1

 

 

                                                                
คำถาม-คำตอบ ข้อ 901-950

950.
กราบเรียนถามท่านอาจารย์สนอง

   เนื่องด้วยดิฉันได้เริ่มศึกษาธรรมจากอาจาย์หลายๆท่าน เช่นอาจารย์สนอง อาจารย์สุรวัฒน์,หลวงพ่อประโมช ,ดังตฤน ลักษณะการแนะนำต่างๆกัน เช่นหลวงพ่อปราโมช และอาจารย์สุรวัฒน์ จะให้ดูกาย ดูใจ หลังจากที่ได้ปฏิบัติมาหลายเดือน ปรากฎว่าจิตใจที่ฟุ้งซ่าน อารมณ์ที่มักแปรปรวนไปกับเหตุการณ์รอบข้างดูลดน้อยลง โกรธน้อยครั้ง ส่วนคำสอน คำแนะนำของอาจารย์สนองทำให้ดิฉันนึกถึงการปฏิบัติ ศีล สมาธิ ปัญญา ทำให้ดิฉันเกรงกลัวต่อบาป พอเริ่มคิดสิ่งไหนไม่ดีก็ดูจิตไปมันจะหายไปทันที

ดิฉันขอเรียนถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ
   ดิฉันหรือบุคคลทั่วไปที่สนใจปฏิบัติธรรม ดิฉันเป็นผู้หญิงจะสามารถเพียรปฏิบัติธรรมจนบรรลุ(นิพพาน)ในชาตินี้ได้ไหมค่ะ หรือต้องเพียรปฏิบัติหลายๆชาติจึงจะสำเร็จ ถ้าหากมีโอกาสทำได้ดิฉันควรปฏิบัติอย่างไรซึ่งต้องใช้ชีวิตเหมือนบุคคลธรรมดา ทำงานพบปะผู้คนมากมาย หลายหลายพฤติกรรม และถ้ามีศีล 5 คุมใจ ปฺฎิบัติดูกายดูใจ ฯลฯจะสามารถนิพพานในชาตินี้ได้ไหมค่ะ

ขอขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
   วิธีปฏิบัติธรรมไม่ว่าจะเป็นแบบไหน เมื่อนำมาใช้กับตัวเองแล้วได้ผลถูกตรง คือจิตมีความตั้งมั่นเป็นสมาธิ และจิตเกิดปัญญาเห็นแจ้งวิธีที่นำมาใช้เหล่านั้นถูกต้องตามธรรมและควรดำเนิน

   ผู้ใดสามารถจะบรรลุนิพพานในชาตินี้ได้ต้องมีครูบาอาจารย์ผู้เป็นกัลยาณมิตรในทางธรรม คอยชี้แนะแนวทางปฏิบัติได้อย่างถูกตรง ผู้ปฏิบัติต้องปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม (คือธรรมใดให้เว้นต้องไม่ประพฤติ ธรรมใดให้ปฏิบัติต้องปฏิบัติให้ถูกตรง ธรรมใดให้ทำก่อนต้องปฏิบัติให้เกิดขึ้นได้ก่อน ธรรมใดให้ปฏิบัติภายหลังต้องเอาไว้ปฏิบัติท้ายสุด) เร่งความเพียรด้วยการปฏิบัติอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ผู้ปฏิบัติต้องมีศีลบริสุทธิ์คุมใจอยู่ทุกขณะตื่น มีสัจจะ มีบุญมีบารมีสั่งสมมามากพอและให้ผลเมื่อเหตุปัจจัยดังกล่าวลงตัว โอกาสที่จิตของผู้ปฏิบัติธรรมสามารถปริวรรคเข้าถึงความเป็นอริยบุคคลขั้นสูงสุดในชาตินี้ย่อมเป็นไปได้
  

949.
กราบเรียนดร สนอง วรอุไร

ในสถานการณ์บ้านเมืองที่มีการประท้วง และเหตุการณ์วุ่นวาย นอกจากไม่เข้าร่วมฟัง ไม่เห็นด้วย ไม่พุดถึง ดังตามที่ท่านอาจารย์กล่าวว่า " เป็นติรัจฉานวิชา คือการพูดคุยอันขวางต่อทางพระนิพพานไม่ถือว่าเป็นวิถีพุทธ " ในฐานะชาวพุทธควรปฏิบัติตัวอย่างไร เราควรวางจิตไว้อย่างไร นอกจากการแผ่เมตตาให้เขาเหล่านั้นได้เกิดสัมมาทัศนะและเกิดสัมมาทิฐิ

เรียนถามมาด้วยความเคารพ

ขอบคุณค่ะ
หมิง

คำตอบ
    คำว่า “ เดรัจฉานวิชา ” (ดิรัจฉานวิชา หรือ ติรัจฉานวิชา) หมายถึงความรู้ที่ขวางต่อทางพระนิพพาน

   คำว่า “ เดรัจฉานกถา ” (ดิรัจฉานกถาหรือดิรัจฉานกถา) หมายถึงการพูดคุยที่ขวางต่อทางพระนิพพาน

   ผู้ใดนำเดรัจฉานวิชา เดรัจฉานกถามาประพฤติ การนำพาชีวิตไปสู่ความพ้นทุกข์ตามแนวทางพุทธศาสนา ย่อมเกิดขึ้นไม่ได้

   ดังนั้น ในฐานะชาวพุทธ ผู้ประสงค์ดำเนินชีวิตตามแนวทางของพระพุทธะ ต้องวางใจเป็นกลางต่อสถานการณ์บ้านเมือง มีปัญญารู้ทันว่าสิ่งที่เข้ากระทบจิตนั้นเป็นอกุศลธรรมที่ผูกมัดใจสัตว์ไว้กับทุกข์แล้วไม่นำจิตตนเองเข้าไปมีส่วนร่วม อุทิศบุญกุศลที่ตนมีให้สัตว์บุคคลเหล่านั้นจงเป็นสุข หรือหากตัวเองมีเมตตาอยู่ในใจ ก็สามารถแผ่เมตตาให้กับสัตว์บุคคลเหล่านั้น จงมีจิตสงบเย็นก็ย่อมทำได้
   

948.
กราบเรียนถามท่านอาจารย์ ดร.สนอง ค่ะ

1. พระโสดาบันมีศีล 5 บริบูรณ์อัตโนมัติ แต่ก็ยังมีอารมณ์ โลภ โกรธ หลง ใช่มั้ยคะ แล้วศีล 5 บริบูรณ์อัตโนมัติเป็นอย่างไรคะ

2. พระโสดาบันยังแสดงความโกรธ ความโมโห ทางกาย วาจา เช่น ตีโต๊ะหรือโยนของเวลาโกรธ พูดจาด้วยน้ำเสียงที่โมโห แสดงสีหน้าไม่พอใจ พูดจาหยอกล้อ พูดเล่น ให้ผู้อื่นเห็นได้หรือเปล่าคะ

3. เราจะสังเกตพระโสดาบันที่เป็นฆราวาสได้อย่างไรคะ เพื่อจะได้สำรวมระวัง ไม่เผลอไปก่อบาปกรรม ทางกาย วาจา ใจ

ถ้ามีกรรมใดที่ดิฉันเคยล่วงเกินท่านอาจารย์ จะด้วย กาย วาจา ใจก็ดี ดิฉันขอกราบขมาต่อท่านอาจารย์ และขอท่านอาจารย์ได้โปรดอโหสิกรรมให้ดิฉันด้วยค่ะ

กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
    (1) คำว่า “ โลภ ” หมายถึงอยากได้ไม่รู้จักพอ คำว่า “ โกรธ ” หมายถึงไม่พอใจอย่างแรง คำว่า “ หลง ” หมายถึง ไม่รู้ตามความเป็นจริง (อวิชชา)

   อารมณ์สองอย่างแรก ไม่เกิดขึ้นกับจิตวิญญาณของพระโสดาบันส่วนอารมณ์หลง (อวิชชา) ยังมีอยู่

   คำว่าศีล 5 บริบูรณ์อัตโนมัติ ตามคำของผู้ถามปัญหา หมายถึงศีล 5 ที่ไม่เศร้าหมอง ไม่มีกิเลสเจือปน และมีอยู่กับใจครบบริบูรณ์ทุกขณะตื่น

   (2) พระโสดาบันตามปกติแล้วไม่มีพฤติกรรมดังที่เขียนถามไปแต่หากพระโสดาบันประสงค์จะทดสอบสภาวะจิตของผู้เสวนาด้วย อาจแสดงพฤติกรรมดังกล่าวให้สัมผัสด้วยระบบประสาทได้

   (3)พระโสดาบัน มีศีลบริสุทธิ์คุมใจอยู่ทุกขณะตื่น มีจิตเลื่อมใสไม่หวั่นไหวในพระรัตนตรัย มีสติคุมอิริยาบถ มีจิตเป็นอิสระต่อกาย เป็นอิสระต่อเวทนา เป็นอิสระต่อโลกธรรมและวัตถุ ฯลฯ เหล่านี้จะแสดงออกให้เห็นทางพฤติกรรม

     ในครั้งพุทธกาล พระมหาโมคคัลลานะ เข้าฌานแล้วถอดจิตไปสู่พรหมโลกชั้นที่สาม ได้ไปพบติสสมหาพรหมและได้สนทนากัน

     พระมหาโมคคัลลานะ “ จะรู้ได้อย่างไรวา เทวดาองค์ไหนเป็นโสดาบัน ”

     ติสสมหาพรหม “ เทวดาองค์ใด เลื่อมใสและไม่หวั่นไหวในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ผู้อริยะ และมีศีลที่พระอริยเจ้าพอใจนั่นคือเทวดาโสดาบัน "
   

947.
กราบเรียนท่านอาจาย์

   ดิฉันได้รับ ซีดี ของท่านอาจารย์มา ก็เอามาเปิดฟังที่ร้านค่ะ ฟังไปเรื่อย ๆ ฟังซ้ำ บ่อย ๆ ก็จะได้ ข้อธรรม แตกต่างกันไปในแต่ละครั้ง พอมีลูกค้าเข้ามาซื้อของ ยืนฟังแล้วเกิดศรัทธา อยากได้ไปฟังบ้าง ดิฉันก็จะไรท์ ให้แผ่นแจกไปค่ะ ทราบดีว่าไม่ควรทำไปก่อนจะขออนุญาติ จีงเรียนมาเพื่อ ขออโหสิกรรม และขออนุญาติจากท่านอาจารย์ค่ะ

1. ดิฉันเป็นคนมีจิตฟุ้งซ่าน เวลาทำสมาธิ จะรวมจิตได้ไม่นาน แล้วในบางครั้งโดยเฉพาะ ช่วงนี้พอนั่งสมาธิเสร็จแผ่ส่วนกุศล นอนไม่หลับค่ะ ถึงเคลิ้มไป จิตก็จะสะดุ้งดึงกลับมาพองยุบอีก เวลาเหมือนจะหลับก็จะรู้สึกตัว ขยับก็รู้สึกตัว เพราะเหตุใดค่ะ ดิฉันจะประสบปัญหาแบบนี้ เป็นช่วง ๆ ค่ะบางครั้งทำสมาธิ สวดมนต์ ก็หลับง่ายดายอย่างไม่น่าเชื่อ

2.ช่วงนี้ดิฉันมีปัญหา เมื่อพบเห็นผู้ทรงศีล มีคุณธรรม ทำไมจิตมันไพล่ไปเห็นเครื่องเพศหญิง ไม่เข้าใจค่ะ เป็นบ่อยเป็นมาก จนรู้สึกเครียดกลัวอกุศลกรรม ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจไปคิดเลย เกิดจากอะไรคะเพิ่งเป็นเมื่อไม่นานมานี้ค่ะ ดิฉันควรแก้ไขอย่างไรดีค่ะ
   รบกวนท่านอาจารย์ ชี้แนะทางสว่างด้วยเถิดค่ะ โดยเฉพาะข้อสองทำให้ดิฉันกลัวบาปมากเลยค่ะ
  ขออนุโทนาในกุศลธรรมที่อาจาย์เผยแพร่ พระธรรม และขอให้ท่าน อาจารย์ มีสุขภาพแข็งแรง ค่ะ

สาธุ

คำตอบ
    (1) ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะกำลังของสติอ่อนวิธีแก้ปัญหาต้องทำใจให้มีศีล 5 คุมใจอยู่ทุกขณะตื่น แล้วเจริญสติภาวนาด้วยการเปลี่ยนมาใช้อานาปานสติ กำหนดลมหายใจเข้าว่า “ พุท ” ลมหายใจออกว่า “ โธ ” แทนการกำหนด “ พองหนอ-ยุบหนอ ” ปฏิบัติทุกครั้งที่นึกได้ปฏิบัติทุกครั้งที่ว่างจากงานภายนอก หลังปฏิบัติแล้วเสร็จในรอบวัน ต้องอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร ทำให้ได้ดังคำชี้แนะไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งปัญหาที่เกิดขึ้นก็จะหมดไป

   (2) เรื่องที่บอกเล่าไปเป็นอกุศลวิบาก ที่เกิดจากการมีจิตคิดลวนลามผู้ทรงศีลทรงธรรมาแต่อดีต ปัญหาเช่นนี้จะผ่านพ้นได้ต้องขอขมากรรมต่อพระอริยเจ้าทุกองค์ที่ตนเองเข้าไปสนทนาด้วย ให้ท่านกล่าววาจาอโหสิให้
  

946.
กราบเรียน อาจารย์ ที่เคารพอย่างสูง

   ปัจจุบันดิฉันประกอบอาชีพค้าขายอัญมณีส่วนตัว ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาได้อ่านหนังสือธรรมะรวมทั้งของอาจารย์ทุกเล่ม และได้ฝึกปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิวันละ 1 ชั่วโมงเกือบทุกวัน ยกเว้นบางวันที่อาจจะไม่มีเวลาก็ไม่ได้นั่งค่ะ ต่อมาช่วงนี้ได้ไปลงเรียนการจัดการระดับป.โท ซึ่งการเรียนระดับนี้ผู้เรียนต้องใช้ความคิดมากๆบางวิชาต้องคิดเสนอโครงการส่งอาจารย์ เพื่อนๆที่เรียนด้วยกันบางคนคิดแบบอลังการมาก เมื่อเราเทียบกับเพื่อนโครงการเราจะ simple มากเลยค่ะ

ทีนี้ปัญหาและคำถามของดิฉันก็เกิดขึ้นว่า
   1. จากที่ได้เข้าใจจากการอ่านหนังสือธรรมะและได้ฟังพระเทศน์ว่า โลกเรานี้ทุกอย่างเป็นโลก สมมติ ทีนี้พอเรียนไปได้สักช่วงหนี่งความคิดในการที่จะไปเรียนต่อ conflictกับความรู้ที่ได้จากธรรมะ ยกตัวอย่าง การฝึกนั่งสมาธิ ให้เรากลับมามองตัวเองหาธรรมชาติในตัวเอง ไม่คิดฟุ้ง แต่การไปเรียนต่อทำให้เราต้องคิดฟุ้ง ไม่เช่นนั้นการทำโครงการการวิจัยต่างๆก็ไม่ประสบความสำเร็จ อยากขอคำแนะนำจากอาจารย์ค่ะว่าดิฉันควรปฏิบัติเช่นไร

   2. เวลาที่เคยมีในการนั่งสมาธิ ช่วงหนึ่งได้หายไป เพราะการบ้านเยอะมากค่ะ อ้อ! ลืมบอกอาจารย์ไปค่ะว่าดิฉันมีความชอบในการศึกษาธรรมะค่ะ ชอบเปิดCDฟังพระเทศน์ในรถ ว่างก็จะอ่านหนังสือเกียวกับธรรมะเกือบทุกเล่มค่ะ vcdของอาจารย์ก็ดูเกือบทุกตอนค่ะ วันพระตอนเช้าจะนั่งสวดมนต์หลายบทค่ะ แต่จากที่เราไปเรียนทำให้เวลาในส่วนนี้ลดหายไปค่ะ บางครั้งก็สับสนกับความรู้สึกตัวเอง บางครั้งก็คิดว่าจะยกเลิกการเรียนเพราะในใจใฝ่ทางธรรมมากกว่าทางโลกค่ะ อยากให้อาจารย์แนะนำในจุดนี้ด้วยค่ะว่าควรมีวิธีการปฏิบัติตัวอย่างไร

ขอขอบพระคุณอาจารย์ที่ให้คำแนะนำค่ะ

คำตอบ
    (1) ควรตั้งความเห็นให้ถูกว่า มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ต้องอยู่ร่วมและเกี่ยวข้องกับผู้อื่น ดังนั้นยังมีความจำเป็นต้องพัฒนาปัญญาทางโลกอยู่เสมอ เพื่อนำความรู้ความสามารถที่พัฒนาได้มาทำงานให้กับสังคม แต่ต้องไม่ลืมว่ายังมีงานภายในให้ทำคือพัฒนาจิตตนเองให้เกิดปัญญาทางธรรม (ภาวนามยปัญญา) เพื่อใช้ส่องทางให้กับชีวิตดำเนินไปสู่ปรโลก ได้อย่างราบรื่นและปลอดจากภัยทั้งปวง

   (2) ชีวิตคือการทำงาน มีชีวิตย่อมต้องมีงานให้ทำหมดชีวิตก็หมดงานที่ต้องทำ ทุกคนได้เวลาในรอบหนึ่งวันมา 24 ชั่วโมงเท่ากัน งานที่ชีวิตต้องทำมีอยู่สองงาน คืองานภายนอกและงานภายในหากผู้ถามปัญหาเห็นได้ถูกตรงเช่นนี้แล้ว ผู้ถามปัญหาซึ่งเป็นเจ้าของชีวิตต้องตัดสินใจบริหารจัดการเรื่องเวลาให้กับชีวิตของตัวเองผู้รู้มิอาจก้าวล่วงเข้าไปบงการชีวิตของใครให้เป็นไปตามที่ตนเองต้องการได้ ผู้รู้จึงเป็นได้เพียงผู้ชี้แนะเท่านั้น
   

945.
กราบเรียนถามท่านอาจารย์ ดร.สนอง ค่ะ

ทุกข์เพราะไม่อยากพบและยุ่งเกี่ยวกับคน หรือบางสิ่งที่ไม่ชอบ แต่ก็มีความจำเป็นที่ต้องอยู่กับสิ่งเหล่านี้บ่อยๆ อย่างนี้เป็นเพราะกรรมที่เคยทำไว้ในอดีต ใช่มั้ยค่ะ และเป็นกรรมอะไรค่ะ แล้วเราจะสามารถทำอย่างไรให้กรรมนี้เบาบางลงได้ และจะเอาสิ่งที่ไม่ชอบนี้มาเป็นอุบายในการพัฒนาจิตใจได้อย่างไรบ้างค่ะ

ขอกราบขอบพระคุณมากค่ะ

คำตอบ
     ตอบว่าใช่ เป็นอกุศลกรรมที่เคยทำไว้ก่อนกับคนที่อยู่แวดล้อม ผู้รู้นำเอาความไม่ชอบมาเป็นอุบายสร้างขันติบารมีให้กับตนเอง และหากประสงค์ให้ความไม่ชอบเบาบางลงหรือหมดไปจากใจได้ต้องเจริญเมตตาบารมีให้เกิดขึ้น ด้วยการให้อภัยเป็นทานให้อภัยกับผู้ที่ทำให้เกิดเป็นความไม่ชอบอยู่เสมอ เมื่อใดที่เมตตาบารมีกำลังกล้าแข็งแล้ว ความรักความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์และมีความสุขจะเกิดขึ้นแทนที่ ความไม่ชอบจะหายไปในที่สุด..จงพิสูจน์ไปครับ
  

944.
กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง

1. ถ้าตั้งใจจะถือศีล 8 ในบางวันพระ โดยไม่ได้สมาทานศีล 8 ตั้งใจเอาเอง ในบางครั้งเป็นวันทำงาน ต้องมีการเดินทางและติดต่อกับคนอื่น ซึ่งบางครั้งก็ไปกระทบโดนเพศตรงข้ามโดยไม่ได้ตั้งใจ อย่างนี้ถือว่าศีลขาดมั้ยค่ะ
หรือ บางวันก็ไม่สามารถรักษาได้ทั้งวัน เนื่องจากที่บ้านค่อนข้างแคบต้องอยู่กับสามีและเปิดทีวีทั้งวัน ก็มาเริ่มรักษาตั้งแต่เย็นจนตื่นเช้า (ไม่ครบหนึ่งวัน) อย่างนี้สามารถทำได้มั้ยค่ะ
และจากทั้งสองแบบ อย่างนี้ดิฉันควรรักษาศึล 8 ดีมั้ยค่ะ

2. คนที่รักษาศีล 5 กับ ศีล 8 ถ้ายังต้องเกิดอีก แบบไหนจะเกิดมามีหน้าตาผิวพรรณดีกว่าค่ะ

3. ถ้าเราเคยน้อยใจพระสงฆองค์หนึ่ง เนื่องจากว่าต้องการได้รับคำแนะนำด้านการปฏิบัติธรรมจากท่าน แต่ไม่มีโอกาส ไม่สามารถเข้าไปถามได้เหมือนคนอื่นๆ หรือลูกศิษย์ใกล้ชิด ก็เลยน้อยใจท่าน ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าบุญวาสนาของเราน้อยเอง แต่ตอนนี้มีความเข้าใจต่างๆ มากขึ้น ไม่น้อยใจแล้วค่ะ และยังเคารพศรัทธาท่านมากขึ้น อยากถามว่าที่น้อยใจพระสงฆ์จะมีโทษมั้ย และเนื่องจากไม่มีโอกาสจะได้กราบขอขมาจากท่าน เพียงแต่ระลึกอยู่ในใจว่า กราบขอขมาและขออโหสิกรรมที่เคยน้อยใจท่าน จะได้มั้ยค่ะ

ขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
    (1) คำว่า “ สมาทาน ” หมายถึง การรับเอามาปฏิบัติจะโดยวิธีทำใจให้มีศีลด้วยตัวเอง หรือไปขอให้พระสงฆ์บอกศีลให้แล้วนำมาปฏิบัติ ย่อมทำได้ผลเป็นเช่นเดียวกับ การถือศีล 8 ในวันทำงาน แล้วไปกระทบถูกเพศตรงข้ามโดยไม่ตั้งใจ และหากใจไม่ยึดเอาการถูกตัวถูกสัมผัสมาเป็นอารมณ์ให้เกิดขึ้นกับใจไม่ถือว่าขาดศีล

ส่วนการรักษาใจให้มีศีล 8 แม้จะรักษาได้ไม่ครบรอบวันแต่หากตั้งใจรักษาศีล 8 ให้มากเท่าที่ปฏิบัติได้ อย่างนี้มิได้ถือว่าศีลขาดตรงกันข้ามหากตั้งใจรักษาศีล 8 ให้ครบหนึ่งวันและปฏิบัติได้ไม่ครบวันอย่างนี้ถือว่าศีลขาด ฉะนั้นต้องเลือกเอาเองว่าจะอธิษฐานรักษาศีลเป็นแบบไหน

   (2) คำว่า “ หน้าตาดี ผิวพรรณดี ” ต้องตอบให้ได้ก่อนว่าดีของใคร ผู้รู้ไม่จริงเห็นว่า อัมพปาลีโสเภณีแห่งแคว้นวัชชี สวยงามด้วยมีสีผมดำสนิทเหมือนสีปีกแมลงภู่ มีคิ้วเรียงเหมือนจิตกรบรรจงวาดมีดวงตาดำขลับเป็นแววาว มีจมูกโด่งโค้งงามรับกับใบหน้า มีฟันขาวเรียบแน่นเรียงเหมือนผลกล้วยอ่อน ฯลฯ แต่ผู้รู้จริงเห็นว่า ความสวยงามของเรือนร่างอัมพปาลีเป็นเพียงภาพลวงตา ปรากฏขึ้นชั่วขณะเวลาหนึ่งของชีวิตในที่สุดเมื่ออายุของอัมปพาลีย่างเข้าสู่วัยชรา ผมเปลี่ยนสีเป็นเหมือนเปลือกปอ คิ้วตาย้อย ดวงตาขุ่นมัว จมูกคดงอแลดูน่าเกลียด ฟันหักหลุดร่วงที่เหลือติดอยู่มีสีเหลืองฯลฯ ด้วยเหตุนี้ผู้รู้จริงจึงมองว่า ศีล 5 เป็นเหตุนำสู่การเกิดในภพมนุษย์ ศีล 5 เป็นเหตุนำเกิดในภพสวรรค์ ดังนั้นผู้ทุศีลเช่นเปรต จึงมีรูปร่างอัปลักษณ์กว่ามนุษย์และผู้พัฒนาจิตจนเข้าถึงโลกิยอภิญญาได้จึงเห็นว่ามนุษย์ไม่สวยไปกว่าเทวดา เทวดาไม่สวยไปกว่าพรหมฯลฯ

   (3) ความน้อยใจเป็นบาป หากเกิดกับผู้ใดแล้ว ผู้นั้นมีบาปสะสมอยู่ในใจ เมื่อโอกาสไม่เปิดให้ผู้ถามปัญหาไปขอโทษได้จะใช้วิธีการตามที่เสนอมาหากทำให้ความน้อยใจอันตราธานหายไปจากใจได้วิธีการเช่นนั้นย่อมนำมาใช้ได้
      

943.
กราบเรียนอาจารย์สนองที่เคารพ

หนูมีปัญหาจะถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ

1. การที่เราปฏิบัติเพียงศีล 5 ในชีวิตประจำคิดเพียงว่าไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร แต่ไม่สนใจการพัฒนาจิตคือวิปัสสนากรรมฐานให้รู้แจ้งเห็นจริง หนูสงสัยว่าเพียงการปฎิบัติเหล่านี้จะสามารถช่วยให้เราออกจากวัฎฎสงสารและกลายเป็นอริยะบุคคลได้หรือไม่คะ

2. เรื่องราวปาฏิหาริย์ต่าง ๆที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้าเช่น สามารถเดินได้ 7 ก้าวและมีดอกบัวผุดขึ้นมารองรับ เรื่องนี้มีคนบางกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นพระ หรือบุคคลธรรมดาบอกว่าเป็นเพียงปริศนาธรรมเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งการที่มีผู้แสดงความคิดเห็นอย่างนี้ออกมานั้นทำให้ผู้อื่นคล้อยตามไปด้วย
   หนูจึงอยากถามอาจารย์ว่า เรื่องราวปาฏิหาริย์ต่างๆที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องจริงหรือเป็นเพียงปริศนาธรรมคะ ?
เพราะตัวหนูเองมีความเชื่อว่า หากเราสามารถพิจารณาจิตให้ถึงขั้นก็สามารถพิสูจน์รู้เห็นได้เองและหนูก็คิดว่าเป็นเรื่องจริง
ตอนนี้บุคคลที่หนูเคารพรัก ท่านค่อนข้างจะเชื่อไปในทางว่าเป็นปริศนาธรรม(จากการที่ท่านอ่านหนังสือ ) ความเชื่อของท่านทำให้หนูรู้สึกไม่สบายใจเกรงว่าความเชื่อของท่านนั้นจะเป็นการปรามาสพระพุทธองค์โดยไม่ตั้งใจ และการทีท่านมีความเชื่อเช่นนี้ทำให้หนูพาลคิดไม่ดีบุคคลที่มีอิทธิพลต่อความคิดอย่างนี้ของท่านด้วย หนูรู้สึกอึดอัดมากไม่รู้จะทำอย่างไรจะอธิบายให้ท่านฟังอย่างไรดีคะ ขอคำแนะนำจากอาจารย์ด้วยค่ะ

3. อาจารย์คะ หนูอยากทราบว่าหากเราฝึกปฎิบัติจนถึงขั้นอัปปนาสมาธิและได้อภิญญาแล้ว เราสามารถจะรู้เรื่องราวของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในสมัยพุทธกาลได้ใช่มั้ยคะ แล้วจะแยกแยะได้อย่างไรว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องจริงหรือจิตเราปรุงแต่งขึ้นมาเอง

ท้ายนี้หนูขอขอบพระคุณอาจารย์ที่ทำให้หนูมีสัมมาทิฐิในทางธรรมและขออนุโมทนาบุญกับอาจารย์ด้วยค่ะ

*** กราบขอมาอาจารย์ด้วยนะคะ หากหนูและบุคคลรอบข้างได้ลบหลู่อาจารย์ทั้งที่ตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ

คำตอบ
    (1) การนำพาชีวิตให้พ้นไปจากวัฏสงสารต้องใช้ปัญญาเห็นแจ้ง กำจัดสังโยชน์ทั้งสิบตัวให้หมดไปจากใจได้เมื่อไร โอกาสที่รูปดับ นามดับ (นิพพาน) จึงจะเกิดขึ้นได้ ฉะนั้นเพียงมีศีล 5 เพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้กิเลสดังกล่าวหมดไปจากใจได้ แต่ศีลเป็นพื้นฐานเบื้องต้นที่จะทำให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิได้ ศีลจึงเป็นเพียงต้นทางที่นำจิตเข้าสู่ภาวะนิพพาน ดังคำบาลีว่า สีเลนะ นิพพุติง ยันติ...

   (2) พลังของบุญบารมีที่บุคคลสร้างและสั่งสมไว้ในจิตวิญญาณสามารถบันดาลให้สิ่งต่าง ๆ ปรากฏขึ้นกับชีวิตได้ ดังตัวอย่างอุบลวรรณาลุกลเศรษฐีชาวเมืองสาวัตถี ผู้มีผิวพรรณงามเหมือนดอกอุบล เป็นคนสวยคนงามที่มาเกิดอยู่ในครั้งพุทธกาล ได้บวชเป็นภิกษุณีบรรลุอรหัตตผลมีความชำนาญในกสิณไฟและเป็นผู้มีฤทธิ์ยอดเยี่ยม ในอดีตชาติครั้งหนึ่ง ได้ไปเกิดเป็นเทพนารีอยู่ในดาวดึงส์สวรรค์ จะโคจรไปยังที่แห่งใดจะมีดอกบัวรองรับทุกย่างก้าวนับแต่ได้เกิดเป็นนางฟ้า หลังจากนั้นได้ลงมาเกิดอยู่ในภพมนุษย์ ก็เกิดในดอกบังและเมื่อเจริญวัยขึ้นจะเดินไปไหนมาไหนจะมีดอกบังรองรับทุกย่างก้าว

เรื่องที่บอกเล่าให้ฟังนี้ อุบลวรรณาเป็นเพียงพุทธสาวิกา ยังบันดาลให้เป็นเช่นนั้นได้ นับประสาอะไรกับสิทธัตถะกุมาร ผู้สร้างและสั่งสมบุญบารมีมายาวนานถึงยี่สิบอสงไขยกับอีกหนึ่งแสนมหากัปจะปรากฏการณ์ดังที่ถามไปมิได้เล่า เรื่องที่บอกเล่ามานี้อย่าพึงปลงใจเชื่อ ตามหลักของกาลามสูตรที่พระพุทธะได้มอบไว้ให้ชาวกาลามะ ซึ่งผู้ตอบปัญหาก็มิได้เชื่อด้วยตำราหรือคัมภีร์บอกไว้เช่นนั้น แต่เมื่อได้พัฒนาจิตจนเข้าถึงปัญญาสูงสุดทั้งฝ่ายที่เป็นโลกิยะและโลกุตตระได้แล้วจึงประจักษ์แจ้งด้วยตัวเองว่า เรื่องที่ถามไปนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง มิได้เป็นปริศนาธรรมตามที่ผู้มีปัญญาทางโลก (สุตมยปัญญาและจินตามยปัญญา) กล่าวอ้าง

ผู้ใดเข้าถึงปัญญาสูงสุด (ภาวนามยปัญญา) ได้จะไม่เอาเวลาไปเสียให้กับการโต้แย้งโต้เถียงหรือบอกกล่าวให้ผู้มีปัญญาทางโลกเห็นด้วยและคล้อยตามความเชื่อของตนดังที่ผู้มีการศึกษาด้านปริยัติประพฤติกัน

   (3) ผู้ใดปฏิบัติสมถภาวนาจนจิตเข้าถึงสมาธิระดับฌานได้แล้วอภิญญาโลกิยะทั้งห้าตัวย่อมเกิดขึ้นหลังนำจิตออกจากฌาน

   ผู้ตอบปัญหาเคยทำประวัติพระนางจามเทวีปฐมกษัตริย์แห่งหริภุญไชยให้กับชาวลำพูน ก่อนที่อนุสาวรีย์ฯจะถูกประดิษฐานในเวลานั้นทุกสิ่งที่สัมผัสได้ด้วยทิพพจักขุ เมื่อขับรถไปดูสถานที่จริงที่หลงเหลือในหลักฐานอยู่ในปัจจุบัน ปรากฏว่ามีจริงเป็นจริงทุกเรื่องที่จิตสัมผัสได้
   

942.
กราบเรียนท่านอาจารย์สนองที่เคารพ

จากที่ได้อ่านคำถามข้อที่ 932
2.ถ้าหนูสามารถเลี้ยงดูตัวเองได้แล้วและไม่ได้อาศัยอยู่กับพ่อแม่ แล้วถ้าหนูมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับแฟนโดยที่พ่อแม่ไม่รู้อย่างนี้จะผิดศีลข้อที่สามมั้ยคะ
และท่านกรุณาตอบว่า
(2) ผิดครับ เมื่อใดที่อกุศลวิบากเกิดขึ้นโอกาสขึ้นปีนป่ายอยู่บนต้นงิ้วในนรกจึงมีได้

ใคร่เรียนถามต่อไปว่า
    ถ้าบุคคลนั้นได้กระทำผิดไปแล้ว จะทำอย่างไรเป็นการลบโทษหรือ แนะนำว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปค่ะ


ขอขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
     ผู้ถามปัญหาประสงค์จะลบโทษที่ตนเองได้ประพฤติผิดไปแล้วต้องประพฤติใหม่ให้ได้ตามตัวอย่างของสิริมาโสเภณี คือเลิกประพฤติทุศีลอีกอย่างเด็ดขาด แล้วประพฤติ ทาน ศีล ภาวนา อยู่อย่างสม่ำเสมอจนจิตเข้าถึงความเป็นอริยบุคคลขั้นต้น (โสดาบัน) ตายแล้วจึงได้ไปเกิดเป็นสิริมาเทพนารีโสดาบัน อยู่ในสวรรค์ชั้นสูงสุด โทษผิดที่ตัวเองเคยก่อไว้จึงตามให้ผลไม่ทันหรืออีกวิธีหนึ่งคือเลิกประพฤติทุศีลแล้วเจริญอานาปานสติ ด้วยเอาจิตตามระลึกอยู่กับลมหายใจเข้ากำหนดว่า “ พุท ” ลมหายใจออกกำหนดว่า “ โธ ” ประพฤติเช่นนี้ทุกครั้งที่นึกได้ ประพฤติเช่นนี้ทุกครั้งที่ว่างจากงานภายนอก โดยมีสัจจะเป็นฐานรองรับการปฏิบัติหากจิตทิ้งรูปขันธ์ในขณะที่จิตมีสติระลึกอยู่กับพุท-โธๆๆๆ จะไปโอปปาติกะเป็นชาวฟ้าชาวสวรรค์ได้ในชาติถัดไป วิธีนี้เป็นการหนีหนี้จากกรรมได้ชั่วคราว ยังไม่สามารถปิดประตูอบายภูมิได้ ดังตัวอย่างของสิริมาที่บอกเล่าให้ฟัง
  

941.
ขอเรียนถามท่านดร.สนอง

อยากเรียนถามว่าทุกครั้งที่ดิฉันตั้งใจภาวนาทำอย่างเต็มที่นั้น พอตกกลางคืน ก็จะฝันถึงแต่ว่าได้กราบพระ หรือไม่ก็ฝันเห็นคนใช้ชุดขาวภาวนากัน หรือไม่บ้างครั้งก็จะมีการสอนภาวนาด้วย ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรค่ะ

ขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
    เพราะจิตมีการเปลี่ยนคลื่นความถี่จากคลื่นปกติ ไปเป็นคลื่นความถี่ที่ทำให้เกิดเป็นนิมิตขึ้นที่ใจของผู้เจริญกรรมฐาน ภาพที่เห็นเป็นนิมิตที่ยังเป็นสิ่งขัดขวางการเกิดของวิปัสสนาญาณที่จะนำมาใช้ในการดูสรรพสิ่งที่เข้าสัมผัสจิต ไม่ให้เข้าถึงความจริงแท้ของสิ่งที่ถูกเห็น วิธีแก้ปัญหานี้ต้องเจริญสติให้มากยิ่งขึ้น แล้วภาพนิมิตจะไม่ปรากฏให้เกิดขึ้นได้อีก
     

940.
เรียน อาจารย์ดร.สนองที่เคารพ
  
   ดิฉันอยากทราบประวัติในการถวายผ้าที่ทอแล้วเย็บเป็นตาราง1,000ชิ้นให้เป็นผืนเดียวแล้วมีหญิงผู้หนึ่งทำไปถวายพระพุทธเจ้าในสมัยพระพุทธกาลแล้วเป็นกุศลในการแก้กรรมที่หนัก อยากทราบประวัติของหญิงผู้นี้ และคำถวายผ้าพร้อมอานิสงค์ของการถวายผ้าดังกล่าว

   ขอแสดงความนับถือและขอบพระคุณอาจารย์ที่กรุณาให้ข้อมูลที่ถูกต้องค่ะ
     ลดาวัลย์

คำตอบ
     ผู้ตอบปัญหาไม่เคยได้ยินว่า มีผู้ทอผ้า 1,000 ชิ้น แล้วนำมาเย็บรวมเข้าเป็นผืนเดียวกันลักษณะเป็นตาราง แล้วนำถวายพระพุทธเจ้า

   แต่เคยได้รู้ว่า มีหญิงผู้หนึ่งนำฝ้ายมาจากตลาด นำมากรอเป็นเส้นด้ายละเอียด ให้ช่างศิลป์ทั้งหลายช่วยกันทอผ้าโดยตัวเองเข้าร่วมด้วย เมื่อทอเป็นผืนแล้วเสร็จ ได้นำผ้าคู่นั้นไปทูลพระราชา แล้วกล่าวว่า “ หม่อมฉันนำผ้าคู่นี้ไปถวายแก่บุตรของเรา ” พระราชาเห็นด้วยจึงสั่งให้เตรียมเสด็จไปยังวิหารนิโครธาราม หญิงผู้นั้นคือ
พระประชาบดีโคตรมี มเหสีของพระเจ้าสุทโธทนะแห่งกรุงกบิลพัสดุ์ พระนางตรัสว่า “ ผ้าคู่นี้หม่อมฉันกรอเองทอเองตั้งใจนำมาถวายพระผู้มีพระภาคเจ้า ” พระศาสดาตรัสว่า “ ดูก่อนโคตรมี พระนางจงถวายผ้านี้แด่สงฆ์เถิด ” ตรัสซ้ำอย่างนี้ถึงสามครั้ง พระนางฯจึงได้ถวายแล้วพระพุทธะยังได้ตรัสต่อไปว่า “ ถวายแด่สงฆ์แล้ว จักถือได้ว่าพระนางได้บูชาหมู่สงฆ์ บุญที่เกิดขึ้นทั้งสองจักรวมเป็นหนึ่งเดียว จักเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขตลอดไปแก่พระนาง ” พระพุทธะมิได้ตรัสว่า การถวายผ้านั้นสามารถแก้กรรมที่หนักได้ ตรัสแต่เพียงว่าเพื่อประโยชน์เกื้อกูลและความสุขเท่านั้น

   ส่วนประวัติของพระนางปชาบดีโคตรมี โปรดหาอ่านจากประวัติของพระพุทธเจ้าก็ได้เพราะข้องเกี่ยวกัน..
สุดท้ายอย่าพึงปลงใจเชื่อว่าสิ่งที่บอกเล่ามานี้ถูกต้อง ตามหลักกาลามสูตรที่พระพุทธะมอบไว้แก่ชาวกาลามะ

   

939.
ขอกราบเรียนถามท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

เมื่อมีพระ หรือคณะคนมาขอเรี่ยไรเงินทำบุญ ตามบ้านเรือนที่อยู่อาศัย, ร้านอาหาร, ร้านค้า หรือตามที่สาธารณะทั่วไป แล้วเขาบอกว่าให้เราช่วยทำบุญบริจาคเงินเพื่อสร้างโบสถ์ ทำบุญทอดผ้าป่าทอดกฐิน บริจาคโลงศพ แต่เราไม่แน่ใจว่าเงินที่เราจะให้ไปนั้น พวกเขาได้เอาไปทำบุญ หรือช่วยวัดจริงหรือเปล่า, เป็นพระปลอมหรือพระจริง เราควรจะทำอย่างไรดีคะ และเราควรพูดตอบเขาว่าอย่างไรคะ

ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ดร.สนอง เป็นอย่างสูงค่ะ ที่ท่านอาจารย์สละเวลาอันมีค่าตอบคำถามให้ค่ะ

คำตอบ
  
  ผู้รู้มีคติในการทำบุญว่า ก่อนทำบุญต้องมีศรัทธาขณะทำบุญต้องมีความตั้งใจ ทำบุญแล้วต้องมีความสบายใจ ฉะนั้นผู้ถามปัญหาต้องตัดสินใจด้วยตัวเองให้ได้ก่อนว่า มีศรัทธาที่จะทำบุญไหม หากไม่ศรัทธาผู้ที่มาเรี่ยไรแต่ยังมีศรัทธาในการทำบุญก็พูดออกไปตรง ๆ ว่า จะไปทำเองที่วัด..
  

938.
กราบเรียนอาจารย์ดร.สนอง

   หนูขอกราบขอบพระคุณดร.สนองเป็นอย่างสูงที่มีจิตเมตตาเสียสละเวลาเพื่อการบรรยายธรรมและมอบแสงสว่างให้แก่บุคคลทั่วไปที่ยังไม่รู้แจ้ง ซึ่งหนูเองเป็นหนึ่งในนั้น

   หนูรู้สึกเป็นบุญมากที่ได้มีโอกาสรู้จักท่านอาจารย์และธรรมบรรยายของอาจารย์ และขออนุโมธนาบุญในการเสียสละและการบำเพ็ญสั่งสมบุญบารมีของอาจารย์ด้วยค่ะ

   ตอนนี้หนูรู้สึกหนักใจและจิตตกมากกับเรื่องที่บ้าน เพราะคุณพ่อก่อหนี้สินไว้จำนวนมาก (แบบทั้งที่เรารู้และไม่รู้) และไม่สามารถชดใช้ได้ อาจจะต้องขายบ้านและทรัพย์สินทั้งหมด ซึ่งคุณแม่ทำใจไม่ได้และเสียใจมาก ในฐานะที่เป็นลูกเห็นพ่อแม่เป็นทุกข์แล้ว ก็รู้สึกทุกข์มากเช่นกันแต่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี เพราะหากจะเข้าไปรับภาระหนี้ดังกล่าวไม่ว่าจะบางส่วนหรือทั้งหมด ก็จะทำให้ต้องทำงานใช้หนี้ไปอีก 30 -40 ปี และสูญเสียชีวิตและอนาคตส่วนตัวไป โดยส่วนตัวแล้วใช้ชีวิตอย่างพอเพียง เรียบง่ายสบายใจและมีความสุขมาก และอยากใช้ชีวิตอย่างนี้ตลอดไป จึงรู้สึกลำบากใจมาก และไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี ตอนนี้พยายามทำดีที่สุด (แบบที่ตัวเองไม่ต้องเป็นหนี้ด้วย) โดยรับภาระเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้าน และประกันสุขภาพของคุณแม่

หนูรบกวนขอแสงสว่างจากอาจารย์เป็นข้อๆดังนี้ค่ะ
- ขอบเขตของความกตัญญูที่ลูกคนนึงพึงจะทดแทนคุณพ่อแม่ควรจะอยู่ตรงไหนคะ
- หากสุดท้ายต้องขายบ้านแล้ว และหนูจะย้ายไปอยู่เองเพื่อไปมีชีวิตของตัวเองซักที แต่จะส่งเงินให้คุณแม่ใช้แต่ละเดือน จะถือว่าอกตัญญู เอาตัวรอดมั๊ยคะ (ตั้งแต่จำความได้ แม่ก็ทะเลาะกับพ่อมาตลอดทั้งเรื่องผู้หญิงและการเงิน จนลูกๆ ปลงและเหนื่อยมากแล้วกับเรื่องของทั้งสองคน)
- หนูสงสัยว่าหากชาตินี้เรามีจิตใจที่ดี แล้วเป็นไปได้อย่างไรที่ชาติปางก่อนเราอาจจะเป็นคนไม่ดีหรือมีจิตใจไม่มีมาก่อน
- ครั้งหนึ่งที่บ้านเคยต้องตัดสินใจให้คุณหมอฉีดยาให้หมาที่เลี้ยงไว้ไปดี คุณหมอแนะนำเพราะไม่อยากให้มันทรมาน ทุกคนยังรู้สึกผิดและบาปอยู่เสมอเพราะเป็นคนรักสัตว์มาก เราควรจะทำบุญหรือแก้กรรมนี้อย่างไร
- หนูเชื่อว่าหนูมีคู่สร้างกันมาแต่ปางหลัง และคิดว่าจะได้พบกันไม่ชาติใดก็ชาติหนึ่ง คิดอย่างนี้ผิดไหมคะ

สุดท้ายนี้หนูต้องกราบขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงที่กรุณาตอบข้อคำถามทั้งหมดที่สงสัยมานาน เป็นแสงสว่างนำทางกับชีวิต

กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง

คำตอบ
  ขอบเขตของความกตัญญู ที่ผู้เป็นลูกควรต้องมีต่อพ่อแม่ผู้เป็นบุพการี คือการประพฤติจริยธรรมของลูกที่ดีที่ต้องปฏิบัติต่อพ่อแม่ อาทิ พ่อแม่เลี้ยงดูลูกมาก่อนลูกต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ตอบแทนช่วยพ่อแม่ทำงาน เช่น กวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า รีดผ้าหรือธุรกิจอื่นใดของพ่อแม่ที่ลูกสามารถทำได้ต้องทำแทนก่อน ไม่ทำให้พ่อแม่ต้องเสียใจด้วยการโต้เถียงโต้แย้ง หรือสั่งสอนพ่อแม่โดยท่านยังมิได้เอ่ยปากให้สอนไม่ดื้อพ่อแม่หากท่านประพฤติถูกตามธรรมลูกต้องปฏิบัติตามคำสอนของท่าน ไม่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงถึงวงศ์ตระกูล เป็นธุระดูแลพ่อแม่ในยามเจ็บไข้ ต้องนำส่งให้หมอรักษาฯลฯ

   สัตว์โลกมีกรรมทั้งดีและไม่ดีเป็นของตัว เมื่อใดที่กรรมให้ผลวิบาก ผู้ทำกรรมต้องได้รับผลแห่งวิบากนั้น ฉะนั้นหากผู้ถามปัญหาจำเป็นต้องออกไปมีชีวิตลำพังเป็นส่วนในตัว ก็เนื่องมาจากเหตุที่เคยก่อไว้นั่นเอง ความคิดที่จะส่งเสียเลี้ยงดูแม่ เป็นความคิดของคนที่มีความกตัญญูเขามีกัน ผู้ใดมีความกตัญญูต่อผู้มีคุณ ผู้นั้นมีความเจริญทั้งในชีวิต และในกิจการงานที่ทำแน่นอน
  คำตอบมีอยู่แล้ว ในตัวอย่างที่ยกมาแสดงไว้ในข้อ 937 (3)

   ยังรู้สึกผิดและบาปอยู่เสมอ นั่นเป็นเครื่องบ่งบอกว่าสติได้ระลึกรู้ในจิตสำนึก ที่ตนเองได้เก็บบันทึกข้อมูลที่เป็นบาปกรรมไว้ และไม่มีใครสามารถแก้กรรมได้สักคน พระพุทธโคดม พระมหาโมคคัลลานะ พระองคุลีมาล ฯลฯ แม้จะบรรลุอรหัตตผลแล้ว ยังต้องชดใช้หนี้เวรกรรมเก่าที่เคยก่อไว้แต่อดีต ฉะนั้นหากกรรมเวรที่เคยก่อไว้ร่วมกันกับผู้ฉีดยาสุนัขให้ตาย ตามมาทันเมื่อใดต้องชดใช้หนี้กรรมเวรจนกว่าจะหมดสิ้น หากกรรมเวรยังไม่ให้ผล ต้องทำบุญใหญ่เช่นปฏิบัติกรรมฐานแล้วอุทิศบุญส่งให้กับผู้เป็นเจ้ากรรมนายเวรอยู่เสมอ หรือประพฤติดีทุกขณะตื่นเพื่อให้บุญมีมากกว่าบาปแล้วบาปตามให้ผลไม่ทัน และดีที่สุดคือพัฒนาจิตวิญญาณของตนเองจนสามารถดับรูปดับนามเข้านิพพานไม่ต้องกลับมาเวียนเกิดเวียนตายในวัฏสงสารอีก กรรมเวรทั้งหมดที่เหลืออยู่ไม่สามารถติดตามทวงหนี้ได้ จะยกเป็นอโหสิกรรมเลิกแล้วต่อกัน

   คิดถูกทางโลก แต่คิดผิดทางธรรม เพราะเป้าหมายสูงสุดของธรรมอยู่ที่สอนมนุษย์และเทวดา ให้ทำใจเป็นอิสระต่อโลกธรรม วัตถุ กิเลส ตัณหา อุปาทานฯลฯ
  

937.
กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร.สนองที่รักและเคารพยิ่ง

ในสังคมปัจจุบันที่คนไทย ส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพล ตะวันตก ทำให้ค่านิยมในการรักงวนสงวนตัวนั้น เรียกว่า เกือบจะหายไปในสังคมไปแล้วกระผมอยากจะเรียนถาม อาจารย์ดังต่อไปนีครับ

1. หากหนุ่มสาวที่ได้มีความ สัมพันธ์ลึกซึ้งโดยพ่อแม่ ไม่ได้รับรู้ ภายหลังต่อมา ได้มาแต่งงานกันโดยได้รับความเห็นชอบจากพ่อแม่ ทั้งสองฝ่าย การที่เคยมีความสัมพันธ์ ลึกซึ้งก่อนแต่งงานโดยที่พ่อแม่ไม่ได้รับรู้นั้น ยังถือว่าเป็นการผิดศีลข้อกาเมฯ อีกหรือไม่ครับ?

2. จากข้อหนึ่ง หากว่า เป็นการละเมิดศีลฯ ผู้เป็นลูกต้องขอขมาต่อพ่อ แม่ ด้วยหรือไม่? พวกเขาควรมีข้อปฏิบัติอย่างไรครับ?

3. จากข้อหนึ่ง หากพ่อแม่ของฝ่ายชายไม่ได้สนใจว่า ลูกชายจะไปมีความสัมพันธ์กับใคร เนื่องจากถือว่าเป็นลูกชาย ไม่ได้เสียหายอะไร อยางนี้ชายดังกล่าวจะ ถือว่าผิดศีลข้อกาเมฯหรือ ไม่ครับ?

ผมเห็นว่าคนปัจจุบันนี้ ผิดศีลข้อสามกันมาก และ ประสงค์ให้ผู้อ่านคนอื่นๆได้รับรู้สิ่งที่ถูกต้องจากผู้รู้เลยขอความกรุณาอาจารย์โปรดให้คำชี้แนะด้วยครับ? ธรรมทานนี้ผมขอถวายแด่ เจ้ากรรมนายเวร และเทวดาที่รักษาตัว

หากผมได้เคยล่วงเกินท่านอาจารย์ ด้วย กาย วาจา ใจ ผมขอโอกาสนี้ขอขมาต่ออาจารย์ ขอท่านอาจารย์ โปรดอโหสิกรรมด้วยครับ

คำตอบ
   (1) ถือว่าผิดศีล และบาปที่เคยก่อไว้นั้นยังคงเก็บบันทึกไว้ในดวงจิต

   (2) หากบุคคลทั้งสองไปสารภาพความผิดกับพ่อแม่ที่เคยประพฤติละเมิดศีลข้อ 3 มากก่อนแต่งงาน เมื่อพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายทราบแล้วไม่ถือโทษและยกโทษให้ เป็นอันว่าโทษนั้นยกเลิกกันไป และต้องไม่ประพฤติเช่นนั้นกับบุคคลอื่นอีก

   (3) ยังถือว่าประพฤติทุศีล เหตุที่พ่อแม่ฝ่ายชายไม่สนใจเพราะมีจิตถูกโมหะเข้าครอบงำ หากบุคคลทั้งสองเห็นว่า เป็นลูกผู้ชายไม่ได้เสียหายอะไร แสดงว่าบุคคลทั้งสองยังมีความเห็นผิด ขอยกตัวอย่างเล่าให้ฟังเพื่อเป็นเครื่องประกอบการพิจารณาว่า อดีตของพระอานนท์และอดีตของอิสิทาสีภิกษุณี เคยเกิดเป็นผู้ชาย ทั้งสองเคยประพฤติละเมิดศีลข้อ 3 มาก่อนเมื่ออกุศลกรรมให้ผล บุคคลทั้งสองจึงต้องลงไปเกิดเป็นสัตว์อยู่ในนรกยาวนาน

สุดท้ายกรรมที่เป็นเวร หากผู้ถามปัญหาและผู้ตอบปัญหาเคยมีต่อกันยกโทษให้แล้ว
   

936.
กราบเรียนถามครูอาจารย์ดร.สนองที่เคารพ

สังฆทานเวียน หมายความว่า วัดที่จัดถังสังฆทานไว้ให้ญาติโยมร่วมทำบุญ โดยการหยอดเงินใส่ตู้ตามกำลังศรัทธา หรือบางวัดให้ซื้อคูปองกับเจ้าหน้าที่ โดยมีหลายราคา แล้วเอาคูปองไปแลกเอาถังสังฆทานพร้อมพระพุทธรูปกับเจ้าหน้าที่อีกพวกหนึ่ง เสร็จแล้วก็นำไปถวายพระสงฆ์ การกระทำแบบนี้ดิฉันฟังรายการวิทยุ มีคนถามอาจารย์ท่านนั้นว่าทำอย่างนี้จะได้บุญไหม สมควรทำไหม อาจารย์ท่านนั้นตอบว่าไม่แนะนำให้ทำ เพราะเป็นการส่งเสริมให้วัดนั้นๆ ทำผิดวัตถุประสงค์

ดิฉันศรัทธาท่านอาจารย์ดร.สนองมาก จึงอยากเรียนถามท่านอาจารย์ในคำถามเดียวกันข้างต้น โปรดเมตตาให้ปัญญากับดิฉันด้วย

คำตอบ
   ผิดจุดประสงค์ของอาจารย์ท่านที่ตอบว่า “ ไม่แนะนำให้ทำ ” แต่ถูกจุดประสงค์ของพระที่อยู่ในวัดที่จัดให้มีการถวายสังฆทานตามที่บอกเล่าไป

   เมื่อยกปัญหานี้มาถามให้ผู้ตอบปัญหาได้เฉลย ผู้ถามปัญหาเฉลยว่า ผู้ใดไม่ศรัทธาประพฤติ “ สังฆทานเวียน ” ก็ไม่ต้องทำ แต่ให้ข้อคิดว่า ก่อนถวายสังฆทานต้องศรัทธา ขณะถวายสังฆทานต้องตั้งใจถวายสังฆทานแล้วสบายใจ หากปัจจัยทั้งสามเป็นไปในแนวทางเช่นนี้การถวายสังฆทานนั้นจะให้อานิสงส์ของบุญเกิดขึ้นฝ่ายเดียวไม่มีบาปเจือปน
   

935.
กราบเรียน : ท่านอาจารย์ที่เคารพรักนับถือ

   หนูกราบขออนุโมทนาในกุศลกรรมที่อาจารย์ได้ประพฤติปฏิบัติธรรม และถ่ายทอดพระธรรมคำสั่งสอนของพุทธองค์ในแนวทางที่ถูกตรง เป็น ” ทางสายเอก ” ที่เป็นของจริงเข้าถึงซึ่งสัจธรรม สาธุ สาธุ ปัจจุบันหนูกำลังเดินเข้าสู่เส้นทางธรรม สิ่งที่รับรู้ได้ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้เป็นอนิจจัง สุขก็รู้ ทุกข์ก็รู้ และท้ายสุดมันก็เป็นอนัตตา รู้ด้วยความเป็นจริง ของจริง มนุษย์ขับเคลื่อนทุกอย่างด้วยกิเลส หากทุกชีวิตขับเคลื่อนทุกอย่างด้วยคุณธรรม จริยธรรม มีศีล5คุ้มครองใจและอื่นๆที่เป็นกุศลกรรม สังคมโลกปัจจุบันคงไม่เป็นเฉกเช่นนี้ พร้อมนี้หนูใคร่รบกวนถามอาจารย์ค่ะ

1.  หลานของหนูปัจจุบันอายุ 3ขวบครึ่ง ยังพูดไม่ได้มีโลกส่วนตน คุณหมอบอกว่าเป็นออทิสติกแบบหนึ่ง สามารถรักษาหายได้ เป็นเพราะวิบากกรรมใดหรือค่ะ

2.  หนูเป็นเสาหลักของครอบครัวปัจจุบัน มีภาระค่าใช้จ่ายทางโลกตามเหตุปัจจัย เช่น เงินเดือนประจำสำหรับคุณพ่อ-คุณแม่ , ค่าเทอมลูก และอื่นๆ ซึ่ง “ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ” เนื่องด้วยมนุษย์เกิดมามีกรรมเป็นตัวกำหนด มีกรรมเป็นพวกพ้อง มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ฯลฯ เราจะอยู่เหนือโลกได้อย่างไร พระธรรมคำสั่งสอนของพุทธองค์ซิเป็นของจริง บางครั้งก็นึกท้อในวิบากกรรมของตนเอง แต่ต้องนำสติปัญญา ประคองตนเอง และพิจารณาสามี ลูก เป็นครูบาอาจารย์ของตนเอง ว่าเราจะผ่านบททดสอบนี้ได้หรือไม่ ไม่ต้องไปเพ่งโทษใคร ตัวเราเองรู้จักตัวตนของเราแล้วหรือยัง (ปัจจัตตัง) คงจะต้องพิจารณาและรับกับบททดสอบทุกอย่างด้วยจิตที่สงบนิ่งยอมรับกับวิบากกรรมนี้ไปตราบกายดับ แต่คงจิตที่เป็นจิตอิสระ จิตเป็นพุทธะไว้ เพราะการเกิดเป็นมนุษย์นี้เป็นความดีงาม เนื่องด้วยทำให้เราได้พบพระพุทธองค์ พบกัลยาณมิตรในทางธรรม พัฒนาตนเองจนเกิดดวงตาเห็นธรรม มีความสว่างทั้งทางโลก ทางธรรม ตราบเข้าสู่พระนิพพานในปัจุจุบันชาติ สาธุ

คำถาม ; ต้องทำตนอย่างไร ถึงจะมีเหตุที่ถูกตรง ให้สามีได้มีสัมมาอาชีพ ที่สามารถช่วยกันประคับประคองครอบครัวให้ถึงพร้อมซึ่งความดีอยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข ปราศจากทุกข์โศก โรคภัย อุปสรรคใดๆ

ทุกวันนี้ หลังจากปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ 30 นาที หนูก็อุทิศบุญกุศลนี้แก่เทวดาที่ดูแลตน , แผ่เมตตาให้กับตนเอง และทุกสรรพสิ่งที่เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น และอธิษฐานจิตให้ตนถึงพร้อมด้วยอริยทรัพย์ ทรัพย์ภายใน พร้อมทั้งเกิดดวงตาเห็นธรรม ตราบเข้าสูพระนิพพานในปัจจุบันชาติ สาธุ

ตนเตือนตนคงจะเป็นสิ่งที่ดี คิดเห็นให้เป็นสัมมาทิฎฐิ เกิดดับ ตามกฎของ “ ไตรลักษณ์ ”

ท้ายนี้ ขออำนาจคุณ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ขอความปรารถนาของอาจารย์จงสำเร็จลุล่วงสมดังเจตนารมณ์กุศลกรรมใดที่อาจารย์ได้สั่งสมมาขอเป็นพลวปัจจัยให้อาจารย์เข้าสู่เส้นทางพระนิพพานในปัจจุบันชาตินี้ด้วยเทอญ สาธุ

ขอกราบแทบเท้ามาด้วยความเคารพ ณ ที่นี้เป็นอย่างสูง

ผู้ใฝ่ธรรม

คำตอบ
    (1) วิบากกรรมที่เกิดขึ้นกับหลานเป็นเพราะหลานได้ประกอบอกุศลกรรมไว้ก่อนด้วยประพฤติทุศีลข้อแรก

   (2) ต้องพัฒนาจิตของผู้ถามปัญหาให้มีศีลมีธรรมคุมใจและให้มีบุญ(บุญกิริยาวัตถุ 10) อยู่กับใจให้ได้ทุกขณะตื่น เมื่อใดแรงบุญส่งผลโอกาสที่สามีศรัทธาและหันมาประพฤติธรรมย่อมมีได้
   

934.
เรียน อาจารย์สนองที่เคารพ

จากคำถามที่ท่านอาจารย์ตอบข้อ 918 นั่นคือ
หากผู้ถามปัญหาพัฒนาจิตจนเข้าถึงความตั้งมั่นในระดับที่เป็นฌานได้ เมื่อนำจิตออกจากฌานแล้วจะรู้ว่าภพชาติที่สัตว์บุคคลถือกำเนิดมามีอนันต์ ซึ่งแต่ละชาติมีทั้งการประพฤติที่เป็นกุศลและอกุศล แล้วเก็บสั่งสมผลกรรมไว้ในดวงจิตมีอนันต์เช่นกัน และหากผู้ถามปัญหาได้พัฒนาจิตของตนจนเกิดปัญญาเห็นแจ้งได้แล้ว จะรู้ว่ากฎแห่งกรรมมีจริง จึงไม่มีคำว่าบังเอิญหรือความน่าจะเป็นเกิดขึ้นผู้รู้จริงในพุทธศาสนา ดังนั้นเรื่องของบุคคลทั้งสองจึงมีสาเหตุมาจากได้เคยก่อนกรรมกันมาก่อน จึงไม่มีกรรมใหม่ใด ๆ ถูกก่อขึ้นเช่นการเกิดอุบัติเหตุ การเกิดอุบัติภัยที่เกิดจากธรรมชาติ ล้วนมีเหตุที่มาจากการกระทำกรรมเบียดเบียนกันมาก่อนทั้งสิ้น

ใคร่เรียนถามว่า
1.การที่ดิฉันเกิดความเลื่อมใสศรัทธาในคำสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า มีจิตใจฝักใฝ่เพียรจะปฏิบัติธรรมให้สำเร็จนั้น เกิดจากกรรมเก่ากำหนดว่าดิฉันจะต้องเกิดความรู้สึกเช่นนี้ ถ้าในกาลข้างหน้าดิฉันต้องได้รับผลกรรมเก่า การปฏิบัติธรรมจะทำให้ลดกรรมเก่าให้เบาบางหรือไม่ค่ะ

2.ตั้งแต่ที่ได้หันเข้าหาและศึกษา เพียรปฏิบัติธรรม พบว่าเหตุการณ์เลวร้ายเข้ามาชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นเพราะว่าเราเริ่มปฏิบัติตัวดีขึ้นแล้วผลกรรมเก่าเร่งเข้ามาเหมือนมารคอยขัดขวางให้เราท้อแท้ในการทำดีหรือเปล่าค่ะ

   ขอขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
     (1) คำว่ากรรมหมายถึงการกระทำ กรรมเป็นเหตุวิบากของกรรมเป็นผล กรรมดีส่งผลให้เกิดเป็นกุศลวิบาก ผู้ทำกรรมต้องเสวยความสุข กรรมไม่ดีส่งผลให้เกิดเป็นอกุศลวิบาก ผู้ทำกรรมต้องเสวยความทุกข์ การปฏิบัติธรรมเป็นกรรมดีให้ผลเป็นบุญสูงสุด เมื่ออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรจึงชดใช้หนี้เวรกรรมได้มาก และยังส่งผลให้เข้าสู่ความเป็นอริยบุคคลได้ด้วย อ่านคำตอบการบริหารกรรมาจากเว็บไซด์ข้อ 728

   (2) ผู้ใดพัฒนาจิตให้มีบุญเป็นเรื่องปกติที่เจ้ากรรมนายเวรต้องตามทวงให้ใช้หนี้ เจ้าคุณโชดกจึงได้พูดกับผู้ตอบปัญหาว่าทุกครั้งที่ปฏิบัติธรรมแล้วเสร็จต้องอุทศบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร
   

933.
กราบเรียนอ.สนองที่เคารพ

   ได้ศึกษาคำสอนและคำแนะนำต่างๆของอาจารย์จากการอ่านและฟังเทปการบรรยายเมื่อไม่นานมานี้พยายามปฏิบัติตนโดยการสวดมนต์ ฝึกสติแต่ก็ยังมีจิตใจที่เคลื่อนไปมา และพอมีอาการชาหรือปวดกล้ามเนื้อส่วนใดส่วนหนึ่ง ก็จะแพ้ใจตัวเองและหยุดการฝึก ก็อ่านคำตอบจากที่มีหลายๆท่านได้ถามอาจารย์ในทำนองเดียวกันนี้แล้วแต่ตนเองก็ยังรู้ว่าจิตใจตนเองยังไม่มีพลังนัก ก็รู้ว่าต้องแก้ด้วยการมีศรัทรา วิริยะ แต่หลายๆช่วงเวลาที่ขาดการระลึกรู้ ความคิด อารมณ์จะออกไปสู่เรื่อง หรือนึกถึงผู้คน และเหตุการณ์ที่เป็นไปในทางลบ
   หนูควรทำอย่างไรบ้างค่ะหรือฝึกปฏิบัติต่อไปเรื่อยๆ นอกจากนี้แล้วมีคำถามอีก 1 ประการค่ะที่เป็นสิ่งสำคัญต่อความรู้สึกนึกคิดของหนู

    สมัยเป็นน.ศ.พยาบาลปี1 เรียนวิชาสรีรวิทยา ต้องมีการนำกบมาผ่าท้องดูอวัยวะ หนูเป็นคนหนึ่งที่ปฏิบัติการในครั้งนั้นและต้องทำให้เขาจบชีวิตลง หลังจากนั้นไม่เคยคิดอะไรเลย เพิ่งมาเมื่อไม่นานนี้หนูนึกถึงแต่ภาพนั้นอยู่บ่อยๆ จน2-3อาทิตย์มานี้แถบจะเป็นภาพที่ติดตาไม่ว่าจะเวลาใด แม้ว่าเวลาสวดมนต์จะอุทิศและขออโหสิกรรมแล้ว    หนูควรจะทำอย่างไรดีค่ะเพื่อขออโหสิกรรมและเลิกแล้วต่อกันไม่นึกถึงภาพในอดีตอีก

ขอบพระคุณอาจารย์มากค่ะ
  ด้วยความเคารพอย่างสูง

คำตอบ
  หากยังรักที่จะมีชีวิตอยู่ในฝ่ายดีงาม ต้องฝึกต่อไปจนเข้าถึงมรรคผลของการปฏิบัติได้เมื่อใดจึงจะเป็นคุณของการชี้แนะนี้ต้องสร้างบุญใหญ่แล้วอุทิศบุญให้กับกบ แล้วโอกาสที่ภาพนิมิตของกบจึงจะหายไปได้
   

932.
เรียน อ.ดร. สนอง วรอุไร

หนูขอถามปัญหาธรรมะอาจารย์เป็นข้อๆนะคะ
1.เรื่องการให้ทาน รักษาศีลและภาวนา ถ้าหนูได้ทำสามอย่างนี้แล้วขอตั้งจิตอธิษฐานในสิ่งที่ดี เช่น ขอให้เกิดปัญญาทั้งทางโลกทางธรรม ขอให้เจออาจารย์ที่ดี พบกัลยาณมิตร หนูสามารถขอได้มั้ยคะ เพราะหนูเคยอ่านหนังสือมาว่าทานที่ให้จะได้บุญสูงสุดคือให้สละออกแบบไม่ได้หวังผล แต่ทุกครั้งที่หนูทำความดี หนูก็หวังผลนะคะว่าจะช่วยให้หนูสมปรารถนาแล้วก็สังเกตทุกครั้งว่าที่ขอก็จะได้สมปรารถนาเหมือนกับว่าจิตเราตั้งโปรแกรมไว้แล้วค่ะ หนูมีความเข้าใจถูกผิดประการใดอาจารย์ช่วยแนะนำหน่อยนะคะ

2.ถ้าหนูสามารถเลี้ยงดูตัวเองได้แล้วและไม่ได้อาศัยอยู่กับพ่อแม่ แล้วถ้าหนูมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับแฟนโดยที่พ่อแม่ไม่รู้อย่างนี้จะผิดศีลข้อที่สามมั้ยคะ

3.หนูอยากทราบผลของการอุทิศบุญกุศลค่ะ ถ้าเราอุทิศให้กับคนที่มีชีวิตอยู่เมื่อพบกันจะเป็นอย่างไรคะจะมีปฏิสัมพันธ์ในทางที่ดีขึ้นรึเปล่าคะ

4.หนูเคยได้ยินเสียงผู้หญิงเย็นๆแต่เห็นเป็นแสงสีขาวค่ะ ไม่เห็นร่างกาย มาเรียกหนูว่าลูก แล้วปลุกจนหนูตื่น แล้วเค้าก็ให้หนูเห็นภาพในอนาคตเป็นช็อต ช็อตค่ะ เค้ามาเตือนเรื่องเจ้ากรรมนายเวรหนูค่ะว่าเค้าตามมาแล้วให้หนูเร่งทำความดีหนีให้ทัน ผู้หญิงคนนี้เค้าบอกว่าเป็นห่วงหนู แม่เป็นห่วงหนูมาก เค้าเรียกตัวเองว่าแม่ค่ะ ในขณะนั้นหนูมีสติตลอดนะคะและจำภาพได้ทุกอย่างจนถึงวันนี้ แต่ตอนนั้นหนูก็ตกใจร้องไห้ตลอดค่ะทั้งๆที่หลับตาเพราะหนูเข้าใจว่าเค้าเป็นแม่หนูที่เกิดหนูมาในชาตินี้ค่ะ หนูนึกว่าแม่หนูเสียชีวิตแล้วมาหาค่ะ หลังจากนั้นหนูก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนนี้ไม่กี่ครั้งค่ะทุกครั้งที่มาก็เห็นเป็นแสงขาว ส่วนใหญ่จะได้ยินตอนใกล้รุ่งเรียกลูก ลูก ประมาณปลุกให้ตื่นค่ะ สิ่งที่หนูเห็นและได้ยินคืออะไรคะ และผู้หญิงคนนี้เป็นใคร

กราบขอบพระคุณอาจารย์มากนะคะและขออนุโมทนาบุญกับอาจารย์ที่มีส่วนร่วมในการสืบทอดพระพุทธศาสนามา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
  Nan

คำตอบ
   (1) คำว่าอธิษฐาน หมายถึงตั้งจิตกำหนดเอาไว้เพื่อให้เข้าถึงสิ่งดีงาม เช่น เจ้าชายสุมนะ (อดีตของพระอานนท์) อธิษฐานเป็นพุทธอุปัฏฐากของพระพุทธะองค์ใดองค์หนึ่ง ฤาษีสรทะ(อดีตของพระสารีบุตรอธิษฐานเป็นอัครสาวก ของพระพุทธะองค์ใดองค์หนึ่ง ฯลฯ แล้วทำเหตุให้ถูกตรงคำอธิษฐานจึงศักดิ์สิทธิ์และเป็นจริงได้ ดังนั้นอธิษฐานจึงมิใช่การขอพระพุทธะมิได้สอนพุทธบริษัทให้ทำตัวเป็น “ ผู้ขอ ” แต่สอนให้ทำเหตุถูกตรงและปรากฏมีขึ้นด้วยตัวเอง

   (2) ผิดครับ เมื่อใดที่อกุศลวิบากเกิดขึ้นโอกาสขึ้นปีนป่ายอยู่บนต้นงิ้วในนรกจึงมีได้

   (3) หากผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ สามารถรับรู้แล้วอนุโมทนาบุญเมื่อผู้ให้และผู้อนุโมทนาโคจรมาพบกัน ความสัมพันธ์ที่ดีย่อมเกิดขึ้นได้เป็นธรรมดา

   (4) สิ่งที่ถูกเห็นเป็นรูปนามในอีกมิติหนึ่งซึ่งในทางโลกหลงผิดว่าเคยเป็นแม่-ลูกกัน แต่ในทางธรรมเป็นจิตวิญญาณสองดวงที่มีความสัมพันธ์ข้องเกี่ยวกัน
   

931.
กราบเท้าท่านอาจารย์สนองที่เคารพ

ดิฉันเป็นลูกหลานวัดมหาธาตุฯ ค่ะ ติดตามคุณแม่ไปทำบุญ ฟังเทศน์ ตั้งแต่เด็กๆ และเคยมีโอกาสได้เคยมอบกายถวายตัวต่อ พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณโชดกฯ แต่เสียดายเวลาที่ผ่านมา ไม่มีความเพียรเพียงพอ และติดอยู่ในวงล้อของกรรม เป็นคนติดสวยติดงาม ราคะจริตยังมีมาก มีปัญหาชีวิตครอบครัวแตกแยกหย่าร้าง จิตใจฟุ้งซ่าน จนทำให้ไม่ค่อยก้าวหน้าในธรรมเท่าไรค่ะ อาศัยว่าชอบทำบุญ สวดมนต์ไหว้พระ และยึดถือความกตัญญูต่อพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ และผู้มีพระคุณ พอทำใจและเข้าใจได้ว่าทั้งหลายทั้งปวงนั้นเป็นเพราะกรรมไม่ดีที่เราเคยสร้างไว้ จึงทำให้จิตใจไม่จมอยู่ ในความทุกข์นานนัก แต่รู้ตัวดีว่าตลอดเวลาความรู้สึกถึงความทุกข์เหล่านั้น ยังถูกเก็บอยู่ในจิตลึกๆ เสมอ ถ้ามีอะไรมากระทบ ความเศร้าโศกเสียใจก็จะกระเพื่อมขึ้นมา ให้เห็นเป็นริ้วๆ

เมื่อต้นปีเพื่อนให้หนังสือ "ทางสายเอก" เป็นของขวัญปีใหม่ อันเป็นแรงจูงใจอย่างเข้มข้น ว่าจะตั้งใจเริ่มต้นประพฤติปฏิบัติใหม่อีกครั้ง เพื่อให้กิเลสทั้งหลายที่แบกอยู่ทุกวันนี้ บรรเทาเบาบางลงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ (ตอนกลางคืนก่อนที่จะได้รับหนังสือ ฝันเห็นภาพพระเศียรพระพุทธเจ้ามีลักษณะรูปร่างอย่างเดียวกับภาพบนหน้าปกหนังสือเลยค่ะ พอเห็นหนังสือ ตกใจ และ ดีใจค่ะ)

ตอนนี้อายุ 45 แล้วค่ะ และจะเหมือนมีอะไรสักอย่างทำให้รู้สึกว่าจะอายุไม่ยืนนัก จึงไม่อยากหลงทางเสียเวลาอีกแล้วค่ะ ดิฉัน อยากกราบขอความเมตตา จาก ท่านอาจารย์ กรุณาชี้นำเส้นทางที่จะเดินต่อไปข้างหน้า และวิธีปฏิบัติที่เหมาะกับสภาวะจิตของดิฉันให้ด้วยเถอดค่ะ กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ล่วงหน้าค่ะ

ด้วยความเคารพอย่างสูง
   จุธามาส เรืองคุณาภรณ์

ป.ล. ดิฉันยังไม่เคยมีโอกาสได้กราบท่านอาจารย์ด้วยตัวเองเลยค่ะ เมื่อวันที่ 6 กรกฏาคม ที่ผ่านมา ได้ลงทะเบียนเพื่อจะไปฟังการบรรยายที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และได้บัตรหมายเลขที่นั่งแล้ว แต่พลาดโอกาสไป เนื่องจากที่คณะฯ ๕ มีงานทำบุญ คุณแม่อยากไปร่วมทำบุญด้วย จึงต้องพาท่านไปค่ะ

คำตอบ
   ผู้มีโอกาสอยู่ใกล้ครูผู้ทรงคุณธรรม แต่ไม่เห็นคุณค่าในตัวครู จึงไม่เอาความดีของครูมาไว้กับใจตน โบราณเรียกคนที่มีลักษณะเช่นนี้ว่า “ ไก่ได้พลอย ” หากผู้ใดระลึกได้แล้วพัฒนาจิตตัวเองให้มีคุณค่านับว่ายังไม่สายเกินแก้ ยังดีกว่าไก่ได้พลอยตัวอื่น ที่นอกจากจะไม่เห็นคุณค่าในตัวครูแล้วยังถ่ายมูล (ปรามาส) ให้กับครูผู้ทรงคุณธรรมเป็นการสร้างบาปติดตามข้ามภพชาติจึงน่าสงสารยิ่งกว่า

  ดังนั้นหากผู้ถามปัญหายังศรัทธาในคุณธรรมที่มีอยู่ในตัวเองท่านเจ้าคุณฯ และหวังความเจริญในวันข้างหน้า หนังสือที่ได้รับมาจากเพื่อนนั่นแหละ คือความดีงามของท่านเจ้าคุณโชดกที่สามารถใช้เป็นโคมส่องสว่างให้ชีวิตเดินอยู่บนทางสายเอก ตามที่เจ้าคุณโชดกได้ชี้ทางได้
   

930.
เรียน ท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

ดิฉันมีปัญหาที่จะเรียนถามท่านอาจารย์ค่ะ

   เวลาฝึกนั่งสมาธิดิฉันคิดว่าตัวเองเป็นคนที่มีลมหายใจสั้น และบางครั้งชอบกลั้นหายใจ จึงทำให้มีปัญหาใน การฝึกนั่งสมาธิมาก และก็ไม่รู้จะใช้วิธีใดในการกำหนด จิดในการฝึก ลองฝึกหายใจลึกๆดู มันก็เหมือนคนหอบ ทำให้ไม่มี สมาธิ ต้องนั่งอยู่เฉยๆ ก็พอจะนิ่งอยู่บ้าง พอนั่งไปได้สักพัก เหมือนคนที่ต้องกลืนน้ำลายอยู่ตลอดเวลา ปัญหาเหล่านี้ ทำให้จิตไม่ นิ่งเสียที

   รบกวนท่านอาจารย์กรุณาช่วยคลี่คลายปัญหาให้ดิฉันด้วยน๊ะค่ะ และดิฉันอยากจะไปปฎิบัติธรรมที่วัดหรือ
สถานที่ปฎิธรรม แต่มีห่วงเรื่องทางบ้านห่วงลูกและแม่สามีเพราะจะต้องคอยดูแลเพราะแม่สามีท่านแก่มากแล้ว จึงต้อง อาศัยจะฝึกที่บ้าน แต่ก็ไม่รู้วิธีที่ถูกต้อง

ท่านอาจารย์โปรดให้ความกรุณาช่วยแนะนำให้ดิฉันด้วยน๊ะค่ะ

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างสูง

คำตอบ
   ลิงป่าถูกจับมาฝึกให้ขึ้นเก็บผลมะพร้าวแทนคนยังฝึกได้ สุนัขที่เร่ร่อนอยู่ตามถนน (จรจัด) ถูกจับมาฝึกให้ค้นหายาบ้ายังฝึกได้ นับประสาอะไรกับคนผู้เกิดอยู่ในภพที่สูงกว่าสัตว์เดรัจฉานจะฝึกให้สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วผ่อนออกยาวมิได้เล่า ขออภัยไม่อายลิงอายสุนัขหรือ

   งานของชีวิตมีอยู่สองงาน คืองานภายนอกที่ทำให้กับสังคม กับงานภายในคือพัฒนาจิตตัวเองด้วยการสวดมนต์ก่อนนอน ฟังธรรมเมื่อมีโอกาส ต่อด้วยกำหนดลมหายใจเข้า-ออก (อานาปานสติ) เมื่อจิตตั้งมั่นจวนแน่วแน่ จึงต่อด้วยวิปัสสนาภาวนาด้วยการหาครูผู้รู้มาชี้แนะในภายหลังยังมีโอกาสทำได้
   

929.
กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง ที่เคารพ

1. การแผ่เมตตา และการแผ่ส่วนกุศล ต่างกันอย่างไรคะ และกระทำในวาระใดได้บ้างคะ
2. การกล่าวอนุโมทนาบุญ ผู้ทำบุญเป็นผู้กล่าว หรือผู้ที่รับทราบการทำบุญของผู้อื่นเป็นผู้กล่าวจึงจะถูกต้องคะ

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
    (1) ผู้ใดมีเมตตา ผู้นั้นมีใจไม่โกรธ ไม่หงุดหงิด ไม่รำคาญ ฯลฯ มีแต่ความสงบและเย็นเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจ ผู้มีเมตตาแล้วแผ่เมตตาให้กับสัตว์บุคคลผู้มีจิตคิดร้าย มิอาจเข้ากระทบกับผู้มีเมตตาได้

   ส่วนคำว่ากุศลหรือบุญเป็นสิ่งเดียวกัน ผู้ประพฤติบุญกิริยาวัตถุ 10 เป็นผู้มีกุศลสั่งสมอยู่ในจิตวิญญาณ ผู้มีกุศลสามารถอุทิศให้กับสรรพสัตว์ได้ในทุกโอกาส สัตว์ใดมาอนุโมทนา สัตว์นั้นมีความสุขจากกุศลที่ตนเองได้รับ

   (2) ผู้รับทราบการทำบุญของผู้อื่น เป็นผู้กล่าวคำอนุโมทนาบุญจึงเกิดขึ้นกับผู้อนุโมทนาได้
      

928.
กราบเท้า อาจารย์ ดร.สนอง

   ข้าพเจ้าได้แสงสว่างแห่งธรรม จากท่านอาจารย์ ทำให้ชีวิตดีขึ้น อยู่ด้วยธรรม อยู่กับปัญหาต่างๆ ด้วยสติ ด้วยคำสอน เตือนสติ ให้แก้ปัญหาที่ตัวเองให้มองทุกอย่างเป็นเรื่องดี โดนด่าก็ดี จะได้มองตัวเองต้องปรับปรุง โดนโกงก็ดี จะได้ชดใช้กรรมใช้หนี้ ทำดีแล้วยังไม่ได้ดี เพราะยังดีไม่พอ ยังไม่ถึงเวลาต้องทำดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป กำจัดกิเลสให้ลดน้อยลงทุกวัน อยู่อย่างพอเพียง สงบ ทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อครอบครัว ที่ทำงาน และสังคม ทำโดยไม่หวังผลตอบแทน
    ขอรบกวนอาจารย์ถามปัญหาดังนี้

    ข้าพเจ้าเคยทำผิดพลาดพาลูกชายคนโตไปปลูกถ่ายไขกระดูก เนื่องจากเป็นโรคเลือด เชื่อคุณหมอซึ่งบอกแต่ผลดีว่าหาย 70 เปอร์เซ็นต์ ข้าพเจ้าเสียลูกชายจากการทำดังกล่าว ลูกชายทรมานมากจากการรักษา เราอยู่กันที่โรงพยาบาลนาน 6 เดือน ข้าพเจ้าทั้งเสียใจทั้งแค้นใจที่ตัวเองไม่น่าพาลูกไปทำ ทำให้ลูกต้องเจ็บ ต้องตาย ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานมาแค่ไหน สติที่เผลอคิดแวบไปถึงวันเวลาดังกล่าว ต้องเจ็บปวดทุกครั้ง สงสารลูก คิดถึงลูกข้าพเจ้ารู้ว่าไม่ถูกต้อง ไม่ควรคิดถึงสิ่งที่ผ่านมา ไม่ควรยึดติดกับลูก และเชื่อกับที่อาจารย์บอกว่า ทุกอย่างไม่มีคำว่าบังเอิญ ข้าพเจ้ารู้ว่าลูกต้องชดใช้กรรม ข้าพเจ้าก็ต้องชดใช้กรรมร่วมกับลูก อาจารย์ช่วยเตือนสติแรงๆ ให้ข้าพเจ้าหลุดจากโปรแกรมนี้ด้วยเถิด ข้าพเจ้าสวดมนต์ ปฏิบัติธรรม ทุกวัน เช้า และก่อนนอน ใส่บาตรทุกวันเสาร์อาทิตย์ หรือวันหยุด ทำสังฆทานทุกเดือน อุทิศบุญกุศลให้ลูกทุกวัน บริจาคให้เด็กยากจนมูลนิธิซี.ซี.เอฟ ทุกเดือน ให้ทาน ทำบุญกริยวัตถุ 10 สม่ำเสมอ ฟังธรรม พูดถึงธรรมเสมอๆ ระลึกถึงพระพุทธเจ้าเสมอ นึกถึงความตาย สักวันข้าพเจ้าต้องตาย ขอทำความดี แต่สิ่งที่เป็นตราบาปครั้งนี้ข้าพเจ้าปวดร้าวอยู่เสมอ แม้จะได้ธรรมะเยียวยาให้อยู่ได้ ข้าพเจ้ายอมรับว่าสติยังอ่อน จะต้องไม่เผลอแวบคิดถึงเรื่องดังกล่าว

   ขอความเมตตาจากอาจารย์ช่วยสั่งสอนด้วยเถิด

คำตอบ
   คนโง่เอาใจฝากไว้กับอดีต แม้เป็นอดีตที่หอมหวานก็ยังเรียกว่าโง่ หากเป็นอดีตที่ขมขื่น แล้วยังยินดีเอาใจเข้าผูกติดเป็นทาสเรียกว่าผู้นั้นโง่เง่า (โง่มาก)

   ส่วนคนฉลาดเอาใจไว้กับปัจจุบัน เห็นคนอื่นทำไม่ดีไม่ทำตามเห็นคนอื่นทำดีย่อมทำตาม คนฉลาดจึงมีความดีคุ้มรักษาใจ จึงอยู่เป็นสุขผู้ถามปัญหาอยากเป็นคนประเภทไน เลือกเอาตามใจปรารถนา
  

927.
เรียน ท่านอาจารย์สนองที่เคารพ

   หนูมีคำถามหนึ่งที่เกิดขึ้นระหว่างนั่งสมาธิคือ หนูฝึกสมาธิกำหนดพองยุบมาเป็นระยะเวลา ประมาณ 2 ปี เมื่อเดินจงกรมกำหนดยืนหนอ ก็เกิดร้อนที่หน้าแข้ง หนูก็กำหนดให้ร้อนหายไปไม่ได้ เมื่อกลับจากวัดมาปฎิบัติที่บ้าน ทุกวันเวลาตรงกันประมาณ 1 ทุ่มไม่ว่าหนูจะอยู่ที่ทำงานหรือบ้าน หรือนั่งดูทีวี ที่ไหนก็ตามขาหนูจะต้องร้อนขึ้นมา ตอนแรกหนูนึกว่าเป็นอุปาทาน แต่ตอนหลังหนูพิสูจน์ แล้วว่าไม่ใช่ หนูไม่ได้เดินจงกรมหรือนั่งสมาธิทุกวัน บางทีหนูก็ขี้เกียจ เหนื่อยบ้าง อยากดูทีวีบ้าง แต่พอถึงเวลาถ้าหนูไม่ได้ปฎิบัติ ขาหนูก็จะร้อนจี้ดขึ้นมา จนหนูต้องไปสวดมนต์ ทำให้หนูต้องสวดมนต์และไปปฏิบัติจนถึงวันนี้ ถ้าไม่มีสัญญานความร้อนเกิดขึ้นกับตัวหนู หนูคงเลิกปฎิบัติเอาสบายไปแล้ว เพราะหนูเป็นคนไม่มีวินัยเท่าไร ประเด็นคือหนูมีความสงสัย ว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้

   หนูพยายามถามคนที่สามารถตอบ หนูก็ไม่เข้าใจ ถามแม่ชีบอกให้กำหนด หนูก็ไม่เห็นหาย ถามในเน็ต หนูก็ไม่เข้าใจในภาษาธรรมมะเท่าไหร่ หนูก็เลยอยู่ร่วมกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็น ชีวิตประจำวันไป บางคนบอกหนูมีกรรม เจ้ากรรมนายเวรมาทวง หนูว่าตามหลักที่หนูศึกษาธรรมะก็ใช่ เพราะทุกคนก็มีกรรม แต่ถ้าเค้าเป็นสัญญาเจ้ากรรมนายเวร หนูก็อยากให้เค้าปรากฎหนูจะได้ขอ อโหสิกรรมตรงตัวไปเลย แต่หนูก็อฐิษฐานไม่ขึ้น ก็ไม่เห็นใครมาปรากฏ บางทีหนูก็คิดว่าหนูไปเผาใครหรือไม่ความร้อนจึงเกิดขึ้น บางเวลาถ้าหนูโกรธหรืออารมณ์ไม่คงที่ ความร้อนก็ขึ้นมาครึ่งตัว เหมือนหนูเดินอยู่ในกองไฟ แต่ที่สำคัญเหงื่อก็ไม่ออก หนูก็ไม่ได้ทุรนทุรายอะไร ก็รู้ว่าร้อนมากร้อนน้อยก็เท่านั้นเอง

    ทุกครั้งที่หนูนั่งสมาธิที่วัดหนูมีเวทนามาก ปวดจนขาแทบแตก ร้อนจนขาเป็นไม้หนูก็เอาชนะเวทนาไม่ได้ทุกครั้ง บางทีเพื่อนหนูหรือคนอื่น นั่งเป็น ชั่วโมงได้สบาย บางทีหนูก็ได้ยินเค้าบอกว่านั่งสมาธิต้องเย็นสบาย แต่ของหนูร้อน ล่าสุดหนูอดทนต่อสู้กับเวทนาที่เกิดขึ้นปรากฎว่า ความร้อนท่วมสูงขึ้นมาครอบหนูตั้งแต่หัวจน ทั่วตัว หนูไม่เคยรู้สึกมากขนาดนี้ไม่ไช่ไฟลวกหนูแต่ความร้อนครอบร่างกายหนูเท่าส่มไก่ที่ครอบเรา พอหมดเวลาที่หน้าอกหนูก็เย็นแผ่ซ่าน ที่เท้าหนูก็มีไอเย็นเป็นแท่งเสียบเข้าที่เท้า พอกลับบ้านตั้งแต่นั่นมาหนูรู้สึกว่าตัวเองมีไอเย็นที่อุ้งมื่อตลอด บางทีหนูเห็นไอร้อนไอเย็นในตัวหนูพร้อมกัน

   หนูอ่านหนังสือของอาจารย์หลายเล่ม อาจารย์ใช้ภาษาที่คนธรรมดาที่อยู่ในสังคมปัจจุบันเข้าใจง่าย อาจารย์บอกว่าการปฎิบัติจะก้าวหน้าต้องมีครูบาอาจารย์นำทาง หนูก็เชื่อว่าหนูเป็นศิษย์มีอาจารย์แต่ปัจจุบันท่านวางอุเบกขาหนูไม่สามารถสนทนาสอบอารมณ์กับท่านได้ หนูเลยปฎิบัติไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเรื่องตึงที่หน้าผากซึ่งแรงมากและหนูก็กำหนดหายไม่ได้ เค้าหายก็หายไปเอง เค้าร้อนเค้าก็หายไปเอง หนูก็ทำไปเรื่อย ๆ แต่หนูก็อยากสอบอารมณ์เพื่อความสงสัยจะได้หายไป หนูลองค้นหาแล้วว่ามีใครเหมือนหนูมั่ง ก็มีคล้าย ๆ แต่น้อยมากไม่ตรงกับหนูซะทีเดียว หนูไม่อยากปรุงแต่งแต่หนูก็เป็นคนขี้สงสัย

   อาจารย์เมตตาช่วยสอบอารมณ์หนูให้ด้วยได้มั้ยคะว่า ที่หนูปฎิบัติเป็นอย่างไร หนูให้สัจจะถวายลมหายใจกับพระพุทธเจ้าไปแล้วว่าหนูจะมีความเพียร มีพระองค์เป็นสรณะ ขอให้หนูเจอผู้มีบุญบารมี่มาเมตตาหนูทางธรรม

  ขอบพระคุณอาจารย์อย่างสูงคะ
    สรัญญา

คำตอบ
     คำว่าศีลบริสุทธิ์หมายถึงศีลที่ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย ไม่มีมลทินเจือปน จึงเป็นศีลที่พระอริยเจ้าพอใจ ผู้ใดมีศีลบริสุทธิ์คุมใจและมีสัจจะอยู่กับใจทุกขณะตื่น เมื่อใจปรารถนาความสำเร็จในสิ่งใดย่อมเข้าถึงความสำเร็จในสิ่งนั้น ฉะนั้นอกุศลวิบากที่เกิดขึ้นกับผู้ถามปัญหาจะผ่านพ้นไปพ้นต้องประพฤติถูกตรงด้วยการแก้ไขที่ใจตัวเอง
   

926.
เรียนอาจารย์ ดร. สนอง ที่เคารพ

   ผมเป็นคนที่พูดแบบขวานผ่าซาก พูดแบบมะนาวไม่มีน้ำ บางครั้งพูดตรงแต่ไม่ถนอมน้ำใจผู้อื่น แต่ไม่พูดโกหก ไม่พูดคำหยาบ พฤติกรรมการพูดแบบนี้ของผมมักเป็นสาเหตุให้ภรรยาไม่พอใจบ่อยๆ บางครั้งก็ทะเลาะเถียงกัน กระผมจึงอยากเรียนถามอาจารย์ว่าพฤติกรรมการพูดของผมผิดหลักสัมมาวาจาในมรรค๘ หรือไม่ครับ และผมต้องปรับปรุงตัวเองแล้วใช่ไหมครับ ต้องยึดหลักอะไรหากต้องการปรับปรุงตัวเองตรงนี้

   กราบขอบพระคุณอาจารย์ที่กรุณาให้คำแนะนำ

คำตอบ
   ผู้ถามปัญหามีสัมมาวาจาในมรรค 8 ได้แก่ วจีกรรมไม่เท็จ ไม่หยาบ ไม่ส่อเสียด ไม่เพ้อเจ้อ แต่คำพูดของผู้ถามไม่เป็นวาจาสุภาษิตตรงที่พูดไม่ถูกกาละเทสะ พูดไพเราะอ่อนหวานและพูดไม่มีจิตเมตตา
  

925.
เรียน อาจารย์สนอง วรอุไรที่เคารพนับถือ

   ตั้งแต่ดิฉันได้ย่างเข้าสู้เส้นทางธรรม ดิฉันได้พบความสุขสงบที่แท้จริงค่ะ จากเมื่อก่อนคิดว่าถ้าประสบความสำเร็จ หรือได้ในสิ่งที่ตัวเองหวังไว้ นั่นแหละความสุข แต่ปรากฎว่าการที่จิตใจกระเพื่อมขึ้นกระเพื่อมลงตามกระแสกิเลสมันไม่ใช่ความสุขสงบที่แท้จริง แตกต่างกับจิตใจที่นิ่งๆไม่ทุกข์ไม่สุข ไม่รับสิ่งกระทบภายนอกมาปรุงแต่ง ซึ่งนั่นคือความสุขสงบที่แท้จริงค่ะ ดิฉันขอรบกวนเรียนถามในข้อสงสัยดังนี้ค่ะ
    การที่บุคคลหนึ่งไม่ได้ตั้งใจมีลูกกับบุคคลหนึ่ง(ไม่ได้แต่งงาน) แล้วต้องจำใจให้เด็กเกิดมาและรับผิดชอบ ต้องอยู่ร่วมชีวิตกัน ดิฉันใคร่ขอเรียนถามว่า กรณีเช่นนี้ หมายถึงบุคคลทั้งสองเคยร่วมชีวิตกันในอดีตชาติ หรือเป็นกรรมใหม่ที่ทั้งสองได้ร่วมกันกระทำใหม่ขึ้นชาตินี้ แล้วดวงจิตวิญญาณของเด็กก็เกิดจากการกำหนดให้เกิดกับพ่อแม่แบบนี้หรือเปล่า เพราะท่านอาจารย์เคยกล่าวว่าศาสนาพุทธไม่มีคำว่าบังเอิญ

  ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ในความกรุณาค่ะ

คำตอบ
   การที่บุคคลทั้งสามต้องมาเกิดเป็นครอบครัวเดียวกัน เป็นเรื่องของกรรมเก่าที่เมื่อเหตุปัจจัยถึงพร้อม จึงบังเกิดผลให้มาความสัมพันธ์ในลักษณะเช่นนี้
  

924.
กราบเรียนท่านอาจารย์สนองค่ะ

หนูขออนุญาตถามคำถามต่อจากข้อ 911 นะคะ
1. ถ้าหากว่าหนู สวดมนต์ นั่งสมาธิ อธิฐานขอพรทุกวัน จะทำให้สิ่งที่ต้องการเกิดผลหรือไม่คะ (ขอในทางที่ดี)
2. ในหนังสือคือต้องนึกภาพ จินตนาการให้ภาพชัดเจนอยู่ในจิตใต้สำนึก ยอมรับว่าทำยากคะเพราะเรานึกไม่ออกจริง ๆ แต่ก็นึกเท่าที่ทำได้ โดยไม่สนใจเลยว่า จะถูกต้องหรือไม่ อย่างนี้ใช้ได้ไหมคะ
3. ในระหว่างที่ตั้งใจนึกภาพ รู้สึกว่าจะมีความคิดที่เป็นลบแทรกเข้ามา ทำให้จินตภาพของเราไม่ต่อเนื่อง (อีกอย่างคือกลัวความคิดของตัวเองด้วยค่ะ บางอย่างก็ไม่ดีมาก ๆ แต่เราไม่ตั้งใจ มันคิดของมันเอง)จะทำอย่างไรดีคะ (กลัวว่าที่เราไม่ต้องการมันจะเกิดขึ้นแทน)

กราบขอบพระคุณอาจารย์ล่วงหน้าค่ะ

คำตอบ
    (1) นอกจากอธิษฐานแล้วยังต้องทำเหตุให้ถูกตรงด้วย

   (2) จะให้เทพปรากฏชัดเจน อยู่ในจิตสำนึกได้ต้องพัฒนาจิตให้ตั้งมั่นเป็นสมาธิแน่วแน่ให้ได้ก่อน ด้วยการปฏิบัติสมถภาวนา

  (3) หากสติยังมีกำลังไม่กล้าแข็ง เมื่อความคิดติดลบเกิดขึ้นต้องกำหนดว่า “ คิดหนอๆๆๆ ” ไปเรื่อย ๆ จนกว่าความคิดที่ติดลบจะหายไป แต่หากพัฒนาวิปัสสนากรรมฐานจนเกิดปัญญาเห็นแจ้งได้แล้วให้ใช้ปัญญาเห็นแจ้งพิจารณาความคิดที่ติดลบ ว่าดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์เมื่อความคิดที่ติดลบเข้าสู่ความเป็นอนัตตา ปัญหาดังกล่าวจะหมดไป
     

923.
กราบเรียน : อาจารย์ที่เคารพรักเป็นอย่างสูง

รู้สึกดีใจและปลื้มปิติเป็นอย่างมาก จนน้ำตาแทบจะไหลหลั่งออกมา ข้าพเจ้าเพิ่งจะเข้ามาทำความรู้จักกับท่านอาจารย์เมื่อวานนี้ ศึกษาหัวข้อจาก "หมวดสนทนาธรรม" เป็นความจริง ทุกคำตอบ ใคร่เรียนปรึกษา ดังนี้ค่ะ :

    ทุกข์ของมนุษย์ เกิดจากการปรุงแต่ง แท้จริงแล้วมันก็เป็นธรรมชาติ เพียงแค่ทำจิตอิสระ และพิจารณาไตรลักษณ์ "ทุกขณะจิต มันก็เป็นของมันเช่นนั้นแล" จะว่ายาก มันก็ยาก จะว่าง่าย มันก็ง่าย พิจารณาตามรู้ดูจิต จนจิตถึงพุทธะ ในระหว่างวัน จนจิตดับ กายดับ สาธุ สาธุ สาธุ อธิษฐานจิต ขอให้มีดวงตาเห็นธรรม สำเร็จมรรคผลนิพพานในปัจจุบันชาตินี้ด้วยเทอญ ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้เป็น "ไตรลักษณ์" จริงๆคะ ดั่งสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านได้ตรัสรู้ไว้ "อริยสัจ 4"

    ในฐานะที่เป็นมนุษย์ตนหนึ่ง ข้อปฏิบัติ คือ ศีล 5,มรรค 8, บุญกิริยาวัตถุ 10 ให้ถึงพร้อม ตามรู้ ดูจิต ให้ จิต สะอาด สว่าง สงบ จนอิสระ สาธุ สาธุ

    ข้าพเจ้า มักชอบพิจารณาข้อธรรม จากครูบาอาจารย์ และนำมาพิจารณาเป็นสติ มหาสติ เพื่อให้เกิดปัญญา และมีสติอยู่กับปัจจุบันทุกขณะจิต ไม่ส่งจิตออกนอก หากรู้ก็ดึงกลับ ให้มีสติอยู่ อย่าให้จิตส่ายไปตามอารมณ์ที่มากระทบ ทางอายตนะ

    ข้าพเจ้าใคร่ขอคำแนะนำ จากสิ่งที่ชี้แจงดังกล่าวแล้วนั้น ข้าพเจ้าพึงปฏิบัติจิตเช่นใด เพื่อการพัฒนาทางปัญญา

   กราบขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ด้วยเป็นอย่างสูง

คำตอบ
    นำจิตที่เห็นถูกตรงตามที่บอกเล่า เอามาดูกิเลสที่ผูกมัดใจให้ต้องเวียนตาย-เวียนเกิดอยู่ในวัฏสงสาร (สังโยชน์ 10) ว่ายังมีกิเลสตัวใดหลงเหลือหรือมีอำนาจคุมใจ ต้องใช้ปัญญาเห็นถูกตรงกำจัดให้หมดไปจากใจ นั่นคืองานที่ผู้ปรารถนาอิสรภาพของใจต้องทำเพื่อนำจิตเข้าถึงธรรมสูงสุดของพระศาสนา คือพระนิพพานนั่นเองเป็นเบื้องสุด
   

922.
กราบเรียนท่านอาจารย์ดร . สนอง ที่เคารพ

   เนื่องจากในการปล่อยสัตว์ เช่น ปลา หอยขม นก หรือ อื่น ๆ ตอนปล่อยเราตั้งใจปล่อย แล้วก็อธิษฐาน ตามปกติ อยากทราบว่าถ้าเราปล่อย สัตว์ชนิดนั้นไปแล้ว แล้วถ้าเราไปกินสัตว์ชนิดนั้นอีกอาจจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามจะเป็นบาปหรือเปล่าค่ะ คือว่าสงสัยมานานแล้วแต่ว่ายังหาคำตอบไม่ได้ค่ะ รบกวนท่านอาจารย์ได้โปรดได้ให้ความกระจ่างด้วยนะค่ะ

ขอให้ท่านอาจารย์มีสุขภาพที่แข็งแรง เพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่ยังไม่รู้ ไปนาน ๆ น่ะค่ะ

ขอบพระคุณมากค่ะ
ณิชาภัทร

คำตอบ
  ปล่อยสัตว์เช่น ปลา หอยขม นก ตัวใดให้เป็นอิสระแล้ว อธิษฐานไม่กินสัตว์ตัวนั้นอีก ถ้าไปกินสัตว์ตัวที่ปล่อยไปถือว่าผิดคำอธิษฐานเป็นบาปที่เกิดจากการถูกจองเวรด้วยสัตว์ที่ถูกกิน

  หากปล่อยปลา หอยขม นก แล้วอธิษฐานไม่กินสัตว์ชนิดที่ปล่อยนั้นอีก หากไปกินภายหลัง เป็นบาปที่ผิดคำอธิษฐาน
  

921.
กราบเรียน อ. ดร. สนอง ที่เคารพ

1. ที่เขาว่าหากบวชก่อนแต่งงาน พ่อแม่จะได้บุญ แต่บวชหลังแต่ง พ่อแม่ และภรรยา และลูก จะได้บุญด้วย ถูกหรือไม่คะ
2. การที่สามีจะบวชตลอดชีวิต ก่อนบวชต้องขออนุญาต ภรรยาก่อน จริงหรือไม่คะ
3. การที่เขาไปบวชตลอดชีวิต นั้นหมายว่า ทิ้ง/หนี ความรับผิดชอบครอบครัว ภรรยา ลูก หรือ คะ
  การกระทำดังกล่าวก็น่าว่าจะเป็นกรรมใหม่ ที่เขาสร้างให้ ภรรยาและลูก หรือเปล่าคะ นอกเสียจากภรรยาและลูกยินยอม และอนุโมทนา ด้วยจึงจะไม่เป็นการสร้างกรรมใหม่ ใช่ไหมคะ

คำตอบ
   (1) ถูกตามที่เขาว่า แต่ผู้เป็นพ่อ แม่ ภรรยา และลูก ต้องอนุโมทนาในการบวชนั้นด้วยจึงจะได้บุญ

   (2) จริง ต่อเมื่อภรรยาต้องอนุญาตให้บวชได้ ไม่จริงหากขออนุญาตแล้วภรรยาไม่อนุญาตก็บวชไม่ได้ ตามวินัยสงฆ์ที่พระพุทธะบัญญัติไว้

   (3) ตอบว่าใช่ ถือว่าละทิ้งความรับผิดชอบต่อครอบครัวแต่หากทุกคนในครอบครัวอนุญาตแล้วอนุโมทนาด้วย จึงจะไม่เป็นการสร้างอกุศลกรรมให้เกิดขึ้น
  

920.
เรียน ท่าน ดร.สนอง

   ผมได้แจ้งความประสงค์กับเจ้าอาวาทในการสร้างพระพุทธรูป เพื่อประดิษฐานในซุ้ม ซึ่งอยู่เหนือทางเดินเข้าพระอุโบสถ แต่ปรากฏว่า ได้มีผู้มีจิตศรัทธาบางท่านได้ มาพบว่าในซุ้มนี้ยังไม่มี พระพุทธรูป จึงได้ถวายพระพุทธรูปใว้ที่วัดโดยท่านเจ้าอาวาท ไม่อยู่วัดพอดีจึงไม่มีผู้บอกกล่าว และผู้ถวายก็ไม่ทราบด้วยว่า ผมได้แจ้งความประสงค์ใว้แล้ว

   กรณีนี้ ควรแก้ปัญหาอย่างไรจึงจะได้บุญและไม่บาป ผมไม่ต้องให้การทำบุญ เป็นเรื่องขอความไม่สบายใจและแข่งขัน

   ขั้นแรกได้ปรึกษากับท่านเจ้าอาวาทเพื่อว่าจะได้บอก กับผู้มีจิตศรัทธาท่านนั้นว่า ผมเป็นผู้แจ้งความประสงค์สร้างพระพุทธรูปใว้แล้ว แต่ยังไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรต่อไปถึงจะช่วยให้ ศรัทธาของผู้มีจิตศรัทธาถวายพระพุทธรูปไม่หม่นหมองลงไป หรือมีทางออก ที่ดีกว่า ขอคำแนะนำในการปฏิบัติครับ
   
  กราบขอบพระคุณ

คำตอบ
      เรื่องนี้ต้องปรึกษาเจ้าอาวาสวัด แล้วนำความจริงไปบอกกล่าวกับผู้ที่นำพระพุทธรูปมาถวายว่า ที่ซุ้มประตูนั้นได้มีผู้แสดงความจำนงสร้างพระพุทธรูปไว้ก่อนแล้วและเจ้าอาวาสได้รับปากไว้ก่อนแล้วว่าเห็นควรให้สร้างได้ ส่วนผู้นำพระพุทธรูปมาถวายภายหลังจะตัดสินใจประการใดเป็นเรื่องระหว่างผู้ถวายพระพุทธรูปกับเจ้าอาวาสต้องปรึกษากัน
  

919.
เรียนอาจารย์ดร.สนอง

1การทำอาณาปาณสติ และสติปัฏฐาน4 เป็นทางสายเอกทั้งคู่ใช่มั้ยคะ ที่จะไปนิพพาน
2สำหรับคนที่ทำอาชีพมัคคุเทศก์ เป็นอาชีพที่ดีหรือไม่ในทางธรรม

ขออนุโมทนาบุญ

คำตอบ
     (1) การเจริญอานาปานสติ เป็นอุบายที่ใช้พัฒนาจิตให้สงบตั้งมั่นเป็นสมาธิ หากพัฒนาได้สูงสุดแล้วมีฌานเป็นเป้าหมายวิธีนี้มิได้ทำให้จิตบรรลุพระนิพพาน ส่วนการเจริญสติปัฏฐาน 4 บันเป็นปฏิปทาสู่ทางสายเอกที่มุ่งตรงต่อพระนิพพานอย่างแท้จริง

   (2) อาชีพมัคคุเทศน์ เป็นอาชีพที่เกี่ยวกับนำผู้อื่นท่องเที่ยวไปในที่ต่าง ๆ และจะถือเป็นอาชีพที่ดีในทางธรรมได้ ต้องไม่นำผู้อื่นไปเล่นการพนัน ตกปลา ดื่มของเมา เที่ยวโสเภณี หรือทำปรามาสรูปเคารพในศาสนาฯลฯ
  

918.
กราบเรียนถามดร.สนอง

   1. วันนี้4/8/2008 มีข่าวเรื่องเด็กม.6เล่นเกมคอมพิวเตอร์ที่เกมให้คนเล่นเป็นโจร ยิ่งทำไม่ดีเท่าไรก็จะยิ่งได้คะแนนมากขึ้น แล้วเด็กคนนั้นได้เอาไปใช้ในชีวิตจริงโดยไปฆ่าคนขับรถแท็กซี่จนตาย คำถาม มันเป็นเรื่องเวรกรรมเก่าของเค้าทั้งสองคนเหรอค่ะ เป็นไปได้ไม๊ว่าเป็นการก่อกรรมใหม่ของเด็กคนนั้น คือหนูได้ฟังและอ่านผลงานของท่านมาหลายอันทำให้หนูเข้าใจว่าทุกอย่างไม่มีอะไรบังเอิญ มีเหตุที่มาทั้งนั้น แต่ถ้าหนูดูเหตุการณ์นี้แล้วอยากถามว่าเป็นไปได้ไม๊ว่าสองคนนี้ไม่มีเวรกรรมกันมาก่อน แต่เป็นกรรมใหม่ที่เด็กคนนี้ก่อมาใหม่ แล้วมีตัวอย่างไหนที่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดจากกรรมใหม่ขอช่วยอธิบายค่ะ แล้วตัวอย่างการเกิดอุบัติเหตุต่างๆ มันเข้าเงื่อนไขว่าเป็นกรรมเก่าต้องชดใช้ทุกกรณีหรือเปล่าค่ะ

   2. ถามเรื่องขั้นตอนที่ทำให้เกิดกรรม ในกรณีที่เราได้ทำให้เค้าเกิดความไม่พอใจโดยที่เหตุการณ์นั้นเราไม่ผิดแต่มันก็ทำให้เค้าไม่พอใจ การเกิดกรรมมันเกิดขึ้นตอนที่ทำให้เค้าไม่พอใจโดยที่ไม่ได้ดูผิดถูกหรือเปล่า ตัวอย่างเช่นการขับรถชนรถบนถนน ฝ่ายหนึ่งขับถูกตามกฏแล้วขับอย่างสุภาพแต่มีรถอีกคันขับซิ่งแล้วผิดกฏแล้วขับมาชนรถที่ขับดี จึงมีปากเสียงกันเพราะคนที่ขับถูกเค้าคิดว่าเค้าขับดีแต่โดนชน ส่วนอีกคันที่ขับไม่ดีไม่ยอมรับแล้วมีปากเสียงกัน ถามว่าขั้นตอนการเกิดกรรมเกิดตอนไหน เกิดตอนที่ทำให้เค้าไม่พอใจรึเปล่า ใครเป็นคนได้รับกรรมไม่ดี การเกิดกรรมต้องดูเรื่องเหตุผลว่าใครผิดถูกหรือเปล่า ถ้ากรรมเกิดตอนที่ทำให้เค้าไม่พอใจแบบนี้เราก็ดำเนินชีวิตได้ยากซิค่ะ เพราะถ้าเราไปเจอคนไม่ดีแล้วไม่อยากให้เกิดกรรมเราก็ต้องยอมลูกเดียว แล้วรอดูผลเสียที่จะเกิดขึ้นเท่านั้นเหรอค่ะ
   ขอให้ท่านช่วยอธิบายเพราะจะมีความสำคัญต่อการใช้ชีวิตประจำวันมากค่ะเพราะไม่อยากก่อกรรม แต่การยอมมันอยู่บนเหตุผลความผิดถูก ถ้าไม่ผิดให้ยอมรับให้เค้ากระทำมันทำใจยากค่ะ

คำตอบ
    (1) หากผู้ถามปัญหาพัฒนาจิตจนเข้าถึงความตั้งมั่นในระดับที่เป็นฌานได้ เมื่อนำจิตออกจากฌานแล้วจะรู้ว่าภพชาติที่สัตว์บุคคลถือกำเนิดมามีอนันต์ ซึ่งแต่ละชาติมีทั้งการประพฤติที่เป็นกุศลและอกุศล แล้วเก็บสั่งสมผลกรรมไว้ในดวงจิตมีอนันต์เช่นกัน และหากผู้ถามปัญหาได้พัฒนาจิตของตนจนเกิดปัญญาเห็นแจ้งได้แล้ว จะรู้ว่ากฎแห่งกรรมมีจริง จึงไม่มีคำว่าบังเอิญหรือความน่าจะเป็นเกิดขึ้นผู้รู้จริงในพุทธศาสนา ดังนั้นเรื่องของบุคคลทั้งสองจึงมีสาเหตุมาจากได้เคยก่อนกรรมกันมาก่อน จึงไม่มีกรรมใหม่ใด ๆ ถูกก่อขึ้นเช่นการเกิดอุบัติเหตุ การเกิดอุบัติภัยที่เกิดจากธรรมชาติ ล้วนมีเหตุที่มาจากการกระทำกรรมเบียดเบียนกันมาก่อนทั้งสิ้น

   (2) แม้ระบบประสาทจะสัมผัสได้ว่าผู้ถามปัญหามิได้กระทำผิดแต่ทำให้ผู้อื่นไม่พอใจ หากใช้จิตสัมผัสที่เกิดจากโลกิยอภิญญา ก็จะทราบได้ว่าแรงของอกุศลกรรมที่เคยก่อไว้แต่อดีตมีเหตุปัจจัยลงตัวเมื่อใด ย่อมให้ผลเป็นอุบัติเหตุ ดังนั้นขั้นตอนการเกิดกรรมที่ถามมาจึงเกิดเมื่อมีเหตุปัจจัยลงตัวคือ คู่กรรมได้โคจรมาพบกันและแรงกรรมให้ผล

   ด้วยเหตุนี้ พระพุทธะจึงได้แนะนำว่า เมื่ออกุศลกรรมตามให้ผลแล้วต้องยอมรับความจริง แล้วชดใช้หนี้กรรมเก่าให้หมดไป และไม่สร้างหนี้กรรมใหม่ให้เกิดขึ้น เรื่องในทำนองเดียวกันนี้ ผู้ตอบปัญหาได้พิสูจน์แล้วและยอมรับโดยดุษณีว่าพุทธวจนะดังกล่าวเป็นความจริง หากผู้ถามปัญหาพัฒนาปัญญาเห็นแจ้งให้เกิดขึ้น ใช้ปัญญาเห็นแจ้งดับอัตตาของตัวเองให้ได้ แล้วจะพบว่าในชีวิตประจำวันยังมีเรื่องดีๆ ที่เป็นบุญเป็นบารมีให้ทำอยู่อีกมาก แล้วจะยอมรับความจริงตามพุทธวจนะได้จะไม่เอาเวลาไปใช้ในการโต้แย้งโต้เถียงให้เปล่าประโยชน์แต่จะเอาเวลามาพัฒนาจิตวิญญาณของตัวเองให้มีบุญบารมีสั่งสม เพื่อนำพาชีวิตเดินทางสู่ความราบรื่นในปรโลก ผู้รู้จริงในพุทธศาสนานิยมประพฤติเช่นนี้
    

917.
กราบเรียนอาจาร์ย ดร สนองค่ะ

ได้ฟัง ถึงโสดาบันในชาตินี้ ที่อาจาร์ยบรรยาย ผ่านทาง web site อยากสอบถามอาจารย์ค่ะ ว่า
เวลาที่พระโสดาบันมีความจำเป็นที่จะต้องละเมิดในศีล เช่น โกหก เพราะไม่อยากให้คนอื่นเดือดร้อนใจ หรือว่าเผลอไปพูดเพ้อเจ้อ จิตของท่านหลังทำผิดจะเป็นอย่างไรบ้าง และกรรมวิบากจะตามมาให้ผลรุนแรง ใช่ไหมค่ะ

ขออนุโมทนากับอาจาร์ยที่มีส่วนร่วมในการสืบทอดพระพุทธศาสนาค่ะ

คำตอบ
    ผู้พัฒนาจิตจนเข้าถึงความเป็นโสดาปัตติผล (โสดาบัน) เป็นผู้มีศีลไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย จึงไม่ประพฤติละเมิดศีลแต่ผู้ที่ยังดำเนินอยู่ในเส้นทางแห่งโสดาปัตติมรรคยังมีโอกาสเผลอกระทำทุศีลดังที่บอกมาแล้วได้ ซึ่งปัญหาดังกล่าวจะถูกแก้ไขได้ ด้วยการเจริญสติสัมปชัญญะระดับโลกุตตระให้มีกำลังกล้าแข็ง จนสามารถนำจิตข้ามพ้นการละเมิดศีลดังที่ถามไปได้
  

915.
อธิฐานให้เลือกทางเดินชีวิตได้ไหมค่ะ

  หนูเรียนจบกฎหมายมาผ่านทั้งเนติและก็ปริญญาโทแล้ว ด้วยคะแนนที่ดีทั้งคู่ค่ะ จนทางบ้านคิดว่าถ้าสอบ ผู้พิพากษาหรืออัยการต้องได้แน่ๆ แต่พอถึงเวลาต้องสอบเป็นผู้พิพากษาหรืออัยการแล้วหนูกลับไม่มีความมุ่งมั่นเลย รู้ว่าทางบ้านคิดว่ามันเป็นอาชีพที่มั่นคง มีเกรียติ แต่ตัวหนูเองกลับเฉยๆ แต่หนูก็สมัครสอบนะคะ แต่ไปสอบบ้างไม่ไปบ้าง โดยปิดทางบ้านค่ะ (แต่หนูรู้สึกเครียดมากเวลาปิดทางบ้าน) โดยพอสอบผ่านไปครั้งหนึ่งหนูก็คิดว่าจะทำเต็มที่ในครั้งต่อไป แต่พอเอาเข้าจริงก็เหมือนเดิมอีก ซึ่งทางบ้านก็ให้โอกาสเรื่อยมา จนนี่เป็นปีที่6แล้วคะ หนูก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าอะไรที่เหมาะกับตัวเอง หนูมีความทุกข์มากไม่รู้ว่าจะเลือกทางเดินชีวิตอย่างไร อะไรที่ใช่สำหรับตัวเอง จะศาล อัยการหรืออาจารย์ รู้สึกว่าตัวเองช้ากว่าเพื่อนคนอื่นมาก

  หนูจมอยู่กับตรงนานแล้วนะคะ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่อยากให้แม่เสียใจด้วย หนูอยากจะทราบว่า เราจะตั้งจิตอธิฐานให้เราพบทางเดินชีวิตที่ดีที่เหมาะกับเราจะได้ไหมคะ และถ้าได้ควรทำอย่างไร แล้วจริงไหมค่ะว่าอาชีพผู้พิพากษา อัยการ ทนายตกนรกมาก ที่ตกนรกนี้เป็นเพราะทุจริตหรือแรงพยาบาทหรือเพราะอะไรกันแน่แล้วถ้าเราตัดสินตามพยานหลักฐานสมมุตว่าถูกตัวคนร้ายแล้วเราก็บาปด้วยหรือค่ะ

รบกวนอาจารยช่วยตอบด้วยนะคะ
ขอบพระคุณค่ะ
am

คำตอบ
   คำว่า “ มโนมยา ” หมายถึง สำเร็จด้วยใจฉะนั้น ปรารถนาสำเร็จสิ่งใดในทางที่เป็นกุศล ขึ้นอยู่กับการทำเหตุให้ถูกตรงสามอย่างคือ สร้างมหาทาน อธิษฐาน และทำเหตุให้ถูกตรง

   การประกอบอาชีพที่ทำให้มีโอกาสตกนรกดังที่ถามไป จะเป็นจริงได้ต่อเมื่อ ผู้ทำสร้างหลักฐาน (ตำรวจ) ไม่ถูกตรงเป็นเท็จผู้ส่งฟ้องศาล (อัยการ) ส่งฟ้องเรื่องที่ไม่ถูกตรงเป็นเท็จ ผู้แก้ต่างคดี (ทนายความ) แก้ต่างในสิ่งที่ไม่ถูกตรงเป็นเท็จ และผู้ตัดสินคดี (ผู้พิพากษา) ตัดสินคดีที่ไม่ถูกตรงเป็นเท็จ อาชีพทั้งสี่ที่ผู้สร้างเหตุที่ไม่ถูกตรงเป็นเท็จ และผู้ร่วมกระบวนกรรมที่ไม่ถูกตรงเป็นเท็จ จึงต้องร่วมรับอานิสงส์บาปคือสร้างเหตุไปเกิดในภพนรกนั้นเป็นจริง และมีสัตว์นรกประเภทนี้อยู่มากจริงตามที่ผู้มีอาชีพเกี่ยวข้องเคยตายไปเห็นผลงานของตนในภพนรกมาแล้ว แล้วฟื้นตื่นขึ้นมาเล่าให้ผู้อื่นฟัง พร้อมกับเลิกอาชีพของตนเองได้ก่อนตายจริง นอกจากนี้แรงพยาบาทจากผู้ถูกตัดสินให้ต้องรับโทษมีส่วนร่วมให้ผลเป็นบาปด้วย
   

914.
กราบเรียนท่านอาจารย์ดร.สนอง ที่เคารพ

สืบเนื่องจากคำถามเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ถ้าเราตั้งใจว่าจะลงทุนไว้เพื่อไว้ให้ลูกหรือใช้ในบั้นปลายชีวิต ก็ถือว่าผิดในทางธรรมใช่ไหมคะ ดังนั้นเราควรเปลี่ยนไปลงทุนในตราสารหนี้ หรือพันธบัตรรัฐบาล จะผิดในทางธรรมหรือเปล่าคะ

รบกวนอาจารย์ชี้แนะด้วยค่ะ
กราบขอบพระคุณค่ะ
วิยดา

คำตอบ
    ผิดในทางธรรมหรือไม่ผิดในทางธรรมขึ้นอยู่กับใจของผู้ลงทุน

    ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์มีโอกาสทำให้ใจขุ่นมัวด้วยบาป (กิเลส) มากกว่า การลงทุนในตราสารหนี้ หรือพันธบัตรรัฐบาล

   ในครั้งพุทธกาลยโสธนาพิมพาบอกให้ลูกราหุลไปขอมรดกที่เป็นจักรพรรดิสมบัติจากพ่อ เพื่อจุดประสงค์จะได้เป็นกษัตริย์ครองกรุงกบิลพัสดุ์ แต่พระพุทธะมอบมรดกสุดยอดคือนิพพานสมบัติให้กับราหุลจนสามารถบรรลุอรหัตตผลแล้วขึ้นไปดับรูป ดับนาม (นิพพาน) อยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

   ด้วยเหตุนี้ผู้รู้จึงให้ปัญญาเป็นมรดกเป็นทายาทซึ่งดีกว่าทรัพย์มรดกที่เป็นสมบัติกำพร้าในวันข้างหน้า เมื่อทายาทจำเป็นต้องทิ้งขันธ์ลาโลก แล้วทิ้งทรัพย์กำพร้าเจ้าของไว้เบื้องหลัง
   

913.
กราบเรียน อ. ดร.สนองค่ะ

   หนูเคยสนใจเรื่องการนั่งสมาธิมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้วค่ะ แต่ขณะนั้นได้แรงบันดาลใจมาจากการอ่านหนังสืออิงนิยาย เกี่ยวกับเรื่องการรู้เห็นอดีตชาติ เลยลองดูเพียงเพื่อความสนุก จนกระทั่งได้บังเอิญพบพระรูปหนึ่งซึงมีคนรู้จักนิมนต์มาที่บ้าน หนูเข้าไปกราบท่าน ท่านก็ทักว่า การนั่งสมาธิมิใช่เพื่อเหาะเหินเดินอากาศได้ ซึ่งเรื่องนี้หนูไม่เคยได้บอกใครให้ทราบเลย เมื่อฟังแล้วก็ตกใจจึงเลิกนั่งสมาธิไปเลย เมื่อจบการศึกษาหนูก็บังเอิญเข้าร่วมสังสรรค์กับเพื่อน มีการจับฉลากแลกของที่ระลึกกัน หนูได้หนังสือธรรมมะมาหนึ่งเล่ม คล้ายธรรมมะสำหรับเด็กมีการสอนให้รักษาศีล 5 แล้วให้จดเป็นรายงานว่าวันนี้เราประพฤติดีอย่างไร ผิดศีลอย่างไร หนูอ่านแล้วรู้สึกดี จึงทำตาม ซึ่งจากนั้นมาก็ได้หันมาสนใจธรรมมะมากขึ้น หลังจากที่ทำงานมาแล้วได้สร้างกิจการหนึ่งของตนเอง ซึ่งประสบผลไม่ดีเท่าที่ควรนัก เครียดและนอนไม่ค่อยหลับจึงกลับมานั่งสมาธิอย่างจริงจังอีกครั้ง หลังจากนั้นก็มีผู้เข้ามาแนะนำเป็นคนรู้จักกัน บอกให้นึกถึงองค์เทพท่านนั้น ท่านนี้

   การนั่งสมาธิก็หันไปสู่เพื่อการรู้เห็นอย่างที่ว่าอีกครั้ง ซึ่งก็มีนิมิตต่าง ๆ มาให้หนูสนใจโดยตลอด จนกระทั่งได้ไปทำบุญที่วัดหนึ่งพบพระ ได้สนทนากัน ท่านว่า อย่าไปรู้เห็นเรื่องพวกนั้น ซึ่งไม่ได้ประโยชน์ หนูก็เชื่อ หลังจากนั้นก็หันมาค้นคว้าการปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง ปัจจุบันได้ตามดูใจตนเองโดยตลอด รู้สึกว่าอยู่ที่ไหนก็สบาย ไม่ค่อยโกรธเลย นั่งสมาธิเป็นประจำค่ะ อาการง่วงไม่ค่อยมี ปกติขณะนี้หนูรักษาศีล ไม่นอนที่สูง ต้องการฝึกขันติในตนเองทำเช่นนี้มาเกือบปี ก็เป็นปกติดี มีวันหนึ่งหนูมาพิจารณาว่านั่งสมาธิแล้วปวดหลัง ซึ่งปกติแล้วตนเองจะเป็นคนเล่นโยคะบ่อย แต่ช่วงหลังก็ไม่ค่อยได้เล่น เพราะข้อจำกัดหลาย ๆ อย่างค่ะ เลยมองว่าการนอนพื้นอาจจะมีส่วนทำให้ปวด จึงลองมานอนบนเตียงอีก ตอนเช้าอากาศแจ่มใส รู้สึกว่าจิตใจปลอดโปร่งมาก หนูขึ้นมานั่งพิจารณาอสุภะกรรมฐาน ซึ่งเพิ่งเริ่มทำ มีรูปสภาพศพประเภทต่าง ๆเก็บไว้ นั่งไปซักพักเกิดเมื่อยหลังจึงกลับไปนอนที่เตียง แต่ใจยังไม่ง่วงตั้งใจว่าหลับตาจะลองนอนพิจารณาซึ่งไม่เคยนอนกรรมฐานมาก่อน เมื่อหลับตาก็ปรากฎเป็นภาพซึ่งเห็นแต่ไกลทันที ในภาพเป็นคล้ายกลุ่มเมฆหมุน ๆตัวเราจะพุ่งไปตรงภาพที่เห็น หัวใจถูกบีบอย่างแรงเหมือนจะตาย หนูกลัวมากจึงรีบลืมตาขึ้น กลับมาพิจารณาซักพักแล้วหลับตาอีกครั้ง ทุกอย่างเป็นเหมือนสักครู่นี้ จึงรีบลืมตาใหม่ เช้าวันนั้นจึงเลิกภาวนาไปเลย

เหตุการณ์นี้ผ่านมาไม่กี่วันค่ะ ตอนนี้เมื่อนั่งภาวนาไปใจยังนึกถึงเหตุการณ์นั้นอยู่ รู้สึกว่ากลัว เมื่อนั่งสมาธิใจมันสั่น ๆ อาจารย์คิดว่า
1. หนูควรแก้ปัญหาอย่างไรเพื่อความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม เหตุการณืที่เกิดนั้นเกิดได้อย่างไรทั้งที่หนูไม่เคยจะน้อมจิตไปเพื่อการอย่างที่ว่าเลยค่ะ
2. หนูควรฝึกไม่นอนที่สูงเหมือนเดิมหรือไม่ เพราะเหตุไรคะ
3. ในการพิจารณาอสุภะกรรมฐานอย่างที่ทำอยู่ดีแล้วหรือไม่ อย่างไร ขอคำแนะนำเพื่อความก้าวหน้าด้วยค่ะ
คุณแม่บังเอิญมาเห็นรูปศพที่หนูเก็บไว้ ท่านก็กลัวมาก อาจารย์มีคำแนะนำเพิ่มเติมอย่างไรบ้างคะ

ขอกราบขอบพระคุณที่ท่านอาจารย์จะช่วยทำให้ความสว่างเกิดขึ้นในใจหนูเพิ่มขึ้นอีกล่วงหน้าค่ะ

คำตอบ
   ก่อนตอบคำถามควรฟังคำบอกเล่าจากผู้รู้ว่าในพุทธศาสนา ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุที่ทำให้เกิด และผู้ใดทำเหตุได้แล้ว ย่อมมีผลเกิดตามมาแน่นอนนี่คือสัจธรรมในพุทธศาสนา การที่พระสงฆ์ทั้งสองรูปท้วงติง ท่านท้วงติงด้วยการใช้ปัญญาเห็นถูกตามธรรมของพระพุทธะ ผู้ใดหวังความก้าวหน้าในจิตวิญญาณ ต้องเชื่อแล้วทำให้ได้ตามคำบอกเล่าที่ท่านแนะนำ แล้วการเข้าถึงธรรมในพุทธศาสนาจึงจะเกิดขึ้นได้

   (1) หากหวังความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม ต้องมีศีลคุมใจให้ได้ทุกขณะตื่น แล้วฝากตัวเป็นศิษย์กับกัลยาณมิตรผู้รู้ผู้มีประสบการณ์ในทางธรรม เมื่อใดผู้ปฏิบัติธรรมเข้าถึงปัญญาเห็นแจ้งได้แล้ว ความกลัวใด ๆ จะหมดไปสิ้นเชิง ผู้ถามปัญหาไม่เคยคิดจะปฏิบัติธรรมแต่ต้องทำเพราะบุญบารมีเก่าที่ทำไว้แต่อดีตชาติส่งผล

   (2) การปฏิบัติธรรมสามารถทำได้ในทุกอิริยาบถ เช่น ยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม พูด ฟัง ฯลฯ ให้เลือกอิริยาบถที่เหมาะสมกับสรีระของผู้ปฏิบัติแล้วมรรคผลจึงจะก้าวหน้า

   (3) ผู้มากด้วยราคะจริต เหมาะที่จะพิจารณาอสุภะกรรมฐาน พระสุนทรีนันทาและพระนางเขมา มเหสีรองของพระเจ้าพิมพิสาร สำเร็จอรหัตตผลรวดเร็ว ด้วยการพิจารณาซากศพด้วยปัญญาอันแยบคาย (โยนิโสมนสิการ) ด้วยเหตุนี้ผู้ตอบปัญหาจึงแนะนำให้ผู้ถามปัญหา ทำตามตัวอย่างที่ยกมาเล่าให้ฟังด้วยการเก็บรูปศพและหมั่นดูบ่อย ๆ และหากมีโอกาสไปดูของจริงได้การบรรลุธรรมจะเกิดขึ้นเร็ว

   คำว่าบังเอิญไม่มีในพุทธศาสนาด้วยเหตุนี้จึงเป็นบาปกรรมของคุณแม่เองที่เอาใจไปอยากรู้อยากเห็นในเรื่องของลูกสาว จึงช่วยไม่ได้เพราะสัตว์โลกเป็นไปตามกรรมที่ส่งผลผลักดันให้คุณแม่ได้รับอกุศลวิบากนั้น
   

912.
เรียน อาจารย์ ดร.สนอง วรอุไรที่เคารพ

คำถามต่อเนื่องจากข้อ.903 (ข้อ2) 1)
เนื่องจากดิฉันเองรู้ว่าเงินของญาติธรรมนั้น เพื่อการสร้างบ่อน้ำ แต่เมื่อไปถวายพระท่านมาบอกว่าจะต้องนำเงินไปเพื่อเป็นค่าขนส่ง ดิฉันเป็นกังวลว่าจะผิดความประสงค์ผู้บริจาค จึงได้เรียนให้พระนำเงินไปสร้างบ่อน้ำด้วย เพื่อต้องการให้เป็นไปตามประสงค์ อันที่จริงดิฉันไม่ต้องการรับทราบเรื่องที่พระนำไปใช้อย่างอื่นเลย แต่เมื่อรู้แล้วก็ไม่รู้จะคัดค้านอย่างไร จึงต้องพูดไปอย่างนั้น
ถาม วิธีแก้ปัญหา ดิฉันควรจะนิ่งไม่ตอบรับหรือปฏิเสธใช่มั้ยคะ กรุณาแนะนำด้วยค่ะ

2) ดิฉันไม่ต้องการได้รับบาปไปกับพระรูปนี้
ถาม กรุณาแนะนำวิธีทำบุญเพื่อไม่ต้องรับกรรมอันนี้ได้มั้ยคะ หรือเราจะนำเงินส่วนตัวของเราจำนวนเท่ากับหรือมากกว่าเงินบริจาคตามข้อ 1 นำมาชดใช้เพื่อสร้างบ่อน้ำแทนนั้น จะได้ไม่ต้องมีกรรมติดตัวไปได้มั้ยคะ ขออาจารย์กรุณาแนะนำวิธีอธิษฐานด้วยค่ะ .

3) ดิฉันไม่ต้องการทำบุญแล้วได้บาป ทำให้เกิดความรู้สึกไม่กล้าทำบุญ ขณะนี้มีภารกิจการเรี่ยไรเงินทำบุญ 2-3 รายการ ตั้งใจว่าออกพรรษานี้จะปิดรับบริจาคทุกรายการ และจัดส่งเงินถวายพระและโรงเรียน (พระรูปเดิม)
ถาม หลังจากนี้ ดิฉันจะปฎิเสธการร่วมบุญกับพระรูปนี้ทุกอย่าง จะเป็นการบาปรึไม่คะ เพราะท่านจะติดต่อมาเสมอ (ดิฉันจะพิจารณาการทำบุญจากหนังสือวิธีสร้างบุญบารมี ของสมเด็จพระญาณสังวรค่ะ)

4. ดิฉันเพิ่งเริ่มการวิปัสสนากรรมฐานเมื่อต้นปีนี้ ได้ปฎิบัติแล้วรู้สึกเหมือนมีชีวิตใหม่ และตั้งใจจะเจริญสติภาวนาให้ได้ขั้นสูงเท่าที่จะปฎิบัติได้
ถาม อนิสงฆ์ผลบุญนี้ จะทำให้กรรมต่างๆหมดสิ้นไป หรือเบาบางได้หรือไม่ อาจารย์กรุณาแนะนำหนังสือที่ดิฉันควรอ่านด้วยค่ะ เกี่ยวกับเรื่องกรรมค่ะ

กราบขอบพระคุณ ที่ท่านอาจารย์เมตตาตอบข้อสงสัย และขออำนาจสิ่งศักดิ์ปกปักรักษาอาจารย์และครอบครัวด้วยค่ะ...

คำตอบ
   (1) ผู้ใดบริจาคทรัพย์เป็นทาน เพื่อจุดประสงค์ดีงามใดก็ตาม หากผู้บริจาคไม่เอาจิตไปตามดูตามรู้ในทรัพย์ที่บริจาคผู้นั้นได้บุญเต็มร้อย ฉะนั้นเมื่อนำเงินของญาติธรรมไปถวายพระแล้วพระนำไปใช้ในกิจการใดเป็นเรื่องของพระ ผู้ตอบรับไม่ควรคอยรับหรือปฏิเสธ เพราะมีโอกาสเป็นบาปเกิดขึ้นจากการทำบุญนั้น

   (2) บาปเมื่อเกิดขึ้นแล้วย่อมถูกเก็บฝังอยู่ในใจของผู้ทำกรรม ถึงแม้จะนำเงินส่วนตัวไปถวายใหม่ก็เป็นส่วนของใหม่มิสามารถลบล้างบาปเก่าให้หมดไปได้ บาปจะหมดไปได้ด้วยการชดใช้หนี้บาปมิใช่บาปหมดไปด้วยการอธิษฐาน ดูวิธีจัดการบริหารหนี้เวรกรรมให้เว็บไซด์ ข้อ 728

   (3) การทำบุญเพื่อให้ได้บุญเต็มร้อยต้องทำบุญด้วยมีปัญญาเห็นถูกตามธรรมเป็นเครื่องสนับสนุน ผู้ใดมีศรัทธาก่อนทำบุญทรัพย์ที่ใช้ทำบุญเป็นทรัพย์บริสุทธิ์ และสุดท้ายผู้รับทรัพย์ที่ถวาย (ปฏิคาหก) เป็นผู้บริสุทธิ์การทำบุญในลักษณะนี้ ผู้ถวายได้อานิสงส์มากได้อานิสงส์แห่งบุญที่บริสุทธิ์ ฉะนั้นต้องตัดสินใจด้วยตัวเองวา จะทำอย่างไรต่อไปกับการทำบุญในลักษณะที่บอกเล่าไป

   (4) กรรมทั้งที่เป็นกุศลกรรมและอกุศลกรรม มิเคยหมดสิ้นไปจากใจของผู้ใดได้ แต่ทำให้เบาบางลงได้ ด้วยการปฏิบัติธรรมฐานจนเข้าถึงธรรมที่นำสู่การเป็นอริยบุคคลนับแต่พระโสดาบันไปจนถึงพระอรหันต์ แล้วดับรูปนามเข้าสู่ภาวะนิพพานกรรมในส่วนที่เหลือทั้งหมดจึงตามให้ผลไม่ได้ จัดเป็นอโหสิกรรมด้วยประการเช่นนี้ ดังนั้นการอ่านหนังสือ จึงมิใช่การบริหารจัดการกรรมที่ถูกต้องตามแนวของพระพุทธะ
       

911.
กราบเรียนท่านอาจารย์สนองค่ะ

   หนูมีความสงสัยค่ะว่าในขณะนี้มีหนังสือที่ขายดีมากคือ"เดอะซีเคร็ต"ที่พูดถึงเรื่องของพลังความคิดของมนุษย์ว่าสามารถ เหนี่ยวนำสิ่งที่เราต้องการได้เพราะความคิดมีพลังงาน ถ้าเราสามารถสร้างมโนภาพให้สิ่งที่เราต้องการฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกได้ เราจะได้ทุกสิ่งที่เราต้องการ ท่านอาจารย์ว่ามีจริงหรือไม่คะ

ขอกราบขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ

คำตอบ
    เป็นจริงครับ ดังพุทธะวจนะที่ว่า “ มโนปุพฺพฺตมา ธมฺมา มโนเสฏฺฐา มโนมยา ” ซึ่งมีความหมายว่า จิตเป็นรากฐานของสิ่งทั้งหลายจิตประเสริฐกว่าสิ่งทั้งหลาย สิ่งทั้งหลายสำเร็จด้วยจิต นักปราชญ์ชาวจีนที่ชื่อว่า เมิ่งจือ ผู้อุบัติขึ้นหลังพุทธกาลได้กล่าวยืนยันว่า “ หากปรารถนาสิ่งไร ต้องได้สิ่งนั้น ” และเช่นเดียวกันในยุคปัจจุบัน ผู้ตอบปัญหาได้พิสูจน์แล้วว่าพุทธวจนะเป็นจริงได้กับผู้ที่มีศีล มีธรรมคุ้มครองใจอยู่เป็นปกติ
   

910.
เรียนท่านอาจารย์สนอง

   ดิฉันได้เรียน ศาสตร์การตั้งและเปลี่ยน ชื่อ-นามสกุล เนื่องจากหวังจะยึดเป็นสัมมาอาชีพในยามไม่มีงานทำ เนื่องจากลูกยังต้องเรียนอีกเกือบ 10 ปี บ้านก็ยังต้องผ่อนอีกเป็น 10 ปี แต่เคยฟังท่านอาจารย์สนอง บอกว่า การประกอบอาชีพเกี่ยวกับการเปลี่ยนวิบากของคนอื่นนั้นไม่สมควร ตายแล้วจะไปสู่อบาย ไม่ทราบว่าดิฉัน เข้าใจผิดหรือไม่ ตอนนี้เริ่มรู้สึกลังเลและหากดิฉันจะยึดอาชีพการตั้ง หรือ เปลี่ยน ชื่อ - นามสกุล จะเป็น เหตุปัจจัยในการสร้างเวรกรรมให้กับตัวดิฉันเองหรือไม่ แต่อาจารย์ผู้สอนบอกกับดิฉันว่า เป็นการสร้างบุญใหญ่ ที่ทำให้คนได้ออกจากวิบาก

ดิฉันรบกวนขอคำแนะนำจากท่านอาจารย์ด้วยค่ะ ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
    ศาสตร์แห่งการตั้งชื่อถือว่าเป็นความเห็นถูกทางโลก พระพุทธะมิได้ห้ามฆราวาสมิให้ประพฤติ

   คำว่า “ วิบาก ” หมายถึงผลของกรรม ถ้ามีกุศลวิบากเกิดขึ้นนั่นแสดงว่า เป็นผลที่บุคคลได้ประกอบกุศลกรรม ตรงกันข้ามถ้ามีอกุศลวิบากเกิดขึ้น นั่นแสดงว่าเป็นผลที่บุคคลได้ประกอบอกุศลกรรม

   ฉะนั้น การเปลี่ยนชื่อให้ผู้อื่น มิได้เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับกุศลวิบากนั้น แต่หากผู้ถูกเปลี่ยนชื่อ เชื่อว่าเปลี่ยนชื่อแล้วเกิดผลดีกับชีวิต นั่นเป็นความเชื่อที่ไม่กอร์ปด้วยเหตุผล ผู้เสนอให้ผู้อื่นเปลี่ยนชื่อเป็นต้นเหตุแห่งการสร้างโมหะ (บาป) ให้กับผู้ที่เห็นคล้อยตาม ดังนั้นผู้ใดประสงค์จะนำพาชีวิตของตนเองให้ออกจากความหลง ต้องเลิกประกอบอาชีพในลักษณะเช่นนี้
  

909.
สวัสดีค่ะ อาจารย์ สนอง
 
หนูขอรบกวนเวลาอาจารย์ ให้ช่วยเเนะนำวิธีที่จะ....
 
เป็นไปได้ไหม ที่คนเราจะไม่รู้ตัวเลยว่าได้ทำอะไรบ้างตลอดเวลา
 
หมายถึงว่า รู้สึกว่า   ไม่ค่อยรู้ตัวเลยว่า วันหนึ่งได้ทำงานอะไรไปบ้าง คือ ทำได้ นะคะ เเต่ทำเพราะว่า เคยชิน เช่น ขี่รถเครื่องออกไปข้างนอก ถามว่า รู้ไหมว่าไปไหน รู้นะ มีสติหรือเปล่า ไม่ทราบ ค่ะ เเต่ก็ไม่เคยโดนชน ขี่เร็ว ช้า บ้าง

   หนูได้อ่านหนังสือของอาจารย์ ซึ่งกล่าวว่า คนเรามีสติ 7 %  ขาดสติ 93 %  เเต่หนูว่า ตัวหนูน่าจะขาด 100 ค่ะ   เพราะเวลาพูด / ฟังอะไร   จะ มีคนบอกตลอดว่า หนูฟังไม่ได้ศัพท์ ฟังผิด ๆถูกๆ   ทำอะไรก็เบลอ มั่ว   ของง่ายๆ ก็ทำดูยากเเละสับสน เช่น วันเสาร์ที่ผ่านมา หนูไปองค์พระ -วัดพระปฐมเจดีย์ เพื่อทำบุญพิธีเทกระจาด กับเพื่อน    อาจารย์คะ งานง่ายๆ เเค่ซื้อข้าวสาร 1 กระสอบใหญ่ เเล้ว บอกให้เเบ่งเป็น 10 ถุงเล็ก เเละเขียน ชื่อผู้บริจาค+อุทิศให้ใคร    เเค่นี้ ....   เเต่หนูคิด/ทำไม่ได้   ทำสับสน วุ่นวาย จนเพื่อน ตำหนิ +ไม่เข้าใจ + เซ็ง + งง +โมโห + ไม่เข้าใจ ว่า หนูทำไม ยูทำให้มันยุ่งยาก จัง    
 
อาจารย์คะ   ตลอดชีวิต อายุ 30 ขอบ ก็ดำเนินมา มั่ว ๆ +มั่ว กว่า นี้ อย่างนี้ค่ะ    อีกทั้งยังขี้ลืมเอามากๆ   รู้สึกสมองไม่ค่อยจำอะไรเลย   เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ นี้/ประมาณนี้ ที่เป็น มั่วของตัวเองก็ น้ำตาไหล เหมือนร้องไห้ เสียใจมาก   / ขณะที่เขียนถึง อาจารย์ หนูน้ำตาไหลเป็นทางเเล้ว ค่ะ
 
อาจารย์คะ   ทำไม การใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้มันยากจัง   หลังจากที่เเม่เเละน้องสาวของหนูเกิดอุบัติเหตุรถชนเสียชีวิตทั้งคู่ เเล้ว

หนูเริ่มรู้สึก ว่า ชีวิตเดินมาทุกวันนี้ ไม่รู้เดินมาได้อย่างไร   ไม่เคยคิดอะไรเลย   ไม่มีอะไรในหัวเลย คิดอะไรไม่เป็นเลย
เเฟนที่เคยคบอยู่ก็ รับไม่ได้ ว่า เฮ้อ เราจะดำเนินชีวิตคู่อย่างไรเนี่ย   จะรอดเหรอ    จะ ยังไงเนี่ย เราห่างกันดีไหม
 
อาจารย์คะ   หนูจะทำอย่างไรดีคะ กับชีวิตที่เหลืออยู่ค่ะ   หนูคิดเสมอนะ ว่า ทำไมวันนั้นไม่เป็นหนูที่ไป เเทนที่จะเป็นน้องสาวที่พึ่งจะ 20 ขวบ   
 
ทุกคนเห็น / เจอ / รู้จัก หนู ต้องพูดว่า เธอไม่มีสติ ดูเหมือนสมองว่างเปล่า ไม่มีอะไรในหัวเลย
 
อาจารย์คะ เเรกๆ หนูได้ยิน ก็เฉยๆ ยังไม่ได้รู้สึกอะไร เเป๊บเดียวก็ลืม   เเต่พอเกิดเรื่องเเม่+น้อง มันไม่ใช่   เเล้ว   หนูพึ่งเริ่มคิดได้ว่า ทำไม ฉันไม่เหมือนคนอื่นเหรอ ฉัน เป็นตัวประหลาด เหรอ
 
หลังเกิดเรื่องเเม่ หนูก็เริ่มรู้สิก ว่า เราคิดต่างจากเมื่อก่อน   พึ่งรู้ว่า พระคุณเเม่นี่ใหญ่หลวงมาก ๆ เเม่ทำให้เรา -ลูก ทุกอย่างจริงๆ   ทำไมตอนเเม่อยู่ เราไม่เคยทำอะไรให้เเม่เลยได้มากที่เเม่ทำให้เลย    
 
อาจารย์ เป็นไปได้ไหมที่จะมีโอกาสที่จะได้คุยกับเเม่ สักครั้ง 1   หนูอยากจะขอโทษเเม่ในสิ่งที่หนูทำ/ประพฤติตัวไม่ดี ไม่เชื่อฟังเเม่ พูดไม่จริงกับเเม่ ดื้อ เถียง ..........
 
อาจารย์คะ ตอนนี้หนูสวดมนต์ พยายามทั้งเช้า + เย็น ค่ะ + นั่งสมาธิ สัก 15-30 นาที    อาจารย์ก็ยังไม่รู้สึกดีขึ้น ยังเหมือนเดิม หรือเเย่ลงอีก ตามเพื่อนบอก    
 
อาจารย์คะ หนูควรทำอย่างไรดีคะ   หนูนึกเสมอว่า วันนี้ของปีหน้า ฉันคงไม่เป็นเเบบนี้นะ
 
ขอโทษค่ะ ถ้าเรื่องของหนูทำให้อาจารย์เสียเวลาค่ะ
 
หนูรัตน์

คำตอบ
    ถามไปว่าทำอย่างไรดีกับชีวิตที่เหลืออยู่ตอบว่าทำอย่างที่เคยทำ คือตั้งใจสวดมนต์ทั้งเช้าและเย็น พยายามสวดให้ได้ทุกวันสวดด้วยใจจดจ่อ ต้องรู้ความหมายของบทที่สวด(หาหนังสือที่มีคำแปลมาอ่าน) สวดช้า ๆ ชัด ๆ ให้คำสวดมนต์ซึมเข้าไปถึงใจหลังสวดมนต์เสร็จ ต้องนั่งสมาธิ 15-30 นาทีทุกวัน และสุดท้ายหลังนั่งสมาธิแล้วเสร็จให้อุทิศบุญกุศลที่ตนมีให้กับแม่และน้องสาวที่ตายไปทำให้ได้เช่นนี้ทุกวันโดยมีสัจจะคุมใจ แล้วการสวดมนต์และนั่งสมาธิจะศักดิ์สิทธิ์เกิดมรรคผลที่เป็นกุศลได้ง่าย

   ผู้ถามประสงค์จะได้พูดคุยกับแม่สักครั้ง มีโอกาสเป็นได้หากกำจัดความอยาก (ตัณหา) ให้หมดไปจากใจ แล้วพัฒนาจิตตนเองให้มีศีลห้าคุมใจให้ได้ทุกขณะตื่นและพัฒนาจิตจนตั้งมั่นเป็นสมาธิในฌานนำจิตออกจากฌานแล้วอธิษฐานขอพบและได้พูดคุยกับแม่

   สุดท้าย เมื่อใดที่ผู้ถามปัญหาปฏิบัติได้ตามคำแนะนำจนเข้าถึงมรรคผลแห่งธรรมได้แล้ว สภาวะจิตในวันนี้ของปีหน้าไม่เหมือนกับวันที่เขียนปัญหาถามไป
      

908.
เรียน ท่าน ดร.สนอง วรอุไร

ดิฉันมีปํญหาที่จะเรียนถามท่านว่า การทำความสะอาดโต๊ะหมู่บูชา และ ทำความสะอาดองค์พระ เป็นบาป ไหม และสามารถทำได้ไหม เพราะทุกวันพระดิฉันต้องทำความสะอาดทุกครั้ง แต่บังเอิญมีคนมาทักว่า เป็นผู้หญิง ทำความสะอาดหิ้งพระและองค์พระไม่ได้ เป็นสิ่งที่ค้างคาใจ และกังวลมาก ถ้าได้คำตอบจากท่านก็ จะได้นำ ไปบอกให้เพื่อนๆ บางคน ทราบด้วย

ขอบพระคุณท่านมากที่ให้ความกระจ่าง

คำตอบ
  การทำความสะอาดโต๊ะหมู่บูชาและองค์พระพุทธปฏิมากร เป็นเจตนาดีที่ควรทำเพราะทำสำเร็จแล้วได้บุญตรงที่มีความสุขใจเกิดขึ้น

  ส่วนคนที่มาท้วงทักวาเป็นผู้หญิงทำความสะอาดหิ้งพระและองค์พระไม่ได้ เป็นความเห็นถูกของผู้ท้วงทัก แต่ไม่ถูกตามความเห็นของผู้รู้ ที่รู้ว่า บุญคือความดี คือกุศล คือความสุข เหล่านี้เมื่อใดเกิดขึ้นแล้วกับใจของผู้ทำกรรมดีถือว่าผู้กระทำเป็นผู้ได้รับบุญนั้น
  

907.
กราบเรียนท่านอาจารย์สนองค่ะ

ดิฉันได้ติดตามผลงานและระลึกถึงคำสอน คำแนะนำจากท่านเสมอค่ะ แต่มีข้อสงสัยจะเรียนถามท่านดังนี้ค่ะ ขอความกรุณาอธิบายเพื่อดิฉันได้ไปบอกกับท่านอื่นๆที่สงสัย

   1. ดิฉันได้อ่านหนังสือเสียงจากนรกภูมิค่ะ เป็นประสบการณ์ที่พบว่ามีเปรตที่เป็นบรรพบุรุษขึ้นมาจากนรกตอนทำบุญเดือนสิบ เพื่อมาเตือนลูกหลานไม่ให้ทำความชั่ว มีเปรตท่านหนึ่งบอกว่า ตอนเป็นมนุษย์ชอบทานเนื้อวัวมาก แต่ไม่ได้ฆ่าเอง คือซื้อมาทาน เมื่อตายไปเป็นเปรต(คือทำผิดศีลข้ออื่นมากๆด้วยค่ะ)แล้วสาเหตุที่ทานเนื้อ ก็เลยต้องทานเนื้อตัวเอง ควักไส้ พุงตัวเองมาทาน
   ดิฉันจำคำที่ท่านอาจารย์กล่าวว่า ถ้าเราไม่ได้บงการฆ่า ไม่ได้รู้เห็น หรือเจตนาฆ่า และเนื้อสัตว์ที่นำมาปรุงนั้นเป็นเพียงศพ ไม่ถือว่าผิด แล้วทำไมจึงต้องรับกรรมทานเนื้อตัวเองอย่างทุกข์ทรมานค่ะ

   2. ดิฉันเรียนจบปริญญาตรีและได้บรรจุทำงานทันทีเป็นเวลา 12 ปีแล้วค่ะ ดิฉันหวังจะลาศึกษาต่อระดับปริญญาโทตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ ทางบ้านก็ต้องการให้เรียนต่อเลยหลังจบปริญญาตรี แต่ดิฉันสงสารพ่อแม่ที่ต้องส่งดิฉัน ดิฉันปฎิเสธแล้วสอบบรรจุข้าราชการทันที หลังจากทำงานก็มีความตั้งใจจะเรียนต่อค่ะ แต่เนื่องจากคุณแม่อายุมากแล้วและมีโรคประจำตัวมากมาย ดิฉันจึงย้ายมาทำงานที่บ้านเพื่อดูแลท่านหลังจากนั้นคุณแม่เสียไป 3 ปีแล้ว เหลือแต่คุณพ่อ ท่านก็มีโรคต่างๆเหมือนคุณแม่ดิฉันก็ไม่มีโอกาสเรียนต่อ ทั้งที่สามารถเรียนต่อได้ แต่ดิฉันรู้ว่าท่านต้องคิดถึงดิฉันหากดิฉันไปเรียนต่อที่กรุงเทพ เพราะแค่ดิฉันไม่ได้มาหาท่านบางอาทิตย์ท่านก็ถามถึง คุณพ่ออยู่กับพี่สาวค่ะ ความจริงทางบ้านมีพี่น้องหลายคน มี 5 คนที่อยู่จังหวัดเดียวกับคุณพ่อค่ะ ดิฉันเป็นคนสุดท้องค่ะ ซึ่งถ้าดิฉันลาศึกษาต่อ ก็มีพี่ๆ ช่วยดูแลท่านได้ แต่ดิฉันไม่สบายใจ ถ้าไม่ได้มีส่วนดูแลท่านบ้าง เพราะดิฉันคิดว่าลูกแต่ละคนนั้นแทนกันไม่ได้ ถึงแม้ดิฉันจะไม่ได้เป็นลูกรักของพ่อก็ตามค่ะ เมื่อก่อนดิฉันอดน้อยใจไม่ได้ แต่ได้คำสอนคำเตือนให้คิดได้จากท่านอาจารย์สนองทำให้ดิฉันไม่คิดถึงเรื่องนั้นเลยค่ะ

   จึงเรียนถามว่าดิฉันควรลาเรียนศึกษาต่อไหมค่ะ ความจริงคุณพ่อก็ถามบ่อยๆว่าเมื่อไหร่จะเรียนต่อ ท่านอยากให้เรียนต่อค่ะ แต่มหาวิทยาลัยที่จังหวัดไม่มีสาขาที่ดิฉันอยากเรียน เพราะถ้าเรียนไปเพื่อแค่ได้ปริญญาบัตรแค่นั้นดิฉันไม่ต้องการค่ะ

ขอขอบพระคุณที่ท่านได้ให้คำแนะนำและความเห็นที่ถูกต้องค่ะ

คำตอบ
   (1) ผู้ทานเนื้อสัตว์ นอกจากมิได้บอกให้ผู้อื่นฆ่าเพื่อตนเอง ไม่ได้รู้เห็นในการฆ่า ไม่สงสัยว่าผู้อื่นฆ่าสัตว์เพื่อเราและรู้ว่าเนื้อสัตว์ที่นำมาปรุงอาหารเป็นเพียงซากศพที่ทิ้งไว้แล้วผู้บริโภคเนื้อสัตว์นั้นไม่ถือว่าผิดศีลข้อปาณาติบาต แต่หากสัตว์ที่ถูกฆ่า ผูกอาฆาตไว้ก่อนตาย กับผู้เอาเนื้อของเขาไปกินต้องถือว่าผู้บริโภคเป็นบาปที่ถูกจองเวรจากจิตวิญญาณที่เคยเป็นเจ้าของซากศพนั้น

   (2) หากคุณพ่อปรารถนาจะให้ผู้ถามปัญหาเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น ควรทำตามที่ท่านปรารถนา และต้องเรียนให้ได้ผลสำเร็จแล้วจึงค่อยกลับไปดูแลท่านเหมือนพี่น้องคนอื่น ๆ ได้ดูแลอยู่
  

906.
กราบเรียน อาจารย์ดร.สนอง วรอุไรที่เคารพ

ดิฉันได้ฟังบรรยายเรื่องอฐิษฐานบารมี ของท่าน ท่านได้ใช้บทกรวดนำเช้า ปัฏฐะนะฐะปะนะคาถา (คาถาเป็นที่ตั้งแห่งความปราถนา) ใช่หรือไม่ค่ะ

   ดิฉันใช้วิธีฟังบรรยายของท่าน เพื่อกระตุ้นตนเองในการปฏิบัติ ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นนั่งสมาธิให้จิตนิ่ง (อย่างน้อยที่สุดได้สวดมนต์ แต่ก็ยังออกเสียงดังไม่ได้) จากการไม่สัปปายะ แต่มีพื้นฐานในการอยากทำดี ทั้งการคิดและการพูด และนำคำสอนในการบรรยายของอาจารย์มาใช้ในเรื่อง การที่มีคนมาเบียดเบียนทั้งกาย วาจา และใจก็ถือว่าเขาเป็นครู เป็นกรรมของเราที่เคยทำกับเขาแบบนี้ และมุ่งมั่นทำดีต่อไปไม่ท้อ เพราะเชื่อเรื่องธรรมะจัดสรรค่ะ ถ้ามีกิเลสอะไรที่รบกวนจะกลับไปฟังการบรรยายของอาจารย์ทั้งเก่าและใหม่ เพื่อกระตุ้นตนเองให้ทำดีต่อไปไม่ท้อค่ะ
ขอบพระคุณอาจารย์ที่เมตตาแนะแนวชีวิตที่ดีให้ค่ะ

ด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ
ลดาวัลย์

คำตอบ
    ปัฏฐานปนคาถาเป็นบทกรวดน้ำเพื่ออุทิศบุญกุศล แล้วอธิษฐานให้ตนเอง ได้เข้าถึงโลกุตตรธรรม (มรรค 4 ผล 4 นิพพาน 1) คำว่าตนเองหมายถึงผู้ที่ถูกเอ่ยชื่อถึงในคำบรรยาย ซึ่งท่านเหล่านั้นปรารถนาสภาวะพ้นโลก สาธุ ทำดีแล้วจงทำต่อไป
  

905.
ขอกราบเรียนถามดร.สนอง

ถ้าหากเราจะขออโหสิกรรมให้กับคนที่เราไม่ได้เจอแล้วและกับคนตายแล้วจะต้องทำอย่างไรบ้างค่ะ เพื่อที่เราจะได้ชดใช้หนี้ให้เค้า เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมกันต่อไปอีก

คำตอบ
   ต้องทำตัวเองให้เป็นผู้มีบุญ (ดูบุญกิริยาวัตถุ 10) แล้วอุทิศบุญที่มีให้กับเจ้ากรรมนายเวรอยู่เสมอ
  

904.
กราบเรียนอท่านอาจารย์สนองค่ะ

อาจารย์คะ ดิฉันมีเรื่องจะเรียนปรึกษาอาจารย์ค่ะ รบกวนอาจารย์ช่วยชี้ทางสว่างในด้วยนะคะ

ดิฉันเป็นคนใจร้อนมากค่ะ และเป็นคนที่พูดตรงมากเลยค่ะ จึงเป็นอันตรายในการทำงานมาก และไม่เป็นที่ชอบใจของใครหลายๆๆคน ซึ่งที่เป็นอย่างนี้ถ้าเห็นว่าสิ่งใดคุณทำไม่ถูกต้องก็จะไม่ยอมเลย และโดยส่วนตัวเป็นคนที่ชอบศึกษาธรรมะ และปฎิบัติธรรม แต่ยอมรับว่าจิตยังไม่นิ่งค่ะอาจารย์ บางครั้งก็มีคนว่า ว่าทำไมเป็นคนธรรมะ ธรรมโมแล้วยังโกรธอีก ก็ตอบว่ายังไม่บรรลุค่ะ ยังมีโลภ โกรธ หลง อยู่

สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือก็คือ เวลาโกรธสีหน้าจะบ่งบอกเลยค่ะว่าฉันโกรธนะ ทั้งๆๆที่ใจพยามระงับเอาไว้ แต่สีหน้าเก็บไม่ได้เลยค่ะ แต่จะไม่พูด เพราะรู้ว่า เป็นคนพูดตรงและแรง เพราะเป็นคนที่เสียงดังด้วย เวลาพูดอะไรออกไปเหมือนกับไปตวาดเค้า ไปดุเค้า ดิฉันก็พยามยามนะคะ แต่ทำไม่ได้ค่ะ แล้วบางทีก็ทำให้ไม่อยากมีใครมาข้องเกี่ยวด้วย แต่ถ้ามีการทำบุญเค้าจะมาหาให้ดิฉันเป็นคนทำก่อน เพราะดิฉันไม่เคยปฎิเสธการทำบุญเลย และชอบทำด้วยค่ะ มีความสุขมากค่ะอาจารย์ เวลาพักเที่ยงก็จะเปิดเว็บ เกี่ยวกับธรรมะอ่าน หรือฟังเวลาอยู่ที่บ้าน ทำให้ใจเป็นสุขค่ะ และอยากไปปฎิบัติธรรม 3 วัน 7 วันบ้าง แต่โอกาสไม่อำนวยเลยค่ะ

ดิฉันควรประพฤติปฎิบัติตนอย่างไรคะ ในการดำเนินชิวิตประจำวัน ให้มีความสขทั้งทางโลกและทางธรรม ควรทำอย่างไรเมื่อโกรธแล้วไม่ให้สีหน้า ออกมาให้ใครทราบว่าเรากำลังโกรธอยู่ รบกวนท่านอาจารย์ช่วยชี้ทางส่วางในการดำนเนิชีวิต ด้วยค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับอาจารย์ด้วยนะคะทุกบุญที่ท่านอาจารย์ได้ทำ บุญใดที่ดิฉันได้ทำขอให้ถึง
ท่านอาจารย์ด้วยค่ะ ขอให้อาจารย์มีสุขภาพที่แข็งแรงตลอดไปนะคะ

คำตอบ
    มนุษย์ทุกคนปรารถนามีชีวิตที่สะดวกสบายและมีความสุข การจะมีความเป็นอยู่ที่สะดวกสบาย ต้องมีงานดีทำเพราะจะได้เงินมาจุนเจือชีวิต การจะให้มีงานดีทำอยู่เสมอ ต้องพัฒนาจิตตนเองให้เป็นคนเก่ง มีความรู้และความสามารถในงานที่ทำ และจำเป็นต้องเป็นคนดีอีกด้วยผู้ใดพัฒนาตนเองให้มีลักษณะเป็นดังเช่นนี้ จะเป็นผู้ทำงานได้เป็นผลสำเร็จงานแล้วเสร็จทันเวลา ผลงานเข้าตาเป็นที่เรียกหาเรียกใช้ของสังคมตัวเองก็จะไม่เป็นผู้ว่างจากงาน

   ความปรารถนาในเรื่องที่สองจะเป็นจริงได้ต้องพัฒนาตัวเองให้เป็นผู้มีเมตตา เมื่อมีสิ่งขัดใจใด ๆ เกิดขึ้น ต้องให้อภัยเป็นทานแก่ผู้ที่เป็นเหตุขัดใจ ด้วยการเจริญสติให้มีกำลังกล้าแข็ง เช่น บริกรรม “ พุท-โธๆๆ ” ตามลมหายใจเข้า-ออก ก่อนนอนอย่างน้อย 15 นาที รักษาปฏิปทาเช่นนี้ให้ได้ตลอดไป แล้วสติจะกล้าแข็งได้เอง สติและเมตตามีอยู่กับใจได้โทสะคือความโกรธจะหมดไปเอง ทำให้เปลี่ยนพฤติกรรมที่ร้อนมาเป็นพฤติกรรมที่สงบและเย็นได้
  

903.
ขอเรียนถามอาจารย์ ดร.สนอง ดังนี้ค่ะ

1.เพื่อนคุณแม่ฝากให้ดิฉันซื้อของแห้งถวายพระ แต่เขาไม่ให้เงินเมื่อเจอกัน แม่บอกว่า เราเป็นผู้จ่ายเงินเราได้บุญ (ไม่ติดใจเรื่องเงิน คิดว่าเราอาจเคยติดค้างเขามาแต่ปางก่อน)
ถาม -เพื่อนแม่แค่เสียสัจจะ แต่จะมีบาปด้วยหรือไม่ เพราะเราบอกพระว่าของนี้มีผู้ฝากมาถวาย (คือถวายของรวมทั้งสองฝ่ายค่ะ)

2.เมื่อเราไปบอกบุญเรี่ยไรเงินเพื่อสร้างบ่อน้ำให้พระต่างจังหวัดที่มาบอกบุญ แต่เมื่อนำไปถวาย พระท่านมีความจำเป็นต้องใช้เงินนี้ในการขนอัตถบริขารและพระพุทธรูปองค์ใหญ่จากกรุงเทพกลับต่างจังหวัด(เป็นค่าเช่ารถตู้) ดิฉันได้เรียนให้ท่านแบ่งเงินไปสร้างบ่อน้ำด้วย
ถาม - ดิฉันไม่ทราบว่าจะผิดและเป็นบาปด้วยหรือไม่ เพราะผู้ให้เงินทราบว่าจะไปสร้างบ่อน้ำ

3. เนื่องจากเงินปัจจัยต่าขนส่งไม่พอ พระท่านขอบิณทบาตรปัจจัย ขณะนั้นดิฉันเองไม่มีรายได้ มีผู้ใหญ่แนะนำให้จัดเป็นเงินสำรองให้ไป โดยแยกเป็นเงินที่ต้องการถวาย และเงินสำรองจ่ายส่วนที่เหลือ(ไม่ต้องภาวนา เมื่อถวาย) โดยอธิบายให้พระทราบ มีผู้อื่นรับทราบด้วย
ถาม - เป็นการแก้ปัญหาที่ถูกต้องหรือไม่ กรุณาแนะนำด้วยค่ะ

4. ผู้ใหญ่แนะนำให้เรี่ยไรเงินค่าขนส่งจากญาติธรรม และเมื่อได้เงินมาให้หักเงินไว้เท่าที่เราได้สำรองจ่ายไป และส่วนที่เหลือให้นำไปถวายพระรูปนั้น (ผู้ใหญ่แนะนำว่าเงินสำรองนั้น ควรเก็บเอาไว้ต่อบุญโดยใช้เพื่อทำบูญในโอกาสอื่น) * แต่ตอนนี้ดิฉันไม่ต้องการเงินสำรองคืนแล้ว เพราะหาเงินมาได้และจะนำเงินที่เรี่ยไรครั้งใหม่นี้ถวายพระไปทั้งหมด*
ถาม - .อยากทราบว่า จะเป็นบาป ไหมถ้าเราเอาเงินสำรองส่วนนี้คืน

5. ตอนเรียนประถม2. ครูให้ไปเรี่ยไรเงินกฐินเพื่อนในโรงเรียน แต่ทางวัดกลับไปแล้ว ครูก็ปฎิเสธจะรับเงินที่ดิฉันเก็บมาให้ (ประมาณ 10 กว่าบาท)ไม่แนะนำอะไร ด้วยความเป็นเด็กอายุประมาณ6-7 ขวบ แต่ไม่ได้ดีใจที่ได้เงินนะคะ รู้สึกกลุ้มใจ ตอนนั้นดิฉันไม่ทราบจะทำอย่างไร คิดว่าไม่มีใครต้องการเงินนี้แล้ว และไม่รู้จะคืนใคร จึงเอาเงินไปซื้อขนมกิน (ตอนนี้อายุจะ 50 แล้วค่ะ)
ถาม - ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ดิฉันต้องมารับใช้พระพุทธศานาหรือเปล่าคะ ตอนนี้ดิฉันก็ไปร่วมงานบุญและบอกบุญญาติธรรม เพื่อรวบรวมปัจจัยถวายพระ และโรงเรียนในชนบท แต่ทำด้วยจิตศรัทธานะคะ

ถาม -จากข้อ 4-5 ดิฉันจะอธิษฐานเงินสำรองจ่ายนี้ เป็นเงินถวายพระและอุทิศบุญให้แก่เพื่อนนักรียน ป.2 ตอนเด็กได้มั้ยคะ กรุณาแนะนำวิธีอธษฐานด้วยค่ะ

ขอเรียนถามท่านอาจารย์ กรุณาตอบเพื่อเป็นธรรมทานด้วยค่ะ ดิฉันเองก็ตั้งใจสืบสานงานพระพุทธศานาและหมั่นเจริญสติ-วิปัสสนากรรมฐานค่ะ ขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกปักรักษาอาจารย์ด้วยค่ะ

ด้วยความเคารพอย่างสูง

คำตอบ
    (1) เพื่อนของแม่เป็นผู้ไม่มีสัจจะคือไม่ทำตามที่พูด ถือว่าผิดศีลข้อสองเป็นบาป ผู้ออกเงินซื้อของถวายพระโดยไม่ติดใจเรื่องเงินที่เขามิได้ให้ ผู้ออกเงินซื้อของและนำไปถวายพระเป็นผู้ได้บุญและพร้อมกันนั้นได้ชดใช้หนี้เวรกรรมเก่าที่ตัวเองเคยก่อไว้ ส่วนผู้พูดให้ซื้อของมาถวายพระเป็นผู้ได้บุญตรงที่มีเจตนาซื้อของถวายพระ และได้บาปตรงที่เสียสัจจะ

   (2) บอกบุญเรี่ยไรเพื่อสร้างบ่อน้ำ แต่ผู้รับเงินนำไปใช้ไม่ตรงเจตนารมณ์ของผู้บริจาค การกระทำในลักษณะเช่นนี้ หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านบอกว่า เป็นการย้ายฐานเจดีย์ ผู้กระทำต้องรับอานิสงส์บาป เมื่อตายแล้วมีภพเปรตเป็นที่หมายของชีวิตหน้า

   ส่วนผู้ใดพูดว่าให้ภิกษุแบ่งเงินไปสร้างบ่อน้ำด้วย หากมีจิตเห็นพ้องในการย้ายฐานเจดีย์ (เอาเงินไปใช้เป็นค่าเช่ารถ) ถือว่าเป็นผู้ร่วมกระบวนกรรมฯจึงต้องมีส่วนในอานิสงส์บาปนั้นด้วย

   (3) หากผู้ถามปัญหามิได้ปวารณาให้ภิกษุรูปนั้นขอได้ตามที่จำเป็นต้องใช้ แล้วภิกษุมาขอบิณฑบาตปัจจัยโดยพละการ ภิกษุผู้ขอปัจจัยประพฤติละเมิดวินัยสงฆ์ถือว่าเป็นบาป หากผู้ถูกขอยินดีและถวายปัจจัยให้ถือว่าเป็นผู้ร่วมกระบวนกรรมบาปกับภิกษุผู้ขอ ดังนั้นการแก้ปัญหาดังที่บอกเล่าไปเป็นการแก้ปัญหาตามความเห็นถูกของผู้ใหญ่ แต่ไม่ถูกต้องตามความเป็นของพระพุทธะ

   (4) หากผู้ถามปัญหาไปหักเอาเงินที่เรี่ยไรได้มาใช้คืนเงินที่สำรองจ่ายไปถือว่าเป็นบาป

   (5) เป็นการชดใช้หนี้กรรม ที่เคยไปเอาเงินของพระศาสนาใช้เป็นการส่วนตัวในสมัยที่ยังเป็นเด็ก

   ส่วนเงินสำรองที่ตัวเองได้จ่ายไป ต้องอุทิศบุญกุศลที่เกิดขึ้นให้กับเจ้าของเงินทุกคน ที่ผู้ถามปัญหาเข้าไปมีส่วนร่วมการย้ายฐานเจดีย์
  

902.
กราบเรียนท่านอาจารย์สนองค่ะ

ดิฉันขอกราบเรียนห้ท่านอาจารย์ทราบดังนี้นะคะ
ดิฉันสนใจในการปฎิบัติธรรมโดยไปเริ่มต้นที่วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี กับเพื่อนที่เค้าปฎิบัติอยู่ซึ่ง ตัวดิฉันเองได้ปฎิเสธเค้ามาหลายครั้งมาก จนครั้งสุดท้ายที่จำได้ ในเสียงโทรศัพท์ที่เค้าพูดมา ว่า "มึงต้องรอให้หลวงพ่อสิ้นก่อนหรือมึงถึงจะไป" เสียงที่ว่ามานั้นดิฉันมีความรู้สึกว่าไม่ใช่ เพื่อนดิฉัน ดิฉันก็ขาดงานไปเลยค่ะ แต่ไปแล้วก็ทำไม่ได้ มันจะเกิดอาเจียนอยู่ตลอดเวลา ขณะที่เวลาท่านพระอาจารย์เทศน์สอนก็ยังจะอาเจียน ก็เลยอธิษฐานจิตว่าท่านพระอาจารย์ ดิฉันจะไม่ไหวแล้วพอก่อนเถิดเจ้าค่ะ เหมือนท่านรับรู้ ท่านบอกว่าวันนี้พอแค่นี้ก่อน พอลงมา ข้างล่างแม่ชีบอกว่าทำไมวันนี้ถึงเลิกเร็วกว่าทุกครั้ง ปฎิบัติได้ครบตามที่แม่ชีแนะนำค่ะ อาจารย์ แต่ก็ยังไม่ได้ สมาธิหลุดตลอดเลยค่ะ แต่ก็พยายามนะคะ จนคาบสุดท้ายได้อธิษฐาน ถึงหลวงพ่อจรัญ ว่าหลวงพ่อขานี่ก็เป็นคาบสุดท้ายแล้วลูกจะต้องกราบลาหลวงพ่อแล้วขอบารมี หลวงพ่อให้ลูกทำได้ด้วยเถิด ในคาบสุดท้ายก็ทำได้ค่ะ และตัวดิฉันเองก็ยังหาที่ปฎิบัติธรรม ไปเรื่อยๆๆ เพราะไม่ทราบว่าตัวเองถูกกับจริตชนิดไหน เคยเพ่งกสินดิน ก็ไปได้ค่ะ ท่านพระอาจารย์บอกว่ากสินดินเป็นการเริ่มต้นของสมาธิทุกอย่างเพราะกสินอย่างหยาบ ไม่ละเอียด เหมือนการกำหนดลมหายใจ ทำให้ตัวเองไปได้เร็ว แต่ก็อีกแหละค่ะ เพิ่งกสิณอยู่เห็นดวงวิณญาณ มายืนอยู่ข้างๆๆ ก็กลัวค่ะ เลิกทำเลย อาจารย์ค่ะ โดยนิสัยส่วนตัวดิฉันเป็นคนโกรธงาน โมโหร้าย แต่จะโกรธง่ายหายเร็ว และเป็นผู้หญิงที่รักสวยรักงามมากค่ะ

อยากเรียนถาม อาจารย์ว่า
1.ดิฉันควรฝึกสมาธิชนิดใดคะ ที่ถูกกับจริตของตัวเอง
2.ดวงวิญญาณที่เห็นคืออะไรคะ
3.เหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์ที่ดิฉันเคยฝันมาก่อน หรือไม่ก็มีความรู้สึกว่า เป็นเหตุการณ์ที่เราเคยประสบมาและเป็นเพราะอะไรคะ แล้วคืออะไรคะท่านอาจารย์

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์มากนะคะ ขอให้ท่านอาจารย์มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และ ได้ชี้ทางสว่างให้กับชาวเราตลอดไปนะคะ คำสอนของอาจารย์ทำให้ดิฉันกลัวบาปมาก และ ทุกวันนี้ก็จะมีคำสอนของอาจารย์อยู่ในใจตลอดเวลาค่ะ

สวัสดีค่ะ

คำตอบ
   (1) จริตของผู้ถามปัญญาเหมาะต่อการพิจารณาซากศพ (อสุภกรรมฐาน) พิจารณาร่างกาย (กายคตาสติ) หรืออรูปฌาน โดยเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง

   (2) เป็นอมนุษย์ที่อยู่ในอีกมิติหนึ่งที่ใกล้กับภพมนุษย์

   (3) เป็นเพราะสัญญาเก่าที่ถูกเก็บบันทึกไว้ในดวงจิตส่งผลกระทบจิตในขณะที่มีความตั้งมั่นเป็นสมาธิ จึงทำให้เห็นนิมิตปราฏให้จิตสัมผัสได้
  

901.
กราบเรียนอาจารย์สนองที่เคารพ

หนูเป็นกุ๊กของโรงแรมแห่งหนึ่งค่ะ มีหน้าที่ประกอบอาหารตามความต้องการของลูกค้า จากการติดตามอ่านหนังสือและเคยเข้ารับฟังการบรรยายธรรมของอาจารย์ หนูขอเรียนถามดังนี้ค่ะ

1.อาชีพที่หนูทำอยู่นี้ จะผิดศีลหรือเข้าข่ายอาชีพต้องห้ามหรือไม่คะ
2.ถ้าหากมีความจำเป็นต้องประกอบอาชีพนี้ต่อไป อาจารย์มีคำแนะนำอย่างไรบ้างคะ

ขอขอบคุณอาจารย์ที่ช่วยแนะนำแนวทางในการปฏิบัติและขออนุโมทนาบุญกับอาจารย์และชมรมกัลยาณธรรมด้วยค่ะ

คำตอบ
   (1) ลูกค้าเป็นผู้สั่งให้ผู้ถามปัญหาทำ หากเป็นการสั่งให้ประพฤติผิดศีล ผู้สั่งให้ทำเป็นจำเลยบาปที่หนึ่ง ผู้ทำตามคำสั่งเป็นจำเลยบาปที่สอง ซึ่งเป็นอาชีพที่ถูกต้องทางโลก แต่ไม่ถูกต้องทางธรรมในพุทธศาสนา

   (2) หากยังมีความจำเป็นต้องประกอบอาชีพนี้ต่อไปต้องรู้วิธีบริหารจัดการหนี้เวรกรรมที่เกิดขึ้น ด้วยการปฏิบัติตามคำแนะนำที่กล่าวไว้ในเว็บไซด์ข้อ 728