คำถาม-คำตอบ ข้อ 201-250 |
250.
กราบเรียนอาจารย์สนองที่เคารพอย่างสูง
ผมเพิ่งมีโอกาสได้อ่านหนังสือของอาจารย์เรื่องทางสายเอก รู้สึกว่าเป็นหนังสือที่ดีมากๆ ตัวผมเองอายุ 30 ปี เริ่มเข้าวัด นั่งสมาธิ รักษาศีล มาได้ประมาณ 1 ปีแล้ว อยากกราบเรียนถามข้อสงสัยดังนี้
1.ผมเข้าวัดพระธรรมกายสอนปฏิบัติสมถกรรมฐานแบบ อาโลกสิณแต่ไม่เคยสอนวิปัสสนา อยากทราบว่าที่ได้ฟังมาคือ แม่ชีจันทร์ ขนนกยูง ซึ่งว่ากันว่า ท่านบรรลุอรหันต์ ท่านเรียนวิชาธรรมกายจาก หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ทำไมท่านจึงบรรลุอรหันต์ได้โดยไม่ได้วิปัสสนาหรือว่าวิชาธรรมกายเป็นอีกทางหนึ่งที่จะทำให้รู้แจ้งเห็นจริงได้( วิปัสสนาทางลัด)
คำตอบ
คำว่าวิปัสสนาแปลว่าเห็นแจ้ง เห็นทุกสิ่งถูกตรงตามที่เป็นจริง เช่น เห็นว่า สรรพสิ่งเกิดขึ้นย่อมีเหตุทำให้เกิด เมื่อเหตุดับสิ่งเหล่านั้นย่อมดับไปตามกฎไตรลักษณ์ เมื่อไม่มีตัวตน จิตจึงไม่ยึดเอาสิ่งเหล่านั้นไว้กับตัว จิตจึงมีความเป็นอิสระต่อสรรพสิ่ง คือมีจิตไม่เป็นทาสนั่นเอง การเข้าสู่ปัญญาเห็นแจ้ง พระพุทธะสอนโดยใช้หลักของสติปัฏฐาน ๔ คือให้กำหนดจิต พิจารณากาย เวทนา จิต ธรรมให้เห็นเป็นตามกฎไตรลักษณ์พระมหาโมคคัลลานะ พระสารีบุตร พระสุนทรีนันทาฯลฯ จึงได้ดวงตาเห็นธรรมและบรรลุความเป็นอรหัตผลได้
ผู้ตอบปัญหาได้รับการอบรมสั่งสอนจากเจ้าคุณโชดก ให้ปฏิบัติตามแนวทางของพระพุทธเจ้า จึงไม่มีความรู้ในวิชาธรรมกาย ต้องขออภัยไม่ตอบ
2.เมื่อคนที่ได้ละจากโลกนี้ไปแล้วและได้ญานสมาบัติ เมื่อได้มาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง ต้องมาเริ่มปฏิบัติใหม่หรือสามารถทำต่อให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปได้
ขอความเมตตาท่านอาจารย์ช่วยตอบข้อสงสัยนี้ของผมด้วยครับ
ภูเบศร ตระกูลแจะ
คำตอบ
คำว่า ญาณสมาบัติไม่มี มีแต่คำว่าสมาบัติ ซึ่งหมายถึงภาวะที่จิตสงบประณีต อันเป็นผลมาจากการพัฒนาจิตให้มีสมาธิสูงสุดจนตั้งมั่นสนิทเป็นฌาน ผู้ที่ได้ฌานหากตายไปจะไปเกิดเป็นพรหม เมื่อสิ้นอายุขัยก็จะเกิดในภพที่ต่ำลงมา แต่เกิดไม่ต่ำกว่าภพมนุษย์ และพื้นฐานทางด้านสมถภาวนายังคงมีอยู่ หากปรารถนาจะเข้าสู่ความเป็นอริยบุคคล สามารถใช้สมถภาวนาเป็นพื้นฐานแล้วต่อยอดด้วยการเจริญวิปัสสนากรรมฐานได้เลย ดูพระพากุละเป็นตัวอย่าง ในชาติที่เกิดมาพบพระอโนมทัสสีพุทธะ ได้บำเพ็ญสมถภาวนา จนเข้าถึงฌานสมาบัติ ๘ อภิญญา ๕ ตายจากชาตินั้นไปเกิดเป็นพรหมเวียนตายเกิดอยู่ในสุคติภพอีกยาวนานหลายชาติ จนกระทั่งกลับมาเกิดเป็นมนุษย์และได้พบพระวิปัสสีพุทธะ ได้เจริญสมถภาวนาอีกและได้ฌานสมาบัติ ๘ อภิญญา ๕ อีกตายจากมนุษย์ไปเกิดเป็นพรหมอีกเวียนตาย-เกิด อีกยาวนานหลายชาติ จนกระทั่งได้มาเกิดเป็นมนุษย์พบพระพุทธโคดมเมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปีมานี่เอง จึงได้ต่อยอดด้วยการเจริญวิปัสสนากรรมฐานและเข้าถึงพระนิพพานในที่สุด
ถ้าคุณไม่เกี่ยงเรื่องเวลา และไม่เบื่อเรื่องการเวียนตาย-เวียนเกิด ลองเจริญสมถกรรมฐานจนได้ฌานแล้วไปเกิดเป็นพรหมดูสิ มีคนทำให้ดูเป็นตัวอย่างแล้วนี่ |
249.
ขอเรียนถาม ดร.สนองค่ะ
หนูเคยมีแฟน เราคบกันได้ระยะหนึ่งก็มีความสัมพันธ์กัน
ขณะนั้นหนูเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยต่างจังหวัด เค้าเรียนที่กรุงเทพค่ะ พอห่างกันนานเข้า หนูก็เริ่มสนิทสนมกับรุ่นพี่จนกระทั่เรามีความสัมพันธ์ทั้งๆที่หนูยังไม่เลิกกับแฟนคนเก่าทั้งที่เบื่อเค้ามาก ต่อมาสักพักหนูหลังจากที่หนูคบกับคนใหม่ได้ประมาณ 3 เดือนหนูก็เลิกกับคนเก่า หนูกับคนใหม่คบกันมาได้ 3 ปี ระหว่างปีที่2 หนูจับได้ว่าเค้าพาผู้หญิงไปนอนที่ห้องเค้า เราคุยกันเค้าสัญญาว่าจะไม่มีอีกป็นครั้งที่ 2 พอปีที่3หนูก็จับได้ว่าเเฟนหนูคบกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง หนูบอกเค้าให้เลิกกับผู้หญิงคนใหม่ซะ เค้าก็อึกอักไม่ยอมเลิก หนูเลยบอกเลิกกับเค้าเอง ตอนนี้หนูเรียนจบแล้ว กำลังรอที่จะเรียนต่อ หนูใช้ชีวิตปัจจุบันไปกับการอ่านหนังสือธรรมะ ฝึกสมาธิก่อนนอน และในระหว่างวันก็ฝึกสติทุกครั้งที่นึกได้ แต่หนูก็ยังมีกิเลสอยู่คือ
มีดูละครบ้าง หนูอยากเรียนถามดร.สนองดังนี้ค่ะ
1. หนูอ่านหนังสืออยู่เล่มนึง เค้าบอกว่าผู้หญิงมีเจ้าของเป็นพ่อแม่ และจะเป็นอิสระก็ต่อเมื่อมีคนมาสู่ขอแล้วผู้ใหญ่ยกให้ หรือ มีการงานทำและมีรายได้เป็นของตนเอง จริงหรือเปล่าค่ะ แล้วที่หนูเคยมีความสัมพันธ์กับแฟนทั้งสองคนหนูต้องใช้กรรมด้วยการปีนต้นงิ้วหรือเปล่าค่ะ
คำตอบ
จริงแต่เป็นจริงแบบสมมติ คำบอกเล่าไม่ชัดเจนว่าคุณมีความสัมพันธ์กับแฟนแบบไหน ผู้ตอบปัญหาไม่บังอาจไปคิดเรื่องของคนอื่น จึงตอบไม่ได้ว่า ในกาลภายหน้าคุณมีโอกาสไปปีนต้นงิ้วหรือไม่
2. หนูคิดว่าได้ใช้กรรมให้กับแฟนคนเเรกแล้ว เพราะแฟนคนที่สองเค้าก็ทำกับหนูเหมือนที่หนูกับแฟนคนแรก หนูเข้าใจถูกรึเปล่าค่ะ กับแฟนคนที่สองหนูอโหสิกรรมให้เค้าไม่คิดอาฆาตค่ะ
คำตอบ
นั่นแหละที่เขาเรียกว่า กฎแห่งกรรม ประสบการณ์ตรงได้เกิดขึ้นกับคุณเองแล้วนี่ ทำไมต้องเขียนถามไปอีกล่ะ
ในครั้งพุทธกาล พระมหาโมคคัลลานะได้ขึ้นไปเที่ยวสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ไปเห็นวิมานว่างเจ้าของ จึงได้ถามเทวดาว่า วิมานหลังนี้เป็นของใคร ทำไมไม่มีเทวดาอยู่ เทวดาตอบว่าวิมานหลังนี้เป็นของนันทิยะมาณพ บุตรเศรษฐีพาราณสีผู้สร้างศาลาจัตุรมุขถวายพระพุทธะและเหล่าสาวกไว้ที่ป่าอิสิปปัตตนะมฤคทายวัน พระมหาโมคคัลลานะกลับลงมายังโลกมนุษย์แล้วได้ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า วิมานร้างเจ้าของ มีจริงหรือ พระพุทธะตรัสว่า โมคคัลลานะ เธอได้ไปเห็นด้วยตาตัวเองแล้ว ยังต้องมาถามตถาคตอีกหรือ จริงสินะตอนนั้นเจ้าของยังไม่ตายจากความเป็นมนุษย์ แล้วจะขึ้นไปอยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ได้ยังไง
3. หนูสวดมนต์และอธิษฐาน ขอใหได้พบเจอแต่คนดี ได้มีดวงตาเห็นธรรม ได้พบเจอพระพุทธศาสนาทุกชาติ และขอให้ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน จะเป็นไปได้ไหมคะ
กราบมาด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ คำตอบ
การตั้งอธิษฐานนั้นสามารถทำได้ แต่หลังจากอธิษฐานแล้วไม่สร้างเหตุให้ตรง โอกาสที่ตั้งความปรารถนาไว้ ก็คงไม่ต่างไปจากการก่อเจดีย์ทรายท่ามกลางสายฝน
อยากได้ดวงตาเห็นธรรม คุณต้องทำจิตตภาวนา จนเข้าถึงปัญญาเห็นแจ้งด้วยใจของคุณเอง โอกาสที่ดวงตาเห็นธรรมจึงเป็นได้และหากเมื่อใดคุณสามารถละกิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์ทั้ง 10 (สังโยชน์ 10) ให้หมดไปได้ มรรคผลนิพพานจึงจะมีความเป็นไปได้
|
248.
กราบเรียนท่านอาจารย์สนอง วรอุไร
1. I have heard from many people as well as my own experiences that when we were kids we never realized and didn't know enough. So we might hurt somebody or did some bad things like putting birds in cage, killing, or hurting others.
What is the Karma that we should do now so that it could at least help prevent us from hurting others, making sin, or falling too deep in the future while our minds are still too young or when we are internally blind because of any reasons???
( จากการที่ได้ยินได้ฟังคนอื่นพูด และจากอดีตในขณะเป็นเด็ก ผมยังไม่เข้าใจเรื่อกรรม ผมอาจไปทำไม่ดีในบางเรื่อง หรือไปทำร้ายผู้อื่น เช่น กับนกขังกรง ฆ่าหรือทำให้ต้องได้รับบาดเจ็บ จึงอยากถามอาจารย์ว่า กรรม คืออะไร ถ้าผมเข้าใจผมคงต้องป้องกันตัวเอง ไม่ไปทำร้ายผู้อื่นอีก ซึ่งจะทำให้เป็นบาปติดตัวเพิ่มมากขึ้น )
คำตอบ
กรรม คือการกระทำ มนุษย์ที่ยังมีชีวิตสามารถสร้างกรรมได้ 3 ทาง คือ ทำกรรมผ่านทางกาย (กายกรรม) ทางวาจา (วจีกรรม) และผ่านทางความคิด(มโนกรรม) กระทำดีเรียกว่ากุศลกรรม ทำไม่ดีเรียกว่า อกุศลกรรม ทั้งดีและไม่ดีหากบุคคลได้กระทำแล้ว ผลของกรรมจะถูกเก็บสั่งสมไว้ในจิตใจ และเมื่อใดที่กรรมแสดงผลจะออกมาเป็นวิบากดีและวิบาไม่ดีที่ผู้กระทำต้องเป็นผู้รับผล วิบากดีให้ผลเป็นความสุขความสบาย ความสมปรารถนา ฯลฯ วิบากไม่ดีให้ผลเป็นความขัดข้อง เดือดร้อน สูญเสีย ทุกข์ฯลฯ
2.
Time is an important factor...at least for me now. When I am sometimes filled with Lopa, Tosa, and Moha or when I expect for some something when I Tum Boon, I feel that Karn Tum Boon is not Bor Ri Sood..... So what if I just wait until my Ki Les is lower down and 'til I realize the real reasons of me Tum Boon. When sometimes "waiting" does not go with "time", what would you say? Please give me some suggestion.
( เวลาเป็นเรื่องสำคัญในบางเวลาเกิดความโลภ โกรธ หลง หรือเกิดความคาดหวังบางสิ่งขึ้นในใจ และเมื่อผมไปทำบุญผมรู้สึกว่าเป็นการทำบุญที่ไม่บริสุทธิ์ หรือควรจะรอให้อารมณ์ไม่ดีเหล่านั้นลดลงเสียก่อนแล้วค่อยทำบุญ ซึ่งเป็นการทำให้เสียเวลา อาจารย์มีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร )
Thank you very much and anumotana for lighting my way and others'
Om
Biological and Agricultural Engineering
Graduate Student
University of California, Davis
คำตอบ
ในการทำบุญหากประสงค์จะให้เป็นการทำบุญที่บริสุทธิ์ก่อนอื่นต้องรู้ว่า บุญเกิดขึ้นด้วยการให้ทาน ด้วยการรักษาศีล ด้วยการเจริญจิตตภาวนาด้วยการประพฤติอ่อนน้อม ด้วยการขวนขวายรับใช้ ด้วยการอุทิศความดี ด้วยการยินดีในความดีของผู้อื่น ด้วยการฟังธรรม ด้วยการสั่งสอนธรรม ด้วยการทำความเห็นให้ตรง
ก่อนทำบุญมีศรัทธาเต็มร้อย ขณะทำบุญตั้งใจเต็มร้อย เมื่อทำแล้วเกิดความผ่องแผ้วขึ้นในใจเต็มร้อย อย่างนี้เป็นการทำบุญที่บริสุทธิ์
การทำบุญไม่ขึ้นกับกาลเวลา หากมีเหตุปัจจัยลงตัว สามารถทำบุญได้ทุกขณะทีเกิดศรัทธาขึ้นในใจ เมื่อใดที่ความโลภ โกรธ หลง เกิดขึ้น แล้วทำให้จิตใจเศร้าหมองจึงไปทำบุญ เป็นการทำบุญด้วยใจที่ไม่บริสุทธิ์ ทำให้อานิสงส์ของบุญเกิดขึ้นน้อย หากขยันทำบุญบ่อย ๆ อานิสงส์ก็เพิ่มได้เอง
|
247.
กราบเรียน ดร.สนอง
หนูได้มีโอกาสอ่านหนังสือ วิถีแห่งพุทธะ ซึ่งในหัวข้อ วิธีเข้าสู่กระบวนการมหาสติปัฏฐาน สอนการเจริญสติ และหนูได้ปฏิบัติตามคือ เมื่อลมเข้ามากระทบช่องจมูก ก็ส่งความรู้สึกนึกคิดนั้นตามลมเข้าผ่านลำคอ หน้าอก ช่องท้อง กระดูกสันหลังข้อที่ตรงกับสะดือ ไหลย้อนขึ้นมาที่กลางหลัง ต้นคอ จอมประสาทหรือกลางกระหม่อม และออกจมูก หนูอยากกราบเรียนถาม ดร.สนอง ว่าการปฏิบัติเช่นนี้
1. เป็นวิปัสสนากรรมฐานหรือเปล่าค่ะ ถ้าเราพิจารณาลมหายใจอย่างนี้ไปเรื่อยๆจนเข้าสู่สมาธิ
คำตอบ
ไม่ใช่วิปัสสนากรรมฐาน เป็นเพียงจิตเกิดสติและตั้งมั่นเป็นสมาธิเท่านั้น
2. สมถกรรมฐาน คืออะไรค่ะ และวิปัสสนากรรมฐานต่างจากสมถกรรมฐานอย่างไรค่ะ
คำตอบ
สมถกรรมฐานเป็นอุบายฝึกจิตให้สงบ ด้วยการมีจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ส่วนวิปัสสนากรรมฐานเป็นอุบายฝึกจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้งด้วยการตามดูกาย เวทนา จิต ธรรมแล้วเห็นเป็นไปตามกฎไตรลักษณ์ ปัญญาเห็นแจ้งจึงจะเกิดขึ้นได้ ปัญญาเห็นแจ้งเห็นว่าสรรพสิ่งมีการเกิดขึ้นแล้วในที่สุดดับไปเป็นธรรมดา หรือพูดได้ในอีกแนวทางหนึ่งว่าเห็นถูกตรงตามที่เป็นจริง |
246.
กราบเรียน อ.สนอง ที่เคารพ
หนูขอเรียนถามอาจารย์ว่า หนูกับแฟน อยู่กินกันมา 8 ปี โดยไม่รู้เลยว่าเขามีภรรยาและลูกแล้ว 2 คน อยู่ด้วยกัน 18 ปี หนูเคยถามเขา เขาก็บอกว่ามีหนูคนเดียว ถามญาติพี่น้องเขาก็บอกว่าไม่รู้ เพราะนาน ๆ จะกลับบ้านต่างจังหวัด จึงไม่ทราบความเป็นอยู่ของเขา จนเขาป่วยเป็นมะเร็งที่ตับ หมอบอกว่าอยู่ได้อีก 3 เดือน เป็นเหตุทำทราบว่าเขามีภรรยาแล้ว ตอนนี้นอนอยู่รพ. ญาติเขาขอร้องให้ภรรยาเขาอนุญาตให้หนูไปดูแลเขา เพราะเขารักหนูมาก (เขาทนอยู่กับภรรยาเพราะลูก) ภรรยาเขาก็ยอมให้หนูไปดูแลเขา เพราะเห็นใจที่อยู่ด้วยกันมา 8 ปี และถ้าเขามีชีวิตอยู่ก็ช่วยเลี้ยงดูลูกด้วย หนูเองก็คิดว่า 8 ปีที่อยู่ด้วยกัน เขาก็ดีกับหนูตลอด จึงควรดูแลเขาในช่วงเวลาที่เจ็บป่วย แต่ตอนนี้หมอบอกว่าตับไม่ทำงานแล้ว หมอเพียงแต่ให้น้ำเกลือและ สารอาหาร พยุงไปจนกว่าจะไม่ไหว เขาขอร้องให้หนูช่วยดูแลลูกเขาด้วย เพราะฐานะหนูดีกว่าภรรยาเขา หนูจึงบอกว่า หนูไม่แน่ใจว่าหนูจะท้องหรือเปล่าว เพราะเดือนที่แล้ว ประจำเดือนไม่มา (อาจเป็นเพราะเครียด และเดินทางบ่อย) ภรรยาเขาคิดว่าหนูจะเรียกร้องเงินทอง เพราะก่อนหน้านี้ทำไมไม่พูด จึงอาละวาดไม่ยอมให้หนูไปดูแลเขาอีก ด่าว่าหนูสารพัด หนูจึงคิดว่า ควรถอยออกมา ไม่ต้องดูแลเขาแล้ว เพราะเขามีเจ้าของ ในเมื่อเจ้าของเขาหวง ก็ไม่ควรไปยุ่งกับเขาอีก แต่หนูปรึกษากับเพื่อน เขาแนะนำว่าหนูควรเห็นใจแฟน เพราะเขามีความทุกข์กับโรคแล้ว ยังมีความทุกข์กับ ผู้หญิงที่เขารักอีก 2 คน หนูควรไปดูแลเขา ในช่วงที่เขายังมีชีวิตเหลืออีกไม่เท่าไหร่ ทำเพื่อคนที่เรารักครั้งสุดท้าย ตอนนี้หนูสับสนมาก ควรไปดูแลเขาช่วงที่ภรรยาเขาไปทำงาน หรือ ยอมออกจากชีวิตเขาเพราะถือว่าเป็นเวรกรรมของหนูและเขาที่เป็นแบบนี้ ซึ่งจริง ๆ หนูก็ไม่คิดเรียกร้องเงินทองจากเขา เพราะลูก 2 คน ของเขายังเล็กอยู่ ต้องเรียนต้องใช้ ตัวหนูเอง มีเงินเดือน เหลือกินเหลือเก็บ (เพราะรู้จักใช้เงิน ไม่ฟุ่มเฟือย) ไม่มีความจำเป็นต้องไปเรียกร้องเอาเงินของคนอื่น
อาจารย์ช่วยแนะนำด้วยค่ะ ว่าหนูควรทำอย่างไร
ขอบพระคุณมากค่ะ
คำตอบ
ทำความดีเพื่อตอบแทนความดีที่เขาได้ทำให้กับคุณทำเท่าที่โอกาสเปิดให้ทำได้ ผู้มีความเจริญเขาทำอย่างนี้ และต้องมองให้ออกว่าแต่ละคนมีกรรมเป็นของตัว ชีวิตดำเนินไปตามกรรม กรรมเป็นผู้ลิขิตชีวิตของคน เขามาสู่โลกนี้ด้วยแรงกรรม และจำเป็นต้องจากโลกนี้ไปด้วยแรงกรรมเช่นกัน เมื่อเขาตายลงในวันข้างหน้า ผู้อยู่หลังต้องทำบุญกุศลแล้วอุทิศไปให้ผู้ล่วงลับ แล้วละครชีวิตที่มีคุณเป็นหนึ่งในผู้แสดงบทก็จะปิดฉากลง คุณจะได้มีเวลาเป็นของตัวเองจะได้หยุดพักจากบทแสดง ไม่ต้องเหนื่อยยากลำบากอีกต่อไปเว้นไว้แต่ว่าคุณรับบทใหม่มาแสดงอีก ก็เป็นเรื่องของคุณโทษใครได้
|
245.
กราบเรียนท่านอาจารย์สนองฯ
หนูมีความทุกข์ใจมากเลยค่ะ น้องสาวหนูเพิ่งเสียชีวิตไป(เรามีกันสองคนพี่น้อง) แกนอนหลับไปเฉย ๆ ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้เป็นโรคอะไรเลยค่ะ ปกติดีทุกอย่าง ยังเตรียมจัดกระเป๋าไปรร.เลย น้องสาวหนูอายุ 14 ปี เท่านั้น หนูขอเรียนถามท่านอาจารย์ว่า การตายอย่างงี้เป็นการตายก่อน อายุขัยหรือเปล่าคะ หนูกลัวเค้าจะเป็นสัมพเวสี ไม่มีที่อยู่ค่ะ อาจารย์ช่วยแนะนำหนูด้วยค่ะ ว่าต้องทำบุญแบบไหนเค้าถึงได้รับ
ขอบพระคุณมากค่ะ
คำตอบ
น้องสาวตายตามอายุขัย ไม่ต้องวิตกกังวลให้เสียกำลังใจ เอาน้องสาวเป็นครูสอนใจพี่สาวดีกว่า ว่าการตายสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ขณะปัจจุบันคุณได้เตรียมทรัพย์ภายในไว้พร้อมหรือยัง ที่จะเป็นปัจจัยเดินทางไปเกิดใหม่ในภพหน้า |
244.
กราบเรียนถามท่านอาจารย์ ดร.สนองครับ
ตัวผมเองเป็นคนไม่เชื่อเรื่องตายแล้วเกิดใหม่ชาตินี้ เราต้องทำในสิ่งที่เรียกว่าหาความสุขใส่ตนแต่ไม่ไปเดือดร้อนคนอื่น ประมาณว่าเป็นคนดีไม่รังแกใครและไม่เบียดเบียนผู้อื่น
ทุกเดือนเงินที่ได้ผมจะแบ่งให้พ่อแม่ไม่เคยขาดและไม่เคยสายเลย และผมก้คิดว่าผมเป็นลูกที่ดีไม่กินเหล้าสูบบุหรี่
จนผมได้มาบวชเพื่อแทนคุณพ่อแม่ผมก็ได้เจอะเรื่องแปลกที่ไม่คิดว่าจะได้เจอะมาก่อน ด้วยเป็นคนสมัยใหม่ผมเห็นผู้หญิงนั่งอยู่มุมห้องในกุฎติที่ผมนอนอยู่
ด้วยเป็นคนไม่กลัวผมก็มองจนร่างนั้นค่อยๆหายไปเอง ผมก็ยังไม่สนและไม่กลัว จนกระทั่งผมได้ไปนอนในกุฎติของหลวงพี่อีกรูปผมก็ฝันเห็นเปรตตัวสูงมากและมีเยอะมาก ที่นั้นเป็นลานกว้างผมรู้ทันที่ว่าฝันผมมองดูด้วยความนิ่งแล้วยิ้มในใจว่าฝันแปลกดีนะ
พอหลับตาจะลืมตาตื่นกลับไม่ตื่นตัวผมยังคงอยู่ที่เดิม ผมพยายามกระโดดหยับตัวให้ตื่นแต่ก็ดูเหมือนกับว่าโลกที่ผมเห็นอยู่นี้เป็นโลกของผมจริงๆสภาพไม่น่าอยู่เลยครับ มีแต่ความอัปชื้นไม่มีสีสันเลยเป็นภาพขาว+น้ำตาล
จนมีหลวงพี่มาปลุกผมจึงตื่นขึ้นมาได้ และหลังจากนั้นผมก็สึกออกมาไปเรียนและทำงานต่อจน 5 ปีพ่อของแฟนเสีย ผมรู้สึกเสียใจมาก+กับความคิดตอนที่เจอะเปรตว่าถ้าพ่อไปอยู่ที่ไหนซักแห่งหนึ่งแล้วกลับไม่ได้ พ่อจะทำยังไงผมกลัวว่าพ่อจะกลัวมาก
ด้วยความที่ผมดูแลทั้งพ่อแม่ของผมเองและพ่อแม่ของแฟนด้วย ผมจึงมีพลังใจที่จะเริ่มหาความจริงกับการนั่งสมาธิเพราะผมคิดว่าคงเป็นทางเดียวที่จะทำให้ผมรู้ว่าคนตายแล้วไปไหน อะไรคือตัวนำพาไปใช่บุญหรือบาปกันแน่ ด้วยความที่ไม่เคยสนใจธรรมะมาก่อนเลยผมจึงต้องนั่งสมาธิโดยลำพัง
พยายามนั่งแบบคนตายที่ไม่คิดอะไร ดูร่างกายให้นิ่งให้หลับแล้วดูว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างผมได้นั่งมา 1 ปีเต็ม สิ่งที่ผมได้จากการนั่งมีดังนี้ครับ
1. ผมจากคนที่ไม่เคยกลัวกีฬาประเภทรุนแรงผมก็กลัวขึ้นมา ใจชอบคิดว่าไม่น่าเล่นกีฬาที่ทำร้ายกันเลยยกน้ำหนักก็กลัวไม่อยากให้ยกอะไรที่มันเกินกำลัง กลัวจะทำให้เกิดอันตรายผมจะพยายามปิดแล้วไม่ดูหรือเดินหนีทันที
2. ใจผมมักจะขี้สงสารคนบางทีสงสารจนน้ำตาไหลก็มีซึ่งเมื่อก่อนคิดว่าอดทนได้ และมักจะดูจิตตัวเองในเวลาที่เราโกรธหรือมีความสุขจะรู้และดูได้
3. ผมมักจะเห็นแสงเป็นดวงกลมขยายมาที่หน้าในขณะนั่งสมาธิ แสงนี้มีความหมายอะไรครับทำไมจึงเกิดขึ้นบ่อยในสมาธิ
บางครั้งเวลานอนหลับแล้วก็จะตื่นมาเห็นเป็นดวงกลมใสมาก มีจุดขาวเล็กๆสว่างมากอยู่ที่กลางดวง
4. ด้วยความสงสัยผมจึงนั่งสมาธิด้วยการลืมตาในห้องมืดๆ ผมก็เห็นหมอกเต็มห้องไปหมดแล้วหมอกก็มารวมตัวเป็นก้อนขยายผ่านหน้าผม
ด้วยความสงสัยผมจึงลองเปลี่ยนสถานที่นั่งดูก็ยังคงเห็นเป็นหมอกแบบนี้อีก
5. ด้วยการลองนั่งแบบนี้ทำให้ผมเริ่มกลัวดวงกลมมาก ขนาดนอนยังมีดวงกลมให้เห็นตลอดผมเริ่มกลัวเป็นบ้าและวันนั้นประมาณเดือนที่ 11 ของการฝึกนั่ง ผมนอนแล้วหลับตาเบาๆก็เห็นแสงกลมๆออกมาให้เห็นอีก ผมคิดว่าผมไม่เอาแล้วไม่อยากรู้แล้วและไม่สนใจแล้ว ใจผมสละแล้วจงหายไปเถอะอย่ามาอีกเลย
แล้วผมก็สบัดหน้าหนีแรงๆภาพที่เห็นก็คือ องค์พระหน้าท่านหมือนคนมีผมเป็นฝาหอย เหมือนพระพุทธรูปต่างๆที่มีความใสมาก รอบตัวท่านมีกระแสพลังงานออกมาเป็นคลื่นเหมือนไฟฟ้าขยายออกมาเป็นร่างใหญ่ตอนนั้นผมกลับไม่กลัว มีความรู้สึกเฉยๆกลางท้องท่านมีแสงสว่างเหมือนที่ผมเคนเห็นบ่อยๆ แต่ต่างตรงที่กลางแสงนั้นสว่างกว่าที่เคยเห็นมา พอมองที่กลางท้องก็เห็นตัวเองนั่งสมาธิอยู่ด้วยหนังตาที่กระพริบไม่หยุดทำให้ผมต้องลืมตาเพราะไม่มีสมาธิเลย
หลังจากวันนั้นมาผมไม่มีความรู้สึกอะไรเลยมันเฉยมากและทุกวันนี้ผมก็ยังคงนั่งสมาธิอยู่ จึงทำให้ผมจนใจธรรมะมากขึ้นครับเพราะความสงบนิ่งมีบางอย่างที่น่าเรียนรู้ และผมก็ได้มาเจอะเว๊ปของ kanlayanatam
ผมจึงมีคำถามหลายอย่างซึ่งผมเองสงสัยมากพยายามหาคำตอบเองก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง จึงขอคำชี้แนะจากดร.สนองครับ
1. ตอนที่ผมเห็นเปรตแล้วไม่ยอมตื่นอาการแบบนี้เรียกว่าผีอำหรือเปล่าครับ หรือว่ามีบางอย่างทำให้ผมต้องไปอยู่ที่นั้นและที่นั้นใช่ความฝันหรือของจริงครับ
วิธีแก้ไขมีมั้ยครับ
คำตอบ
จากพื้นฐานการพัฒนาจิตของคุณที่เล่าไปให้ฟังขอตอบว่า ภาพเปรตที่เห็นนั้นของจริงแบบสมมติเรียกวา นิมิต วิธีแก้ไขเมื่อเห็นเปรต คุณต้องอุทิศบุญกุศลที่คุณมีอยู่ให้เขา ด้วยการกล่าวคำว่า อิทัง โน ญาตินัง โหนตุ
2. การนั่งสมาธิแบบไหนจึงจะทำให้รู้ว่าพ่อของแฟนตายแล้วไปไหนครับ
คำตอบ
ถ้าอยากรู้ว่าพ่อของแฟนตายแล้วไปไหน คุณต้องกำจัดความอยาก (ตัณหา) นั้นให้หมดไปจากใจได้ก่อน แล้วเจริญสมถกรรมฐานจนจิตบรรลุญาณได้ เมื่อเหตุปัจจัยลงตัวกับจิตวิญญาณที่ไปเกิดในรูปนามใหม่ คุณก็มีโอกาสเห็นได้ว่าเขาไปเกิดที่ไหน
3. การนั่งที่ผ่านมาของผมผิดหลักวิชาพระพุทธศาสนามั้ยครับ
ผมชอบนั่งแต่ทำมั้ยต้องมีแสงกลมๆด้วย แล้วแสงกลมกลางท้ององค์พระก็มีแสงกลมๆเหมือนกันแหละครับ
คำตอบ
การเห็นแสงเป็นดวงกลมขณะนั่งทำสมาธิไม่ผิดหลักของพุทธศาสนาเพราะปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นผลมาจากสมถกรรมฐาน แต่ผิดหลักของพระพุทธะที่ว่า จิตตภาวนานั้นต้องปฏิบัติทั้งสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน
4. ผลของการลืมตานั่งจนเห็นภาพหมอกขาวๆรวมตัวกันแล้วลอยมาที่หน้าผม ทำมัยถึงมีหมอกทุกที่ที่ผมลองลืมตานั่งละครับและผลการนั่งแบบนี้มีผลดีหรือผลร้ายอย่างไรครับ เพราะผมลองนั่งแบบนี้แค่ 3 ครั้งเอง
คำตอบ
การเห็นเป็นเหมือนหมอกสีขาวขณะนั่งลืมตานั้น เกิดได้ จิตต้องมีความตั้งมั่นเป็นสมาธิ ภาพที่เห็นนั้นเขาสมมติเรียกว่า อุคคหนิมิตซึ่งเป็นอารมณ์ของสมถกรรมฐาน ถ้าคุณไปหลงติดกับสิ่งที่เห็นเป็นการปฏิบัติธรรมที่ผิดไปจากแนวทางของพระพุทธะ
5. ผมลองทบทวนดูว่าทำไมผมไม่ได้คิดอะไรเลยแค่เพื่อจะทิ้งแสงสว่างไป กลับมีองค์พระออกมาเป็นเพราะคำว่าสละ ละทิ้ง ทุกอย่างรึเปล่าครับ
คำตอบ
ด้วยเหตุที่จิตไม่ยึดติดในแสงสว่างนั่นไง จึงทำให้เห็นองค์พระหากยึดติดในองค์พระแล้วองค์พระหายไป คุณก็จะเข้าถึงปัญญาเห็นแจ้งว่า สรรพสิ่งมีเกิดขึ้นแล้วดับไปตามกฎไตรลักษณ์ไงล่ะ จิตจะปล่อยวางสิ่งที่ไม่มีตัวตน จิตเข้าถึงความเป็นอิสระ นี้คือแนวทางการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่ถูกต้อง
6. ผมอยากรู้วิธีนั่งสมาธิจากอาจารย์ ดร.สนอง
ว่าควรปฎิบัติอย่างไรเพื่อความรู้ของผมจะได้กว้างไกลออกไป เพราะไม่กล้าที่จะไปถามใครเกี่ยวกับสมาธิครับด้วยความรู้สึกเขินอย่างบอกเพราะไม่กล้านั้นเองครับ
ครั้งนี้มีโอกาศก็ขอความรู้จากอาจารย์ ดร.สนอง ด้วยครับ
กราบขอบคุณอาจารย์ ดร.สนองอีกครั้งนะครับเพื่อประโยชน์ในความรู้ที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน
และตอนนี้ผมก็เริ่มรักและเคารพระศาสนามากขึ้น ผมพยายามจะทำบุญให้ได้ทุกวันเพื่อจะได้เป็นส่วนหนึ่งของคนคนหนึ่งที่ได้ต่ออายุพระศาสนา ซึ่งเมื่อก่อนผมเคยคิดว่ารุ่นพ่อกับแม่ผมคงเป็นรุ่นสุดท้ายแล้ว
มารุ่นผมไม่มีทางเพราะผมเชื่อในสิ่งที่ผมทำคือหาความสุขเพราะเราเกิดมาชาตินี้ชาติเดียว
ขอบคุณครับ
คำตอบ
วิธีปฏิบัติกรรมฐานที่คุณทำอยู่นั่นดีแล้ว เพียงแต่ว่าหากมีสิ่งกระทบภายนอกใด เข้ามาสัมผัสจิตของคุณ ต้องมองดูจนเห็นสิ่งกระทบดับไปตามกฎไตรลักษณ์ จิตจะปล่อยวางผัสสะ ทำให้จิตเป็นอิสระ ว่างจากการปรุงแต่งอารมณ์เรียกว่าเป็นอุเบกขารมณ์ แล้วคุณก็จะเป็นอีกคนหนึ่ง ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้สืบทอดพุทธศาสนา |
243.
กราบเรียนท่าน อ. ดร. สนอง
เพื่อนร่วมงานของดิฉันเล่าให้ฟังว่าได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งเขียนโดยนายแพทย์ผู้หนึ่งที่เป็นแพทย์รักษาคนไข้ที่มีปัญหาด้านจิตใจด้วยวิธีการสะกดจิต
คุณหมอท่านนี้เขียนเล่าประสบการณ์การรักษาคนไข้ต่างๆ หลายราย พบว่า ขณะสะกดจิต คนไข้เหล่านี้ระลึกชาติได้ สามารถบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชาตินั้นๆ ที่คุณหมอได้วิเคราะห์ว่าเป็นสาเหตุของอาการป่วยของคนไข้เหล่านั้น ที่ต้องการเรียนถามคือ เรื่องลักษณะนี้เป็นไปได้หรือไม่
การสะกดจิตจะทำให้คนระลึกชาติได้จริงหรือคะ ขอพระคุณอาจารย์อย่างยิ่งค่ะ
ด้วยความเคารพยิ่ง
ศุภกาญจน์ ผาทอง
คำตอบ
เป็นไปได้หากหมอมีความสามารถใช้พลังจิตของตัวเองไปทำให้คนไข้ที่ถูกสะกดจิต มีจิตตั้งมั่นระดับฌานก็มีโอกาสระลึกชาติได้แต่คงระลึกได้ไม่ลึกและยาวไกลเหมือนผู้ที่มีความชำนาญในสมาบัติ๘และอภิญญา๕หรือพระอรหันต์ประเภทเจโตวิมุตติ |
242.
กราบเรียนท่านอาจารย์ที่เคารพ
ดิฉันเคยกราบเรียนถามท่านอาจารย์ในการตัดกามฉันทะซึ่งทำให้ดิฉันผิดศีลข้อ3 ไป ดิฉันตั้งปณิธาณอยากลดตัณหาของตนเอง และตัดใจจากรักที่ไม่สมควร ท่านอาจารย์ให้คำแนะนำโดยการพิจารณะอสุภะให้มากๆ ดิฉันหมั่นพิจารณารูปศพต่างๆแต่สภาวะจิตที่ยังมีมิจฉาทิตฐิไม่ได้ซึมซาบสัจจะของขันธ์ 5 เท่าใดนัก อาจเป็นเพราะเป็นศพของคนอื่น ดิฉันพยายามพิจารณาร่างกายของตนเองที่เต็มไปด้วยปฏิกูล แต่เนื่องด้วยวัยสาว ดิฉันยังมีความหลงในร่างกายที่อยู่ อยากขอคำแนะนำการฝึกฝนพิจารณาอสุภะให้มากกว่านี้ค่ะ
1. ที่ใดเปิดให้ผู้ปฏิบัติธรรมได้เห็นศพจริงๆบ้างคะ
คำตอบ
เพศเป็นตัวจำกัดการปฏิบัติธรรมทางที่ดีและปลอดภัยสำหรับเพศ คือ ขออนุญาตอาจารย์ที่สอนกายวิภาคศาสตร์ในโรงเรียนแพทย์เข้าไปดูซากศพจริง ที่เขานำมาให้นักศึกษาแพทย์ผ่าศพศึกษาในแง่มุมต่าง ๆ หรือ อีกทางหนึ่งหาโอกาสร่วมทีมเก็บศพกับมูลนิธิฯ ที่เขาทำทางด้านนี้ ดูของจริงบ่อย ๆ แล้วกามฉันทะจะหมดไปเอง
2.ตราบใดที่ดิฉันยังบำรุงกามฉันทะ เช่นการแต่งหน้า บำรุงผิว เป็นแนวทางที่ขัดต่ออสุภะหรือไม่คะ แต่หากดิฉันปล่อยตัวเพื่อนรอบข้างในสังคมกล่าวว่าดิฉันสุดโต่ง เป็นการเบียดเบียนเขาอีก
ขอกราบขอบพระคุณค่ะ
คำตอบ
การแต่งหน้าบำรุงผิวตัวเองสามารถทำได้ด้วยมีจิตรู้เท่าทันว่าคุณยังต้องมีชีวิตอยู่กับโลกสมมุติ ต้องใช้สมมุติได้ประโยชน์จากสมมุติและที่สำคัญจิตต้องไม่ตกเป็นทาสของสมมุติ ส่วนการพิจารณาอสุภะยังสามารถทำได้ และหากเมื่อใดคุณเห็นแจ้งในอสุภกรรมฐานแล้ว การแต่งหน้าบำรุงผิงจะค่อย ๆ ลดลงไปเอง อย่าไปเสียเวลาให้มากกับสิ่งที่จะต้องเสื่อมลงแล้วปล่อยทิ้งในวันข้างหน้า ถามไปว่าถ้าไม่แต่งหน้าและไม่บำรุงผิวเป็นการเบียดเบียนผู้อื่นหรือไม่ หากไม่ได้ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนไม่ถือว่าเป็นการเบียดเบียน เขาเห็นเราปล่อยตัวแล้วเขาเดือดร้อนเขาโง่เองที่เอาตาไปตกเป็นทาสของสิ่งที่เห็น การไม่แต่งหน้าทาผิว ไม่ใช่เป็นการกระทำที่สุดโต่ง ยังมีคนอีกจำนวนมากที่เขาปล่อยให้ชีวิตดำเนินไปตามธรรมชาติ ส่วนเพื่อนที่อยู่รอบข้าง เห็นว่าเป็นการกระทำที่สุดโต่ง ก็เป็นความเห็นถูกของคนที่มีราคะจิตแต่เป็นความเห็นผิดของคนที่รู้เท่าทันโลกและชีวิตต่างหากล่ะ |
241.
กราบอ.สนองที่เคารพ
อยากถามอาจารย์ว่า เคยมีคนบอกว่าหากมีลูกที่มีบุญมาเกิดอย่างเช่นเป็นเทวดามาเกิดเขาจะไม่ค่อยต้องทำอะไรเองจะมีคนทำให้ตลอด แล้วเราจะทราบว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ เพราะที่บ้านมีแม่สามีที่ไม่ยอมให้ลูกทำอะไรเองลูกโตอายุ24/25/26/29/32ยังไม่ยอมซักผ้าเอง ไม่ยอมทำอะไรเองชอบใช้พ่อแม่ดิฉันแนะนำเขาว่าหากไม่ให้ลูกทำเองลูกนั่นแหละจะบาป แต่พวกเขาไม่เชื่อแถมว่าที่สำคัญลูกเขาเป็นผู้หญิงตั้ง4คนแล้วไปนับถือศาสนาอื่นอีกทั้งที่เป็นพุทธมาตั้งแต่เกิด ถ้าหากพ่อแม่หลงผิดคิดว่าลูกเป็นเทวดาอย่างนี้ก็แย่นะซิคะ เพราะเคยมีเหตุการณืประมาณว่าผู้มีพระคุณของเขาเสียชีวิตแต่เขาจะไม่ไปร่วมงานศพเกรงจะผิดต่อศาสนาของเขา
อยากให้อาจารย์ช่วยตอบข้อสังเกตว่าเราจะดูอย่างไรว่าใช่ผู้มีบุญมาเกิดจริงหรือเปล่านะคะ
คำตอบ
อยากรู้ว่าผู้มีบุญมาเกิดจริงหรือไม่ ก็ต้องรู้ก่อนว่าบุญคืออะไร และบุญเกิดขึ้นได้อย่างไร
คำว่าบุญหมายถึง ความงาม ความดี ความประพฤติชอบ ฯลฯ บุญเกิดขึ้นได้จากการประพฤติทางกาย วาจา ทางใจ 10 อย่าง (บุญกิริยาวัตถุ 10) คือ ประพฤติชอบด้วยการให้ การรักษาศีล การเจริญจิตตภาวนาประพฤติอ่อนน้อม , ขวนขวายด้วยการให้ แบ่งส่วนความดีให้ผู้อื่น ยินดีในการทำความดีของผู้อื่น ฟังธรรม สั่งสอนธรรม และการทำความเห็นให้ถูกตรงทั้ง 10 อย่างนี้ หากมีอยู่ในจิตใจของผู้ใด เรียกผู้นั้นว่าเป็นผู้มีบุญ
คุณสมบัติของชาวฟ้าชาวสวรรค์ คือการให้ทาน มีการรักษาศีล อยู่เนืองนิตย์ มีความละอายชั่วกลัวบาป มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด เป็นที่รักของมนุษย์ เป็นที่อบอุ่นของสัตว์โลก มีบริวารแวดล้อมรอการรับใช้ ฯลฯ เหล่านี้ เป็นข้อสังเกต หากยังมีเหลือตกค้างอยู่ในจิตใจของผู้ใด สามารถใช้เป็นหลักฐานบ่งบอก ที่มาของจิตวิญญาณก่อนมาปฏิสนธิเป็นมนุษย์ (เป็นสัตว์) แล้วถูกสมมติเรียกกันว่ามนุสฺสเทโวไงล่ะ
ในอีกแนวทางหนึ่ง เมื่อใดที่บุคคลปฏิบัติสมถภาวนา จนกระทั่งจิตตั้งมั่นระดับฌาน แล้วเกิดโลกิยอภิญญา ที่เรียกว่า ทิพพจักขุ หรือเกิดอติตังสญาณ แล้วไปเห็นที่มาของสัตว์เหล่านั้นด้วยจิตของเขาเอง แล้วนั้นแหละ เขาจะเชื่อได้อย่างไม่เคลือบแคลงสงสัยเลยว่า สัตว์เหล่านั้นเป็นใครมาจากไหน ก่อนมาเกิดเป็นมนุษย์ จะลองพิสูจน์ดูไหม
|
240.
กราบเรียนท่านอาจารย์ที่เคารพอย่างสูง
หนูขออนุญาตกราบเรียนผลการปฏิบัติเพื่อทราบพื้นฐานก่อนเข้าปัญหา คือหนูได้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ด้วยการระลึกรู้สึกอารมณ์ต่างๆที่มากระทบอยู่ตลอดเวลาเป็นปัจจุบันขณะ นอกจากมีปกติเห็นอารมณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นทางกายและจิตแล้ว หนูเคยเห็นจิตผู้รู้ชัดอยู่ครั้งหนึ่งเกิดขึ้นแล้วดับไปทันที หนูเคยเห็นว่าจิตคิดนั้นใส หนูเคยเห็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นอาศัยเหตุปัจจัยเกิดขึ้นติดต่อกันไปไม่ขาดสาย เห็นความเกิดดับของรูปต่างๆ แต่หนูยังไม่เห็นอนัตตา ยังไม่สามารถละตัวตน ยังเห็นจิตเป็นตัวตนของเราอยู่ ตอนนี้หนูมีปัญหาที่ต้องกราบเรียนถามท่านอาจารย์เพราะมีสิ่งที่มากระทบซึ่งหนูไม่ชอบ แต่จิตหนูไม่มีกำลังพอ ไม่สามารถปล่อยวางหรือต้านทานต่อสิ่งที่มากระทบนั้นได้ หนูไม่แน่ใจว่าจิตสร้างอารมณ์นั้นเองหรือเปล่า
คำถามก็คือ :
1) คนที่มีพลังจิตสูงมาก
สามารถส่งพลังมาทำอะไรต่อคนอื่นที่จิตมีกำลังอ่อนกว่าได้ใช่ไหมคะ ถ้าทำอย่างนั้นจริงจัดว่าไม่มีคุณธรรม และพลังของจิตจะเสื่อมลงได้ใช่ไหมคะ เช่น
- ส่งจิตมากระทบจิตคนอื่นทำให้มีความรู้สึกว่ากำลังคิดถึงอยู่ หรือเกิดความคิดถึงคนนั้นขึ้นมา
- ส่งจิตมาสั่งความเหมือนพูดด้วยแต่รับรู้ด้วยใจ
- ส่งจิตมาบังคับลมในกายคนอื่นทำให้เกิดความไหว จนจิตเขารับได้ เป็นต้น
ก่อนเข้าสู่คำตอบ หากคุณประสงค์จะละอัตตาให้ได้คุณต้องใช้จิตที่ตั้งมั่นระดับอุปจารสมาธิ พิจารณาอุปาทานขันธ์ 5 ให้เห็นเป็นไปตามกฎไตรลักษณ์ หากพิจารณาจนเห็นแต่ละขันธ์ดับไป (อนัตตา) ตามกฎไตรลักษณ์จริง คุณจะเป็นผู้ไม่มีตัวตน คนที่หมดตัวตน มีจิตไม่ตกเป็นเบี้ยล่างของโลกธรรมและวัตถุภายนอก จิตมีความปล่อยวาง เป็นอิสระ เป็นผู้มีอารมณ์ที่สงบอยู่ทุกขณะตื่น นี่คือผู้หมดอัตตา คำตอบ
ธรรมะที่เป็นบ่อเกิดแห่งพลังจิต คือ ศรัทธา วิริยา สติ สมาธิและปัญญา ใครผู้ใดพัฒนาให้เกิดมีขึ้นกับจิตของตัวเองได้แล้ว เรียกผู้นั้นว่าเป็นผู้มีพลังจิต พระอริยบุคคลนับแต่พระโสดาบันขึ้นไปเป็นผู้มีพลังจิตกล้าแข็ง
ส่วนคนที่ฝึกเฉพาะสมถกรรมฐานจนได้ฌาน จะมีกำลังของสมาธิกล้าแข็ง หากนำไปใช้ผิดทาง (มิจฉาสมาธิ) เช่นส่งพลังจิตไปติดต่อสื่อสารกับคนอื่นส่งพลังจิตไปบังคับผู้อื่นให้ทำตามที่ตนต้องการ (สะกดจิต) ฯลฯ เหล่านี้พระพุทธะห้ามสงฆ์สาวกกระทำ เพราะเป็นการทำพลังจิตไปใช้ผิดทางมีโอกาสเสื่อมได้ และอาจนำพาชีวิตไปสู่หนทางแห่งการเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิได้
หากคุณประสงค์จะหลีกพ้นจากพลังสมาธิที่กล่าวถึง คุณต้องพัฒนาจิตของคุณให้มีกำลังและปัญญาเห็นแจ้งให้กล้าแข็ง ให้มีกำลังสูงกว่ากำลังของฌานได้แล้ว จิตใจของคุณจะปลอดจากการถูกรบกวนด้วยพลังจิตในระดับโลกีย์อื่นใดได้ทั้งหมด
2) มีวิธีดูอย่างไรว่าอารมณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นจริงหรือเป็นสิ่งที่จิตสร้างขึ้น เพราะมีกรณีที่จิตสามารถหลอกตัวเองได้ อย่างเช่นกรณีในข้อ 1. จะทราบได้อย่างไรว่าจิตสร้างเองหรือเกิดจริง หรือกรณีที่ท่านอาจารย์มองเห็นด้วยตาเนื้อว่าต้นไม้ผลิใบจนถึงแก่แล้วร่วงหมดในเวลาเพียงชั่วขณะสั้นๆ นั้นคืออะไรคะ
กราบขอบพระคุณในความเมตตาของท่านอาจารย์อย่างยิ่งค่ะ คำตอบ
อารมณ์เกิดขึ้นที่จิต (ใจ) มิได้เกิดขึ้นที่ร่างกาย เหตุที่ทำให้จิตเกิดอารมณ์ เพราะจิตทำหน้าที่ปรุงแต่งสิ่งกระทบที่เข้าทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และสิ่งกระทบที่ออกมาจากใจ หากประสงค์จะรู้ว่าอารมณ์ที่เกิดขึ้น เป็นอารมณ์ที่มีสาเหตุนั้นเกิดจากรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส หรือไม่ ถ้าไม่ใช่ สาเหตุแห่งการเกิดอารมณ์ต้องมาจากใจแน่นอน
ส่วนเรื่องการเห็นวัฏจักรของการเกิดใบไม้ของต้นไม้เป็นเรื่องของความถี่ของคลื่นจิตที่ถูกจูนแล้วด้วยกำลังของสมาธิระดับฌานที่มีอุเบกขาเป็นอารมณ์ การเห็นนั้นเป็นเรื่องที่โลกสมมุติเรียกว่าตาทิพย์ และการเห็นผ่านตาเนื้อตาหนังเรียกว่า อุคคหนิมิตนั่น เป็นเรื่องที่ปุถุชนสามารถทำให้เกิดมีขึ้นได้ มิได้วิเศษวิโสอะไรจะไปสนใจให้เสียเวลาไปทำไม สู้เอาเวลาไปพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง แล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้งส่องนำทางให้กับชีวิตจะมิดีกว่าหรือ
|
239.
กราบเรียนถาม อ.สนองที่เคารพ
1. ดิฉันอยากถามว่าถ้าครั้งหนึ่งเรามีแฟนแล้วโดนหลอกโดยไม่รู้ว่าเขามีเมียอยู่แล้ว มารู้ตอนหลังแล้วเลิกถือว่าเราได้ผิดศิลข้อ3แล้วใช่ไหมคะ แล้วหนูก็ได้รับผลกรรมนั้นตอบแทนแล้วโดยสามีที่ถูกต้องตามกฏหมายได้แอบไปมีเมียน้อยแล้วก็หลงเมียน้อยมาก ถามว่าถ้าเราใช้กรรมในปัจจุบันแล้วตายไปยังต้องไปใช้กรรมในนรกแล้วต้องไปปีนต้นงิ้วหรือเปล่าคะ
คำตอบ
เป็นการผิดศีลโดยไม่เจตนา อย่าคิดมาก คิดเสียว่าเป็นกรรมเก่าที่อกุศลวิบากตามทันก็แล้วกัน ในครั้งพุทธกาลพระเจ้าพิมพิสารกษัตริย์แห่งแคว้นมคธ ได้ไปมีเพศสัมพันธ์กับอัมพปาลี ซึ่งเป็นโสเภณีแห่งแคว้นวัชชี จนได้ลูกชายมา 1 คน ชื่อวิมลโกณทัญญะ ต่อมาได้บวชเป็นพระสงฆ์แล้วพัฒนาจิตจนบรรลุอรหัตผล จึงได้ไปชักชวนโยมแม่ให้เลิกอาชีพขายตัว แล้วมาบวชเป็นภิกษุณีปฏิบัติธรรมจนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ได้ในที่สุด ส่วนพระเจ้าพิมพิสารศรัทธาในธรรมของพระพุทธองค์ ได้พัฒนาจิตตนเองจนบรรลุโสดาบันเป็นอริยบุคคลระดับต้นได้
โลกมนุษย์มีชมรมปีนหน้าผา ในฉิมพลีนรกมีชมรมปีนต้นงิ้ว ถ้าคุณกลัวว่า เมื่อตายไปแล้วจะต้องไปเข้าเป็นสมาชิกของชมรมปีนต้นงิ้ว คุณก็ต้องทำตัวให้คล้ายกับที่อัมพปาลีทำ คือพัฒนาจิตใจด้วยการนำตัวเองเข้าปฏิบัติธรรม ให้จิตหลุดพ้นเป็นอิสระจากกิเลสที่ทำให้ใจเศร้าหมอง (สังโยชน์) อย่างน้อย 3 ข้อคือ ละสักกายะทิฏฐิ ละวิจิกิจฉา และละสีลพตปรามาสให้ได้ก่อนตาย ก็จะเป็นอันเชื่อได้อย่างแน่ใจว่า คุณได้ปิดประตูสู่อบายภูมิด้วยตัวคุณเองแล้ว ดีจริงนะจะบอกให้
2. ตอนนี้หนูฟุ้งซ่านมากสาเหตุมาจากการไปดูดวงมาอยากทราบว่าการที่ณ วันหนึ่งเรากลายเป็นคนชอบดูหมอดูมากๆดูติดๆจนดวงไม่ดีดูทีเป็น10หมอ อยากรู้ว่าเรามีกรรมเกี่ยวกับอะไรเราถึงต้องมาเป็นอย่างนี้แล้วดูจนครอบครัวแตกแยกเหมือนเราไปเชื่อเค้า100%จะใช้กรรมตัวนี้อย่างไรให้หมด เพราะตอนนี้จะบ้าแล้วเหมือนคนประสาทกลัวเหตุการข้างหน้าจะเป็นจริงคิดเสียใจกับอดีตที่แก้ไขอะไรไม่ได้ วันๆทำอะไรไม่ได้หนูยังมีลูก1คนที่ต้องรับผิดชอบแต่รู้ตัวว่าจะเป็นบ้ากลัวจะเลี้ยงลูกไม่ได้ก็เลยยิ่งกังวลมาก อยากให้อาจารย์ช่วยชี้แนะค่ะ
คำตอบ
ปัญหาที่เขียนถามไปทั้งหมดมีต้นเหตุมาจาก ความไม่รู้จริง (โมหะ) ของคุณนั่นเอง ดวงจะดีไม่ดีอยู่ที่การกระทำของคุณเองไม่ได้อยู่ที่หมอดู หรือสิ่งอื่นใดมาบันดาลชีวิตของคุณได้ ก็ไม่เพราะด้วยเหตุแห่งโมหะหรอกหรือที่ทำให้คุณต้องเสียทั้งสตางค์เสียทั้งเวลาไปให้กับหมอดู เรื่องนี้ขอแนะนำให้คุณไปอ่านหนังสือของชมรมกัลยาณธรรมที่ชื่อว่า วิธีอยู่เหนือดวง แล้วทำตามคำแนะนำที่หนังสือบอกไว้ให้ได้ แล้วคุณก็จะเป็นอีกคนหนึ่งที่กลับมาเป็นผู้มีชะตาชีวิตที่ดีปัญหาต่าง ๆ จะถูกปรับแก้ไขด้วยกำลังของกุศลกรรมได้หมดสิ้นไปแน่นอนดูข้อ 239 (1)สิ บุคคลที่อ้างถึงยังแก้ปัญหาชีวิตที่ไม่ดีได้ด้วยตัวเองเป็นตัวอย่างที่ดีให้คุณได้ศึกษาและทำตาม
|
238.
เรียนถามว่า
พ่อแม่สามี ที่ชอบแสดงอาการ พูดจา ด้วยนำเสียงวางอำนาจ วางโต กับลูกสะใภ้ โดยเฉพาะต่อหน้าผู้อื่น จะได้รับผลกรรมอะไรบ้างคะ และถ้าเราหลีกเลี่ยงไปไม่พบปะ เพื่อมิให้เกิดอารมณ์เสีย หรือต้องบาดหมางไปมากขึ้น จะดีกว่า เข้าหา เพราะจะเกิดอารมณ์ และทะเลาะกันได้ เพราะนิสัยเขาเป็นอย่างนี้ มาตั้งแต่รู้จัก ส่วนดิฉันเอง ไม่เคยไปก้าวร้าว โต้เถียง ต่อปากต่อคำ แต่จะนิ่งเสีย และเก็บความไม่พอใจไว้กับตัว ซึ่งรู้ว่าไม่ดีต่อตนเอง เคยคิดแช่งให้ตายไปเสีย จะได้พ้นทุกข์พ้นร้อน ก็รู้ว่ามันบาป
ช่วยแนะนำด้วยคะ ขอบพระคุณคะ
คำตอบ
อุปนิสัยของคนมีต่างกัน บางคนมีอุปนิสัยดี บางคนมีอุปนิสัยไม่ดี ทั้งนี้เพราะเขาเหล่านั้นทำสั่งสมมายาวนานข้ามภพข้ามชาติ เป็นยิ่งกว่าสันดาน คนที่ชอบพูดจาวางโต ชอบแสดงอำนาจกับผู้อื่น เป็นคนมีสันดานไม่ดี เป็นคนน่าสงสาร เขากำลังสร้างเหตุให้มีบริวารแวดล้อมไม่ดี ไม่เชื่อฟัง ไม่จริงใจ คอยแต่จะนำปัญหามาสู่เขาให้เดือดร้อนใจ
ถ้าคุณยังมีสติไม่กล้าแข็ง คุณก็จะรับเอาคำพูดของเขามาเป็นอารมณ์ที่ไม่ดี เป็นอารมณ์ที่ทำร้ายตัวคุณเอง ควรอยู่ให้ห่างลับหูลับตานั่นแหละดีที่สุด แต่หากเมื่อใดคุณพัฒนาจิตใจของคุณให้มีสติกล้าแข็งได้แล้ว การเข้าใกล้เขา การได้ยินได้ฟังอกุศลวาจาจากปากเขา ทำให้คุณมีขันติบารมี เมตตาบารมี ปัญญาบารมี เป็นต้น เพิ่มมากขึ้น เขาจะเป็นครูที่ดีของคุณ ไม่ต้องเดินหาครูดีในที่ห่างไกล ฉะนั้น ปรับปรุงแก้ไขที่ตัวคุณเองนะ |
237.
อ.สนอง ที่เคารพ
1. อยากทราบว่าพระพุทธเจ้าใช้วิปัสสนากำหนดแบบไหนใน40แบบก่อนที่จะบรรลุนิพพาน
คำตอบ
จากประสบการณ์คงตอบได้ดีเพียงครึ่งเดียวในส่วนที่เป็นโลกียอภิญญา
พระพุทธตรัสรู้ผ่านกระบวนการของวิชชา 3 คือ ในยามแรกจิตเข้าถึงปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ยามที่สองจิตเข้าถึง จุตูปปาตญาณ ทั้งสองนี้เป็นโลกิยปัญญา ท่านเข้าถึงได้โดยกำหนดจิตตามหลักของอานาปานสติจนจิตตั้งมั่นถึงระดับฌานแล้วโลกิยอภิญญาทั้งสองจึงได้เกิดขึ้น
ส่วนที่ตอบว่าเป็นตามครรลองแห่งธรรมคือในยามที่สามท่านนำจิตเข้าถึง อาสวักขยญาณ ซึ่งเป็นโลกุตรอภิญญา รู้เห็นสรรพสิ่งดำเนินไปตามกฎของไตรลักษณ์คือ ดับหมดไม่มีตัวตน ทำให้อวิชชาหมดสิ้นไปจากใจ จึงได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า 2. วิชาธรรมกายเจริญวิปัสสนาทางลัดจริงหรือไม่คะ ทำไมถึงเป็นได้
คำตอบ
คำว่าธรรมกาย หมายถึง ผู้มีกายเป็นธรรม หรือมีกายเป็นที่ชุมนุมแห่งธรรม ในครั้งพุทธกาล พระโคตมีภิกษุณีได้กล่าวกับพระพุทธะในตอนหนึ่งว่า รูปกายของพระองค์นี้หม่อมฉันได้ทำให้เจริญเติบโต ส่วนธรรมกายอันเป็นที่เอิบอาบสุขของหม่อมฉัน เป็นสิ่งที่พระองค์ได้ทำให้เติบโตขึ้น
ที่ถามว่าวิชาธรรมกาย เป็นการเจริญวิปัสสนาทางลัดจริงหรือไม่ ต้องขออภัยที่ไม่มีประสบการณ์ในวิชาธรรมกาย จึงไม่สามารถตอบได้ แต่ที่รู้ว่าวีธีเจริญวิปัสสนาทางลัดได้เกิดขึ้นแก่อุปติสสะ เมื่อได้ฟังพระอัสสชิ กล่าวคำประโยคที่ว่า ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตตรัสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้นไว้ และตรัสถึงความดับไว้ด้วย พระมหาสมณะมีปรกติตรัสอย่างนี้ อุปติสสะได้โยนิโสมนสิการ (พิจารณาโดยแยบคาย) แล้วเกิดดวงตาเห็นธรรม เข้าถึงปัญญาเห็นแจ้งได้อย่างรวดเร็ว จนบรรลุโสดาปัตติผล จึงได้บวชเป็นพระสารีบุตรโสดาบัน และต่อมาได้ฟังธรรมที่พระพุทธะสอน เรื่องกายานุปัสนากรรมฐาน พระสารีบุตรได้ฟังอยู่ข้างหลังพร้อมกับโยนิโสมนสิการตาม จึงได้บรรลุอรหัตผล อย่างนี้จะถือว่าโยนิโสมนสิการ เป็นการเจริญวิปัสสนาทางลัดได้หรือไม่ ผู้ถามปัญหาลองพิจารณาเอาเอง 3 ยุคพระศรีอาริยเมตรัยเป็นอย่างไรคะ แล้วถ้าตอนนี้เราปฏิบัติธรรมให้ได้มากเราจะไปนิพพานก่อนที่จะถึงยุคนั้นจะทันไหมคะ
ขอบพระคุณอาจารย์มากค่ะ
คำตอบ
ผู้ตอบปัญหายังมีชีวิตอยู่แค่เพียงปัจจุบัน จึงไม่อาจไปล่วงรู้ถึงอนาคตได้ จึงไม่ขอตอบ
ส่วนที่ถามว่า การปฏิบัติธรรมจนสามารถบรรลุพระนิพพานได้ก่อน เข้าถึงยุคของพระศรีอาริยเมตไตรย์ มีความเป็นไปได้หรือไม่นั้น ขอตอบว่าเป็นไปได้ หากบุคคลผู้นั้นมีบุญบารมีถึงพร้อมและได้ทำเหตุปัจจัยแห่งการบรรลุอรหัตผลได้ลงตัว |
236.
สวัสดีครับอาจารย์สนอง
เคยอ่านหนังสือของอาจารย์ว่าคนยังไม่มีเมตตาแผ่เมตตาไม่ได้ผลเพราะไม่มีเมตตาให้แผ่
อยากทราบว่าจะสร้างเมตตาในตัวเราเผื่อให้แผ่เมตตาได้ผลได้อย่างไรครับ
ขอบคุณครับ
คำตอบ
ให้อภัยเป็นทานสิคุณ ให้อภัยบ่อย ๆ จนกระทั่งมีสิ่งใด ๆ ที่ทำให้ขัดใจเกิดขึ้นแล้วคุณไม่โกรธ ไม่หงุดหงิด ไม่เบื่อหน่าย ฯลฯ ได้นั่นแหละ เมตตาได้เกิดขึ้นแล้วในใจของคุณ คุณก็จะเปลี่ยนจากคนอารมณ์ร้อนมาเป็นคนอารมณ์สงบเย็น ใคร ๆ ก็อยากเข้าใกล้ไม่เว้นแม้แต่สัตว์เดรัจฉานที่ดุร้าย ยังวางใจในตัวคุณ นำตัวเข้าใกล้โดยไม่มีเวรไม่มีภัยต่อกัน นี่เป็นเครื่องพิสูจน์พลังของเมตตาที่มีอยู่ในใจของคุณ ลองพิสูจน์ดูสิว่าเมตตามีจริงไหม
|
235.
กราบเรียนท่านอาจารย์สนอง
มี 2 คำถามที่ขอความรู้ ค่ะ
1. เคยอ่านหนังสือพบว่า ไฟนรกของภรรยามี 7 กอง เริ่มตั้งแต่กองที่ 1คือพระพุทธเจ้า ไปจนถึง กองที่ 7 คือสามี ส่วนไฟนรกของสามีมีเพียง 6 กอง ทั้งๆที่ปัจจุบันสามี - ภรรยาต่างก็ปฏิบัติหน้าที่ในครอบครัวใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ หากภรรยาว่ากล่าวสามีจะบาปมากกว่าสามีว่ากล่าวภรรยาหลายเท่า
ขอเรียนถามว่า เป็นไปตามกฎของธรรมชาติที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบหรือไม่คะ
คำตอบ
เรื่องไฟนรก ๗ กอง ไม่เคยมีประสบการณ์ที่ปรากฏเป็นสัญญา จึงขออภัยไม่ตอบ ใครมีประสบการณ์ตรงเล่าให้ฟังกันบ้างสิ
2. บิดา - มารดา ของสามี - ภรรยา เปรียบเสมือนเป็น พระอรหันต์ของอีกฝ่ายหรือไม่
และหากเราไม่ดูแลบิดา-มารดาของอีกฝ่าย จะได้รับผลจากกรรมนั้นอย่างไรบ้างคะ
ขอกราบขอบพระคุณด้วยความเคารพและศรัทธาค่ะ
คำตอบ
บิดามารดาของสามีมิได้เปรียบเสมือนเป็นพระอรหันต์ของภรรยาแต่บิดามารดาของสามีเปรียบเสมือน เป็นพรหมของสามีเพราะมีพรหมวิหาร ๔ ต่อสามี เป็นเทวดาของสามี เป็นอาจารย์ของสามีและเปรียบเสมือนเป็นพระของสามีเท่านั้น
ภรรยาไม่ดูแลบิดามารดาของสามีก็เป็นภรรยาที่มีความบกพร่องในจริยธรรมเรื่องไม่สงเคราะห์ญาติฝ่ายสามี ผลกรรมที่จะตามมาคือขาดวัตถุอันเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวน้ำใจ หากภรรยามีอุปสรรคปัญหาใด ๆ เกิดขึ้น จะไม่ได้รับการดูแลช่วยเหลือจากบิดามารดาของฝ่ายสามี
ต่างคนต่างมาสู่โลกนี้ไม่นาน มาอยู่ร่วมเป็นครอบครัว เดี๋ยวก็ต้องจากโลกนี้ไป จะอะไรกันนักหนา ผูกใจกันไว้มิดีกว่าหรือ ด้วยการทำตัวเป็นผู้มีการให้ทาน มีวาจาไพเราะ ทำประโยชน์ให้ผู้อื่น และไม่ถือตัวถือตนนั่นแหละดีที่ปราชญ์สรรเสริญ
|
234.
อ.สนองที่เคารพ
ดิฉันได้มีดวงตาเห็นธรรมแล้ว หลังจากที่ได้รู้จักอาจารย์ผ่านเว็บนี้จึงมีใจมุ่งมั่นที่อยากจะนั่งวิปัสนากรรมฐานแล้วได้พบอาจารย์ที่สอนแล้ว ด้วยบุญกุศลเก่าที่เคยทำมาแต่ชาติก่อนทำให้ได้พบอาจารย์ชี้แนะแต่มีข้อสงสัยอยากเรียนถามอาจารย์ว่า พระที่ท่านสอนกรรมฐานท่านสามารถที่จะเห็นเหตุการณ์ข้างหน้าได้จริงแต่ไม่สามารถบอกเราตรงๆได้ใช่ไหมคะ แล้วถ้าท่านได้บอกอะไรกับเราบางอย่างในอนาคตจำเป็นมั๊ยว่าจะต้องเป็นอย่างที่ท่านบอก100% เพราะท่านได้บอกกับดิฉันเกี่ยวกับการหมดกรรมที่ทำกันมาแล้วกับสามี ทำกันมาแค่ไหนก็ใช้กันแค่นั้น แล้วถ้าเรานั่งกรรมฐานแล้วเราสามารถที่จะเปลี่ยนอนาคตได้ใช่ไหมคะ ดิฉันลืมเล่าว่าก่อนจะเรียนนั่งกรรมฐานพระท่านเอาผ้าขาวมาคลุมตัวทำเหมือนบังสกุลแล้วบอกว่าวันนี้เป็นคนใหม่แล้ว อยากถามอาจารย์ว่ามันเป็นอย่างนั้นได้หรือไม่คะ ช่วยไขปัญหาเพื่อเปิดปัญญาให้ด้วยนะคะ
ขอบพระคุณค่ะ
คำตอบ
ถ้าได้ดวงตาเห็นธรรมจริงก็น่ายินดี บุคคลสามารถจะพัฒนาจิตใจให้เกิดอภิญญาที่เรียกว่า ทิพยจักขุได้ พระสงฆ์ที่เข้าถึงอภิญญาตัวนี้แต่ที่บอกตรง ๆ แก่ฆราวาสไม่ได้ เพราะมีวินัยบัญญัติห้ามสงฆ์แสดงหรือบอกกล่าวเรื่องที่มนุษย์ทั่วไปเข้าไม่ถึง
ที่ถามว่าอนาคตจำเป็นไหมที่ต้องเป็นอย่างที่พระบอกร้อยเปอร์เซ็นต์ ท่านถามแบบนี้แสดงว่าผู้ถามยังไม่ได้อ่านหนังสือของชมรมกัลยาณธรรม เรื่อง วิธีอยู่เหนือดวง ลองไปอ่านดูคำตอบละเอียดมีอยู่ในหนังสือเล่มนั้น
แค่เอาผ้าขาวมาคลุมตัวแล้วบอกว่าเป็นคนใหม่แล้ว ถ้าคุณเชื่อคุณก็จะมีความหลงเพิ่มมากขึ้น เรียกว่าเป็นคนใหม่ที่มีชีวิตเสื่อมลง ถ้าเชื่อแล้วพัฒนาจิตใจให้มีบุญมีบารมีมากขึ้นก็เป็นคนใหม่ในทางที่มีชีวิตดีขึ้น
สรุปได้ว่า ชีวิตของคุณจะเป็นอย่างไร มิได้อยู่ที่ผ้าขาวที่คำพูดหรือการกระทำของคนอื่น แต่อยู่ที่การกระทำของตัวเองต่างหากล่ะ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วไงล่ะ |
233.
กราบขอบพระคูณท่านอาจารย์ค่ะ
ตั้งใจเขียนจดหมายเพื่อกราบขอบคุณความกรุณาของท่านอาจารย์ค่ะ ถ้าหากทำให้อาจารย์ต้องเสียสายตาเพื่อจะอ่าน กราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ก่อนหน้านี้ดิฉันได้เขียนจดหมายเรียนปรึกษาท่านอาจารย์เรื่องทำใจอย่างไรเมื่อถูกคนนินทา ขณะนี้ ได้ข้อคิดและเข้าใจแล้วว่าทุกอย่างที่เกิดมีเหตุนำมาก่อนทั้งนั้น ดิฉันได้ให้อภัยและขออโหสิกรรม รวมทั้งได้แผ่ส่วนกุศลจากการทำบุญให้บุคคลเหล่านั้นแล้ว รู้สึกดีขึ้นมาก และดิฉันเข้าใจว่าเรื่องทุกอย่างมีเพียงใจของเราเท่านั้นแหละที่ทำร้ายตัวเราเองค่ะ
กราบขอบพระคุณมาอีกครั้งค่ะ และขอบคุณทีมงานผู้จัดทำเวบไซต์เผยแพร่พระพุทธศาสนาดีๆแห่งนี้ค่ะ ขออนุโมทนาในบุญกุศลที่ท่านทั้งหลายทำค่ะ
คำตอบ
ต้องแสดงความยินดีที่คุณสามารถพัฒนาจิตใจของคุณให้ดีขึ้นได้ ดีขึ้นมากจริงหรือ ทำไมไม่พัฒนาให้ดีที่สุด ด้วยการทำใจให้เป็นอิสระ อยู่เหนือโลกธรรมทั้ง ๘ให้ได้ล่ะ |
232.
เรียน ท่านอาจารย์ ดร.สนองฯ ช่วยไขข้อข้องใจด้วยค่ะ
หนูได้มีโอกาสได้อ่านหนังสือทางสายเอกแล้วมีความรู้สึกชื่นชมในความตั้งใจจริงในการปฏิบัติของท่านอาจารย์มากค่ะ หนูมีสิ่งหนึ่งที่เป็นข้อข้องใจอยากขอความกรุณาท่านอาจารย์ช่วยแนะนำด้วยค่ะ ถ้าเราต้องการจะทราบถึงสภาวะตามความเป็นจริงของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว ว่าตอนนี้ท่านผู้นั้นอยู่ที่ไหน แต่ในขณะนี้เราไม่สามารถที่จะปฎิบัติถึงขั้นที่จะรู้ได้ (หมายถึงการถอดกายทิพย์หรือการมีทิพจักขุญาณที่ชัดเจนแจ่มใสเพียงพอ) เราจะต้องหัดทำสมาธิ รักษาศีล ไปเรื่อย ๆ จนสักวันนึงเราจะสามารถรู้ในสิ่งที่อยากรู้ อาจารย์อาจจะไม่เห็นด้วยว่า แล้วทำไมเราต้องไปอยากรู้ด้วยเล่า ทำไมเราไม่ทำชีวิตในปัจจุบันให้มันดี อย่าไปคิดถึงอดีตที่มันกลับคืนไม่ได้ หนูขอกราบเรียนอาจารย์ว่า บุคคลที่หนูอยากรู้มีความสำคัญกับหนูมากเหลือเกิน หนูอยากจะพิสูจน์และเห็นด้วยตัวเอง ว่าการที่หนูทำบุญไปให้ในแต่ละครั้ง ท่านผู้เสียชีวิตได้รับ และหนูอยากจะทราบความต้องการขอท่านที่เสียชีวิตไปแล้วว่าต้องการให้หนูทำบุญอะไรไปให้บ้างเพื่อช่วยท่าน รบกวนอาจารย์ช่วยตอบคำถามหนูให้คลายสงสัยด้วยเถิด
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างสูง
ปลายฟ้า
คำตอบ
ความเห็นผิด (มิจฉาทิฏฐิ) คือความเห็นที่ไม่นำไปสู่ความพ้นทุกข์ คุณบอกไปว่าคนที่ตายไปแล้วมีความสำคัญกับคุณมากเหลือเกิน ก็ยังเป็นความเห็นผิดอยู่นั่นแหละ เพราะคุณเอาใจไปยึดติดและให้ความสำคัญกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลง สิ่งที่เป็นสมมติขึ้นเพียงชั่วคราวคือคนที่ตายไปแล้ว นี้เป็นต้นเหตุแห่งทุกข์
ผู้เห็นถูก (สัมมาทิฏฐิ) เขาให้ความสำคัญกับสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงและฝึกเอาสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง คือธรรมะของพระพุทธะเป็นสรณะ แล้วจะไม่เป็นทุกข์ ด้วยเหตุนี้การเข้าถึงความรู้สูงสุดที่เรียกว่าอภิญญา ที่สามารถรู้เห็นความเป็นไปของสัตว์ในภพภูมิต่าง ๆ จึงเป็นสิ่งที่อาจารย์ของผู้ตอบปัญหาคือท่านเจ้าคุณโชดก สั่งให้ละความอยากรู้อยากเป็นเหล่านั้นเสีย เพราะเป็นปฏิปทาที่ไม่นำไปสู่การเกิดของปัญญาเห็นแจ้ง ผู้ตอบปัญหาต้องขออภัยที่มิอาจทำตัวเป็นต้นเหตุให้ผู้ถามปัญหา ต้องหลงทางชีวิตเพิ่มมากขึ้นมันเป็นบาปนะโยม |
231.
กราบเรียนอาจารย์สนองที่เคารพ
1 หนูเป็นคนสมาธิสั้นมาก มักเหม่อลอยและฟุ้งซ่านอยู่เสมอและก็ทราบว่าสิ่งหรือวิธีแก้ไขที่ดีคือการเจริญสติ แต่หนูก็ยังมีสภาวะฟุ้งซ่านอยู่เสมอ สติ(ตัวที่ 2) เสียเตือน สติ(ตัวที1) หนูหลุดอยู่เสมอ อาจารย์ช่วยแนะทำวิธีแก้ไขหรืออุบายว่าจะทำอย่างดีคะ (สติตัวที่ 1และ 2นี้ฟังคำอธิบายมาจากพระอาจารย์เกษมธรรมทัตค่ะ)
คำตอบ
เนื่องจากแต่ละคนมีจริตไม่เหมือนกัน ฉะนั้นการพัฒนาจิตให้มีสติ ควรเลือกวิธีเหมาะกับจริตของตน (ดูกรรมฐาน 40) แต่ก่อนจะเริ่มพัฒนาจิต ต้องมีศีล 5 ครองใจให้ได้ก่อน การพัฒนาสติจึงจะได้ผล ต่อมาต้องทำตัวเองให้เป็นผู้กินน้อย นอบน้อม พูดน้อย ดูน้อย หาที่สัปปายะทำใจให้เป็นผู้มีสัจจะ และเร่งความเพียรให้มาก ต่าง ๆเหล่านี้หากคุณลองดูตัวเองและปฏิบัติได้ครบถ้วน แล้วสมาธิจะเกิดได้ง่าย
ปัจจัยเป็นตัวกำหนดการพัฒนาจิตให้มีสติต่าง ๆ เหล่านี้ คุณก็รู้อยู่แก่ใจว่าข้อใดทำได้ ข้อใดยังบกพร่อง ต้องปรับปรุงแก้ไขด้วยตัวคุณเองผลสัมฤทธิ์จึงจะเกิดขึ้นได้
2 มีความรู้สึกว่าตัวเองยิ่งปฏิบัติ แล้วยิ่งถอยหลังไม่ก้าวหน้าขึ้นเลย ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุไร ปฏิบัติถูกทางหรือไม่ อยากขอคำแนะนำจากท่านอาจารย์ว่าจะไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์อาจารย์ท่านใดดี จึงจะถูกจริต ถูกครูบาอาจารย์เพื่อการปฏิบัติก้าวหน้า
คำตอบ
การไปฝากตัวกับครูบาอาจารย์ท่านใดท่านหนึ่ง ยังไม่สำคัญเท่ากับเอาตัวเองเป็นครูนั้นดีที่สุด ช่วยตัวเองดีที่สุด ครูบาอาจารย์เป็นเพียงผู้ชี้แนะแนวทาง ส่วนจะปฏิบัติได้ผลหรือไม่ได้ผล อยู่ที่ตัวคุณเองต่างหากล่ะ
3 ชีวิตการทำงานลุ่ม ๆ ดอน ๆ มาตลอด คงจะได้ทำสิ่งที่ไม่ดีไม่ถูกต้องไว้ในอดีตชาติ และชาตินี้ หนูต้องขอขมากรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรอย่างไรดี เพราะตอนนี้ไม่ได้ทำงานแล้ว เพราะมีปัญหามาก เครียดมาก จึงจำใจลาออกทั้ง ๆ ที่ยังอยากทำงานอยู่ เพราะเงินที่มีอยู่นี้คงจะไม่พอใช้ไปได้ตลอดจนถึงในอนาคตข้างหน้า
ด้วยความเคารพและศรัทธาอย่างยิ่ง
คำตอบ
อดีตที่ผ่านมาไม่เคยมีใครแก้ไขได้ ต้องแก้ที่ปัจจุบันสิครับ ทำดีแล้วต้องได้ดีแน่นอน ใจของคุณยังฟุ้งไปถึงอดีต ยังฟุ้งไปสู่อนาคต แล้วจะเอากำลังของสติที่ไหนมากำกับดูแลการทำงานในปัจจุบันล่ะ
หากคุณต้องการมีเงินใช้ก็หางานที่ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีล ไม่ผิดธรรม จะเป็นงานอะไรก็ได้ที่มีลักษณะอย่างที่กล่าวนี้ทำได้แล้วเป็นงานดีทั้งนั้น เมื่อได้เงินมาแล้วคุณก็กินอยู่ใช้สอยแบบมักน้อยสิครับไม่อดตายแน่นอน ลองพิสูจน์ด้วยตัวเองดูสิ ขนาดพระมหากัสสปะซึ่งเป็นเศรษฐีมีสมบัติมาก ยังสละทิ้งสมบัติให้บริวาร แล้วตัวเองหันมาพัฒนาจิตวิญญาณจนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ก็ไม่เห็นอดตาย ดูท่านเป็นตัวอย่างแล้วทำตามให้ได้ |
230.
เรื่องการเอาทรัพย์ของผู้อื่นโดยเจ้าของไม่เต็มใจให้
เรียนท่านอาจารย์สนอง
เนื่องจากแถวบ้านหนูมักได้ยินข่าว มอเตอร์ไซด์กระชากกระเป๋าบ่อยครั้ง แล้วยิ่งช่วงนี้ข้าวยากหมากแพง อาจเนื่องด้วยสภาพแวดล้อมเอื้ออำนวยต่อการกระทำดังกล่าว อยากทราบว่าในทางพุทธศาสนาแล้วชาวบ้านที่อาศัยอยุ่บริเวณนี้ที่โดนกระชากกระเป๋ามีกรรมอันใดทำร่วมกันจึงต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ หรือชาวบ้านเคยเป็นหนี้กรรมต่อมอเตอร์ไซด์คนนั้นคะ และถ้าเชื่อคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว กรรมที่มอเตอร์ไซด์คนนั้นทำสักวันต้องสนองผลแก่เขาใช่หรือไม่ สำหรับตอนนี้มีวิธีแก้ไขอย่างไรดีในทางศาสนาเพื่อให้บรรยากาศดีขึ้น เช่น แผ่เมตตา เป็นต้น
ขอบคุณในความเมตตาคะ
คำตอบ
เรื่องการที่บุคคลถูกกระชากกระเป๋าถือ ทำให้ต้องสูญเสียทรัพย์สินไปนั้น เหตุเป็นเพราะบุคคลนั้นเคยสร้างอกุศลกรรมไว้ก่อนในอดีต ซึ่งเป็นไปตามกฎแห่งกรรม เช่นเดียวกับคนขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ ได้ทำเหตุปัจจุบันที่เป็นอกุศลกรรม เมื่อใดที่กรรมให้ผล เขาก็ต้องมีอันต้องทำให้สูญเสียทรัพย์สินได้ในอนาคต บุคคลใดหากมีศีล 5 ครองใจ และไม่มีอกุศลกรรมเก่าโดยเฉพาะการล่วงละเมิดศีลข้อ 2 ตกค้างอยู่ในใจ เขาจะเป็นผู้ไม่สูญเสียทรัพย์ด้วยการถูกกระชากกระเป๋าถืออย่างแน่นอน สีเลนะ โภคะสัมปทา นั้นเป็นจริง คุณไม่เชื่อพระพุทธเจ้าหรือ
วิธีแก้ไขในปัจจุบันก็คือให้มีความมักน้อยในการกินอยู่ใช้สอย ไม่ประดับร่างกายด้วยอาภรณ์มีค่า ไม่เดินในที่เปลี่ยวปลอดผู้คน ไม่โคจรในยามวิกาล ฯลฯ ที่สำคัญต้องมีศีล 5 ครองใจได้เป็นดีที่สุด |
229.
สวัสดีครับอาจารย์สนองครับ
คือชาตินี้ผมคงไม่บรรลุนิพพานแน่
แต่ตั้งความหวังไว้ว่าจะสำเร็จพระนิพพานไม่เกินศาสนาของพระศรีอาริยเมตไตรยไม่ทราบว่าการตั้งทิฏฐิเช่นนี้เป็นมิจฉาทิฏฐิหรือไม่ครับ
ขอบคุณครับ
คำตอบ
การตั้งความหวังหรืออธิษฐานได้ว่า ชาตินี้คงไม่บรรลุพระนิพพาน เป็นการตั้งโปรแกรมจิตที่ผิดเป็นมิจฉาทิฏฐิ เพราะเป็นการตั้งความหวังที่เป็นเหตุให้เกิดการบั่นทอนการทำงานของจิตให้พัฒนาได้ไม่เต็มที่ และการตั้งความหวังไว้ว่า จะสำเร็จพระนิพพานไม่เกินศาสนาของพระศรีอาริยเมตไตรย์ ก็เป็นการตั้งความหวังไว้ผิดอีกนั่นแหละ เพราะคุณมั่นใจได้อย่างไรว่า กำลังของบุญและบารมีที่คุณทำสั่งสมในแต่ละภพชาติที่เกิดนั้น จากนี้ต่อไปจนถึงศาสนาของพระศรีอาริยเมตไตรย์จะถึงพร้อมให้เป็นเหตุปัจจัยให้จิตมีศักยภาพมากพอจะที่กำจัดกิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์ทั้ง 10 อย่าง (สังโยชน์10) ให้หมดไปจากใจของคุณได้
ลองดูประวัติของพระอัญญาโกณทัญญะ หรือพระอานนท์ที่เป็นพุทธอุปฏฐากของพระสมณโคดมพุทธเจ้า ได้ตั้งปรารถนาไว้แต่ครั้งที่เกิดมาพบพระปทุมุตตระพุทธเจ้า กว่าจะสำเร็จเป็นพระอรหันต์และมีเอตะทัคคะในทางหนึ่งได้ ต้องใช้เวลาพัฒนาจิตวิญาณยาวนานถึง 100,000 กัป ผ่านศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์ต่าง ๆ 15 พระองค์ จึงจะบรรลุความหวังที่ตั้งไว้
|
228.
ขออนุญาตค่ะ
กราบเรียนอาจารย์สนองที่เคารพเป็นอย่างสูง
หนูได้มีโอกาสฟังเทปทางสายเอกของอาจารย์เมื่อ๒ปีที่ผ่านมา หลังจากที่ได้ไปปฏิบัติกรรมฐาน ณ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี พอดีมีคุณพี่มาจากอุดรธานีมารู้จักกันที่วัดเค้าส่งเทปมาให้ หนูรู้สึกซาบซึ้งถึงเรื่องที่อาจารย์ได้เล่าให้ฟังแต่ในขณะนั้นหนูมีแค่เพียงเทป ม้วน ๑ และก็ไม่ทราบชื่อของอาจารย์ แต่ก็ได้อธิษฐานจิตเรื่อยมาว่าขอให้หนูได้พบเทปม้วนที่ ๒ แล้วก็ทราบถึงว่าใครเป็นผู้บรรยาย หลังจากนั้น๒ปีผ่านมาก็มาได้เจอเวปไซด์ของชมรมกัลยาณธรรม และได้พบทางสายเอกตอนที่ ๒ หนูก็ได้ฟังบทบรรยายเรื่องอืน ๆของอาจารย์ทุกวันคะ บางทีก็ฟังซ้ำไปมา มากกว่า ๒ เทียวได้ ฟังทีไรหนูก็ได้ความรู้ใหม่ทุกครั้ง เพราะหนูอยู่ที่ประเทศอังกฤษและมีธุรกิจที่ทำอยู่ที่บ้าน ทำงานไปก็ฟังไป เพราะไม่ชอบฟังเพลงต่างประเทศที่มีแต่สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์กับเรา
หนูได้ฟังธรรมบรรยายหลายเรื่องก็บางเรื่องพอฟังแล้วก็นึกถึงคุณพ่อคุณแม่ที่เมืองไทย อยากให้ท่านได้ฟังบ้าง
เพราะคุณพ่อกับแม่หนูท่านได้มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาแต่ว่าคุณพ่อกับคุณแม่ของหนูท่านใช้คอมพิวเตอร์ไม่ค่อยเป็น หนูจึงเรียนขออนุญาตอาจารย์ ก็อปปี้บทความของอาจารย์ใส่แผ่นซีดี แล้วส่งกลับไปให้ท่านฟัง เพราะเปิดกับเครื่องซีดีง่ายกว่าการเปิดคอมพิวเตอร์สำหรับท่านทั้งสอง และกราบเรียนขออนุญาตอาจารย์ก็อบปี้บทความของอาจารย์แจกจ่ายให้กับคนไทยในอังกฤษได้รับฟัง เพราะที่นี่ยังขาดสื่อธรรมภาษาไทย ซึ่งหนูคิดว่าจะก็อปปี้ใส่แผ่นซีดี และเอาไปไว้ที่ตามวัดไทยที่หนูได้ไปทำบุญอยู่เป็นประจำ และจะพยายามแจกจ่ายตามวัดอื่น ๆ ซึ่งจะได้ช่วยทางชมรมเผยแพร่พระพุทธศาสนาในอังกฤษ และหนูจะลองติดต่อโรงพิมพ์ที่นี่ที่บริษัทของหนูใช้บริการอยู่ว่าสามารถพิมพ์ภาษาไทยได้หรือไม่ ถ้าได้หนูกราบขออนุญาตอาจารย์พิมพ์หนังสือทางสายเอกทั้งภาคภาษาไทยและอังกฤษแจกจ่ายแก่คนไทยที่นี่คะ นับว่าเป็นโชคดีของหนูที่ได้ฟังและอ่านหนังสือของอาจารย์คะ ถึงแม้จะไม่เคยพบอาจารย์ แต่หนูก็มีความหวังลึก ๆ ว่าวันหนึ่งหนูอยากจะเชิญอาจารย์มาบรรยายธรรมให้กับชาวไทยและชาวต่างประเทศที่นี่ได้เข้าใจถึงพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นความรู้ที่ยิ่งใหญ่ และจะทำให้ชาวต่างชาติได้เห็นถึงความเป็นเหตุและผลของพุทธศาสนา และสามารถนำไปเป็นประทีปแห่งการใช้ชีวิตในโลกของวัตถุนิยมในปัจจุบัน
กราบขอบพระคุณในความเมตตาของอาจารย์มากค่ะ
สุธีรา ฤทธีราวี (จาคอป)
คำตอบ
พระพุทธะได้เคยตรัสไว้นานกว่าสองพันปีแล้วว่าการฟังธรรม ผู้ฟังจะได้ยินได้ฟังสิ่งที่ไม่เคยได้ยินได้ฟัง เมื่อฟังซ้ำบ่อย ๆ จะทำให้ความรู้ในเรื่องนั้น ๆ แตกฉานยิ่งขึ้น คุณก็ได้ยืนยันสัจธรรมที่คุณเข้าถึงด้วยตัวเองแล้ว บางคนบอกว่าได้ฟังการบรรยายเรื่อง ทางสายเอก ซ้ำมากกว่า ๑๐ ครั้ง แต่ละครั้งที่ฟังจะได้แง่คิดและได้ความรู้ใหม่ ๆ เกิดขึ้น ทำไมคุณไม่ลองพิสูจน์ดูล่ะ ว่าเขาพูดจริงหรือไม่
การทำธุรกิจอยู่ที่บ้านในประเทศอังกฤษ ขณะทำงานก็ฟังธรรมบรรยายควบคู่กันไป นับว่าเป็นเรื่องดีที่ได้ทั้งงานและได้ทั้งความรู้ทางโลกเขาเห็นเป็นอย่างนั้น แต่ในทางธรรมเขาเห็นว่า ถ้าจะให้ดีที่สุดควรฟังธรรมบรรยายในขณะที่ว่างจากภารกิจการงานและขณะฟังต้องใช้ใจพิจารณาข้อธรรมะด้วยความแยบคาย (โยนิโสมนสิการ) หากมีบุญบารมีที่สั่งสมมาแต่ปางก่อนถึงพร้อม คุณอาจเป็นผู้หนึ่งที่มีดวงตาเห็นธรรมก็ได้นะ
เรื่องขออนุญาตก๊อปปี้คำบรรยายลงแผ่นซีดี แล้วส่งให้พ่อแม่ที่อยู่เมืองไทยได้ฟัง หรือนำไปไว้ที่วัดไทยในประเทศอังกฤษ อนุญาตตามที่ขอ แต่การจะถอดคำบรรยายแล้วจัดพิมพ์เป็นรูปเล่มภาษาไทยนั้นไม่อนุญาต ด้วยมีเหตุผลอยู่สองประเภทคือ ชมรมกัลยาณธรรมได้จัดพิมพ์คำบรรยายเป็นรูปเล่มแล้วหลายเรื่อง และประการที่สอง คำบรรยายที่นำไปจัดพิมพ์นั้นได้รับการตรวจสอบความถูกต้องจากผู้บรรยายเล้วจึงจะพิมพ์ได้
หากคุณประสงค์จะมีคำบรรยายเป็นรูปเล่มภาษาไทยไว้เพื่อเผยแพร่ในต่างแดน ทำไมไม่ลองคุยกับทางชมรมกัลยาณธรรมดูล่ะ อาจเป็นไปได้ง่ายกว่าที่คุณคิด
|
227.
เรียน ท่านอ.ดร.สนอง วรอุไร
1. การที่เราใช้ internet ของบริษัท เข้าใน web ธรรมะ ผิดศีลหรือไม่ค่ะ
คำตอบ
ถ้าเจ้าของบริษัทเขาอนุญาตให้นำอินเตอร์เน็ตไปใช้ในธุรกิจอื่น ที่ไม่ใช่งานในธุรกิจของบริษัทได้ ก็ไม่ผิดศีล
2. การไปดาวน์โหลด file ต่างๆ ที่แจกเป็นธรรมทาน เช่น file หนังสือธรรมะ หรือ file เสียงต่างๆ ใน Web แล้วทำการสำเนาแผ่นเพื่อไปแจกเป็นธรรมทาน ผิดศีลหรือไม่คะ และต้องทำอย่างไรจึงจะไม่ผิดศีล
ขอบคุณค่ะ
เต็มสิริ คำตอบ
ถ้าเจ้าของ file หรือเจ้าของหนังสือไม่ได้ระบุว่าอนุญาตให้ก็อปปี้แจกเป็นธรรมทานได้ แล้วคุณทำโดยพละการถือว่าผิดศีลหากขออนุญาตแล้วเขาเห็นชอบให้คุณทำได้ก็ไม่ผิดศีล |
226.
อ.สนองที่เคารพ
ดิฉันมีเรื่องร้อนใจอยากเรียนถามอาจารย์ค่ะ เดิมดิฉันเคยทำงานอยู่ร.พ.ศิริราช เมื่อ9ปีที่แล้วมีคนรู้จักกันเขาเดือดร้อนมากเพราะแฟนของเค้าตั้งท้องโดยไม่ตั้งใจ เค้าก็เลยโทรมาถามดิฉันว่ามีที่ไหนที่ทำแท้งราคาถูกบ้าง ด้วยตอนนั้นดิฉันก็ท้องอยู่และเข้าใจถึงความไม่พร้อมมันเป็นอย่างไร เพราะตัวเองก็เผชิญเหตุการณ์แบบเดียวกันแต่ด้วยกลัวบาปก็เลยไม่ไปทำยอมที่จะลำบากในวันข้างหน้า ตอนนั้นคิดอย่างนี้แต่ไม่ทราบเพราะอะไรทำไมเราถึงแนะนำให้เขาไปทำกับของทางราชการ แต่ดิฉันก็ย้ำกับเขาว่าต้องไปทำบุญให้เขาด้วยนะ
ผ่านมาตลอดเวลา9ปีที่ผ่านมาชอบมีคนมาทักว่าดิฉันต้องเคยทำแท้งมาแล้วแน่ๆ แต่ดิฉันก็จะเถียงเสมอว่าไม่เคยจนกระทั่งครอบครัวดิฉันมีปัญหาสามีมีเมียน้อยแล้วพระก็ทักดิฉันเหมือนคนอื่นๆ พอนึกได้พระท่านบอกว่าเด็กเค้าตามเราอยู่นะเค้าโกรธเราที่แนะนำ โดยเรามีกรรมร่วมกับพ่อแม่เด็กใช่ไหมคะ แล้วดิฉันจะทำอย่างไรให้เขาอโหสิกรรมให้เร็วนะคะอยากทราบวิธีทำบุญให้เขา ทุกวันนี้ใส่บาตรทุกวันก็เอ่ยถึงเขาแล้วผลกรรมที่ดิฉันเจอคือครอบครัวแตกแยกถือว่าใช้กรรมแล้วหรือเปล่าคะ แล้วเจตนาของเราตอนนั้นถ้าดิฉันจำไม่ผิดคือกลัวว่าถ้าพ่อแม่เขาไม่พร้อมเหมือนเราเขาก็จะมีปัญหาเหมือนกับเราที่เจออยู่ไม่อยากให้เด็กเกิดมาลำบากเจตนาเราดีแต่ขาดการกลั่นกรองถือว่าบาปมากมั๊ยคะ
รบกวนอาจารย์ช่วยตอบด้วยคะ
คำตอบ
เป็นเจตนาดีของผู้ให้คำแนะนำ แต่คำแนะนำเป็นต้นเหตุแห่งการเบียดเบียนชีวิตอื่นให้เดือดร้อน ถือได้ว่าผู้ให้คำแนะนำมีส่วนร่วมในการทำปาณาติบาตด้วย ถามว่าบาปมากไหม ต้องตอบว่าขึ้นอยู่กับความรุนแรงในการจองเวร และขึ้นอยู่กับคุณธรรมของผู้ถูกเบียดเบียนว่ามีมากน้อยแค่ไหน เขาจองเวรด้วยการทำให้ครอบครัวของคุณต้องแตกแยก นั่นเป็นผลจากอกุศลกรรม ที่คุณผูกไว้กับเด็ก การทำบุญด้วยการใส่บาตรทุกวัน แล้วอุทิศบุญกุศลให้กับเด็กที่ถูกเบียดเบียนนั้น สามารถทำได้แต่ปัญหามีอยู่ว่า อานิสงส์จากการใส่บาตรเกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน ถ้าผู้รับทานเป็นผู้ไม่ทรงศีลก็ได้บุญน้อย เด็กจะรับบุญกุศลที่คุณอุทิศให้หรือไม่ ถ้าหากว่าเขายอมรับ หนี้เวรกรรมกว่าจะใช้หมดสิ้นคงยาวนาน ขอแนะนำให้คุณทำบุญใหญ่ ด้วยการนำตัวเองเข้าปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานช่วงยาวปฏิบัติบ่อย ๆ แล้วขอความเมตตาจากผู้ร่วมปฏิบัติธรรม ช่วยกันใช้หนี้เวรกรรมแทนคุณ ด้วยการร่วมกันอุทิศบุญกุศลให้กับเจ้าหนี้ของคุณ โอกาสที่หนี้เวรกรรมจะหมดไปโดยเร็วมีความเป็นไปได้ และดีกว่าการใส่บาตรเป็นไหน ๆ
|
225.
เรียนสอบถามปัญหาธรรมค่ะ
ก่อนอื่นต้องขอขมาอาจารย์ถ้าทำให้อาจารย์ต้องเดือดร้อนในการใช้สายตาเพ่งอ่านข้อความของดิฉันค่ะ
ดิฉันเป็นนักศึกษาระดับอุดมศึกษา ขณะนี้มาศึกษาต่อที่ต่างประเทศ ด้วยแรงบุญจึงบังเอิญได้พบ website กัลยาณธรรมนี้ และได้ฟังธรรมบรรยายของอาจารย์ รวมทั้งอ่านประวัติของพระอาจารย์ต่างๆ จึงเกิดความเลื่อมใส
โดยเฉพาะเรื่องสัจจวาจา ทำให้ดิฉันตั้งใจจะปฏิบัติธรรมเท่าที่ความรู้ความสามารถจะทำได้ค่ะ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ดิฉันมีเรื่องร้อนใจอยากปรึกษาค่ะ เรื่องคือว่า มีงานเลี้ยงงานหนึ่งที่ดิฉันไม่ได้ไปร่วมด้วย
และปรากฎว่า roommate ของฉันและเพื่อนคนไทยที่มาจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดดิฉันให้ความไว้ใจเป็นเพื่อนสนิท รุมกันนินทาดิฉัน เป็นเรื่องที่ล้อเลียนดิฉัน และพูดให้คนที่ไม่รู้จักเข้าใจดิฉันไปผิดๆ และมีคนมาเล่าให้ดิฉันฟังเพื่อให้ขำ แต่ดิฉันขำไม่ออก คือดิฉันเป็นคนที่มีบุคลิกตลกแต่ก็คิดว่าไม่ได้ไปทำให้ใครเดือดร้อน
อยากเรียนถามท่านอาจารย์ว่า ทำอย่างไรจึงจะให้อภัยคนที่นินทาเราได้คะ เราต้องพยายามคิดอย่างไรให้ตัดได้
ดิฉันรู้ดิว่าไม่ควรจะให้ความใส่ใจ เรื่องนี้ต้องวางเฉย ไม่ควรไปต่อความกับคนที่นินทาเรา แต่เรื่องนี้ทำให้คนรอบข้างมองดิฉันด้วยสายตาแปลกไป และดิฉันกลัวว่าทุกคนจะเข้าใจอย่างนี้ตลอดไปโดยดิฉันไม่มีโอกาสได้ชี้แจงและเป็นภาพลักษณ์ติดตัวไปตลอดค่ะ และถ้าไม่ทำอะไร คนกลุ่มนี้ก็จะทำอย่างนี้ซ้ำๆ ต่อไปอีกค่ะ
ดิฉันพยายามคิดว่าเป็นกรรมเก่าของดิฉันเคยทำเอาไว้ จึงต้องโดนติฉินนินทาให้ทุกข์ใจ แต่ใจมันไม่ยอมรับฟัง ไม่สามารถให้อภัยอย่างเด็ดขาด ขอข้อธรรมมะสอนใจของท่านอาจารย์เพื่อช่วยให้มีสติ และเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตและแก้ปัญหาต่อไปด้วยค่ะ
กราบขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
คำตอบ
คำว่าบังเอิญ เกิดขึ้นได้กับคนไม่รู้จริง แต่ผู้รู้จริงเช่นพระพุทธะหรือพระอริยบุคคลในพุทธศาสนาไม่มีคำว่าบังเอิญ ทุกปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมีเหตุผลกำกับทั้งสิ้น
คุณเป็นหนึ่งในผู้โชคดีที่มีโอกาสชมเว็บไซด์กัลยาณธรรมแล้วเกิดศรัทธาปสาทะ หากเป็นศรัทธาที่มีเหตุผลสนับสนุนจะเป็นศรัทธาที่ยั่งยืน และทำให้ชีวิตที่เจริญรุ่งเรืองฝ่ายเดียว คุณถูกเพื่อนนินทาและล้อเลียน ที่คุณทำสิ่งที่เพี้ยนไปจากเขาเหล่านั้น คุณก็ไม่ต่างไปจากผู้ตอบปัญหาที่ประสบการณ์เช่นนี้ได้เคยผ่านเข้ามาในชีวิต แต่ในที่สุดคำนินทาที่ตั้งตระหง่านปรากฏอยู่ในเว็บไซด์กัลยาณธรรม ให้ผู้ใฝ่ความเจริญของชีวิต ได้เอาเป็นแบบอย่างไงล่ะ
ใครเอ่ยพูดไว้ อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนเอาผิดมากรีดหิน แม้แต่องค์พระปฏิมายังราคิน คนเดินดินหรือจะพ้นคนนินทา |
224.
เรียนถาม อาจารย์สนอง ที่เคารพยิ่ง
ถ้าภายในบ้านที่เราอาศัยอยู่มีวิญญาณเด็ก ๆ มาอาศัยอยู่ โดยที่เราเคยฝันเห็นเด็กมาวิ่งเล่น รอบ ๆ เตียง หรือคนงานเคยมานอนเฝ้าบ้านใด้เคยฝันว่ามาหยอกล้อ หรือคนทำความสะอาดบ้านมาถามว่ามีเด็ก ๆ มาวิ่งเล่นอยู่ในห้องว่างที่ไม่มีคนนอน โดยมีรอยเท้าเด็กเล็ก ๆ อยู่เต็มห้องที่ว่าง อยากถามความเห็นอาจารย์ว่าควรทำบุญด้วยวิธีใดที่ให้วิญญาณเด็ก ๆ เหล่านี้ไปเกิดใหม่หรือไม่อยู่ในบ้านอีกต่อไป โดยทั้งสองฝ่ายมีความสุขไม่มีเวรกรรมต่อกัน
ไม่ทราบว่าจะเกี่ยวกันหรือเปล่านะคะคือว่าเมื่อประมาณ7-8 ปีที่แล้ว เคยคิดอยากมีบุตรเพิ่มขึ้นเมื่อไปไหว้พระวัด
ไหน ๆ ก็ขอให้มีบุตรชายมาเกิดด้วย แต่เมื่อเศรษกิจไม่ดีก็เลยคิดว่าไม่มีดีกว่า และไม่ได้คิดอะไรอีกเลย จะเป็นเพราะเหตุนี้ด้วยหรือเปล่าค่ะ อยากขอความเห็นจากอาจารย์ด้วยค่ะ และขอขอบพระคุณอย่างสูงมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ด้วยความเคารพอย่างสูง
คำตอบ
คำว่าวิญญาณมีความหมายเป็น 2 ข้อ คือหมายถึง ความรู้แจ้งอารมณ์ เช่นการเห็นรูป เป็นความรู้อารมณ์ทางตา การได้กลิ่น เป็นความรู้แจ้งอารมณ์ของจมูก ฯลฯ และคำว่าวิญญาณในอีกนัยหนึ่งหมายถึงจิตหรือใจที่สถิตอยู่ในร่างกายของสัตว์มีชีวิต
ที่บอกไปว่ามีวิญญาณเด็ก ๆ มาอาศัยอยู่ที่บ้าน แท้จริงแล้วจิตอยู่โดดเดี่ยวไม่ได้ต้องมีรูป (ร่างกาย) เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งมีทั้งรูปหยาบที่ระบบประสาทสัมผัสได้ กับรูปละเอียดที่ระบบประสาทสัมผัสไม่ได้ ยกเว้นรูปนามละเอียดของสัตว์กายทิพย์บางตัวบางตนมีฤทธิ์สามารถเนรมิต เป็นรูปนามหยาบให้ประสาทสัมผัสได้ เช่นกรณีของแม่นาคพระโขนง ที่ปรากฏเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์เมื่อปีที่แล้ว
ที่ถามว่าควรทำบุญด้วยวิธีใด เพื่อให้เด็กที่เห็นได้ไปเกิดใหม่ ให้ดูเรื่องบุญกิริยาวัตถุ 10 แล้วทำตาม หลังจากนั้นอุทิศบุญกุศลให้รูปนามที่เห็น เมื่อเหตุปัจจัยถึงพร้อม เขาสามารถไปเกิดเป็นรูปนามใหม่มีที่อยู่ที่เหมาะสมกับรูปนามใหม่ได้ เช่นไปเกิดเป็นเทวดาก็มีสวรรค์เป็นที่อยู่ของเทวดา
ที่ถามไปว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการอธิษฐานอยากมีบุตรเพิ่ม หลังจากไปไหว้พระตามวัดต่าง ๆ ใช่หรือไม่ ขอตอบว่าอาจจะใช่ ลองศึกษาเรื่องของนางวิสาขาในครั้งพุทธกาล จะเห็นว่ามีเทวดาจำนวนมากได้สมัครมาเกิดเป็นลูกหลานบริวาร รวมแล้วถึง 400คน |
223.
อ.สนองคะ
สามีหนูแอบไปมีหญิงอื่นเปลี่ยนไปมาก หนูไปหาพระมาท่านบอกว่าเขาโดนผู้หญิงทำของเป็นของเขมรแก้ยากบอกให้หนูคิดว่าเป็นกรรมของเขาที่ทำกันมาแต่ชาติปางก่อน ตอนแรกพยามจะช่วยเขาแต่ไม่ทราบเพราะกรรมหรือเปล่ารู้กันมาตั้งหลายเดือนแล้วแต่ไม่สามรถช่วยอะไรได้ อยากถามอ.สนองว่าถ้าเขาโดนของจริงแล้วเขาไปมีคนอื่นจะผิดศิลข้อ3มั๊ย แล้วเราควรให้อภัยเขามั๊ยเพราะเวลาเขาเปลี่ยนไปเขาไม่เอาลูกเลยแถมทำตัวน่าเกลียดมากยากที่จะทำใจให้อภัยได้
รบกวนอ.สนองช่วยตอบค่ะ
คำตอบ
ผิดศีลข้อ 3 ครับ ถ้าคุณเชื่อปัญญาของพระพุทธะ ว่าปรากฏการณ์ใด ๆ ที่เกิดขึ้น มิได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ ทุกปรากฏการณ์ล้วนมีเหตุที่ทำให้เกิดทั้งสิ้น พร้อมกับความเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม แล้วปรารถนาพ้นไปจากทุกข์ดังกล่าวคุณต้องให้อภัยเป็นทาน อย่าไปยกเวรหรือสร้างกรรมใหม่ที่ไม่ดีต่อกันอีกมิฉะนั้นหนี้เวรกรรมจะผูกกันไม่รู้จบ คุณเชื่อไหมว่าในชีวิตของคนเรายังมีสิ่งดี ๆ อีกมากที่สามารถทำให้กับชีวิตของตัวเองได้ ลองดูเรื่องของนางกีสาโคตรมีดูสิ เขามีความทุกข์มากกว่าคุณด้วยเรื่องในทำนองนี้ แต่ในที่สุดได้สติ แล้วทำสิ่งดี ๆ ให้กับชีวิตของนางเอง จนสามารถผลักดันชีวิตไปสู่ความรุ่งเรือง บรรลุความเป็นอริยบุคคลได้ยังไงล่ะ |
222.
อ.สนองที่เคารพ
ดิฉันมีคำถามอยากถามอาจารย์คะ
หากมีคนที่มีบุญคุณกับเรามากๆโดยไม่มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือดเลย หากเขาช่วยเหลือเราด้วยความเต็มใจแต่เรายังไม่มีโอกาศได้ตอบแทนเขาหรือไม่ก็บุญคุณเยอะมากชาตินี้ยังตอบแทนไม่หมด แล้วชาติหน้าเราจะต้องติดหนี้บุญคุณข้ามชาติหรือไม่ แล้วจะต้องตามไปเป็นคนรับใช้เขาในชาติหน้าหรือเปล่าแล้วดิฉันควรทำอย่างไรดีถ้าชาตินี่ยังตอบแทนเขาไม่หมด เพราะเขาช่วยเหลือเงินเราเยอะมากแต่เราก็มีศักดิ์เป็นหลานสะใภ้เขานะคะ
กรุณาตอบด้วยค่ะ
คำตอบ
การให้ทรัพย์เทียบได้กับการให้วัตถุทาน ผู้ให้ได้บุญแต่ยังเทียบไม่ได้กับการให้ธรรมทานคือให้ปัญญาเห็นถูกเป็นทานได้บุญมากที่สุดการที่บุคคลรู้อุปการะที่คนอื่นทำให้ เรียกว่าความกตัญญู เมื่อรู้แล้วจึงตอบแทนท่านผู้มีอุปการะ ด้วยการทำความดีให้ทาน เรียกว่ากตเวที ฉะนั้นบุคคลผู้มีความกตัญญูกตเวทีจึงเป็นผู้มีความงอกงามในชีวิตและการงาน
หากคุณประสงค์จงทำความดีตอบแทนท่านนั้น ต้องประพฤติจริยธรรมให้เหมือนกับบุตรธิดาประพฤติจริยธรรมต่อผู้มีอุปการะ คือ เลี้ยงดูท่านตอบแทน ช่วยทำกิจการงานให้ท่าน ทำตัวเองให้เป็นผลว่าง่าย ไม่ทำความเสื่อมเสียให้ท่านไม่สบายใจพาท่านเข้าวัดทำบุญในโอกาสอันควร ยามท่านป่วยไข้พาไปหาหมอรักษา ฯลฯ นี่คือกตเวทีที่คุณสามารถทำได้ และหากคุณทำให้ท่านศรัทธาปฏิบัติจิตภาวนาจนท่านได้ดวงตาเห็นธรรม นับว่าสุดยอดของความกตัญญูกตเวที เชียวแหละ |
221.
สวัสดีครับอาจารย์สนอง
ผมมักจะไปทำสังฆทานวัดใกล้บ้านวัดหนึ่ง
มักจะเจอหลวงพี่องค์เดิมมารับเป็นประจำและของที่ผมมักนำมาถวายบางทีเป็นของเล็กๆน้อยๆเช่นน้ำผลไม้กล่อง
ทำให้เกรงใจหลวงพี่ที่จะต้องทำพิธีมีสวดเป็นต้น แต่ใจหนึ่งก็อยากได้บุญอยู่
อยากทราบว่าถ้าไม่ได้กล่าวคำถวายสังฆทาน หรือมีพิธีสวด
จะได้บุญเหมือนกับกล่าวคำถวายสังฆทาน สมาทานศีล5 มีพิธีสวดหรือเปล่าครับ
ขอบคุณครับ ขออนุโมทนาบุญที่อาจารย์สนองได้ทำมาครับ
ขอบคุณครับ
คำตอบ
นำน้ำผลไม้กล่องไปถวายพระเป็นสังฆทาน ผู้ทำได้บุญเพราะการให้ทานเป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ 10 อย่าคิดว่าเป็นการให้ทานเพียงเล็กน้อยคงได้บุญน้อยลองศึกษาเรื่องของหญิงชรายากจน ที่มีเพียงน้ำดองผักถวายเป็นทานแค่พระมหากัสสปะยังได้รับอานิสงส์มาก เมื่อตายแล้วยังได้ไปเกิดเป็นเทพนารีอยู่ในสวรรค์ชั้นสูงสุดได้ขอเพียงแต่ว่าก่อนให้ต้องเกิดศรัทธา ขณะได้ตั้งใจให้แล้วสบายใจ เป็นใช้ได้และยิ่งให้ทานกับหมู่สงฆ์ (สังฆทาน) ยิ่งได้อานิสงส์มากยิ่งขึ้น การรับเอาศีล 5 ไปปฏิบัติ (สมาทาน) เป็นวิธีทำให้จิตสะอาด การกล่าวคำถวายเป็นวจีกรรมการยกของถวายเป็นกายกรรม ฉะนั้นเมื่อกาย วาจา ใจ มีความพร้อมถือว่าเป็นการตั้งใจถวายทาน ควรรักษาปฏิปทาในการให้ทานอย่างนี่ให้ได้ทุกข์ครั้ง
|
220.
เรียนถาม อ.สนอง ที่เคารพยิ่ง
ดิฉันเป็นสะใภ้คนจีน แม่สามีไม่ชอบคนไทยอยู่กันมา9ปีระหว่างที่อยู่ที่บ้านนี้ก็มีปัญหามาตลอด9ปี แม่สามีเป็นคนเห็นแก่ฝ่ายตนเองอย่างเดียวมองดิฉันเป็นคนนอกตลอด ไม่เคยจุนเจือเลยในยามเรา2คนสามีภรรยาไม่มีเงินตอนสามีตกงาน ยังดีที่พ่อสามีแอบช่วยบ้างแต่ก็โดนว่า แต่ก่อนตอนมีปัญหากับแม่สามี สามีจะทำตัวเป็นกลางตลอด ดิฉันสวดมนต์ทุกวัน ชอบอ่านธรรมมะแล้วเอามาเล่าให้แม่สามีฟัง ชวนแม่สามีไปทำบุญที่วัด(ปกติเค้าไม่เคยไปแต่เห็นเราชวนไปแล้วไม่ต้องใช้จ่ายอะไรเลยยอมไป) ดิฉันตั้งใจไว้ว่าหากแม่สามีมีธรรมมะมากๆจะดีทั้งกับเขาและเราด้วยแต่ไม่นานมานี้สามีดิฉันแอบไปมีผู้หญิงอื่น ดิฉันจับได้และเสียใจมากแทบจะบ้าตายดิฉันมีลูกชาย1คนอายุ8ปี เสียใจเรื่องสามีไม่พอกลับเจอสามีและครอบครัวเขาทุกคนไล่ฉันออกจากบ้านทั้งที่รู้ว่าเราไม่มีที่ไป ทุกวันนี้ฉันต้องอดทนเพื่อลูกพยายามมองว่าเราอาจทำกับเขามาก่อนชาติที่แล้วจึงมาใช้กรรมกันในชาตินี้ แต่ดิฉันไม่อยากเจอกับพวกเขาอีกแล้วติดที่ดิฉันชวน สามี แม่ พ่อ น้องสาว เขาทำบุญบ่อยๆอย่างนี้ก็หนีกันไม่พ้นแล้วใช่ไหมคะ เรียนอ.สนองช่วยตอบ แล้วสามีทำเราเสียใจมากถ้าวันหนึ่งเขากลับมาแล้วเราไม่เอาแล้ว เราจะกลายเป็นคนใจแคบไหมเพราะทุกวันนี้มองเขาอย่างสงสาร สงสารที่เขาหลงผิดไปกับกามตันหา
คำตอบ
นี่แหละโลก ถ้าฉลาดก็อยู่เป็นสุข ถ้าไม่ฉลาดก็อยู่เป็นทุกข์คุณอยากพิสูจน์ไหมล่ะว่า ที่พึ่งที่ดีที่สุดคือการพึ่งธรรม หากคิดพึ่งสิ่งที่เป็นสมมุติ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ นี่แหละเขาเรียกว่าทุกข์พึ่งแล้วผิดหวังแน่นอนพึ่งพ่อ พึ่งแม่ พึ่งสามี ฯลฯ พึ่งได้ชั่วคราว ทำไมคุณไม่แสวงหาที่พึ่งอันประเสริฐที่พึ่งที่ดีที่สุด คือพึ่งธรรม แม้แต่พระพุทธะยังต้องพึ่งธรรมเลย พระพุทธะทำให้ดูเป็นตัวอย่างแล้วไง สละจักรพรรดิสมบัติ สละสิ่งที่เป็นสมมติทั้งหมดแล้วแสวงหาธรรมมาคุ้มครองใจ กินอยู่หลับนอนโดยมีธรรมะเป็นเพื่อนไม่ผิดหวัง ไม่ต้องทุกข์ใจ ไม่ต้องเสียใจ ไม่ต้องเปลืองใจ ให้เสียเวลาแห่งชีวิตไปโดยเปล่าประโยชน์ ผู้ตอบปัญหาก็ดำเนินชีวิตตามทางที่พระพุทธะชี้นำนี่แหละไม่คิดจะพึ่งใครอื่นใดให้ผิดหวัง คิดพึ่งตัวเอง เอาธรรมะมาบรรจุไว้ในใจจะอยู่ที่ไหน จะทำอะไร จะปฏิสัมพันธ์กับใคร สบายใจ สุขแท้จริงหนอ อยากเป็นได้อย่างนี้ไหมล่ะ ฉลาดขึ้นสิ ช่วยตัวเองเอาธรรมะเข้าไว้ในใจแล้วคุณจะสบายใจ สุขใจ จริงแท้แน่นอน นะจะบอกให้ |
219.
กราบเรียน ดร.สนอง
หนูมีปัญหาอยากเรียนถามค่ะ แฟนหนูชอบดื่มเหล้าและสังสรรค์กับเพื่อนเสมอๆ(เกือบทุกวัน) หนูก็คอยเตือนแล้วแต่เค้าบอกว่ามันคือสังคม หนูอยากให้แฟนหนูกลับมาเป็นคนเดิม แต่ก่อนเค้าจะกินเท่าที่จำเป็นนานๆ ที สวดมนต์นั่งสมาธิทุกวัน แต่ปัจจุบันเค้าไม่ทำ ตั้งแต่เค้าไปทำงานที่ต่างจังหวัดเค้าก็เปลี่ยนไปตามสังคม หนูควรจะใช้หลักธรรมข้อไหนในการเตือนค่ะ หรือจะมีวิธีแก้ไขยังไงค่ะ
คำตอบ
การละเมิดศีลข้อ 5 เป็นการประพฤติล่วงอกุศลกรรมบถ ซึ่งเป็นการสร้างเหตุนำชีวิตไปสู่ทุคติภูมิ เขาเลือกทางเดินชีวิตของเขาอย่างนั้นไม่มีใครช่วยเขาได้ถ้าเขาไม่คิดช่วยตัวเอง ในฐานะที่คุณเลือกเขามาเป็นคู่ชีวิตด้วยตัวคุณเอง คุณต้องยอมรับความจริงและอยู่กับความจริง เอาความผิดพลาดมาเป็นบทเรียน แล้วปรับปรุงแก้ไขชีวิตตัวเองให้ดีขึ้น ด้วยการทำตัวเองให้เป็นผู้มีศีลมีธรรมคุ้มครองใจ แล้วคุณจะอยู่เป็นสุขและปลอดภัยคิดให้ถูกว่า ต่างคนต่างโคจรมาพบกันและอีกไม่นานต่างคนก็จะต้องจากกันไป เขาไปตามที่เขาชอบคุณก็ไปตามที่คุณชอบ ถ้าชอบคนละอย่างก็ไปกันคนละที่ ชีวิตเป็นอย่างนั้น จะไปยึดมั่นถือมั่นให้ทุกข์ใจไปทำไม.....ไม่ฉลาดเลย |
218.
กราบเรียนอาจารย์สนองที่เคารพยิ่ง
ดิฉันได้อ่านบทความหนี่งชื่อ ทางไปเกิดเป็นสัตว์
บอกกล่าวถึงอกุศลกรรมต่างๆที่ทำแล้วเป็นเหตุให้ไปเกิดเป็น มด แมลง ต่างๆ
ดิฉันขอเรียนถามว่า คนจะไปเกิดเป็น มด แมลงต่างๆ ได้จริงหรือคะ
ด้วยความเคารพอย่างสูง
คำตอบ
มนุษย์มีศักยภาพที่จะผลักดันชีวิตของตัวเองให้ไปเกิดเป็นสัตว์ในภพภูมิใดก็ได้ นับแต่อบายภูมิต่ำสุด จนถึงสุคติภูมิสูงสุดได้ รวมทั้งสามารถพัฒนาจิตวิญญาณจนไม่ต้องไปเวียนตาย-เกิดอีก (เข้านิพพาน)ได้
ที่ถามไปว่า คนสามารถไปเกิดเป็นมดหรือแมลงต่าง ๆ ได้จริงหรือขอตอบว่า ทำได้จริงด้วยการสร้างเหตุให้ตรง คือต้องประพฤติบ่อย ๆ ในอกุศลกรรมบถ คือกรรมชั่วอันเป็นทางนำไปสู่ทุคติ (ดูอกุศลกรรมบถ ๑๐) และก่อนตาย จิตเกิดคตินิมิตอารมณ์เห็นเป็นมดกำลังเดินแถว เห็นแมลงออกมาเล่นไฟเล่นแสงสว่าง ฯลฯ ปรากฏขึ้นในมโนทวารแล้วจิตยึดหน่วงอารมณ์นั้นไว้ พร้อมกับจิตออกจากร่างทันที ก็จะตรงดิ่งสู่การเกิดเป็นมด เป็นแมลงได้แน่นอน อย่าไปเกิดเป็นแมลงเลยไม่ดีหรอก หากไปเกิดเป็นแมงมันจะถูกมนุษย์จับไปคั่วกระทะร้อนกินเป็นอาหาร เกิดเป็นแมลงแล้วจะพัฒนาจิตให้ไปเกิดเป็นพรหมก็ไม่ได้ เข้านิพานก็ไม่ได้ เสียโอกาสทองของชีวิตไปไม่ได้ประโยชน์อันใด รู้อย่างนี้แล้วอย่าฉีดยาฆ่าแมลงตามบ้านเรือนนะจะบอกให้ เพราะนั่นคือการสร้างเหตุตรงไงล่ะ
|
217.
หนูอยากทราบว่าเราจะทำใจให้ยอมรับความจริงว่าครอบครัวเราแตกแยกแล้วไม่เหลืออะไรเลย
คำตอบ
ที่ว่าไม่เหลืออะไรนั้นให้ทำใจนิ่ง ๆ แล้วลองไปดูเด็กเกิดใหม่ในโรงพยาบาลว่า เด็กเกิดใหม่นำอะไรติดตัวมาบ้าง แล้วลองเปรียบเทียบกับตัวเองดูว่า ที่ว่าไม่เหลืออะไรนั้นเป็นจริงหรือไม่ คุณยังมีอะไร ๆ เหลือติดตัวมากกว่าเด็กเกิดใหม่เสียอีก ตัวอย่างของคนที่เคยไม่เหลืออะไรที่เกิดขึ้นในครั้งพุทธกาลคือ นางปฏาจารา เธอสูญเสียสามี สูญเสียลูกสองคน สูญเสียพ่อแม่ สูญเสียญาติร่วมสายโลหิตในเวลาใกล้เคียงกัน เธอสูญเสียมากกว่าคุณเสียอีก แต่ยังเหลือร่างกายและจิตใจ ให้พัฒนาตนเองจนบรรลุอรหัตถผล และเป็นที่ยกย่องของพระพุทธเจ้า นี่คือตัวอย่างของหญิงที่ว่าไม่เหลืออะไรให้คุณได้ศึกษาและควรทำตามเพื่อพลิกผันชีวิตไปในแนวทางที่พระพุทธะทรงสรรเสริญ |
216.
สวัสดีครับอาจารย์..
กระผมเป็นนักธุรกิจที่ระดับกลางๆๆคนนึง
แต่ต้องตัดสินใจให้เร็วและถูกต้องด้วย...กระผมจึงมีความกดดันในอาชีพการงานพอสมควร
กระผมคิดว่ากระผมมีอาการทางจิต..ปัญหาของผมก้อคือ
1. กระผมจะคิดตลอดเวลาหัวสมองของผมไม่ว่างเลย..กระผมนอนไม่ค่อยหลับ บางทีตื่นมา1-2 ชม.ก้อเหนื่อยแล้วเพราะว่าไม่เคยหยุดคิดเลย
คำตอบ
วิธีแก้ปัญหานอนไม่หลับ เหตุเพราะจิตไม่ปล่อยวางความคิดจึงต้องหาทางออกกำลังกาย ด้วยการเล่นกีฬาที่ถนัด ให้เหนื่อยจนเหงื่อออกอย่างน้อยควรทำสัปดาห์ละครั้ง ต่อด้วยการพูดคุยสังสรรค์ กลับบ้านอาบน้ำ สวดมนต์ แล้วเข้านอน พยายามเล่นให้เป็นกิจวัตรทุกสัปดาห์ ปัญหานอนไม่หลับจะหมดไป
2. บางทีกระผมก้อพูดคนเดียวโดยไม่รู้สึกตัว จนคนเห็นเขาถามว่าผมพูดกับใครหรอ....
กระผมอยากขอคำชี้แนะจากอาจารย์ด้วยครับ ..นาย มงคล คานิโย
คำตอบ
การพูดคนเดียวโดยไม่รู้ตัว เป็นอาการของคนที่ขาดสติ มักจะพบเห็นได้ทั่วไปกับคนไข้ในโรงพยาบาลโรคจิต หากต้องการแก้ปัญหานี้ต้องปฏิบัติตามข้อ 216 (1) ให้ได้ แล้วการพูดคนเดียวโดยไม่รู้ตัวจะหายไป
|
215.
เรียน อ. ดร. สนอง วรอุไร
ดิฉันได้รับหนังสือสนทนาภาษาธรรมจากกัลยาณมิตรท่านหนึ่ง อ่านแล้วช่วยตอบคำถามที่มีอยู่ในใจได้มาก และทำให้ได้รับความรู้เพิ่มขึ้นในเรื่องธรรม จึงขออนุโมทนาในกุศลที่อาจารย์ได้กรุณาชี้ทางสว่างอันเป็นสัมมาทิฏฐิให้แก่คนทั้งหลาย ดิฉันขอความกรุณาอาจารย์ช่วยตอบข้อสงสัยด้วยค่ะ การทำแท้ง ถ้าผู้ทำไม่ได้เต็มใจทำ แต่ทำด้วยความจำเป็น เช่น พ่อของเด็กไม่ยอมรับเลี้ยงดู หรือไม่อยู่ในภาวะที่สามารถเลี้ยงดูเด็กที่จะเกิดมาได้ อยากเรียนถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ
1. บาปจะเกิดกับใครบ้าง
คำตอบ
บาปเกิดกับผู้เป็นต้นเหตุที่ทำให้เด็กเกิดและบาปเกิดกับผู้เป็นต้นเหตุที่ทำให้เด็กตาย
2. การได้บรรลุมรรค-ผล เป็นโสดาบันเพียงพอที่จะตัดกรรมดังกล่าวได้ไหมคะ
คำตอบ
หากพัฒนาจิตจนบรรลุความเป็นโสดาบันบุคคลได้ ก็เป็นที่นอนใจได้ว่า เมื่อจิตทิ้งร่างนี้แล้ว ไม่ต้องลงไปเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ นับตั้งแต่ภพเดรัจฉานไปจนถึงภพนรก 3. เป็นไปได้หรือไม่คะที่เด็กที่จะมาเกิดมีอกุศลกรรมมาตัดรอนทำให้แม่ของเขาต้องไปทำแท้ง เขาจึงไม่ได้เกิด
คำตอบ
เป็นไปได้แน่นอน
4. การเป็นต้นเหตุให้ผู้อื่นต้องไปทำแท้ง โดยตัวเราไม่ทราบ จะส่งผลเช่นเดียวกันคือทำให้เราต้องทำแท้งใช่หรือไม่คะ
ขอบพระคุณมากค่ะ
คำตอบ
เมื่อเหตุเกิดขึ้นแล้วย่อมมีผลตามมาภายหลัง ถ้าคุณเป็นต้นเหตุ คุณต้องได้รับผลนั้นเช่นกัน ส่วนผลจะได้รับเมื่อไรนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งขึ้นอยู่กับแรงกรรมอื่น ๆ ที่คุณได้ทำไว้ด้วย |
214.
เรียนอาจารย์สนองที่เคารพ
คำพูดที่ชื่นชม คนสวย คนหล่อ คนเป็นพระเอก นางเอก
หรือคนที่มีหน้าตาอ่อนกว่าอายุจริง ว่าเป็นเพราะทำบุญมาดี หรือนั่งสมาธิมาดี
เป็นคำพูดที่หลงหรือเปล่าค่ะ และถ้าเป็นคนที่ชอบพูดชมคนอื่นอย่างนี้บ่อยๆ
จะเป็นการให้กำลังใจให้คนทำความดีได้หรือไม่ค่ะ
กราบขอบพระคุณค่ะ
คำตอบ
เป็นคำพูดที่เกิดจากความหลงของจิตที่ไม่รู้จริง การพูดชมคนอื่นเช่นนี้อยู่บ่อย ๆ ก็เป็นการให้กำลังใจทางโลก ซึ่งยังไม่เป็นเหตุนำชีวิตให้พ้นโลกได้ ยังต้องเวียนตาย-เกิดในภพต่าง ๆ อย่างไม่มีวันจบ |
213.
: มะเร็งเป็นโรคกรรมเก่าจริงไหมคะ ช่วยแนะนำการดำรงค์ชีวิตในปัจจุบันด้วยค่ะ
กราบเรียน อ.สนอง ที่เคารพ
หนูอ่านเว็ป กัลยาณธรรม หน้าสนทนาภาษาธรรม หนูมีเรื่องจะปรึกษาคือ
เคยได้ยืนว่าโรคมะเร็ง เป็นโรคกรรมเก่า ที่เจ้ากรรมนายเวร เขามาทวง จริงไหมคะ
ตอนนี้แฟนหนู อายุ 37 ปี เป็นมะเร็งที่ตับ ประมาณ 10 ซม. เป็น 60 เปอร์เซ็น
เพิ่งตรวจพบเมื่อวันที่ 30/03/06 หนูสับสนมาก จะรักษาอย่างไรดี แม่ชีที่อยุธยา
บอกว่าไม่ตาย แต่ห้ามผ่าตัด ถ้าผ่าจะตาย ให้มารับยาหม้อไปทาน แต่วันที่
03/04/06 หมอ รพ.ตำรวจ นัดจะเจาะดูว่าสามารถผ่าได้ไหม
หนูตัดสินใจไม่ถูกว่าควรทำอย่างไรดี จะรักษากับหมอปัจจุบัน หรือเชื่อแม่ชีดี
ถ้าเป็นเรื่องเวรกรรม นั่งสมาธิจะรักษาได้ไหม ช่วยบรรเทาลงก็ได้ค่ะ
รบกวนอาจารย์ช่วยแนะนำด้วยค่ะ ว่าควรทำอย่างไร ตอนนี้หนูสับสนมากค่ะ
ขอบพระคุณมากค่ะ
สิตาภา
คำตอบ
เป็นโรคที่เกิดจากกรรมเก่า มีต้นเหตุมาจากการเบียดเบียนส่วนจะรับวิบากยาวนานแค่ไหน อยู่ที่เจ้ากรรมนายเวรจะอโหสิเมื่อใด ซึ่งไม่มีใครบังคับเขาได้ วิธีแก้ปัญหานี้ที่ดีที่สุดคือ อยู่กับความจริงยอมรับความจริง คือยอมรับอกุศลวิบากที่ตามมาทัน และยอมชดใช้หนี้เวรกรรมที่ไม่ดีให้หมดไป ด้วยการปฏิบัติจิตภาวนาแล้วอุทิศบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร ให้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเขาเลิกจองเวร และในขณะเดียวกันต้องไม่ก่อหนี้ใหม่ คือหยุดการเบียดเบียนตัวเองและผู้อื่น หนี้ใหม่จะได้ไม่เกิดขึ้นอีก
|
212.
กราบเรียนอาจารย์สนอง วรอุไร
ผมอยากเรียนถามอาจารย์ว่าในหนังสือบางเล่ม รวมทั้งเพื่อนผม เคยระบุว่า
ถ้าเคยทำกรรมไม่ดี แต่กลับใจได้จึงทำกรรมดีมากๆ เพื่อหนีวิบากกรรมที่ไม่ดี
ไม่ให้ตามมาทัน เปรียบได้กับเติมน้ำมากๆ น้ำในภาชนะนั้นๆย่อมไม่มีรสเค็ม
แม้จะมีเกลือละลายอยู่ก็ตาม ไม่ทราบว่าการกล่าวเช่นนี้เป็นสัมมาทิฐิหรือไม่
ขอแสดงความเคารพอย่างยิ่ง
นายสุธน ธนพิทักษ์
คำตอบ
เป็นสัมมาทิฏฐิระดับโลกียะ เพราะกรรมชั่วยังไม่หมดไปจากใจจึงเป็นเหตุให้ต้องเวียนตาย-เกิดอยู่ในสังสารวัฏอีกยาวนาน แต่ถ้าคุณหยุดทำกรรมชั่วใหม่ไม่ให้เกิดขึ้น พร้อมกับกำจัดความชั่วเก่าที่มีอยู่ก่อนแล้วให้หมดไปจากใจแล้วทำแต่กรรมดี คือทำจิตให้ผ่องใส เมื่อกรรมชั่วหมดไปจากใจ จึงไม่จำเป็นต้องมาเวียนเกิด-ตายในสังสารวัฏอีก อย่างนี้เรียกว่าเป็นสัมมาทิฏฐิระดับโลกุตระ
|
211.
ผมขอเรียนถามอาจารย์ สนอง วรอุไร ดังนี้นะครับ
ทาน กระผมทำทานบ้างตามโอกาศและกำลัง การโอนเงินเข้าบัญชีวัดต่างๆถือว่าเราทำโดยตรงได้หรือไม่ครับ
ศีล ผมเคยปฏิบัติธรรมที่ยุวพุทธ และได้สมาทาน อาชีวัฏฐะมะกะศีลและผมเองก็สมาทานเองที่บ้านบ่อยๆ และวันพระผมก็สมาทานศิลแปดเอง(รักษาด้วยครับ)อย่างนี้ถือว่าทำถูกทางหรือเปล่าครับ การถือศีลแปดถูกต้องตัวภรรยาถือว่าศีลขาดหรือไม่ครับเพราะผมขับรถจักยานยนต์ต้องไปรับภรรยา
ภาวนา ผมทำสมาธิที่บ้านแต่รู้สึกว่าตัวเองเกิดความกลัวพอตัวเองตั้งใจจะทำก็เกิดความกลัวขึ้นมาอีกจึงทำให้ไม่กล้าทำ ความ รุ้สีกอย่างนี้เรียกว่า นิวรฯใช่หรือเปล่าครับถ้าทำจะมีเป็นอะไรหรือไม่
การแนะนำธรรมะกับคนที่เรารักและนับถือแต่เขาไม่ค่อยจะย่อมรับ แต่เขาเกรงใจเรา เช่นชวนเขาไปฟังเสวนาธรรม แต่เขาฝืนไปกับเราอย่านี้ถือว่าเป็นบาปหรือไม่ครับ อาจทำให้เขาทุกข์ที่นั่งฟัง
กราบขอบพระคุณครับ
รุ่งรดิศ จำปาชน
คำตอบ
ถ้าคุณโอนเงินเข้าบัญชีของวัดด้วยตัวคุณเอง ก็ถือว่าได้ทำทานด้วยตัวเอง แต่เป็นการทำทานทางอ้อมผ่านธนาคารไปยังวัด
คำว่าสมาทาน แปลว่า การถือปฏิบัติผู้รู้จริงไม่จำเป็นต้องไปรับศีลจากผู้อื่นมาปฏิบัติ หากทำตัวเองให้มีศีลครบตามที่ตั้งใจไว้ก็ถือว่าได้สมาทานศีลแล้ว
ผู้ปฏิบัติธรรมจำเป็นต้องให้มีศีลคุมใจ ใจจึงจะไม่หวั่นไหวคุณขับรถจักรยานยนต์ไปรับภรรยา จึงจำเป็นต้องถูกตัวภรรยา หากใจ ไม่หวั่นไหวก็ไม่ผิดศีล 8 หากถูกตัวภรรยาแล้วใจวูบวาบซู่ซ่า เกิดกามราคะทำให้ใจหวั่นไหว อย่างนี้ถือว่าศีล 8 พร่อง
ความกลัวที่เกิดจากการทำสมาธินั้น ไม่เรียกว่า นิวรณ์แต่เป็นความไม่รู้จริง (อวิชชา) ของจิต เป็นต้นเหตุให้เกิดความกลัวขึ้น
โทรชวนคนอื่นไปฟังธรรม เป็นเจตนาที่ดีของผู้ชวน ไม่ถือว่าเป็นบาป แต่ถือว่าเป็นความไม่รู้จริงของผู้ชวน ผู้ถูกชวนเขาไม่ศรัทธาเพราะยังไม่ถึงเวลาของเขา ยังไม่พบคนที่ทำให้เขาศรัทธา ใจของเราจึงยังไม่เปิดรับธรรมะให้เข้าไปสถิตหรือตั้งมั่นอยู่ในใจ
|
210.
เรียนอาจารย์สนองครับ
คือที่บ้านผมตรงประตูเลื่อนหน้าบ้านให้รถผ่านเข้าออกมักจะมีแถวมดเดินพาดผ่านตรงรางเลื่อนพอดี ไม่ทราบต้องวางใจอย่างไรครับถึงจะไม่ผิดศีลข้อที่1 ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ขับผ่านไปจะผิดศีลข้อ1ไหมครับ เพราะตัวเองกังวลมากครับ
กราบขอบพระคุณอาจารย์และอนุโมทนาต่อบุญกุศลของอาจารย์ที่สร้างมาครับ
คำตอบ
การที่มดเดินเป็นแถวคล้ายทหาร เพราะมดเดินตามกลิ่นของฟีโรโมน ของมดตัวที่เดินไปก่อนได้รับถ่ายไว้ ภูมิปัญญาชาวบ้านของคนทางภาคเหนือเขาใช้เศษป่น ๆ ของยาเมือง (ยาฉุน , ยาตั้ง) โรยในที่ไม่ต้องการให้มีมด ปรากฎว่าได้ผลเพราะกลิ่นของยาเมืองไปกลบกลิ่นของฟีโรโมนจึงไม่มีมดในที่ที่โรยยาไว้ วิธีนี้ไม่ได้ฆ่ามดแต่ใช้ไล่มดได้ผลดีหากคุณหาซื้อยาฉุนได้ในตลาด โดยเฉพาะมีขายที่ร้านขายหมาก-พลูก็ลองทำตามดูคงได้ผล หรือลองใช้สารอื่นกลมกลิ่นของฟีโรโมน เช่น ปูนขาว พิมเสน ผงซักฟอก ฯลฯ โรยตามรางเลื่อนของประตูก็น่าจะใช้ไล่มดได้เช่นกัน |
209.
ขออนุโมทนาบุญกับท่านอาจารย์และผู้จัดทำเว็บค่ะ
ด้วยสติที่ไม่สมบูรณ์ ดิฉันได้ทำผิดศีลข้อ 3 เป็นเวลา 1 ปีเพราะความหลงเชื่อในความรัก ดิฉันหลงทางผิดและกำลังชดใช้กรรมด้วยความทุกข์ใจเป็นอย่างมาก ทุกข์ใจเพราะรู้ว่าบาปแต่ก็รักเหลือเกิน ปัจจุบันดิฉันบอกเลิกความสัมพันธ์ และพยายามอย่างยิ่งที่จะปฏิบัติธรรมเพราะไม่อยากมีความรักที่ผิดศีลธรรมอีกต่อไป แต่การลดกามกระทำยากเหลือเกินค่ะ ขอความเมตตาจากท่านอาจารย์ด้วยค่ะ จะลดความกำหนัด ไม่มีความรักต้องทำอย่างไร
ผู้ผิดศีลกาเม
คำตอบ
ลองศึกษาการแก้ปัญหของสิริมาเป็นตัวอย่าง แล้วทำตามก็น่าจะแก้ปัญหานี้ให้ลุล่วงไปได้
สิริมาเกิดในครั้งพุทธกาล มีอาชีพเป็นหญิงงามเมืองของแคว้นมคธ นางได้เลิกอาชีพที่คนทั้งหลายเหยียดหยาม แล้วตั้งศรัทธาแน่วแน่ในพระรัตนตรัย นางได้จัดเตรียมอาหารอย่างดีด้วยมือของนางเอง แล้วนำไปถวายแต่ภิกษุสงฆ์ วันละ 8 รูป ทำเช่นนี้ เป็นนิตย์จนสิ้นอายุขัย นางตายแล้วได้โอปปาติกะเป็นเทพนารีอยู่ในสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตีอีกด้วย
ส่วนการแก้ปัญหาทุกข์ใจเรื่องความรักผิดทาง คือ รักด้วยตัณหาหวังครอบครอง เมื่อไม่สมหวังจึงเกิดทุกข์ ถ้าจะแก้ปัญหาเช่นนี้ต้องเจริญอสุภกรรมฐานบ่อย ๆ จนเห็นแจ้งในสัจธรรมของซากศพ จิตจะปล่อยวางความรักได้ หรือในอีกแนวทางหนึ่งให้เจริญเมตตาภาวนาอยู่เสมอ จนจิตบรรลุความมีเมตตาอย่างแท้จริง แล้วใช้เมตตาเป็นฐานรองรับความรัก คือรักด้วยเมตตาแล้วจะไม่ทุกข์ |
208.
สวัสดีครับ อาจารย์
กระผมเคยเขียนคำถามมาถามอาจารย์ แล้วนะครับ คำถามที่ 198
กระผมได้ทำตามคำแนะนำของอาจารย์แล้วนะครับ
แล้วก้อจะทำไปเรื่อยๆๆ ไม่มีวันหยุด...หรือจนกว่าจำทำไม่ได้..
กระผมมีคำถามใหม่ มาถามครับ
ปกติเวลาผมได้ ตลาด หรือตามห้าม ผมเห็น ขอทาน หรือตู้รับบริจาค ..
ผมก้อจะให้ 20 บ้าง 100 บ้างแล้วแต่สถานะการณ์
แต่ที่นี้ผมได้เทปวิธีสร้างบุญบารมี เขาบอกว่าถ้า ทำบุญกับคนมีคุณธรรมสูงๆๆ
ก้อจะดีมากกว่าทำบุญกับขอทาน ปัญหาก้อคือว่า ผุ้มีคุณทำสูง
ยกตัวอย่างเช่นเกจิอาจารย์ดังๆๆ เขาก้อมีคนไปทำบุญเยอะอยู่แล้ว
จนเหลือด้วยซ้ำไป เช่นถ้าผมบริจาคสัก 100 บาท ก้อน้อยมากๆ สำหรับวัดดังๆ
แต่ถ้าผมบริจาค 100 บาทกับ ขอทาน หรือผู้ยากไร้ โฮ้.. !!
วันน้นเขาสบายๆเลยนะครับ มีข้าวกิน ฝากๆ ลูกฝากภรรยาได้อีก
...ผมอยากทราบความคิดเห็นของอาจารย์เรืองนี้ครับ
คำตอบ
คำว่า เกจิอาจารย์ หมายถึงอาจารย์บางพวก ถ้าคุณบริจาคทรัพย์ให้กับเกจิอาจารย์ที่ยังมีสภาวะจิตปุถุชน จะได้อานิสงส์น้อยกว่าบริจาคให้กับเกจิอาจารย์ที่เป็นอริยบุคคล
ส่วนความคิดที่ว่าบริจาคให้วัดดัง ๆ ต้องพิจารณาให้ดีว่าดังทางไหนดังทางโลกคือ เห็นคนเข้าวัดนั้นมาก ด้วยเหตุที่วัดนั้นให้มนุษย์สมบัติ ให้สวรรค์สมบัติหรือให้สมบัติอบายภูมิแก่ผู้เข้าวัด ถ้าวัดนั้นมีลักษณะการกระทำอย่างที่กล่าวนี้การบริจาคของคุณจะได้อานิสงส์น้อยกว่าการสละบริจาคให้กับวัดดังทางธรรม คือวัดที่ให้นิพพานสมบัติแก่ผู้เข้าวัด คุณจะได้อานิสงส์มากกว่า |
207.
กราบเรียนอาจารย์ หนูมีปัญหาจะรบกวนถามดังนี้ค่ะ
1. พ่อ-แม่ หนูมีอาชีพเลี้ยงหมูขาย...มิจฉาอาชีวะ หนูทราบ..หนูเคยบอกว่าไม่ยากให้ทำ..แต่แม่ตอบว่า..ถ้าไม่ทำ..ไม่รู้จะทำอะไรให้มีรายได้บ้าง..รอพึ่งลูกอย่างเดียว..ลูกก็ลำบากอยู่แล้ว. หนูอึ้ง..จริงของแม่...และไม่พูดหรือห้ามต่อ แต่ไม่สบายใจ....บาปมั้ยค่ะ หนูไม่ได้ห้ามพ่อแม่อย่างจริงจัง เพราะลึก ๆ หนูว่าสิ่งที่แม่พูดเป็นความจริง....และปัจจุบันพ่อ-แม่ มีแต่เรื่องทุกข์ร้อนใจเกี่ยวกับลูก ๆ เสมอ พ่อ-แม่ ได้รับผลกระทบจากกรรมที่ตนเองทำโดยตรง แล้วหนูหละค่ะ ในฐานะที่เป็นลูกหนูจะได้รับผลกระทบอะไรบ้าง มีทางใดที่จะช่วยให้ผลกระทบที่พ่อ-แม่และหนูได้รับบรรเทาเบาบางได้มั้ยค่ะ
คำตอบ
ไม่สบายใจนั่นแหละเรียกว่าบาป เงินที่พ่อแม่ได้รับจากการประกอบอาชีพที่เป็นมิจฉาอาชีวะเป็นเงินร้อน หากพ่อแม่เลี้ยงดูลูกด้วยเงินร้อน ลูกต้องรับบาปนั้นด้วย คือความไม่สบายใจไงล่ะ ถ้าจะให้อกุศลวิบากเบาบางลงต้องหยุดเลี้ยงชีพด้วยมิจฉาอาชีวะ และไปทำสัมมาอาชีวะ คืออาชีพที่ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีล ไม่ผิด ธรรม ทุกครั้งที่ทำความดีที่มีอานิสงส์เป็นบุญทุกคนที่มีส่วนร่วมในการเลี้ยงหมูขาย ต้องอุทิศบุญกุศลให้แก่จิตวิญญาณของหมูทุกตัวที่ไปเบียดเบียนเขา อุทิศบุญกุศลไปเรื่อย ๆ จนกว่าเขาจะเลิกจองเวร หนูและพ่อแม่จึงจะพ้นจากหนี้เวรหนี้กรรมนี้ได้
2. หลังจากที่หนูเริ่มทำความดี รักษาตนให้อยู่ในกรอบในศีล ซึ่งอาจมีบางครั้งที่พลาดไปบ้าง แต่หนูก็รู้สึกได้ว่าชีวิตของหนูสงบเย็น และเรียบง่ายขึ้นกว่าเมื่อก่อน แต่อย่างไรก็ตามหนูมักไม่สบายใจเรื่องพี่น้องเสมอ เพราะพวกเขามักจะประสบชะตากรรมที่ร้าย ๆ และมีชีวิตที่น่าสงสาร ซึ่งเรื่องราวของพวกเขาก็ทำให้หนูร่วมทุกข์และเดือดร้อนไปกับเขาด้วยทุกครั้งมากบ้างน้อยบ้าง
ซึ่งหนูเชื่อว่าการที่หนูเจอเหตุการณ์อย่างนี้เป็นเพราะหนูกรรมของหนูด้วยเช่นกัน
หนูเข้าใจอย่างนี้ถูกหรือไม่ค่ะอาจารย์ และหนูควรจะทำอย่างไรดีค่ะ
คำตอบ
เข้าใจถูกแล้วเป็นอกุศลกรรมที่เคยร่วมกระทำกันมาแต่อดีต ถ้าประสงค์จะพ้นจากอกุศลวิบากนี้ หนูต้องสร้างบุญใหญ่คือ ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน แล้วอุทิศบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวร ที่เขายังผูกเวรกับหนูอยู่ อุทิศบุญให้ไปเรื่อย ๆ สักวันหนึ่งข้างหน้าหนี้เวรหนี้กรรมก็จะหมดกันไปความสบายใจก็จะเกิดขึ้น
|
206.
สวัสดีครับอาจารย์สนอง
คืออยากทราบว่านิสัยบางอย่างที่เป็นปมปัญหาในชีวิตถ้าไม่แก้แล้วจะติดตามไปในชาติหน้าหรือเปล่าครับ เช่น ถ้าเป็นคนขี้เกียจในชาตินี้แล้วไม่แก้ไข ชาติหน้าก็ยังเกิดมาเป็นคนขี้เกียจอยู่หรือเปล่าครับ และถ้าแก้ไขในชาตินี้แล้ว เช่น แก้นิสัยขี้เกียจให้เป็นคนขยันแล้วชาติหน้าเราก็จะเป็นคนขยันด้วยหรือเปล่าครับ
ขอบคุณครับ
นีร ศรีนิติวรวงศ์
คำตอบ
สิ่งไม่ดีใดที่เราสามารถกำจัดเชื้อที่ทำให้เกิดได้แล้วในชาตินี้ เมื่อจิตทิ้งร่างนี้แล้วไปปฏิสนธิในร่างใหม่ในภพหน้าเชื้อแห่งความไม่ดีนั้นย่อมไม่มีให้ปรากฏได้อีกในภพหน้า เช่นความขี้เกียจเกิดขึ้นได้เพราะจิตขาดสติจึงรับสิ่งกระทบต่าง ๆ ภายนอกเข้ามาปรุงอารมณ์หลากหลายทำให้เกิดเป็นความฟุ้งซ่าน คนที่มีอารมณ์ฟุ้งซ่านพลังงานสูญเสียไปจากร่างกายมาก ทำให้เกิดเป็นความขี้เกียจ หากบุคคลแก้ต้นเหตุหรือปรับต้นเหตุให้เป็นคนมีสติมากได้แล้ว อารมณ์ฟุ้งซ่านหมดไป พลังงานจะถูกอนุรักษ์ไว้ในร่างกายมาก ทำให้ความขยันเกิดแทนที่และหากพัฒนาจิตจนเข้าสู่ความเป็นอุเบกขาได้แล้ว ความขี้เกียจจะหมดไปเกิดเป็นความขยันล้วน ๆ ตายไปเกิดในภพใหม่ชีวิตในภพใหม่จะมีแต่ความขยันอย่างเดียว
|
205.
กราบเรียนถามท่านอาจารย์ดร.สนอง วรอุไรค่ะ
ปกติเวลาทำบุญถ้ามีการแจ้งชื่อ จะใช้ชื่อ ผู้มีจิตศรัทธา ทุก ๆ ครั้ง เพราะคิดว่าไม่จำเป็นที่ต้องบอกชื่อจริง เราตั้งใจทำบุญ แต่มีคนบอกว่าถ้าเราบอกชื่อนามสกุลจริง จะได้มีคนร่วมอนุโมทนาบุญกับเราได้ เหตุผลเป็นเช่นไรคะ เราจำเป็นต้องบอกชื่อจริงหรือไม่อย่างไรคะ
กราบขอบพระคุณอาจารย์ด้วยความเคารพค่ะ
คำตอบ
ทำบุญด้วยการบอกชื่อจริงก็ได้ หรือไม่บอกชื่อก็ได้ การทำบุญไดไม่บอกชื่อจริง เทียบได้กับการปิดทองหลังพระได้บุญมากกว่า
|
204.
กราบเรียนท่านอาจารย์สนอง วรอุไร
1. การพิมพ์หนังสือธรรมะและผลิต cd ธรรมะแจกเป็นธรรมทาน
ถือว่าเป็นการสร้างปํญญาบารมีหรือไม่ครับ
คำตอบ
เป็นทานบารมีครับ ผู้รู้ได้กล่าวไว้ว่า การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง การให้คือทานครับ
2. ถ้าอยากสร้างปัญญาบารมี จะต้องทำอย่างไรครับ
คำตอบ
ต้องขออภัยเรื่องมันยาว ลองไปหาอ่านเรื่องการบำเพ็ญปัญญาบารมีของพระโพธิสัตว์ ที่มีชื่อว่า สัมภวกุมาร วิธูรบัณฑิต และเสนกบัณฑิตดูสิครับ ผู้บรรยายเคยพูดถึงเรื่อง ปัญญาบารมีไว้ในหลายสถานที่และถูกบันทึกอยู่สายเทปและแผ่นซีดี ลองหาฟังดูสิครับ แล้วจะรู้ว่าการสร้างปัญญาบารมีเขาทำกันอย่างไร
|
203.
เรียน ท่านอาจารย์ดร. สนอง วรอุไร ที่เคารพค่ะ
ดิฉันมีปัญหามาเรียนปรึกษาอาจารย์ค่ะ คือว่าสามีของดิฉันเป็นสูติ-นรีแพทย์ เค้าจำเป็นต้องผ่าตัดเอาทารกแฝดในครรภ์มารดาที่เป็นมะเร็งปากมดลูกออกค่ะ ซึ่งเด็กยังไม่ครบกำหนดคลอด แต่ถ้าจะรอให้เด็กมีอายุครบกำหนดคลอด มะเร็งก็จะลุกลามไปจนไม่สามารถรักษาชีวิตแม่เด็กเอาไว้ได้ เขาพยายามจะส่งต่อผู้ป่วยรายนี้ไปรักษาที่อื่น แต่ก็มีเหตุให้ผู้ป่วยไม่สามารถไปรักษาที่อื่นได้ เขารู้สึกเป็นกังวลมากเพราะหากเลือกรักษามารดาก็จำเป็นต้องทำให้เด็กแท้งออกมาโดยการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องเพื่อรีบรักษามะเร็งของมารดาซึ่งกำลังลุกลามอย่างรวดเร็ว แต่หากเลือกรักษาชีวิตเด็กโดยเยื้อเวลาออกไปอาจส่งผลให้มารดาเสียชีวิตจากมะเร็งและเด็กก็อาจเสียชีวิตด้วยหรือเกิดมาโดยไม่มีผู้เลี้ยงดูหรือแพทย์อาจถูกฟ้องร้องที่ไม่รีบรักษาชีวิตมารดาตามหลักทางการแพทย์ เค้าได้ปรึกษาแพทย์ทุกท่านในทีมการรักษาและแพทย์อาวุโสแล้ว ตกลงกันว่าต้องผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง เพราะให้แม่เด็กคลอดออกมาเองไม่ได้เนื่องจากมีก้อนมะเร็งขวางอยู่ที่ปากช่องคลอด ซึ่งก็หมายความว่าเด็กทั้ง 2 ในท้องต้องเสียชีวิต และได้บอกเล่าอาการให้แม่เด็กฟังแม่เด็กก็ยินยอมที่จะให้ผ่าตัดเอาเด็กออก
อยากทราบว่าในกรณีอย่างนี้เค้าจะเป็นบาปไหมคะ ที่ต้องทำให้เด็กเสียชีวิตโดยที่เค้าก็ไม่มีเจตนาอยากจะทำลายชีวิตเด็กเลย
สามีดิฉันรู้สึกเครียดมาก เพราะเค้าพยายามถือศีล 5 ปฏิบัติตัวอยู่ในพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เค้ากลัวจะเป็นบาปกรรมติดตามไปทั้งในชาตินี้ชาติหน้าค่ะ
ขอความกรุณาอาจารย์ตอบปัญหาด้วยค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ สิริลักษณ์ ฉั่วรัตนกุล
คำตอบ
เหตุผลทางวิทยาศาสตร์กับเหตุผลทางธรรมเป็นคนละเรื่องกัน สองชีวิต (ลูกแฝด) ต้องตาย เพื่อช่วยหนึ่งชีวิต (แม่) ให้คงอยู่รวมสามชีวิตได้เคยสร้างอกุศลกรรม (การเบียดเบียนสัตว์) ร่วมกันมาแต่อดีตจึงต้องมารับอกุศลวิบากกในชาติปัจจุบัน ทีมแพทย์ผ่าตัด (หมอ+พยาบาล+คนจ่ายยา) อีกกี่ชีวิตที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับอกุศลกรรมของสามชีวิตนั้น ตามกฎแห่งกรรมแล้ว ทุกคนที่ร่วมทำกรรม ต้องรับอกุศลกรรมวิบากในอนาคตโดยเฉลี่ยกันไป
อย่าคิดอะไรมาก อาชีพแพทย์-พยาบาล-เภสัชกรได้ทั้งบุญและได้ทั้งบาป เอาหมอชีวกเป็นตัวอย่างสิครับ งานส่วนรวมมีหน้าที่รักษาโรคให้คนไข้ก็ทำไป แต่งานส่วนตัวคืองานพัฒนาจิตวิญญาณของตัวเอง สามารถนำจิตวิญญาณเข้าสู่ความเป็นอริยบุคคลโสดาบัน ตายแล้วไปเกิดดี เกิดเป็นเทพบุตรโสดาบัน อยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิตไงล่ะ |
202.
กราบเรียนถามท่านอาจารย์ดร.สนอง วรอุไรค่ะ
การทำสังฆทานด้วยผ้า ไตร กับการถวายสังฆทานด้วยพระพุทธรูป เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรในแง่ของอานิสงส์คะ
กราบขอบพระคุณมา ณ ที่นี้นะคะ
นิรนาม
คำตอบ
ต่างกันตรงผ้าไตรเป็นวัตถุใช้นุ่งห่ม ส่วนพระพุทธรูปเป็นวัตถุบูชา ตามกฎแห่งกรรมบุคคลทำอย่างไรได้อย่างนั้น ให้เครื่องนุ่งห่มต้องได้เครื่องนุ่งห่ม ให้พระพุทธรูปเป็นทาน ได้การกราบไหว้บูชา
|
201.
กราบเรียนถามท่านอาจารย์ดร.สนอง วรอุไรค่ะ
คือหนูอยู่ต่างประเทศตอนนี้ค่ะ ไม่มีโอกาสมาเข้าฟังธรรมะที่อาจารย์บรรยาย แต่จะฝากเงินเพื่อนมาทำบุญหยอดตู้แทน และการบรรยายครั้งต่อไปหนูตั้งใจจะส่งเงินไปร่วมทำบุญสังฆทานกับทางชมรมด้วย
คำถามคือหนูทำแบบนี้(ให้เพื่อนทำแทน) หรือส่งเงินมาทางชมรมจะเหมือนหนูได้ทำด้วยตนเองหรือไม่อย่างไรคะ กราบขอบพระคุณอาจารย์มาก ๆ ค่ะ
เบญญาภา
คำตอบ
การฝากปัจจัยให้เพื่อนช่วยทำบุญแทนให้ หรือจะทำด้วยตัวเองโดยส่งปัจจัยผ่านตรงไปเข้าชมรมฯ สามารถทำได้ทั้งสองแนวทาง เพราะต่างทำให้เกิดบุญได้เหมือนกัน เมื่อทำแล้วจะได้บุญมากหรือน้อยขึ้นกับนาบุญที่จะรองรับทานนั้น หากผู้รับมีคุณธรรมสูงผู้ให้ได้บุญมาก ทำแล้วเกิดประโยชน์กับคนหมู่มากผู้ทำได้บุญมาก ก่อนทำมีศรัทธาขณะทำตั้งใจทำแล้วอิ่มใจผู้ทำได้บุญมาก หากผู้ให้มีจิตบริสุทธิ์ ปัจจัยที่ให้ได้มาอย่างถูกต้องชอบธรรมและผู้รับมีจิตบริสุทธิ์ ผู้ให้ย่อมได้บุญมาก ฯลฯ
บุญมิได้เกิดจากการให้ปัจจัยเป็นทานเพียงอย่างเดียว บ่อเกิดแห่งบุญมีตั้ง 10 อย่าง (ดูบุญกิริยาวัตถุ 10) ในหนทางแห่งบุญทั้ง 10 อย่างนั้นการพัฒนาจิตให้มีความเห็นถูกตรง เป็นบุญใหญ่สุด เพราะสามารถเปลี่ยนสภาพของปุถุชนไปเป็นอริยบุคคลได้ และนำมาซึ่งนิพพานสมบัติได้อีกด้วย |
|
ส่งคำถามถึง ดร. สนอง วรอุไร => question@kanlayanatam.com