1407.
กราบเรียนท่านอาจารย์สนอง วรอุไร ที่เคารพอย่างสูง
เคยฟังธรรมบรรยายของท่านอาจารย์ แล้วได้ความรู้ดีครับ
แต่ผมยังมีข้อสงสัยบางประการดังนี้ เรื่อง..
* อาจารย์บอกว่าคน ทำผิดศีล ผิดธรรม จะปฎิบัติไม่ได้ คือไม่ได้ผล
* คนมีศีล มีธรรม อาจารย์ว่า มี ธรรมะคุ้มครอง ? มีเทวดาคุ้มครอง
* คนเราทะเลาะกันนั้นบางทีก็ไม่มีใครทำผิดต่อกันแต่เป็นเพราะ เข้าใจผิดกัน ทีนี้มีไหมครับที่มีคนมาอาฆาต พยาบาทจองเวรเรา แบบเข้าใจผิด เช่น ฆ่ากันตาย แต่ผีมันเข้าใจผิด ว่าเราไป ฆ่า เขาตาย อะไรทำนองนี้
ขอเรียนถามท่านอาจารย์ดังนี้
1. กระผมว่า คนในโลกนี้ ไม่เคยกระทำความผิด ศีล ผิดธรรม คงไม่มี มนุษย์ทุกคนเป็นคนบาป จะมากหรือน้อยแล้วแต่มีขอบเขต และ อะไรเป็นตัวกำหนดครับ หากถือตามอาจารย์ว่า คนผิดศีล 5 จะปฎิบัติธรรมไม่ได้ แต่อาจารย์ก็เคยยกตัวอย่าง พระอริยบุคคลท่านหนึ่ง ในยุคนี้ ซึ่งอดีต ทำผิดศีล ข้อใหญ่เลย คือ ปาณาติ...ฆ่าสัตว์ คือฆ่าภรรยาตนเอง ยังบรรลุธรรมได้ หรือ แม้ในอดีต ท่านองคุลีมาล ท่านทำบาป ฆ่าคนมามากมาย แต่สุดท้ายท่านก็บรรลุธรรมได้ หรือ เพราะบุญเก่าท่านมาก ?? มันไม่ขัดกันหรือครับ ขอให้อาจารย์ช่วย ขยายความข้อนี้ค้วยครับ ด้วยความเคารพ.
2. อาจารย์ว่า คนมีศีลบริสุทธิ ย่อมได้รับความคุ้มครอง จากเทวดา และ ธรรมะ มีขอบเขตเพียงใดครับ ผมเห็นว่าอาจารย์ต้องมีศีล 5 คลุมใจ และ ถือเป็นเวลานานแล้วด้วย อาจารย์เคยบรรยายเล่าว่า ถวายนวดพระ..ต่อมาอาจารย์กลับต้องรับเคราะห์ปวดเมื่อยแทนพระ...หรือ มีตัวอย่างจากเรื่องที่อาจารย์บรรยาย เช่นเรื่อง อาจารย์ว่า คนที่ช่วยเหลือคนอื่น แล้วตัวเองกลับต้องมารับ ความอาฆาต หรือ การจองเวร จากเจ้ากรรมนายเวร จากผู้ที่เราเข้าช่วยเหลือ หมอตา เป็นโรคตา หมอกระดูกเป็นโรคกระดูก... อย่างงี้การช่วยเหลือบุคคลอื่นเราก็ต้องหลีกเลี่ยงซิครับ ซึ่งผมดูแล้วมันน่าจะไม่ถูกต้องนะครับ อาจารย์ช่วยขยายความเพื่อเราจะเข้าช่วยบุคคลใดให้เราปลอดภัยด้วยครับ
3. เราถูกคนเกียจชัง ทำร้ายเราเพราะ มีการเข้าใจผิดกันมีได้ แต่เรื่องเจ้ากรรมนายเวร ที่มาจองเวรผิดคน มีไหมครับ
ขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่เคารพ....
คำตอบ
ผู้ตอบปัญหาพูดไว้อย่างนี้
คนที่ประพฤติทุศีล ไร้ธรรม สามารถปฏิบัติธรรมได้ แต่เข้าไม่ถึงธรรมที่ปฏิบัติ
คนที่อย่างน้อย มีเบญศีล และมีเบญจธรรม สถิตอยู่กับใจทุกขณะตื่น ย่อมมีเทวดาคุ้มรักษา
คำว่า บางที ไม่เกิดขึ้นกับจิตของผู้รู้ในพุทธศาสนา เพราะสรรพสิ่งเกิดขึ้นได้ย่อมมีเหตุที่ทำให้เกิด
ฉะนั้นคนที่ทะเลาะกัน เนื่องมาจากเหตุที่คนทั้งสองต่างมีจิตรู้ไม่จริงแท้ และคนที่เข้าใจผิด คนที่ฆ่ากันตาย ย่อมมาจากเหตุในอดีต เคยผูกเวรกันไว้ ผู้ใดประสงค์พิสูจน์สัจธรรมที่กล่าวมานี้ ผู้นั้นต้องนำตัวเองเข้าปฏิบัติกรรมฐาน จนเข้าถึงปัญญาเห็นแจ้งได้เมื่อใดแล้ว เหตุและผลดังกล่าวจึงจะเป็นจริงได้
(๑). มนุษย์ที่เกิดมาล้วนมีบุญและบาปสั่งสมอยู่ในจิตวิญญาณของทุกคน เพียงแต่ว่าแต่ละคนสั่งสมบุญและบาปมาไม่เท่ากัน เหตุที่เป็นเช่นนี้ เนื่องมาจากแต่ละคนทำกรรมไว้ไม่เหมือนกัน กล่าวยืนยันซ้ำอีกครั้งว่า คนที่ประพฤติผิดศีล ๕ สามารถปฏิบัติธรรมได้ แต่เข้าไม่ถึงธรรมที่ปฏิบัติ เช่นปฏิบัติสมถกรรมฐาน แล้วจิตเข้าไม่ถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิขั้นสูงได้ หรือปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน แล้วปัญญาเห็นแจ้งไม่เกิดขึ้นกับจิต
ยกเว้น ผู้ใดหยุดประพฤติทุศีลอย่างเด็ดขาด แล้วหันมาประพฤติทาน ศีล ภาวนา โดยมีบุญบารมีเก่าที่ทำไว้แต่อดีตชาติส่งผล การบรรลุธรรมที่เข้าถึงความเป็นอริยบุคคล ย่อมเกิดขึ้นได้ ดังตัวอย่าง สิริมาโสเภณี อัมพปาลีโสเภณี จอมโจรองคุลีมาล ฯลฯ หยุดประพฤติทุศีล แล้วหันมาบำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา จนจิตเข้าถึงความเป็นอริยบุคคลได้ สิริมาโสดาบัน ตายแล้วไปเกิดเป็นสิริมาเทพนารีโสดาบัน อยู่ในสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวตี อัมพปาลีอรหันต์ และองคุลีมาลอรหันต์ ทิ้งขันธ์ลาโลก ดับรูปดับนามแล้วไปสู่นิพพาน เวรกรรมที่ยังมีเหลืออยู่ในจิตเป็นอันถูกยกเลิกให้ผล (อโหสิ) ผู้ใดประพฤติได้เช่นนี้ กรรมชั่วที่เหลืออยู่ในจิตวิญญาณ ย่อมยกเลิกให้ผล ..... พิสูจน์ไหมครับ
(๒). ฟังผิด ฟังใหม่ได้ ผู้ตอบปัญหามิเคยพูดว่า คนมีศีลบริสุทธิ์ย่อมได้รับความคุ้มครองจากเทวดา แต่พูดว่า คนที่มีอย่างน้อยศีล ๕ และมีธรรม ๕ สถิตอยู่กับใจทุกขณะตื่น ย่อมมีเทวดาคุ้มรักษา คำว่า มีธรรมอย่างน้อยได้แก่ มีเบญจธรรม (เมตตากรุณา สัมมาอาชีวะ กามสังวร สัจจะ สติสัมปชัญญะ)
อนึ่ง การเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนกรรมของคนอื่น ผู้เข้าร่วมต้องได้รับอานิสงส์ของกรรมนั้นด้วย อาทิ บุคคลผู้ร่วมกุศลกรรมกับอนาถบิณฑิกเศรษฐี ได้รับอานิสงส์ของกุศลกรรมดังนี้
อนาถบิณฑิกเศรษฐี มีจิตบรรลุ โสดาบัน
กาฬะ (บุตรชาย) มีจิตบรรลุ โสดาบัน
มหาสุภัททา (ลูกสาวคนโต) มีจิตบรรลุ โสดาบัน
จูฬสุภัททา (ลูกสาวคนที่สอง) มีจิตบรรลุ โสดาบัน
สุมนาเทวี (ลูกสาวคนสุดท้าย) มีจิตบรรลุ สกิทาคามี
นางปุณณา (ลูกทาสเกิดในเรือน) มีจิตบรรลุ อรหันต์
ตรงกันข้าม บุคคลผู้ร่วมกระบวนอกุศลกรรม กับพระพระเทวฑัต ได้รับอานิสงส์ของอกุศลกรรมดังนี้
พระเทวฑัต ถูกธรณีสูบไปเกิดเป็นสัตว์ อยู่ในอเวจีมหานรก
พระเจ้าอชาตศัตรู (ศิษย์พระเทวฑัต) ตายแล้วไปเกิดเป็นสัตว์อยู่ในโลหกุมภีนรก
ดังนั้นการช่วยเหลือบุคคลอื่น ผู้ให้การช่วยเหลือย่อมได้รับผลเป็นบุญจากผู้ถูกช่วยเหลือ และยังต้องรับผลบาป ที่เจ้ากรรมนายเวรของผู้ถูกช่วยเหลือ ได้ผูกพยาบาทไว้ แม้ความเป็นจริงกฎแห่งกรรมเป็นเช่นนี้ บุคคลผู้มีหน้าที่ต้องช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์ ต้องทำหน้าที่ให้ถูกตรงตามที่สังคมกำหนด แม้ว่าการช่วยเหลือนั้นได้ทั้งบุญและบาป แต่อานิสงค์ของบบุญมีมากกว่าบาป ผู้รู้ไม่เว้นประพฤติ ผู้รู้ช่วยเหลือผู้อื่นแล้ว ยังต้องประพฤติตนให้มีบุญคุ้มรักษา ด้วยการประพฤติบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ (ทาน ศีล ภาวนา ประพฤติอ่อนน้อม ช่วยเหลือคนอื่น อุทิศความดี อนุโมทนาความดี ฟังธรรม สั่งสอนธรรม ทำความเห็นให้ตรง) อยู่เสมอ
(๓). ผู้ใดพัฒนาปัญญาทางโลก (สุตมยปัญญาแบละจินตามยปัญญา) ย่อมรู้เห็นเข้าใจว่า การจองเวรผิดคนมีอยู่จริง แต่คนที่พัฒนาปัญญาสูงสุด (ภาวนามยปัญญา) และเข้าถึงได้แล้ว ย่อมรู้เห็นเข้าใจว่า ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุที่ทำให้เกิด ดังนั้นการจองเวร ย่อมมีเหตุมาจาก ผู้ถูกจองเวรเคยประพฤติเหตุเบียดเบียนผู้อื่นมาก่อน