คำถาม-คำตอบ ข้อ 1001-1050 |
1050. 2. ดิฉันไม่สามารถดับความโกรธ เกลียดในใจได้ วันนี้เลยนั่งดูจิตที่มีอาการเกลียดทั้งวันคะ ทำงานไปก็เฝ้าดูไป ดูจนถึงค่ำ ดูจนรับรู้ถึงความโกรธที่เหมือนสร้างความหนักอึ้งอย่างมากให้ใจ จนหัวค่ำ จิตก็คลาย เบาความโกรธลง แต่ยังไม่วางอุเบกขาในทันที คะ เริ่มเกิดปัญญา ว่านี่ก็คือ ไตรลักษณ์ เพราะใกล้ดับไปแล้ว คำตอบ วิธีแก้ปัญหาให้หมดไป ผู้ถามปัญหาต้องประพฤติขอขมากรรม ด้วยการนำพวงมาลัยดอกไม้ขาว ไปสารภาพผิดต่อผู้มีอุปการะแก่ตนมาก่อน กระทำในวันที่เขามีสติดี มีอารมณ์ดี เมื่อใดที่ผู้มีอุปการะกล่าววาจายกโทษให้ บาปกรรมที่จะต้องได้รับก็จะหมดไป หลังจากขอขมากรรมแล้ว ต้องคุมใจตัวเองไม่ให้บาปเช่นนี้เกิดขึ้นได้อีก ด้วยเอาขันติมาคุมใจ และใช้เมตตาคือให้อภัยเป็นตัวกำจัดความโกรธไม่ให้เกิดขึ้น แล้วความเกลียดจะไม่มีผลเกิดตามมา ทำให้ได้ทุกครั้งตามที่แนะนำ แล้วผลแห่งการปฏิบัติธรรมจะกลับมาดีเหมือนเดิม (๒) การใช้จิตตามดูความโกรธ แล้วกิเลสใหญ่ยังไม่หายไปจากใจ แสดงว่าตามดูไม่ถูกวิธี ผู้ใดใช้จิตตามดูความโกรธว่าเป็นของไม่เที่ยง (อนิจจัง) ความโกรธมีแปรเปลี่ยนด้วยตกอยู่ภายใต้การเกิด-ดับ (ทุกขัง) และสุดท้ายความโกรธเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตน (อนัตตา) แล้ว จะเห็นว่าสรรพสิ่งล้วนดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์เช่นนี้ ผู้รู้จึงไม่โง่ที่จะเอาสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนคือความโกรธมาไว้กับใจของตน ผู้รู้ปล่อยวางความโกรธแล้ว จิตจะว่างเป็นอุเบกขา เมื่อใดที่ผู้ถามปัญหาเห็นถูกตามความเป็นจริงแท้เช่นนี้ได้ ...... สาธุ |
1049. รบกวนขอคำแนะนำจากอาจารย์ค่ะว่าทำอย่างไร หรือใช้ธรรมะเรื่องใดที่จะทำให้เป็นคนละเอียด รอบคอบ มีปฏิภาณไหวพริบ ทั้งในการใช้ชีวิตประจำวันและในการทำงาน ขออาจารย์กรุณาให้คำแนะนำเพื่อปรับปรุงแก้ไขและเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นด้วยค่ะ กราบขอบพระคุณค่ะ ด้วยความเคารพอย่างสูง คำตอบ |
1048. กราบเรียนอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร อยากขอคำแนะนำจากท่านอาจารย์ ขอท้าวความก่อนว่าครอบครัวของดิฉันเป็นครอบครัวที่มีความทุกข์กับคนเพียง 1 คนคือน้องชายของดิฉัน ซึ่งติดเหล้า กินทุกวัน การงานไม่ทำ นำความทุกข์มาให้ทุกวัน พอเมาได้ที่ก็ด่าพ่อแม่ ขอเงินก็ขู่สารพัด ถ้าไม่ให้ก็ขโมยข้าวของไปขายหรือไปจำนำบ้าง เหมือนมีขโมยอยู่ที่บ้าน พ่อแม่และน้องอยู่ต่างจังหวัด ดิฉันทำงานที่กรุงเทพฯ ก็จะได้รับข่าวแบบนี้อยู่ตลอด ซึ่งก่อเรื่องทะเลาะวิวาทก็บ่อย ดิฉันเคยผ่านการปฎิบัติธรรมมาก็ทราบดีว่าเป็นเรื่องเวรกรรม แต่จะทำอย่างไร เมื่อเศร้าใจทุกครั้งที่เห็นพ่อแม่ทุกข์ใจ ต่อให้ลูกเลวแค่ไหน พ่อแม่ก็ยังช่วยทุกครั้งแม้บางครั้งก็ต้องยอมเป็นหนี้สินเพื่อช่วยลูกทุกครั้งที่ก่อเรื่อง พยายามให้พ่อแม่เข้าวัดฟังธรรม แต่ก็ยากเพราะต้องอยู่กับสภาพเดิมๆทุกวัน เจ้าน้องชายมันบอกว่าทำให้มันเกิดมาแล้วก็ต้องมีหน้าที่ดูแลมัน ดิฉันควรทำอย่างไรดี เพื่อจะช่วยพ่อแม่ให้ไม่ทุกข์ใจอย่างทุกวันนี้ค่ะ ( ส่วนน้องชายก็เคยปล่อยให้ติดคุกออกมาก็เหมือนเดิม ยิ่งแค้นเข้าอีกที่ไม่ช่วยเค้า เคยคุยเคยช่วยสารพัดแล้วก็เหมือนเดิม) คำตอบ |
1047. กราบเรียน ท่านอาจารย์สนอง ที่เคารพ กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่ให้ความเมตตาตอบปัญหาครั้งล่าสุดที่ได้ถามไป (คำถามข้อที่ 834 ) ซึ่งผมก็ได้นำไปปฏิบัติต่อเนื่อง มากบ้างน้อยบ้างเท่าที่เวลาและโอกาสจะอำนวย ซึ่งก็มีข้อสงสัยจะขอรบกวนสอบถามเพิ่มเติมดังนี้ครับ 1. อาการแสงนวล ๆ รอบ ๆ ตัวเวลาปฏิบัติทั้ง ๆ ที่ปิดไฟมืดหมด เกิดจากอะไรครับ 2. วันหนึ่งขณะนั่งอยู่บนรถตู้โดยสาร ผมก็นั่งหลับตาดูลมหายใจไปเรื่อย ๆ เป็นระยะเวลาพอสมควร จิตเริ่มเกาะอยู่กับการเข้าออกของลมหายใจได้ดี ลมก็เริ่มละเอียดและเบาลงไปเรื่อย ๆ ซึ่งตอนนี้ก็ไม่ได้บริกรรมอะไร ตามรู้อย่างเดียว จากนั้นมันก็รู้สึกวูบ จากที่มืด ๆเทา ๆ เวลาเราหลับตาปรากฏว่าเปลี่ยนเป็นสีออกส้มม้วนขดเป็นรูปกลมคล้ายก้นหอย เป็นแล้วก็หายไปสักพักก็มาอีกประมาณ 4-5 ครั้ง อาการที่เกิดขึ้นมาเนื่องจากอะไรครับ 3. จากข้อ 2 หลังจากเป็นมา 4-5 ครั้ง สุดท้ายคล้ายมันวูบวาบแรงผิดกับช่วงก่อนหน้า จากนั้นปรากฏว่ารอบ ๆ ตัวเป็นแสงขาวสว่าง มีอยู่แว่บนึง รู้สึกว่าตัวเราที่นั่งอยู่บนรถหายไปมีแต่แสงไม่ได้ยินอะไรเลย แต่อาการนี้เป็นอยู่แค่ระยะเวลาสั้นประมาณ 5 วินาที ก่อนจะหายออกมาจากตรงนั้น เริ่มได้ยินเสียงคนคุยกันก้อง ๆ แต่ว่าคล้ายอยู่กันคนละที่บอกไม่ถูกครับ แล้วก็ออกมาอยู่ตามเดิมครับ จากอาการที่เกิดขึ้นทั้งหมด การปฏิบัติของผมยังดำเนินมาถูกต้องหรือเปล่าและได้เดินมาถึงลำดับใด และต้องทำอย่างไรต่อไปครับ รบกวนท่านอาจารย์โปรดเมตาชี้แนะอีกครั้งครับ กราบขอบพระคุณอาจารย์อย่างสูงครับ คำตอบ (๒) เนื่องจากจิตมีความตั้งมั่นเป็นสมาธิ (๓) ถูกต้องสำหรับผู้ที่ยังมีจิตเป็นทาสของความหลง หากประสงค์พัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง ต้องกำจัดสิ่งที่จิตสัมผัสได้ให้หมดไป เช่น เมื่อเห็นแสงสีขาวสว่าง ต้องกำหนดว่า เห็นหนอๆๆๆ จนแสงสีขาวสว่างหมดไป หรือเมื่อได้ยินเสียงพูดคุย ต้องกำหนดว่า ได้ยินหนอๆๆๆ จนเสียงที่ได้ยินหมดไป แล้วดึงจิตมาอยู่กับลมหายใจเข้า-ออกต่อไป จนกว่าจิตตั้งมั่นจวนแน่วแน่ (อุปจารสมาธิ) จึงนำจิตไปพิจารณาสติปัฏฐาน ๔ เพื่อให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง |
1046. 1. หนูกำลังคิดเลิกอาชีพเสริมความงาม (ทำเลเซอร์รักษากระฝ้าและรอยตีนกา ลดความอ้วน) เพราะไปทราบมาว่าเป็นสัมมาอาชีพทางโลกแต่เป็นมิจฉาอาชีพในทางธรรม จะเป็นกรรมเพราะทำให้คนที่ปกติก็หลงอยู่แล้ว หลงเพิ่มเข้าไปอีก ไม่ปลงสังขาร ติดรูป จึงคิดมาเริ่มทำอาชีพการขายตรง โดยเน้นขาย เครื่องปั่นน้ำโมเลกุลเดี่ยว ซึ่งให้ประสิทธิผลในการรักษาโรคแห่งความเสื่อมต่างๆและสำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นโรคร้ายก็ช่วยชลอความเสื่อมของสังขารเช่นกัน อันนี้ถือว่าเป็นมิจฉาอาชีพอีกหรือไม่คะ หนูไม่แน่ใจเพราะมันเกี่ยวเนื่องกับเรื่องของสังขารผู้อื่น ซึ่งจริงๆ ควรปล่อยให้เค้าเป็นไปตามกรรมที่ควรจะเป็น หรือไม่ เพราะถ้าไม่สบายทุกคนก็อยากหายแล้วไปหาหมอรักษา จึงรบกวนเรียนถามอาจารย์ค่ะ 2. และลักษณะของอาชีพขายตรง บริษัทก็จะมีโปรโมชั่นพิเศษ ลดแลกแจกแถมตามวาระ ถ้าเราซื้อให้วันที่บริษัทมีโปรฯ กระตุ้นยอดขาย หนูก็ซื้อเครื่องเก็บตุนไว้ (เพราะอยากได้ของแถม) แล้วเมื่อลูกค้าสั่งเครื่อง หนูก็ค่อยเอาไปให้ หนูลดคอมมิสชั่นในส่วนที่บริษัทจ่ายให้เป็นค่าการตลาด ให้ลูกค้า บางคนก็ลดหมดเลย บางคนไม่สนิทก็ลดให้ครึ่งหนึ่ง หนูก็เลยไม่ให้ของแถมเค้า (ไม่ได้แจ้งลูกค้าว่ามีของแถม) หนูผิดศีล 2 ไหมคะ และของแถมถ้าหนูเอามาขาย ผิดด้วยไหมคะ กราบขอบพระคุณค่ะ คำตอบ (๒) การไม่แจ้งให้ลูกค้าทราบว่ามีของแถม ไม่ถือว่าผิดศีลข้อสอง และหากนำของแถมไปขาย ไม่ถือว่าผิดศีลเช่นกัน แต่ผิดธรรมที่ทำให้จิตมีกิเลสเพิ่มมากขึ้น |
1045. กระผมเห็นคุณยายของภรรยา อายุ 90 ปี ทานข้าวไม่ได้ เลยไม่มีแรง กระผมและภรรยาพา ไปโรงพยาบาล คุณหมอตรวจแล้วร่างกายปกติดีทุกอย่าง เพียงแต่ไม่ทานอะไรเลย จึงไม่มีแรง คุณหมอเลยให้น้ำเกลือ แล้วกลับบ้านก็เริ่มมีแรงบ้าง แต่ก็ยังไม่ทานอะไรมาก ทานได้แต่น้ำหวาน กล้วย และรังนก เพียงเล็กน้อย ยายไม่ค่อยได้ทำบุญ ไม่ตักบาตร กระผมพยายามจะหา CD ธรรมะ เปิดให้ฟัง แต่ก็ยังไม่สำเร็จเท่าที่ควร ยายมีนิสัย ค่อนข้างเป็นห่วงบ้าน ห่วงของมาก ขอคำแนะนำจาก อาจารย์ หน่อยครับ ว่าจะทำอย่างไรดี ให้แก่สนใจธรรมะ และเข้าถึงธรรมบ้าง จะได้ไปดี ขอบคุณครับ คำตอบ |
1044. 1. ดิฉันทำกรรมฐานแบบยุบ-พองหนอ มา 6 ปีแล้ว น่าจะถึงสังขารุเปกขาญาณแล้ว ก่อนหน้านี้มีกัลยาณมิตรแนะนำว่าดิฉันแก่สมถะไปหน่อย วิปัสสนาญาณอ่อน จึงสอนวิธีทำวิปัสสนาให้ จึงผ่านปฏิสังขญาณมาได้ ตอนนั้นเวทนารุนแรง ใช้กำลังทำกรรมฐานมาก พอมาถึงตอนนี้เวทนาไม่กวน กำหนดได้ดี สภาวะธรรมเกิด-ดับชัด ถ้าเพียรทำกรรมฐานไปเรื่อยๆจะผ่านโสฬสญาณได้ใช่มั๊ยค่ะ 2. ช่วยแนะนำวิธีที่ควรและถูกตามธรรมในการทำกรรมฐานสำหรับคนที่ถึงสังขารุเปกขาญาณ ให้หน่อยได้มั๊ยค่ะ ด้วยความเคารพ คำตอบ (๒) หากผู้ถามปัญหาพัฒนาจิต ตามแนวทางองสติปัฏฐาน ๔ จนสามารถนำพาจิตเข้าถึง ปฏิสังขานุปัสสนาญาณได้จริงแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปขอคำแนะนำจากใครผู้ใดอีกต่อไป เพียงแต่ดำเนินปฏิปทาตามแนวทางที่ได้ปฏิบัติมา โดยเร่งความเพียรและมีสัจจะเป็นแรงสนับสนุน การเข้าถึงวิปัสสนาญาณยิ่งๆขึ้นไปย่อมเกิดขึ้นได้ |
1043. คำตอบ (๒) แนะนำให้พาน้องไปบวชและปฏิบัติธรรมที่วัดแพร่ธรรมาราม อ.เด่นชัย จ.แพร่ |
1042. คำตอบ (๒) การชดใช้หนี้เวรกรรม ไม่เคยมีใครชดใช้ได้เกินความสามารถที่ตนมีและไม่ถือว่าเป็นผิด หากผู้ใดไม่ประพฤติจริยธรรมลูกที่มีต่อพ่อแม่ จึงจะเรียกได้ว่าเป็นลูกอกตัญญู (๓) ผิดที่ประพฤติไม่ตรงกับความเป็นจริง (๔) คำว่า เลว หมายถึง มีค่าต่ำ, ต่ำ, ทราม ฯลฯ ในความหมายเหล่านี้ ผู้ถามปัญหาต้องถามใจตัวเองว่า เป็นดังที่บอกมานี้หรือไม่ ผู้ใดประพฤติตนให้มีศีลมีธรรม (ศีล ๕, ธรรม ๕) คุ้มครองใจ ความเลว ความจัญไร ความอัปปรีย์ ย่อมไม่มีแก่ผู้นั้น อนึ่ง ไม่มีใครผู้ใด สามารถเข้าไปทำอะไรให้ใครต้องเป็นอะไรตามใจปรารถนาของตนเองได้อย่างแท้จริง เว้นไว้แต่ว่าเขาผู้นั้นต้องทำตัวเองให้มีความสุข มีความไม่โกรธ (เมตตา) หรือมีความเห็นถูกด้วยตัวของเขาเอง (๕) ความพยายามเป็นคุณธรรมนำสู่ความสำเร็จ ส่วนการประพฤติตนให้เป็นผู้มีศีล คุมกาย วาจา ใจ และนำตัวเองให้หลุดพ้นจากทุกข์ทั้งมวลได้ ต้องประพฤติถูกตรงตามธรรม โดยใช้สัจจะสนับสนุน (๖) การส่งจิตไปตามรู้เรื่องในอดีต ไม่ทำให้จิตพ้นทุกข์ได้ ฉะนั้น ความปรารถนาในข้อ (๕) จะบรรลุได้ ต้องเอาจิตมาอยู่กับปัจจุบัน ส่วนเรื่องของหนี้เวรกรรม ไม่มีใครผู้ใดสักคนสามารถชดใช้ได้หมด แต่มีใครผู้ใดหลายคนพัฒนาจิต จนสามารถกำจัดอวิชชาให้หมดไปจากใจได้ หนี้เวรกรรมที่ยังเหลืออยู่อีกอนันต์ เป็นอันถูกยกเลิก (อโหสิ) (๗) มาจากเหตุดีที่ทำ (๘) บุคคลมีชีวิตเป็นของตัวเอง ฉะนั้นจะอธิษฐานขึ้นสูงหรือลงต่ำย่อมทำได้ อธิษฐานตายก่อนสามีไม่ถือว่าเป็นความผิด แต่จะเป็นไปได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยที่ผู้ถามปัญหาและสามีกระทำอยู่ในปัจจุบัน |
1041. ขอบพระคุณอาจารย์ดร.สนองค่ะ คำตอบ สัตว์นรกไม่สามารถทำกรรมดีหรือกรรมชั่วได้อีก มีแต่ชดใช้ผลของอกุศลกรรม ด้วยการถูกทำโทษถูกทรมานอย่างแสนสาหัสอยู่ตลอดเวลา จึงไม่มีเวลาไปทำกรรมอื่นได้อีก จนกว่าจะชดใช้หนี้เวรกรรมได้หมดสิ้น |
1040. คำตอบ (๒) เพราะปฏิบัติธรรมผิดทาง จิตขาดสติจึงไปรับเอาสิ่งกระทบไม่ดีมาปรุงอารมณ์ไม่ดี แล้วจิตยึดถือมั่นคงในอารมณ์ดี เมื่อจิตสั่งร่างกายขณะมีอารมณ์ไม่ดี พฤติกรรมที่แสดงออกจึงผิดไปจากพฤติกรรมของคนปกติ นี่คืออาการที่คนทั่วไปเรียกว่าบ้า ดังพฤติกรรมผิดปกติ (บ้า) ของคนในครั้งพุทธกาล อาทิ อดีตของพระปฏาจารา อดีตของพระกีสาโคตรมี อดีตของพระวาสิฏฐี ฯลฯ จิตยึดหน่วงอารมณ์สูญเสียคนที่ตนรักได้ตายจากไป |
1039. คำตอบ (๒) ถูกของภิกษุที่ประพฤติ แต่ไม่ถูกของสงฆ์ที่ประพฤติถูกตรงตามธรรมวินัย การโปรดสัตว์ด้วยการโคจรบิณฑบาตของพระพุทธเจ้า ของพระอัครสาวก ของพระมหากัสสปะ ฯลฯ ท่านเดินบิณฑบาตตามลำดับบ้าน ภิกษุยืนบิณฑบาตประจำอยู่ ณ ที่เดียว ด้วยเหตุมีอาพาธไม่ถือเป็นบาป แต่หากมีเหตุมาจากความขี้เกียจเดิน หรือเดินไปยังที่อื่นแล้วได้อาหารบิณฑบาตน้อยกว่า อย่างนี้ถือว่าเป็นบาป |
1038. มีตัวแทนขายประกันชีวิตมาชวนผมทำประกันค่อนข้างบ่อย แต่ผมก็ปฏิเสธทุกครั้ง โดยผมให้เหตุผลกับตัวเองว่า ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม ถ้าผมเคยทำกรรมไม่ดีไว้ เมื่อกรรมนั้นให้ผล หากผมจะเจ็บป่วยขึ้นมาก็ขอจ่ายค่ารักษาเอง เพื่อขอใช้กรรม หากเราไม่เคยทำกรรมไม่ดีไว้ก็คงไม่มีอะไรมาแผ้วพานให้เราต้องใช้เงินโดยไม่จำเป็น ในอีกแง่หนึ่ง หากเราทำประกัน เกิดเจ็บป่วยขึ้นมาก็ไม่ต้องจ่ายค่ารักษาเอง โดยมีบริษัทประกันจ่ายให้ หากเรามีกรรมต้องชดใช้ เมื่อไม่ได้ใช้ตรงนี้ เราก็ต้องมีเรื่องให้ต้องเสียเงินในทางอื่นอยู่ดี นี่คือเหตุผลที่ผมไม่ทำประกัน ผมอยากจะเรียนถามอาจารย์ว่า ความคิดของผมตรงนี้ ผมคิดถูกต้องตามกฏแห่งกรรมหรือไม่ อาจารย์เห็นด้วยกับความคิดนี้ของผมไหมครับ ขอขอบพระคุณอาจารย์มากครับ คำตอบ |
1037. คำตอบ อนึ่ง ผู้ใดยังมีอัตตาอยู่กับใจ มักจะเห็นความสำคัญของตัวเอง คิด พูด ทำใดๆ จะเพื่อประโยชน์ของตัวเอง เข้าข้างตัวเอง ตรงกันข้ามผู้ที่ดับอัตตาได้ จะเห็นผู้อื่นสำคัญยิ่งกว่า เห็นธรรมของพระพุทธะสำคัญที่สุด |
1036. 2. รู้สึกวิตกกังวลมากค่ะ และก็เหนื่อยกับความคิดแบบนี้ด้วยค่ะ หากความคิดไม่ดีดังกล่าวนั้นเป็นผล ที่เกิดจากกรรมที่ได้กล่าวล่วงเกินในอดีต ซึ่งปัจจุบันตนเองมิได้มีเจตนา และไม่ปรารถนาที่จะคิดเช่นนั้นอีก แต่ไม่สามารถจับความรู้สึกได้ค่ะว่า ก่อนจะคิดแบบนี้รู้สึกยังไง จึงได้กล้าคิดอกุศลเช่นนี้ได้และไม่สามารถ สกัดกั้นความคิดได้ทันค่ะ ถึงอย่างนั้นแล้วก็ยังถือว่าเป็นการสร้างบาปกรรมเดิม ๆ ต่อไปอีกเช่นนั้นหรือคะ แสดงว่าสิ่งที่ได้รับนั้น นอกจากจะเป็นการรับกรรม แล้ว ยังทำกรรมใหม่เพิ่มเข้าไปในตัวอีกใช่หรือไม่คะ คำตอบ (๒) หากผู้ถามปัญหาศรัทธาในคำชี้แนะได้เต็มร้อย และนำไปปฏิบัติให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิได้แล้ว ความคิดที่เป็นอกุศลจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ตรงกันข้ามหากประพฤติไม่ได้ผลดังที่บอกมา บาปกรรมย่อมเกิดเพิ่มมากขึ้น ฉะนั้นพึงดึงจิตให้มาระลึกรู้อยู่กับปัจจุบันขณะ (๓) เพียงหนึ่งวิธีที่แนะนำถูกตรงตามธรรม แล้วยังประพฤติไม่ได้ ก็ไม่สามารถนำวิธีอื่นมาแก้ปัญหาได้อีก ต้องปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม คือ เอาศีล ๕ มาคุมใจให้ได้ทุกขณะตื่นได้แล้ว จึงลงมือปฏิบัติจิตตภาวนา |
1035. คำตอบ (๒) หากผู้ถามปัญหาได้อ่านหนังสือเรื่อง วิธีอยู่เหนือดวง แล้วทำให้ได้ตามที่บอกไว้ในหนังสือ ฮวงจุ้ยไม่สามารถให้ผลดีหรือร้ายกับบุคคลผู้มีคุณธรรมเช่นนั้นได้ เรียกว่าอยู่เหนือฮวงจุ้ยก็ได้หากประสงค์จะเรียก (๓) เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เลือกประพฤติเพียงวิธีเดียวที่เหมาะกับจริต จะเป็นวิธีไหนก็ตาม หากปฏิบัติถูกตรง ผลที่ออกมาคือ จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ และจิตต้องเกิดปัญญาเห็นแจ้ง |
1034. คำตอบ (๒) เงินที่ได้จากการทำประกันฯ ช่วยให้เกิดความมั่นคงได้เพียงชีวิตปัจจุบัน แต่ชีวิตยังต้องเดินทางอีกยาวไกลข้ามภพข้ามชาติ เงินประกันฯ ไม่สามารถส่งผลไปถึงความมั่นคงในชีวิตหน้า ฉะนั้นผู้ใดมีจิตเป็นทาสของเงิน ผู้นั้นไม่ต่างไปจากถูกงูพิษกัด ดังในครั้งพุทธกาล ขณะที่พระพุทธะดำเนินบิณฑบาตโดยมีพระอานนท์เดินตามหลัง ท่านได้ทอดพระเนตรเห็นถุงใส่เงินที่โจรโยนทิ้งไว้ที่หัวคันนา พระพุทธได้ตรัสปุจฉากับพระอานนท์ว่า อานนท์ เธอเห็นงูพิษไหม พระอานนท์ตอบว่า เห็น พระเจ้าค่ะ ที่ยกตัวอย่างมาบอกเล่าให้ฟังนี้ เพื่อจะบอกว่า ใครผู้ใดมีจิตหลงติดเป็นทาสของทรัพย์ ไม่ต่างไปจากถูกงูพิษกัด ดังตัวอย่างที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบันไงล่ะ ปัญหาจึงอยู่ที่ว่า ผู้ถามปัญหาคลุกคลีอยู่กับงูพิษอย่างรู้เท่าทัน จึงไม่ถูกงูพิษกัด หรือว่าถูกงูพิษกัดเข้าแล้ว (๓) เหตุที่ไม่ดีในทางธรรม เพราะผู้ถามปัญหา พูดวางแผนให้คนมีความมั่นคงในชีวิตนี้เท่านั้น แล้วเมื่อต้องทิ้งขันธ์ลาโลกไปสู่การมีชีวิตอยู่ในภพหน้า มั่นใจไหมว่าได้พูดวางแผนให้เขามีความมั่นคงในชีวิต ไม่ลงไปเกิดต่ำกว่ามนุษย์ในวันข้างหน้า อนึ่ง คนที่เข้าปฏิบัติธรรมมีมาก แต่คนที่สามารถปริวรรติจิตใจจนเข้าถึงธรรมของพระพุทธะได้ มีอยู่จำนวนน้อย ในครั้งที่ผู้ตอบปัญหาไปปฏิบัติธรรมอยู่กับท่านเจ้าคุณโชดก คณะ ๕ วัดมหาธาตุฯ ท่านพูดกับผู้ตอบปัญหาว่า คนที่เข้ามาปฏิบัติธรรมร้อยคน ได้ธรรมะของพระพุทธะกลับไปเพียงสองคน นับว่าโชคดีแล้ว ฉะนั้นที่บอกว่า คนในวงการที่ผู้ถามปัญหารู้จักสนิทสนมส่วนใหญ่ เป็นผู้มีคุณธรรม มีการบริจาค (ทาน) เป็นล้าน นั่นเป็นสิ่งถูกต้องที่พึงกระทำ เพราะทำแล้วได้บุญ แต่ท่านเหล่านั้นมั่นใจได้ไหมว่า เป็นผู้มีศีลมีธรรมกำกับใจ ผู้ใดมีศีลผู้นั้นไม่ฆ่าสัตว์ ไม่เบียดเบียนสัตว์ ผู้ใดมีศีลผู้นั้นไม่คอรัปชั่น ไม่ใช้โทรศัพท์ของหน่วยงานมาใช้ในเรื่องส่วนตัว ไม่เอางานส่วนตัวไปทำในเวลาของหน่วยงาน ผู้ใดมีศีล กาย วาจา ใจ ไม่ละเมิดในลูกเมียของคนอื่น ไม่เสพสังวาสกับโสเภณี ผู้ใดมีศีลผู้นั้นพูดไม่เคลื่อนไปจากความจริง ผู้ใดมีศีลผู้นั้นไม่บริโภคเครื่องดื่มที่สารแอลกฮอล์เจือปน และเช่นเดียวกัน ผู้ใดมีธรรมผู้นั้นไม่ประพฤติอกุศลกรรม ฯลฯ ขออภัยที่เขียนตอบยืดยาว ด้วยมีเจตนาเป็นเสมือนกระจกส่องผู้อ่าน ให้เห็นสิ่งที่อยู่ในใจของตัวเอง (๔) การเป็นโรคแปลกๆ นั่นเป็นผลของกรรมที่ประพฤติทุศีล เป็นความลับที่เขามิได้บอกให้ใครผู้รู้ ปุถุชนผู้มิได้พัฒนาจิตจึงหลงเข้าใจผิดคิดว่า เขาเป็นคนมีพฤติกรรมดีงาม แต่การกระทำของเขาไม่สามารถหลอกใจมนุษย์ผู้พัฒนาจิตได้ ไม่สามารถหลอกตาเทวดาในชั้นจาตุมหาราชิกาได้ ฉะนั้น ความลับของมนุษย์จึงมิได้มีกับเทวดาในชั้นนี้ |
1033. หนูเป็นคนที่ถามเรื่องเกี่ยวกับลูกศิษย์ของตนเองที่เป็นร่างทรงค่ะ คือหลังจากที่ได้ส่งจดหมายถามอาจาร์ยอีกฉบับนั้น ก็เกิดเรื่องมากมายเนื่องจากศิษย์คนนี้เขาเพี้ยนก้าวร้าวมากให้เพื่อนมาหาเรื่องน้องสาวหนูที่โรงเรียนเขาเรียนที่เดียวกัน ทั้งกลั่นแกล้ง พูดจาทำร้ายจิตใจ จนน้องสาวหนูร้องไห้แทบทุกวัน ซึมเศร้า หนูสอนให้เขานั่งสมาธิ ตั้งใจสวดมนต์ แผ่เมตตาให้ทุกคนรวมทั้งแฟนเขา(ลูกศิษย์หนู) ที่บอกว่าเพี้ยนไปเป็นคนละคน หนูสงสารน้องมากหลายครั้งโกรธคนเหล่านั้นมากมาย เพราะตลดเวลาหนูกับน้องดีกับลูกศิษย์คนนี้มาตลอด เราถูกอบรมมาภายใต้การสอนของบรรพบุรุษให้โอกาสแก่ผู้ด้อยกว่า ช่วยเหลือคนที่เขาเดือดร้อน รักและศรัทธาในคุณงามความดี แต่สิ่งที่หนูกับน้องสาวถูกกระทำในเวลานี้ จากคนที่เราให้โอกาส ช่วยเหลือเขา และศรัทธาว่าความดีงามที่เราทำจะช่วยให้เขามองเห็นคุณค่า และเป็นคนดี กลับเป็นการถูกระรานจากคนพาลรอบตัวเขา มีแต่ความวุ่นวายกังวลใจจากการระรานของเพื่อนๆ เขา หนูทางของหนูกับน้องต้องไม่สะทกสะท้านแบบที่อาจาร์ยบอกหนูประจักษ์แก่ใจ แต่หลายครั้งท้อแท้เหลือเกิน อยากรบกวนถามอาจาร์ยดังต่อไปนี้นะคะ กราบขอขอบพระคุณอาจาร์ยนะคะที่สละเวลาในการอ่านและตอบคำถาม คำตอบ (๒) เกิดจากจิตที่มีความเห็นผิด มาใช้ร่างกายของผู้อื่น กระทำในสิ่งที่แสดงออกเป็นพฤติกรรมไม่ดี (๓) ปุถุชนใกล้สิ่งไหนเป็นเหมือนสิ่งนั้น ใกล้คนดีดีตาม ใกล้คนไม่ดีไม่ดีตาม ด้วยเหตุนี้ พระพุทธะจึงได้บอกความเป็นมงคลกับเทวดาว่า อาสวนา จ พาลานัง ..... ผู้ใดเชื่อในความเป็นสัพพัญญูแล้วประพฤติตามให้ได้ ความเป็นมงคลก็จะเกิดขึ้นแน่นอน การเห็นดวงแก้วสว่าง การเกิดปีติ เป็นกิเลสที่ขวางทางมิให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง ผู้ใดกำจัดสิ่งที่เป็นวิปัสสนูปกิเลสได้ โอกาสเข้าถึงวิปัสสนาญาณย่อมเกิดขึ้น อนึ่ง พระพุทธะมิได้สอนพุทธบริษัทให้ประพฤติตนเป็นผู้ขอ แต่สอนให้พุทธบริษัททำเหตุดีให้ถูกตรงตามที่ตั้งความปรารถนา (อธิษฐาน) ไว้ เมื่อใดที่เหตุปัจจัยลงตัว ความสมปรารถนาในสิ่งดีงามย่อมเกิดเป็นจริงได้ (๔) คนที่คอยแต่หวังให้ผู้อื่นช่วย เป็นคนที่มีจิตด้อยในศักยภาพ คนที่มีจิตอาฆาต คิดแต่สิ่งเลวร้าย เหล่านี้มิใช่วิสัยจิตของพระโพธิสัตว์ จึงเอาไปเปรียบเทียบกันไม่ได้ (๕) ผู้ประพฤติอธิษฐานเพื่อความสำเร็จในสิ่งที่ดีงาม ต้องทำเหตุให้ถูกตรง ต้องใช้เวลาสร้างบุญสร้างบารมียาวนาน เหตุปัจจัยจึงจะลงตัว แล้วคำอธิษฐานจึงจะเป็นจริงได้ ดังตัวอย่างของพระพากุละอธิษฐานไม่อาพาธ ต้องใช้เวลาทำเหตุให้ถูกตรงยาวนานถึงหนึ่งแสนกัป พระสารีบุตรอธิษฐานเป็นอัครสาวกของพระพุทธะ ต้องใช้เวลาทำเหตุให้ถูกตรงยาวนานถึงหนึ่งอสงไขยกับอีกหนึ่งแสนกัป ผลแห่งการอธิษฐานจึงจะเป็นจริงได้ การคิดหวังช่วยคนอื่นในทางโลกช่วยได้ผิวเผิน ด้วยเหตุนี้พระพุทธะจึงได้ตรัสในทำนองที่ว่า ตนนั่นแหละ เป็นที่พึ่งแห่งตน คือ พึ่งธรรมพึ่งความดีที่มีอยู่ในใจของตน ความดีในใจจะเกิดขึ้นได้กับผู้ที่ทำความดีด้วยตัวเอง ผู้ตอบปัญหาเชื่อพระพุทธเจ้า จึงแนะนำว่า ไม่มีทางใดที่ผู้ถามปัญหาจะช่วยเขาได้อย่างแท้จริง (๖) ประพฤติตนเป็น ผู้ขอ มิใช่หนทางแห่งพุทธะ จึงไม่มีคำแนะนำใดเพื่อการนั้น อนึ่งการนั่งกรรมฐานแล้วเปิดโลก ทำให้ปีติและมีจิตเป็นทาสของปีติ นั่นมิได้ทำให้พ้นทุกข์ จึงควรหาทางแก้ไข เพื่อพัฒนาจิตเข้าสู่ปัญญาเห็นแจ้ง แล้วความทุกข์จึงจะหมดไปจากใจได้จริง (๗) ฝึกกรรมฐานเปิดโลก แล้วไปเห็นพระพุทธชินราช นั่นประพฤติผิดไปจากธรรมของพระพุทธะ การฝันเห็นสิ่งต่างๆ แล้วมีจิตยึดติดในสิ่งที่ถูกเห็น เป็นการปฏิบัติธรรมผิดทางเช่นกัน (๘) ผู้ใดมีจิตศรัทธาในร่างทรง ผู้นั้นมีศรัทธาที่ไม่กอร์ปด้วยเหตุผล พระพุทธะจึงไม่แนะนำพุทธบริษัทให้ศรัทธาเช่นนั้น เพราะเป็นการเปิดทางให้ความหลอกลวงเกิดขึ้น คนไม่ฉลาดนิยมประพฤติเช่นนี้ ผู้ถามปัญหาล่ะ เป็นคนประเภทไหน ตอบตัวเองได้หรือยัง? |
1032. ดิฉันได้เข้าอบรมกับสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งได้อธิบายว่าการที่จะเข้าวิปัสสนาได้ต้องมีพลังจิตสะสมจากสมาธิสมถะทำจนได้ฌาณสี่ ก่อนจะเข้าภวังค์,ภวังค์ฌาณและอรูปฌาณนี้จะต้องผ่านจุดพลังอำนาจ ซึ่งการจะวิปัสสนานั้นต้องได้ฌาณสี่ และมีวสีเข้าวิปัสสนาณ.จุดพลังอำนาจถึงจะ เข้าวิปัสสนาได้จริง ไม่ใช่คิดเดาเอาเอง คือต้องมีกำลังสั่งสมมากพอ จนเกิดสมาธิมาก พอ ที่จะเห็นตาในหรือตาทิพย์เกิดนิพพิทาญาณและทวนกระแสเข้าไปปฏิบัติวิปปัสนาได้จริงๆ ขออนุโมทนา เป็นการถามเพื่อความเข้าใจไม่ต้องการเปรียบเทียบใดๆ คำตอบ สมาธิที่นำพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง เป็นสมาธิระดับจวนแน่วแน่ (อุปจารสมาธิ) ผู้ที่ชำนาญแล้วอาจใช้สมาธิระดับต้น (ขณิกสมาธิ) ไปพัฒนาปัญญาเห็นแจ้งให้เกิดขึ้นย่อมทำได้ |
1031. คำตอบ ส่วนเรื่องการเบิกบุญต้องเข้าใจว่า บุญเกิดจากการประพฤติบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ผู้ใดประพฤติแล้ว ย่อมมีบุญเก็บสั่งสมอยู่ในจิตวิญญาณของตัวเอง มิได้เอาบุญไปฝากได้กับใครผู้ใด จึงไม่จำเป็นต้องไปเบิกบุญมาใช้ ในยามที่คิดปรารถนาที่จะอุทิศบุญให้กับผู้อื่น สามารถอุทิศให้ได้ทุกเวลาที่ปรารถนาจะให้ (๒),(๓) ผู้ไม่มีธรรมอยู่ในใจ จิตไม่ชอบใครหรือพูดไม่ดีกับใคร สามารถทำได้เป็นธรรมดาของบุคคลเช่นนี้ หากผู้ถามปัญหามีธรรมรักษาใจ ไม่สามารถคิดไม่ดีกับใคร ไม่สามารถพูดไม่ดีกับใคร ฉะนั้นต้องดูที่ใจของตัวเองจะมีประโยชน์มากกว่า เช่นเดียวกับคนที่คิดเอาชนะผู้อื่น เป็นคนที่แพ้ใจตัวเองตั้งแต่เริ่มคิดแล้ว การคาดหวังให้คนอื่นยกโทษให้ เป็นการคาดหวังที่เกิดขึ้นกับคนที่มีความเห็นผิด การโต้แย้งโต้เถียงเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดี เกิดขึ้นกับใจของคนที่มีความเห็นผิด ดังนั้นผู้ใดพัฒนาปัญญาเห็นถูกตามธรรม ให้เกิดขึ้นกับใจของตนเองได้แล้ว การคาดหวังจากคนอื่น การโต้แย้งโต้เถียงกับคนอื่นจะไม่เกิดขึ้นให้จิตวิญญาณต้องมีบาปสั่งสม อนึ่งผู้ใดมีเมตตา สามารถแผ่เมตตาให้กับสัตว์ผู้จองเวร แล้วเวรกรรมจะไม่เกิดขึ้นกับผู้มีเมตตา คนที่ยังมีความโกรธเกิดขึ้นกับใจ ยังมิใช่ผู้มีเมตตา ฉะนั้นการแผ่เมตตาจึงเป็นโมฆะคือไม่มีผล การให้อภัยเป็นทานเป็นเหตุให้เกิดเมตตา ผู้ใดให้อภัยต่อสิ่งที่ทำให้ขัดใจได้ทุกเรื่อง ผู้นั้นไม่โกรธผู้นั้นมีเมตตา ผู้นั้นมีอารมณ์สงบและเย็น (๔) ผู้รู้เกิดมาเพื่อปรับปรุงแก้ไขชีวิตที่เคยทำผิดพลาดให้กลับมาดีงาม มองให้ออกว่าในวันที่เกิดมาดูโลก มิได้มีสิ่งใดติดตัวมาเกิดด้วย สมบัติต่างๆมาเกิดขึ้นในภายหลังทั้งสิ้น บุพการีจะนำสมบัติของใครไปทำอะไรก็เป็นเรื่องของเขา คิดให้ถูกว่าเป็นการใช้หนี้กรรมให้หมดสิ้นกันไป เพราะตายแล้ว ไม่มีใครผู้ใดนำสมบัติกำพร้านี้ไปได้ มีแต่บุญกับบาปเท่านั้น ติดตัวไปได้เมื่อตาย ผู้ฉลาดจึงไม่หวังและไม่ห่วงกับสมบัติที่เป็นกำพร้าเหล่านั้น (๕) บาปมากหรือบาปไม่มากขึ้นอยู่กับความเห็นของคน แต่ที่แน่ๆ ผู้ใดอกตัญญูต่อผู้มีอุปการคุณ เช่น พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ความวิบัติในชีวิต และความวิบัติในการทำงานย่อมเกิดขึ้น ส่วนเรื่องของการบริหารหนี้เวรกรรม โปรดอ่านคำตอบจาก web site ข้อ 728 หรือหนังสือสนทนาภาษาธรรม เล่ม ๑๑ ข้อ ๗๘ |
1030. คำตอบ (๒) คำว่า มโนมยา มีความหมายว่าสำเร็จด้วยใจ ผู้ใดประสงค์มีงานทำโดยไม่ถูกปลดออกจากงาน ต้องพัฒนาตัวเองให้เป็นคนเก่งคือมีความรู้ มีความสามารถในงานที่ทำเหนือผู้อื่น และพัฒนาตนเองให้เป็นคนดีมีคุณธรรมเป็นพื้นฐานของใจ ด้วยการประพฤติจริยธรรมลูกที่ดีของพ่อแม่ จริยธรรมลูกน้องที่ดีของนายจ้าง พลเมืองที่ดีของประเทศชาติ ฯลฯ แล้วต้องประพฤติตนเป็นผู้มีความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีอุปการคุณ หากทำได้เช่นนี้แล้ว จะไม่ถูกปลดออกจากงาน และหากผู้ใดพัฒนาตนเองให้เป็นผู้มีดวงดี ด้วยการบำเพ็ญทานอยู่เสมอ รักษาศีล ๕ ให้มีอยู่กับใจทุกขณะตื่น และเจริญจิตตภาวนาอยู่เนืองนิตย์ ผู้ทำได้เช่นนี้มีดวงดีแน่นอน ทุกสิ่งสำเร็จด้วยใจ ความเป็นอมตะในการมีงานทำจะเกิดขึ้นกับผู้มีศักยภาพเช่นนี้ (๓) ผู้รู้จริงไม่เลือกงานทำ ขอเพียงแต่ว่างานที่ทำ ต้องไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีลและไม่ผิดธรรม ต้องทำงานเพื่อให้สิ่งดีงามกับคนอื่น ให้สิ่งดีงามกับสังคมส่วนรวม ส่วนคนไม่ฉลาดในการทำงาน ประพฤติตรงข้ามกับสิ่งที่กล่าวข้างต้น ส่วนงานที่มีเปอร์เซ็นต์ในการซื้อขาย (คอมมิสชั่น) หากเป็นงานที่ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีลและไม่ผิดธรรม และผู้มาใช้บริการมีใจยินดีจ่ายค่าคอมมิสชั่น โดยไม่รู้สึกเสียดายหรือถูกเบียดเบียน งานนั้นถือว่าเป็นสัมมาอาชีวะ หรือเป็นสัมมากัมมันตะในทางโลกได้ |
1029. ขอบคุณมากคะ ที่กรุณาตอบคำถาม คำตอบ ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องสวดมนต์บทใด เพื่อให้พ้นคำสาปแช่ง แต่ควรสวดมนต์เพื่อสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัย และสวดมนต์บทโมรปริตรเพื่อป้องกันตัว และเจริญสติให้มีกำลัง แล้วอุทิศบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรไปเรื่อยๆ จนกว่าจิตสงบต่อสิ่งอันเป็นอกุศลนี้ |
1028. กราบเรียน : อาจารย์สนองที่เคารพรัก หนูใคร่อยากไปปฏิบัติธรรม เพื่อทำจิตตภาวนา (จัดเป็นกิเลส แค่อยากดีก็เป็นกิเลส) โดยมีครูบาอาจารย์ที่เป็นกัลยาณธรรมคอยชี้แนะ แต่คุยกับสามีแล้ว ยังไม่เห็นด้วย (หากปฏิบัติ สวดมนต์ไหว้พระ ทำสมาธิ เดินจงกลม หลังจากว่างเว้นการงาน เช่น ช่วง 1ทุ่มครึ่ง เดินจงกลม ทำสมาธิ ฝึกโยคะ และช่วงเช้ามืด ตี4 ทำสมาธิ ขยับกายสบายชีวีวิถีพุทธ) อย่างนี้ได้ค่ะ สามีอธิบายว่า ทำบ้านให้เป็นวัด ก็ได้ ทำไมต้องไปปฏิบัติที่วัดด้วย (สามีนับถือศาสนาคริสต์) บอกว่าคนเราเกิดหนเดียว ตายหนเดียว และ บอกว่าหลักง่ายๆ พระพุทธเจ้า ท่านบอกว่า แค่ทำจิตให้ว่าง ห่างจากกิเลส เรื่องกาย ; กินอาหารที่สุกสะอาด ออกกำลังกาย นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และไปเที่ยว เช่น ทะเล เที่ยวสถานที่ที่เป็นธรรมชาติ มีต้นไม้ อากาศบริสุทธิ์ สัมผัสธรรมชาติให้มากที่สุด ไม่ต้องไปเดินห้างสรรพสินค้า ไม่ต้องเข้ากรุงเทพ (บ้านอยู่นครปฐม) เพราะเชื้อโรคเยอะ มลพิษแยะ เรื่องใจ ; ทำใจให้ว่าง ไม่ต้องไปทุกข์ ไปยึด ไปคิดอะไร ที่หาสาระไม่ได้ และก็ว่าตัวเขาจะนับถือพระที่ละกิเลส คือไม่รับเงิน แต่คงจะไม่ได้พบเจอ เพราะพระท่านคงจะอยู่ในป่าเขาลำเนาไพร คงปฏิบัติจิตไม่ข้องแวะกับคนที่กิเสสหนา หนูว่าที่เขาพูดก็ถูกของเขา แต่เราก็อยากจะไปปฏิบัติ (เป็นเวลานานแล้วเหมือนกันค่ะ น่าจะ 10 ปีแล้ว) เพราะโดยอุปนิสัยแล้ว ไม่อยากจะสร้างเหตุอะไร ที่จะเกิดประเด็นขึ้นมาให้จิตขุ่นมัวค่ะ มีครอบครัวแล้วก็ไม่อิสระน่ะค่ะ คำถาม 1) ต้องอธิษฐาน หรือสร้างเหตุให้ตรงอย่างไรดีค่ะ ถึงจะเป็นปัจจัยหนุนให้เราได้เข้าไปปฏิบัติธรรม สักครั้งหนึ่งในชีวิต ที่สถานปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน นอกเหนือจากปฏิบัติที่บ้านน่ะค่ะ แต่โดยเนื้อแท้แล้ว หนูก็มองว่า สถานที่ ไหนก็ได้ ขอเพียงใจเรา เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน มีใจที่บริสุทธิ์ ก็โอเคแล้วน่ะค่ะ (เหมือนที่ฟังอาจารย์บรรยายธรรม เรื่องอุบายทำให้จิตสงบ และอื่นๆที่เป็นสารัตถประโยชน์ ปฏิบัติให้ได้ ทำตนให้ได้เยี่ยงนั้น อานิสงส์ก็คงก่อเกิดกับตัวเราและครอบครัวของเรา ) 2) ลูกชายหนู อายุ 12 ปี ไม่ค่อยตั้งใจเรียนหนังสือ ดูแต่หนัง เล่นเกมส์ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดี หนูพูดว่าเราเป็นเด็ก หน้าที่ของเด็กก็คือต้องตั้งใจเรียน หมั่นทบทวนตำรับตำราเรียน ช่วยเหลืองานบ้านพ่อแม่บ้าง และทำตนให้ลูกเห็น เรื่อง สวดมนต์ ทำสมาธิ เดินจงกลม ฝึกโยคะ และชักชวนให้ปฏิบัติ ได้สัก 1-2 วัน ก็ไม่สนใจแล้ว ท้ายสุดก็ต้องวางค่ะ แต่หนูก็คิดน่ะค่ะว่า จิตวิญญาน ของลูกก็ของลูก ของแฟนก็ของแฟน เราได้แต่ชี้แนะ และตามดู ทำหน้าที่ของภรรยาและ แม่ที่ดีของลูก อย่าให้ขาดตกบกพร่อง สิ่งที่ไม่ดีอย่าให้ออกไปจากตัวเรา ถือเป็นข้อปฏิบัติในชีวิตของการทำงาน , ครอบครัว , สังคมรอบตัว หนูต้องทำตนเป็น ตัวอย่าง เยี่ยงไรค่ะ ลูกถึงจะไม่หลงโลก และให้ลูกมีดวงตาเห็นธรรม มีปัญญาที่เป็น ภาวนามยปัญญา พร้อมนี้หนูใคร่ขอขมากรรมต่ออาจารย์ มา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ ข้าพเจ้าคุณกุลิสรา กิจบำรุงขออธิษฐานจิตถึงอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ด้วยกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรมที่ข้าพเจ้าเคยมีต่อครูบาอาจารย์ ทั้งที่ตั้งใจและมิได้ตั้งใจ ไม่ว่าตั้งแต่ภพไหนๆ หากเป็นกรรมที่ล่วงเกินลบหลู่ดูหมิ่น อันเป็นเหตุนำมาซึ่งโทษภัยใดๆ ทั้งปวง ข้าพเจ้ากราบขอขมาอาจารย์ได้โปรดยกโทษให้ข้าพเจ้าด้วย และด้วยกุศลนี้ขอให้ข้าพเจ้าได้มีดวงตาเห็นธรรม เกิดมาขอให้ได้พบพระพุทธศาสนา และมีความเห็นที่เป็นสัมมาทิฏฐิ ทุกภพชาติด้วยเทอญ ท้ายนี้ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย จงปกป้องคุ้มครองอาจารย์ให้มีร่างกายที่แข็งแรงค่ะ ด้วยความรักเคารพศรัทธายิ่ง คำตอบ (๒) บุคคลมีชิวิตเป็นของตัวเอง ผู้รู้ไม่ก้าวล่วงไปบงการชีวิตของผู้ใด ให้เป็นตามที่ตนเองต้องการ ผู้รู้เป็นได้เพียงชี้ทางให้แก่ชีวิต เขาจะนำไปประพฤติหรือไม่เป็นสิทธิ์ของเขา เราต้องปล่อยวางแล้วพัฒนาจิตตัวเอง ให้เป็นไปตามที่เราต้องการ นั่นเป็นสิ่งถูกต้อง เมื่อใดจิตเกิดปัญญาเห็นแล้ว พัฒนาพฤติกรรมของตัวเองให้ดี ไม่เป็นคนหลงโลก จนเขาเกิดศรัทธาขึ้นเมื่อใด เขาจึงจะทำตามที่เราอยากให้เขาเป็น อโหสิ ไม่มีอกุศลกรรมใดๆต่อกัน จงเป็นผู้อยู่ในธรรมของพระพุทธะ แล้วนำพาชีวิตให้พ้นไปจากวัฏสงสาร |
1027. คำตอบ |
1026. ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณท่านอาจารย์มากนะคะ ที่กรุณาสละเวลาของท่านอ่าน และช่วยคลี่คลายปัญหาให้ค่ะ ขอถามอนุญาตเล่าเรื่องราวนะคะ ขณะที่ตนเองนั้น ได้เห็นพระพุทธรูป รูปปั้นเทป หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ มักเกิดคิดอกุศลจิตในใจ จ้วงจาบ หยาบคาย โดยที่บังคับไม่ให้คิดไม่ได้ค่ะ ทั้ง ๆ ที่โดยส่วนตัวแล้วปกติ ทั้งภายนอก และภายในใจ ก็มิได้เป็นคน หยาบคาย คิดร้าย แต่ประการใดค่ะ นับถือพุทธศาสนา และสวดมนต์ไหว้พระ เป็นประจำ (เกือบทุกวันค่ะ) ปัจจุบัน ก็พยายามนั่งสมาธิให้ได้ทุกวัน 15-20 นาทีค่ะ เคยไปปฏิบัติธรรม นานมาแล้วค่ะ ที่บ้านคุณแม่สิริ ดีมากค่ะ แล้วก็ทรมาร มากด้วย ทรมารเพราะเวลาอยู่ต่อหน้าพระพุทธรูป แล้วจิตจะคิดไม่ดีค่ะ ทุกวันนี้ ถวายข้าวพระพุทธตอนเช้า บางครั้งก็กราบพระแล้วไม่กล้ามองไปที่พระพุทธรูปเลยค่ะ รู้สึกเครียดกับสิ่งที่ตนเองเป็นมากค่ะ เพราะเป็นตั้งแต่เด็กค่ะ จำไม่ได้ว่าอายุเท่าไหร่ ทราบแต่ ตั้งแต่เด็ก ๆ เลยค่ะ (ปัจจุบันอายุ 35 ค่ะ) บางครั้งพยายามคิดว่าช่างมัน ไม่ใช่เราคิด แต่ก็ทุกข์ใจมากค่ะ ทั้งกลัวบาป ทั้งขุ่นมัวในใจ บางทีก็จิตตกไปเลยค่ะ ท้อ ๆ บ้าง โกรธตัวเองบ้าง ประมาณไม่สงบสุขค่ะ สวดมนต์ ทำสมาธิ ก็ไม่สงบสุข เพราะความคิดแบบนี้มันดังในหัวตลอด ทำให้มีอารมณ์กระทบใจตลอดค่ะ โดยส่วนตัว สมาธิ ไม่ค่อยดีค่ะ สนใจการทำสมาธิมาก แต่ที่ผ่านมาคิดว่า ยิ่งทำยิ่งเป็น ยิ่งสวดมนต์ยิ่งเป็น แต่ก็อยากจะพยายามทำค่ะ เพราะมีโอกาสเกิดเป็นคนแล้ว ก็อยากจะสัมผัสกับ จิตที่เป็นสมาธิ มีสติ และเข้าใจธรรมะจริง ๆ ในชาตินี้น่ะค่ะ (เพราะไม่รู้จะมีโอกาสอีกเมื่อไหร่ค่ะ :) ขอปรึกษาอาจารย์ดังนี้ค่ะ 1. ขอคำแนะ หรือแนวทางในการคิด ปฏิบัติ และรักษา อาการทางจิตนี้น่ะค่ะ 2. เป็นบาป มาก หรือไม่ค่ะ พอคะเนได้หรือไม่คะว่าเป็นผลมาจากกรรมประเภทใด ท้ายนี้ขออนุโมทนาบุญกับ อาจารย์ ดร.สนองด้วยนะคะ ที่อาจารย์ช่วยให้ผู้คนหลาย ๆ คน มีความสว่างไสวในการดำนินชีวิต และบุญกุศุลของอาจารย์นี้ ก็คงยิ่งตอบแทนให้ อาจารย์สมความปรารถนายิ่ง ๆ ขึ้นไปค่ะ ขอบพระคุณมากจริง ๆ ค่ะ คำตอบ (๒) ไม่ใช่การคาดคะเน เพราะทุกปรากฏการณ์ ย่อมมีเหตุที่ทำให้เกิด เหตุที่ว่านั้นคือ ได้กล่าววาจาปรามาส กล่าววาจาล่วงเกินสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีคุณธรรมสูงนั่นเอง ถามว่าเป็นบาปมากไหม ต้องตอบว่า หากบาปนี้ยังคงมีอยู่ในจิตวิญญาณ ปฏิบัติธรรมแล้วไม่สามารถเข้าถึงมรรคผลได้ เมื่อใดทิ้งขันธ์ลาโลกไปแล้ว ดิรัจฉานภูมิเปิดรอจิตวิญญาณให้โคจรไปสู่ |
1025. คำตอบ วิถีพัฒนาจิตต่อไป คือ เอาจิตที่เป็นสมาธิมากำหนดดูอาการตัวเบา อาการหนาวจนสั่น ลมหายใจอ่อน ลมหายใจไม่มี ฯลฯ ว่าดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์ เมื่ออาการตัวเบาเข้าสู่ความเป็นอนัตตา แล้วไม่หวนกลับมาให้จิตระลึกรู้ว่า อาการตัวเบาได้เกิดขึ้นอีก ปัญญาเห็นแจ้งในอาการตัวเบาก็จะเกิดขึ้น ใช้จิตตามดูอาการหนาวจนสั่นว่า ดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์ เมื่ออาการหนาวจนสั่นเข้าสู่ความเป็นอนัตตา แล้วไม่หวนกลับมาให้จิตระลึกรู้ว่า อาการหนาวสั่นไม่เกิดขึ้นอีก ปัญญาเห็นแจ้งในอาการดังกล่าวก็จะเกิดขึ้น ทุกผัสสะที่เกิดขึ้นกับจิต ต้องใจ้จิตตามดูจนเห็นว่า ดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์ วิปัสสนาญาณคือ ปัญญาเห็นแจ้งจึงจะเกิดขึ้น (๒) เป็นเพราะจิตขาดสติ จิตจึงเคลื่อนออกไปจากการอ่านหนังสือ อาการที่บอกเล่าไปจึงได้เกิดขึ้น ซึ่งไม่ใช่วิถีแห่งการรู้แจ้ง (๓) นักจิตวิทยาตะวันตก ได้ทำวิจัยแล้วได้ผลออกมาเป็นเช่นนั้นว่า จิตที่ตั้งมั่นเป็นสมาธิ ส่งผลให้คลื่นสมองเปลี่ยนความถี่ ทำให้สมองมีความจำเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นอย่าปลงใจเชื่อตามหลักกาลามสูตร แต่หากประสงค์จะพิสูจน์ว่าเป็นไปตามผลวิจัยนั้นหรือไม่ ต้องปฏิบัติดูด้วยตนเอง |
1024. กราบเรียน : อาจารย์สนองที่เคารพรัก ด้วยเมื่อก่อนหนูมีความทุกข์เรื่องของธุรกิจ นับแต่ปี 2548 ซึ่งช่วงนั้นมีความคิดที่ไม่ถูกตรง ได้ทำการบนบานทั้งต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น หลวงพ่อวัดไร่ขิง หลวงพ่อสดวัดปากน้ำ และเจ้าที่เจ้าทางที่บ้าน ทั้งที่จดไว้บ้าง และไม่ได้จดไว้บ้าง จำได้บ้าง จำไม่ได้บ้าง (ตามประสาคนที่มีปัญญาน้อยน่ะค่ะ) นับแต่ปัจจุบันนี้เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมานับเนื่องถึงวันนี้ นับแต่ได้รู้จักกัลยาณธรรม กัลยาณมิตรเป็นครูบาอาจารย์ ผ่านทางเว็บไซด์กัลยาณธรรม ซึ่งมีความคิดเห็นที่ถูกตรง และมองว่าสิ่งที่ได้กระทำมานั้น เป็นเรื่องที่หาสาระไม่ได้ แต่เมื่อเวลาล่วงเลยธุรกิจที่ติดขัดได้ลุล่วงและสำเร็จลงด้วยดี ด้วยเหตุปัจจัยลงตัว สัจจะที่หนูได้ติดสินบนนั้น คำถาม หากหนูไปขอขมากรรมต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนเคารพกราบไหว้สักการะ อาทิ เช่น องค์พระปฐมเจดีย์ , องค์หลวงพ่อวัดไร่ขิง และเอ่ยบทที่เราติดสินบนนั้นอย่างไรค่ะ เพื่อจะได้ไม่ติดค้างอยู่ในจิต และอนาคตจะได้เดินได้ถูกตรง คิดดี ทำดี อยู่ดีให้เป็นกุศล ธรรม ย่อมรักษาผู้ปฏิบัติธรรม สาธุ ๆ หรือใคร่ขอคำแนะนำจากอาจารย์ที่ถูกต้องในทางธรรมด้วยค่ะ ท้ายนี้ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย จงปกป้องคุ้มครองอาจารย์ให้มีร่างกายที่แข็งแรงค่ะ ด้วยความรักเคารพศรัทธายิ่ง คำตอบ ผู้ใดประสงค์ความเจริญในชีวิต และความเจริญในธุรกิจการงาน ต้องประพฤติตนให้เป็นผู้มีความกตัญญูกตเวที ต่อบุพการี ต่อผู้มีอุปการะแก่ตน ต่อแผ่นดินเกิด แผ่นดินอยู่อาศัย แผ่นดินที่ให้ความมีชีวิตรุ่งเรืองและอยู่สงบสุข ฯลฯ |
1023. ขอคำแนะนำค่ะ ขอขอบพระคุณค่ะ คำตอบ คนดีชอบแก้ปัญหา คนไม่ดีชอบสร้างปัญหา ฉะนั้นดูให้ออกว่า ผู้ถามปัญหาเป็นคนประเภทไหน? งานคือกิจที่ทำ ทำงานหนักคือมีงานให้ทำมาก หรือมีงานยากให้ทำ การทำงานมาก การทำงานที่ยากลำบาก ต้องใช้ปัญญาบารมี ใช้วิริยะบารมี ใช้ขันติบารมี ฯลฯ ทำจนงานสำเร็จได้ แล้วบารมีดังกล่าวจะแก่กล้าขึ้นได้ ซึ่งคนดีไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่าโดยไม่ทำงานประเภทนี้ ฉะนั้นพึงดูให้ออกว่า ผู้ถามปัญหาเป็นคนประเภทไหน? ผู้รู้มีทัศนคติในการทำงานถูกต้อง คือการทำงานเพื่อเรียนรู้ตน ทำงานเพื่อเรียนรู้งาน ทำงานด้วยใจ ทำงานด้วยวิธีการอันเลิศโดยไม่หวังผลเลิศ ทำงานเพื่อประโยชน์มวลชน ทำงานเพื่องาน ฯลฯ ต่างๆเหล่านี้ เป็นการทำงานที่ไม่เครียด ฉะนั้นพึงดูให้ออกว่า ผู้ถามปัญหาเป็นคนประเภทไหน? ปัญหาเรื่องทำงานไม่ทัน แก้ได้โดยเพิ่มเวลาทำงานให้มากขึ้น และลดเวลาที่ไม่จำเป็นลง ผู้ตอบปัญหามีงานให้ทำมาก จึงต้องตื่นทำงานแต่ดึก (ตีสองตีสาม) ทำงานต่อเนื่องจนสว่าง และประพฤติตนเว้นอบายมุข งานมากจึงสำเร็จได้ทันเวลา |
1022. คำตอบ |
1021. การฝึกสติ ตอนนี้เกิดสภาวะที่เข้าใจว่าทำไมพระพุทธเจ้าจึงทรงให้รักษาศ๊ล เมื่อมีความคิดจะพูดโกหก ก็มีสติรู้ว่านี่ กำลังจะพูดเท็จ ก็ปรับการพูดใหม่ หรือการกระทำต่างๆจะมีสติคคอยเตือนบ่อยครั้ง แต่ในความรู้สึกที่ระลึกรู้ จนตอนนี้มีสภาวะไม่อยากทำอะไร เนื่องจากมีในความรู้สึกลึกๆเหมือนกับว่าไม่อยากทำไรที่ทำให้จิตเกิดการสานต่อ ผูกพันธ์ พันธนาการ จนก่อภพก่อชาติ ทั้ง ดี ไม่ดี เป็นการก่อภพ ชาติของจิตนั้น จนบางครั้งตอนนี้รู้สึก มีสภาวะในความรู้สึกที่ไม่ทราบจะอธิบายอย่างไร แต่รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่นัก มีความรู้สึกต้องการบวช หรือละทางโลก เพราะในเวลาที่มองเห็น สัมผัสสิ่งใดรู้สึกว่ามีแต่เพียงความว่าง มีเพียงดวงจิตที่รับรู้เท่านั้น ปรุงแต่ง ความรู้สึกให้เราทุกข์ มองว่าสวย หรือการพูด บางครั้งมองภาพผู้คนทั่วไปเหมือนไม่มี แต่ยังวนเวียนอยู่ที่เดิม ในหน้าที่การงานที่ต้องการจะขยัน จะอ่านหนังสือ จะทำงานโน่นนี่ให้ดีกลับมีความรู้สึกมันว่างเปล่า มีการหน่วงใจไม่อยากทำ หรือทำไม่เต็มที่ คำตอบ เมื่อทำเหตุให้ถูกตรงสามอย่างนี้ได้ครบถ้วน และประพฤติอยู่เสมอ ผู้นั้นย่อมประสบความสำเร็จในชีวิต เหตุที่พระพุทธะบัญญัติไตรสิกขา (ศีล-สมาธิ-ปัญญา) อันเป็นคุณธรรมนำชีวิตผ่านพ้นความทุกข์ ต้องมีศีลเป็นพื้นฐานของใจให้ได้ก่อน การปฏิบัติสมถภาวนา แล้วทำให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิจึงจะเกิดขึ้นได้ เรื่องที่บอกเล่าไปทั้งหมด เป็นสภาวะของจิตที่ยังมีกำลังปัญญาเห็นแจ้งไม่กล้าแข็ง ฉะนั้นจะให้ปัญหานี้ผ่านพ้นไปได้ ต้องรักษาศีล ๕ ให้มีอยู่กับใจให้ได้ทุกขณะตื่น แล้วเร่งความเพียรเจริญจิตภาวนาอย่างต่อเนื่อง โดยมีสัจจะเป็นฐานรองรับการปฏิบัติ แล้วการบรรลุมรรถผลแห่งการปฏิบัติธรรมจึงจะเกิดขึ้นได้ |
1020. 1. หนูมีปัญหาอยู่เป็นประจำ คือ หนูกลัวที่จะต้องสวดมนต์ หรือต้องนั่งทำสมาธิแทบทุกครั้งเลย รู้สึกเหมือนไม่ได้อยู่คนเดียว ยิ่งเวลาหลับตาทำสมาธิยิ่งกลัวใหญ่ โดยเฉพาะเวลาอยู่ในห้องพระ จนทุกวันนี้ก็แก้ไม่หายสักที ทำอย่างไรดีคะ ทั้ง ๆ ที่อยากทำมาก ๆ 2. เกี่ยวกับการนั่งสมาธิ หนูอ่านในหนังสือการปฏิบัติวิปัสสนา เริ่มต้นโดยกำหนดลมหายใจ เข้า - ออก ด้วย พุท - โธ แล้วใช้จิตตามดูลมหายใจ หนูอยากทราบว่าการใช้จิตตามดูลมหายใจ หมายถึง เราคิด หรือ เห็น ว่าลมหายใจเข้าออกที่ปลายจมูก ใช่ไหมคะ แล้วหลังจากนั้นถ้าสมาธินิ่งอยู่ที่ปลายจมูกแล้ว บางทีอาจจะไม่มีคำปริกรรมก็ได้ แล้วหลังจากนี้จะทำอย่างไรต่อไปถ้าใจมันนิ่งแล้ว คำตอบ ผู้ถามปัญหาประสงค์จะขจัดความกลัวให้หมดไปจากใจต้องดับที่ต้นเหตุ คือพัฒนาจิตให้มีสติคุม เช่น เวลาได้ยินเสียงให้มีจิตจดจ่ออยู่กับเสียงที่เข้าหู เวลาที่ตาเห็นภาพให้จิตจดจ่ออยู่กับภาพที่เห็น เวลาที่ลิ้นสัมผัสรส ให้มีจิตจดจ่ออยู่กับรส เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม ที่เข้ามาสัมผัสลิ้นฯลฯ ฝึกจิตให้จดจ่ออยู่กับสิ่งที่เข้ากระทบ(สัมผัส) เมื่อนั้น แล้วความกลัวจะไม่เกิดขึ้นขณะสวดมนต์เพราะมีจิตจดจ่ออยู่กับบทสวดมนต์หรือนั่งสมาธิจะมีจิตจดจ่ออยู่กับกรรมฐานที่นำมาใช้เป็นองค์บริกรรม วิธีแก้ปัญหาความกลัวในกรณีที่สอง คือพัฒนาจิตให้มีสติได้แล้วสมาธิก็จะเกิดขึ้น ใช้จิตที่ตั้งมั่นจวนแน่วแน่ (อุปจารสมาธิ) ไปพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง ด้วยการให้จิตตามดู กาย เวทนา จิต ธรรม จนเห็นว่าดับไปตามกฎไตรลักษณ์ เมื่อใดเกิดปัญญาเห็นแจ้งขึ้น ความกลัวจึงจะหมดไปได้ (2) ไม่ใช่ใช้สมองคิด แต่ใช้จิตจดจ่ออยู่กับลมที่กระทบจมูกเมื่อหายใจเข้า จิตจดจ่ออยู่กับลมที่กระทบจมูกเมื่อหายใจออก เมื่อใดที่จิตจดจ่ออยู่กับลมที่กระทบจมูกและจิตไม่เคลื่อนออกไปรับกระทบอื่นใดมาปรุงเป็นอารมณ์เรียกสภาวะเช่นนี้ว่า จิตมีความตั้งมั่นเป็นสมาธิเมื่อใดที่จิตเข้าถึงความตั้งมั่นแน่วแน่ (อัปปนาสมาธิ) ได้แล้ว คำบริกรรมหายไปแต่มีอารมณ์ของฌานเกิดขึ้นแทนที่ ให้สังเกตุว่าเมื่อจิตเข้าถึงความตั้งมั่นเป็นฌานสิ่งกระทบภายนอกไม่สามารถทำให้จิตเกิดอารมณ์ขึ้นได้ หากมีสภาวะเช่นนี้เกิดขึ้น และประสงค์จะพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้งต้องลดกำลังของสมาธิลงมาอยู่ในระดับจวนแน่วแน่ (อุปจารสมาธิ) แล้วใช้จิตตามดู กาย เวทนา จิต ธรรม จนเห็นว่าดำเนินไปตามกฎของไตรลักษณ์ปัญญาเห็นแจ้งจึงจะเกิดขึ้นได้ |
1019. คำตอบ |
1018. ดิฉันมีอาชีพทำบัญชี โดยตำแหน่งหน้าที่นี้ ต้องทำงานที่เกี่ยวข้องกับการเสียภาษี ของบริษัทฯ ( ยื่นภาษีบางส่วนและหลบภาษีบางส่วน) ดิฉันพอทราบว่า ส่วนที่หลบภาษีนั้นคงเป็นบาป แต่ดิฉันต้องทำเพราะอยู่ในหน้าที่ มิได้เต็มใจและไม่อยากทำ ครั้นจะไม่ทำก็หมายถึงต้องออกจากงาน ดิฉันไม่สบายใจเป็นอย่างมากกับงานนี้ จึงเรียนถามท่านอาจารย์ว่า 1 ) ดิฉันจะบาปไหมค่ะ เพราะดิฉันไม่เต็มใจและไม่อยากทำเลย ถ้าบาป ดิฉันจะบาปมากไหมค่ะ ระหว่างดิฉันผู้ลงมือปฎิบัติ กับ เจ้าของบริษัทฯ ผู้สั่งการ ใครจะบาปมากกว่ากันค่ะ แต่คงเป็น ตัวดิฉันแน่ที่บาปมากกว่า เพราะเห็นบริษัทฯเติบโตและรวยขึ้นเรื่อยๆ แต่ตัวดิฉันกลับแย่ลงเรื่อยๆ ทั้งร่างกายและจิตใจ 2 ) บาปมากน้อย ขึ้นอยู่กับ ตัวเงินมากน้อย ที่หลบภาษี หรือเปล่าคะ หรือขึ้นอยู่กับ ระยะเวลาที่ทำ ( ทำมาร่วม 10 ปีแล้ว ) 3 ) ผลของกรรมนี้ จะได้รับในลักษณะไหนค่ะ ( ข้อนี้สำคัญและสงสัยมากช่วยตอบให้ด้วยนะค่ะ ถ้าชดใช้ได้ดิฉันจะชดใช้ได้ด้วยวิธีไหนค่ะ ) 4 ) ถ้าดิฉัน ยังจำเป็นต้องทำงานนี้อยู่ ( เพราะอายุมากแล้ว และ มีปัญหาครอบครัว มี่ภาระมาก ) ดิฉันควรทำอย่างไรดีค่ะ ท่านอาจารย์ข่วยแนะนำให้ด้วย ดิฉันตั้งแต่ทราบเรื่องนี้ก็ทำงานไป ด้วยความทุกข์ และวิตกกังวลในเรื่องกรรมนี้อยู่ทุกวัน คิดจะออกจากงานอยู่ทุกวัน แต่ยังหางานใหม่ไม่ได้สักที เมื่อปีที่แล้ว ดิฉันเป็นทุกข์มากเรื่องงาน จึงไปปฎิบัติธรรม ที่วัดอัมพวัน ถึงได้ทราบว่า ที่ดิฉันทำบัญชีหลบภาษีอยู่นี้มันเป็นบาป หลังจากนั้นดิฉันถึงเข้าใจว่า ทำไมยิ่งทำงาน งานถึงยิ่งมากและมีปัญหาให้เครียดอยู่ตลอดเวลา เงินเดือนก็ไม่ได้มากมายกว่าใคร แต่มาคิดดูอีกที ในวงการนี้ เค้าก็ทำกันอย่างนี้ทั้งนั้น ทำไมเพื่อนร่วมอาชีพคนอื่นๆ ก็เห็นเค้าเจริญรุ่งเรืองดี ตอนนี้ดิฉันกำลังหางานใหม่ทำอยู่ แต่ยังไม่ได้ จึงจำเป็นต้องทนทำไปก่อน คำตอบ ผู้ใดสั่งผู้อื่นให้ประพฤติอกุศลกรรมถือว่าเป็นจำเลยบาปที่หนึ่งผู้ปฏิบัติตามคำสั่งเป็นจำเลยบาปที่สอง ผู้เห็นดีด้วยเป็นจำเลยบาปที่สาม บาปมิได้วัดกันที่ความมีมากในวัตถุ แต่วัดกันด้วยความมากน้อยของกิเลสที่สั่งสมอยู่ในใจ (2) ตัวเงินที่เลี่ยงภาษีมากก็บาปมาก ตัวเงินที่เลี่ยงภาษีน้อยก็บาปน้อย ประพฤติเลี่ยงภาษีมายาวนานบาปมากกว่า ประพฤติเลี่ยงภาษีมาไม่ยาวนาน (3) ทรัพย์สูญหายด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง หรือหลายวิธีร่วมกัน อาทิ ถูกโจรลักขโมย ถูกน้ำพัดพา ถูกไฟไหม้ ทำตกหล่น หลงลืมทิ้งไว้ เล่นหุ้นแล้วขาดทุน ทำกิจการแล้ววิบัติฯลฯ การชดใช้หนี้บาปต้องให้ทรัพย์เป็นทานอยู่เสมอ ให้ทรัพย์กับผู้มีคุณธรรมสูง ให้ทรัพย์เป็นทานแก่คนหมู่มาก เช่นตั้งโรงทานฯลฯ (4) แนะนำให้ประพฤติตนตามข้อ (3) อยู่เสมอตามโอกาสที่เปิดให้แต่ต้องไม่เบียดเบียนตัวเอง |
1017. คำตอบ การสูบบุหรี่ไม่ผิดศีล แต่ผิดธรรมตรงที่มีจิตเป็นทาสของสารเสพติดที่มีอยู่ในบุหรี่ (2) คำว่า ภาวนา หมายถึงการทำให้สิ่งดี (สติ) เกิดขึ้นหรือหมายถึงทำสิ่งที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้น คือให้จิตมีสติเพิ่มมากขึ้น ฉะนั้นการภาวนาคำว่า ทุกข์หนอ โมโหหนอ หงุดหงิดหนอ จึงเป็นวิธีหนึ่งในการพัฒนาจิตให้มีกำลังของสติเพิ่มมากขึ้น การคิดพูดทำแล้วทำให้มีสติเพิ่มมากขึ้นจึงไม่ถือว่าเป็นการคิดพูดทำที่คิดลบ (3) อยากไปปฏิบัติธรรมมานานหลายปีแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้ไปเสียที ผู้ตอบปัญหาจึงไม่มีที่ปฏิบัติธรรมไหนๆแนะนำ เพราะโอกาสปฏิบัติธรรมไม่มีกับผู้ถามปัญหา อนึ่งการแผ่เมตตาให้กับใครผู้ใด ผู้นั้นต้องมีเมตตาอยู่ในใจให้ได้ก่อน เครื่องวัดการมีเมตตาคือ จิตไม่ตกเป็นทาสของโทสะ โมโห หงุดหงิด ฯลฯ ผู้ใดไม่มีเมตตาอยู่ในใจการแผ่เมตตาของผู้นั้นถือว่าเป้นโมฆะ คือผู้ถูกแผ่ให้ไม่ได้รับเมตตา (4) ใช่แล้ว มนุษย์ทุกคนมีความประพฤติที่เคยชินเป็นสันดาน (อุปนิสัย) ครบทั้งห้าอย่าง เหตุเพราะจิตสั่งสมเน้นหนักไปทางด้านใดมากกว่า อุปนิสัยเน้นหนักนั่นแหละเป็นตัวบ่งชี้ที่มาของจิตวิญญาณสู่การเกิดเป็นมนุษย์ และเป็นตัวบ่งชี้ไปของจิตวิญญาณว่าจะไปเข้าอาศัยอยู่ในร่างของภพภูมิไหน ทั้งนี้เป็นไปตามแรงผลักดันของกรรมที่ถูกเก็บสั่งสมอยู่ในจิตนั่นเอง (5) ที่ผู้ตอบปัญหาพูดว่า เวลาตกฟากนั้นเอามาใช้ได้จริง กับผู้ที่ยังมีสภาวะของจิตเป็นปุถุชน แต่ผู้มีดวงตาเห็นธรรมแล้วสามารถลิขิตชะตาชีวิตให้ดีได้ ด้วยการกระทำเหตุดีในปัจจุบันด้วยเหตุนี้พระพุทธเจ้า จึงไม่ให้เชื่อเรื่องดวงนั้นถูกต้องแล้ว เพราะเมื่อใดกรรมดีให้ผลจะส่งผลให้ชีวิตของบุคคลเปลี่ยนมาเป็นวิบากดีได้ |
1016. คำตอบ ส่วนการตั้งของเซ่นไหว้ไว้ที่บ้าน หากจิตวิญญาณของผู้ล่วงลับอยู่ในวิสัยที่สื่อสารถึงกันได้ แล้วเขามาอนุโมทนาจิตวิญญาณก็ได้รับการเซ่นไหว้นั้น |
1015. กระผมอยากรบกวนขอคำชี้แนะจาก ดร.สนองนะครับ คือว่าผมสวดมนต์ไหว้พระ เดินจงกรม นั่งสมาธิ มาได้ประมาณ ๓ -๔ ปีและประมาณหนึ่งปีหลังมานี้ผมทำทุกเช้าเย็น แล้วในช่วงหลังนี้ในเวลานั่งสมาธิไปในขณะหนึ่งจะเกิดมีอาการเหมือนเราสวดเป็นภาษาแปลกๆ ที่ไม่ใช่ภาษามนุษย์ โดดเราก็ยังมีสติ สัมปัชชัญญะอยู่ แต่ปากเราจะสวดออกไป เป็นภาษาแปลกๆ อยากทราบว่า เป็นเพราะอะไร และจะต้องทำอย่างไรต่อไป คำตอบ |
1014. คำตอบ (2) เหตุคือบุญบารมีที่สั่งสมมาแต่อดีตส่งผล ปัญญาสูงสุดจึงรู้เห็นเข้าใจความจริง(เหตุผล) ระดับจิตสัมผัสได้เกิดขึ้นเป็นธรรมดา (3) ประสงค์พิสูจน์สิ่งต่างๆ ที่บอกเล่าไป ว่ามีอยู่จริงหรือไม่สามารถทำได้ด้วยการปฏิบัติสมถภาวนา และวิปัสสนาภาวนา จนเข้าถึงปัญญาเห็นแจ้งได้แล้ว ความสงสัยในเหตุผลที่อยู่ลึกกว่าประสาทสัมผัสก็จะหมดไป |
1013. คำตอบ หากพ่อแม่เอ่ยปากยกลูกสาวให้แล้ว แต่มิได้แต่งงานเป็นพิธีไม่ถือว่าประพฤติทุศีลข้อ 3 สามารถปฏิบัติธรรมได้ และเมื่อเหตุปัจจัยลงตัวสามารถเข้าถึงมรรคผลแห่งธรรมได้ด้วย ผู้ถามปัญหามีความเชื่อว่าพ่อแม่ในสังคมปัจจุบัน ให้อิสระในการดำเนินชีวิตแก่ลูก หากพ่อแม่ไม่ถือสมมุติว่าลูกเป็นสมบัติของตนฯลฯ ที่บอกเล่ามาทั้งหมดเป็นความเชื่อของผู้ถามปัญหา แต่มิได้หมายความว่าคนอื่นเพราะคล้อยตามความเชื่อที่เสนอมา ผู้ตอบปัญหาจึงตอบว่า ไม่ใช่ครับ เพราะปุถุชนยังยึดถือว่า ผู้ให้กำเนิดชีวิตแก่ลูกคือพ่อแม่ ผู้มาอาศัยท้องแม่เป็นที่เกิดคือลูก ผู้มาเกิดในท้องแม่ก่อนเรียกว่าพี่ ผู้มาเกิดในท้องแม่ที่หลังเรียกว่าน้องฯลฯ เหล่านี้ปุถุชนยังยึดถืออยู่ หากไปละเมิดในสิทธิ์ของเขาจะเกิดการจองเวรกันได้ ฉะนั้นผู้รู้จริงในสมมุติคือพระพุทธะ จึงได้บัญญัติศีลข้อ 3 ไว้ให้ปุถุชนประพฤติตามคือเว้นจากการประพฤติในกามแล้วการผูกเวรจะไม่เกิดขึ้น อนึ่งผู้ใดประสงค์เป็นเจ้าของชีวิตของตัวเองให้ได้อย่างแท้จริงต้องพัฒนาจิตวิญญาณของตัวเองให้หลุดพ้นไปจากความเป็นปุถุชน แล้วเข้าถึงความเป็นอริยบุคคลขั้นสูงสุดได้เมื่อใด เมื่อนั้นชีวิตจะไม่ตกเป็นทาสของกิเลสใดๆ โดยเฉพาะกิเลสตัวสุดท้ายคือความรู้ไม่จริง(อวิชชา) เมื่อนั้นแหละจึงจะเป็นเจ้าของชีวิตได้อย่างสมบูรณ์แบบ (2) ตอบว่า ใช่ สำหรับผู้มีบารมีสั่งสมยังไม่เต็มและตอบว่า ไม่ใช่ สำหรับผู้มีบารมีสั่งสมมาเต็มแล้ว |
1012. ดิฉันขออนุโมทนาในบุญกุศลของท่านอาจารย์สนองที่ช่วยชี้แนะ เป็นแสงสว่างให้แก่จิตทุกดวงที่มีบุญมาสัมผัสผ่านผลงานของท่าน ให้หันมาน้อมจิต ปฏิบัติให้ถูกวิธี แล้ววันหนึ่ง พี่คนโตก็กลับมาพร้อมกับอาการทางจิต ควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่อาบน้ำ หัวเราะ สลับร้องไห้ ดิฉันกลับจากที่ทำงานซื้ออาหารมาฝากเขาพร้อมน้ำตาทุกวัน ดิฉันได้สวดมนต์ตั้งจิตอธิฐานนั่งกรรมฐาน ให้พี่สาวคนโตที่ดิฉันรักหายจากอาการดังกล่าว ( พี่คนที่4 บางครั้งก็มีอาการแปลก ๆ เหมือนอะไรเข้าตัวเขา ใช้ไม้ตีกันกับพี่คนโต มีอาการไม่ถูกกัน) ช่วงระยะเวลาที่ดิฉันเพียรปฏิบัติภาวนาทุกวัน จิตดิฉันนิ่งมีสติ มีพลัง ได้แผ่เมตตาให้พี่เขาเสมอ และทุกครั้งที่เข้าอธิฐานนั่งกรรมฐาน จะมีสัญญานส่งให้ดิฉันลาออกจากงาน ในกรรมฐานดิฉันก็มีสติถามกลับเสมอ คำตอบเหมือนเดิมคือให้ลาออกจากงาน ดิฉันสวดมนต์นั่งสมาธิต่อเนื่องไม่ขาดสายเป็นเวลาประมาณ3เดือน และได้ลาออกจากงานจริง และตั้งใจช่วยพี่สาวคนโตตามเจตนาที่ตั้งไว้(ขณะนั้นก็ได้ติดต่องานทำไว้ด้วย) โดยที่ยังมีพี่คนที่ 4 อยู่ สิ่งแรกที่ดิฉันทำคือพาพี่คนโตไปรักษาต่อเนื่องที่สวนปรุง ดิฉันสงสารเขาจริง ๆ ค่ะ ( ก่อนหน้านี้ดิฉันพาไปรักษาทีจังหวัด แต่อาการไม่ดีขึ้น บางครั้งดิฉันต้องไปพบแพทย์แทนคนไข้ตัวจริง เพราะเขาไม่ไปและบังคับเขาไม่ได้) ปล้ำกันหลายสิบ รอบค่ะ ( เคยมีเหตุการณ์ที่เขาจะทำร้ายพ่อ ดิฉันวิ่งไปช่วยพ่อทั้งน้ำตา และเสี้ยววินาทีนั้นดิฉันโทรเรียกรถพยาบาลฉุกเฉิน พ่อดิฉันเป็นโรคหัวใจ ดิฉันหัวใจแทบสลายเพราะคนที่เรารักทัง2คน แต่พยายามตั้งสติ ดิฉันทราบเลยว่าการสั่งการช่วงเวลานันมันไม่ได้มาจากสมอง มาจากความไวของจิต) ศึกของดิฉันยังไม่จบ อาการของพ่อที่เป็นโรคหัวใจก็แย่ลง พี่คนโตดิฉันก้ต้องไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล รับเขากลับมาดูแลที่บ้าน แต่เขาไม่ยอมทานยา คายทิ้งบ้าง สารพัดวิธี จนอาการกำเริบอีกหลายครั้ง ต้องปล้ำส่งสวนปรุงอีกครั้ง ครั้งนี้อาการหนัก ต้องใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าช่วย และพี่คนที่ 4 ก็มีอาการแสดงอารมณ์กับดิฉันเป็นพิเศษ ( แรก ๆ ดิฉันไม่เข้าใจว่าทำไม แต่หลาย ๆ เหตุการณ์หลาย ๆ อารมณ์ที่แสดง เห็นได้ว่ากลัวว่าดิฉันจะมาแย่ง อำนาจ หน้าที่ และสมบัติ ชิงดีชิงเด่น ความเมตตากับดิฉันที่เป็นน้องไม่มีเลย ทั้ง ๆ สิ่งที่ทำเป็นสิ่งบุคคลอื่นชื่นชมว่าดีด้วยซ้ำ) สิ่งเดียวที่เป็นแสงสว่างนำดิฉัน คือ สติ การสวดมนต์ภาวนา นั่งกรรมฐาน โดยอธิฐานจิต ช่วยดิฉันในเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้เสมอ (ดิฉันเคยพบเหตุการณ์ที่วิญญาณที่เข้าร่างพี่คนโต จะพยายามเข้าร่างดิฉัน เพราะรำคาญที่ดิฉันเอ่ยธรรมะให้เขาฟังประมาณครึ่งชั่วโมง ดิฉันเอ่ยมาจากจิตไม่ใช่สมอง วิญญาณกระโดดใส่ดิฉันจนตัวหนัก แต่จิตดิฉันให้ลุกหนีเข้าห้องโดยที่สมองยังงงตัวเองเลยว่ารีบลุกทำไม และมีแสงครอบตัวดิฉันไว้ รู้เลยว่าสิ่งหนัก ๆ หลุดไปจากตัว ดิฉันนั่งลงกลางห้องไหว้คุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่คุ้มครองลูก และนั่งสมาธิประมาณครึ่งชั่วโมงจึงเข้าใจโดยสมองว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง) หลังจากนั้นประมาณ 1 ปี เกิดวิกฤติคือภัยน้ำท่วม ทำให้กิจการเสียหายมากมาย โดยทำประกันภัยไว้ แต่ไม่ได้ชดเชย เพราะไม่ชำระเบี้ยและไม่ส่งเอกสารสำคัญที่เขาขอ ( เริ่มจากดิฉันเป็นคนติดต่อ และรอทางบริษัท fax เอกสารมาให้ ระหว่างรอได้ไปติดต่อธุระข้างนอก พี่สาวคนที่ 4 เข้ามาพบเอกสารที่fax เขาได้ไปทำต่อคือ ชำระเบี้ย และส่งเอกสารให้บริษัท โดยดิฉันและพ่อรับทราบว่าเขานำไปทำและได้เน้นให้เขานำค่าเบี้ยไปชำระให้เรียบร้อย จนวันน้ำท่วม ดิฉันสงสารพ่อเป็นที่สุด เพราะท่านคิดว่าประกันภัยต้องได้รับชดเชย ท่านคิดว่าจัดการเรียบร้อยแล้ว แต่หารู้ไม่ว่าพี่สาวคนที่4 นั้นเป็นคนที่ทำให้เสียใจเป็นที่สุด ) นอกจากเขาจะสำนึกและขอโทษพ่อ เขายังเถียงและตวาดท่านอีกต่างหาก ดิฉันเห็นภาพในลักษณะนี้มาตลอด ทำให้คิดได้ว่ามันเป็นเวรกรรมจริง ๆ จึงเรียนถามท่านอาจารย์สนองดังนี้ คำตอบ (2) เมื่อใดเขายังไม่เปิดใจรับคำชี้แนะ คนอื่นไม่มีสิทธิ์เข้าไปก้าวล่วงหรือไม่มีสิทธิไปแนะนำแต่มีสิทธิ์เอาพฤติกรรมไม่ดีของเขาเป็นครูสอนใจตัวเองว่า ลูกที่ประพฤติไม่ดีต่อพ่อแม่ถือเป็นการเนรคุณต่อบุพการี ผลที่จะได้รับตอบกลับคือความวิบัติในวันข้างหน้าดังนั้นเราจะไม่ประพฤติเช่นเขา (3) ต้องเจริญขันติและพรหมวิหาร 4 ให้มีกำลังมากและสิ่งไม่ดีจะไม่เข้าถึงตัวบุคคลใดรับอกุศลวิบากด้านภัยจากน้ำท่วมเหตุเพราะเคยทำชีวิตของผู้อื่นชีวิตของสัตว์ให้เดือดร้อนด้วยน้ำในปริมาณที่มาก อนึ่งการทะเลาะเบาะแว้ง หรือโต้แย้งโต้เถียงกันระหว่างพ่อกับลูก ถือว่าเป็นอกุศลวิบากที่หนี้เวรกรรมระหว่างบุคคลทั้งสองยังชดใช้กันไม่หมด (4) การเห็นเลขหวย เป็นผลงานของจิตที่มีความตั้งมั่นเป็นสมาธิผู้รู้ไม่เอาจิตตกเป็นทาสของการซื้อหวยเบอร์เพราะเป็นอบายมุข (การพนัน) ซึ่งเป็นเหตุนำชีวิตสู่ความวิบัติ ผู้ถามปัญหาประสงค์นำพาชีวิตมาอยู่ในแนวธรรม ต้องพัฒนาจิตตัวเองดังนี้ (5) ชีวิตมีงานให้ทำอยู่สองอย่างคืองานภายนอกที่ทำให้กับสังคม ใหกับครอบครัวให้กับคนอื่นเช่นพ่อแม่ญาติฯลฯและชีวิตยังต้องทำงานภายในซึ่งทำให้กับตัวเอง เพราะตายแล้วต้องไปเกิดใหม่จึงจำเป็นต้องเตรียมบุญเป็นปัจจัยเดินทางต่อในปรโลกโดยประพฤติบุญกิริยาวัตถุ 10 อยู่เสมอ |
1011. คำตอบ |
1010. เรียน ท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร กระผมเป็นคนนึงที่ศรัทธาในตัวอาจารย์มากและอยากจะปฎิบัติ ฝึกจิตให้นิ่งตามที่อาจารย์บรรยายสั่งสอนแต่ด้วยยังมีเรื่องทางโลกอยู่อีกที่ต้องยุ่งเกี่ยวอยู่กับคน กับเงิน กับใจ กับกิเลสตัณหา อวิชชา ของตัวอง ก็พยายามที่จะฝึกจิตเท่าที่จะทำได้ตามเหตุปัจจัย จึงได้มีคำถามเพื่อนำมาพัฒนาปัญญาและตอบข้อสงสัยในตัวเองดังนี้ครับ 1. ตอนนี้เริ่มฝึกมาได้สักระยะนึงแล้วครับรู้สึกว่าจิตเริ่มสงบได้บ้างแต่ยังสงบบ้างฟุ้งซ่านก็มีเยอะ ถามว่าเรามีเวลาสักเท่าไรถึงจะทำให้จิตสงบและนิ่งให้มากกว่านี้ครับ 2. บางครั้งรู้สึกว่างานที่ทำมันไม่ถูกต้อง มันยุ่งและวุ่นวาย อยากจะหนีไปหาที่สงบๆ ไม่ทราบว่าท่าน อาจารย์มีข้อควรแนะนำอย่างไรบ้าง 3. อยากลาออกจากงานไปบวช/ปฏิบัติธรรมตลอดชีวิต ( แต่ยังมีความกลัวอยู่ว่าจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือไม่ และยังห่วงพ่อกับแม่ที่ยังใช้ชีวิตที่ยังห่างไกลจากธรรมะห่วงท่านว่าหลังจากที่ท่านทิ้งขันธ์นี้ไป) ไม่ทราบว่าท่านอาจารย์มีวิธีการเช่นไรแนะนำคนโง่ด้วยครับ 4. ไม่ทราบว่าเรื่องของการมี องค์เทพ มาคุ้มครองตัวมนุษย์ มีจริงแท้อย่างไรครับ 5. เพื่อนของผมได้โทรไปหาหมอดูคนนึง หมอดูบอกว่าตัวเขามีองค์เทพพญานาค และ องค์อื่นๆอีก และแนะให้เขาจัดพิธีบวงสรวงองค์เทพ ปีละครั้ง และควรจะระลึกบูชาองค์เทพเหล่านั้นอยู่เสมอๆเพราะว่าท่านคอยปกปักรักษาคุ้มครองตัวเรามาโดยตลอด และตัวเพื่อนก็ได้จัดพิธีบวงสรวงองค์เทพ ณ ศาลพระภูมิที่บ้านโดยจัดหาเครื่องบวงสรวงผลไม้อาหารคาวหวาน(แบบไม่มีเนื้อสัตว์) นุ่งขาวห่มขาว กันทั้งครอบครัวรวมถึงตัวข้าพเจ้าก็เข้าร่วมด้วย ไม่ทราบว่าเป็นการกระทำที่อยู่ในภาวะ หลง หรือถูกผิดหรือไม่อย่างไรขออาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยครับ 6. ผมได้ฟังการบรรยายของ อาจารย์ ผ่านทาง web site กัลยาณธรรม และเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่ดีและน่าจะถูกต้องตามหลักคำสอนของพุทธศาสนาจึงได้มั่นใจที่ประฏิบัติตามคำบรรยายของอาจารย์ แต่คำถามคือว่าผมได้นำสิ่งที่ได้รับมาไปบอกกับเพื่อนใกล้ตัวให้เขาเริ่มทำตามอย่างที่ผมได้รับฟังมาแต่เขาก็ทำตามแต่ ยังยุ่งอยู่กับเรื่องทางโลก/ในชีวิตประจำวันของเขาอยู่อีกมาก ทำให้ผมรู้สึกว่าเราไปยัดเยียดอะไรให้เขาหรือป่าว เราจะเป็นบาปไหมครับ 7. ตอนเป็นเด็กเราทำบาปไว้มาก เช่นฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เบียดเบียนสัตว์ ลักขโมยเงินของตา ไม่ทราบว่าจะแก้ไขอย่างไรได้บ้างในตอนนี้ และถ้าเราบำเพ็ญฝึกภาวนา แล้วอุทิศให้เหล่าสรรพสัตว์ บรรพบุรุษ เจ้ากรรมนายเวร ที่เราเคยล่วงเกินท่านไว้ไม้ทราบว่าเขาจะได้รับหรือไม่และเขาจะอโหสิกรรมให้เราหรือเปล่าครับ 8. วิธีที่จะระงับ/ลด/กำจัด ความโมโห โทสะ ใจร้อน ของตัวเองได้อย่างไรบ้างครับ ** กิจอันใดอันประกอบด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่ข้าพเจ้าทำแล้วเกิดเป็นบุญกุศลบารมีเกิดขึ้นผมขออุทิศแผ่ให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายที่อยู่ใน 31 ภูมิ ในวัฏฏะนี้ อันได้แก่เจ้ากรรมนายเวร บิดามารดา ญาติมิตร ศัตรู ครูบาอาจารย์ สัตว์นรก เปรต อสุรกาย เดรัจฉาน เทพเทวา พรหม ทั้งหลายทั้งที่มีชีวิตอยูและเสียชีวิตไปแล้วไม่ว่าท่านจะอยู่ภพไหนภูมิใดขอให้ได้รับทุกสรรพสัตว์เทอญ และหากกิจอันใดที่กระทำแล้วทำความทุกข์ให้แก่ใคร ผู้ใด ข้าพเจ้าขออโหสิกรรม อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย...สาธุ ด้วยความเคารพและนอบน้อมอย่างสูง สันติ (ลพบุรี) คำตอบ (2) ผู้ตอบปัญหาแนะนำว่า ชีวิตมีงานต้องทำอยู่สองอย่างคืองานภายนอก ที่ทำให้สังคมส่วนรวมและงานภายในคือพัฒนาจิตตนเองให้มีบุญสั่งสม เพื่อเป็นปัจจัยสำหรับจิตวิญญาณใช้เดินทางในปรโลกดังนั้นผู้ใดหวังมีชีวิตสวัสดีทั้งในชีวิตปัจจุบันและในชีวิตหน้าจึงไม่อาจปฏิเสธเลือกทำงานเพียงอย่างเดียวได้ เช่นเดียวกันไม่มีใครผู้ใดหนีใจตัวเองได้พ้น ฉะนั้นจึงต้องทำงานทั้งสองอย่างควบคู่กันไป ซึ่งแต่ละคนต้องบริหารจัดการเวลาให้แก่ชีวิตของตัวเองอย่างเหมาะสม (3) ใครผู้ใดปฏิเสธไม่ดูแลพ่อแม่ผู้เป็นบุพการีถือว่าผู้นั้นไม่มีความกตัญญูกตเวที ผู้ที่มีโทษสมบัติเช่นนี้ จะประพฤติปฏิบัติธรรมกี่ครั้งกี่หนก็สามารถปฏิบัติได้ แต่เข้าไม่ถึงมรรคผลแห่งธรรม ถือว่าเป็นการปฏิบัติธรรมที่สูญเปล่า (4) ผู้ใดมีอย่างน้อยศีล 5และมีธรรม 5 คุมใจ ผู้นั้นมีเทวดาคุ้มรักษาบางคนเรียกว่ามี องค์ ผู้ใดมีเทวดาคุ้มรักษาผู้นั้นแคล้วคลาดจากอุบัติภัยทั้งปวง (5) ศาสนาพุทธมิได้สอนให้เอาองค์เทพใดๆ มาเป็นที่ระลึกเคารพกราบไหว้บูชา เหตุเพราะมนุษย์มีศักยภาพที่จะพัฒนาจิตวิญญาณของตัวเองให้เข้าถึงความเป็นอริยบุคคลได้ ดังนั้นจึงมีบุคคลผู้เห็นผิดไปจากธรรม ผู้ยังมีปัญญารู้ไม่จริงแท้เท่านั้น ที่เอาจิตของตัวเองไปยึดติดเป็นทาสขององค์เทพผู้ยังมีความเป็นปุถุชนอยู่ในจิตวิญญาณ หลงนิยมกราบไหว้บูชาในสิ่งที่ด้อยค่ากว่าธรรมและวินัยในพุทธศาสนาซึ่งพุทธสาวกเขาไม่ประพฤติกัน (6) ผู้รู้ในพุทธศาสนาไม่เอาธรรมและวินัยไปยัดเยียดให้กับใครผู้ใด ที่มิได้มีจิตศรัทธานำตัวเองเข้ามาศึกษาธรรมะในพุทธศาสนา ดังนั้นผู้ประพฤติยัดเยียดแล้วทำให้ผู้อื่นไม่สบายใจเกรงใจ ลำบากใจ ฯลฯ ถือว่าผู้นั้นไม่ได้สร้างบารมีให้เกิดขึ้น กับตัวเองและผู้ถูกยัดเยียด (7) เรื่องประพฤติทุศีลในอดีตตามที่บอกเล่าไป เมื่อการเวลาได้ล่วงเลยมาจนถึงปัจจุบัน อกุศลกรรมอันเนื่องจากเหตุทุศีลได้เกิดขึ้นแล้วและได้ถูกเก็บสั่งสมเป็นบาปไว้ในจิตวิญญาณแล้ว หากผู้ใดหยุดประพฤติทุศีลแล้วนำตัวเองเข้าปฏิบัติธรรมซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งบุญสูงสุดผู้ใดมีบุญมาก ผู้นั้นสามารถอุทิศบุญกุศลให้กับบรรพบุรุษ เจ้ากรรมนายเวรสรรพสัตว์ ฯลฯ ได้มาก หากท่านเหล่านั้นอยู่ในวิสัยที่จะรับบุญได้ และมาอนุโมทนาบุญจากที่มีผู้อุทิศส่งไปให้ เขาก็จะได้รับบุญกุศลได้ ผู้มาอนุโมทนาบุญผู้เป็นเจ้ากรรมนายเวร จะเลิกจองเวรหรือไม่เป็นสิทธิ์ของเขาไม่มีใครสามารถก้าวล้ำเข้าไปในสิทธิ์ของเขาได้ (8) ปัญหาที่ถามไปสามารถแก้ไขได้เป็นสองทางคือ เจริญเมตตาให้เกิดขึ้นกับจิตวิญญาณด้วยการให้อภัยเป็นทาน เมื่อใดที่จิตวิญญาณมีเมตตาบารมีสั่งสมได้แล้วความโมโหโทสะใจร้อนจะหมดไปได้เอง ส่วนแนวทางแก้ไขในทางที่สอง คือเจริญสมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนาจนจิตเข้าถึงปัญญาเห็นแจ้ง เห็นถูกตรงตามที่เป็นจริงแท้ (ปรมัตถสัจจะ) และไม่เนื่องด้วยกาลเวลา แล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้งมาพิจารณาขันธ์ 5 จนดับไปตามกฎไตรลักษณ์ได้เมื่อใด อัตตาย่อมดับตามไปด้วยปัญหาที่ถามไปจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้อีก |
1009. ดิฉันมีปัญหากลุ้มใจมากอยู่เรื่องหนึ่ง คือ ครอบครัวดิฉันมีเพียง แม่และตัวดิฉันเท่านั้น เมื่อ 12ปีที่แล้ว ด้วยความที่กลัวท่านเหงาขณะที่ดิฉันไปทำงาน ดิฉันจึงซื้อลูกหมาพูเดิ้ลให้ท่านเลี้ยง 1 ตัวเป็นเพื่อน แต่ปรากฏว่าหมาที่เลี้ยงนั้นนิสัยไม่ใช่แบบหมาตุ๊กตาแต่เป็นแบบร็อตไวเลอร์ คือเวลาลูบหัวแบบรักใคร่เอ็นดูก็กัดแต่ก็ชอบเอาหัวมาซุก ไม่ไว้วางใจเจ้าของ ทั้งๆที่ดิฉันและแม่ก็ไม่เคยทำร้ายแถมยังเลี้ยงดีมาก แต่กลับกัดดิฉันและแม่อย่างชนิดเลือดตกยางออกกันทีเดียว ซ้ำร้ายยังขับถ่ายไม่เป็นที่ แถมยังทำเฟอร์นิเจอร์พังไปเยอะ แม่ได้ตัดสินใจยกให้คนอื่นทั้งๆที่บ้านนั้นก็มีหมาตัวเมียหลายตัวและรักหมา แต่ปรากฏว่ามันไม่กินข้าวกินปลา และหนีออกมาจากบ้านนั้น เราจึงต้องก้มหน้าก้มตาเลี้ยงเค้าต่อไป เค้าฟังทุกอย่างรู้เรื่องหมดแต่ไม่ทำ และตลอด24ชม.เค้าจะนั่งมองหน้าแม่ตลอด หรือพอแม่ไม่อยู่สัก 10วันเค้าจะป่วยขึ้นมา ดิฉันเคยคิดเสมอว่าเค้าคงเป็นเจ้ากรรมนายเวร ที่มาทำร้ายและทำลายชีวิตและทรัพย์สิน แต่เราก็ไม่เคยคิดจะทอดทิ้งเค้ารักและเลี้ยงเค้าดั่งลูกแท้ๆ ดิฉันอยากขอสอบถามว่า ดิฉันขอกราบขอบพระคุณที่เมตตาตอบคำถามค่ะ คำตอบ (2) เป็นบาปของผู้ที่ถูกสุนัขกัด ผู้ใดไม่ถูกสุนัขกัดถือว่าไม่มีเวรประเภทนี้ผูกไว้กับสุนัข แต่หากนำสุนัขมาเลี้ยงแล้ว ทำให้เจ้าของไม่สบายใจถือว่าเจ้าของสุนัขเคยมีเวรกรรมอื่นร่วมกับสุนัขด้วย |
1008. ดิฉันเป็นบุคคลหนึ่งที่ได้นั่งกรรมฐานที่เรียกว่ากรรมฐานเปิดโลก ได้มีโอกาสปฏิบัติ และศึกษาธรรมของหลวงพ่อฤาษีลิงดำเป็นระยะเพื่อไขปัญหาข้อข้องใจต่างๆ จนวันนี้เพื่อนได้เข้าร่วมฟังธรรมยายของอาจารย์แล้วมาเล่าให้ฟังจึงได้เข้าไปศึกษา แล้วไขข้อข้องใจได้หลายเรื่อง เพราะตัวดิฉันเองได้ฝึกกรรมฐานมาตั้งแต่ปี 49 ครั้งแรกที่นั่งรู้สึกถึงความสับสนวุ่นวาย (มีป้าๆ หลายท่านที่นั่งมานานและเป็นศิษย์ของหลวงพ่อคอยดูแล) ความรู้สึกวูบวาบบอกไม่ถูก จนระยะหลังรู้สึกเย็นและสงบเป็นที่สุด ดิฉันไม่ได้ต้องการนั่งกรรมฐานเพื่อระลึกชาติได้ หรือหวังสิ่งใด หากแต่ศรัทธาในองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และมีความประสงค์เป็นคนหนึ่งที่ปฏิบัติธรรมเพื่อพัฒนาจิตใจ รบกวนถามอาจารย์ดังต่อไปนี้ คำตอบ (2) ทุกคนที่ยังเป็นปุถุชนล้วนต่างมีผลของกรรมถูกเก็บสั่งสมอยู่ในจิตวิญญาณมากจนเรียกได้ว่ามีผลของกรรมสั่งสมไว้มากไม่มีสิ้นสุด (อนันต์) คนที่เป็นร่างของเหตุเพราะจิตมีความเห็นผิด รู้ไม่เท่ากันชีวิตจึงยินยอมให้จิตวิญญาณอื่นมาใช้ร่างกายของตัวเอง ทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อประโยชน์ของจิตวิญญาณนั้นๆ จิตวิญญาณใดมีบุญบารมีสั่งสมได้มาก จะไม่ยินยอมให้จิตวิญญาณอื่นมาใช้ร่างกายของเขาเป็นร่างทรง แต่จะใช้ร่างกายของตัวเองทำประโยชน์ให้กับชีวิตด้วยการสร้างบุญบารมีให้มีมากยิ่งขึ้น ฉะนั้นผู้รู้จึงแก้ปัญหาไม่ต้องเป็นร่างทรงของจิตวิญญาณใด ด้วยการสร้างและสั่งสมบุญให้มีมากยิ่งขึ้น แล้วจิตวิญญาณอื่นจะไม่สามารถมาใช้ร่างกายของเราเป็นร่างทรงได้ (3) เป็นเรื่องของจิตที่มีความผูกพันกันมาแต่อดีต หากเป็นความผูกพันที่ไม่ผิดกฎหมายไม่ผิดศีล ไม่ผิดธรรม ก็ไม่เสียหายอะไร (4) เมื่อจิตวิญญาณอื่นมาใช้ร่างกายคนทรง เป็นเครื่องมือในการคิด พูด ทำ ที่เรียกว่าพฤติกรรม ก็จะแสดงออกเป็นพฤติกรรม ของจิตวิญญาณนั้นๆ ซึ่งบางคนเรียกจิตวิญญาณนั้นว่า องค์ (5) เป็นเรื่องปรกติธรรมดาของคนที่มีกำลังสติอ่อนเป็นคนทรง ย่อมมีอารมณ์หลากหลาย (วิตกจริต) ผู้ใดสวดมนต์ก่อนนอนเป็นประจำ เจริญอานาปานสติอยู่เสมอ ทำให้จิตมีกำลังของสติมากจิตวิญญาณอื่นจึงไม่สามารถมาใช้ร่างกายของเขาได้ ตรงกันข้ามผู้ใดมีกำลังสติอ่อน จะมีอารมณ์หลากหลาย มีอารมณ์มากกว่าคนปกติ อย่างนี้จึงเรียกว่ามีอารมณ์ผิดปกติ (6) กรรมคือการกระทำ กุศลกรรมหมายถึง การกระทำที่ฉลาดผู้ใดประสงค์ให้วาระของกรรมที่เป็นคนทรงหมดไป แก้ไขได้ด้วยสวดมนต์ก่อนนอนทุกวัน และเจริญอานาปานสติ โดยเอาลมหายใจเข้ามากำหนดว่า พุท เอาลมหายใจออกมากำหนดว่า โธ ปฏิบัติเช่นนี้ต่อเนื่องยาวนานจะทำให้จิตมีกำลังของสติเพิ่มมากขึ้น จิตวิญญาณอื่นไม่สามารถมาใช้ร่างของเราไปเป็นร่างทรงได้ วาระของกรรมดังกล่าวก็จะหมดไป ด้วยการประพฤติเหตุให้ถูกตรงเช่นนี้ มนุษย์ เทวดา พรหม (สุทธาวาส) สามารถพัฒนาจิตให้อยู่เหนือธรรมชาติได้ด้วยการเจริญสมถภาวนา และวิปัสสนาภาวนา จนเข้าถึงกรรมขั้นอรหัตตผลได้เมื่อใดแล้วผู้นั้นสามารถอยู่เหนือธรรมชาติได้ทุกคน (7) ไม่มีใครสามารถแก้ปัญหาให้ใครได้ ปัญหาจะหมดไปต้องแก้ไขด้วยตัวเอง เมื่อใดที่บาปให้ผล แรงของอกุศลกรรมย่อมบันดาลพฤติกรรมไม่ดี (ก้าวร้าว) ให้เกิดขึ้น เมื่อจำเป็นต้องอยู่ร่วมกับผู้มีพฤติกรรมก้าวร้าว ต้องเจริญขันติบารมี และพรหมวิหาร 4 ให้มีกำลังกล้าแข็ง แล้วพฤติกรรมไม่ดีของผู้อื่นก็ไม่สามารถเข้าทำร้ายได้ ผู้ถามปัญหาเป็นผู้โชคดี มีครูดีอยู่ใกล้ ไม่ต้องไปแสวงหาครูในที่ห่างไกลให้เสียเงินเสียเวลา เพราะเขาผู้ก้าวร้าวเป็นครูที่ทำให้เราได้สร้างบารมีนั่นเอง (8) เมื่อใดที่กรรมดี (ช่วยเด็ก) ให้ผลเมื่อนั้นกุศลวิบากจึงจะเกิดขึ้นให้ผู้ที่ช่วยเหลือได้เสวย ผู้ทีประพฤติตนตามแนวทางของพระโพธิสัตว์(ช่วยเหลือคน) เขาหวังสร้างบุญบารมีกันทั้งนั้น คำว่า อุปสรรคบ่มี บารมีบ่เกิด จึงเป็นจริงแท้ ฉะนั้นผู้ใดเลือกทางเดินของชีวิตเป็นแบบนี้แล้ว ต้องไม่สะทกสะท้านต่ออุปสรรคปัญหาใดๆ ที่เกิดขึ้น ครูบาศรีวิชัยผู้เป็นพระโพธิสัตว์ได้ทำให้ดูเป็นตัวอย่างแล้วทำความดียังต้องถูกอธิกรณ์จากฝ่ายบ้านเมืองหลายครั้งหลายหน |
1007. ขออนุโมทนาบุญกับบุญกุศลที่อาจารย์ได้สั่งสมมาดีแล้วทุกๆประการค่ะ และขอให้อาจารย์มีสุขภาพแข็งแรงเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของพวกเราไปนานๆ ค่ะ เรียนถามอาจารย์ค่ะ รบกวนอาจารย์ชี้แนะด้วยค่ะ คำตอบ |
1006. คำตอบ (2) ได้บุญเหมือนกัน แต่ได้บุญไม่เท่ากัน ตามกำลังศรัทธาที่แต่ละคนมีมากน้อยต่างกัน (3) การเดินจงกรมเป็นอริยาบถใหญ่ จิตสามารถจดจ่อ (สติ) อยู่กับเท้าที่ก้าวย่าง ได้ดีกว่า การนั่งภาวนาซึ่งเป็นห้วงเวลาที่จิตยังมีกำลังของสติไม่กล้าแข็งมากนัก จึงนั่งได้ไม่นานเท่ากับการเดินจงกรม (4) องค์บริกรรมทั้งสองต่างกันด้วยวิธีการใช้ แต่วิธีทั้งสองมีจุดหมายเดียวกัน คือการมีจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ (5) คำว่า วิปัสสนา หมายถึงความเห็นแจ้ง เป็นตัวปัญญาที่รู้เห็นเข้าใจเหตุผลที่เป็นจริงแท้ (ปรมัตถสัจจะ) ต่างกับคำว่า สมาธิ ซึ่งหมายถึงความตั้งมั่นของจิต หรือจิตที่สงบแน่วแน่อยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยเฉพาะ |
1005. คำตอบ ฉะนั้นผู้ใดหวังความสวัสดีให้กับชีวิต ทั้งในภพนี้และในภาพหน้า พึงบริหารจัดการเวลาให้เหมาะสมกับงานของชีวิตสองอย่างด้วยตัวของตัวเอง ไม่มีผู้อื่นใดสามารถบริหารจัดการงานของชีวิตแทนกันได้ (2) การเอาเงินใส่ซอง รวมถึงวิธีโอนเงินเพื่อนำไปใช้ในงานกฐิน ถือว่าเป็นการให้ทรัพย์เป็นทาน เป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ 10 ผู้ให้ได้บุญ แต่สิ่งที่ใคร่แนะนำคือ การทำเหตุแล้วเกิดเป็นบุญขึ้นนั้นมีอยู่สิบอย่าง (ดูบุญกิริยาวัตถุ 10) ฉะนั้นพึงเลือกวิธีทำบุญตามที่ตัวเองศรัทธาและการทำบุญต้องไม่เบียดเบียนตัวเอง เพราะจะเป็นบาปเกิดขึ้นกับการทำบุญนั้นด้วย |
1004. ผมได้ฟังคำอธิบายจากบุคคลท่านหนึ่งว่า การเกิดและดับของจิตนั้นเกิดขึ้นเร็วมาก เมื่อมีจุติจิตก็จะมีปฏิสนธิจิตเกิดขึ้นตามมาในทันที ดังนั้นเมื่อคนเราตายในภพนี้ก็จะไปเกิดในภพอื่นในทันที ดังนั้นคำว่าผีหรือวิญญานที่กลับมาหาญาติหลังตายจะไม่มี เช่นเกี่ยวกับเรื่องแม่นาคพระโขนง เรื่องทำนองนี้ไม่มีทางเป็นจริงได้ เรื่องใน 2 ประเด็นข้างต้น ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร อาจารย์กรุณาให้ความกระจ่างด้วยครับ ขอบพระคุณอาจารย์มากครับ คำตอบ คนที่มีประสบการณ์ตรงเรื่องสัมภเวสีคือตายแล้วยังไม่ไปเกิดอยู่ในภพภูมิใดในวัฏสงสาร ยังเป็นสัตว์รอเกิดที่มีรูปลักษณ์เหมือนเดิมก่อนตาย จึงเป็นความเห็นถูกของผู้มีประสบการณ์ตรงเช่นนั้น ส่วนผู้ถามปัญหาอยากทราบว่า เท็จจริงเป็นอย่างไร ขอให้ชี้แจงเหตุผลในเรื่องของการตายในลักษณะนี้ด้วย ผู้ตอบปัญหาบอกว่าที่ยกตัวอย่างแสดงและที่อธิบายมาข้างต้นเป็นสิ่งถูกต้อง และมีเรื่องเล่าเสริมให้ฟังว่าในสมัยที่ผู้ตอบปัญหายังเป็นนิสิตอยู่ในมหาวิทยาลัยปรากฏว่ามีนักศึกษารุ่นน้องปีที่หนึ่งได้ไปร่วมดื่มเหล้ากับเพื่อนฝูง แล้วกลับมาหอพักหลังเที่ยงคืนไปแล้วได้พบชายสูงอายุผู้หนึ่ง มาชวนโขลกหมากรุกไทย ซึ่งเป็นกีฬาที่นักศึกษาผู้นี้ชอบเล่นอยู่เป็นประจำ ผลปรากฏว่าการเล่นหมากรุกในคืนวันนั้นนักศึกษาเล่นแพ้ชายสูงอายุ แล้วต่างคนจึงได้แยกย้ายไปนอน อีกสามถึงสี่วันถัดมา นักศึกษาผู้นี้ได้เดินเข้าไปในห้องรับแขกของหอพัก ได้ไปเห็นรูปของชายสูงอายุผู้มาชวยเล่นหมากรุกในคืนกลางดึก แขวนอยู่ที่ผนังห้องรับแขกนักศึกษาจึงได้ไปถามหัวหน้าหอพัก ซึ่งเป็นนักศึกษาปีสุดท้าย ว่ารูปที่แขวนอยู่เป็นใคร หัวหน้าหอพักตอบว่า เป็นรูปของลุงมากที่เคยเป็นภารโรงหอได้ตายไปเมื่อไม่กี่ปีมานี่เอง เมื่อนักศึกษารุ่น้องกับหัวหน้าฯ ได้พูดคุยกันถึงเรื่องที่เล่าให้ฟังข้างต้น จึงรู้ว่าลุงมาในสมัยที่เป็นมนุษย์ชอบเล่นหมากรุกจึงได้มาชวนลูกหอเล่นหมากรุกด้วย หลังจากนั้นทางหอพักจึงได้จั ดให้มีการทำบุญใหญ่ และอุทิศบุญกุศลให้กับลุงมาก ที่ไปเกิดเป็นสัมภเวสีคือสัตว์รอเกิดที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนเดิมก่อนตายทุกประการ ส่วนเรื่องตายแล้วไปเกิดทันที ขอเล่าเรื่องพระป่าที่เข้าฌานแล้วถอดจิตไปสู่สวรรค์ชั้นยามาได้มีนางฟ้าแต่งชุดสีเขียงเข้ามากราบพระสงฆ์ท่านจึงถามว่า นางฟ้าเธอเป็นใครจึงได้มากราบอาตมา นางฟ้าตอบว่า ท่านจำอิฉันไม่ได้หรือเจ้าคะ อิฉันคือ.....เป็นโยมอุปัฏฐากอยู่ที่วัดท่านนั่นไง พอพระป่าได้ยินชื่อและนามสกุลที่นางฟ้าบอกจึงจำได้ชัดเจนว่า อุ๊ย (หญิงชรา) คือ .... นี่เองนึกว่าใคร ผู้ใดอยากรู้ว่านางฟ้าองค์นี้เป็นใคร ไปดูได้ที่วัดอริญญวิเวก อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เพราะมีชื่อของอดีตมนุษย์ที่ไปโอปปาติกะเป็นนางฟ้า ติดอยู่ที่เจดีย์สีขาว ที่สร้างไว้กับวัดอรัญญวิเวกนั่นเอง |
1003. คำตอบ (2) สิ่งที่บอกเล่าไปคือนิมิตที่มาเป็นตัวขัดขวางความก้าวหน้าในการพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง เมื่อนิมิตเกิดขึ้นต้องกำหนดว่า เห็นหนอๆๆๆ จนกระทั่งวงกลมสีดำที่ปรากฏหายไป แล้วจึงดึงจิตกลับมาสู่องค์ภาวนาเดิมวิธีการเช่นนี้ ทำให้จิตเข้าถึงความตั้งมั่นแน่วแน่ (อุปจารสมาธิ) ได้ หลังจากนั้นจึงนำจิตไปพัฒนาปัญญาเห็นแจ้ง ตามแนวของสติปัฏฐาน 4 ต่อไป |
1002. หนูมีปัญหาถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ 2 หนูเคยท้อแท้กับการถูกคนนินทาใส่ร้ายอย่างหนัก หนูรู้สึกไม่มีใครเลยที่เข้าใจและอยู่เคียงข้างหนู จนหนูต้องอธิษฐานต่อหน้าหิ้งพระว่า หากสิ่งที่หนูทำ ถูกต้อง (หนูถือศีล ทำทาน ปฏิบัติธรรม) ดีแล้วถูกแล้ว กฏแห่งกรรมมีจริง บุญบาปมีจริง ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ขอให้มีพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา หนูรออยู่หลายวันท่านก็ไม่เสด็จมา แต่หนึ่งเดือนให้หลัง พระบนหิ้งเกิดตกลงมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ได้รู้ว่า มีพระบรมสารีริกธาตุเพิ่มขึ้นอีกสามองค์จากเดิมที่เคยมีเพียงหนึ่งองค์ องค์เดิมนั้นเป็นเหมือนเศษวัสดุหักๆเป็นแผ่นบางๆสีหม่นๆ บูชามาหลายปีแล้วค่ะก็ยังคงลักษณะเดิม แต่ปัจจุบันกลายเป็นลักษณะรีๆออกใสๆ ทุกวันนี้หากหนูท้อมากๆ หนูคิดถึงเหตุการณ์ที่พระบรมสารีริกธาตุเพิ่มขึ้นมา หนูไม่รู้ว่าท่านเสด็จมา หรือท่านเพิ่มชึ้นมาเอง อาจารย์มีความเห็นว่าอย่างไรบ้างคะ นับว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือเปล่าคะ สุดท้ายนี้ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่กรุณาตอบคำถาม และขออนุโมทนาบุญกุศลทุกสิ่งที่อาจารย์ได้สั่งสมมา หนูหวังว่าหนูจะเป็นได้อย่างอาจารย์สักวันวันใดวันหนึ่งค่ะ คำตอบ คำว่าผีมีความหมายได้สองนัยคือ หมายถึงซากศพ(รูปที่ปราศจากวิญญาณครอง) จึงไม่สามารถมาทำดีหรือมาทำร้ายหลอกหลอนมนุษย์ได้ และคำว่าผีหากหมายถึงสัตว์รอเกิด (สัมภเวสี) ชนิดต่างๆ ที่มีรูปนามเป็นทิพย์ เช่นคนที่ตายด้วยถูกรถชนก่อนถึงอายุขัย คนที่ตายด้วยการถูกฆาตกรรมฯ คนที่ตายด้วยถูกควายขวิด เมื่อตายแล้วจะไปโอปาติกะเป็นสัมภเวสี เป็นสัตว์รอเกิดที่มีรูปนามเป็นทิพย์ ในสมัยที่เขายังได้อัตภาพเป็นมนุษย์ ไม่มีความดีมาคุ้มรักษาตัวเองให้พ้นจากภัยได้ และเช่นเดียวกันเมื่อตายไปเป็นสัมภเวสีแล้วก็ไม่มีความดีใดไปคุ้มรักษามนุษย์ได้ แต่สัมภเวสีมีความชั่วไปกลั่นแกล้งผู้อื่นให้เข้าถึงความวิบัติได้เช่นผลักรถตกคลอง ปิดตาคนขับไม่ให้เห็นรถที่สวนทางมาข้างหน้า ดลใจผู้ขาดสติให้ขับรถไปชนรถคันอื่นฯลฯ ผีรู้ด้วยจิตสัมผัสว่ามนุษย์คนใดป็นผู้มีบุญ เช่นเดียวกับมนุษย์ผู้พัฒนาจิตให้เข้าถึงความทรงฌานได้ เมื่อออกจากฌานแล้วพลังจิตสามารถไปรู้วาระจิตของผู้อื่น (เจโตปริยญาณ) ได้ สรุปแล้วรู้ได้ด้วยการทำงานของพลังจิตนั่นเอง (2) เป็นเรื่องปกติธรรมดาของพลังงาน ที่ใดมีพลังงานที่นั่นมีการทำงานได้ พลังงานและสสารมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน จึงสามารถทำสิ่งมหัศจรรย์ให้เกิดขึ้นได้ ที่ใดมีพระบรมสารีริกธาตุสถิตอยู่ที่นั้นมีเทวดาคุ้มรักษา ความคิด(จิตคิด) ของมนุษย์ เทวดาสามารถหยั่งรู้ได้เป็นปรกติ ฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องของเทวบันดาล ร่วมกับการทำงานของพระบรมสารีริกธาตุเอง ผู้ใดมีปัญญาแล้วร้องขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ (พระบรมสารีริกธาตุ) มาช่วยไม่ใช่วิถีแห่งพุทธะ ผู้รู้กล่าวว่า อัตตาหิอัตโนนาโถ หมายถึงตนเป็นที่พึ่งเห็นตน คือพึ่งธรรมะพึ่งความดีงามที่มีอยู่ในใจตนนั่นเองการไปเอาสิ่งอื่นนอกจากธรรมะมาเป็นที่พึ่ง จึงเป็นการไม่ถูกต้องตามแนวของผู้รู้ในพุทธศาสนา (3) ความสุข-ความทุกข์ เป็นเรื่องปกติของธรรมชาติคือต้องเป็นตามกฎไตรลักษณ์ เมื่อความสุขเกิดขึ้น ย่อมมีความเกิดดับไปเป็นธรรมดา เมื่อความสุขดับความทุกข์ย่อมเกิดขึ้นแทนที่ ผู้ใดยังต้องหาความสุขจากกาม ผู้นั้นต้องเสวยความทุกข์จากกามด้วย เพราะเวทนาทั้งสองเป็นของคู่กัน เลือกรับแต่เพียงอย่างเดียวย่อมเป็นไปไม่ได้ ผู้รู้จึงไม่หาความสุขจากาม แต่แสวงหาความสุขจากจิตสงบและจิตเป็นอิสระ ส่วนคำว่า ขี้เกียจ หมายถึงไม่อยากทำงาน มนุษย์ที่ยังมีชีวิตมีงานต้องทำสองงานคือ งานภายนอกที่ทำให้กับสังคมที่ทำเพื่อให้ได้ปัจจัยมาเลี้ยงปากท้อง กับงานภายใน คืองานพัฒนาจิตให้มีบุญบารมีสั่งสมเพื่อจะได้ไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่เป็นสุคติ มนุษย์มีชีวิตเป็นของตัวเองจึงมีสิทธิ์ที่จะเลือกทำงานให้กับชีวิตของตัว คนที่มีปัญญาเห็นถูกตามธรรมจึงไม่ก้าวล่วงเข้าไปในชีวิตของผู้อื่น ไม่ไปบงการชีวิตของใครให้เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการ ฉะนั้นเจ้าของชีวิต จึงต้องเลือกทางให้กับชีวิตของตัวนั่นแหละดีที่สุดใครจะพูดติฉินนินทาหรือสรรเสริญอย่างไร สามารถพูได้ทั้งนั้นเพราะเขาไม่มีธรรมคุ้มใจ จึงพูดดีพูดไม่ดีได้ส่วนตัวเองผู้เป็นเจ้าของชีวิต หากมีธรรมคุ้มใจแล้วคำพูดเหล่านั้นไม่สามารถทำให้เราดีหรือเลวได้ เพราะชีวิตดำเนินไปตามธรรมที่ตัวเองมีอยู่ |
1001. เรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง ที่เคารพเป็นอย่างสูง หนูขอขอบพระคุณในความกรุณาของท่านอาจารย์ที่สละเวลาอันมีค่ามากรุณาตอบคำถามให้ความกระจ่างและหนทางที่ถูกต้องแก่ผู้คน หนูมีปัญหาอยากเรียนถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ ข้อหนึ่ง หนูอยากทราบว่า กรรมอันใดที่ทำให้เป็นโรคไมเกรน หนูต้องทุกข์ทรมานจากการปวดหัวนี้ หนูมีทุกข์ทางกาย เช่น รู้สึกใจจะขาด หายใจจะไม่ออก เวลาสวดมนต์ก็ปวดหัวมาก และหายใจจะไม่ออก หนูรู้ว่าผลเกิดแต่เหตุ จึงอยากเรียนถามเพื่อหนูจะได้ไม่ทำเหตุนั้นอีกค่ะ ข้อสอง การที่หนูศึกษาคัมภีร์ในศาสนาอื่น เช่นไบเบิ้ล จะเป็นการไม่มั่นคงในพระรัตนตรัยรึเปล่า ข้อสาม เคยมีอยู่ช่วงหนึ่งที่หนูได้ใกล้ชิดกัลยาณมิตร และปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด ซึ่งช่วงนั้นหนูได้รู้สึกถึงพลังแห่งจิตที่ดี ตอนนั้นหนูรู้สึกว่าทุกอย่างมันเที่ยงตรงมาก เมื่อใจหนูคิดอะไร ก็จะมีการตอบสนองที่ค่อนข้างแม่นยำ แต่ ในช่วงที่ผ่านมานี้หนูรู้สึกว่าหนูขาดความแม่นยำเที่ยงตรงตรงนั้นไป เวลาหนูสวดมนต์ก็มีที่หนูไปขอสิ่งต่างๆมากมาย หนูไปกล่าววาจาที่มันอาจไม่เป็นอย่างนั้น สามถึงสี่ครั้ง หนูควรจะทำอย่างไรดีคะ ? หนูขอขอบพระคุณในความเมตตาของท่านอาจารย์ที่มีต่อสัตว์โลกที่ยังมีทุกข์ ขอให้ท่านอาจารย์เป็นแสงสว่างชี้แนะทางที่ถูกต้องให้แก่ชาวโลกไปนานๆนะคะ หนูเองอยากพัฒนาตัวให้ได้อย่างท่านอาจารย์ค่ะ หนูทราบดีว่าหนูยังต้องสั่งสมบารมีอีกมาก แต่หนูก็จะเพียรพยายามค่ะ หนูรู้จักเจ้าความทุกข์ดี แต่มันก็ยังประมาทอยู่เรื่อย สุดท้ายนี้หากหนูได้ล่วงเกินหรือลบหลู่ท่านอาจารย์ไป ไม่ว่าด้วยกายวาจาหรือใจ รู้ไม่รู้ก็ดี ตั้งใจไม่ตั้งใจก็ดี จำได้จำไม่ได้ก็ดี หนูขอขมาต่อท่านอาจารย์มา ณ ที่นี้ และขอท่านอาจารย์โปรดงดโทษนั้นแก่หนูด้วยค่ะ ด้วยความเคารพอย่างสูง คำตอบ (2) ศึกษาคำสอนในศาสนาอื่นได้ แต่หากนำจิตเข้าไปเลื่อมใสศรัทธาในคำสอนของศาสนาอื่นทำให้จิตเคลื่อนห่างจากไตรสรณคมณ์ คือ ไม่มั่นคงในพระรัตนตรัย (3) พระพุทธะไม่เคยสอนพุทธบริษัทให้ทำตัวเป็นผู้ขอ แต่สอนให้ตั้งปรารถนา(อธิษฐาน) แล้วทำเหตุให้ถูกตรงเป้าที่ตั้งปรารถนาไว้ ความสำเร็จจึงจะเกิดขึ้นได้ |