ธรรม...อันเป็นนิรันดร์ (พระครูบาเจ้าบุญชุ่ม ญาณสํวโร) อรัญวาสีภิกข

            ต่อไปนี้จะได้กล่าวข้อธรรมอันเป็นคติสอนใจเพื่อให้ผู้ปฏิบัติธรรมได้ทราบไว้เป็นแนวทางบำเพ็ญจิตเข้าสู่พระนิพพาน ดังนี้

·       ยิ่งคิดยิ่งไม่รู้   ยิ่งดูยิ่งไม่เห็น   ยิ่งทำยิ่งไม่เป็น   ธรรมะนี้เหมือนเส้นผมบังภูเขา   เมื่อหยุดทำ หยุดคิด หยุดดู แล้วธรรมสภาวะจะเกิดขึ้นเอง   สำคัญอยู่ที่จิตดวงเดียว

·       อันว่าความทุกข์สุขอยู่ที่ใจมิใช่หรือ   ถ้าใจยึดถือเป็นทุกข์ไม่สุกใส   ถ้าใจไม่ยึดถือก็สุขไม่ทุกข์ใจ  อะไรๆ สำคัญอยู่ที่ใจของเราเอย

·       ฉันมองดูแต่ไม่มีผู้เห็น   ฉันฟังอยู่ไม่มีผู้ได้ยิน   ฉันดมอยู่แต่ไม่มีผู้ใดกลิ่น   ฉันกินอยู่แต่ไม่มีผู้ได้รส   ฉันถูกต้องแต่ไม่มีผู้ได้สัมผัส  ฉันคิดอยู่แต่ไม่มีผู้คิด   ฉันทำงานทุกอย่างแต่ไม่มีผู้ทำ   ฉันพูดอยู่แต่ไม่มีผู้พูด   ฉันเดินอยู่แต่ไม่มีผู้เดิน   ธรรมสภาวะนี้ใครได้สัมผัสรู้ไม่ต้องกลับมาเกิดอีกต่อไป   ดังเส้นผมบังภูเขา   ถ้าหมดความอยากก็หมดทุกข์

·       จิตที่ส่งออกนอกเป็นสมุทัย   จิตที่สงบอยู่ภายในเป็นนิโรธ  จิตที่รู้แจ้งอยู่เป็นมรรค

·       นกบินไปในฟ้าไม่เห็นอากาศ   ปลาว่ายแหวกอยู่ในน้ำไม่เห็นน้ำ   ไส้เดือนกินดินไม่เห็นดิน   คนอยู่กับทุกข์ไม่เห็นทุกข์

·       เมื่อแบกก็หนักเมื่อวางก็เบา ไม่คิดถึงปรุงแต่งไปตามอารมณ์ทั้งห้า  จิตก็สงบสบายไร้กังวล

·       ไม่ห่วงข้างหลัง  ไม่ห่วงข้างหน้า  เฝ้าดูจิตปัจจุบัน   มีสติทุกเมื่อเป็นทางนิพพาน

·       ไม่คิดพยาบาทมาดร้ายใคร  ไม่เป็นศัตรูกับใคร  ไม่มีเวรต่อใคร ไม่โกรธใครให้อภัยทุกเมื่อ คนผู้นั้นย่อมอยู่ในโลกด้วยความสุขทุกเมื่อ ไม่คิดเบียดเบียนใคร ไม่ทำความลำบากให้แก่ใคร   มีจิตรักทุกเมื่อ   มีจิตรักเอ็นดูสัตว์ทั้งหลายทั่วหน้า   บุคคลผู้นั้นย่อมอยู่ในโลกนี้ด้วยไม่มีภัย

·       จงเฝ้าดูสังขารรูปนามนี้เกิดดับ  ไม่มีหยุด  ไหลไปเหมือนสายน้ำ  ไม่ควรยึดมั่นถือมั่นอะไรสักอย่างในโลกนี้

·       จงเฝ้าดูจิตให้สงบอยู่ภายใน  ไม่ปรุงแต่งทั้งบุญทั้งบาป  ทำจิตเป็นกลางอยู่  ไม่ติดโลกนี้โลกหน้า  เป็นทางเข้าสู่นิพพาน

·       จงเฝ้าดูพิจารณาสังขารขันธ์ห้านี้เสื่อมไปหายไป  ใกล้ความตายมาทุกวัน แล้วเราได้ที่พึ่งโลกหน้าหรือยัง   อย่ามัวประมาทอยู่

·       จงตั้งจิต ทำความเพียรยินดีในภาวนาเถิด การเกิดมาเป็นทุกข์แท้หนอ

·       พระพุทธเจ้าสอนเรื่องทุกข์   และความดับทุกข์อย่างเดียวตลอดพระชนมายุ   คนไม่เห็นทุกข์สัจจะแม้ว่าจะมีอายุได้ตั้งร้อยปีก็เหมือนตายแล้ว  ไม่มีประโยชน์   คนที่เห็นความจริงทุกข์สัจจะ  แม้นว่ามีอายุวันเดียวก็ประเสริฐกว่า

·       จงดับความโลภ โกรธ หลงให้ได้ในปัจจุบัน   เพื่อความดับไปแห่งกองทุกข์ทั้งหลายดังนี้แล

·       ไม่ดูแล้วเมื่อไรจะได้เห็น ไม่ฟังแล้วเมื่อใดจะรู้ ไม่ทำแล้วเมื่อไรจะเป็น ไม่เดินแล้วเมื่อใดจะถึง   จงตั้งจิตปฏิบัติวิปัสสนาตั้งแต่ในวันนี้  จะได้ไม่ต้องเป็นทุกข์อยู่ร่ำไป

·       ยารักษาความโลภหมั่นให้ทาน   ยารักษาความโกรธให้รักษาศีล   มีจิตเมตตา   ยารักษาความหลงให้หมั่นภาวนาวิปัสสนา

·       จงเอาสตินำหน้าเหมือนนายเรือจับหางเสือ   จงเอาปัญญาเป็นประทีปนำทาง   เอาความเพียรเป็นเสบียงอาหาร   เอาธรรมสติปัฏฐานเป็นแพข้ามฟาก   เอาความสงบกิเลสเป็นนิพพาน

·       ดูกายให้เห็นกาย ดูเวทนาให้เห็นเวทนา ดูจิตให้เห็นจิต  ดูธรรมให้เห็นธรรม ไม่มี ไม่เอา ไม่ได้ ไม่เป็น ปล่อยวางทุกอย่างแล้วก็สบายใจ

·       อันความสุขทางโลกมีอยู่ชั่วคราว  ความสุขยืนยาวต้องเข้าหาพระธรรม ความสุขอยู่ไม่ไกลเมื่อใจเรามีสติทุกเมื่อ

·       ธรรมะของจริงอยู่ในกาย  กว้างศอก ยาววา หนาคืบ นี้  มีให้เราเห็นทุกๆ อย่างในกายนครนี้   ใครหมั่นพิจารณาจะได้เข้าสู่นิพพานเอย

·       กินน้อยตายยาก   กินมากตายง่าย   ไม่กินเลยก็ตาย   ให้เดินทางสายกลางเป็นทางนิพพาน

·       ในตัวคนเรามีแต่ขี้ทั้งนั้น   นับตั้งแต่หัวถึงเท้าเป็นขี้หมด  มีขี้รังแค ขี้ตา ขี้หู ขี้มูก ขี้ฟัน ขี้เล็บ ขี้ไคล ขี้ในท้องแล้วยังไม่พอยังมีขี้ในใจอีก  ขี้เกียจ ขี้กลัว ขี้ลัก ขี้หึง ขี้เอา มีแต่ขี้ทั้งนั้นนับไม่ถ้วน  ให้พิจารณาให้เกิดความเบื่อหน่าย   หายความรักความชังเสียเถิด  แล้วจะเกิดปัญญาก็เกิดขึ้นมาเอง

·       ธรรมะทุกอย่างรวมกันเป็นความไม่ประมาท   ถ้าประมาทเหมือนคนตายแล้ว

·       เกิดเป็นคนให้มีดีสามอย่าง หนึ่งใจดี สองพูดจาดี สามทำแต่สิ่งดีๆ   แล้วเราจะได้ของดี อย่ามัวเมามาขอแต่ของดีจากพระ  จงทำดีเอาคนเดียว ธรรมมะ ทุกอย่างรวมอยู่ที่จิต  เจตสิก รูป นิพพาน ให้หมั่นศึกษาปฏิบัติจะได้รู้แจ้งอันว่า  สัจจะความจริงนี้มีในโลก ใครรู้แจ้งพ้นโศกโลกสงสาร ใครไม่รู้แจ้งแทงปัญญาพาให้เกิดเอากำเนิดไม่รู้จบ พบทุกข์ในสงสาร ไม่ถึงพระนิพพาน นานหนักเอย

·       ใจเป็นนายกายเป็นบ่าว ใช้ให้ทำทุกอย่างตามตัณหาความอยากไม่มีที่สิ้นสุด   ดับตัณหาความอยากได้เป็นสุขในโลก   แม่น้ำเสมอดังตัณหาไม่มี

·       พระพุทธเจ้ากล่าวว่า   อุปมาคนเรานี้ มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ   ท่านว่าตาเราเหมือนงู   หูเราเหมือนจระเข้   จมูกเราเหมือนนก   ปากลิ้นเราเหมือนหมาบ้าน   ตัวเราเหมือนหมาป่า ใจเราเหมือนลิง มีความจริงตามพระพุทธเจ้ากล่าวทุกอย่าง ท่านอุปมาเปรียบเทียบอย่างนั้น

·       ตาเราชอบดูเข้าออกไปมาเหมือนงู   หูเราชอบฟังเสียงดีๆ เย็นเหมือนจระเข้อยู่น้ำ   จมูกเราชอบอากาศดีๆ เหมือนนกบินไปในอากาศ   ปากลิ้นเราชอบกินนั้นกินนี่อยู่ตลอด   เหมือนหมาบ้านชอบอยู่แต่ในครัวเตาไฟ   ตัวเราเหมือนหมาป่าชอบนอนอยู่ที่สงัดสบายที่ในป่า   ใจเราเหมือนลิงชอบคิดนั้นคิดนี่ตลอด   กระโดดไปกระโดดมาไม่อยู่นิ่ง   พระพุทธองค์เจ้าสอนให้เจริญสติปัฏฐานสี่   ภาวนากรรมฐานจึงจะมัดจิตใจนี้ได้ให้สงบยินดีซึ่งพระนิพพานแล

·       พระพุทธเจ้าเปรียบเทียบขันธ์ห้าเรานี้ว่า   รูปนี้เหมือนฟองน้ำ   เวทนานี้เหมือนพยับแดด  สัญญานี้เหมือนมายากล   สังขารเหมือนต้นกล้วย  วิญญาณเหมือนของยืมมา  ไม่มีแก่นสารน่าเบื่อหน่ายที่สุดในขันธ์ห้า ไม่จีรังยั่งยืน  เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

·       เห็นก็สักแต่ว่าเห็น เมื่อได้ยินก็สักแต่ว่ายิน ได้กลิ่นก็สักแต่ว่ากลิ่น ลิ้มรสก็สักแต่ว่ารส   เมื่อถูกต้องกระทบทางกายก็สักแต่ว่าถูกต้อง เมื่อคิดธรรมารมณ์ก็สักว่าคิด  ไม่ติดไม่ข้อง ไม่หลงไม่ไหลไปตามกระแสตัณหามานะทิฏฐิ ทุกสิ่ง ทั้งปวงเกิดดับเป็นเช่นนั้นเอง เมื่อมีสติเฝ้าดูจิตอยู่เห็นแจ้งตามเป็นจริงแล้ว  ไม่น่าเอาไม่น่าเป็นอะไรสักอย่าง   จิตย่อมเบื่อหน่ายรูปธาตุ นามธาตุ มีจิตยินดีซึ่งนิพพาน  ไม่ต้องเป็นทุกข์อีกต่อไป  เท่านี้เราก็เข้าถึงสัจะธรรมแล้ว

ท้ายที่สุดนี้เราขอเมตตาให้ทุกท่านจงเป็นผู้มีสติมีปัญญาพาตนให้พ้นทุกข์   ในวัฏฏะสงสาร  ให้ถึงพระนิพพานอันเป็นอมตะสุขยิ่ง  ตราบใดยังไม่ถึงพระนิพพานได้เวียนว่ายตายเกิดทุกภพทุกชาติ   ขอให้ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา   พบพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่ดีเป็นบัณฑิต  ขอให้ได้สร้างบารมีธรรมให้เต็มเปี่ยม   ให้ทำประโยชน์ตน ประโยชน์แก่ญาติแก่สังคม ประโยชน์แก่ชาวโลก ให้สำเร็จสมความปรารถนาทุกประการด้วย  เทอญ   เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้แล   สาธุ สาธุ สาธุ

·       จิตตัง  ทันตัง สุขาวหัง   การฝึกจิตดีแล้วเป็นสุขอย่างยิ่ง

·       ธัมมะจารี สุขขัง เสติ   ผู้ประพฤติธรรมย่อมอยู่เป็นสุข

ข้อธรรมทั้งหมดนี้ ข้าพเจ้าครูบาเจ้าบุญชุ่ม ญาณสํวโร ได้เขียนบันทึกเมตตาไว้

ในปีพุทธศักราช ๒๕๕๐   ขณะที่ได้เข้าจำพรรษา ณ ถ้ำมหาโพธิสัตว์ราชคฤห์ เมืองงาว จังหวัดลำปาง ถ้าหากว่าข้อธรรมตรงไหนผิดถูกขาดตกบกพร่องไป   ก็ขอให้ท่านผู้รู้ทั้งหลายให้อภัย   ด้วยประสงค์เมตตาเผยแผ่ธรรมะแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นธรรมทานสำหรับพุทธศาสนิกชนทุกคน   โดยมีความตั้งใจอันเป็นมหากุศลถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช   เนื่องในมหามงคลวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุครบแปดสิบพรรษา   จึงขออาราธนาบูชาธรรมได้ดังกล่าวมานี้....

ด้วยมุทิตา..ครูบาเจ้าบุญชุ่ม ญาณสํวโร

อรัญวาสีภิกขุ