คำถาม-คำตอบ ข้อ 1551-1600 |
1600. คำตอบ พฤติกรรมที่บุคคลแสดงออกทางกาย เป็นผลที่เกิดมาจากการสั่งงานของจิต หากเป็นพฤติกรรมไม่ดี แสดงว่าขณะนั้นจิตมีกำลังของสติอ่อนกว่ากำลังของอกุศลวิบาก จึงมีอารมณ์ปรุงแต่งไม่ดี แล้วสั่งร่างกายให้ทำตามที่จิตสั่ง ตรงกันข้าม ผู้มีกำลังสติกล้าแข็ง จิตสามารถระลึกได้ทันสิ่งที่เข้ากระทบ ย่อมไม่นำเอาสิ่งกระทบที่ไม่ดีเข้าปรุงอารมณ์ พฤติกรรมของบุคคลย่อมแสดงออกมาดี ดังนั้นต้องเข้าหาและปฏิบัติธรรมอยู่ใกล้กับครูบาอาจารย์ผู้มีประสบการณ์ตรงในการพัฒนาจิต จนเข้าถึงปัญญาเห็นแจ้งได้แล้ว ประพฤติเหตุให้ถูกตรงตามคำชี้แนะ ปัญหาดังกล่าวจึงจะหมดไปได้ |
1599. คำตอบ หากผู้ถามปัญหามีความจำเป็นบางอย่าง ไม่สามารถปฏิบัติศีล ๘ ได้ ทำไมไม่เลือกปฏิบัติศีล ๕ ให้บริสุทธิ์เล่าครับ เพราะศีล ๕ ยังสามารถพัฒนาจิตให้เข้าถึงความเป็นพระโสดาบันและพระสกทาคามีได้ (๒). น้ำที่เป็นพุทธบัญญัติให้ภิกษุดื่มได้ คือ น้ำอัฏฐบาน มีแปดอย่างได้แก่ น้ำมะม่วง น้ำผลหว้าหรือชมพู่ น้ำกล้วยมีเมล็ด น้ำกล้วยไม่มีเมล็ด น้ำมะซาง น้ำผลจันทน์หรือผลองุ่น น้ำเหง้าบัว น้ำผลมะปรางหรือผลลิ้นจี่ ต่อมาหลังจากพรรษาที่ ๕ แล้ว ได้มีพุทธานุญาตเพิ่มเติมคือ น้ำผลไม้ทุกชนิด ( เว้นน้ำต้มเมล็ดข้าวเปลือก ) น้ำใบไม้ทุกชนิด ( เว้นน้ำผักดอง ) น้ำดอกไม้ทุกชนิด ( เว้นน้ำดอกมะซาง ) และน้ำอ้อยสด ปัจจุบันคณะสงฆ์ได้เพิ่มเติมน้ำปานะเป็น ๑๖ ชนิด ได้แก่ น้ำผลมะม่วง น้ำผลหว้า น้ำกล้วยมีเมล็ด น้ำกล้วยไม่มีเมล็ด น้ำมะซาง ( เจือจางด้วยน้ำ ) น้ำผลจันทน์ น้ำเง่าอุบล น้ำมะปราง น้ำผลเล็บเหยี่ยว น้ำพุทราเล็ก น้ำพุทธาใหญ่ น้ำเนยใน ( เปรียง ) น้ำมันงา น้ำนมวัว นมแพะ นมควาย น้ำยาคู และน้ำผักผลไม้ (๓). วินัยของภิกษุกำหนดให้เว้นยืนฉัน เดินฉัน แต่มิได้ห้ามฆราวาสประพฤติ |
1598. กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง ที่เคราพ อาจารย์ครับเวลาที่เราทำดีหรือทำบุญเราควรจะอธิฐานว่าอย่างไรบ้างครับ ช่วยแน่ะนำด้วยน่ะครับ ขอบคุณครับ คำตอบ คำว่า อธิษฐาน หมายถึง ตั้งใจมุ่งผลอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหมายถึง ตั้งจิตขอร้องต่อสิ่งที่ตนถือว่าศักดิ์สิทธิ์ เพื่อผลอย่างใดอย่างหนึ่ง ผู้มีความเห็นผิดไปจากธรรม ส่วนผู้เห็นถูกตามธรรม มิได้อธิษฐานดังที่กล่าวข้างต้น ฉะนั้น ผู่อ่านคำตอบนี้พึงอธิษฐานเอาตามที่ตนเองชอบเถิด . |
1597. คำตอบ คำว่า อาบัติ เป็นการล่วงละเมิดสิกขาบทของภิกษุ ในทางโลกกำหนดให้ภิกษุที่ต้องอาบัติเล็กน้อย ไปกล่าวคำสารภาพผิดกับภิกษุรูปอื่น มิใช่กล่าวกับพระพุทธรูปหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นใด ( ๒ ). การทำตนให้พ้นจากกามราคะ ต้องบริโภคใช้สอยมักน้อยเท่าที่จำเป็นกับร่างกายจะทรงอยู่ได้ เพิ่มความเพียรในการเจริญสติให้มาก เมื่อใดจิตมีกำลังสติกล้าแข็ง แล้วนำจิตไปพัฒนาปัญญาเห็นแจ้งให้เกิดขึ้น เมื่อนั้นสติย่อมระลึกได้ทันสิ่งกระทบที่ทำให้เกิดกามราคะ ปัญญาเห็นแจ้งย่อมเห็นสิ่งกระทบดับไป ( อนัตตา ) ตามกฎไตรลักษณ์ จิตเห็นว่า สิ่งกระทบไม่ใช่ตัวตน จิตย่อมปล่อยวางและว่างเป็นอุเบกขา กามราคะก็ไม่อาจเกิดขึ้น |
1596. กราบเรียนท่านอาจารย์ดร.สนอง หนูได้ฟังธรรมะบรรยายของอาจารย์ผ่านทางอินเทอเน็ตเสมอๆ ช่วงที่ไปศึกษาปริญญาโทที่อังกฤษ โดยได้รับการแนะนำจากกัลยาณมิตร แล้วหลังจากนั้นก็ฟังเรื่อยๆมา สิ่งที่เห็นผลก็คือ หนูกลายเป็นคนใจเย็นมากขึ้น ใช้เหตุและผลมากกว่าใช้อารมณ์ในการดำรงชีวิตในแต่ละวันมากขึ้น เวลามีความทุกข์ก็จะนึกถึงคำพูดของอาจารย์เสมอที่ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตเราไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ทุกวันนี้ พยายามที่จะรักษาศีลห้าเป็นอย่างน้อย เพราะไม่อยากเกิดต่ำกว่ามนุษย์ แล้วที่สำคัญอยากปิดอบายภูมิให้ได้ ตามที่ได้ฟังอาจารย์บอกกล่าว หนูมีคำถามที่อยากเรียนถามอาจารย์ดังนี้คะ 1. จริงๆแล้วหนูนับถือศาสนาคริสต์ ในทางศาสนา หนูไม่สามารถที่จะตักบาตร หรือสวดมนต์ของศาสนาอื่นได้เลย แต่หนูมาคิดว่าการทำความดีนั้นไม่จำกัดว่าเรานับถือศาสนาใด ถึงหนูจะทำผิดกฎหรือบทบัญญัติในทางศาสนาของหนู หนูคิดว่าพระเจ้าคงรู้ ว่าหนูมีความมุ่งมั่นที่ดีที่จะทำความดี และเป็นคนดีให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ทราบว่าสิ่งที่หนูคิดนี้ถูกหรือไม่คะ กราบเรียนอาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยค่ะ 2. ตอนนี้หนูได้เดินทางกลับมาที่เมืองไทยได้เกือบสองอาทิตย์แล้วค่ะ มีความตั้งใจว่าอยากไปพัฒนาจิิตให้เกิดปํญญาสูงสุด ก่อนที่จะเริ่มทำงาน เพื่อนำปัญญาที่ได้มาชี้นำชีวิตไม่ว่าจะทางโลกหรือทางธรรม ทุกวันนี้พยายามที่จะทำจิตให้สงบโดยการนั่งสมาธิ วันละห้านาทีสิบนาที ก็ยังรู้สึกว่าไม่ดีเท่าที่ควร เพราะไม่รู้ว่าที่ทำไปนั้นมันถูกวิธีมั้ย บางวันแย่ยิ่งกว่าหัวถึงหมอนก็หลับเลย หรือบางวันก็ยุ่งทำนั่นทำนี่ จนไม่มีเวลาจะสงบจิตแม้แต่นาทีเดียว อาจารย์ค่ะบางครั้งมันทำไม่ได้ดีเท่าที่ควร หนูพยายามไม่ท้อค่ะ จะพยามรักษาศีลห้าไม่ให้ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย จะพยายามพัฒนาจิิตให้มีสติอยู่เสมอ หนูอยากที่จะปิดอบายภูมิให้ได้ตามที่ได้ฟังอาจารย์บรรยายธรรมค่ะ กราบเรียนอาจารย์ช่วยแนะนำ สถานปฏิบัติธรรมให้ด้วยค่ะ บ้านหนูอยู่ คลองสาม ปทุมธานีค่ะ 3. ตอนนี้หนูว่างงานอยู่ค่ะ อยากจะทำตัวให้เป็นประโยชน์ด้วยการเป็นอาสาสมัครกับทางชมรมกัลยาณธรรม แล้วก็อยากจะบริจาคทุนทรัพย์เพื่อพิมพ์หนังสือธรรมะแจกด้วยค่ะ ก็อย่างที่อาจารย์เคยชี้แนะว่าการให้เป็นทานอย่างอย่างหนึ่ง ไม่ว่าการให้ทุนทรัพย์ หรือการให้แรงงาน สุดท้ายนี้ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ ที่ได้ชี้ทางธรรม ทางสว่าง ให้แก่หนูและทุกๆคนที่ได้รับฟังธรรมบรรยายของท่านอาจารย์ คำตอบ คำว่า พระเจ้าคงรู้ เป็นการพูดของคนที่มีปัญญาทางโลก ( สุตมยปัญญาและจินตามยปัญญา ) แต่คนที่เข้าถึงปัญญาสูงสุด ( ภาวนามยปัญญา ) จะพูดว่า พระเจ้าต้องรู้ ไม่เพียงแต่พระเจ้าเท่านั้น หากผู้ถามปัญหาพัฒนาจิตให้เข้าถึงปัญญาสูงสุดที่เรียกว่า โลกิยญาณ ความรู้ที่เรียกว่า เจโตปริยญาณ ย่อมรู้ เห็น เข้าใจ ความคิดของบุคคล และการกระทำของบุคคลที่เป็นความลับได้ ด้วยเหตุนี้สิ่งที่พระเจ้ารู้ ย่อมรู้ได้ด้วยบุคคลผู้มีเจโตปริยญาณ เช่นเดียวกัน การตักบาตรมีอานิสงส์ส่งผลให้บุคคลเข้าถึงสวรรค์สมบัติ การสวดมนต์แล้วจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ หากหยุดสวดมนต์แล้วพัฒนาจิต ( สมถภาวนา ) ต่อไป โอกาสที่จิตจะตั้งมั่นเป็นสมาธิระดับฌาน ย่อมเกิดขึ้นได้ มีอานิสงส์ส่งผลให้บุคคลเข้าถึงพรหมโลกได้ ดังนั้นผู้ที่รู้จริงแท้ จะไม่ปิดกั้นอิสรภาพในการทำความดีของสัตว์บุคคล ผู้ใดรู้ เห็น เข้าใจ ได้ถูกตรงเช่นนี้แล้ว ผู้นั้นย่อมมีจิตเป็นอิสระจากความที่ผู้รู้ไม่จริงแท้กำหนดไว้ และมากไปกว่านั้น ผู้รู้จริงแท้ยังชี้ทางให้บุคคลได้พัฒนาจิตวิญญาณของตัวเอง ให้หมดไปจากความเศร้าหมอง และนำพาชีวิตพ้นไปจากความทุกข์ทั้งปวงได้ ( ๒ ). การปฏิบัติธรรม ( สมถภาวนา ) เพื่อให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ผู้ตอบปัญหาได้นำตัวเองเข้าฝึกอย่างจริงจัง วันละประมาณ ๒๐ ชั่วโมงต่อเนื่อง ๓๐ วัน ผลปรากฏว่า ปฏิบัติสมถภาวนาได้นาน ๗ วัน จิตเข้าถึงสมาธิสูงสุดได้ เมื่อนำจิตออกจากสมาธิสูงสุดแล้ว อภิญญา ๕ ( อิทธิวิธี ทิพยโสต เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ทิพพจักขุ ) จึงได้เกิดขึ้นเป็นอัตโนมัติ แล้วพัฒนาจิต ( วิปัสสนาภาวนา ) จนเข้าถึงปัญญาเห็นแจ้งได้ภายใน ๓๐ วัน แล้วส่งผลให้มีพฤติกรรมถูกตรงตามธรรมวินัย ที่ระบุไว้ในพุทธศาสนามาจนทุกวันนี้ หากผู้ถามปัญหาปรารถนาจะพัฒนาจิตวิญญาณของตัวเอง แนะนำให้ไปฝึกปฏิบัติธรรมที่วัดทับทิมแดง ( หลังตลาดไท ) จังหวัดปทุมธานี โดยมีศีล มีสัจจะ มีความเพียร และเอาชีวิตเข้าแลกธรรมได้แล้ว โอกาสเข้าถึงความปรารถนาดังกล่าว ย่อมเกิดขึ้น ( ๓ ). แนะนำให้ผู้ถามปัญหาติดต่อกับประธานชมรมกัลยาณธรรมได้โดยตรง |
1595. คำตอบ คนที่จิตมีกำลังของสติกล้าแข็ง ย่อมระลึกได้ทันทุกสิ่งที่เข้ากระทบจิต จิตจะไม่รับเอาสิ่งกระทบเข้าปรุงอารมณ์ แล้วทำให้จิตว่างเป็นอุเบกขา จิตย่อมสดใส ไม่มีอารมณ์มาทำให้จิตขุ่นมัวได้ ตรงกันข้าม จิตที่มีกิเลสเข้าปรุงแต่ง ย่อมทำให้การสนทนาพูดคุยมีรสชาติ และสนุกสนานไปด้วยอารมณ์ปรุงแต่งแบบโลกๆ คำตอบที่ถูกตรงเช่นนี้ ผู้ใดอ่านแล้วไม่เข้าใจต้องขออภัย แต่หากผู้อ่านพัฒนาจิต ให้เข้าถึงปัญญาเห็นแจ้งได้เมื่อใด ย่อมรู้ เห็น เข้าใจ ได้ถูกตรง แล้วย่อมเกิดเป็นความศรัทธาในพุทธวจนะที่ตรัสไว้ว่า มิให้ปลงใจเชื่อในเรื่องสิบอย่าง ( กาลามสูตร ) ( ๒ ). คำว่า กำหนดจิต นิยมใช้เรียกกันในขณะมีการปฏิบัติธรรม แต่ในชีวิตประจำวัน นิยมเรียกว่า เอาจิตจดจ่ออยู่กับอิริยาบถที่เป็นปัจจุบันขณะ เช่น ขณะกำลังเดิน ขณะกำลังพูด ขณะกำลังทำกิจการงาน ฯลฯ แล้วทำให้จิตมีอารมณ์สงบ ตรงกันข้าม จิตที่ไม่มีสติกำกับอิริยาบถดังกล่าว อารมณ์สนุก อารมณ์ไม่สนุก ย่อมเกิดขึ้น อย่างนี้เรียกว่า จิตขาดสติ ด้วยเหตุนี้หลังจากเสวยวิมุตติสุขแล้ว พระพุทธโคดมจึงดำริไม่เผยแพร่ธรรมที่พระองค์ตรัสรู้ เพราะเป็นธรรมวินัยที่สวนกระแสกิเลสของชาวโลก ที่นำพาชีวิตไหลตามอำนาจของกิเลส แต่ชาวพุทธยังมีโชคดีที่ท่านสหัมบดีพรหม มาเตือนพระสติว่า มนุษย์ที่สามารถ รู้ เห็น เข้าใจ ธรรมวินัยได้ ยังมีอยู่ พุทธศาสนาจึงได้อุบัติขึ้นและดำรงอยู่ยาวนานมาจนถึงทุกวันนี้ |
1594. กราบเรียน ท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ที่เคารพค่ะ ดิฉันขออนุญาติถามคำถาม เกี่ยวกับการปฏิธรรมของหญิงมีครรภ์ค่ะ เนื่องด้วย เมื่อวันหยุดปีใหม่ที่ผ่านมาได้ไปอธิษฐานต่อ พระเขี้ยวเกี้ยวที่สิงคโปร์ กับสามี ว่าขอให้มีลูกเป็นผู้ชาย เป็นคนดี มีสัมมาทิฏฐิ เป็นผู้นำพาความเจริญมาสู่ครอบครัว แล้วเมื่อกลับมาเมืองไทย ได้ไม่ถึงเดือน ก็พบว่าเพิ่งตั้งครรภ์ได้เพียงไม่กี่สัปดาห์ และช่วงก่อนที่จะทราบว่าตั้งครรภ์ไม่กี่วัน ได้คุยกับสามีว่าช่วงสงกรานต์น่าจะไปปฏิบัติธรรมกันสามีก็เห็นด้วย แต่เมื่อทราบว่าตั้งครรภ์ จึงไม่แน่ใจว่า ถ้าปฏิบัติโดยถือศีล 8 จะเป็นการเหมาะสมหรือไม่ สามีก็เสนอว่าน่าจะไปกราบพระเขี้ยวแก้วที่สิงโปร์อีกครั้งในช่วงเวลานั้นแทน ขอความถามคำถามกรุณาท่านอาจารย์ดังนี้ค่ะ 1 หากช่วงสงกรานต์(ตั้งครรภ์ ประมาณ 4 เดือนแล้ว)ไปปฏิบัติธรรม โดยถือศีล 8 เจริญวิปัสนาที่สถานปฏิบัติธรรม จะเป็นการเหมาะสมหรือไม่ หากเหมาะสมรบกวนท่านอาจารบ์ช่วยแนะนำสถานที่ปฏิบัติค่ะ หากไม่เหมาะสมรบกวนท่าอาจารย์แนะนำวิธีปฏิบัติตนในช่วงตั้งครรภ์เพื่อให้ลูกเป็นผู้มีภาวะอารมณ์ที่ดี มีความคิดดี จิตใจดี 2 หญิงมีครรภ์ทำบุญ ลูกในครรภ์ได้บุญด้วยหรือไม่ 3 จากที่ได้อธิษฐาน กับพระเขี้ยวแล้วเรื่องลูก แล้วพบว่าตั้งครรภ์ ตามที่ได้อธิษฐาน ดิฉันและสามี ขอคำแนะนำท่านอาจารย์ค่ะว่าหากกลับไปกราบอีกครั้ง ท่านอาจารย์เห็นสมควรหรือไม่อย่างไรคะ กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่เมตตาตอบคำถามและข้อสงสัยของดิฉันมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ คำตอบ ( ๑ ). ผู้ถามปัญหาปรารถนาถือศีล ๘ แล้วนำตัวเข้าปฏิบัติธรรมสามารถทำได้ อนุโมทนาด้วยครับ ผู้ตอบปัญหาแนะนำให้ไปปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อกัณหา วัดป่าทรัพย์ทวีคูณ อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ( ๒ ). ลูกในครรภ์รู้ว่าแม่ทำบุญ เมื่อเขาอนุโมทนาด้วย เขาได้บุญ ( ๓ ). การระลึกถึงคุณและปรารถนาบูชาคุณของพระเขี้ยวแก้ว อยู่ที่ไหนก็สามารถกราบได้ แต่หากเดินทางไปกราบพระเขี้ยวแก้วที่สิงคโปร์ แล้วทำให้จิตมีศรัทธามั่นคงยิ่งขึ้น จิตมีปีติมากยิ่งขึ้น และไม่มีปัญหาเรื่องการเดินทาง ก็ควรจะไป |
1593. กราบเรียนอาจารย์ ดร. สนอง ด้วยความเคารพอย่างสูง ผมเคยปฏิบัติธรรมแล้วจิตสามารถเข้าถึงอารมณ์ที่เรียกว่าสมาธิขั้นสูงสุดได้ (คิดเอาเอง) คือ ก่อนที่จิตจะเข้าสู่ความสงบสุขนั้น จะมีอาการปวดขาเนื่องจากการนั่งที่ทรมานมาก แต่ก็ได้พยายามประคับประคอง จนอยู่ๆก็เกิดอาการวาบเข้าสู่ภาวะความสงบที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน เป็นความสงบอย่างยิ่ง จากภาวะดังกล่าวนั้นผมรู้สึกว่าตัวเองในขณะนั้นรู้สึกดีใจและเกิดความคิดว่าจะทำยังไงต่อไป เพราะอารมณ์ขณะนั้นจะไม่มีลมหายใจไม่รู้ว่าจะกำหนดหรือทำอะไรต่อไปดี แต่ความรู้สึกและความคิดที่เกิดขึ้นนั้นไม่สามารถทำลายความสงบที่เกิดขึ้นได้เลย (ซึ่งปกติถ้าคิดหรือมีความรู้สึกอะไรจิตก็จะหลุดออกจากความสงบ) แม้แต่เสียงที่ได้ยินจากภายนอกก็เพียงสักแต่ว่าได้ยินคือ เสียงที่ได้ยินนั้น เพียงแค่ว่าได้ยิน แต่ไม่สามารถทำลายความสงบนั้นได้ สักพักหนึ่งภาวะความสงบอย่างยิ่งดังกล่าวก็หายไป และมาพร้อมกับอาการปวดที่หนักอึ้งมากๆ ซึ่งอารมณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวและไม่เคยเกิดขึ้นกับผมอีกเลย และทำให้ผมเข้าใจคำว่า สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี ได้ครับว่าเป็นความจริง จึงมีความสงสัยที่จะเรียนถามอาจารย์ซึ่งเป็นผู้รู้และเป็นครูบาอาจารย์ทางธรรมของผมครับว่า 1. อารมณ์ที่เกิดขึ้นกับผมที่กล่าวไปนั้นเรียกได้ว่าสมาธิขั้นสูงสุดใช่หรือไม่ และภาวะดังกล่าวเราควรจะทำอย่างไรต่อไปหากเกิดภาวะดังกล่าวอีก เพราะเป็นอารมณ์ที่จิตเป็นหนึ่งเดียว ไม่มีลมหายใจเข้าออก มีแต่ความสงบ 2. ผมได้ฟังธรรมะของอาจารย์ที่ได้กล่าวว่า บุคคลที่เป็นชายรักชาย จะไม่สามารถเข้าถึงธรรมได้ เนื่องจากกุศลกรรมวิบาก ซึ่งผมก็เป็นชายรักชายเหมือนกันครับ จึงอยากทราบว่า ไม่สามารถเข้าถึงธรรมได้ ธรรมในที่นี้หมายถึงความเป็นอริยบุคคลอย่างเดียว หรือรวมไปถึงการเข้าถึงสมาธิขั้นสูงสุดจนได้ปัญญาขั้นที่ 3 คืออภิญญา หรอครับ เพราะผมไม่สามารถปฏิบัติธรรมจนเกิดความสงบที่กล่าวไว้ข้างต้นได้เลย นับตั้งแต่ตอนนั้น นอกจากความสงบแบบประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น 3. ผมมีความคิดว่า ถ้าหากว่าก่อนที่จะปฏิบัติธรรม กำหนดจิตอาราธนาซึ่งศีลแปดหรือการบวชใจ บุคคลที่เป็นชายรักชายจะสามารถปฏิบัติธรรมแล้วเข้าถึงธรรมได้หรือไม่ครับ เพราะผมคิดว่าการบวชใจหรือมีศีลแปดคุมใจ จะทำให้อยู่ในสภาวะเป็นเพศพรหมจรรย์ ซึ่งจะสามารถปฏิบัติธรรมได้โดยไม่ได้แยกว่าเป็นเพศชาย หญิงหรือเพศใดๆ ผมคิดถูกหรือไม่ประการใดครับ ขอความกรุณาจากอาจารย์ช่วยอธิบายให้เข้าใจด้วยครับ 4. หลังจากที่มีการปฏิบัติธรรมมา ซึ่งผมก็มีความเพียรบ้าง ไม่มีความเพียรบ้าง จะเป็นช่วงๆครับ และสิ่งที่ผมสังเกตุได้คือ เมื่อผมห่างจากความสนใจจากการปฏิบัติธรรม เพราะจากภาระต่างๆ จากการใช้ชีวิตแบบโลกๆไม่ว่าจะเรื่องการเรียน การทำงาน การแข่งขันดิ้นรนเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง จะมีเหตุการณ์หรือสิ่งต่างๆเกิดขึ้นที่จะทำให้เรารู้สึก มีใจคล้อยตามและคิดว่า นิเราห่างจากการปฏิบัติธรรมไปแล้วน่ะ จะต้องปฏิบัติธรรมแล้วน่ะ จะเกิดสภาวะแบบนี้อยู่เสมอๆ ด้วยเพราะเหตุนี้ในปัจจุบันเวลาผมปฏิบัติธรรมผมจะอธิษฐานว่าขออย่าให้ผมมีใจห่างจากการปฏิบัติธรรม ขอให้ใจของผมระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และการปฏิบัติธรรมอยู่เสมอๆ จากเรื่องดังกล่าวอาจารย์คิดว่าผมคิดไปเองหรือไม่ครับ และการอธิษฐานจิตดังกล่าวผมคิดว่าจะช่วยให้เป็นไปตามนั้นได้จริง อาจารย์มีความคิดเห็นอย่างไร ผมขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่ช่วยกรุณาทำให้ผมได้เข้าใจในสิ่งที่ถูกต้องจริงครับ คำตอบ ( ๑ ). ใช่ครับ ในคราวปฏิบัติครั้งต่อไป หากประสงค์จะนำจิตเข้าสู่สภาวะดังกล่าว ต้องตั้งจิตอธิษฐานว่า ข้าพเจ้าปรารถนาพัฒนาจิตเข้าสู่ความตั้งมั่นเป็นสมาธิสูงสุด เป็นเวลานาน . ชั่วโมง แล้วลงมือปฏิบัติด้วยการเอาจิตจ่ออยู่กับอิริยาบถที่เป็นปัจจุบันขณะ เมื่อจิตเข้าสู่สภาวะดังกล่าวแล้ว คำอธิษฐานจะเป็นตัวกำหนด ความยาวนานของสภาวธรรมดังกล่าวได้อย่างถูกตรงและแม่นยำ ( ๒ ). คำว่าไม่สามารถเข้าถึงธรรม ในที่นี้หมายถึง ไม่สามารถเปลี่ยนสภาวะของจิตปุถุชนไปเป็นอริยบุคคล ปุถุชนทั่วไปสามารถพัฒนาจิตให้เข้าถึงธรรมเบื้องต้น ที่ยังคงสภาพของจิตเป็นปุถุชนเหมือนเดิม คือยังมีจิตตกอยู่ใต้อำนาจของกิเลสมาร ( ๓ ). เมื่อใดที่บุคคลได้เสวยอกุศลวิบากจบสิ้นไปแล้ว การเอาศีล ๘ มาคุมใจอยู่ทุกขณะตื่น ย่อมเกิดขึ้นได้ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว โอกาสที่จะพัฒนาจิตจากสภาวะปุถุชน ไปสู่จิตที่มีสภาวะเป็นอริยบุคคล จึงจะเกิดขึ้นได้ ความคิดเป็นเรื่องของมโนกรรม ตามที่บอกเล่าไป หากมีศีล ๘ ที่บริสุทธิ์และมีอยู่ครบถ้วนคุมใจได้ทุกขณะตื่น ถือว่าความคิดที่บอกเล่าไปถูกต้อง ( ๔ ). อารมณ์ที่เกิดขึ้นกับใจตามที่บอกเล่าไป ถือว่าใจยังมีความด่างพร้อย ใจยังไม่บริสุทธิ์ เป็นใจที่ขาดสติกำกับในบางขณะ หากผู้ถามปัญหาประสงค์จะก้าวข้ามอารมณ์เช่นนี้ให้ได้ ต้องพัฒนาใจให้มีศีลบริสุทธิ์ครบถ้วน และมีสัจจะคุมใจให้ได้ทุกขณะตื่น ทั้งนี้เพราะคุณธรรมทั้งสองเป็นเหตุทำให้กายศักดิ์สิทธิ์และจิตศักดิ์สิทธิ์ คำอธิษฐานดังกล่าวจึงจะบรรลุผลถูกตรงตามที่ตั้งปรารถนาไว้ ดังนั้นสิ่งที่ผู้ถามปัญหาอธิษฐานไว้ ถูกทางแล้ว เพียงแต่รักษาปฏิปทาให้ถูกตรงกับคำอธิษฐานเป็นใช้ได้ |
1592. กราบเรียน อาจารย์สนองด้วยความเคารพ ดิฉันเป็นผู้หนึ่งที่สนใจในการปฏิบัติธรรม ดิฉันมีข้อสงสัยจะขอความกรุณาอาจารย์เมตตาตอบปัญหาดังนี้ 1. บางครั้งดิฉันรู้สึกว่าดิฉันการสนใจในการปฏิบัติธรรมนี้ ทำให้ดิฉันดีกว่าคนอื่นๆ ควรแก้อย่างไรคะ 2. บางครั้งดิฉันมีอาการปวดตา ตรงเบ้าตาทั้ง 2 ข้าง ถ้าลืมตาจะไม่ปวด แต่ถ้าหลับตาจะรู้สึกปวดที่เบ้าตา ซึ่งก็ยังพอรู้บ้างว่ามีความคิดอยู่เรื่อยๆ ยิ่งทำให้ดิฉันรู้สึกปวดเบ้าตามากขึ้น จากการปวดครั้งแรก ดิฉันตัดใจไม่สนใจเกี่ยวกับการปฏิบัติเลย คือทิ้งไปประมาณเกือบอาทิตย์ อาการปวดก็หายไป แล้วดิฉันก็เริ่มใหม่เหมือนที่เคยปฏิบัติ คือ อ่านหนังสือศึกษาธรรมะ ฟัง mp3 และรายการธรรมะจากวิทยุก่อนนอน (รวมถึงจะฟังในเวลาอื่นๆที่สามารถฟังได้) ตอนนี้ดิฉันเริ่มมีอาการปวดตาเป็นครั้งที่ 2 ( ห่างจากครั้งแรก ไปประมาณเกือบเดือน ) ดิฉันไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะดิฉันคร่ำเคร่งมากเกินไปหรือไม่ ซึ่งได้ไปพบแพทย์แล้ว สายตาก็ปกติดี (ดิฉันมีโรคประจำคือไมเกรน) 3. ดิฉันได้สนใจการปฏิบัติและเริ่มปฏิบัติมานานประมาณสิบกว่าปีแล้ว เป็นการไปเข้าคอร์ส ปีละครั้ง 2 ครั้ง แต่พอกลับมาใช้ชีวิตปกติก็จะหายไปหมด แต่ล่าสุดนี้ประมาณเกือบสามปีที่ผ่านมาดิฉันก็ยังไปเข้าคอร์สอยู่เหมือนเดิม แต่กลับมาจะใช้วิธีฟังธรรมะก่อนนอนทุกคืน หรืออ่านหนังสือธรรมะศึกษาไปเรื่อย ๆ ในเวลาว่างที่พอจะหาได้ จนมีความรู้สึกว่าธรรมะอยู่ในใจของดิฉันอาจะไม่ทุกเวลาแต่ก็แทบทุก ๆ วัน จนกระทั่งล่าสุดนี้ดิฉันได้ไปฟังธรรมะบรรยายที่หนึ่ง รู้สึกปลาบปลื้มศรัทธาในพระอาจารย์เป็นอย่างมาก (พระชยสาโร)และพระอาจารย์ก็ให้ทำสมาธิประมาณ 10-15 นาที พอนั่งไปประมาณ 5-10 นาที ดิฉันรู้สึกปวดขาเป็นอย่างมาก ปวดจนรู้สึกว่าขาแข็งไปหมดเหมือนกระดูกจะแตก ดิฉันก็รู้สึกว่าปวดที่ขาเหลือเกิน และก็คิดว่าเมื่อไรพระอาจารย์จะบอกให้เลิกปฏิบัติซักที สลับไปมา กับความรู้สึกปวดที่ขานั้นแต่ก็มีอีกใจที่บอกว่าให้อดทนนั่งต่อไป และก็สลับไปมากับความรู้สึกปวดที่ขา กับอยากให้พระอาจารย์บอกเลิกปฏิบัติ ดิฉันก็นึกได้ว่าเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งเค้าปวดที่ขา แต่บอกว่าปวดที่ใจ ตอนนั้นดิฉันก็คิดไปว่าจะปวดที่ใจได้อย่างไร ปวดที่ขาต่างหาก แต่แล้วดิฉันก็เห็นที่ใจดิฉันร้อนรน กระวนกระวายในความรู้สึกปวดที่ขานั้น สลับไปมากับความรู้สึกที่อยากจะให้อาจารย์บอกเลิกการปฏิบัติ และดิฉันก็...เอ๊ะ นี่ไง ปวดที่ใจ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง และทันใดนั้นดิฉันก็เห็นใจความรู้สึกที่ใจว่าปวด และใจมันร้อนรน กระวนกระวายก็หายไป ดิฉันจึงกลับไปดูที่ขา อ้าว ขาก็ยังปวดอยู่มากเหมือนเดิม ดิฉันจึงกลับมาดูที่ใจเอ๊ะ แต่ที่ใจกลับรู้สึกเฉย ๆ ไม่ร้อนรน กระวนกระวาย แบบเมื่อสักครู่เลย ดิฉันจึงกลับไปดูที่ขาอีกครั้ง (อยากให้มั่นใจ) ก็ปวดเหมือนเดิม แต่ใจไม่ร้อนรนจึงนั่งภาวนาว่าสุขหนอ สุขหนอ แล้วพระอาจารย์ก็บอกให้เลิกปฏิบัติ ดิฉันจึงเปลี่ยนอิริยาบถ แต่ต้องใช้มือทั้ง 2 ข้างจับขาให้เปลี่ยนท่า เพราะขาทั้ง 2 ข้างแข็งจนดิฉันไม่สบายขยับขาเองได้เลย ดิฉันใคร่ถามอาจารย์ว่าเหตุการณ์นี้คืออะไรคะ ใช่ปัญญาเห็นแจ้งหรือไม่ ดิฉันกราบเรียนอาจารย์ตรง ๆ เลยว่า ดิฉันอยากทราบมานานแล้ว ว่าปัญญาเห็นแจ้งเป็นอย่างไร และการเห็นไตรลักษณ์เป็นอย่างไร แต่ก็ยังไม่เคยได้คำตอบซักที เพราะถ้าจากเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการเห็นไตรลักษณ์หรือเป็นปัญญาเห็นแจ้ง ดิฉันก็คงจะดีใจเป็นอย่างมาก และเพื่อเป็นกำลังใจในการปฏิบัติให้ดิฉันสู้ต่อไปค่ะ ขอขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูง *** ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ได้ติดตามผลงานอาจารย์มานานพอสมควร และรู้สึกศรัทธาอาจารย์เป็นอย่างมาก ถ้ามีโอกาสดิฉันตั้งใจว่าอยากจะพบอาจารย์ตัวจริงซักครั้ง และได้กราบอาจารย์ซักครั้งค่ะ คำตอบ ( ๒ ). คนโบราณกล่าวว่า ผู้ใดปรับธาตุทั้งสี่ ( ดิน น้ำ ไฟ ลม ) ให้อยู่ในสภาวะสมดุล ผู้นั้นย่อมมีสุขภาพดีเป็นปรกติ หากผู้ถามปัญหาประสงค์มีสุขภาพดี ทำไมไม่ลองเอาความเชื่อของคนโบราณ มาใช้กับตัวเองล่ะครับ ในทางธรรมคนที่มีโรคประจำตัว ( ไมเกรน ) เหตุเป็นเพราะเคยประพฤติเบียดเบียนผู้อื่น สัตว์อื่นมาก่อน แล้วเป็นเหตุให้มีการผูกเวรเกิดขึ้น เมื่อกรรมเวรให้ผล ผู้ทำกรรมไม่ดีไว้ ต้องรับอกุศลวิบากแห่งกรรมนั้น และต้องชดใช้ไปจนกว่าจะหมดสิ้น โรคประจำตัวจึงจะหาย และหากผู้ถามปัญหาประสงค์ชดใช้หนี้เวรกรรมให้หมดสิ้นไปเร็ว ต้องประพฤติบุญใหญ่ ( ปฏิบัติธรรม ) แล้วอุทิศบุญใหญ่ชดใช้หนี้กรรมให้กับผู้จองเวร ( ๓ ). ในครั้งที่ผู้ตอบปัญหาไปปฏิบัติธรรมอยู่กับท่านเจ้าคุณโชดก ในวันสุดท้ายก่อนลาสิกขา ท่านเจ้าคุณฯ ได้พูดกับผู้ตอบปัญหาว่า สิ่งที่ได้ไปนั้น เป็นของดี ของวิเศษ ให้เก็บไว้กับตัวตลอดชีวิต ผู้ตอบปัญหาได้เก็บรักษาความดีนั้นไว้จนบัดนี้ ยาวนานถึง ๓๕ ปีเศษแล้ว ความดีนั้นยังคงอยู่ ทั้งนี้เป็นเพราะผู้ตอบปัญหาได้เจริญ พละ ๕ ( สัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ) อยู่ทุกขณะตื่น เมื่อใจมีกำลังกล้าแข็ง ใจจึงสามารถต้านทานอำนาจของมารได้ ความดีที่ได้มาจึงยังคงมีอยู่จนทุกวันนี้ และยังมีมากขึ้นอีกด้วย ดังนั้นหากผู้ถามปัญหา ปรารถนาให้ผลดีที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติธรรม จะคงอยู่กับตัวเองตลอดไป ต้องเจริญพละ ๕ อยู่ทุกขณะตื่น เรื่องปวดขาที่บอกเล่าไปนั้น ผู้ที่มีปัญญาระดับโลก ( สุตมยปัญญาและจินตามยปัญญา ) ย่อมเห็นว่า อาการปวด ( ทุกขเวทนา ) เกิดขึ้นที่ขา ตรงกันข้าม ผู้ที่พัฒนาจิตจนเกิดปัญญาเห็นแจ้ง ( ภาวนามยปัญญา ) ได้แล้ว ย่อมเห็นถูกตามธรรมว่า ใจต่างหากที่ไปรับเอาสิ่งกระทบไม่ดีที่ขา เข้ามาปรุงเป็นอารมณ์ปวดให้เกิดขึ้นกับใจ เมื่อใดผู้เห็นถูกตามธรรมเอาอารมณ์ปวดมาพิจารณาตามกฎไตรลักษณ์ จนอารมณ์ปวดผันเข้าสู่ความเป็นอนัตตา ผู้นั้นจึงจะพ้นไปจากทุกขเวทนานั้นได้ เช่นเดียวกัน หากผู้ถามปัญหาประสงค์จะรู้จริงแท้ในเรื่องของไตรลักษณ์ ต้องไม่ทำตัวเป็นน้ำชาล้นถ้วย ( ขออภัยที่พูดตรง ) ด้วยการเลิกอ่านหนังสือ เลิกเอาปัญญาทางโลกมาวิเคราะห์เหตุผลในทางธรรม แล้วนำตัวเองเข้าปฏิบัติธรรม ( วิปัสสนากรรมฐาน ) เมื่อเข้าถึงธรรมที่ปฏิบัติได้แล้ว ปัญหาความไม่เข้าใจในเรื่องของไตรลักษณ์ ย่อมหมดไปได้เองเป็นอัตโนมัติ สุดท้าย การมีศรัทธาในปัญญาของผู้ตอบปัญหา แล้วประสงค์จะพบตัวจริงและกราบสักครั้ง เลิกคิดได้แล้ว ( ขยะ ) ผู้เห็นถูกตามธรรมศรัทธาในพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาคุณ ของพระพุทธโคดม จึงปฏิบัติตนให้ถูกตรงตามธรรมวินัย นั่นจึงจะถือได้ว่า บูชาผู้มีพระคุณอย่างแท้จริง |
1591. คำตอบ ( ๑ ). ผู้ถามปัญหาประสงค์จะรู้ว่า จริตแบบไหน เหมาะกับกรรมฐานบทใด โปรดเข้าไปดูคำตอบภาคภาษาอังกฤษที่ Lim Yew Lee เคยถามไว้ และตอบไปแล้วเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2554 ( ๒ ). การนั่งสมาธิแล้วเห็นสีแดงวูบวาม เป็นการปฏิบัติธรรมที่ดำเนินมาเกือบถูกทางแล้ว ต้องกำจัดสีแดงวูบวาบให้หมดไป ด้วยการกำหนดว่า เห็นหนอๆๆๆ ไปเรื่อยๆจนกว่าสีแดงวูบวาบหมดไป แล้วดึงจิตกลับมาสู่องค์ภาวนาเดิมที่ใช้อยู่ การทำเช่นนี้มีผลทำให้จิตมีกำลังของสมาธิเพิ่มขึ้น คนที่พัฒนาปัญญาทางโลก ( สุตมยปัญญาและจินตามยปัญญา ) มาสูง หากทำตัวเป็นคนโง่ ( น้ำชาไม่ล้นถ้วย ) แล้วปฏิบัติตามคำชี้แนะ จากผู้มีประสบการณ์ตรงในทางธรรม มรรคผลแห่งธรรมที่ปฏิบัติย่อมเกิดขึ้นได้ง่าย ( ๓ ). ปฏิบัติตามที่ผู้ตอบปัญหา เขียนบอกไว้ในหนังสือทางสายเอกให้ได้เมื่อใดแล้ว สิ่งดีงามในชีวิตนี้และชีวิตหน้าเลือกได้
. จะพิสูจน์ไหม ท่านด๊อกเตอร์ |
1590. กราบเรียนท่านอาจารย์ดร.สนอง วรอุไร ต้องขอโทษที่ส่งคำถามไรสาระไปที่อาจารย์มากน่ะครับ 1. ผมไม่คอยเขาใจในตอบของ คำถามที่ 1587 ครับ 1.2 อย่างนี้เรียกว่าทำ " มหาทาน " หรือเปล่าครับ ถ้ากระผมทำทานหรือทำบุญ ทุกวันด้วยเงิน 1 บาท หรือ อาจเป็นสิ่งของเล็กน้อย อาจจะเป็นแค่การให้น้ำใจ แต่ให้ตลอดจัดว่าเป็นมหาทานใหม่ครับ มากกว่านั้น และทำทุกวันจะเป็นมหาทานได้หรือไหมครับ 1.3 การไปเป็น อาสาสมัครจัดว่าเป็นมหาทานได้ไหมครับ 1.4 กระผมเองก็เป็นคนที่ โง่ คนหนึ่งครับ ในการเรียน พ่อแม่มักจะพูดเสมอว่า ชีวิตไม่แน่ไม่นอน ถ้าไม่มีพ่อแม่พวกผมจะลำบาก ท่านมักจะเตือนผมอยู่เสมอ ซึ่งกระผมก็คิดว่าดี เพราะเป็น มรณะสติ แต่การเรียนของผมนี้สิครับแย่มาก ตอนนี้ ผมอยู่ พิบูล ไทยสังคม ม. 4 จะขึ้น ม. 5 ซึ่งตอนนี้อยู่ ม. 4 อาจารย์สั่งงานมาไม่มากแต่ผมก็ยังทำไม่เสร็จ และคิดว่าต้องทำให้เสร็จได้แน่ครับ อาจารย์ครับ ชีวิตในโรงเรียนมัธยมปลาย เขาสอนให้เด็กเขา มหาวิทยาลัย โรงเรียนตั้งเป้าไว้ว่า ต้องการให้เด็กพูดได้ 3 ภาษา ไทย จีน อังกฤษครับ เมื่อจบมา แต่ตอนนี้ผมอยู่ ม. 4 เทอม 2 เกือบขึ้นม. 5 มีงานที่ยังทำไม่เสร็จแต่คิดว่าต้องทำให้เสร็จแน่ (เพราะไม่เสร็จก็ติด ศูนย์ ติด รอ และอาจจะซ้ำชั้น หรือถูกไล่ออก) ซึ่งเรื่องงานในตอน ม. 4 นี้ ผมคิดว่าผมรับมือได้ แต่ ถ้า ม. 5 มีงานมากมายมากกว่านี้ และการเรียนผมยังไม่ดีไปกว่าตอน ม. ต้น ผมควรทำอย่างไรดี 1.5 ตอน ม. 4 เทอม 1 ผมได้ไปลงเรียน มหาลัยรามคณะนิติ ตั้งใจจะทำให้จบตอนม. 6 ให้ได้ แต่ว่า ผมไม้ได้ไปสอบ ต้อง ไปลงหน่วยกิตใหม่ เดือน มีนาคม อาจารย์ครับ ที่ผมไปลงราม คณะนิติศาสตร์ เพราะกระผม หวังว่าจะให้จบตอนม. 6 ให้ได้ แต่ว่า อีกใจก็อย่ากจะ เอนต์ให้ติด ถ้าผมทำสองอย่างนี้ได้ดี แต่ว่า ดูแล้วเหมือนการจับปลาสองมือ ผมคิดว่า ต้อง เอนต์เขา คณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ และ ตั้งใจเรียน นิติศาสตร์ รามและโรงเรียนพิบูล ให้ดีที่สุดดีกว่า เพราะอาจารย์ สอนให้ทำงานด้วยวิธีอันเลิศ ผมจะทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุด แต่ดูเกรดและหัวตัวเองแล้ว มันคงยากกกกกกกกกกกกมากครับ แต่ถึงยังไงผมก็จะพยายามครับ จึง มาขอคำแนะนำจากอาจารย์ ในการเรียน 1.6 เคยฟังบรรยายจากอาจารย์ เกี่ยวกับการเรียน และ ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือคุณหนูดี จึงอยากจะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ต่อการเรียนของผม ขอบพระคุณอาจารย์มากๆครับ คำตอบ ( ๒ ). เงินหนึ่งบาท ไม่สามารถให้กับคนหมู่มากได้ จึงไม่เรียกว่าเป็นมหาทาน ( ๓ ). เป็นอาสาสมัครดับไฟป่าไม่เรียกว่ามหาทาน เป็นอาสาสมัครปรุงอาหารเลี้ยงคนหมู่มาก ติดต่อกันยาวนาน ( เจ็ดครั้ง ) เรียกว่ามหาทานได้ ( ๔ ). การคิดว่าตนเองเป็นคนโง่ เท่ากับเป็นการสร้างโปรแกรมโง่ไว้ในดวงจิต เมื่อใดมีเหตุปัจจัยถึงพร้อม ตัวเองต้องเสวยอกุศลวิบาก ( โง่ ) แน่นอน ผู้รู้เช่น พระโพธิสัตว์ นิยมอธิษฐานว่า คำว่าไม่มี ไม่ดี ไม่ได้ ไม่สบาย จงอย่าได้เกิดขึ้นกับข้าพเจ้า อย่างนี้ไม่เรียกว่าเป็นการสร้างโปรแกรมโง่ ตรงกันข้าม เรียกว่า เป็นการสร้างโปรแกรมฉลาดไว้ในดวงจิต ดังนั้น ผู้ถามปัญหาต้องเลือกสร้างโปรแกรมจิตตามที่ตนชอบ ( ชอบโง่หรือชอบฉลาด ) และผู้ใดปรารถนาความสำเร็จในกิจทั้งปวง ผู้นั้นต้องใช้อิทธิบาท ๔ มาเป็นเครื่องสนับสนุน คือ เรียนด้วยใจรัก ( ฉันทะ ) เรียนด้วยความพากเพียร ( วิริยะ ) เรียนด้วยใจจดจ่อ ( จิตตะ ) ใช้ปัญญาไต่สวนในวิชาที่เรียน ( วิมังสา ) ( ๕ ). ตั้งใจแล้วไม่ได้ทำให้ได้ตามที่ตั้งใจไว้ เรียกว่าไม่มีสัจจะ คนไม่มีสัจจะ ย่อมพบกับอุปสรรคและปัญหาในชีวิต การตั้งความปรารถนาเพียงหนึ่งอย่างแล้วทำเหตุให้ตรง ย่อมสำเร็จได้ง่ายกว่าตั้งปรารถนาหลายอย่าง แล้วทำเหตุแต่ละอย่างให้ถูกตรง เกรดต่ำทำให้สูงได้ด้วยการเพิ่มศักยภาพของสมองที่ใช้ในการศึกษาเล่าเรียน แต่ตัวที่ทำให้การเรียนล้มเหลว คือการตั้งโปรแกรมโง่ ที่คิดว่า มันคงยาก เมื่อใดเหตุปัจจัยลงตัว ยากแน่นอน ( ๖ ). การพัฒนาศักยภาพในทางปัญญา มิได้เนื่องมาจากการอ่านเพียงอย่างเดียว ยังเนื่องด้วยการทำจิตให้เป็นสมาธิ แล้วคลื่นสมองจะถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นระเบียบโดยอัตโนมัติ ซึ่งส่งผลให้ความจำเพิ่ม ศักยภาพในการทำงานของสมองเพิ่ม ต้องขออภัยที่ไม่ทราบสถานปฏิบัติธรรมในจังหวัดลพบุรี แต่ทราบว่าที่สิงหบุรีมีวัดอัมพวัน ที่อยุธยามีวัดมเหยงคณ์ เป็นสถานปฏิบัติธรรมที่ดี ควรนำตัวเข้าปฏิบัติและนำมาทำต่อที่บ้านอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ผลดีในการศึกษาเล่าเรียน ย่อมเกิดได้ |
1589. คำตอบ ( ๒ ). ผู้ใดปรารถนาไม่ให้อารมณ์เกิดขึ้น ผู้นั้นต้องเจริญสมถภาวนา จนจิตมีกำลังของสติกล้าแข็งได้แล้ว ย่อมเห็นสิ่งที่เข้ากระทบจิตดับไป ( อนัตตา ) ตามกฏไตรลักษณ์ อารมณ์ใดๆย่อมไม่เกิดขึ้นได้ ( ๓ ). เหตุเคยทำกรรมไม่ดีกับพ่อแม่มาก่อน ผลไม่ดีจึงเกิดขึ้นกับตัวเอง ด้วยการที่ลูกทำไม่ดีตอบแทน ทั้งนี้เป็นไปตามกฏแห่งกรรมนั่นเอง ฉะนั้นผู้รู้จึงยอมรับความจริง และยอมชดใช้หนี้เวรกรรมไปจนกว่าจะหมดสิ้น อนึ่ง ผู้ใดปรารถนาให้ลูกศรัทธา แล้วมากราบแม่ก่อนนอน ผู้นั้นต้องพัฒนาตัวเอง ให้มีพฤติกรรมถูกตรงตามธรรมให้ได้ทุกขณะตื่นแล้ว ผู้อยู่ใกล้ย่อมสัมผัสกับความดีงามนั้นได้ ความศรัทธา ( กราบแม่ก่อนนอน ) จึงจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้ |
1588. คำตอบ ดังนั้น หากผู้ถามประสงค์ให้ปัญหาดังกล่าวหมดไป ผู้ถามปัญหาต้องพัฒนาจิตตนเอง (สมถภาวนา) ให้มีสติระลึกทันสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เข้ากระทบจิตและพัฒนาจิตตนเอง (วิปัสสนาภาวนา) ให้เกิดปัญญาเห็นแจ้งได้เมื่อใดแล้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆไม่สามารถเข้ามามีอำนาจเหนือใจของผู้ถามปัญหาได้ เมื่อใดไม่รับเอาอำนาจอื่นใด (กิเลส) มาทำใจให้ขุ่นมัว ดิน น้ำ ไฟ ลม ของร่างกายก็จะอยู่ในสภาวะสมดุล การเจ็บป่วยย่อมไม่เกิดขึ้น .... พิสูจน์ไหมครับ |
1587. เรียน ท่านอาจารย์ที่เคารพ ดร สนอง วรอุไร ได้ติดตามการตอบคำถามอาจารย์ แต่ก็ยังมีคำถามต่อเนื่อง เพราะอยากทราบ อยากศึกษา ขอเรียนถามอาจารย์ดังนี้ครับ 1. มีคนถามปัญหาท่านอาจารย์ เกี่ยวกับเรื่อง สิ่งที่เราต้องการ มีผลให้เกิดขึ้น สำเร็จ มีประโยคหนึ่ง ที่ขอให้อาจารย์ท่านขยายความด้วย ทำนองว่า อาจารย์ แนะนำว่า ปฎิบัติธรรม ภาวนา และ อธิษฐาน พร้อมกับ " ต้องทำให้มีเหตุปัจจัยให้ถึงพร้อม " ความสำเร็จย่อมเกิดขึ้นได้ ทีนี้ผมก็มองตาม ปัญญา แบบทางโลก ที่พอมีอยู่บ้าง ( ปัญญาตัวที่สามผมไม่มี) ตัวอย่าง เช่น อธิษฐานขอเรียนดี สอบได้สอบผ่าน ผมก็ต้องทำปัจจัยเหตุให้ถึงคือ อ่าน อ่าน หนังสือ ตรึกคิด พิจารณา ฝึกฝน ใช้ความเพียร แต่ผมก็อาจมีเหตุข้อจำกัด คือ สติ ปัญญา ความรอบคอบ ของ สมอง IQ - ของผม มันอาจไม่ถึง ทำให้สอบอาจไม่ผ่านมันก็เป็นไปได้เช่นกัน หรือ ต้องรอผลให้เกิด ใน อนาคต... ชาติต่อไป ๆ หรือเปล่าครับ และ ปัจจัยเหตุให้ถึงพร้อม ยังหมายความรวมถึงสิ่งอื่่นในกรณีนี้ มีอีกไหมครับ ผลพลอยได้จากการปฎิบัติธรรม สมาธิ และ ภาวนา จะช่วยสร้างเพิ่มประสิทธิภาพของสมอง ความจำ ความคิด และ ความรู้ ความรอบคอบ เป็นไปได้จริงมาก boost ขึ้น มีทางเป็นไปได้สูงเพียงใดครับ 2. ในชีวิตจริง วันก่อน ฟังเทปอาจารย์ เกี่ยวกับการมีครอบครัวที่มั่นคง สองฝ่ายต้องมองสิ่งไม่ดีของแต่ละฝ่ายก่อน แล้วถามว่าเราทนเขาได้ หรือไม่ มิใช่แต่ จะดูแต่สิ่งที่ดีของแต่ละฝ่าย ต้องมีประชาธิปไตย ฟังเสียงส่วนใหญ่ในครอบครัว ไม่เอาอัตตาตนเป็นใหญ่ ให้เกียรติอีกฝ่ายของขวัญดีที่สุดให้คู่เรา คือ ความดี มนุษย์เวลาจับคู่ จีบกัน มักจะซ่อนเร้นในส่วนที่ไม่ดีของตนไว้ เวลานี้ชีวิตคู่ของคนส่วนใหญ่ปัจจุบันมีปัญหากันมากเหมือนกัน อยากเรียนถามอาจารย์ว่า ขอบพระคุณอาจารย์อย่างสูงครับ คำตอบ ผู้ถามปัญหาปรารถนา เป็นคนเรียนดี สอบได้ สอบผ่าน ต้องทำเหตุทั้งสามข้างต้นให้ถึงพร้อม คือ สร้างมหาทาน อธิษฐาน และทำเหตุให้ตรง ตามที่บอกเล่าไป มิใช่เป็นการทำเหตุให้ตรง ตามความรู้ของผู้เข้าถึงปัญญาเห็นถูกตามธรรม ( ภาวนามยปัญญา ) ซึ่งเป็นปัญญาสูงสุด ผู้เข้าถึงปัญญาสูงสุด รู้เห็นเข้าใจว่า จิตที่ตั้งมั่นเป็นสมาธิ ย่อมส่งผลให้ความถึ่ของคลื่นสมอง มีความเป็นระเบียบ แล้วความจำย่อมเพิ่มขึ้นเป็นอัตโนมัติ การเรียนดี สอบได้ สอบผ่าน จึงจะเกิดขึ้นได้ (๒). การสัมผัสกับสิ่งไม่ดีของคนอื่น มิใช่เพื่ออดทนเท่านั้น แต่ต้องมองพฤติกรรมไม่ดีของคนอื่น เป็นครูสอนใจตนเองว่า เราอย่างประพฤติไม่ดีเช่นเขา แล้วเราก็จะไม่เป็นเช่นเขา การมองเช่นนี้ คนประพฤติไม่ดีย่อมมีอุปการคุณ คือเป็นครูที่ไม่ดีสอนใจผู้มองนั่นเอง การใช้ประชาธิปไตยในครอบครัวมาตัดสินปัญหา ต้องใช้ประชาธิปไตยที่มีธรรมะเป็นฐานสนับสนุน แล้วความสงบสุขในสังคมครองครัวจึงจะเกิดขึ้น พระพุทธเจ้าชี้ทางให้เลือกผู้มีศีลเป็นหัวหน้าครอบครัว ความสงบสุขจึงจะเกิดขึ้นกับครอบครัวได้ ผู้รู้ผู้ฉลาดไม่เอาสิ่งเศร้าหมอง ( กิเลส ) ของคนอื่นมาเป็นของตัว และพระพุทธะยังตรัสว่า การจะรู้ว่าเขาเป็นคนเช่นไร ต้องอยู่ใกล้และดูกันนานๆ แล้วความจริงจะปรากฏ |
1586. ดิฉันมีความทุกข์ ในเรื่องธรรมะ ที่เห็นต่างจากสามีค่ะ สามีดิฉัน มีความเห็นถูกหรือผิดอย่างไร ในคำตอบด้านล่างค่ะ ซึ่งสามีเคารพท่านอาจารย์อยู่เป็นอย่างมาก คือ :- 1) บทสวด ธรรมคุณ สวาขาโต พระธรรม พระพุทธเจ้ามีไว้เพื่อสอนพระเท่านั้น จริงหรือไม่ค่ะ ? 2) พุทธวัจนะแปลว่าอะไร ? ตามความเห็นดิฉัน คือคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่สามี แปลว่า ทำเป็นประจำของผู้รู้ผู้ตื่นฯ หรือปล่าวไม่รู้ ? แต่สำหรับคนที่อยากเป็นมนุษย์แค่กิจวัตประจำวันก็คงพอแล้ว รักษาศีล 5 อยู่ร่วมครอบครัวสังคม มีการปฎิบัติกรรมฐานบ้าง เพื่อกันกิเลสเข้าทาง๖ช่องทาง ด้วยความเข้าใจในขันธ์ 5 ก็พอแล้ว. 3) บทสวด สุปะฎิปันโน เป็นคาถาสรรเสริญเฉพาะพระสงฆ์ จริงหรือไม่ค่ะ ? ถ้าอริยบุคคลตั้งแต่โสดาบันขึ้นไป ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติเพื่อพ้นทุกข์ และปฏิบัติสมควร ถือว่ารวมเป็นบุคคลที่อยู่ในบทสวดสรรเสริญ สุปะฎิปันโน หรือไม่ค่ะ ? 4) มีความรู้ทางธรรม ดีแล้วแต่ส่วนใหญ่มีไว้สอนพระสงฆ์ทั้งสิ้น..อ่านเพื่อความเข้าใจเท่านั้น เอามาปฎิบัติยาก...ข้อควรปฎิบัติจริงก็ที่พระสงฆ์เอามาเทศน์และอ้างถึงพระธรรมนั่นแหละ ? จริงแท้อย่างไร รบกวนอาจารย์ชี้ทางสว่างให้ด้วยค่ะ ? 5) พยายามอย่าอ้างถึงพระพุทธเจ้ามาก หาคนอ้างถึงหรือยกตัวอย่างใกล้ๆตัวหน่อยนะ จะดีขึ้นมาก เอาแค่พระก็หรูแล้ว ? ความเห็นอย่างนี้ ถูกต้องหรือไม่ค่ะ ? ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ล่วงหน้า มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ จากผู้มีทุกข์อย่างมาก นุ้ย คำตอบ (๒). คำว่า พุทธวจนะ เป็นสมมุติบัญญัติที่หมายถึง คำพูด หรือถ้อยคำ ที่พระพุทธวจนะจึง มิใช่คำสอนหรือสั่งบัญญัติให้ทำเป็นประจำ พระพุทธเจ้าโคดมบัญญัติธรรมวินัย ( ธรรมและวินัย ) ให้พุทธบริษัทนำไปประพฤติ ผู้ใดประพฤติถูกตรงจนเกิดผลแห่งการปฎิบัติได้แล้ว ความสวัสดีของชีวิตย่อมเกิดขึ้นกับผู้นั้น (๓). จริงครับ สุปะฏิปันโนฯ เป็นบทสวดสรรเสริญคุณของพระสงฆ์ ( อริยสงฆ์ ) ได้แก่พระสงฆ์ที่มีสภาวะของจิตเป็นโสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล สกทาคามิมรรค สกทาคามิผล อนาคามิมรรค อนาคามิผลและอรหัตตมรรค อรหัตตผล เท่านั้น (๔). ความรู้ในพุทธศาสนาสามารถเข้าถึงได้สองทาง ในครั้งพุทธกาล มีอยู่คราวหนึ่งพระมหากัสสปะ ( ประธานปฐมสังคายนาพุทธศาสนา ) ได้กล่าวเตือนภิกษุที่เรียนรู้ธรรมวินัยจากการอ่าน ( ปริยัติ ) แต่ไม่สนใจในการปฏิบัติรรม ในทำนองที่ว่า เพียงแค่ท่องบ่นพุทธวจนะได้ ย่อมทำให้รู้ไม่จริง มองไม่เห็นตัวเอง จึงสำคัญผิดคิดว่า ตัวเองประเสริฐกว่าผู้อื่น ด้วยเหตุนี้ฆราวาสสามารถศึกษาธรรมวินัย ด้วยการอ่านเพียงอย่างเดียว ก็สามารถจำสิ่งที่อ่านนั้นได้ เช่น อ่านเรื่องศีล ๕ รู้ว่าศีล ๕ ระบุให้เว้นประพฤติห้าอย่าง แต่ตัวเองยังดื่มสุราเมรัย ยังไปหยิบฉวยเอาของผู้อื่นที่ยังมิได้อนุญาต ยังตบยุง ฯลฯ อย่างนี้เรียกว่า รู้ศีล ๕ แต่ยังไม่มีศีล ๕ คุมใจ ตรงกันข้าม ผู้ที่รู้ศีล ๕ และเว้นประพฤติทั้งห้าอย่างนั้นได้ เรียกว่า รู้และมีศีล ๕ คุมใจ ดังนั้น การได้ยินผู้อื่นพูด พึงอย่าปลงใจเชื่อ แล้วพัฒนาตนเองให้เข้าถึงปัญญาเห็นถูกตามธรรม และอยู่ใกล้ชิดกับคนพูดนานๆ จึงจะรู้ว่า ผู้พูด รู้และมีธรรมวินัยนั้น ริงหรือไม่ (๕). เหตุที่มีการกล่าวอ้างถึงพระพุทธเจ้าอยู่บ่อยๆ เพราะพฤติกรรมของพระพุทธเจ้า ได้ถูกพิสูจน์มายาวนานแล้ว จนเห็นว่า พระพุทธตรัสไว้อย่างไร พระองค์ประพฤติได้ถูกตรงอย่างที่ตรัส เช่นเดียวกันพุทธสาวกที่บรรลุอรหันตผลที่ดับรูปดับนามไปแล้ว เป็นผู้ประพฤติได้ถูกตรงตามธรรมวินัยที่ระบุไว้ในพุทธศาสนา ก็สามารถยกขึ้นมากล่าวอ้างได้ เช่น หลวงปู่มั่น หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่แหวน หลวงปู่ชอบ หลวงปู่ขาว ฯลฯ ถามว่า : ความเห็นของผู้ถามปัญหา ถูกต้องหรือไม่ ตอบว่า : ถูกของผู้ถาม แต่ไม่ถูกของผู้รู้ตามธรรม ที่มีความเคารพศรัทธา เลื่อมใน ในพระปัญญาคุณ ในพระบริสุทธิคุณ และในพระมหากรุณาคุณของพระพุทธเจ้า |
1585. เรียน อาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร เคยติดตามการตอบคำถามของอาจารย์ แล้วห่างหายไป เพราะยังมีงานทางโลกมาก แต่ยังคงสวดมนต์ก่อนนอน ขอเรียนถามอาจารย์ดังนี้ ผู้ด้อยปัญญา คำตอบ ส่วนชื่อสถานปฏิบัติธรรมใกล้ถนนรามอินทราแนะนำวัดทับทิบแดง อยู่หลังตลาดไท |
1584. เรียนถามคำถามท่านอาจารย์ จากผู้เศร้าหมองค่ะ ก่อนอื่นหนูขอกราบขอบคุณท่านอาจารย์ ที่เมตตาตอบปัญหาก่อนหน้าที่เคยถามไปก่อนหน้านี้ และได้ทำให้หนูหันมาสนใจธรรมมากขึ้น ขณะนี้หนูมีเรื่องไม่สบายใจอย่างมากเนื่องจากเมื่อ 3 วันก่อนครอบครัวหนูได้ขับรถไปต่างจังหวัดกัน ขณะที่ขับอยูในหมู่บ้านเล็กๆ ถนนสองเลนนั้น มีแม่สุนัขข้ามถนน และลูกสุนัขข้ามถนนตามแม่ของเขาแต่ยังอยู่บนถนน หนูคิดว่าสามีควรจะเบรคหยุดให้เขาเดินพ้นไปก่อน แต่สามีได้หักหลบเล็กน้อย ขณะนั้นเองลูกสุนัขเมื่อเห็นรถกลับวิ่งกลับไปทางเดิม ซึ่งทำให้ถูกล้อทับทันที แม่สุนัขวิ่งกลับมาหาลูกซึ่งขณะนั้นยังร้องหงิงๆ และเงียบเสียงไป แม่สุนัขได้เห่ากับรถมอเตอร์ไซด์ที่ผ่านมา คิดว่าเขาคงอยากให้ช่วยลูกเขา เราได้แต่หยุดรถและอุทิศส่วนบุญกุศลที่ได้ทำมาให้เขา แต่ไม่ได้ลงไปทำอะไรเลยเนื่องจากกลัวเขาจะกัด แล้วก็จากไปเมื่อเห็นว่าคงช่วยไม่ได้แน่ ซึ่งมันทำให้หนูรู้สึกแย่จนถึงวันนี้ และไม่สามารถสลัดภาพนั้นรวมถึงความรู้สึกขณะที่รถทับลูกสุนัขตัวนั้น หากย้อนกลับไปได้อยากจะเข้าไปเอาเขาไปหลบข้างทาง และไหว้ขมาทั้งลูกและแม่สุนัขนั้น แต่มันก็เป็นไปไม่ได้แล้ว ที่ผ่านมาแม้หนูและสามีก็เลี่ยงที่จะฆ่าสัตว์แม้กระทั่งมด พยายามปัดหรือเป่าให้พ้นทาง แต่นี่กลับไปฆ่าสัตว์ที่ตัวใหญ่กว่าเสียอีก จึงขอรบกวนถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ ๑. ทำอย่างไรจึงจะสลัดความรู้สึกผิดที่ไม่ได้ ทำอย่างที่ใจคิดนี้ออกไปได้คะ เสียใจทุกครั้งที่นึกถึง รู้สึกว่าตัวเองทำไมใจดำอย่างนี้ รู้ว่าสิ่งนื้ทำให้ใจเศร้าหมองแต่มันก็ยังคิดอยู่เรื่อยๆ ๒. การที่อุทิศบุญให้เขาในตอนนั้นและขอให้เขาอยู่ในภพภูมิที่ดีขึ้น แต่เป็นขณะที่ตกใจอยู่นั้น ลูกสุนัขนั้นจะได้รับส่วนบุญของหนูไหมคะ แล้วหากหนูถวายสังฆทาน และอุทิศบุญให้เขาหลังจากเวลาผ่านไปแล้วหลายวันเขา หรือการสวดมนต์และนั่งสมาธิ แต่หากใจสงบบ้างไม่สงบบ้าง หรือการปล่อยโค เขาจะได้รับบุญนั้นพร้อมทั้งอโหสิกรรมให้หนูและสามีไหมคะ มีวิธีอื่นใดที่หนูควรจะทำเพื่อชดใช้ในสิ่งที่สามีได้ทำอีก เพื่อขอให้เขาอโหสิกรรมให้อีกไหมคะ ๓. ขณะนี้หนูเองไม่ได้คุมกำเนิดกลัวว่ากรรมที่สามีได้ขับรถทับเขา พรากชีวิตไปจากแม่ของเขา กลัวว่ากรรมนี้จะมีผลหากหากตั้งท้องขี้นมา จึงขอความเมตตาจากท่านอาจารย์ ช่วยชี้แนะว่าควรทำอย่างไรดีคะ ท้ายที่สุดนี้ต้องขอขอบพระคุณอาจารย์อย่างสูง สำหรับธรรมที่อาจารย์ได้มอบให้ผู้ไม่รู้ทั้งหลาย รวมถึงหนูให้ได้สนใจในธรรม และขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย โปรดประทานพรให้ท่านอาจารย์มีสุขภาพแข็งแรง เพื่อจะได้เป็นเผยแพร่พระพุทธศาสนาอีกยาวนานค่ะ ผู้เศร้าหมอง คำตอบ ( ๒ ). จิตวิญญาณใดระลึกได้ในบุญกุศลที่มีผู้อุทิศให้ แล้วเขามาอนุโมทนาบุญ จิตวิญญาณนั้นย่อมได้รับบุญกุศลที่มีผู้อุทิศให้ การอุทิศบุญใหญ่ ( เจริญจิตภาวนา ) ให้เจ้ากรรมนายเวร ( ลูกสุนัข ) หากเขามาอนุโมทนาหนี้เวรกรรมย่อมหมดไปได้เร็ว ผู้รู้นิยมประพฤติเช่นนี้ ( ๓ ). ผู้ที่ยังอยู่ในวัยเจริญพันธุ์และมิได้คุมกำเนิด คนโบราณสอนให้ป้องกันตนเอง จากจิตวิญญาณที่ไม่ดีมาเกิดเป็นลูก ด้วยการประพฤติศีล ๕ และนำอาหารไปใส่บาตรให้พระสงฆ์อยู่เสมอ ผู้มีทานและศีลคุมใจ จิตวิญญาณที่จุติจากสวรรค์เท่านั้น ที่จะมาเกิดเป็นลูกในท้องได้ |
1583. เรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง ที่เคารพ ดิฉันมีปัญหากับสามี คือดิฉันถือศีล 5 ไม่ทะลุไม่ขาด ไม่ด่าง ไม่พร้อยมาเกือบ 3 ปีแล้วค่ะ ซึ่งช่วง2ปีก็จะอารธนาศีล 5 ก่อนลุกจากเตียงทุกวันและก่อนนอนว่ามีศีลใดบกพร่อง แต่หลังจาก 27 เมษา 2553 ก็เห็นปฏิจจสมุปบาท ว่าเป็นเพียงเหตุปัจจัยอิงอาศัยกันและกันเท่านั้นเอง ไม่มีตัวตน คนสัตว์บุคคลเราเขา หญิงชาย เป็นแต่เพียงธาตุขันธ์ เกิดจากเหตุปัจจัยล้วน.... สามีดิฉันเปิดใจรับธรรมะก็เพราะหนังสือของท่านอาจารย์ เล่ม ทางสายเอก และได้รับการอบรมจากคุณแม่สิริ เมื่อปี 2551 แต่เขาก็ไม่ดีขึ้น เนื่องจากยังดื่มสุรา ติดสังสรรค์ เขาเลิกไม่ได้ เพราะสามีบอกว่า ยังมีสังคม (เขาเป็นทหารบกค่ะ) สมัยก่อนที่ไม่เคยเจอกัน เขาไม่รุ้จักการตักบาตร การทำทาน การเข้าวัดเพื่อเวียนเทียนเลยค่ะ ปัญหาก็คือ คำถาม - ดิฉันต้องการให้เขาปฏิบัติต่อ จะทำอย่างไรดีค่ะ ? คำถาม วัว ควายมีศีล 5 จริงหรือเปล่าค่ะ ? ดิฉันตอบเขาไปว่า มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ วัวควายเป็นสัตว์เดรัจฉาน จะมีศีลได้อย่างไร ในเมื่อไม่มีปัญญา.. เขาบอกว่า ถ้าอจ.ตอบว่าวัวควายมีศีล 5 ต้องเคารพเขานะ ดิฉันก็ตอบว่า มันเป็นการสนทนาธรรม ทำไมต้องเคารพบุคคลที่ไม่มีศีล ไม่มีธรรม 3) สามีดิฉัน ไม่เชื่อว่า เวลาปฏิบัติแล้วจะรู้ได้เฉพาะตน ซึ่งดิฉันก็บอกเรื่องคำแปลใน บทสวดพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ (พระพูทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้วเป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติพึงเห็นได้ด้วยตนเอง ให้ผลไม่จำกัดกาล เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกับผู้อื่น ว่าท่านจงมาดูเถิด เป็นสิ่งที่ควรนน้อมเข้ามาใส่ตัว และเป็นสิ่งที่รุ้ได้เฉพาะตน) พระสังฆคุณ (ปฏิบัติดีแล้ว ปฏิบัติตรงแล้ว ปฏิบัติเพื่อพ้นทุกข์และปฏิบัติสมควรแล้ว). คำถาม ขอให้ท่านอจ. แนะนำเปิดทางสว่างให้ด้วย เพราะดิฉันจะเอาคำถาม คำตอบของท่านอาจารย์ให้สามีดิฉันอ่าน เพราะเขาเคารพท่านอาจาย์อยุ่คนเดียว 4) คำถาม ทำไม สามีไม่เคารพฆราวาสที่มีศีล 5หรือศีล 8 ที่ได้โสดาบันหรือสกิทาคามี ? เขาจะพูดเสมอว่า เขายอมรับนับถือ แต่พระภิกษุสงฆ์ (ห่มผ้าเหลืองเท่านั้น) แม้ว่าพระสงฆ์จะประพฤติ ปฏิบัติถูกตรงหรือไม่ก็ไม่เป็นไร แต่จะเชื่อใน(สมมุติสงฆ์เท่านั้น) ยกเว้น ท่านอาจารย์คนเดียวที่เป็นฆราวาสแล้วสามีดิฉันนับถือ ก็เข้าใจได้ว่า เหตุปัจจัยเขามีมาอย่างนี้.. ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์มาล่วงหน้า ดิฉันไม่มีผุ้ใดที่รุ้จัก(และเป็นอริยบุคคล) ที่สามารถบอกกล่าว และขอให้ท่านอาจารย์เมตตาช่วยตอบคำถามด้วยค่ะ คำตอบ ( ๒ ). วัวควายที่ไปกินข้าวปลูกของชาวนาคนอื่นโดยมิได้ขออนุญาต วัวควายตัวนั้นประพฤติผิดศีลข้อ ๒ วัวควายที่ไล่ขวิดให้หนีไปห่างไกล แล้วไปสมสู่กับวัวควายตัวเมียของจ่าฝูงเดิม ถือว่าประพฤติผิดศีลข้อ ๓ ดังนั้นผู้ถามปัญหาพึงวิเคราะห์ด้วยสติปัญญาของตัวเองว่า วัวควายตัวนั้นประพฤติผิดศีลหรือไม่ ผู้ตอบปัญหาเอาธรรมวินัยในพุทธศาสนามาสถิตไว้กับใจ ผู้มีธรรมวินัยไม่ปรารถนาให้ใครต้องมาเคารพ ศรัทธา เลื่อมใส เพราะเห็นสิ่งดังกล่าวไม่ใช่ตัวตน ( อนัตตา ) จิตจึงเป็นอิสระต่อสิ่งเหล่านั้น ( ๓ ). ความไม่เชื่อ เกิดจากปัญญาที่มีอยู่ในตัวของบุคคล ใครผู้ใดพัฒนาปัญญาเห็นถูกตามธรรมได้แล้ว ความรู้ เห็น เข้าใจ เฉพาะตน ( สนฺทิฏฐิโก ) ย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมดา อนึ่ง บุคคลมีชีวิตเป็นของตัวเอง เขาจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ก็เป็นเรื่องของเขา ผู้ใดประสงค์พิสูจน์ รู้ได้เฉพาะตน ต้องนำตัวเองไปพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง ( วิปัสสนาภาวนา ) ได้เมื่อใดแล้ว ความสงสัยในการรู้ได้เฉพาะตนย่อมหมดไปเป็นธรรมดา ( ๔ ). มนุษย์สามารถพัฒนาปัญญาได้ทั้งทางโลกและทางธรรม ผู้ใดพัฒนาสุตมยปัญญาและจินตามยปัญญา ( ปัญญาทางโลก ) ได้แล้ว ย่อมเห็นสรรพสิ่งเป็นจริงเพียงชั่วคราว ( สภาวสัจจะ ) ตรงกันข้าม ผู้ใดพัฒนาภาวนามยปัญญา ( ปัญญาทางธรรม ) จนเกิดปัญญาเห็นแจ้งได้แล้ว ย่อมเห็นสรรพสิ่งเป็นจริงแท้ ( ปรมัตถสัจจะ ) เมื่อเป็นเช่นนี้ สามีจะเคารพนับถือใคร ก็เป็นเรื่องของปัญญาที่เขาพัฒนาได้ จงเอาสามีเป็นครูสอนใจตัวเอง แล้วเราจะไม่โง่อีกต่อไป |
1582. ปีใหม่นี้ขอให้อาจารย์สุขภาพแข็งแรงอยุ๋เป็นเสาหลักของศาสนาพุทธต่อไปตราบนานเท่านานครับ.. สาธุ. คำตอบ คู่ที่ ๑. โสดาปัตติมรรค และ โสดาปัตติผล คู่ที ๒. สกทาคามิมรรค และ สกทาคามิผล คู่ที่ ๓. อนาคามิมรรค และ อนาคามิผล คู่ที่ ๔. อรหัตตมรรค และ อรหัตตผล หากเป็นฆราวาสผู้มีศีล ๕ หรือ ศีล ๘ สามารถสอนภิกษุสงฆ์ได้ เพราะไม่มีพุทธบัญญัติห้ามไว้ ตรงกันข้าม หากเป็นนักบวชเพศหญิง (ภิกษุณี) หากไปสอนภิกษุสงฆ์ถือว่า ประพฤติละเมิดวินัยที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ (๒). ภิกษุณีสงฆ์ที่ประพฤติละเมิดวินัย ถือว่าเป็นบาป ถามว่าบาปมากแค่ไหน ตอบว่า บาปถึงขั้นปฏิบัติธรรมแล้วเข้าไม่ถึงธรรมที่ปฏิบัติ คือปฏิบัติสมถกรรมฐาน แล้วไม่สามารถพัฒนาจิตให้เข้าถึงสัมมาสมาธิได้ ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน แล้วจิตเข้าไม่ถึงปัญญาเห็นแจ้ง |
1581. คำตอบ ( ๑ ). หากผู้ถามปัญหาประสงค์แก้ไขเรื่องความคิดไม่ดีให้หมดไปจากใจ ต้องพัฒนาจิตให้มีกำลังสติกล้าแข็ง มีปัญญาเห็นแจ้งกล้าแข็ง ด้วยการนำตัวเองเข้าปฏิบัติธรรม แล้วใช้จิตที่มีปัญญาเห็นแจ้งไปพิจารณาความคิดที่ไม่ดีให้ดับไป ( อนัตตา ) ตามกฎไตรลักษณ์ ได้เมื่อใดแล้ว ปัญหาย่อมหมดไปโดยปริยาย ( ๒ ). ผู้ใดมีความคิดที่เป็นอกุศลเกิดขึ้นกับใจ ผู้นั้นกำลังเสวยอกุศลที่เป็นบาป เหตุที่ควบคุมความคิดไม่ได้ เพราะจิตมีกำลังของสติอ่อนกว่ากำลังของบาปที่ส่งผล หากผู้ถามปัญหาไม่ต้องการให้ความคิดที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับตน ต้องหยุดการอ่าน แล้วนำตัวเองเข้าปฏิบัติธรรมตามที่ได้แนะนำไว้ในข้อ ( ๑ ). ( ๓ ). ความคิดอกุศล เป็นผลที่เกิดจากอกุศลกรรมที่ผู้ถามปัญหาทำกรรมที่ไม่ดีมาก่อน ผู้ใดหยุดการอ่าน แล้วนำตัวเองเข้าปฏิบัติธรรมจนเกิดความรู้สูงสุด ( ภาวนามยปัญญา ) ได้แล้ว ความรู้เห็น เข้าใจ ในสิ่งที่เขียนตอบมา ย่อมสว่างกระจ่างชัด ( สันทิฏฐิโก ) กับตัวของผู้ถามปัญหาได้ ( ๔ ). กระทำความดี ด้วยการพัฒนาจิตให้เข้าถึงปัญญาสูงสุดได้ นั่นแหละดีที่สุด |
1580. คำตอบ |
1579. คำตอบ การอธิษฐานตามที่บอกเล่าไปนั้นถูกต้องแล้ว ขอเพียงทำเหตุให้ตรงคือ การเดินทางจะปลอดภัยได้ ต้องมีศีล และมีสติคุมใจขณะเดินทาง ใครผู้ใดพัฒนาใจให้มีธรรมมีวินัยในพุทธศาสนาคุมใจได้ทุกขณะตื่น ผู้นั้นมีความศักดิ์สิทธิ์ และไม่ต้องไปขอร้องสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นใด มาคุ้มครองให้ชีวิตปลอดภัย เพราะไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ใดจะยิ่งไปกว่า ความศักดิ์สิทธิ์ของธรรมและวินัยที่มีอยู่ในพุทธศาสนา |
1578. เรียนท่าน ดร.สนอง ที่เคารพ ขอโอกาสถามเรื่องจิตปราถนาพุทธภูมิ แรกๆผมก็อ่านหนังสือเกี่ยวกับพุทธภูมิทำให้มีจิตที่อยากเป็น เกิดขึ้นตั้งแต่อายุประมาณ 18 ปี ได้ ทุกครั้งที่ทำความดี ก็จะอธิฐานให้ได้สัพพัญญุตญาณในอนาคต แต่พอศึกษาอย่างจริงจังแล้ว ไม่ใช้เรื่องง่าย ต้องเวียนว่ายตายเกิดเยอะมาก ผมต้องการลาพุทธภูมิก็ตั้งใจลาพุทธภูมิหลายรอบ แต่พอเวลาผ่านไปจิตมันก็จะ ระลึก ขึ้นมาอีก โดยนิสัยส่วนตัวชอบศึกษาธรรมะ จึงให้เข้าใจว่าเราจะต้องปฏิบัติ เพื่อออกจากวงจรแห่งการเวียนว่ายตายเกิด ไปให้ได้หากปราถนาพุทธภูมิ ก็ต้องไปเวียนว่ายตายเกิดอีกมากมายนับไม่ได้ แต่จิตไม่ยอม หลายครั้งที่ลาพุทธภูมิก็จะมีจิตสงสารขึ้นมา ขอให้ ดร.สนองช่วย ให้ความกระจ่าง และช่วยบอกวิธีทำให้จิตพ้นจากความอยากในพุทธภูมิให้ด้วยครับ คำตอบ อนึ่ง พระโพธิสัตว์ผู้ยังมิได้ถูกพยากรณ์จากพระพุทธเจ้า พระองค์ใดพระองค์หนึ่งมาก่อน ( อนิยตโพธิสัตว์ ) สามารถลาพุทธภูมิได้ ด้วยการสวดมนต์สรรเสริญคุณพระรัตนตรัย ต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพุทธศาสนา แล้วกล่าววาจายกเลิกความปรารถนาเดิม และกล่าววาจาตั้งความปรารถนาใหม่ มาเป็นพุทธสาวก ย่อมทำได้ด้วยการรักษาสัจจะในอธิษฐานใหม่ และทำเหตุให้ตรง ( วิปัสสนากรรมฐาน ) การเข้าถึงอรหัตตผล ย่อมมีได้เป็นได้ |
1577. คำตอบ ( ๒ ). ทำให้ได้อย่างที่แนะนำไว้ในข้อ ( ๑ ). แล้วโอกาสนำพาชีวิตหนีอบายภูมิ หรือปิดอบายภูมิ ซึ่งพ้นไปจากบาปทั้งปวง ย่อมมีได้เป็นได้ |
1576. คำตอบ |
1575. คำตอบ ผู้มีกำลังสติของจิตกล้าแข็ง ย่อมเห็นสิ่งกระทบดับไปตามกฎไตรลักษณ์ จึงไม่เอาสิ่งกระทบเข้าปรุงอารมณ์ การเกิดอารมณ์โมโหเป็นเพราะจิตขาดสติ กมฺมุนา วตฺตตีโลโก แปลเป็นภาษาไทยว่า สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม ฉะนั้นแม่มีโรคประจำตัวเยอะ ( อกุศลวิบาก ) ก็เนื่องด้วยเหตุที่แม่ทำกรรมไม่ดีไว้ก่อนจึงเป็นเรื่องของแม่ ลูกที่ฉลาดย่อมเอาแม่เป็นครู ดูแม่เป็นตัวอย่าง ถ้าไม่อยากเจ็บป่วยอย่างท่าน ก็อย่าทำกรรมไม่ดีอย่างท่าน แต่ลูกที่ดีต้องมีความกตัญญูกตเวที เช่นนำท่านไปหาหมอรักษา ปรุงอาหารให้ท่านบริโภค ช่วยทำงานบ้านแทนท่าน ไม่สอนพ่อแม่เมื่อท่านยังไม่ศรัทธาในตัวลูก ฯลฯ ส่วนเรื่องการตั้งชื่อให้ใหม่นั้น ต้องขออภัย ผู้ตอบปัญหาเป็นคนซื่อตรงต่อธรรมวินัยของพระพุทธโคดม จึงไม่สามารถทำตามความปรารถนาของกิเลสได้ |
1574. หนูปฏิบัติธรรมมาได้สองปีแล้วค่ะ โดยวิธีของหลวงพ่อจรัญ โดยหลังจากเริ่มปฏิบัติที่บ้านทุกวัน โดยมีผลปฏิบัติ ดังนี้ คำตอบ ต่อมาได้หันไปปฏิบัติธรรมตามแนวของหลวงพ่อเทียน ก็ปฏิบัติได้ถูกตรงแนวทางแล้ว แต่จะรักษาความดีให้คงอยู่ได้หรือไม่ ก็อยู่ที่กำลังใจอีกนั่นแหละ ฉะนั้นหากผู้ถามปัญหาประสงค์ความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม จงเลือกเอาวิธีใดวิธีหนึ่งมาประพฤติปฏิบัติ และต้องเพิ่มกำลังให้กับใจด้วยการเจริญพละ ๕ ให้กล้าแข็ง ๑. เจริญศรัทธา ด้วยการนำตัวเข้าใกล้และสนทนาธรรมกับผู้ทรงคุณธรรมสูง ๒. เร่งความเพียร ด้วยการปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ๓. ทุกขณะตื่น เอาจิตจดอยู่กับอิริยาบถที่เกิดขึ้นจากการคิด พูด และทำ ๔. เจริญสมาธิให้เข้าถึงความตั้งมั่นจวนแน่วแน่ (อุปจารสมาธิ) ด้วยการเลือกบทกรรมฐานที่เหมาะกับจริตมาบริกรรม ๕. ใช้จิตที่ตั้งมั่นจวนแน่วแน่ สรรพสิ่งที่เข้าสัมผัสจิตว่า ดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์ ผู้ใด มีศีลไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย คุมใจอยู่ทุกขณะตื่น มีสัจจะ และมีความเพียรในการปฏิบัติธรรม ผลสำเร็จในการพัฒนาจิตย่อมเกิดขึ้น |
1573. คำตอบ |
1572. เรียน ท่านอาจารย์สนอง ที่เคารพ ดิฉันมีเรื่องค้างในใจ มองไม่เห็นใครที่จะตอบคำถามได้ ขอรบกวนอาจารย์เมตตาตอบคำถามดิฉันด้วยค่ะ ตอนดิฉันยังเด็ก อยู่ชั้นประถม พ่อแม่ได้ส่งไปเรียนโรงเรียน พุทธศาสนาวันอาทิตย์ ดิฉันไม่ชอบไป เพราะขี้เกียจค่ะ ตอนนั้น เพื่อนที่เรียนด้วยกัน เล่าถึงพระองค์หนึ่งที่วัดว่า พระองค์นั้น ชอบเย้าแหย่เพื่อน และอะไรดิฉันก็จำรายละเอียดไม่ได้ พระองค์นี้เอง เคยทำกิริยาแบบนั้นกับดิฉันบ้าง แต่จะมากหรือน้อยอย่างไร ดิฉันก็จำไม่ได้ เพราะยังเด็กมาก แต่ตัวเองก็ไปรู้สึกว่าพระองค์นี้ไม่ดี ต่อมาดิฉันไม่อยากไปเรียน พ่อแม่ก็ถามว่าทำไม ดิฉันก็บอกว่า ไม่อยากเรียน เพราะพระองค์นี้มาถูกตัวดิฉัน พ่อแม่โกรธมาก ไปต่อว่า พระมหาอาจารย์ที่วัด และต่อมาพระมหาได้พาพระองค์นั้นมาที่บ้าน มาขอโทษ และจำได้เลาๆ ว่า พระบอกว่า เห็นเป็นเด็กจึงแหย่เล่นเท่านั้น ดิฉันรู้สึกผิดมาก แต่ไม่ได้สารภาพผิดกับใคร และเก็บเป็นความลับ พ่อแม่ก็ไม่ทราบ ว่าดิฉันเป็นเด็กโกหก ใส่ร้ายพระสงฆ์ นอกจากนี้ เมื่อก่อนดิฉันโง่เขลามาก ได้วิพากษ์วิจารณ์ หลวงตามหาบัว เรื่องขอกองทุนผ้าป่าช่่วยชาติ ดิฉันได้ไปกราบขอขมาท่านที่วัด แต่ไม่ได้เอ่ยปาก เพียงแต่บอกในใจ ถือว่าใช้ได้หรือไม่คะ ขออาจารย์ช่วยชี้ทางให้ดิฉันด้วย ดิฉันควรทำอย่างไร จึงแก้ไขบาปนี้ได้ อย่าให้ดิฉันต้องตกนรกหมกไหม้เลยค่ะ ดิฉันกลัวบาปกรรมที่ทำมากค่ะ ทำไปเพราะโง่เขลาจริงๆ ดิฉันขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ล่วงหน้า บุญกุศลที่อาจารย์ได้กรุณาให้คำปรึกษาแก่ดิฉันและผู้อ่าน ขอให้อาจารย์และครอบครัวมีแต่ความสุข ความเจริญทั้งในทางโลก และทางธรรมนะคะ คำตอบ |
1571. คำตอบ งานภายนอกที่ดี ทำแล้วต้องไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีล และไม่ผิดธรรม ดังนั้นการขายโลงศพ ขายอาหารมังสวิรัติ ขายวัสดุก่อสร้าง ขายสังฆภัณฑ์ ฯลฯ จึงเป็นงานที่ดี ตรงกันข้าม งานที่ทำแล้วผิดกฎหมาย หรือผิดศีล หรือผิดธรรม เช่น ค้าขายสัตว์มีชีวิต ค้ายาพิษ ค้าอาวุธ ค้าเครื่องดักเครื่องประหาร ฯลฯ ผู้ใดประพฤติแล้ว ย่อมเกิดเป็นอกุศลวิบากตามมาในภายหน้า อนึ่ง อาชีพที่ข้องเกี่ยวกับการพนัน ขายหวย ขายเหล้าเบียร์ ฯลฯ เหล่านี้เป็นอาชีพที่ผิดธรรม ผู้ใดประพฤติผู้นั้นมีบาปเกิดขึ้น ผู้มีอาชีพดังกล่าว สามารถทำบุญได้ เช่น เลี้ยงพระ ใส่บาตร ตั้งโรงทาน ฯลฯ แล้วได้บุญ แต่หากนำตัวเข้าปฏิบัติธรรม ย่อมไม่ประสบผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติ ผู้มีบาปปรารถนานำพาชีวิตไปสู่ความสวัสดิ์ ต้องหยุดประกอบอาชีพที่เป็นบาปแล้วหันมาปฏิบัติ ทาน ศีล ภาวนา ได้อย่างถูกตรง โอกาสพ้นความวิบัติในกาลข้างหน้าย่อมเกิดขึ้นได้ ตัวอย่างเช่น ธนัญชานีพราหมณ์ เลิกประพฤติทุจริตเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์ แล้วหันมาประพฤติสุจริตตามธรรม สามารถหนีบาปไปเกิดอยู่ในพรหมโลกได้ สิริมาโสเภณีแห่งแคว้นมคธ เลิกประกอบมิจฉาอาชีพ แล้วหันมาปฏิบัติ ทาน ศีล ภาวนา จนจิตบรรลุโสดาปัตติผล ปิดอบายภูมิได้ และคนที่เกิดมามีจิตบรรลุโสดาบันแล้ว จะไม่ประพฤติผิดศีลธรรมอีกต่อไป ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ เมื่อเกิดกับผู้ใดแล้ว ถือว่าผู้นั้นมีบาป ส่วนจะบาปน้อยหรือบาปมากขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอกุศลวิบากที่ให้ผล การพิมพ์บทสวดมนต์ผิดโดยไม่เจตนาแล้วแจกให้มวลชน ถือว่าไม่เป็นบาปกับผู้พิมพ์ แต่ผู้ปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงจริยธรรมได้แล้ว ถือว่าเป็นบาปที่เนื่องด้วยจิตขาดสติ |
1570. สวัสดีครับ ท่านอาจารย์ ดร.สนอง กระผม นายวิรัตน์ มีตัน ทำงานอยู่ บริษัท ฮาน่าฯ สาขาจังหวัดลำพูน จากวันนั้นที่ท่านอาจารย์ ได้กรุณาเข้าไปบรรยาย ในบริษัทครับ ทำให้รู้จักท่านอาจารย์ กระผมอยากจะเรียนถามท่านอาจารย์ครับว่า การนั่งสมาธิโดยลำพัง ในห้องพระที่บ้าน โดยที่เรายังไม่เคยได้รับเป็นลูกศิษย์ของ ครูบาอาจารย์ ท่านใดเลย เราจะมีความกระจ่างในธรรมหรือไม่ แล้วจะมีผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเราหรือไม่ เพราะวันนั้นอาจารย์บอกว่าควรมีครูบาอาจารย์ด้วย ที่ถามคำถามนี้เพราะกระผมไม่แน่ใจและยังลังเล อยู่ว่าจะมีผลกระทบอะไรหรือไม่อย่างไร โดยปกติผมจะ สวดมนต์ อยู่สามบทหลักคือ สวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก แล้วสวด พาหุงมหากา แล้วสวดคาถาชินบัญชร แล้วก่อนจะนั่งสมาธิจะอธิฐานจิตถึงท่านเจ้าพระคุณสมเด็จฯพุฒจารย์โต พรหมรังสี คุ้มครอง แล้วนั่งสมาธิ และเมื่อก่อนหน้าเคยปฏิบัติ ตามแนวทางของหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี ตามในหนังสือของท่าน แต่กระผมก็ไม่เคยได้รับเป็นศิษย์ท่านและไม่เคยไปฝึกที่วัดท่านเหมือนกัน จึงไม่แน่ใจว่าเราจำเป็นที่จะต้องไปรับเป็นศิษย์กับครูบาอาจารย์ท่านโดยตรงหรือไม่ หรือแค่เราตั้งอธิฐานจิตขอเป็นศิษย์ท่าน ให้ท่านคุ้มครองได้ไหมครับ หรืออย่างไร ช่วยแนะนำให้ทีครับ คือกระผมปฏิบัติมาค่อนข้างนานแล้ว แต่ไม่สม่ำเสมอ เลยยังไม่ไปถึงไหน แต่ทุกครั้งที่สวดมนต์ ก็จะสวดทั้ง 3 บทที่ว่า ถ้าขาดอันใดอันหนึ่งแล้ว ไม่สบายใจครับ ก็เลยสวดทั้ง 3 เลย รู้สึกดี รบกวนท่านอาจารย์สนอง ชี้แนะแนวทางให้ทีครับ ถ้าเกิดว่าท่านอาจารย์คิดว่าจำเป็นต้องไปรับเป็นศิษย์หรือต้องมีครูบาอาจารย์โดยตรงนั้น ช่วยแนะนำครูบาอาจารย์ที่อยู่ใกล้แถว ลำพูน เชียงใหม่ ให้ทีครับ ขอพระคุณมากครับ ด้วยความเคารพอย่างสูง คำตอบ การนำเอาแนวปฏิบัติของผู้ใดมาประพฤติให้ถูกตรง และมีพฤติกรรมถูกตรงเหมือนกับผู้นำแนวปฏิบัตินั้นออกเผยแพร่ ความเป็นครูเป็นศิษย์ ย่อมเกิดขึ้นโดยปริยาย การสวดมนต์หากผู้สวดมีจิตจดจ่อกับบทมนต์ที่สวด สติย่อมเกิดขึ้นกับผู้สวด และหากพัฒนาใจได้ถูกตรงกับความหมายของบทมนต์นั้น ความศักดิ์สิทธิ์ในการสวดมนต์ย่อมเกิดขึ้น มีสิ่งที่น่าคิด น่าพิสูจน์ คือ บทมนต์สรรเสริญคุณของพระรัตนตรัย พระสงฆ์ผู้เป็นอริยสาวกต้องนำมาสวดในการทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็นทุกครั้ง ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นครับ |
1569. คำตอบ |
1568. เรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง ทุกครั้งที่ลูกมีความทุกข์ลูกจะนึกถึงท่าน เสมือนแสงสว่างในความมืดของลูกยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากจุดทางไหน ขอความกรุณาจากท่านด้วยเถิด ลูกกำลังประสบปัญหาวิบากกรรมเป็นจุดใหญ่ที่จะเปลียนแปลงชีวิตลูก ลูกรู้ว่าลูกเคยทำผิดมากมาก ยี่งระลึกได้ก็ยี่งรู้ว่าตัวเองเลวมาก อย่างว่าแต่ชาติที่แล้วเลยชาติน้ลูกก็จะกะอักแล้ว ลูกวันนี้ลูกก็พยายามรักษาศีล กาย วาจา ใจ ทั้งทาน และ ภาวนา เท่าที่มีโอกาสอย่างแท้จริง แต่ทุกครั้งที่ลูกตั้งใจทำ เช่น ตื่น ตี 5 สวดมนต์ นั่ง สมาธิ ทำกับข้าว ไปทำบุญตักบาตร มั่นทำประจำ แต่สี่งที่มากระทบเกิดขึ้นกับลูกก็ยังรุนแรงอยู่ เช่นพอลูกทำบุญเสร็จลูกตั้งจิตอธิฐานอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร ออกชื่อคนที่ลูกกำลังมีปัญหาที่ทำให้ลูกทุกใจ ทั้งที่ไม้ได้เจอกันนาน ก็ต้องมีเหตุให้เจอกันอย่างไม่มีเหตุผลและความรุนแรงก็เกิดขึ้นจนลูกตั้งตั้งไม่ทัน ทั้งที่ลูกกับเขาไม่ได้ มีปัญหารุนแรงอะไรกันมากมายถึงขนาดจะเข้ามาทำร้ายกัน แต่วันไหนที่ลูกไม่สวดมนต์ ไม่ไปทำบุญวันนั้นเหตุการณ์ปกติไม่มีอะไรเข้ามากระทบใจกระทบกาย ลูกไม่ได้ท้อ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ และเห็นคนอื่นเขาก็ยังทำผิดศิลอยู่ที่ก็ยังมีชีวิตที่ดี ประสบความสำเร็จในธุรกิจ แต่กับลูกยังต้องทนทุกข์กับตัวเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยังไม่รู้ว่าต้องทำยังไง สถานะการณ์ตอนนี้ ลูกตกงาน ธุรกิจก็โดนโกงและขาดทุน แฟนนอกใจไปมีคนอื่น ลูกต้องอยู่อย่างโดดเดียวในท่ามกลางวิกฤต ไม่มีแม้กระทั่งคนที่จะกล่าวถามว่าสบายดีไหม ทั้งที่ไม่มีใครแต่ภาระที่ต้องรับผิดชอบชีวิดคนอื่นก็มีมาก อยู่ ลูกทั้งสองคนก็กำลังเรียนอยู่ ลูกสาวเรียนดี กำลังจะจบ ม.ปลาย และ เอนท์ เข้ามหาลัย แต่ยังไม่รู้ว่าจะติดอะไรก็มีปัญหากันนิดหน่อย เพราะสี่งที่เข้าอย่างเป็นลูกก็ไม่ได้พอใจนัก แอบผิดหวังอยู่แต่ก็กล้าพูดอะไรมาก และลูกก็ต้องส่งเงินเลี้งแม่ที่ต้องอยู่คนเดียว ทั้งที่ลูกแม่ก็เยอะแต่ภาระเรื่องเงินก็ตกอยู่ที่ลูกคนเดียว แต่ลูกก็ยังมีความสุขที่ได้ทำอย่างนั้นไม่ได้คิดว่าเป็นภาระอย่างไร ลูกอย่างมีโอกาสไปปฎิบัติธรรมอย่างแท้จริง เพราะว่าว่างงานอยู่ แต่ก็ไปไม่ได้เพราะ มีหมาพิการอยู่ตัวหนึ่ง ที่ต้องล้างขี้ล้างเยี่ยวอยู่ขออภัยที่ให้คำนี้ค่ะ (เคยเขียนมาปรึกษาท่านทั้งหนึ่งว่าต้องทำยังไงกับเขาดี) และอย่างที่บอกว่า ลูกไม่มี่ใครจริงอยู่คนเดียว ที่ไม่สามารถจะพึ่งใครได้ในวิบากกรรมเช่นนี้ ถ้าลูกจะที้งไปก็กลัวบาป ไปทำบุญแต่จะได้บาป ลูกจะต้องทนทุกข์แลพโดนเดียวอย่างนี้ไปอีกนานไหมค่ะ ประมาณ 2 ปีแล้วค่ะที่ลูกเป็นอย่างนี้ ลูกสำนึกผิดแล้วจริงจริงค่ะแต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง *ต้องทนทุกข์รับกรรมอย้างนี้ไปอีกนานเท่าไร ? *ถ้าลูกไม่สามารถส่งเสียลูกเข้ามหาลัยได้ลูกจะบาปไหม ? *และถ้าลูกยังไม่มีอะไรทำอยู่ สัตว์เลี้ยงที่ลูกดูแลต้องโดนทิ้งลูกจะบาปไหม ? เพราะ แฟนเก่าเขาก็ไม่รับผิดชอบช่วยทั้งที่ก่อมาด้วยกัน. ลูกตัดสินใจเขียนมาหาท่านเพราะรู้ว่ามีท่านคนเดียวที่ลูกคิดออกในตอนนี้และรู้ว่าจะดีรับคำตอบที่เป็นแสงสว่างที่แท้จริงในชีวิต เพราะวิบากกรรมที่ลูกประสบอยู่ตอนนี้ มีเข้ามาเกือบทุกวัน ลูกยังงงอยู่สี่งที่ไม่น่าเกิดก็ยังเกิด กราบขอบพระคุณค่ะ พิมพ์พิชญ์ชา คำตอบ (๑). ถามไปว่า : ต้องทนทุกข์รับกรรมอย่างนี้ไปอีกนานเท่าไร (๒). ถามไปว่า : ถ้าลูกไม่สามารถส่งเสียบุตรให้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยได้ จะบาปไหม? (๓). ถามไปว่า : ถ้าสัตว์เลี้ยงที่ผู้ถามปัญหาดูแลอยู่ ถูกทิ้งจะบาปไหม |
1567. กราบเรียนอาจารย์สนองที่เคารพ ในช่วงปีที่ผ่านมา ได้รับประโยชน์่จากธรรมะที่อาจารย์แนะนำอย่างมากเลยค่ะ ทำให้มีหลักคิด พูด ทำได้ถูกต้องและชัดเจนขึ้น หนูขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและบุญกุศลที่เคยทำไว้ทั้งในอดีตชาติและปัจจุบันชาติจงสำเร็จแก่อาจารย์สนอง รวมทั้งทีมงานทุกคนในชมรมกัลยาณธรรมให้มีความสุขกาย สุขใจและประสบความสำเร็จในการทำสิ่งดีงามทุกประการนะคะ อาจารย์คะ หนูขออนุญาตถาม 2 คำถามนะคะ 1. หนูต้องการช่วยคุณแม่ทำงานเพื่อลดภาระให้ท่านทำงานน้อยลง แต่เนื่องจากที่บ้านเป็นร้านของชำซึ่งจำหน่าย เหล้า บุหรี่ อยู่ด้วย ไม่อยากขายสิ่งเหล่านี้เลยค่ะ ช่วงแรก ๆช่วยทำงานไป บางครั้ง จิตตก ทุกข์ แต่สักพักก็คิดได้ว่า ต้องรักษาใจไม่ให้ตก (อะไรก็เสียได้ แต่ใจห้ามเสีย) ก็ดีขึ้นและปฏิบัติธรรม รวมทั้งสวดมนต์ทุกวันพร้อมทั้งอธิษฐานจิต ขอให้ทุกคนในครอบครัวของหนูหลุดออกจากวิบาก ที่ต้องขายสิ่งเสพติดและมิจฉาอาชีพทุกประการ ทั้งในภพนี้และทุก ๆชาติภพไป อยากขอคำแนะนำอาจารย์ค่ะ ว่าควรทำอย่างไรดีที่สุดคะ 2. เผอิญได้เจอข้อมูลที่ระบุว่า ให้หยุดทำบาปด้วยการไม่ถวายเงินทองแด่พระภิกษุสงฆ์ สามเณร โดยข้อมูลอ้างว่าผิดพระบัญญัติพระไตรปิฎก เล่ม 3 หน้า 940 เล่มสีน้ำเงิน และเล่ม 3 หน้า 887 เล่มแดง ที่พระพุทธองค์ได้ระบุว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย...อนึ่งภิกษุใด รับก็ดี ให้รับก็ดี ซึ่ง ทอง เงิน หรือยินดีทอง เงิน อันเขาเก็บไว้ให้ก็ดีเป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์ต้องอาบัตินิสสัคคีย์ ต้องสละสิ่งของนั้นออกไป จึงจะพ้นโทษ หนูงงมากเลยค่ะ ตกลงถวายเงินให้พระไม่ได้หรือคะ แบบนั้นการทอดกฐิน ทอดผ้าป่าก็ไม่ถูกต้องหรือคะ อาจารย์ช่วยแนะนำหน่อยนะคะว่า ต้องคิดอย่างไรให้ถูกต้องตามธรรม กราบขอบคุณอาจารย์มาก ๆเลยนะคะที่สละเวลาช่วยตอบคำถาม คำตอบ (๒). ภิกษุรูปใดมีจิตเป็นทาสของทรัพย์เงินทอง ภิกษุรูปนั้นย่อมมีชีวิตวิบัติ ไม่สามารถพัฒนาจิตให้พ้นไปจากความทุกข์ได้ ดังที่พระพุทธโคดมตรัสกับพระอานนท์ เมื่อเห็นถุงบรรจุเงินที่โจรนำมาทิ้งไว้ที่หัวคันนา ขณะเดินบิณฑบาต ในทำนองที่ว่า ตรงกันข้าม ภิกษุรูปใดมีจิตเป็นอิสระจากทรัพย์เงินทอง นำเงินที่ได้จากการทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ฯลฯ ไปใช้สร้างศาสนสถาน เช่น สร้างโบสถ์ สร้างเจดีย์ สร้างศาลาปฏิบัติธรรม ฯลฯ ได้ถูกตรงตามเจตนารมณ์ของผู้สละทรัพย์ทำบุญ บาปย่อมไม่เกิดขึ้นกับภิกษูรูปนั้น |
1566. คำตอบ (๒). ผู้ใดปรารถนาความเฉลียวฉลาด รู้เท่าทันคน ผู้นั้นต้องเข้าใกล้และเสวนากับคนที่ปัญญาเห็นถูกตามธรรม และดีที่สุดหากนำตัวเข้าปฏิบัติธรรม จนสามารถเข้าถึงปัญญาเห็นแจ้งได้เมื่อใดแล้ว ความเป็นผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาด และรู้ทันคนย่อมเกิดขึ้นได้ (๓). คำว่า มหาทาน หมายถึงทานที่ให้กับคนหมู่มาก ให้กับหมู่สงฆ์ ผู้ทรงคุณธรรมสูง ให้ทานอย่างต่อเนื่องยาวนานเจ็ดวัน ให้กับหมู่สงฆ์ที่มาจากจตุรทิศ ฯลฯ เหล่านี้เรียกว่า มหาทาน การให้ทาน สามารถให้สิ่งดีงามได้ตามความเหมาะสมของตน เช่น ให้ทรัพย์เป็นทาน ให้ข้าว ให้นำ ให้ยาน ให้ที่อยู่อาศัย ให้แรงงานเป็นทาน ให้โอกาสเป็นทาน ให้อภัยเป็นทาน ให้ธรรมะเป็นทาน ฯลฯ |
1565. กราบเท้า ครูอาจารย์ ดร.สนอง ผมได้ฟังซีดีของท่านอาจารย์ ดร.สนองมาหลายครั้งแล้ว เกิดความเลื่อมใสในจริยวัตร ต่างๆ ของท่านอาจารย์ ดร.สนอง เป็นอย่างมาก แต่ยังไม่มีโอกาศได้ไปกราบเท้าอาจารย์ ดร.สนอง เลย เพราะอยู่ถึงชลบุรี ผมได้เจริญสติ มาประมาณ 1-2 ปี แล้ว ได้ฝึกมาหลายๆอย่าง แต่รู้สึกว่า ถูกจริตกับ พุทโธ แต่มาระยะหลัง มาบริกรรม นะมะ พะธะ ตามแบบหลวงพ่อฤา ษี ลิงดำ แล้ว รู้สึกถึงความโล่งเบา และจิตเข้าสมาธิเร็วกล่าเดิม อย่างนี้ถือว่า การบริกรรม นะมะ พะธะ ถูกจริตมากกว่าหรือป่าวคับ อยากรบกวนท่านอาจารย์ ดร.สนอง ช่วยชี้แนะด้วยคับ คำตอบ ผู้ใดมีบุญบารมีสั่งสมมาแต่อดีตมากพอ ผู้นั้นสามารถปฏิบัติธรรมด้วยตัวเองได้ คือปฏิบัติสมถกรรมฐาน แล้วจิตเข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิ ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน แล้วจิตเข้าถึงปัญญาเห็นแจ้งได้ผลแห่งการปฏิบัติธรรมเป็นเช่นนี้ จึงจะถือได้ว่าปฏิบัติธรรมได้ถูกต้อง ตรงกันข้าม ผู้ที่อบรมสั่งสมบารมีมาไม่มากพอ ควรแสวงหาครูบาอาจารย์ ผู้มีประสบการณ์ถูกตรงตามธรรม มาเป็นครูสอนกรรมฐาน หากผู้ถามปัญหาปรารถนาความเจริญในชีวิต ควรฝากตัวเป็นศิษย์กับหลวงปู่ภูพาน แล้วอยู่ปฏิบัติธรรมกับท่าน ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ หากเกิดขึ้นกับผู้ใดแล้ว ถือว่าผู้นั้นมีบาป ผู้ใดปรารถนาไม่ให้บาปเกิดขึ้น ต้องเลือกประกอบอาชีพที่เป็นสัมมาอาชีวะ หรือประกอบอาชีพเดิมที่เป็นบาป แต่ต้องพัฒนาบุญให้เกิดขึ้นอยู่เสมอ พัฒนาบุญให้มีผลยิ่งใหญ่กว่าบาป แล้วชีวิตจะไม่วิบัติ |
1564. หนูเรียนคณะสัตวแพทย์ ชั้นปีที่ 5 ความคิดและความรู้สึกดังกล่าวมานี้ ทำให้คิดจะหยุดเรียนและรับปริญญา วทบ.เฉยๆค่ะ แต่..น้องชายก็เพิ่งดร็อปเรียน .. แม่กับพ่อผิดหวังค่ะ ไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรค่ะ ขออาจารย์ช่วยชี้แนะ..แนวทางการคิด..ด้วย 1. อาจารย์บอกว่า " บุคคลมีชีวิตเป็นของตัวเอง ผู้รู้ไม่มีสิทธิ์เข้าไปก้าวล่วง " 2. ถ้าเลือกตัดสินใจเรียนต่อ ควร ประพฤติ + รักษาใจ อย่างไรคะ ขอบพระคุณค่ะ คำตอบ (๒). หากตัดสินใจเรียนต่อให้จบ ผู้เป็นลูกต้องพัฒนาจิตตัวเองให้มีบุญมากกว่าบาป แล้วบุญจะสามารถคุ้มครองชีวิตมิให้วิบัติได้ |
1563. กราบเรียนท่านอาจารย์สนอง การทำบุญตักบาตรทุกเช้า กับการถวายเงินเป็นค่าอาหารเลี้ยงภิกษุสามเณรและผู้ปฏิบัติธรรม คำตอบ |
1562. อยากรู้ว่า ควรฝึกวันละกี่ชมครับ คำตอบ |
1561. คำตอบ |
1560. คำตอบ (๑). ถือว่าผิดศีลข้อ ๓ ผู้ใดรู้ว่าทำผิดแล้วทำใหม่ให้ถูก คือไปสารภาพผิดต่อเจ้าของ แล้วขอมาเป็นภรรยาของตน เมื่อพ่อแม่ยกให้ ความผิดอันเป็นบาปจะยุติลงเท่านั้น แต่บาปที่ทำไว้ก่อนยังรอให้ผล (๒). จะพ้นจากบาปนั้นได้ ต้องปฏิบัติทาน-ศีล-ภาวนา จนสามารถปิดอบายภูมิได้ ดังที่สิริมาโสเภณีแห่งแคว้นมคธ ได้ทำให้ดูเป็นตัวอย่างแล้วนั้นไง (๓). สำหรับผู้ที่มีบุญบารมีเก่า สั่งสมมาแต่อดีตไม่มากนัก ต้องนำตัวเองเข้าปฏิบัติธรรม จนสามารถพัฒนาจิตให้เข้าถึงดวงตาเห็นธรรมได้แล้ว บาปเก่าที่ยังถูกเก็บสั่งสมอยู่ในจิต ย่อมหมดโอกาสให้ผล |
1559. คำตอบ การเข้ามาทำงานใหม่ แล้วได้รับมอบหมายให้ทำงานสำคัญของบริษัท นั้นเป็นเรื่องของศักยภาพในการทำงานของผู้ถามปัญหา มีสูงกว่าคนอื่นที่ทำงานมาก่อน ผู้ถามปัญหาได้รับมอลบหมายให้ทำงานสำคัญ เพราะเจ้านายผู้มีอำนาจสั่งการ เห็นว่าผู้ถามปัญหามีความสามารถเหมาะสมกับงาน จึงได้สั่งการเช่นนั้น อนึ่ง ผู้ใดรู้ว่าตนเองโง่ ผู้นั้นมีโอกาสเจริญได้ในวันข้างหน้า และหากผู้ใดประพฤติตามคำชี้แนะ ผู้นั้นมีโอกาสพ้นไปจากปัญหาที่เกิดขึ้นได้ |
1558. กราบเรียน ท่านอาจารย์สนอง วรอุไร หนูได้กระทำสิ่งที่ไม่ดีต่ออาจารย์ค่ะ คือ ในขณะที่ได้ฟังธรรมบรรยายของท่านอาจารย์ในเว็บกัลยาณธรรม ขณะหนึ่งจิตของหนูคิดไม่ดีต่ออาจารย์ค่ะ แล้วหนูก็รู้สึกตัวว่า ไม่ควรทำเป็นความเห็นผิดที่คิดลบหลู่ครูบาอาจารย์ที่หนูศรัทธาและนับถือ ซึ่งจะมีผลทำให้ปฏิบัติธรรมไม่ขึ้น หนูก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันที่อยู่ ๆ ก็มีความคิดไม่ดีแบบนี้ อาจารย์เคยบอกว่า ความคิดที่ไม่ดีแบบนี้ เกิดจากการที่มีกำลังสติอ่อน ซึ่งก็เป็นความจริงค่ะ ดังนั้นหนูขอกราบขอขมาต่อท่านอาจารย์สนอง วรอุไร ด้วยกายกรรม 3 วจีกรรม 4 มโนกรรม 3 กรรมอันหนึ่งอันใดที่หนูได้ประมาท พลาดพลั้งล่วงเกินต่อท่านอาจารย์สนอง วรอุไร ทั้งต่อหน้าก็ดี ลับหลังก็ดี ขออาจารย์โปรดเมตตาอโหสิกรรมให้แก่หนูด้วยค่ะ หนูมีเรื่องเรียนถามอาจารย์ 1 ข้อค่ะ คือ จากการฟังธรรมบรรยาย อาจารย์บอกว่า หากเรานอนสูงกว่าพ่อแม่ คือ พ่อแม่นอนชั้นล่าง ส่วนเรานอนชั้นบน จะทำให้เราทำอะไรก็ไม่เจริญ หากว่ามีความจำเป็นที่คุณแม่ต้องนอนชั้นล่าง เนื่องจากคุณแม่อายุมากแล้ว เดินขึ้นบันไดไม่ไหวค่ะ หนูบอกท่านแล้วว่ามันเป็นบาปกับหนู ท่านบอกหนูว่า ท่านไม่ถือ แล้วก็นอนตำแหน่งไม่ตรงกัน คงไม่เป็นไรหรอก เรียนถามท่านอาจารย์ว่า อย่างนี้ถือเป็นบาปหรือไม่ค่ะ ถ้าเป็นบาปต้องแก้ไขอย่างไรค่ะ ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ คำตอบ |
1557. คำตอบ (๒). ผู้ใดพัฒนาจิตจนเกิดสติและเกิดปัญญาเห็นแจ้งได้แล้ว ผู้นั้นย่อมเข้าถึงความศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งกว่าเอาจิตไปจดจ่ออยู่กับบทมนต์คาถา ผู้ตอบปัญหาไม่แนะนำให้เอาจิตไปสนใจอยู่กับสิ่งด้อยคุณค่า (๓). ต้องทำด้วยเอาใจจดจ่ออยู่กับบทมนต์ที่สวด เพราะเมื่อใดมีจิตจดจ่ออยู่กับอิริยาบถที่เป็นปัจจุบันขณะ เมื่อนั้นสติย่อมเกิดขึ้นแน่นอน (๔). การประพฤติดังที่บอกเล่าไป ถือว่าเป็นการสร้างมหาทานได้ และจะให้มหาทานมีผลมาก ก่อนทำต้องศรัทธา ขณะทำต้องตั้งใจ ทำแล้วต้องสบายใจ เมื่อทำครบ ๗ วันแล้ว จึงอธิษฐานครับ (๕). บาปเกิดขึ้นเมื่อไปขัดขวางการทำความดีของผู้อื่น คุณพ่อตายด้วยกรรมตัดรอน แล้วทำให้ลมหายใจเข้า-ออก จำเป็นต้องหยุด อยากรู้ว่าคุณพ่อตายแล้วไปไหน ร่างกาย (ศพ) เอาไปเผา เอาไปฝัง ส่วนจิตโคจรสู่ปรภพตามแรงผลักดันของกรรม อยากรู้ว่าไปไหน ผู้ถามปัญหาต้องพัฒนาจิต (สมถภาวนา) จนเข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิระดับฌานได้แล้ว ให้ถอนจิตออกจากความทรงฌาน แล้วอธิษฐานพบคุณพ่อที่ตายไป ความสมปรารถนาจึงจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้ |
1556. เรียน ดร.สนอง ที่เคารพ ดิฉันขอกราบ ฝากตัวเป็นศิษย์ อาจารย์ ได้มั้ยคะ หลังจากได้พยายามปฏิบัติตามรอย ครูบาอาจารย์อยู่เป็นประจำ ปัญหา ข้อที่ 1 ด้วยดิฉันมีลูกชาย อายุ 8 ปี ลูกสาวอายุ 3 ปี ทำให้ดิฉัน เผลอมีโทสะกับลูกบ่อย ดิฉันก็อาศัยเจริญเมตตา เพื่อให้โทสะดับ แต่ลูกๆก็สร้างปัญหา ทำให้โทสะดิฉันเกิดบ่อยมาก ไม่รู้จะทำยังไง ดิฉันชวนลูกสวดมนต์ ลูกก็ไม่ค่อยอยากสวด ทั้งที่ดิฉันก็สวดเป็นตัวอย่างทุกวัน นั่งสมาธิให้ดูทุกวัน (ตอนนั่งสวดมนต์และทำสามธิเป็นช่วงที่ไม่มีโทสะนะคะ) ดิฉันจะทำยังไงดีคะ ข้อที่ 2 ดิฉัน ทำตามที่อาจารย์แนะนำตลอดคือ พยายาม รักษาศีลให้คลุมใจ และกายตลอด ในทุกขณะตื่น พบว่าการทำสมาธิของดิฉันก็ยังสงบบ้างฟุ้งบ้าง ในช่วงที่เกิดความสงบตัวเบาสบาย ดิฉันก็บอกตัวเองว่าเดี๋ยวมันก็ดับไป การบอกกับตัวเองใช่จิตเกิดปัญญาหรือไม่คะ และทำไมเวลาช่วงที่จิตอยู่ในอารมณ์สงบเบาสบาย ยังมีอีกจิตหนึ่งที่สามรถคิดได้อีกคะ ข้อที่ 3 ทำยังไงจิตจะรวมเป็นสมาธิทุกครั้งไม่ฟุ้งคะ ดิฉันไม่อยากอยู่ในวัฏสงสารแล้ว ขออาจารย์ แนะนำสั่งสอนศิษย์คนนี้ให้ข้ามภพข้ามชาติด้วยนะคะ ขอบุญบารมีที่อาจารย์เมตตา ต่อศิษย์และเพื่อนมนุษย์จงเป็นปัจจัยให้อาจารย์บรรลุมรคผลนะคะ ด้วยความเคารพอย่างสูงสุด ศิษย์ คำตอบ (๑). พระพุทธโคดมสอนให้แก้ปัญหาที่ตัวเอง ผู้ใดให้อภัยเป็นทานในทุกเหตุที่เป็นสิ่งข้องใจได้แล้ว เมตตาย่อมเกิดขึ้นและสั่งสมอยู่ในจิต ซึ่งส่งผลให้มีอารมณ์สงบเย็น ดังนั้นปัญหาที่ถามจึงมิใช่เมตตาที่แท้จริง เหตุที่เกิดโทสะ เพราะจิตมีกำลังของสติอ่อน จึงไม่สามารถระลึกได้ทันสิ่งขัดใจที่ลูกๆส่งให้ ลูกเป็นครูทดสอบกำลังใจให้แม่ได้เห็นจุดอ่อนของตัวเอง ปัญหานี้หมดไปด้วยการเจริญสติให้มีกำลังกล้าแข็ง (๒). จิตเป็นพลังงานที่มีธรรมชาติ รู้ คิด นึก ขณะที่จิตอยู่ในอารมณ์สงบ เบาสบาย แล้วคิดได้ว่า อารมณ์ดังกล่าวย่อมดับไป การรู้ เห็น เข้าใจเช่นนี้ เป็นตัวปัญญาที่เกิดขึ้นในจิต ในหมู่นักปฏิบัติธรรมที่เข้าถึงสภาวะเช่นนี้ เรียกว่า เห็นจิตในจิต (๓). ต้องเจริญสมถภาวนา จนจิตเข้าถึงความเป็นมหาสติ คือ สามารถระลึกทันทุกสิ่งที่เข้ากระทบจิต ผู้ใดมีจิตเป็นมหาสติ ผู้นั้นมีจิตสงบจากอารมณ์ปรุงแต่งอยู่ทุกขณะตื่น ผู้ใดปรารถนานำพาชีวิตไปให้พ้นการเวียนตาย-เวียนเกิดในวัฏฏะ ผู้นั้นต้องพัฒนาจิต (วิปัสสนาภาวนา) จนเกิดปัญญาเห็นแจ้ง แล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้ง ขจัดความไม่รู้จริง (อวิชชา) ให้หมดไปจากใจได้เมื่อใด การไม่วนมาเกิดเป็นรูปนามในวัฏฏะ จึงมีได้เป็นได้ |
1555. คำตอบ |
1554. 1. ผู้พิพากษา ในการลงโทษผู้กระทำผิดให้สมกับที่ทำไว้นั้น จะเป็นการสร้างกรรมได้อย่างไร และในกรณีลงโทษผู้บริสุทธิ โดยยึดตามแนวทางการสอบสวน ที่ฝ่ายตรงข้ามกุเท็จใส่ร้ายขึ้นมา โดยที่คนตัดสินไม่มีอคติ จะเป็นบาปหรือไม่ เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นครับ แล้วฝ่ายที่ใส่ร้ายจะรับกรรมอย่างไรบ้าง คำตอบ ด้วยเหตุนี้ผู้ใดเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนอกุศลกรรมของคู่กรณี ผู้นั้นย่อมต้องได้รับผลของบาปของคู่กรณีที่ยังผูกเวรกันอยู่ อนึ่ง ผู้ใส่ร้ายเป็นผู้สร้างบาปให้เกิดกับตัวเอง ยังต้องชดใช้หนี้เวรกรรมเมื่ออกุศลกรรมให้ผล ทั้งในชีวิตปัจจุบัน และ/หรือในชีวิตหน้าอีกด้วย (๒). อัยการเป็นผู้ร่วมกระทำอกุศลกรรมกับตำรวจ เพราะไม่สามารถระลึกได้ว่า เรื่องราวแต่งขึ้นเป็นเท็จ จึงเป็นการทำบาปด้วยความบริสุทธิ์ใจนั่นเอง (๓). ผู้ใดสามารถพัฒนาปัญญาสูงสุดให้เกิดขึ้นได้แล้ว ผู้นั้นย่อมรู้ เห็น เข้าใจในเหตุและผลว่า กฎแห่งการกระทำ (กฎแห่งกรรม) มีอยู่จริง ดังนั้นคู่กรณีคือ ผู้ที่ผูกหนี้เวรกรรม สืบต่อหลายภพชาติยาวนาน ทนายความไม่รู้ความจริงเช่นนี้ จึงเข้าไปมีส่วนร่วมในห้วงเวลาหนึ่งของการจองเวรของคู่กรณี ทนายความจึงต้องรับ (อกุศลวิบาก) บาปของคู่กรณีนั้นด้วยเหตุแห่งความไม่รู้จริงเช่นนี้ (๔). มนุษย์มีงานของชีวิตให้ทำอยู่สองงาน คือมีงานภายนอกที่ทำให้กับสังคมส่วนรวม และมนุษย์ยังต้องทำงานภายใน คือประพฤติและสั่งสมบุญให้กับตัวเอง ขณะยังมีชีวิตทั้งทนายและตำรวจ ต้องทำงานภายนอกให้ดีที่สุด เพื่อให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข แม้ภายนอกจะให้ผลเป็นทั้งบุญและบาปก็ต้องทำให้ดีที่สุด แต่ต้องทำงานภายในให้เกิดบุญใหญ่และส่งผลมากกว่าบาปที่ทำ ชีวิตจึงจะไม่วิบัติ ดังเรื่องที่จะเล่าให้ฟังดังต่อไปนี้ ๒. ผู้ตอบปัญหาได้พบผู้พิพากษาท่านหนึ่งที่จังหวัดนครปฐม ได้เข้ามาฟังการบรรยายธรรมของผู้ตอบปัญหา และได้เล่าให้ฟังว่า ท่านได้รับคดีเกี่ยวกับรถชนคนตาย ท่านเฉลียวใจจึงไปดูที่เกิดเหตุก่อนมีการตัดสินคดีความ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ ได้มีชาวบ้านผู้เห็นเหตุการณ์ในวันนั้นมาบอกเล่าให้ท่านฟัง ซึ่งมีสาระตรงกันข้ามกับคดีที่ท่านได้รับ ผลปรากฏว่า ก่อนมีการตัดสินคดีความ ผู้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องได้ถึงแก่ชีวิตในโรงพยาบาล ส่วนจำเลย ภายในวันเกิดเหตุ ดังนั้นเมื่อโจทก์และจำเลยไม่มีชีวิตอยู่ คดีความเป็นอันถูกยกเลิกโดยปริยาย ผู้ตอบปัญหาได้กล่าวกับท่านผู้พิพากษาว่า .... สาธุ รักษาคุณธรรมเช่นนี้ไว้ตราบจนหมดหน้าที่ตัดสินคดี คุณธรรมที่ว่านั้นคือ ท่านมีเบญจศีลและมีเบญจธรรม คุ้มครองใจ หรือเรียกได้ว่า มีศีลมีธรรมคุ้มครองใจ ย่อมมีเทวดาคุ้มรักษามิให้วิบัติ การประพฤติตนให้ได้เช่นนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีงานภายนอก (อาชีพ) เป็นตำรวจ อัยการ ทนายและผู้พิพากษา (๕). อาชีพหมอ ย่อมได้บุญจากคนไข้ที่ตนเองช่วยให้คนไข้หายจากการเจ็บป่วย และหากการเจ็บป่วยเป็นผลจากการผูกพยาบาทจากเจ้ากรรมนายเวรกรรมที่มีกับคนไข้ หากต้องได้รับบาปจากการถูกจองเวรและไม่คบหาสมาคมด้วย พระฉันนะได้ฟังถึงกลับเป็นลมสลบไป เมื่อตื่นฟื้นขึ้นมา ฉันนภิกษุได้ปรับตัวเองให้เป็นผู้ว่านอนสอนง่าย ไม่ดื้อรั้น ไม่กล่าววาจาเสียดสีพระผู้ใหญ่และภิกษุอื่นอีกต่อไป พร้อมกับนำตัวเองเข้าหาพระมหาเถระที่ป่าอิสิปตนมฤทายวัน แขวงเมืองพาราณสี เพื่อขอร้องให้ท่านสอนธรรมให้ แล้วกลับมาหาพระอานนท์สอนธรรม (ปฏิจจสมุปบาท) ให้นำไปปฏิบัติต่อ จนสามารถบรรลุอรหัตตผลได้ในที่สุด จากตัวอย่างทั้งสองที่ยกขึ้นมาแสดง จะเห็นได้ว่าผู้มีปัญญาเห็นแจ้ง ไม่แก้ปัญหาที่ตัวของผู้อื่นให้เกิดเป็นเวรผูกพันต่อกัน แต่แก้ปัญหาที่ตัวเอง ปัญหาจึงยุติลงได้ด้วยความสวัสดี ด้วยเหตุนี้ อาชีพทหารจะเสี่ยงต่อการตกนรก ต่อเมื่อมีเจตนาประพฤติปาณาติบาต ประพฤติคอรัปชั่น ประพฤติล่วงเกินลูกเมียผู้อื่น ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอาฆาตแค้น ฯลฯ การทำงานภายนอกที่ยังต้องข้องเกี่ยวอยู่กับคนไม่ดี หากมีเวรผูกพยาบาทกันไว้ ถือเป็นบาป จึงต้องทำงานภายใน ให้มีบุญยิ่งใหญ่เกิดขึ้น ให้มีพลังของบุญส่งผลอยู่เสมอ ย่อมนำพาชีวิตหนีความวิบัติได้ |
1553. กราบสวัสดีอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ผมเคยอ่านหนังสือของอาจารย์ เล่มปกเขียวอ่อนๆเมื่อปีที่แล้ว พออ่านหนังสือธรรมะก็จะเกิดแรงบันดาลใจ ที่จะทำความดีมากๆกลัวว่าตายไปจะไปในที่ไม่ดีน่ะครับ ขอเริ่มเรื่องที่ผมจะถามนะครับ ผมรู้สึกสับสนกับชีวิตของผม มากๆครับ คือ ที่ผมมาอเมริกานี้ ก็เพราะอยากปลีกตัวออกจากสังคมที่ประเทศไทย และก็เบื่องานในอดีตที่เคยทำคือ เป็นผู้อำนวยการทางด้านหลักทรัพย์ พูดภาษาชาวบ้านก็คือ หาคนมาเล่นหุ้น ตามเป้าหมายที่บริษัทมอบหมายมาให้ คราวนี้ พอลูกค้าที่ผมหามา เกิดการขาดทุนจากการลงทุน ผมก็รู้สึกผิด และเริ่มเบื่องานที่ทำ ทำให้เป้าหมายที่บริษัทวางไว้ไม่บรรลุ ก็เลยเหมือนโดนบีบออก ก็มีส่วนที่ทำให้ผมมาอยู่ที่อเมริกา พอมาอเมริกาก็หนีไม่พ้นงานที่ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนอีกครับ เรื่องที่ผมอยากเรียนถามอาจารย์ก็คือ 1. การทำงานแบบนี้บาปไหมครับ ผมไม่สามารถเลือกงานที่อเมริกาได้ เพราะภาษาไม่ดี และคนที่นี่ที่มีการศึกษาสูงๆยังตกงานอีกมาก พอมาสมัครงานนี้ ทางบริษัทรับเข้าทำงานผมก็เลยต้องทำไปก่อนครับ 2. ผมยังหลงในวัตถุนิยมชอบซื้อนู่นซื้อนี่ เพราะคิดว่าเงินทองของนอกกายมีก็ใช้ใช้ซะ ทำอย่างไรจึงจะเลิกหลงในวัตถุนิยมครับ เพราะทุกวันนี้ ที่อยากมีเงินมีงานก็เพราะมาสนองตัณหาตัวนี้แหล่ะครับ 3. ใจหนึ่งก็คิดว่ารู้สึกเหงา อยากมีคู่ มาเป็นเพื่อน พราะอายุก็ไม่น้อยแล้วครับ ( ผมเกิดปี 4 มกราคม 2506) และคิดว่า เผื่อจะมีลูกด้วยกันที่อเมริกานี่ เพราะใจยังคิดอยู่น่ะครับว่าคนเราต้องมีคู่ชีวิตจะได้ไม่เหงาไม่รู้คิดถูกหรือผิด แต่ก็ตัดใจไม่ขาดสักที ทำอย่างไรถึงจะตัดใจได้ว่าไม่จำเป็นต้องมีคู่ และไม่รู้สึกเหงาๆด้วยครับ 4. มันเกี่ยวพันกับข้อ 3 ครับ ทำอย่างไรจะตัดขาดจากความรู้สึกทางกามารมณ์ได้ครับ เพราะทุกวันนี้ ถึงจะมีน้อยลงไม่เหมือนสมัยหนุ่มๆ แต่ก็ยังมีอยู่ครับ ทำอย่างไรที่จะสามารถตัดขาดไม่เกิดอารมณ์ทางเพศได้เลยครับ จะได้ไม่ต้องมีคู่ครอง 5. ผมเคยวาดฝันว่า สักวันผมจะต้องทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ มีเงินทองมาทำบุญมากๆๆๆๆ แบบสร้างวัดได้ด้วยตัวเอง ทำนองนี้น่ะครับ แต่จนป่านนี้ ผมก็ยังไม่ประสบความสำเร็จสักที นึกแล้วเสียใจ น้อยใจในโชคชะตาชีวิต ที่ไม่ประสบความสำเร็จ( การศึกษาของผมก็มีส่วนกระตุ้นให้ผมอยากมีนั่นมีนี่ อยากทำธุระกิจให้เจริญรุ่งเรือง ด้วยครับ ผมจบ บัญชีจุฬาฯ และ MBA จุฬา ครับ) ทำอย่างไรจึงจะทำให้ความคิดนี้หมดไปจากใจได้สนิทใจครับเพราะทุกวันนี้เหมือนได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า ถึงรวยขึ้นมา ตายไปก็เอาไปไม่ได้ ได้แต่คิดปลอบใจตัวเองแบบนี้ตลอด ในขณะที่ใจลึกอยากประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียง และมีเงินทำบุญมากๆ ตั้งโรงทานแบบ อณาบิณฑิก เศรษฐี ในสมัยพุทธกาล น่ะครับ 6. พอมันไม่เป็นไปตามที่เราคิดก็รู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิต น่ะครับ รู้สึกว่ามันเป็นทุกข์ จัง แต่เดี๋ยวกิเลสก็มากระตุ้นให้เรา กลับไปคิดอยากมี อยากเป็นอีกแล้วครับ ขอบพระคุณอาจารย์มากๆๆครับ กราบสวัสดีครับ คำตอบ (๒). ความหลง เกิดจากเหตุไม่รู้จริง (อวิชชา) จึงเอาสิ่งเศร้าหมอง (กิเลส) เช่นโลกธรรมและวัตถุมาทับถมใจให้หมดอิสรภาพ ผู้ใดประสงค์จะปลดจิตให้เป็นอิสระจากสิ่งเศร้าหมองเหล่านี้ ต้องพัฒนาความรู้ (ปัญญา) สูงสุดให้เกิดขึ้นกับตัวเอง ซึ่งมนุษย์มีความสามารถพัฒนาตัวเองให้เข้าถึงปัญญาได้ ๓ ระดับ คือปัญญาที่เกิดจากการฟัง การอ่าน (สุตมยปัญญา) ปัญญาที่เกิดจากการคิด การวิจัย (จินตามยปัญญา) และปัญญาสูงสุดคือ ภาวนามยปัญญา ซึ่งต้องนำตัวเองเข้าปฏิบัติธรรม เมื่อใดเข้าถึงปัญญาเห็นแจ้งได้แล้ว ความหลงจะหมดไป จิตจึงเป็นอิสระจากโลกธรรมและวัตถุได้ ชีวิตย่อมดีทั้งชาตินี้และชาติหน้าได้แน่นอน (๓). การมีชีวิตคู่ เป็นความเห็นถูกของผู้มีปัญญาทางโลก (สุตะฯและจินตามยปัญญา) แต่เป็นความเห็นผิดของผู้เข้าถึงปัญญาเห็นแจ้ง (ภาวนามยปัญญา) พระพุทธเจ้าเป็นผู้รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง (สัพพัญญู) และเป็นความรู้จริงแท้ คือวันนี้จริง อีกพันปีหมื่นปีแสนปี ฯลฯ ก็ยังคงเป็นความจริงที่ไม่แปรเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น (ปรมัตถะสัจจะ) พระพุทธะรู้ว่า มนุษย์มีทรัพย์สมบัติเป็นห่วงผูกขา ทำให้ไปไหนมาไหนยาก มีสามี/ภรรยาเป็นห่วงผูกมือ ทำสิ่งต่างๆได้ไม่อิสระ และมีบุตร/ธิดาเป็นห่วงผูกคอ ทำให้มีภาระต้องรับผิดชอบ ฉะนั้นจงพิจารณาเอาเองเถิด แล้วเลือกเอาตามที่ชอบ (๔). จงพิจารณาซากศพบ่อยๆ หรือไปดูศพที่แขวนไว้ที่ Life Museum วัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรี แล้วจิตจะสงบจากกามได้เอง (๕). สร้างวัดเป็นการทำเหตุดี ได้ผลเป็นบุญ ตายแล้วพลังของบุญ สามารถผลักดันจิตวิญญาณที่หลุดออกจากร่าง ให้โคจรสู่สุคติภพเกิดเป็นเทวดา (สวรรคสมบัติ) ผู้ใดอยากมีชื่อเสียงต้องหมั่นให้ทาน อยากมีเงินต้องให้ทรัพย์เป็นทาน แม้จะมีเงินมาเท่าใด ตายแล้วบาทเดียวก็เอาไปสู่ภพใหม่ไม่ได้ ต้องทิ้งไว้กับโลกให้เป็นทรัพย์กำพร้าเจ้าของ มีแต่บุญและบาปที่เก็บสั่งสมอยู่ในใจเท่านั้นที่ติดตามข้ามภพชาติได้ อนาถบิณฑิกเศรษฐี มิได้เพียงแค่ตั้งโรงทาน ยังสร้างวัดเชตวันถวายไว้ในพุทธศาสนา และยังปฏิบัติธรรมจนจิตบรรลุโสดาบันอีกด้วย ตายจากมนุษย์แล้วพลังบุญยังผลักดันจิตวิญญาณให้โคจรไปเกิดเป็น อนาถบิณฑิกเทพบุตรโสดาบันอยู่ในดุสิตสวรรค์ อยู่จนทุกวันนี้ (๖). การพัฒนาปัญญาทางโลกจนสูงสุดระดับปริญญาเอก ก็ยังจัดว่าเป็นความรู้ที่ไม่จริงแท้ ยังมีความเบื่อหน่ายชีวิต ยังมีความทุกข์กายทุกข์ใจ ย่อมมีได้เป็นธรรมดา ผู้ตอบปัญหาได้พัฒนาปัญญาทางโลกมาจนถึงระดับสูงสุดแล้ว เกิดความไม่เชื่อคำสอนในพุทธศาสนา จึงได้นำตัวเองไปพิสูจน์ ด้วยการปฏิบัติธรรมและเข้าถึงปัญญาเห็นแจ้ง ทำให้ตัวเองมีความสะดวก มีความสบาย และมีความสุขอยู่ทุกขณะตื่น พิสูจน์ดูเองสิครับว่าสิ่งที่ตอบมานี้เป็นจริงแท้ทุกประการ |
1552. คำตอบ ผู้ใดมีศีลที่ขาด มีศีลทะลุ มีศีลด่างพร้อย และไม่เอาศีลมาคุมใจ ความฟุ้งซ่านของจิตจึงเกิดขึ้นเป็นธรรมดากับผู้นั้น ผู้ใดมีศีลในลักษณะตรงกันข้าม ผู้นั้นมีจิตเป็นสมาธิได้ง่าย |
1551. คำตอบ |