     (๒) ขึ้นอยู่กับปีติที่เกิดขึ้นจากการรับพร การับพรแบบใด ทำให้จิตเกิดปีติมากกว่า ก็ได้บุญมากกว่า
  

2070.
กราบเรียน ท่านอาจารย์ ดรสนอง วรอุไร

      ดิฉันเป็นคนไทย ที่เคยบอกว่านับถือพุทธตามที่เขาให้กรอกข้อมูล   เคยเรียนวิชาศีลธรรมเพราะต้องสอบ   ตอนเด็กๆ คุณแม่ให้ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์น้า นำข้าวไปวัดอยู่เนืองๆในวันพระ แต่ไม่เคยเข้าใจธรรมะ   จนได้เริ่มฟังคำสอนของท่านอาจารย์โดยพี่สาวแนะนำ จึงเริ่มเข้าใจธรรมะมากขึ้น แม้จะยังไม่เข้าถึงธรรมก็ตาม  

      ดิฉันได้ฟังธรรมที่ท่านอาจารย์สอนอยู่เนือง วันนี้เพิ่งฟังคำบรรยายของท่านอาจารย์เมื่อ 29 มค 55 ท่านอาจารย์ได้กล่าวว่า ครูบาบุญชุ่มเตือนให้ระวังภัยที่จะมากกว่าเดิม 10 เท่า ในเร็วๆนี้   ขอเรียนถามท่านอาจารย์ว่ากำหนดเวลาที่ใกล้เคียงได้มั๊ยค่ะ เช่นในปีนี้ ปีหน้า เพื่อให้สามารถเตรียมตัวและใจได้อย่างมีสติ ทุกวันนี้พยายามเตรียมตัวดังที่ท่านอาจารย์แนะนำ   แต่ศีลก็ยังไม่สามารถคุมใจได้ทุกขณะ แต่จะพยายามต่อไป

       หากเคยมีกรรมใดๆที่กระทำโดยไม่บังควรต่อท่านอาจารย์ ไม่ว่าชาติไหน ขอท่านอาจารย์โปรดอโหสิกรรมให้ด้วย

     กราบขอบพระคุณ
      หมอชาวภูเก็ต

คำตอบ
     คำที่ครูบาบุญชุ่มกล่าวเตือนญาติธรรม ให้ระมัดระวังภัยที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ ครูบาฯ มิได้บอกว่าเมื่อใด และไม่มีญาติธรรมคนไหนถามถึงกำหนดเวลาที่แน่นอน ฉะนั้นผู้ไม่ประมาท พึงเตรียมใจให้มีศีล มีสติ และมีบุญคุ้มรักษาใจให้ได้ทุกขณะตื่น นั่นแหละดีที่สุด

     สุดท้าย … . อโหสิครับ
  

2069.
เรียนอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ที่เคารพ

     ผมซึ้งในธรรมทานท่านมากแจ่มแจ้ง ทุกคำที่ท่านพูด ปัจจุบันผมก็ยังเข้าไม่ถึงธรรม แต่ก็ปารถนาที่จะทำ ให้เกิดกับจิตใจ

      ผมศึกษาธรรมของหลวงปูชามานิดหน่อย แต่พระไตรปิฏกไม่เคยอ่าน เพราะมันเข้าใจยากเลยไม่อ่าน ผมมีเรื่องที่จะกราบเรียนถามท่านสัก 5 คำถามครับ

     1. ชาติที่แล้วท่านอธิฐานมาช่วยเพื่อน เหตุใดท่านถึงมาเกิดในประเทศไทย มันเกี่ยวกับพระศรีอริยะเมไตรรึปร่าวครับ รวมทั้งครูบาบุญชุ่ม ทำไมท่านไม่เลือกไปเกิด
ประเทศที่มีประชากรมากๆ เพื่อจะได้ช่วยได้มาก

     2. ทำไมท่านไม่แสดงฤทธิ์ เพิ่อทำให้เกิดศรัทธา กับดอกบัวประเพศที่ 4 เพื่อให้เค้าสนใจในธรรมทานของท่าน

     3. ท่านเคยพูดว่ากตัญญูเป็นนิสัยของชาวฟ้าชาวสวรรค์ ผมอยากออกบวชเพราะปัจุบันผมทำงานส่งเงินให้พ่อ แม่ ถ้าหากผมทิ้งเค้าเหล่านั้นไปบวช ผมจะเป็นคน
อัคกตัญญูไหม(การปฎิบัติธรรมจะสำเร็จไหม) ผมฟังธรรมพ้นทุกข์แบบฆารวาทของท่านแล้วปฎิบัติแล้วก็สงบ เป็นบางครั้งบางคราวมันขาดความต่อเนื่อง

     4. จำเป็นต้องหากัลยามิตด้วยหรือป่าวครับ พระที่พอจะพึ่งได้ลูกษิตท่านมากเข้าไม่ถึง นอกนั้นก็รักสันโดด เข้าป่ากันหมด ผมเลยไม่แสวงหาเลยนั่งดูตัวเอง ทำอย่างพระพุทธเจ้า

     5. ธรรมะของพระพุทธเจ้าถึงช่วงเสี่อม ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็จะมีผู้ปฎิบัติดีมาเผยแพร่พระธรรม ยุคนี้คือท่าน ยุคต่อไปก็คงเป็นบุคลอื่นเรื่อยๆ ทำไมอินเดียถึงศาสนพุทธ
จึงไม่เจริญเหมือนของไทย ทั้งที่เป็นต้นกำเนิดศาสนา แล้วพระอริยะเจ้าที่อินเดีย เนปาลมีมากไหม (พระนิยัตะโพธิสัตว์ยังมาสร้างบารมีที่ประเทศไทย)
 
     สุดท้ายนี้ผมขอขอบคุณท่านมากจากธรรมทานของท่าน ผมเข้าใจทุกอย่างที่ท่านพูด ผมปรารถนาพิสูจย์ คำพูดของท่าน คำพูดพระโคดมครับ

คำตอบ
      (๑) การช่วยเหลือเพื่อนให้มีปัญญาเห็นถูกตามธรรม มีอยู่ในพุทธศาสตร์เท่านั้น ศาสนาอื่นไม่สามารถพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นถูกตามความเป็นจริงแท้ ( ปรมัตถสัจจะ ) ได้ ด้วยเหตุนี้จึงต้องลงมาเกิดอยู่ในประเทศไทย ที่มีพุทธศาสนาลงหลักปักฐานไว้ดีแล้วในยุคสมัยนี้

     (๒) ผู้ตอบปัญหาเคยหลงเล่นฤทธิ์ (อิทธิวิธิ) มายาวนานถึงเจ็ดชาติ ชาตินี้เป็นชาติที่แปด ครูบาอาจารย์ (ท่านเจ้าคุณโชดก) ห้ามมิให้ผู้ตอบปัญหา เอาจิตไปตกเป็นทาสของฤทธิ์ เพราะไม่เป็นเหตุนำพาชีวิตไปสู่ความพ้นทุกข์ ผู้ตอบปัญหามีสัจจะต่อครูบาอาจารย์ จึงต้องรักษาสัจจะเอาไว้ตลอดชีวิต ในการบรรยายธรรมแต่ละครั้ง ผู้ตอบปัญหาได้ใช้ อาเทศนาปาฏิหาริย์ และอนุศาสนีปาฏิหาริย์ ควบคู่กันดังที่พระสารีบุตรได้ทำให้ดู

     (๓) จงดูพระสารีบุตร หนีนางสารี (แม่) ผู้มีความเห็นผิด (มิจฉาทิฏฐิ) ไปบวชเป็นพระสงฆ์อยู่ในพุทธศาสนา แต่ก่อนจะเข้าสู่พระนิพพาน พระสารีบุตรได้หวนกลับไปช่วยแม่ ให้กลับมามีสัมมาทิฏฐิ แล้วนางจึงได้บรรลุพระโสดาบัน

     (๔) จะทำอย่างพระพุทธเจ้าได้ ต้องนำพาชีวิตให้ดำเนินไปตามแนวทางของพระโพธิสัตว์ ต้องอบรมสั่งสมบารมีมามาก อบรมสั่งสมบารมีมายาวนาน แม้แต่การเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ยังต้องอบรมสั่งสมบารมีมายาวนานถึงสองอสงไขยกัป

     (๕) ธรรมะของพระพุทธเจ้าโคดมมิได้เสื่อม ในยุคปัจจุบันผู้ใดนำพาชีวิต ดำเนินไปตามทางของมรรคมีองค์แปดได้อย่างถูกตรง โอกาสเข้าถึงความเป็นอริยบุคคลย่อมเกิดขึ้นได้ แต่เหตุที่พุทธศาสนาเสื่อมนั้น เนื่องมาจากพุทธบริษัท มีจิตใจเสื่อมไปจากธรรมวินัย นั่นเองที่เป็นต้นเหตุ

     สาธุ …. ที่ผู้ถามปัญหาปรารถนาพิสูจน์คำพูดที่ถูกตรงตามธรรมวินัยของพระพุทธโคดม
  

2068.
เรียน อาจารย์ ดร.สนอง

     ช่วงนี้มีคนชักชวนให้เรียนเรื่องพลังจักระหลายคน ซึ่งผู้เรียนชักชวนว่า เพื่อไว้รักษาตนเองและคนรอบข้างอีกทั้งยังช่วยในการตั้งจิตให้เป็นสมาธิได้เร็วขึ้น

     เขาเปรียบพลังดังกล่าว ว่า ก็เหมือนการเดินปราณภายใน

    อยากเรียนถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ

     1. การฝึกพลังจักระ มีผลต่อการเจริญวิปัสนาหรือไม่ เป็นการประพฤติที่ถูกตรง หรือ จะทำให้เราหลงทางค่ะ

     2. เขาบอกว่าพลังจักระ เป็นพลังที่มีอยู่ในธรรมชาติ เป็นพลังของจักรวาล ดังนั้นเป็นการถูกต้องหรือไม่ หากเราหยิบยืมพลังงานดังกล่าวมาใช้

     รบกวนสอบถามค่ะ เพราะอยากฝึก แต่ไม่อยากหลงทาง

      ด้วยความระลึกในพระคุณของอาจารย์ค่ะ

คำตอบ
      (๑) การฝึกพลังดังกล่าว มีผลกระทบต่อการเจริญวิปัสสนาภาวนา จะทำให้หลงทางชีวิต ไม่สามารถนำพาชีวิตไปสู่ความพ้นทุกข์ได้

     (๒) ลองพิจารณาดูว่า หากมีพลังดังที่กล่าวแล้ว สามารถทำให้ตัวเองปิดอบายภูมิได้ไหม ? สามารถนำชีวิตตนเองไปสู่ความพ้นทุกข์ได้ไหม ?
  

2067.
กราบเรียน อ.ดร.สนอง วรอุไร

     เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2555 ผมได้รับฟังธรรมบรรยายของท่านอาจารย์ แต่อยู่ๆ ความคิดที่เป็นอกุศล คิดไม่ดีก็เกิดขึ้นในหัวผมเอง

     ตัวผมเองไม่ได้มีเจตนาหรือตั้งใจ ที่จะคิดไม่ดีต่ออาจารย์ ผมจึงเป็นกังวลมาก จึงอยากกราบขอขมาต่ออาจารย์

     และกระผมอยากทราบว่าทำอย่างไรความคิดที่ไม่ดี ที่มันคิดขึ้นมาเองถึงจะหายไป

       กราบขอขมาอาจารย์อย่างสูง
        พนธวิชญ์

คำตอบ
     อโหสิให้แล้ว และหากผู้ถามปัญหามีความประสงค์จะลบทิ้งโปรแกรมจิตที่ไม่ดี ต้องนำดอกไม้ ธูป เทียน ไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แล้วสวดมนต์บทสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย หลังจากนั้นกล่าวขอขมากรรม เมื่อกิจกรรมดังกล่าวแล้วเสร็จ ต้องรักษาใจให้มีศีล มีสัจจะ และเร่งความเพียรปฏิบัติธรรมอยู่เสมอ
  

2066.
กราบเรียน ท่าน อ. ดร. สนอง ที่เคารพ
 
     หนูมีปัญหาเรียนถามอาจารย์ ดังนี้ค่ะ
 
     คุณแม่ของหนูท่านนอนป่วยอยู่ เดินไปไหนไม่ได้ คิดว่าท่านก็ไม่ได้ทรมานกายแต่อย่างใดนัก เพราะท่านไม่ได้มีโรคประจำตัว (อายุ 86 ปี) แต่บางครั้งท่านก็เพ้อถึงคุณยาย คุณแม่ของท่าน บางทีก็เรื่องเงินบ้าง
 
     ความทุกข์ของหนูก้อคือ หนูกลัวว่าถ้าท่านตายขณะที่ท่านยังคิดถึงเรื่องแบบนี้อยู่ ท่านคงจะไปไม่ดีแน่ ๆ ท่านอาจารย์มีคำแนะนำอะไรบ้างไหมคะ ตอนนี้หนูให้ท่านฟังเทศน์ หรือไม่ก็เสียงพระสวด ปัญหาคือ หูของท่านก็ไม่ค่อยได้ยิน ถึงแม้จะเอาซาว์นเบาด์ใส่ให้แล้ว ท่านก็ยังเพ้ออยู่ไม่หยุด
 
     หนูรบกวนท่านอาจารย์ช่วยชี้ทางให้หนูด้วยเถอะค่ะ ไม่รู้จะช่วยท่านอย่างไร ตอนนี้กลัวมากว่าถ้าท่านสิ้นไปขณะนั้น หนูไม่กล้าคิดเลย ทั้ง ๆ ที่ท่านทำบุญมากก็มาก แต่กรรมก็ทำเยอะเหมือนกันค่ะ เรื่องเบียดเบียนสัตว์
 
     หนูกราบขอคำแนะนำจากท่านอาจารย์ด้วยค่ะ ว่าจะช่วยท่านได้อย่างไรคะ
 
       กราบขอบพระคุณค่ะ
        ต้น

คำตอบ
     เอารายการทำบุญใหญ่ๆที่คุณแม่ได้ทำแล้วและมีความประทับใจ มาอ่านให้ท่านฟัง หรือเอาภาพถ่ายของสถานที่หรือบุคคล เช่น พระพุทธเจ้าหรือพระอริยสงฆ์ที่ท่านศรัทธากราบไหว้ มาไว้รอบๆตัวท่านให้ได้เห็น ทั้งนี้ด้วยมีเจตนาให้จิตของคุณแม่ประทับอยู่แต่ในสิ่งที่ดีงาม แล้วโอกาสไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดีย่อมมีได้
  

2065.
กราบเรียน อ.ดร.สนอง   วรอุไร ที่เคารพ
 
     กระผมและครอบครัวพักอาศัยอยู่แถวมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย อยากสอบถามอาจารย์สนองว่า มีที่ใดในบริเวณใกล้ ๆ นี้มีวัดที่สอนสมถกรรมฐานและวิปัสนากรรมฐานที่ถูกต้องตามธรรมบ้างครับ ขอบคุณครับ

คำตอบ
       พระอาจารย์วิชัย เขมิโย วัดถ้ำผาจม ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
  

2064.
กราบเรียน ท่านอาจารย์ ที่เคารพอย่างสูง

     ผมมีเรื่องที่สงสัยขอรบกวนถามท่านอาจารย์ดังนี้ครับ   

     1 ตั้งแต่ผมเกินมา ผม มีความรู้สึกว่า ผมไม่ชอบ พวกเครื่องประดับ สร้อย แหวน หรือของที่ผู้หญิงไช้ประดับตกแต่งร่างกาย รวมถึงพระเครื่องต่าง ผมจะไม่ชอบเป็นอย่างมาก แม้แต่การที่ต้องไปสัมผัสกับของพวกนี้ ถ้าผมเกิดสัมผัสไปจับ หรือแตะต้องของพวกนี้ผมจะต้องรีบไปล้างมือทันที ผมรู้สึกว่า ขยักแขยง รู้สึกว่าเป็นของสกปรก มาก ผมเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ผมอยากทราบว่าผมมีกรรมอะไร ถึงได้รู้สึกแบบนี้

      2 เวลามีญาติที่เสียไป ผมจะได้พบและพูดคุยกับญาติในฝันด้วย ผมอยากทราบว่าทำมัยถึงเป็นแบบนี้ (ผมเป็นคนกลัวผีมากและนอนคนเดียวจะไม่กล้าปิดไฟนอน ผมอยากทราบว่ผมมีกรรมอะไรถึงได้รู้สึกแบบนี้ครับ)   ขอไห้อาจารย์แนะวิธีแก้ไขไห้ด้วยครับ

          กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์มากครับ
ขอกราบขอขมาแด่ท่านอาจารย์ด้วยครับหากได้ทำสิ่งใดล่วงเกินไป
ขอให้อาจารย์มีสุขภาำพยืนยาวเป็นที่พึ่งของผู้คนทั้งหลายต่อไปนานๆครับ

คำตอบ
      (๑) เป็นผลของกรรมที่เนื่องมาจากการประพฤติและมีศีล ๘ คุมใจจนเป็นปกตินิสัย

     (๒) เหตุเป็นเพราะจิตมีความตั้งมั่นเป็นสมาธิอยู่ในระดับหนึ่ง จึงไปสัมผัสกับอมนุษย์ในต่างมิติได้ ส่วนความรู้สึกกลัวผี มีเหตุมาจากความรู้ไม่จริง หรือไม่รู้จริงในเรื่องของผี
  

2063.
กราบเรียนถาม ท่านอาจารย์ ดร.สนอง

     ความตาย เมื่อก่อนไม่ได้นึกถึงหรือพิจารณา แต่ตอนนี้ได้ทราบแก่ใจแล้วว่าไม่ว่าบุคคลใดหรือตัวเองต้องตายแน่นอน เห็นความตายเป็นเรื่องใกล้ตัวเหมือนเป็นเงาตามตัว จึงอยากเตรียมความพร้อมในเรื่องตายให้กับตนเอง แต่ความจริงแล้วกลัวความตายมาก ไม่พร้อมตาย จึงอยากเรียนถามท่านดังนี้

     1. จิตก่อนตายนั้นสำคัญ จะเป็นตัวชี้ว่าจะไปทางดีหรือทางร้าย จากที่ได้อ่านได้ฟังเห็นกล่าวว่า ก่อนตายให้นึกถึงแต่สิ่งดี หรือให้ญาติที่ห้อมล้อมให้บอกแก่ผู้กำลังจะตายให้นึกถึงพระบ้าง พุทโธ บ้าง แต่บางคราวผู้กำลังจะตายก็ไม่อาจทำได้ หรือคนที่ตายอยู่คนเดียวก็ไม่รู้จะนึกได้หรือเปล่า แล้วจะทำอย่างไร ให้ผู้กำลังจะตายทั้ง 2 กรณีที่กล่าว ได้ไปสู่สุคติแน่นอนได้

     2. ในความคิดของผู้ถามเห็นว่า เหตุที่คนเราต้องตายเพราะร่างกายทนอยู่ไม่ได้ คือ ร่างกายคงเจ็บปวดทรมาณสุดประมาณได้ จนดวงจิตหรือวิญญาณไม่อาจอาศัยร่างกายต่อไปได้ และตัวจิตนี้เองอาจหลง ไร้สติ หรืออาจจะมีสติ ซึ่งเป็นได้ทั้ง 2 ทาง เมื่อต้องเผชิญกับทุขเวทนาทางกายและทางจิตลักษณะอย่างนี้ ผู้กำลังจะตายจะต้องทำอย่างไร

     3. ได้ดูเคเบิ้ลทีวี มีบุคคลท่านหนึ่งกล่าวว่า พร้อมตายได้ทุกเมื่อ ทุกเวลา ทุกสถานการณ์ เพราะสิ่งใดที่สมควรทำก็ได้ทำแล้ว จึงทำให้รู้สึกทึ่งท่านนี้และอยากที่จะรู้สึกได้อย่างนี้ ดังนั้น เมื่อต้องเผชิญกับความตาย อยากให้ตัวเองมีจิตใจที่กล้าหาญไม่กลัวตาย มีความพร้อมที่จะตาย จะต้องทำอย่างไร หรือต้องเตรียมพื้นฐานอย่างไร

     4. วิธีเตรียมตัวตายก่อนตายที่ดีที่สุด คือวิธีใด ต้องทำอย่างไร
                        ขอกราบขอบพระคุณในความเมตตาค่ะ

คำตอบ
      (๑) ต้องทำแต่กรรมดีอยู่เสมอ เพื่อให้จิตเก็บบันทึกกรรมดีไว้ภายในเป็นกุศลสัญญา หรือพัฒนาจิตจนมีสติกำกับอยู่ทุกขณะตื่น เมื่อจิตจำเป็นต้องหลุดออกจากร่าง สติย่อมมีกำลังผลักดันจิตไปสู่สุคติภพ

     (๒) คำว่า “อาจ” ไม่มีอยู่ในดวงจิตของผู้รู้จริง ดังนั้นบุคคลไม่ประมาท ย่อมเจริญสติอยู่ทุกขณะตื่น แล้วกรรมดีจึงจะเกิดขึ้น เป็นพลังผลักดันจิตที่หลุดจากร่างไปสู่สุคติภพ ดังนี้

     ก. ศีล ๕ ผลักดันจิตให้โคจรไปเกิดเป็นมนุษย์

     ข. ทานและศีล หรือกุศลกรรมบถ ๑๐ มีพลังผลักดันจิตให้โคจรไปเกิดเป็นเทวดา

     ค. ฌาน มีพลังผลักดันจิตให้โคจรไปเกิดเป็นพรหม

     ฉะนั้น ผู้มีความไม่ประมาท พึงเลือกประพฤติเหตุเอาตามที่ชอบ แล้วความสมปรารถนา ย่อมเกิดขึ้นได้ในวันข้างหน้า

     (๓) บุคคลที่ไม่กลัวตาย และพร้อมที่จะตายได้นั้น มีเหตุมาจาก

     ก. เคยพัฒนาจิต (สมถภาวนา) จนเข้าถึงปุพเพนิวาสานุสติญาณ แล้วจะรู้ เห็น เข้าใจ ว่าความตายเป็นเรื่องปกติของชีวิต

     ข. เคยพัฒนาจิต (วิปัสสนาภาวนา) จนเกิดปัญญาเห็นแจ้ง แล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้ง ทำเหตุให้ตรงกับสิ่งที่เขาปรารถนาจะเป็นในวันข้างหน้า เมื่อทำเหตุไว้พร้อมแล้ว จะไม่กลัวตาย

     (๔) วิธีเตรียมตัวตายที่ดีที่สุด คือ พัฒนาจิต (วิปัสสนาภาวนา) จนเกิดปัญญาเห็นแจ้ง แล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้งกำจัดอวิชชาให้หมดไปจากใจ
  

2062.
กราบเรียนอาจารย์ ดร.สนองที่เคารพ

    ขออนุญาติสอบถามว่าเราจะแยกแยะได้อย่างไรคะว่าอุปสรรคนานาประการในชีวิต ที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาในช่วงที่เราปฏิบัติธรรมนั้น เป็นเพราะเจ้ากรรมนายเวร หรือ มาร ?

    หากเป็นเจ้ากรรมนายเวรมาทวงหนี้นอกจากการชดใช้แล้วจะมีทางอื่นเพิ่มเติม ที่จะบรรเทาความรุนแรงของอกุศลวิบาก เพื่อให้มีกำลังใจในการปฏิบัติต่อไปไหมคะ ? แต่ถ้าเป็นมารเราจะมีวิธีรับมือที่เหมาะสมอย่างไรคะ ?

     ขอบพระคุณล่วงหน้าเป็นอย่างสูงค่ะ
       ขอแสดงความนับถือ

คำตอบ
     คำว่า “เจ้ากรรมนายเวร” หมายถึง ผู้เคยมีกรรมมีเวรแก่กัน ได้แก่มนุษย์และอมนุษย์

     คำว่า “มาร” หมายถึง สิ่งที่คอยกำจัด หรือขัดขวางบุคคลไม่ให้บรรลุความดี

     ดังนั้น อุปสรรคที่เกิดขึ้นระหว่างการปฏิบัติธรรม จึงมีเหตุมาจากถูกเจ้ากรรมนายเวรปองร้าย หรือมีเหตุมาจากมารเข้ามาขัดขวาง วิธีบรรเทาหรือแก้ปัญหาในเรื่องนี้ สามารถทำได้ ๔ แนวทาง

     (๑) ยอมชดใช้หนี้เวรกรรมจนกว่าจะหมดหนี้

     (๒) อุทิศบุญแลกกับหนี้เวรกรรม

     (๓) พัฒนาจิตจนพ้นไปจากวัฏสงสาร แล้วหนี้เวรกรรมที่เหลือก็จะเป็นอโหสิกรรม

     (๔) ใช้ปัญญาเห็นถูกตามธรรมแก้ปัญหาเรื่องมาร ด้วยการดับต้นเหตุที่แท้จริง
  

2061.
กราบเรียนท่านอาจารย์สนอง วรอุไรครับ

     เมื่อประมาณสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมเริ่มปฏิบัติอย่างจริงจัง โดยใช้สติคุมกายและใจอยู่ตลอดทั้งวัน ผมพยายามใช้สติรักษาความคิดอย่างต่อเนื่อง ด้วยมีความคิดที่ว่าอันว่าไฟคือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ได้เผาผลาญจิตใจของผมตลอดทั้งวันทั้งคื และเพราะเหตุอันใดเล่า ผมจึงใช้เวลาดับไฟกิเลสเพียงแค่วันละครั้งตอนไปสวดมนต์นั่งสมาธิที่วัด

     ตั้งแต่คิดได้ดังนั้น จึงตั้งใจเห็นโทษของขันธ์ 5 และไฟคือความทุกข์ที่ได้รับเพราะการยึดมั่นถือมั่นขันธ์ 5 อยู่เนือง ๆ ตอนเย็นวันจันทร์-ศุกร์ ผมก็ไปสวดมนต์ที่วัดและทำสมาธิ(ทำแบบนี้มาประมาณ 6 เดือนแล้วครับ) ส่วนวันศุกร์-อาทิตย์ ก็ไปปฏิบัติธรรมเดินจงกรมนั่งสมาธิที่วัด (ทำมาประมาณเดือนหนึ่ง) วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ.255 ผ่านมาตอนผมเดินจงกรม เมื่อจิตได้ยินเสียงใบไม้ตก หรือตามองเห็นรูปเงาดำ ๆ   และจิตก็เกิดความปรุงแต่งว่าเป็นผี ความกลัวก็เกิดขึ้นมาจนทำให้ผมตัวสั่นสะท้าน ผมได้มองดูเปลวไฟ คือความกลัวนั้นได้เผาผลาญจิตใจของผม ให้ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส เมื่อเห็นโทษของความยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ห้า ซึ่งเปรียบเสมือนกองไฟ ผมก็นึกถึงกองไฟที่มีอยู่ในนรกว่า จะต้องมีความร้อนมากมายกว่านี้อย่างแน่นอน

     ตอนนั้นผมก็เกิดความเบื่อหน่าย อยากจะพ้นจากความยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ 5 และในบางครั้งขณะที่ผมเดินจงกรม จิตก็หยิบเอาทุกขเวทนาจากการกลัวผีขึ้นมาพิจารณาว่า แม้ความทุกข์มากมายปานนี้ สุดท้ายแล้วก็เป็นไปตามกฎแห่งไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง และอนันตา จิตผมก็ได้เกิดปิติ เบาขึ้นๆ เพราะเหตุว่าได้มีปัญญา เห็นตามความเป็นจริงดังกล่าว ในขณะที่เดินจงกรมอยู่ประมาณ 4 ทุ่มนั่นเอง จิตก็มีความคิดปรุงแต่ขึ้นมาอันหนึ่งว่า “ สุกขวิปัสสโก ” ผมไม่ได้เอามาใส่ใจอะไร เพราะเห็นแต่เพียงว่าเป็นความฟุ้งซ่านของจิตเป็นธรรมดาของมัน

     จากนั้นผมได้เข้านอนอย่างมีสติ และตั้งใจว่าวันพรุ่งนี้จะตื่นไปสวดมนต์ให้ตรงเวลา วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2555 ตอนเช้าประมาณ 04.50 ผมก็ได้ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองอาจจะไปไม่ทันสวดมนต์เช้า (เพลิงกิเลสกองเล็ก ๆ อีกกองหนึ่งในตอนเช้า)  แต่ก็ไม่ได้รีบร้อนใจอะไร คิดว่าการปฏิบัติธรรมคือมาละกิเลส ถ้าหากกิเลสเกิดขึ้นเมื่อไหร่เราจะกำหนดรู้ และดูความเร่าร้อนที่มันสร้างขึ้นภายในจิตใจ

     ผมได้เดินอย่างมีสติไปสวดมนต์ที่โบสถ์ ส่วนพระท่านก็ได้เริ่มสวดมนต์ไปบ้างแล้ว หลังจากที่เข้าไปในโบสถ์ และเริ่มสวดมนต์ไปได้สักพัก ผมก็หยิบธรรมะต่าง ๆ ขึ้นมาพิจารณามากมาย และจิตก็ได้นิ่งไปสักพักไม่ได้คิดอะไร ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจิตว่างไปนานเท่าไหร่ แต่พอผมมารู้ตัวอีกทีจิตก็เริ่มคิดปรุงแต่งความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาคือ

     พระพุทธเจ้าเป็นผู้ทุบหม้อนรกของสัตว์ทั้งหลาย พระธรรมเป็นผู้ทุบหม้อนรกของสัตว์ทั้งหลาย พระอริยะสงค์เป็นผู้ทุบหม้อนรกทั้งหลาย

     เมื่อคิดได้ดังนั้นจิตจึงได้เกิดธรรมสังเวชว่า ตนเองได้เกิดในนรก และได้รับความทุกข์ทรมานมานานนับไม่ถ้วน นับแต่นี้ไปผมไม่ต้องไปเกิดในหม้อนรกอีกแล้ว และร้องไห้ด้วยความดีใจ สำนึกในพระคุณของพระรัตน์ไตร ที่ได้ช่วยทุบหม้อนรกของสัตว์ทั้งหลาย รวมทั้งถึงหม้อนรกของผมเอง

     ผมได้ถามตัวเองว่า ตัวเองได้เป็นพระโสดาบันแล้วหรือยัง แต่จิตมันก็บอกว่า “ ไม่ทราบ ”

     ผมได้ถามตัวเองว่าผมจะต้องไปเกิดเป็นเปรต อสุรกาย หรือสัตว์เดรัจฉานหรือไม่ แต่จิตมันก็บอกว่า “ ไม่ทราบ ”

     แต่ถ้าถามว่าจะต้องไปเกิดในหม้อนรกไหม ผมก็ตอบได้เลยว่า “ ไม่ ”

     แต่ถ้าถามว่ามีความลังเลในพระรัตนไตรหรือไม่ ผมก็ขอตอบว่า “ ผมไม่มีความลังเลสงสัยในพระรัตนะไตรเลย และขอเทิดพระคุณ คุณงามความดี ของท่านไว้เหนือเศียรเกล้า ”

     เท่าที่ผมเคยได้เรียนมาท่านว่าพระโสดาบัน ท่านละสังโยชน์ 3 ได้ คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา และสีลัพพตปรามาส และเมื่อท่านบรรลุธรรมแล้ว ท่านจะทราบว่าท่านเป็นพระอริยะหรือไม่

     แต่เท่าที่ผมตรวจสอบจิตในวันนั้นทั้งวัน ผมก็สงสัยตัวเองว่า ทำไมผมยังกลัวผีอยู่ ผมยังกลัวร่างกายเปื้อนอยู่ ทำไมผมยังสงสัยว่าตัวเองเป็นพระโสดาบันอยู่

     แต่ในวันนั้นก็มีเหตุการณ์ประหลาด เกิดขึ้นหลายเหตุการณ์ด้วยกัน ผมมีความมั่นใจว่านรกมีจริงอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในชีวิต

     ผมได้ยินความคิดของทั้งคน และสัตว์ที่อยู่รอบข้าง ทั่งเด็ก พระ และนก (แต่ก้ไม่แน่ใจว่าจะเป็นจริงหรือปล่าว หรือว่าคิดเอาเอง)

     พอผมมองไปเห็นสัตว์ ความคิดไม่ดี หรือความโกรธจะเกิดขึ้นมาเล็กน้อย แต่จะมีความคิดที่ว่า สัตว์ทุกตัวที่เกิดมาบนโลกก็ทุกข์เหมือนกันจิตที่มีความความคิดไม่ดี หรือความโกรธ จะหายไปทันที และเปลี่ยนขึ้นมาเป็นความเมตตาขึ้นมาในจิตใจทันที

     ผมมองเห็นใครก็เห็นแต่ความทุกข์ที่มีอยู่ในตัวเขา แ ละอยากจะช่วยเหลือทุกคน หลังจากนั้นผมได้กลับมาทำงานเหมือนปกติ ในวันอาทิตย์ ตอนกลางคืน

     ผมก็ได้เห็นอนาคตของคนที่ผมนั่งใกล้ ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะเป็นความจริงหรือปล่าว

     แต่ด้วยความคึกคะนอง คิดว่าตนเองสามารถดูอนาคตของคนอื่นได้ จึงได้เล่าให้เขาฟังและทำตัวเป็นหมอดูในวันนั้น

     ในวันจันทร์เมื่อผมเห็นใครมีความทุกข์ ก็คิดอยากจะช่วยเขาไปหมดแม้ แต่หลังจากที่ผมเพ่งจิตเพื่อดูอนาคตไปแล้ว ถ้าคนคนนั้นโกรธในสิ่งที่ผมพูด ผมจะมึนหัว หูแดง และรู้สึกไม่มีแรงขึ้นมาทันที

     ทุกวันนี้ผมเลิกดูแล้ว เพราะเห็นว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง ต่อตัวเขา และพระพุทธศาสนา และที่สำคัญที่สุดผมรู้สึกไม่มีแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

     หลังจากวันนั้นความรู้ความเห็นที่เราเคยเห็นมานั้นก็ค่อย ๆ เสื่อมลงไปจนหายไปหมด เหลือแต่ความมั่นคงในพระรัตนะไตร และความยึดมั่นในศีล 5

     ทุกวันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นพระโสดาบันหรือปล่าว แม้วันนี้ผมก็มีความสงสัยตัวเองขึ้นมาอีกทีหนึ่งว่า คงไม่ใช่แน่ ๆ เพราะยังโกหกอยู่

     แต่ก็ไม่ได้เป็นการโกหกซะทีเดียว เพราะเป็นการเล่าเรื่องในอดีตที่ ผมเองก็จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เลยพูดไปตามความปรุงแต่งของจิต

     แต่พอนึกได้ก็ปรากฏว่าสิ่งที่ตนเองพูดมา ไม่ตรงกับความเป็นจริงที่เราได้พูดไป แต่ว่าในตอนขณะพูดก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะโกหก

     สุดท้ายนี้ผมก็ยังไม่ทราบอยู่ดีว่าคนเองเป็นอะไร แต่ที่ทราบแน่ชัดคือตนเองยังมีกิเลสอยู่เต็มหัวใจที่จะต้องละและขัดเกลา

     สิ่งที่ผมอยากจะถามคือ

     1.ผมเป็นพระโสดาบันหรือปล่าว ถ้าหากใช่ แล้วพระโสดาบันที่เป็นเกย์มีด้วยหรือ ? แต่ว่าใช่ไม่ใช่อย่างไรผมก็จะทำความเพียรต่อไป

     2.ผมควรดำเนินชีวิตอย่างไรดี เพราะผมอยู่ที่ทำงานก็รู้สึกว่าร้อนใจเป็นพัก ๆ แต่ถ้าไปบวชก็บวชไม่ได้เพราะจิตผมไม่ปกติคือ

    ผมเคยรักเพศเดียวกัน และตอนนี้ก็ยังมีกามราคะเวลาที่เห็นผู้ชายหน้าตาดีอยู่

     สิ่งที่ผมตั้งใจไว้คือผมอยากจะบวชในเดือนหน้า และทำชาตินี้ให้เป็นชาติสุดท้ายของผม

     แต่ถ้าขอบวชกับท่านพระที่ผมเคารพไม่ได้ เพราะเหตุที่ว่าผมยังชอบเพศเดียวกันอยู่

    ผมก็จะขอท่านเจ้าอาวาส ท่านรองเจ้าอาวาสวัดอรัญญวิเวก แม่แตง เชียงใหม่ อยู่ปฏิบัติธรรมไปเรื่อย ๆ จนกว่าผมจะบรรลุเป็นพระอรหันต์

     3.หากอาจารย์มีข้อแนะนำอื่นๆ สามารถติเตียนมาได้เลยครับ ผมดีใจมากถ้าท่านอาจารย์ได้เมตตาชี้ทางออกจากหม้อนรกให้ผม

      นายพงศกร

คำตอบ
      ผู้ที่เข้าถึงสภาวธรรมเป็นพระอริยบุคคล เช่น พระโสดาบัน ย่อมรู้ เห็น เข้าใจในกิเลสที่ตนละได้แล้ว ย่อมรู้ เห็น เข้าใจ ในกิเลสที่ตนยังลงไม่ได้ โดยมิต้องให้ใครมาบอกกล่าวหรือยืนยัน

     คนที่ยังมีความกลัวเรื่องผี แสดงว่าจิตยังไม่รู้จริง ในเรื่องของผี แต่พระอริยบุคคล มีจิตพ้นไปจากสภาวะเช่นนี้แล้ว

     การได้ยิน (รู้) ความคิดของสัตว์ที่อยู่รอบข้าง เป็นเรื่องของปุถุชนผู้เข้าถึงโลกิยญาณที่เรียกว่า เจโตปริยญาณ เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับผู้ที่มีจิตเข้าถึงความทรงฌานได้แล้ว แต่โลกิยญาณตัวนี้มิได้เป็นเหตุทำให้ชีวิตพ้นไปจากความทุกข์ ผู้รู้จริงจึงไม่เอาจิต ไปหลงติดอยู่กับสิ่งเหล่านี้

      (๑) ยังมิได้เป็นพระโสดาบัน แต่มีสภาวธรรมในดวงจิตเป็นปุถุชน ที่สามารถเข้าถึงความทรงฌานได้เท่านั้น

     (๒) ฆราวาสที่สามารถบรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคล ก็มีให้เห็นอยู่ในครั้งพุทธกาล เช่น อนาถบิณฑิกเศรษฐี นางวิสาขามหาอุบาสิกา พระเจ้าพิมพิสารแห่งกรุงราชคฤห์ หมอชีวกโกมารภัจจ์ อิสิทัตตะคนเลี้ยงช้างของพระเจ้าปเสนทิโกศล ฯลฯ

     อนึ่ง บุคคลสามารถตั้งความปรารถนา (อธิษฐาน หรือ ตั้งใจไว้) ได้ แต่หากกามราคะยังคงมีอำนาจเหนือใจอยู่ ยังไม่สามารถพัฒนาจิตให้เข้าถึงอรหัตตผล ต้องรอจนกว่ากามราคะจะหมดสิ้นไปจากใจได้เมื่อใด โอกาพัฒนาจิตให้เข้าสู่ความพ้นทุกข์ จึงจะเกิดขึ้น

     (๓) อัมพปาลี มีความเห็นผิด มีจิตเป็นเป็นทาสของกาม จึงมีอาชีพเป็นโสเภณี แต่ภายหลังได้เลิก มิจฉาอาชีวะอย่างเด็ดขาด ได้บวชเป็นภิกษุณีแล้ว ปฏิบัติธรรมจนเป็นพระอรหันต์ได้

     สิริมาโสเภณีค่าตัวแพงแห่งแคว้นมคธ ได้ฟังธรรมจากพระโอษฐ์ แล้วหันมาปฏิบัติธรรมโดยเลิกอาชีพค้ากามอย่างเด็ดขาด จิตสามารถบรรลุโสดาปัตติผล (ปิดอบายภูมิ) ในขณะยังอยู่ในเพศฆราวาส

     ดังนั้นหากผู้ถามปัญหา เร่งความเพียรพัฒนาจิตให้ถูกตรงตามธรรม จนจิตพ้นไปจากอำนาจของกามได้ โอกาสเข้าถึงความสมปรารถนาจึงจะเกิดขึ้น
   

2060.
เรียน อาจารย์สนอง

มีคำถามที่จะสอบถามดังนี้

     1) ช่วยอธิบายสภาวะ "ภวังค์" อย่างละเอียด เพื่อที่ผู้ฝึกปฏิบัติสามารถรู้ได้ขณะปฏิบัติด้วยครับ เพราะผู้ถามพยายามศึกษาข้อมูล แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจสภาวะนี้นัก

     2) การวูบหลับไปโดยง่าย ขณะที่ทำสมาธิเกิดจากอะไร ใช่การเข้าภวังค์แบบหนึ่งหรือไม่ มีผลดีผลเสียอย่างไร ถ้าเป็นผลเสีย ต้องแก้ไขอย่างไร

     ขอถามสั้นๆ ครับ ขอขอบพระคุณมากครับ

คำตอบ
      (๑) คำว่า “ภวังค์” เป็นสมมุติบัญญัติที่หมายถึง พลังงานจิตไม่มีการเกิด - ดับ จึงทำงานไม่ได้ เมื่อใดจิตเข้าสู่สภาวะที่เรียกว่า ภวังค์ บุคคลจึงไม่สามารถนำจิตมาพัฒนาให้เข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิได้ ไม่สามารถพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้งได้ ไม่สามารถทำความดี - ความชั่วใดๆได้ ไม่สามารถเขียนหนังสือมาถามปัญหาหรือตอบปัญหาได้ ฯลฯ

     (๒) การวูบหลับ หลังจากจิตเข้าสู่สภาวะภวังค์ มีผลดีในทางโลก ทำให้จิตพักการทำงาน ทำให้ร่างกายได้พักผ่อน ไม่เครียด ไม่เสียใจ ไม่เกิดความเจ็บปวดใดๆ ตรงกันข้าม จิตที่อยู่ในภาวะภวังค์ มีผลเสียในทางธรรม เพราะไม่สามารถนำจิตมาพัฒนาให้เข้าถึงสมาธิได้ ไม่สามารถเข้าถึงปัญญาเห็นแจ้งได้ ไม่สามารถกำจัดกิเลสให้หมดไปจากใจได้ ฯลฯ
  

2059.
กราบเรียนถามอาจารย์ค่ะ

      ตั้งแต่เล็กๆ หนูเป็นคนชอบฝัน นอนฟังคุณยายสวดมนต์ก็จะฝันถึงผี ต่อสู้กับผี เหาะ หายตัว หนีผี เป็นประจำ และหนูก็ฝันเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันฝัน ทั้งกลางวัน และกลางคืน เป็นเรื่องราว ไม่ต่างกับละครสั้นเลยค่ะ ตื่นมาก็จำได้หมด เช้า ๆ จะไปเล่าให้เพื่อนสนิทฟังเสมอ ทราบมาว่าการฝันแสดงว่าเรานอนหลับไม่สนิท

      โดยปกติหนูสวดมนต์ก่อนนอนเป็นประจำและพอได้ปฏิบัติธรรมก็จะนอนเจริญสติจนหลับบ้าง นั่งเจริญสติ 10 นาที บ้าง แต่ก็ยังฝัน เข้าใจว่าฝันในช่วงเช้ามืด เพราะตื่นมาก็ระลึกนึกถึงฝันทุกที แต่ก่อนฝันแล้วพอตื่นมานอนต่อก็ฝันต่ออีก เคยไปพบจิตแพทย์ก็แนะนำให้ทำสมาธิและให้ยามาทาน ทุกวันนี้ก็ยังฝัน และเคยปรึกษากัลยาณมิตรคือพระวิปัสสนา แนะว่าตื่นมาก็ให้กำหนด ไม่ต้องไปสนใจเรื่องที่ฝัน แต่ก็แปลกเรื่องที่ฝันหลายครั้งจะแม่นยำเป็นจริง ในบางเรื่องที่ฝันก็ใกล้เีคียงจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ จึงเป็นเหตุให้ต้องพิจารณาเรื่องที่เราฝันว่าจะเป็นจริงอีกหรือไม่

      จึงกราบเรียนอาจารย์ช่วยชี้แนะแนวทางปฏิบัติให้หนูเหมือนคนทั่วไป หนูอยากหลับก็เป็นสุข ตื่นก็เป็นสุขค่ะ

      ขอบพระคุณอาจารย์ค่ะ  

คำตอบ
      การรับประทานยามิใช่การแก้ปัญหาที่ถูกตรงมิให้นอนฝัน แต่สิ่งที่พระวิปัสสนาแนะนั้น เป็นการแก้ปัญหาที่ตรงเหตุ ที่สามารถแก้ปัญหานอนแล้วมิให้ฝัน ด้วยการเร่งความเพียร พัฒนาจิตให้มีกำลังของสติกล้าแข็ง แล้วความฝันจะไม่เกิดขึ้นอีก
  

2058.
กราบสวัสดี อาจารย์สนอง วรอุไร คะ

     หนูชื่อ ภรณ์ภัสสร เพชรอัศว์สกุลคะ อยู่กรุงเทพคะ   หนูได้ติดตามงานเขียนอาจารย์มาได้ปรมาณ 3 ปีแล้วคะ หนังสือเล่มแรกๆ ที่หนูได้อ่านคือ หนังสือ " ทำชีวิตให้ไดีดีและมีสุข " และ " ยิ่งกว่าสุข เมื่อจิตเป็นอิสระ " จนถึงขณะนี้ก็ยังติดตามงานเขียนและธรรมะบรรยายของอาจารย์อยู่ตลอดคะ

     ครั้งแรกที่ได้อ่านหนังสืออาจารย์ เป็นครั้งที่หนูได้แปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเอง จากคนที่ไม่สนใจพ่อ แม่ ไม่พอใจเวลาที่ต้องเข้าหาท่าน ไม่เคยกอดท่าน ไม่เคยกราบท่าน ไม่มีความกตัีญญูในจิตใจหนูเลย หนูอ่านหนังสือแล้วร้องไห้ไป เสียดายเวลาที่ไม่เคยทำตัวเป็นคนดีของพ่อ แม่เลย

     วันต่อมาหนูก็สังเกตุตัวเองเวลาที่เห็นพ่อ กับแม่ หนูรู้สึกอย่างไร ก็รู้สึกว่าตัวเองยังอายที่จะเข้าหา แล้วพอเริ่มกระทำดีกับพ่อ แม่ รู้สึกว่าท่านออกจะแปลกใจไม่น้อย แต่หนูก็พยายามทำดีกับท่านตลอด จนถึงวันที่ 12 สิงหาคม เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เป็นครั้งแรกคะ ที่หนูได้กราบเท้าพ่อ แม่ และทำให้พ่อร้องไห้ออกมา มันตื้นตันมากคะ หนูกล่าวขอให้พ่อ กับแม่ อโหสิกรรมให้หนู ในสิ่งที่ำทำผิดพลาดมาตลอด พ่อกับแม่ก็บอกกับหนูว่าท่านยกโทษให้หนูและไม่เคยถือโกรธเลย และอยากให้หนูเป็นเด็กดี  

     ทุก ๆ ปีจะมีวันที่ 12 สิงหาคมนี้แหละคะ ที่จะได้มีโอกาสกราบท่าน ขออโหสิกรรมจากท่าน ทำจนทุกวันนี้ ไ่ม่เขิน ไม่อายเลยคะ ทุกครั้งที่มีเวลาว่างก็จะพากันออกไปทา่นอาหารที่ท่านชอบกัน และมีเวลาให้ท่านมาก ๆ ในทุกครั้งที่พ่อ แม่ต้องการ มีความสุขที่ได้เป็นคนกตัญญูคะ และรู้สึกว่าตัวเองโชคดีคะที่ยังมี พ่อ กับแม่ให้ได้ดูแล  

     แต่หนูมีเรื่องอยากถามอาจารย์คะ คือหนูได้กล่าวขออโหสิกรรมจากแม่ในสิ่งที่กระทำผิดพลาดในอดีตที่ผ่านมานั้น แต่บางครั้งที่ทำตัวไม่ถูกใจแม่ แม่ก็จะจำเรื่องราวเก่า ๆ ที่แม่ไม่พอใจ ขึ้นมา แม่ก็จะหยิบเรื่อง นั้น ๆ ขึ้นมา่ต่อว่า เข้าใจว่าแม่ยังไม่ลืม แต่อยากทราบว่าแบบนนี้ก็ยังไม่ได้รับการอโหสิกรรมจากแม่ใช่ไหมคะ แล้วหนูควรทำอย่างไรดีคะ

    รบกวนอาจารย์ตอบด้วยคะ
       กราบขอบพระคุณอาจารย์อย่างสูงคะ

คำตอบ
      ลูกสามารถกล่าวย้ำหรือพูดกับแม่ได้อย่างถูกตรงตามธรรมว่า “แม่ได้กล่าวยกโทษให้หนูแล้ว ทำไมจึงเอาเรื่องที่ไม่ดีของหนูในอดีต มาตอกย้ำอยู่อีกเล่า” เมื่อพูดจบต้องเจริญขันติและเจริญเมตตาให้ใจมีกำลังต้านมารอยู่เสมอ เมื่อมีสิ่งขัดใจเกิดขึ้น ต้องให้อภัยเป็นทานด้วยการกำหนดว่า “ช่างมันเหอะ ๆๆๆๆ” จนความไม่สบายใจหมดไป แล้วความสงบเย็น (เมตตา) จะเกิดขึ้นแทนที่
  

2057.

กราบเรียนอาจารย์ดร.สนอง วรอุไร

     สวัสดีคะอาจารย์ ตอนนี้หนูกำลังศึกษาระดับปริญญาโท สาขาภาษาศาสตร์อยู่คะ  (เทอม สอง เหลืออีก สามเทอม)  

     ขอเกริ่นนำนิดหนึ่งว่า หนูเคยปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิในแนวสติปัฏฐาน๔มาก่อนคะ น่าจะปฏิบัติมาได้ประมาณสามปีแล้ว แต่ช่วงหลังมานี่ ปฏิบัติไม่ค่อยสม่ำเสมอ แต่หนูก็รู้ตัวนะคะว่าตัวเองหย่อนยานในการปฏิบัติมาก แต่ก็จะพยายามทำให้สม่ำเสมอคะ อีกอย่างรู้สึกว่าไม่ว่าจะนั่งสมาธิหรือเดินจงกรม มักจะมีอาการฟุ้งซ่าน ไม่สงบ แต่หนูก็พยายามตามความรู้สึก แตทว่า ปฏิบัติได้อย่างมากก็แค่สิบนาทีเท่านั้น อยากให้อาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยคะ

     ขอเข้าเรื่องเลยนะคะ ว่า มีวันหนึ่งหนูได้อ่านหนังสือวิชาการ แล้วอยู่ดีๆ ก็รู้สึกว่าเนื้อหาทั้งหลายที่เรากำลังอ่านอยู่นี่มันก็เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมา สมมุติขึ้นมาทั้งนั้น ทำไมมนุษย์เราจะต้องหาหลักการหรือข้อสมุติฐานต่างๆมากมายเพื่อที่จะสมมุติสิ่งหนึ่งขึ้น และให้คนทั้งหลายยอมรับเข้าใจในสิ่งที่คนสร้างขึ้น   หนูก็เลยเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายกับเนื้อหาที่เราจะต้องอ่าน คำถามคือว่า ตอนนี้หนูก็กำลังศึกษาอยู่ เทอมหน้าก็จะต้องเสนอหัวข้อวิทยานิพจน์แลัว อาจารย์ช่วยให้คำแนะนำได้ไหมคะว่า หนูควรปฏิบัตัวอย่างไร ในสภาวะเช่นนี้ หนูรู้สึกสับสนกับตัวเองมากเลยคะ จะถอยก็ถอยไม่ได้ เพราะตั้งใจตั้งปณิธานกับตัวเองแล้วว่าเราก้าวมายืนอยู่ตรงนี้แล้ว เราก็ควรจะทำให้ดีที่สุด

     สุดท้ายขอความเมตตา กรุณาของอาจารย์ช่วยให้คำชี้แนะในเรื่องการปฏิบัติตัวทั้งทางโลก และทางธรรมด้วยคะ
    
     ขอบคุณอาจารย์มากคะ

คำตอบ
      การปฏิบัติธรรมที่ไม่สม่ำเสมอ (หย่อนยาน) เป็นเหตุให้จิตถูกครอบงำด้วยกิเลสได้ง่าย อาการฟุ้งซ่านของจิตมีสาเหตุมาจากจิตมีกำลังสติอ่อน จึงพ่ายแพ้ต่อกิเลสมาร ในรอบวันผู้ถามปัญหาทำความดีเพียงแค่สิบนาที ส่วนเวลาที่เหลือปล่อยให้จิตถูกย่ำยีด้วยกิเลสมาร แล้วจะไม่เกิดอารมณ์ฟุ้งซ่านได้อย่างไร คนชั่วทำความชั่วได้ง่ายแต่ทำความดีได้ยาก ตรงกันข้าม คนดีทำความดีได้ง่ายแต่ทำความชั่วได้ยาก ขออภัย ลองถามตัวเองดูสิว่า เราเป็นคนแบบไหน ?

     มนุษย์เป็นสัตว์สังคม จึงต้องอาศัยปัจจัยของสังคม ชีวิตจึงจะอยู่รอดได้ ด้วยเหตุนี้จึงต้องทำงาน (ภายนอก) ให้กับสังคม แต่เมื่อตายลงแล้ว จิตวิญญาณยังต้องโคจรไปหาร่างอยู่ใหม่ มนุษย์ผู้มองไกล จึงต้องทำงานภายในให้กับตัวเอง เพื่อสั่งสมบุญเป็นปัจจัยเดินทางสู่ปรโลก

     สรุปลงได้อย่างสั้นว่า มนุษย์ต้องทำงานภายนอกให้ดีที่สุด และยังต้องทำงานภายในให้ดีที่สุดอีกด้วย ด้วยการพัฒนาจิตให้มีความดี (คุณธรรม) สั่งสม หรือพัฒนาจิตให้พ้นไปจากความทุกข์ทั้งปวงได้ ด้วยการประพฤติเหตุให้ถูกตรง ฉะนั้นพึงเลือกทำงานเอาตามที่ชอบเถิด
   

2056.
สวัสดีค่ะอาจารย์

      รู้สึกยินดีมากค่ะที่ได้ไปนั่งฟังบรรยายธรรมะของอาจารย์เมื่อวันที่ 29 มกราคม ที่หอประชุม มช ที่ผ่านมา ปกติแล้วหนูก็ใช้ชีวิตแบบคนรุ่นใหม่ทั่วๆไป ไม่ได้สนใจเรื่องธรรมะหรือพุทธศาสนา
จนกระทั่งวันหนึ่ง ได้ไปเจอวิดีโอธรรมะของอาจารย์ในเว็บไซต์หนึ่ง แล้วสะดุดตากับหัวข้อบรรยาย เลยได้เปิดฟังจนจบ แล้วก็ได้ติดตามการบรรยายของอาจารย์มาเรื่อยๆ จนได้เจออาจารย์ตัวเป็นๆ เมื่อเดือนมกราที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ได้เข้าไปทักทาย เพราะไม่รู้จะพูดอะไร

      หลังจากฟังการบรรยายของอาจารย์ไปมากพอสมควรแล้ว หนูก็เกิดความรู้สึกอยากพิสูจน์ ในสิ่งที่อาจารย์ได้กล่าวไว้ว่าจะเป็นจริงอย่างที่กล่าวหรือไม่ จึงได้เริ่มฝึกนั่งสมาธิเอง เพราะต้องเรียนหนังสือจึงไม่มีวันหยุดยาวพอจะที่ไปฝึกปฎิบัติที่วัดได้ ก็นั่งสมาธิไปได้ห้าถึงหกครั้งค่ะ นั่งครั้งแรกหนึ่งชั่วโมง เวทนาก็เกิด ปวดแข้งปวดขาเหน็บชา เมื่อความรู้สึกปวดเกิดขึ้นก็ท่องว่าปวดหนอๆ จนในที่สุดความปวดก็หายไปอย่างน่าเหลือเชื่อ แล้วตามมาด้วยอาการหมุนอย่างควบคุมไม่ได้ เลยตกใจแล้วเลิกนั่งไป ผ่านไปหลายวัน หลังจากได้ไปปรึกษาเพื่อนแล้วก็เลิกกลัวแล้วกลับมานั่งใหม่ นั่งคราวนี้อาการปวดก็ไม่มีอีก หายใจโล่งสบาย แต่อาการหมุน ตัวโยกจนหัวโขกพื้นก็เป็นหนักกว่าเดิมค่ะ แต่หลังจากที่ปล่อยให้มันหมุนไปเองเรื่อยๆ มันก็หยุด จนครั้งล่าสุดวันนี้ หลังจากอาการหมุนหยุดลงตัวเองก็ฟ้อนรำ ทำท่าทางต่างๆที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งหนูฟ้อนรำไม่เป็นค่ะ แต่มันก็ฟ้อนไม่หยุดสลับกับท่าทางต่างๆ ตลอดเวลาที่อาการเหล่านี้เกิดหนูรู้ตัวอยู่ตลอดค่ะ แต่ก็เหมือนมันควบคุมไม่ได้ พอนั่งนิ่งปุ๊บอาการเหล่านี้ก็จะเกิดทันที เลยอยากเรียนถามอาจารย์ค่ะว่าหนูควรทำอย่างไรต่อ หนูปฎิบัติมาถูกทางรึเปล่าคะ เพราะคุยกับเพื่อนแล้วเพื่อนไม่เข้าใจ บอกว่าระวังเพี้ยน เลยไม่แน่ใจว่าตัวเองเพี้ยนรึเปล่า หนูพยายามหาคำถามที่ตรงกับสิ่งที่หนูอยากทราบแล้วค่ะ แต่หาไม่เจอเลยเขียนเมลฉบับนี้มาเรียนถามอาจารย์โดยตรงค่ะ
ต้องขออภัยค่ะถ้าสิ่งที่เขียนมาค่อนข้างยาวเกินไป

ขอบคุณค่ะ
ญาตาวีมินทร์ ฟุ่งปัญญาวงศ์

คำตอบ
     สิ่งที่ขัดขวางบุคคลไม่ให้บรรลุความดีเรียกว่า มาร มนุษย์มีมารอยู่ ๕ ประเภท ได้แก่ กิเลสเป็นมาร (กิเลสมาร) ร่างกายเป็นมาร (ขันธมาร) อารมณ์ปรุงแต่งจิตเป็นมาร (อภิสังขารมาร) เทวดาเป็นมาร (เทวปุตตมาร) และความตายเป็นมาร (มัจจุราช)

     ผู้ปรารถนาพัฒนาจิตให้มีความดีสั่งสม ย่อมมีมารต่างๆเหล่านี้เข้าขัดขวาง อาการปวดแข้งปวดขาเป็นขันธมาร อาการตัวโยกโคลงเป็นขันธมาร ซึ่งผู้ถามปัญหาสามารถเอาชนะมารทั้งสองชนิดนี้ได้แล้วด้วยภาวนามยปัญญา อาการร่ายรำในท่าต่างๆ เป็นขันธมารอีกตัวหนึ่ง ที่มีกำลังมากกว่าขันธมารสองประเภทแรกที่เอาชนะได้แล้ว หากผู้ถามปัญหาพัฒนาจิตให้มีกำลังสติปัญญาเพิ่มมากขึ้นอีก แล้วเอาสติปัญญามากำหนดท่าร่ายรำ ด้วยการกำหนดว่า “ร่ายรำหนอ ๆๆๆๆ” ไปเรื่อยๆ ในที่สุดท่าร่ายรำจะหยุดไปได้เอง หากอาการดังกล่าวไม่ยุติ ผู้ถามปัญหาต้องไม่เลิกกำหนด แล้วดูสิว่า จิตสามารถเอาชนะมารตัวนี้ได้จริงไหม ผู้ใดเอาชนะใจตนเองได้แล้ว มารทั้งห้าย่อมไม่มีความหมาย คือไม่สามารถเอาชนะใจที่กล้าแกร่งได้
  

2055.
กราบเรียนถามท่านอาจารย์ ดร.สนอง ที่นับถือ

      ได้อ่านคำถามหนึ่งในหนังสือถึงเรื่องที่ว่า ถ้าทำบุญแล้วนำใบอนุโมทนาไปลดหย่อนภาษี จะได้บุญไม่เต็มร้อย คำถามคือ ถ้านำไปอนุโมทนาไปลดหย่อนภาษีแล้ว พอได้คืนภาษี ก็นำเงินที่ได้ไปทำบุญต่อและนำไปลดหย่อน พอได้คืนก็ทำบุญไปเช่นนี้อีกทุกครั้งที่ได้เงินคืนก็นำไปทำบุญทั้งหมด กรณีนี้ยังเป็นการทำบุญไม่เต็มร้อยรึเปล่าค่ะ

กราบขอบพระคุณมากค่ะ
พิชญา

คำตอบ
      ทำบุญครั้งใด เมื่อทำแล้วผู้ทำได้บุญ แต่การนำเงินที่ทำบุญไปลดหย่อนภาษี เป็นเจตนาให้ได้เงินบางส่วนตอบกลับคืนมา การกระทำเช่นนี้เป็นบาป แล้วเอาเงินที่ได้ไปทำบุญอีก ถือว่าเป็นการทำบุญที่มีบาปแอบแฝง หากประพฤติเช่นนี้ไปเรื่อยๆ บุญที่เกิดขึ้นย่อมไม่บริสุทธิ์เช่นกัน
  

2054.
กราบเรียน อาจารย์ ดร.สนอง ที่เคารพ

     ในตอนนี้ผมมีปัญหาครับอยากขอคำแนะนำจากอาจารย์ เนื่องจากผมได้ทำการกู้เงินกับทางธนาคารและเปิดบัตรเครดิตให้กับคนสนิทที่ผมไว้ใจให้นำไปใช้ แรกๆก็มีการชำระตรงดีแต่พักหลังเค้าไม่สามารถจ่ายได้ทันตามกำหนดชำระ ทำให้มีปัญหากันและทุกวันนี้ผมต้องรับภาระหนี้ที่เค้านำไปใช้หลายแสนบาท ทำให้มีความทุกข์มาก

      อยากจะถามท่านอาจารย์ว่าควรแก้ไขปัญหาอย่างไรควรวางตัววางใจอย่างไรให้ตรงตามธรรม แล้วที่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับผมเป็นเพราะเวรกรรมเก่าที่เคยทำไว้ใช่หรือไม่ แล้วจะมีทางแก้ไขได้อย่างไรบ้าง ขอบพระคุณท่านอาจารย์ครับ

คำตอบ
      เป็นกรรมเก่าที่ผู้ถามปัญหาเคยทำไว้ไม่ดีกับเขา เมื่อกรรมไม่ดีให้ผลเป็นอกุศลวิบาก ผู้ทำกรรมต้องเสวยผลแห่งกรรมเป็นธรรมดา ผู้รู้ยอมรับหนี้เวรกรรม อันเนื่องจากตนทำไว้ไม่ดี แต่ผู้รู้ไม่สร้างหนี้กรรมใหม่ ด้วยการพัฒนาจิตให้มีสติ แล้วใช้สติส่องนำทางให้กับชีวิต
  

2053.
กราบเรียน ท่านอาจารย์ ที่เคารพอย่างสูง

      อีกประมาณ 4 เดือนผมจะบวชให้กับพ่อแม่(บวช 1 เดือน)เพื่อให้ท่านได้เห็นลูกห่มผ้าเหลือง เพื่อให้ท่านได้สบายใจ และผมก็อยากจะบวชพร้อมกันกับน้อง จะได้ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายไม่ต้องจัดงานหลายครั้ง แต่มีปัญหาอยู่ว่า ผู้เฒ่าผู้แก่แม้แต่แม่ผมเองไม่เห็นด้วย เพราะท่านว่าตามโบราณเขาถือกันว่า เป็นพี่น้องกันจะบวชพร้อมกันไม่ได้ มันไม่ดี จะมีอันเป็นไป อาจจะเสียชีวิตไม่คนใดก็คนหนึ่ง และท่านก็ว่าเคยเห็นมาแล้วกับคนที่ทำอย่างนี้ แล้วท่านก็ไม่อยากให้ผมบวชพร้อมกันกับน้อง แต่สำหรับผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ งมงาย ไม่มีเหตุผล แต่เมื่อถามถึงเหตุผม ท่านก็ว่าก็โบราณพาทำมาแบบนี้ ผมว่าการได้บวชเป็นเรื่องที่ดี แม่ได้บวชลูกชายพร้อมกันทั้ง 2 คนยิ่งดีใหญ่

      ท่านอาจารย์โปรดแนะนำด้วยครับ ว่าผมควรจะพูดอย่างไรให้ท่านได้เข้าใจ

คำตอบ
      ผู้เฒ่า ผู้แก่ และแม่ เป็นผู้มีความเห็นผิดไปจากธรรม หากลูกไม่ทำตาม ไม่ถือว่าผิดจริยธรรม การบวชเป็นภิกษุ มีเจตนาเพื่อตอบแทนแม่ผู้มีอุปการคุณ การบวชต่างวันกัน ก็สามารถตอบแทนบุญคุณของแม่ได้
  

2052.
กราบเรียนถามอาจารย์ดร. สนอง วรอุไร ค่ะ

     ลูกชื่อ นางขนิษฐา ใจบุญ ลูกได้ฟังซีดีของท่านอาจารย์เมื่อ 4-5 ปีแล้ว   และได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์และได้กราบไหว้อาจารย์ทุกวัน แล้วสิ่งที่ลูกได้แรงบันดาลใจจากอาจารย์ คือการอธิษฐาน เพราะเมื่อก่อนลูกทำบุญอย่างเดียวโดยไม่รู้ว่าต้องมีการอธิษฐานจิต และทุกวันนี้ลูกมีปัญหาอยากจะเรียนถามอาจารย์ว่า

     สิ่งที่ลูกอธิษฐานจิตนี้จะเป็นบาปแก่ตัวลูกเองหรือไม่ และจะไปเบียดบังคนอื่นที่เขามีความสามารถและทำได้มากกว่าลูกหรือเปล่า

     ลูกเป็นครูสอนเต้นแอโรบิค และลูกได้ไปนำเด็กเต้นและสั่งสอนวิชาให้เด็กที่โรงเรียน โดยสอนท่าเต้น การออกกำลังกาย และมีน้ำใจเป็นนักกีฬา เป็นเวลา 10 เดือนแล้ว แล้วลูกได้อธิษฐานจิตว่า จะขอทำให้เป็นบุญโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

    และตอนนี้ลูกได้อธิษฐานจิตจากการทำสิ่งนี้ให้เป็นบุญ หลังจากสวดมนต์ไหว้พระ   ว่าสิ่งที่จะทำเพื่อส่วนรวม นำความเจริญมาสู่โรงเรียนโป่ง ทำเพื่อตอบแทนคุณแผ่นดิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระอรหันต์ที่บ้าน ครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณ ผู้มีบุญคุณทุกท่าน และทำเพื่อให้ญาติๆ และบริวารของลูก รู้จักการออกกำลังกาย รู้จักท่าเต้นแอโรบิค และท้ายที่สุด เพื่อให้ญาติๆและบริวารของลูก ได้เป็นญาติและบริวารช่วยเหลือดูแลงานของลูกในทุกๆด้าน นับแต่ภพชาตินี้เป็นต้นไปจนกว่าจะเดินทางเข้าถึงนิพพาน และเพื่อมุ่งหวังให้ญาติๆและบริวาร ได้ทำอาชีพเต้นแอโรบิค ซึ่งถือป็นอาชีพสุจริตและไม่เบียดเบียน ขอให้ข้าพเจ้าประสบความสำเร็จและรุ่งเรือง ให้งานของข้าพเจ้า เลิศหรูดูดีมีคุณภาพ และให้เป็นอันดับ 1 ในทุกๆเรื่อง

     การอธิษฐานจิตแบบนี้ผิดไหมคะอาจารย์ แล้วก็บาปไหม

        รบกวนอาจารย์ตอบข้อสงสัยให้ด้วยค่ะ

         ขอแสดงความนับถือ
           ขนิษฐา ใจบุญ

คำตอบ
      อธิษฐานให้ตนได้เข้าถึงความสมปรารถนาในทางโลก ไม่ถือว่าผิดศีล แต่ผิดธรรมตรงที่อธิษฐานเอากิเลสเข้ามาทับถมใจ จึงไม่สามารถเข้าสู่พระนิพพานได้
 

2051.
สวัสดีอาจารย์สนองครับ

       ได้ฟังธรรมบรรยายตอนหนึ่งที่อาจารย์ได้บอกว่า แบคทีเรียจะไม่มี "นาม" อาศัยอยู่ การรักษาทางการแพทย์ที่เกี่ยวกับแบคทีเรียถือว่าไม่ผิดศีล 5 (แต่ผิดธรรมที่ไปยุ่งเกี่ยวกับ วิบาก ของผู้อื่น) อยากถามถึงสิ่งมีชีวิตที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เช่น พลาสโมเดียม โปรโตซัว ปรสิต เป็นต้น สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ชนิดใดนอกจาก แบคทีเรียและไวรัสแล้วที่สามารถมี "นาม" อาศัยอยู่ได้ครับ อยากทราบไว้เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่ไปยุ่งเพราะอาจทำให้ศีล 5 ด่างพร้อยได้   และจะมีวิธีทราบเบื้องต้นได้อย่างไรหากไม่ได้พัฒนาจนได้ "อภิญญา" จนทราบเรื่องเหล่านี้ได้
 
     ขอพระคุณอาจารย์ที่เมตตาตอบคำถามครับ

คำตอบ
      ในครั้งพุทธกาล พระพุทธโคดม ได้บัญญัติบริขารแปดให้ภิกษุถือปฏิบัติ หนึ่งในบริขารแปดคือ กระบอกกรองน้ำ น้ำที่ลอดผ่านกระบอกกรองน้ำ อนุญาตให้ภิกษุนำไปดื่มกิน ( ฉัน ) ได้ ดังนั้น สิ่งมีชีวิตที่ยกตัวอย่างไป หากลอดผ่านกระบอกกรองน้ำได้ และไม่เห็นด้วยตาเนื้อตาหนัง เมื่อนำไปฉันไม่ถือว่าผิดศีล
  

 

 

 

 

 

 

 

browser stats