1

 

 

 

                                                       
คำถาม-คำตอบ ข้อ 1501-1550

1550.
กราบเรียนท่าน อ.สนอง

ทุกวันนี้ดิฉันมีความทุกข์มากค่ะไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไรดี ดิฉันเป็นคนที่มีโมหะมาก และก็มีอกุศลสัญญาเก็บไว้ในจิตเยอะมาก

คือดิฉันได้มีโอกาสเข้าร่วมปฏิบัติแนวของคุณแม่สิริ มาหลายครั้งทุกครั้งก็จะเห็นความไม่ดี(เลว) ของตัวเองเยอะมาก คือจะคิดไม่ดีต่อพระพุทธ พระอริยสงฆ์ และผู้มีพระคุณ แบบไม่มีสาเหตุ บางที่ไม่เคยรู้จักแค่ได้ยินชื่อก็พาลไม่ชอบ ด่าว่า แช่ง ไม่เข้าใจตัวเองเลย กลัวใจตัวเองมากค่ะ รู้ว่ามันปาบมาก พยายามรักษาสติแต่ก็ทำให้เลิกคิดไม่ได้ บางวันที่ตั้งใจรักษาสติ ให้อยู่กับการเดินหรือการหายใจมากๆ ความคิดอกุศสก็มีมากบางวันก็น้อย

ดิฉันควรจะทำอย่างไรดีค่ะ อยากขอความกรุณาท่านอาจาร์ยช่วยชี้แนะด้วยค่ะขอพระคุณมากค่ะ

ด้วยความเคารพอย่างสูง

คำตอบ
    คนที่รู้ว่ามีความไม่ดีอยู่ในตัว คนนั้นแหละที่จะมีโอกาสพัฒนาตัวเองให้ดีให้มีบุญเกิดขึ้นได้ในวันข้างหน้า

ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาที่มีเหตุผลกำกับ เป็นศาสนาแห่งความจริง ฉะนั้นการคิดไม่ดีต่อพระพุทธ พระอริยสงฆ์และผู้มีพระคุณ เหตุเป็นเพราะจิตของผู้คิดมีโปรแกรมติดลบเก็บบันทึกอยู่ภายใน คนประเภทนี้มีอัตตาสูงและมีกำลังของสติอ่อน “ อัตตา ” หมายถึงตัวตน หรือความเห็นแก่ตัว “ สติ ” หมายถึงระลึกได้ นึกได้ ไม่ลืม เมื่อปัจจัยทั้งสองทำงานร่วมกัน ความคิดที่เป็นอกุศลย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ดังนั้นผู้ใดปรารถนาให้ตนเองมีความคิดที่ดีงาม มีความคิดที่เป็นบุญเป็นกุศล ผู้นั้นต้องเอาศีลอย่างน้อยห้าข้อที่ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย มาคุมใจให้ได้ทุกขณะตื่น แล้วนำตัวเองไปพัฒนาจิต (สมถภาวนา) ให้มีกำลังของสติกล้าแข็ง จนจิตเข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิจวนแน่วแน่ (อุปจารสมาธิ) แล้วนำจิตไปพัฒนา (วิปัสสนาภาวนา) จนกระทั่งเข้าถึงปัญญาเห็นแจ้ง ได้เมื่อใดแล้วโอกาสที่อัตตาจะดับไป จึงมีได้เป็นได้ .... พิสูจน์ไหมครับ
  

1549.
กราบเรียน ท่านดร.สนอง

ดิฉันย้ายบ้านใหม่ บ้านเลขที่ 234/267  หน้าบ้านหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ดิฉันอยากทราบว่าจะหันหน้าโต๊ะหมู่บูชาด้านไหนของบ้าน เพราะตอนนี้หันโต๊ะหมู่หันหลังให้กับบ้านและมีคนทักว่าไม่ดี ต่อผู้ที่อยู่อาศัย และมองดูก็ตรงตามที่เขาทักมา จึงขอให้ท่าน ดร.สนองแนะนำด้วย ดิฉันสวดมนต์นักสมาธิทุกวัน  

ขอขอบคุณค่ะ

คำตอบ
   การประพฤตินอบน้อม หมายถึงการแสดงความเคารพอย่างสูง ผู้ใดประพฤติแล้วบุญย่อมเกิดขึ้น ในครั้งพุทธกาลไม่ว่าพระพุทธเจ้าสถิตอยู่ ณ ที่แห่งใด พระสารีบุตรแสดงกิริยานอบน้อมด้วยการนอนหันศีรษะไปทางที่พระพุทธเจ้าประทับ ฉะนั้นผู้ถามปัญหาวางโต๊ะหมู่บูชา แล้วเห็นว่าเหมาะกับการแสดงความเคารพอย่างสูงของตน คนอื่นที่ไม่เห็นด้วยจะทายทักอย่างไรก็เป็นเรื่องของเขา
   

1548.
เรียนถามเรื่องฝึกการนั่งสมาธิ

อยากจะเรียนถามท่านอาจารย์ครับว่า ผมอยากจะฝึกนั่งสมาธิด้วยตัวเองจะทำได้ใหมครับ
แล้วมีแนวทางยังไงครับ แล้วต้องมีบทสวดมนต์ก่อนหรือเปล่าครับ เพราะผมทำงานอยู่ต่างประเทศช่วงนี้ ผมฟังอาจารย์บรรยาย ตามเวปไซน์ต่างๆครับ ผมคิดว่าผมทำกรรมมาเยอะพอสมควรครับ เพราะตอนเด็กๆเคยฆ่าสัตว์ต่างๆเผื่อทำอาหารครับ ผมอยากจะเสริมสร้างบารมีและแผ่ส่วนกุศลให้เจ้ากรรมเผื่อจะให้บาปกรรมธุเลาเบาบางลงบ้างครับ
 
ขอบคุณครับ

คำตอบ
    บุคคลสามารถฝึกสติอยู่ที่บ้านได้ ด้วยการสวดมนต์สรรเสริญคุณพระรัตนตรัย (อิติปิโสภควา ... จนจบ , สวากขาโตฯ ... , สุปฏิปันโนฯ .... ) หลังจากสวดมนต์จบแล้วให้เจริญอานาปานสติ ด้วยการหายใจเข้ากำหนดว่า “ พุท ” หายใจออกกำหนดว่า “ โธ ” ประมาณ ๓๐ นาที หรือนานเท่าที่มีเวลาทำได้ หลังจากนั้นให้อุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร ทุกครั้งที่ทำกิจกรรมแล้วเสร็จ
    

1547.
กราบเรียนถามท่านอาจารย์ดร.สนอง ค่ะ

       กรณีที่ที่บ้านมีสระน้ำ เนื่องจากทิ้งไว้นาน ทำให้มีคางคก กบ ลูกอ๊อดขึ้นในบ่อมากมาย ส่งเสียงดังมากๆกลัวว่าจะเป็นการรบกวนเพื่อนบ้านข้างเคียง ถ้าจะปล่อยน้ำในสระออกก็กลัวลูกอ๊อด ไร ต่างๆจะตาย ทิ้งไว้ก็จะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ กรณีนี้มีวิธีใดที่พอจะแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้บ้างหรือไม่ อย่างไรคะ

             ขอบพระคุณท่านอาจารย์อย่างสูงที่เมตตา

คำตอบ
     แก้ปัญหาด้วยการใช้สวิงตักลูกอ๊อดที่มีอยู่ในบ่อทั้งหมดไปปล่อยในแหล่งน้ำอื่น แล้วปล่อยน้ำในสระออกให้แห้ง
  

1546.
ถามปัญหา อ.สนอง วรอุไร

กราบเรียนท่านอาจารย์สนองที่เคารพ ผมมีปัญหาซึ่งเป็นความทุกข์ทางใจ ขอความกรุณาอาจารย์ช่วยผมด้วยครับ ความทุกข์ของผมก็คือ เมื่อปีเศษมานี้แม่ผมได้ถึงแก่ความตายลง ขณะนั้นท่านอายุ ๙๑ ปี หลายท่านอาจเห็นว่าท่านอายุมากแล้วคงจะหมดอายุ แต่มันมีเหตุให้ผมเสียใจและจิตใจเศร้าหมองมาตลอดว่าผมทำให้แม่ตายหรือไม่ กล่าวคือ ก่อนตายแม่มีอาการเจ็บปวดจากการมีแผลกดทับ แต่ผมและพี่ๆไม่ได้เอาแม่ไปโรงพยาบาล เพราะผมไปเชื่อหมอที่รับมาดูและรักษาอาการว่าไม่ต้องเอาไปโรงพยาบาลหรอก เพราะแม่อาการหนักคงอยู่ได้ไม่นาน และหากเอาไปโรงพยาบาลหมอจะขูดแผลกดทับทำให้เจ็บปวดมาก และจะมีการใส่สายยางต่างๆทำให้ได้รับความทรมานแสนสาหัส ควรปล่อยให้แม่จากไปเองที่บ้าน ซึ่งผมก็เชื่อ แต่แม่มีอาการทรุดลงเรื่อยๆ พี่สาวและพี่สะใภ้จึงไปรับหมออนามัยมาดูอาการ หมอให้รีบเอาไปโรงพยาบาล พี่สาวและพี่สะใภ้จะเอาไปโรงพยาบาล แต่พี่ๆอีกหลายคนก็คัดค้าน บอกว่าอยากให้แม่ตายที่บ้าน ไม่ใช่ที่โรงพยาบาล ผมกลับมาบ้านตอนเย็น พี่สาวให้ผมตัดสินใจ ผมก็ตกลงให้เอาไปโรงพยาบาล แต่พี่ๆบางคนยังคงคัดค้าน และแสดงความเบื่อหน่ายที่จะต้องไปนอนเฝ้าแม่ ต่างอยากให้แม่ไปเสียเร็วๆ ผมเลยใจเขว ได้โทรศัพท์ไปถามหมอคนเดิมอีกครั้ง หมอยังคงยืนยันอย่างเดิมว่าไม่ควรเอาไป ผมเห็นว่าหมอคนนี้เป็นแพทย์ที่ใหญ่กว่าหมออนามัย น่าเชื่อถือกว่า เลยตัดสินใจไม่เอาแม่ไปโรงพยาบาล และนึกดีใจที่จะได้ไม่ต้องขัดแย้งกับพี่ๆอีกหลายคน แต่นั่นเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด เพราะแม่อาการทรุดลงเรื่อยๆ ผมเปิดอินเตอร์เน็ตดูวิธีดูแลผู้ป่วยแผลกดทับ เขาบอกให้พลิกตัวบ่อยๆ เลยตกลงกับพี่สาวที่ดูแลแม่ว่าให้พลิกตัวแม่ตอนเที่ยงคืน แต่การณ์กลับเลวร้ายลง เพราะการพลิกตัวทำให้แม่หายใจไม่ออก ซึ่งผมก็ไม่ทราบ คิดว่าแม่ใกล้จะตายเอง พี่สาวเรียกผมไปนั่งดูใจ ผมดูจนกระทั่งแม่หมดลมต่อหน้าต่อตาผม ทำให้ผมรู้สึกผิด และเศร้าหมองใจเสียใจมาโดยตลอด เพราะผมรักแม่มากแต่กลับไม่ได้ปฏิบัติต่อแม่ให้ดีที่สุด ผมจึงขอถามดังนี้

๑. แม่ตายเพราะความผิดของผม หรือว่าแม่ถึงคราวจะต้องตายเอง แล้วผมมีความผิดบาปมากน้อยแค่ไหนครับ จะไถ่โทษได้อย่างไร (จนถึงทุกวันนี้ผมยังคงทำบุญอุทิศให้แม่เสมอมา)

๒. การที่คนเราทุกคนถึงแก่ความตายเพราะผู้นั้นถึงคราวจะต้องตายหรือไม่ อย่างกรณีของแม่ ถึงผมจะพาแม่ไปโรงพยาบาล แม่ก็ยังคงถึงแก่ความตายอยู่ดี เป็นเช่นนั้นหรือไม่

๓. ทำอย่างไรจิตใจผมจึงจะหายหม่นหมองครับ

ขอให้อาจารย์ตอบและให้กำลังใจด้วยครับ

คำตอบ
   กมฺมุนา วตฺตตีโลโก แปลว่า สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม

   (๑). เกิด-แก่-ตาย เป็นกฎธรรมชาติที่ไม่มีใครผู้ใดแม้แต่พระพุทธเจ้า ยังไม่สามารถเลี่ยงกฎนี้ได้ ดังนั้นเมื่อพระอัญญาโกณฑัญญะ (ปฐมสาวก) พระมหาโมคคัลลานะ (อัครสาวกเบื้องซ้าย) มาทูลขออนุญาตเข้านิพพาน พระพุทธเจ้ามิได้ทรงทักท้วง แต่ทรงอนุญาตให้เข้านิพพานได้ ส่วนพระมหาปชาบดีภิกษุณี (ผู้เลี้ยงดูเจ้าชายสิทธัตถะ) มาทูลลาเข้านิพพาน พระพุทธเจ้าตรัสว่า กาลฺชานาหิ โคตมี (จงรู้เวลาเถิดท่านโคตมี) แล้วมีบัญชาให้แสดงฤทธิ์ให้มวลชนดู เพื่อเป็นการบอกให้รู้ว่า สตรีเพศสามารถพัฒนาจิตจนมีฤทธิ์ได้ พระสารีบุตร (อัครสาวกเบื้องขวา) มาทูลลาเข้านิพพาน พระพุทธเจ้ามิได้ทรงทักท้วง แต่ทรงตรัสถามว่า แล้วเธอจะไปนิพพานที่ไหน พระสารีบุตรกล่าวตอบว่า “ ที่บ้านเกิด ” หลังจากนั้นพระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้เข้านิพพานได้

   (๒). เป็นเช่นนั้นครับ

   (๓). ผู้ใดประสงค์มิให้จิตเศร้าหมอง พึงดูพระอริยสาวกเป็นตัวอย่าง แล้วพัฒนาจิตให้เข้าถึงธรรมแม้เพียงขั้นต้น เป็นพระโสดาบันที่ตายเกิดอีกไม่เกินเจ็ดชาติ ยังมีความทุกข์เหลือน้อยเท่าขี้ฝุ่นติดปลายเล็บ เมื่อเทียบกับความทุกข์ที่กำจัดได้แล้ว เหมือนขี้ฝุ่นที่หลงเหลืออยู่ในพื้นปฐพี .... พิสูจน์แล้วจริงครับ
   

1545.
กราบเรียนอาจารย์ ดร. สนอง
 
   อาจารย์ค่ะ คุณพ่อหนู(วิคมน์ สิริทิพากร) ได้ถูกรถชนที่หน้าร้านดาวคะนอง จ.ลำพูน เมื่อ 28  ส.ค. 53 และท่านได้เสียชีวิตลงที่ รพ.ลำพูน 29 ส.ค. 53  หนูมีคำถามมาปรึกษาอาจารย์ดังนี้ค่ะ
 
1. คุณพ่อหนู เป็นสัมภเวสี ใช่ไหมค่ะ แล้ว หนูจะทำอย่างที่พอจะช่วยท่านได้บ้าง แล้วเราจะทราบได้อย่างไร ว่าท่านจะหมดอายุขัยเมื่อใด (ปัจจุบันหนู ปฏิบัติธรรมอยู่ที่บ้าน และจะลาพักร้อนไปปฏิบัติที่วัดตาลเอน วัดอัมพวันหรือ ยุวพุทธฯ ตามแต่โอกาสจะเอื้ออำนวยค่ะ) ไม่นานมานี้ รุ่นน้องมาค้างเป็นเพื่อนที่บ้าน ได้เห็น ลักษณะคล้ายคุณพ่อมายืนที่หน้าบ้านค่ะ น้องเขามั่นใจว่าไม่ใช่คนแน่ๆ หนูเลยอธิฐานบอกเจ้าที่หรือเทวดาที่ปกปักษ์รักษาบ้านหนูอยู่ หากเป็นคุณพ่อจริงๆให้คุณพ่อเข้ามาอยู่ในบ้านได้ จะได้ ไม่ร้อน หนาวหรือเปียก หนูทำถูกไหมค่ะ แต่แล้วก็ทำให้หนู กลัว ไม่กล้าอยู่บ้านคนเดียวอีกค่ะ

2. นอกจากการเสียชีวิตด้วย อุบัติเหตุแล้ว การเสียชีวิต อย่างใดอีกที่จะทำให้เป็น สัมภเวสีค่ะ

3.  ได้อ่านที่อาจารย์ตอบคำถามหลายท่านในเรื่อง สัมภเวสีแล้ว แต่ยังสงสัย(กลัว) ว่า สัมภเวสี สามารถปรากฏให้เห็นหรือสื่อสารกับเราได้หรือไหมค่ะ คือ ขณะนี้หนู กลัวจนจิตไม่เป็นสมาธิ ปฏิบัติธรรมได้บ้างไม่ได้บ้าง หนูกำหนด กลัวหนอๆๆๆ คิดหนอๆๆ ก็ยังไม่นิ่งค่ะ จึงลืมตาแล้ว เดินจงกรม บางครั้งก็กังวลใจ วุ่นวายใจ หนูจะแก้ไข อย่างไรดีค่ะ
 
ขอบคุณอาจารย์ดร. สนอง ที่เมตตาตอบคำถามหนูค่ะ
 
ปิติพร

คำตอบ
  (๑). ผู้ที่ตายก่อนครบอายุขัย ต้องเปรียบสภาพจากรูปกายหยาบ ไปเป็นรูปนามละเอียดที่เรียกว่า สัมภเวสี ตรงกันข้ามผู้ที่ตายตามอายุขัยกำหนด ต้องไปเกิดในรูปใหม่เป็นสัตว์ (รูปนาม) อยู่ในภพใดภพหนึ่งของวัฏฏะ ตามกรรมที่ทำไว้เป็นเหตุ

   ขออนุญาตเจ้าที่ให้สัมภเวสีเข้าบริเวณบ้านได้ เป็นการกระทำที่สมควร แต่สมควรยิ่งกว่า หากได้ทำบุญ (บุญกิริยาวัตถุ ๑๐) แล้วอุทิศบุญให้กับสัมภเวสี

   (๒). คำว่า “ อุบัติเหตุ ” หมายถึง เหตุที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด ซึ่งเป็นผลมาจากอดีตของผู้ตาย ประพฤติกรรมตัดรอนมาก่อน เช่น ฆ่าสัตว์ สร้างเครื่องมือทำลายชีวิตของผู้อื่น ดื่มสุรา ฯลฯ

   (๓). ผู้ใดปฏิบัติสมถภาวนา แล้วปรารถนาให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ต้องเอาศีลที่ ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย ลงคุมให้ถึงใจ แล้วจึงนำตัวเองเข้าปฏิบัติธรรมข้างต้น โดยมีสัจจะ มีความเพียร และไม่สงสัยในคำชี้แนะของครูบาอาจารย์ผู้เข้าถึงธรรมมาก่อน โอกาสจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิและเกิดความรู้แจ้งในสรรพสิ่ง เช่น กลัวผี กลัวตาย กลัวยากจน กลัวไม่สบาย ฯลฯ จะไม่เกิดขึ้น .... พิสูจน์ไหม?
   

1544.
กราบเรียนอาจารย์สนองที่คารพยิ่ง
 
ผี คือ อะไร
หนูมีอวิชชาอยู่มากค่ะเกี่ยวกับความเข้าใจเรื่องผี คือเมื่อใดถ้าหนูต้องอยู่ในที่มืดแล้ว จะมีมโนภาพเห็นแต่สิ่งหน้ากลัวคนตาย

หนูอยากถามว่า ผี ที่แท้คืออะไร (ความหมายทางธรรม) หนูอยากเข้าใจให้ถูก และจะได้เลิกกลัวหากรู้ว่าแท้จริงแล้ว ผี คืออะไร มีความสามารถแค่ไหน และเราควรทำอย่างไรหากเผชิญในขณะที่สติยังไม่เข้มแข็งพอ หนูปฏิบัติแนวอานานปานสติ ของท่านพุทธทาสท่านไม่เอ่ยถึงเรื่องแนวนี้เลย เราเลยไม่ได้คำตอบที่แท้ เลยจัดการกับใจไม่ถูกบอกความจริงให้จิตรู้ในสิ่งแท้จริงไม่ได้เลย ยังกลัวมาก

อยากรบกวนถามเป็นข้อนะคะเพื่อจะได้ตอบง่าย
1. ผี มีจริง หรือไม่
2. ถ้ามี ผีทำร้ายคนได้หรือไม่
3. ถ้าเราเผชิญหน้ากับผีเราจะต้องทำอย่างไร หากสติเรายังอ่อนอยู่
4. มีวิธีฝึกให้เลิกกลัวได้หรือไม่ หนูไม่อยากกลัว เพราะดูเหมือนเรื่องไร้สาระที่ไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติ แต่จิตมันฝังใจมากเมื่ออยู่ในที่มืดแล้วเป็นทุกครั้ง ฝึกสู้กับความรู้สึกนี้แล้วนอนคนเดียวตอนไปปฏิบัติธรรม ยังไม่มีคำตอบให้จิตเลยยังกลัวอยู่มากค่ะ
 
ด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ
ปวีณา ชาติแดง

คำตอบ
   คำว่า “ ผี ” หมายถึง สภาวะของจิตวิญญาณที่มองไม่เห็น แต่เชื่อกันว่าอาจปรากฏเป็นรูปนามหยาบให้ระบบประสาทสัมผัสได้ และให้คุณให้โทษกับมนุษย์ได้

   ในทางธรรม “ ผี ” หมายถึง สัมภเวสี ที่ยังไม่ไปเกิดเป็นสัตว์อยู่ในภพใดๆของวัฏฏะ เมื่อใดที่ผู้ถามปัญหาพัฒนาจิตให้มีกำลังของสติกล้าแข็ง และมีปัญญาเห็นถูกตามธรรมได้แล้ว จะไม่กลัวผีอีกต่อไป (หากมีโอกาสโปรดอ่าน ทางสายเอก ของผู้เขียน)

   (๑). ผี (สัมภเวสี) มีจริง

   (๒). ผู้ใดสติกล้าแข็งและรู้จริงเรื่องผี ย่อมไม่ถูกผีทำร้าย

   (๓). ผู้มีสติอ่อนแก้ปัญหากลัวผี ด้วยการเปิดไฟฟ้าให้มีแสงสว่างแล้ว ผีย่อมหายไป

   (๔). ต้องฝึกปฏิบัติธรรม ให้ได้ผลตามแบบที่ผู้ตอบปัญหาเขียนไว้ในหนังสือ ทางสายเอก
   

1543.
เรียน อาจารย์สนองที่เคารพ
ขอเรียนถามปัญหาดังนี้

ทุกวันนี้ได้พัฒนาจิต ด้วยการปฏิบัติวิปัสนา ตามที่ได้รับการอบรมสั่งสอน จากพระอาจารย์วีระนนท์ วีระนันโท เจ้าอาวาสวัดป่าเจริญราช คลอง 11 ปทุมธานี ด้วยการเดินและนั่งสลับกันตามเวลาและโอกาสจะอำนวย   แต่พยายามรักษาสมดุลของการนั่งและการเดิน ถ้านั่งจะนั่งขัดเพชรสูงสุดได้ 1 ชั่วโมง มองเห็นพองยุบชัดเจน   ถ้าเผลอก็จะสามารถเรียนสติกลับมาได้เร็วขึ้น เวลาเดินสติก็จะอยู่ที่เท้ามองเห็นการยก การย่าง การเหยียบ ถ้าเผลอก็จะเรียนสติกลับมาได้เช่นกัน แต่มีปัญหาว่าบางครั้งรู้สึกได้ว่าจิตเกิดดับ ๆ ๆ เร็วและมากมาย ตลอดเวลา   จึงอยากจะทราบว่ามีวิธีตรวจสอบได้อย่างไรว่าสิ่งที่เรารู้เกิดจากปัญญา หรือเกิดจาก
ความรู้ที่ได้ยินได้ฟังครูบาอาจารย์สอนมากันแน่
 
                                         ขอกราบขอบพระคุณในความเมตตา
                                                      วัฒนา   ถิ่นนคร

คำตอบ
  ผู้ใดปฏิบัติสมถภาวนา แล้วจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิจวนแน่วแน่ (อุปจารสมาธิ) แล้วนำจิตไปพัฒนา (วิปัสสนาภาวนา) จนเกิดปัญญาเห็นแจ้งได้แล้ว ย่อมรู้เห็นเข้าคำสอนของผู้อื่นได้ว่า ถูกหรือผิดไปจากธรรมวินัยในพุทธศาสนา .... สัจจธรรมพิสูจน์ได้ตามแนวนี้
   

1542.
กราบเรียนท่านอาจารย์สนอง วรอุไร
 
   ผมขอกราบเรียนขออภัยท่านอาจารย์ก่อนทีจะถามคำถามนี้ เพราะผมไม่เคยเห็นมีใครจะสนใจถามคำถามนี้ในที่อื่นใดเลย   ผมเกรงว่าผมจะเป็นเหมือนคนโง่หรือคนที่มาลองภูมิท่านอาจารย์ แต่หามิได้ผมไม่เคยคิดจะลบหลู่ท่านอาจารย์แต่ประการใดเลย   หากเป็นคำถามที่ไร้สาระท่านอาจารย์งดที่จะไม่ตอบก็ได้นะครับ   ผมได้ยินชื่อเสียงท่านอาจารย์มาก่อนแต่เพื่งจะไปฟังการบรรยายธรรมของท่านเมื่อเสาร์ที่ 18 กันยายน นี้ ที่โรงปูนซิเมนท์ไทย บางซื่อ

   ผมก็นึกอยากจะถามคำถามนี้กับอาจารย์ ณ ที่ประชุมนั้น แต่ผมไม่กล้า ผมจึงแอบเก็บมาถามในวันนี้   คำถามของผมมีอยู่ว่า   อันว่าดวงวิญญานที่อยู่ในกายมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลายนี้ เกิดมาแต่ไหน และเกิดมาได้อย่างไร ?  และผมเคยได้ยินหรืออ่านพบมาว่า มนุษย์ทุกคนในที่สุดก็จะได้เข้านิพพานหมดทุกคน อาจารย์พอจะเห็นด้วยไหมครับ ผมขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง มา ณ ที่นี้ด้วย ขอให้ท่านอาจารย์จงมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงและอายุยืนยาวที่ช่วยเหลือตนเองได้ตลอดไปนะครับ
 
ขอแสดงความเคารพอย่างสูง
     ทองใหญ่  

คำตอบ
   สิ่งที่ไม่ควรคิด (อจินไตย) ที่พระพุทธโคดมไม่ทรงตอบสี่อย่าง ได้แก่
     ๑. วิสัยของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย (พุทธวิสัย)
     ๒. วิสัยแห่งฌาน (ฌานวิสัย)
     ๓. วิบากของกรรม (กรรมวิบาก)
     ๔. ความคิดเรื่องโลก (โลกจินตา)

     ดังนั้นสิ่งที่ถามไป คือ ดวงวิญญาณของมนุษย์และสัตว์เกิดมาแต่ไหน เป็นอจินไตย ขออภัยไม่ตอบ
     ที่ถามไปว่า เกิดได้อย่างไร
     ตอบว่า : เกิดได้เพราะแรงผลักของกรรมที่ทำสั่งสมไว้ในดวงจิตเป็นต้นเหตุ อาทิ
       ความหลง เป็นเหตุผลักดันจิตวิญญาณให้ไปเกิดเป็น สัตว์เดรัจฉาน
       ความโลภ เป็นเหตุผลักดันจิตวิญญาณให้ไปเกิดเป็น สัตว์อสุรกาย
       ความโกรธ เป็นเหตุผลักดันจิตวิญญาณให้ไปเกิดเป็น สัตว์นรก

     ศีล ๕ เป็นเหตุผลักดันจิตวิญญาณให้ไปเกิดเป็น สัตว์มนุษย์

     ทานและศีล หรือ กุศลกรรมบท ๑๐ เป็นเหตุผลักดันจิตวิญญาณให้ไปเกิดเป็น สัตว์เทวดาในสวรรค์

     ฌาน เป็นเหตุผลักดันจิตวิญญาณให้ไปเกิดเป็น สัตว์พรหม อยู่ในพรหมโลก

   อ่านหนังสือแล้วพบว่า “ มนุษย์ทุกคน ในที่สุดจะได้เข้านิพพานทุกคน ” เป็นความเห็นของผู้เขียนหนังสือ แต่ผู้ทรงความสัพพัญญูรู้ว่า มนุษย์เปรียบได้กับบัว ๔ เหล่า บัวเหล่าที่ ๑-๓ เท่านั้นที่สามารถพัฒนาจิตจนเข้าถึงพระนิพพานได้ ผู้ตอบปัญหามิได้ปลงใจเชื่อตามหลักกาลามสูตร แต่ได้ไปพัฒนาจิตตามแนวสติปัฏฐาน ๔ จึงรู้ว่า มนุษย์ทุกคนไม่สามารถเข้านิพพานได้ เว้นไว้แต่บัวเหล่าที่ ๑-๓ เท่านั้น ที่พัฒนาจิตแล้วสามารถเข้าสู่พระนิพพานได้
   

1541.
กราบสวัสดีคุณพ่อสนองที่เคารพ
 
ด้วยความเคารพเลื่อมใสในตัวของคุณพ่อ ในคำสอนของคุณพ่อ   ลูกจึงขอเรียกแทนตัวเองว่าลูกนะครับ คุณพ่อครับ ตอนนี้ลูกอายุ 23 ปีมีหน้าที่การงานดี ชีวิตที่ผ่านมาของลูก เต็มไปด้วยบาป
ลูกไม่มีหิริโอตัปปะ เพราะลูกสงสัยในโลกหลังความตาย กล่าวคือลูกไม่แน่ใจว่ามีจริงหรือไม่
ลูกจึงนึกถึงแต่ความสุขที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น (แต่ก็ไม่ได้เป็นคนเลวเสียทีเดียว)
 
แต่ตอนนี้ จากคำสอนของคุณพ่อ ทำให้ลูกเชื่อว่าโลกหลังความตายมีจริง และ ลูกกำลังจะหาทางพิสูจน์ให้เห็นจริง ด้วยตัวของลูกเอง ผ่านคำสอนของคุณพ่อ และการบรรยายของคุณพ่อ
 
คุณพ่อครับ ลูกทำผิดศีลข้อ กาเมฯ กับหญิงคนหนึ่ง เธอมีสามี และ ลูกแล้ว เพราะสามีของเธอทำเหมือนไม่ได้รักเธอแล้ว คือเขาไปมีหญิงอื่น ลูกไม่เคยกลัวบาป เพราะคิดว่าได้ทำให้เธอมีความสุข จนกระทั่งตอนนี้เธอเสียชีวิตแล้ว ลูกจึงได้เข้าใจหัวใจของตนเองว่า แท้ที่จริงแล้ว ลูกรักเธอเพียงใด การสูญเสียครั้งนี้ ทำให้ลูกกลัวกับการที่จะต้องมีความรัก และ สูญเสียคนที่รักไปอีก ลูกไม่อยากเสียใจอีกแล้ว ลูกอยากช่วยเธอผู้ล่วงลับให้พ้นทุกข์ จะเป็นไปได้หรือไม่ครับ
 
ทุกวันนี้ จากที่ไม่เคยสวดมนต์ก่อนนอน ลูกทำทุกวัน จากที่ไม่เคยทำบุญ ลูกทำเมื่อมีโอกาสเสมอ
เพราะเป็นห่วงเธอ คุณแม่ของเธอก็แนะนำให้ลูกหาการบรรยายของคุณพ่อมาฟัง
จนลูกพบกับ www.kanlayanatam.com ที่แห่งนี้ไขข้อข้องใจให้ลูกได้มากมาย แต่ลูกอยากถามในกรณีส่วนตัวของลูกด้วยครับ
 
1. กรรมของเธอที่ลูกเป็นผู้ร่วมก่อ ลูกขอรับไว้เองทั้งหมดได้หรือไม่ ถ้าได้ต้องทำอย่างไรครับ
 
2. เรื่องปิดอบายภูมิ ถ้าหากลูกมีบุญพอที่จะทำได้ ลูกจะช่วยให้เธอ บิดา มารดาของลูก และคนอื่นๆ ปิดอบายภูมิได้หรือไม่ อย่างไรครับ ( ทั้งที่ได้ล่วงลับไปแล้ว และ ยังมีชีวิตอยู่)
 
ลูกพอมีคำตอบในใจบ้างแล้ว แต่อยากกราบขอคุณพ่อ ช่วยไขข้อข้องใจเพื่อให้ลูกสิ้นสงสัยด้วยครับ ยิ่งลูกศึกษาจากคำสอนผ่านการสนทนาธรรมของคุณพ่อเท่าไหร่ ลูกยิ่งเห็นว่าสิ่งที่ลูกพึงกระทำคือ ปล่อยวาง และเข้าใจว่าสัตว์โลกเป็นไปตามกรรม ลูกจึงมาคิดต่อว่า นี่คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ชีวิตของลูก ได้เข้ามาพยายามศึกษาธรรมะ ทั้งที่ ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ไม่มีเคยมีความคิดเหล่านี้เลย
 
สุดท้ายนี้ ขอคุณพ่อ และ ทีมงานกัลยาณธรรม จงมีแต่ความสุขความเจริญ มีสุขภาพแข็งแรง เพื่อจะได้ช่วยให้ผู้ที่หลงทางได้พบกับสิ่งที่ เป็นความสุข ความสงบอย่างแท้จริง
 
ด้วยความเคารพ

คำตอบ
    ผู้ใดปฏิบัติสมถภาวนา จนจิตเข้าถึงความทรงฌานได้แล้ว เมื่อถอนจิตออกจากความทรงฌาน ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ย่อมรู้ เห็น เข้าใจว่าชีวิตดำเนินเวียนตาย-เวียนเกิด มานับภพชาติไม่รู้จบ

ผู้ที่อยู่หลัง ประพฤติตนให้มีบุญ แล้วอุทิศบุญให้ผู้ล่วงลับ หากเขามาอนุโมทนาบุญได้ เขาย่อมได้รับบุญนั้น

   (๑). เป็นกรรมที่สองคนต้องรับผลของกรรมร่วมกัน

   (๒). ไม่มีใครช่วยใครได้ เขาต้องช่วยตัวเอง ดังที่พระพุทธโคดมได้ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง พระพุทธะไม่สามารถช่วยพระเทวฑัต (พี่ภรรยา) ไม่สามารถช่วยพระเจ้าสุปปพุทธะ (พ่อตา) ให้พ้นจากนรกได้ จึงปล่อยวางเป็นอุเบกขา 
   

1540.
กราบสวัสดีท่านอาจารย์สนอง วรอุไรนะครับ

วันนี้ผมมีคำถามจะมาถามท่านอาจารย์ครับ ผมยังค้างคาใจเรื่องเพศที่สามครับ จึงอยากถามคำถามดังนี้ครับ

1. ที่อาจารย์บอกว่า ไม่สามารถบรรลุโลกุตรธรรมได้ แต่การที่ต้องได้เกิดมาเป็นเพศที่สาม ก็เพราะทุศีลข้อที่สาม แล้วถ้ากรณีเช่นนี้ บุคคลที่เคยทุศีลข้ออื่นๆ ก็ต้องไม่สามารถบรรลุโลกุตรธรรมได้เช่นกันสิครับ

2. ที่อาจารย์บอกว่า สามารถบบรลุได้แต่โลกิยธรรม นั้น หมายถึง ยังสามารถเข้าฌานได้ ยังสามารถมีคุณวิเศษห้าอย่างได้ รวมไปถึงไปเกิดสูงสุดในพรหมได้ ใช่ไหมครับ

3. แล้วการที่คนเพศที่สาม อย่างเกย์ กระเทย จะไปปฏิบัติธรรมด้วยการบวชเป็นพระ จะสมควรไหมครับ หรือทำได้มากแค่บวชพราหมณ์ นุ่งขาวห่มขาว

4. เราไม่มีวิธีอื่นๆที่จะแก้ไข ข้อที่ไม่สามารถบรรลุโลกุตรธรรมได้จริงเหรอครับ หากบุคคลเพศที่สามไม่ปรารถนาจะมารับทุกข์อีก อย่างการเกิดมาเป็นมนุษย์อีกแล้ว กรณีศึกษาในสมัยพุทธกาลยังจะพอมีไหมครับ

5. แล้วกรณีที่เพศที่สาม ที่เข้ารับการบำบัดรักษาทางจิตวิทยาให้หายแล้ว สามารถกลับมาบรรลุโลกุตรธรรมได้ไหมครับ

รบกวนอาจารย์ด้วยนะครับ ตอนนี้รู้สึกทุกข์ใจมาก ไม่รู้จะทำเช่นไรดี

ขอบคุณล่วงหน้าครับ

คำตอบ
    (๑). ผู้ใดประพฤติทุศีล และชดใช้หนี้เวรกรรมจนหมดแล้วเมื่อใด ผู้นั้นจึงจะสามารถพัฒนาจิตจนเข้าถึงโลกุตตรธรรมได้

   (๒). บรรลุโลกิยธรรมเบื้องต้นได้ แต่ไม่สามารถพัฒนาจิตให้เข้าถึงความทรงฌานได้

   (๓). ถ้าถือเคร่งครัดตามวินัยที่พระพุทธโคดมบัญญัติไว้ กระเทยไม่สามารถบวชเป็นภิกษุได้

   (๔). สิริมาและอัมพปาลี หยุดประกอบอาชีพโสเภณีอย่างเด็ดขาด แล้วหันมาประพฤติทาน ศีล ภาวนา ยังสามารถพัฒนาจิตให้เข้าถึงความเป็นอริยบุคคลได้

   (๕). ผู้ที่บำบัดอาการวิปริตทางจิตจนหายเด็ดขาดแล้ว สามารถพัฒนาจิตให้เข้าถึงอริยธรรมได้
  

1539.
กราบเรียนท่านอาจารย์   ดร.สนอง วรอุไร

       ผมเพิ่งเริ่มสนใจปฏิบัติธรรม เช่น สวดมนต์ นั่งสมาธิ เดินจงกรม ฟังธรรมจาก ผู้รู้ธรรม จากพระสงฆ์   แต่ส่วนใหญ่ จะฟังจาก ซีดี   เพราะฟังขณะขับรถ ผมมีความเชื่อว่า บุญ บาปมีจริง เวร กรรมมีจริง ผมได้ตั้งปณิธานไว้กับตัวเองและเพื่อนร่วมงาน ว่า ผมจะนำ ศีล ห้า มาปฏิบัติในชีวิตประจำวันให้ครบ จากการฟังธรรม ทราบว่าถ้ารักษาศีล ห้า ไม่บกพร่อง ไปจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต มีโอกาสจะได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์

       อาจารย์ฯครับถึงแม้ความทุกข์จะมีมากเหลือเกินในโลกมนุษย์ แต่ผมก็อยากเกิดมาเป็นมนุษย์   และต้องการบวชเรียนตั้งแต่เป็นเณร ศึกษาพระธรรม ตามหลักพระพุทธศาสนา เพื่อถ่ายทอดให้กับเพื่อนมนุษย์     อาจารย์ฯครับชาติหน้าผมก็ไม่แน่ใจว่าจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์อีก ผมก็เลยต้องรีบทำบุญ ทำทาน ถือศีล ภาวนา เพราะผมเคยทำให้ แม่ และ พ่อ เสียใจ   เมื่อครั้งที่ผมเป็นวัยรุ่น แม่ผมร้องไห้เสียใจเพราะผมแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว เช่น โยนถ้วยจานข้าวทิ้งต่อหน้าแม่    โยนวิทยุทิ้งต่อหน้าแม่ ตั้งแต่ผมเรียนจบปริญญาตรีจนถึงปัจจุบัน ผมปฏิบัติตัวเป็นลูกที่ดีมีความกตัญญู มาตลอด   ผมมีความรู้สึกได้ว่า แม่และพ่อ มีความภูมิใจในตัวผมพอสมควร ที่ไม่เกเร มีหน้าที่การงานที่มั่นคง แต่พ่อผมเสียชีวิตแล้วตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย 49 

         ขออภัยนะครับอาจารย์ฯที่เล่ายาวไปหน่อย ผมมีคำถามดังนี้ครับ

         1. อายุประมาณชั้นประถมฯ ผมเคยเห็นวิญญาน และเห็นพร้อมกับน้องสาว เวลากลางคืน ลักษณะคือไม่มีท้าว เคลื่อนไหวลักษณะลอย ไม่ได้เดินเหมือนมนุษย์เรา รูปร่างการแต่งกายเห็นชัดเจน เวลานั้น ผมและน้อง ตะโกนเรียกพ่อว่ามีคนเข้ามาในห้อง ผมและน้องเล่าลักษณะการแต่งกาย คนที่เราเห็นให้พ่อฟัง พ่อก็นิ่งไปชั่วขณะ แล้วก็บอก ผมกับน้อง ว่าเป็นการแต่งกายของย่า (แม่ของพ่อ) แล้วพ่อก็มองขึ้นไปที่ขื่อบ้าน บนขื่อมีกระดูกของย่าที่พ่อไปนำมาจากวัดเก็บไว้ เพื่อรอวันจะทำบุญให้ย่า ลักษณะเช่นนี้ย่าผมน่าจะรับผลบุญได้แล้วใช่ไหมครับ

         2. หลังจากพ่อผมเสียชีวิตเดือน พ.ย .49  เดือน ธ.ค 49  ผมจุดธูปกลางแจ้งเวลากลางคืน บอกพ่อว่า คืนนี้ผมจะสวดมนต์   ให้พ่อมานั่งสวดมนต์ด้วยกัน ประมาณเที่ยงคืนผมมีความรู้สึกว่ามีคนมานั่งอยู่ข้างๆผม ทางขวา แต่ก็ไม่กล้าหันไปมอง   ช่วงนั้นผมขนหัวลุก ขนลุกไปทั้งตัว ผมกลัวก็เลยต้องสวดมนต์เสียงดังๆ สวดจนเกือบหมดเล่ม ประมาณตีสอง ผมเหนื่อย และง่วง   ผมล้มตัวนอนตรงที่สวดมนต์ แต่ไม่กล้าปิดไฟ ไม่ถึง ห้านาที

บ้านไหว เหมือนคนเดินด้วยปลายท้าว เดินสองรอบ ต่อจากนั้นผมได้ยินเสียงการปูเสื่อ สองครั้ง ในห้องนอนของพ่อ ซึ่งไม่มีใครนอน    ผมรู้เลยว่าพ่อมาจริง   ผมนอนไม่หลับ เลยต้องนอนนับ หนึ่ง สอง...ไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าหลับไปช่วงใด        บ้านผมเป็นบ้านไม้สองชั้น   ผมนั่งสวดมนต์อยู่ชั้นสองคนเดียว พ่อผมเคยสอนว่า เดินบนบ้านอย่าเดินลงส้นท้าว และการเดินของพ่อผมบนพื้นบ้านทุกครั้ง   เมื่อครั้งมีชีวิต บ้านก็จะไหว  

           เวลากลางคืน วันทำบุญครบ 100 วัน ผมตั้งกองผ้าป่าได้เงินถวายวัด แสนกว่าบาท และสร้างพระพุทธรูปปางประทานพร หน้าตัก  49 นิ้ว ถวายวัด มีคนเห็นพ่อผมยืนยิ้มอยู่บนบ้านหันหน้ามายังบริเวณงาน    ลักษณะเช่นนี้พ่อผมได้รับผลบุญแล้วหรือไม่ครับอาจารย์

       3. ช่วงวัยรุ่นผมเคยไป หาปลา จับกบจับเขียด การจับเขียดผมจะมีความชำนาญมากไม่ค่อยพลาด จับได้ผมก็จะหักขาใส้ข้องไว้   ทุกวันนี้ผมมีปัญหาที่ข้อท้าวและข้อเข่า วิ่งไม่ได้ การหาปลาครั้งหนึ่งผมกับพ่อช่วยกัน คือ พ่อผมทอดแห ในลำคลอง   ผมกับพ่อดำน้ำลงไปกดตีนแหไว้ ป้องกันไมให้ปลาออก และก็คลำๆหาปลา ถ้าจับปลาได้ก็หักคอ แล้วก็โยนขึ้นบนบก   จำได้ว่าประมาณ 100 ตัว ที่ผมหักคอ อาจารย์ครับ ทุกวันนี้ผมมีอาการปวดคอ ปวดหัว ปวดไหล่ ปวดเอว  ไปหาหมอรักษาก็ไม่หาย     เวลาปวดที่ไรนึกเห็นภาพที่ผมหักคอปลาทุกที กรรมตามทันใช่ไหมครับ ผมจะชดใช้กรรมไปอีกนานไหมครับอาจารย์   

          อาจารย์จะตอบหรือไม่ก็ไม่เป็นไร ผมก็จะฟังธรรมที่อาจารย์บรรยาย จากซีดี

                                                             กราบขอบพระคุณอาจารย์มากครับ

                                                                          ศักรินทร์ พันสมตน

คำตอบ
   (๑). ย่าจะรับผลบุญได้ ต้องมีผู้อุทิศบุญให้ และท่านต้องมาอนุโมทนาบุญ

   (๒). พ่อได้รับผลบุญได้ต่อเมื่อ มีญาติอุทิศบุญให้ท่าน

   (๓). ผู้ใดประพฤติเหตุที่เป็นอกุศลกรรมไว้ก่อน เมื่อกรรมให้ผลเป็นอกุศลวิบาก ผู้ทำเหตุไว้ก่อนเสวยอาการปวดต่างๆเหล่านั้น จนกว่าเจ้ากรรมนายเวรเลิกจองเวร ผู้ใดประสงค์ให้หนี้เวรกรรมหมดไป ต้องประพฤติบุญใหญ่ (ปฏิบัติธรรม) แล้วอุทิศบุญใหญ่ใช้หนี้ เมื่อเขาเลิกจองเวร อาการปวดดังกล่าวจึงจะหายไปได้
  

1538.
เรียนท่านอาจารย์ ดร สนอง วรอุไร
 
   กระผมได้ติดตามผลงานของท่าน ดร สนอง มาตั้งแต่ปี พศ 2549 ทั้งทางหนังสือ และทางเวปไซด์ชื่นชอบและมีความศรัทธามากครับ ก่อนอื่นผมขอแนะนำตัวเองก่อนครับ

ชื่อ นายไกรสีห์ อายุ 44 ปี
สถานะ หย่า
(ภรรยาผมติดเชื้อ เอช ไอ วี แต่ผมกับลูกไม่ติดครับ)
การศึกษา ปริญญาตรี ส่งเสริมการเกษตร ปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตร์
(เรียนไม่จบเพราะเรียนไปด้วย และต้องเลี้ยงดูบุตรและแม่ด้วยครับ)
อาชีพ ว่างงาน
(ก่อนหน้านี้เคยเป็นผู้จัดการทรัพยากรบุคคลของโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต)

   หลังจากที่ถูกเลิกจ้าง ในวันที่ 7 กรกฎาคม 2553 และได้กลายสถานะเป็นผู้ตกงานทันที ลำบากมากครับ มีภาระต้องเลี้ยงดูบุตรชาย อายุ 6 ขวบหนึ่งคนและแม่อายุ 70 ปี บ้านก็ต้องเช่าเพราะไม่มีทรัพย์สินอะไรครับ พยายามหางานใหม่ก็หายากมากครับเพราะอายุมากแล้ว มีหลายที่เรียกไปสัมภาษณ์แต่ก็เงียบไปหลังสัมภาษณ์ คิดจะลงทุนค้าขายแต่ก็ต้องคิดหนักและต้องคิดหลายรอบมากเพราะของขายยากมาก และถ้าลงทุนไปแล้วขายไม่ได้ เงินเก็บก็หมด ยิ่งทำให้ยากลำบากกว่าเดิม เห็นตัวอย่างห้องที่อยู่ติดกันเขาขายของกิน ชากาแฟ ขายยากมากครับได้วันละไม่เกิน 500 บาท ค่าเช่าตึกเดือนละ 8,000 บาทเลยทีเดียว

ผมมีคำถามอยากถามท่าน อาจารย์ ดร สนอง ดังนี้ครับ
1) ชาติก่อนกระผมคงไม่ได้ทำบุญสะสมมามากเท่าไหร่ใช่ไหม๊ครับ ชาตินี้จึงต้องลำบากมากขาดเงินทองที่จะเลี้ยงกาย แถมต้องทำให้คนที่เรารักพลอยลำบากไปอีกด้วยอีก รวมถึงการศึกษาด้วยครับพยายามแล้วแต่เจอแต่อุปสรรคมากครับ กระผมจะต้องทำอย่างไรบ้างครับจึงพอจะเพิ่มบุญและลดความทุกข์ลงไปได้บ้างครับ

2) ถ้าผมจะบวชได้ไหม๊ครับ (ผมเคยบวชมาแล้วตอนอายุ ยี่สิบสอง)โดยส่งลูกชายกลับไปอยู่กับแม่เขา ซึ่งแต่งงานใหม่ไปแล้ว (เขามีทรัพย์สมบัติรวมทั้งสวนยางพาราพอสมควรและผมแน่ใจได้ว่าลูกไม่อดแน่) และส่งแม่กลับไปอยู่กับน้องสาวโดยกระผมจะเอาเงินเก็บที่มีอยู่บ้างไม่มากให้เขาไว้ใช้ ส่วนตัวผมไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ แต่ก็อดเป็นห่วงลูกชายซึ่งต้องไปอยู่กับพ่อเลี้ยงไม่ได้

3) ข้อสุดท้ายครับท่านอาจารย์ พอจะแนะนำอะไรไห้ผมได้บ้างครับ เพื่อให้ทุกอย่างมีทางออกโดยแม่และลูกชายไม่ต้องพลัดพรากจากกันครับ

ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
   นายไกรสีห์

คำตอบ
    (๑). คนรวยทรัพย์ได้ ต้องให้ทรัพย์เป็นทาน คนมีศีล ๕ คุมใจย่อมมีโภคทรัพย์ คนมีดวงดีไม่ตกงาน ต้องประพฤติทาน ศีล ภาวนา อยู่เสมอ คนมีเงินเก็บต้องบริโภคใช้สอยมักน้อย บริโภคใช้สอยแต่สิ่งที่เป็นสาระกับชีวิต

   (๒). สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม บุคคลมีชีวิตเป็นของตัวเอง ผู้รู้ไม่มีสิทธิ์เข้าไปก้าวล่วง ฉะนั้นผู้ถามปัญหาต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง
  

1537.
กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร สนอง วรอุไร

   ขออนุญาตใช้เรียกแทนตัวเองว่าหนูนะคะ ในความเกรี้ยวกราดที่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว ทำไห้ลูกฝังใจ และปฎิกริยาที่ทำกลับมามันช่างรุนแรงในจิตใจ และอยากจะตาย เผื่อให้ลูกของหนูได้พ้นทุกข์ที่มีแม่แบบนี้ที่ผ่านมา

ณ ปัจจุบันหนูพยามแก้ไข แต่ไม่รู้ว่า ทำกรรมอะไรไว้กับลูกรุนแรงขนาดไหน ดูแล้วมันช่างอยากที่จะประสานรอยร้าวระหว่างแม่กับลูก ลูกหนูเป็นคนดีนะค่ะ ส่วนตัวหนูก็เป็นดีค่ะ แต่ไม่รู้ทำไมหนูกับลูกพูดคุยกันทีไร เหมือนรถแกส กับ รถน้ำมันมาประสานงากัน แล้วลุกเป็นไฟเผาผลาญ จิตใจทั้งหนูและลูก ลูกไม่เคยบอก แต่หนูก็รู้ว่าลูกก็คงมีความรู้สึกไม่แตกต่างกัน คือไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้ ทั้งหนูและลูกจิตใจกำลังย่ำแย่ แต่หนูยังมีวุฒิภาวะและสภาวจิตที่ยังรับมือกับสภาพที่หัวใจแตกสลาย แต่ลูกของหนูเค้าคงทุกข์ใจแสนสาหัสกว่าหนูหลายร้อยเท่า ที่เค้าทำให้หนูร้องให้ โดยการใช้คำที่รุนแรง ซึ่งเค้าเองไม่ได้ต้องการให้เป็นอย่างนี้ เพราะมนุษย์เราในโลกนื้ มีแต่แม่เท่านั้นที่จะเป็นมิตรแท้ และเป็นผู้ปกป้อง คุ้มครองให้ลูกปลอดภัย แต่หนูกับลูกกลับเป็นศัตรูกันโดยไม่ได้เจตนา และหนูก็เชือ่ว่าลูกคงรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน เมื่อหลายครั้งที่ผ่านมา หนูและลูกมีโอกาสปรับสภาวจิตได้พูดคุยกันหนูได้พูดอ้อมๆ ให้เค้าได้เข้ามาคุยกับท่านอาจารย์ เค้าก็เคยเข้ามาในเว็บของชมรม และเคยพูดว่าถ้าเค้าได้กลับเมืองไทยเค้าจะไปช่วยร่วมทำกิจกรรมของชมรม   และเค้าคิดจะเรียนทางด้านจิตวิทยา และถ้าเค้ามาศึกษาทางด้านพุธศาสนาควบคู่ไปด้วย หนูคิดว่า เค้าคงสามารถรักษาบาดแผลในจิตใจในชาติปัจจุบันได้เอง หรือหลุดพ้นจากกรรมเก่าที่หนูและลูกทำกันมาแต่ปางก่อน นั้นก็คือ การดับทุกข์ด้วยตัวเองใช่ไหมค่ะ แต่ในขณะนี้ลูกหนูไม่มีที่สิ่งนำทาง ไม่มีกำลังใจ ไม่มีใครที่เค้าจะเปิดอกคุยด้วย หรือแม้แต่หนูก็ไม่มีบุญบารมีที่จะเป็นกัลยาณมิตรให้เค้าได้ เพราะวันนี้หนูกับลูกได้ประสานงากันอย่างแรง หนูจึงส่งข้อความมา   ขอทานบารมีจากท่านอาจารย์ ให้ช่วยชี้แนะ และวิเคราะห์ชี้ทางสว่าง ให้สภาวจิตลูกของหนูฟื้นตัว กอ่นที่สีขาวขุ่นๆจะกลายเป็นดำสนิทเกินกว่าจะแก้ไข

   เค้าเคยอ่านหนังสือของท่านอาจารย์ เรื่องตายแล้วไปไหน และเล่มอื่นๆอีกหลายเล่ม และเค้าเคยบอกว่าเค้าหัดนั่งทำสมาธิด้วย แต่ก็ทำไม่เป็นไม่เข้าใจในขั้นตอน และตอนนี้หนูไม่รู้เค้ายังพยายามทำอยู่หรือเปล่า หนูไม่รู้ว่าจะจบข้อความนี้อย่างไร   ถ้าส่วนไหนหนูเขียนไม่เหมาะสม หนูกราบขออภัยด้วยนะค่ะและรอการชี้แนะจากการวิเคาะห์ของท่านอาจารย์ค่ะ
                       หนูขอให้ท่านอาจารย์มีสุขภาพแข็งแรงยิ่งๆขึ้นนะค่ะ                                                                              
                                                  ด้วยความเคารพอย่างสูง
                                                    จากหนู ณัฐพรรณ

คำตอบ
    คนดี คือ คนที่มีศีล มีธรรม คุ้มครองใจ คนดีมีพฤติกรรม คิด พูด ทำ ไม่ทำร้ายตนเองและผู้อื่น คนดีมีอารมณ์สงบเย็น คือให้อภัยในทุกสิ่งที่เป็นเหตุขัดใจ ฯลฯ เหล่านี้เรียกว่า คนดี ฉะนั้นถึงถามตนเองว่า เรามีลักษณะดังที่กล่าวไว้หรือไม่ หากมีพฤติกรรมตรงกันข้าม เมื่อรถแกสกับรถน้ำมันโคจรมาพบกัน ย่อมมีโอกาสประสานงากัน ดังนั้นหากผู้ถามปัญหา ปรารถนามิให้การโต้แย้งโต้เถียงระหว่างแม่กับลูกเกิดขึ้น ทุกครั้งที่มีเหตุขัดใจเกิดขึ้น ต้องอดทน และสงบกาย วาจา ใจ ด้วยการให้อภัยเป็นทาน แล้วคุณธรรมตัวที่เรียกว่า เมตตา จะเกิดขึ้น และถูกเก็บสั่งสมอยู่ในจิตวิญญาณของผู้ถามปัญหา เป็นเมตตาบารมี เมื่อใดควบคุมพฤติกรรมได้เช่นนี้ ก็เป็นที่หวังได้ว่า ชีวิตหน้าไม่ต้องลงไปเกิดในอบายภูมิ
   

1536.
เรียนท่านอาจารย์สนองที่เคารพ
  ดิฉันขอรบกวนเรียนถามเรื่องเกี่ยวกับการรับพระราหู ว่าเกี่ยวข้องกับดวงชะตาของเราหรือไม่ คือมีเพื่อนที่ทำงานได้ดูดวงลูกสาว   แล้วบอกว่าต้องทำพิธีรับพระราหูในเดือนเกิด ถ้าไม่ทำจะมีเรื่องร้ายๆ เข้ามาหาลูก( ลูกสาวนับถือคริสต์) ดิฉันก็วิตกกังวลมาก แต่ดิฉันได้เคยเข้าปฎิบัติธรรม ที่บ้านคุณแม่สิริ มาแล้ว 3 ครั้ง ดิฉันได้สวดมนต์และนั่งสมาธิก่อนนอนทุกคืน และได้แผ่เมตตาให้ลูกทุกครั้ง พอมีเรื่องพระราหู ดิฉันก็ตั้งจิตอธิฐาน ขอให้บุญกุศลที่ดิฉันได้เข้าปฎิบัติวิปัสสนากรรมฐาน จงปกป้องคุ้มครองลูกให้แคล้วคลาดจากสิ่งชั่วร้าย และอันตรายทั้งปวง ซึ่งดิฉันเชื่อว่าความรัก ความปราถนาดีของแม่   จะต้องปกป้องคุ้มครองลูกได้
                             
ดิฉันขอเรียนถามว่า   
1  พระราหูเกียวข้องกับพระพุทธศาสนาหรือไม่
                                                         
2   ดิฉันควรจะเชื่อในเรื่องพระราหูหรือไม่
                                                         
3  เราควรต้องเชื่อคำทำนายทางโหราศาสตร์หรือไม่(ดูดวงตามตำรา)
                                                        
4  ลูกสาวเป็นคนที่อัตตาสูง จนถึงดื้อรั้น(เรียนมหาวิทยาลัย ป.ตรี) เรียนเก่ง ทำอย่างไร
  จะทำให้ลูกมีอารมณ์ที่อ่อนโยน ลดอัตตาลง
                                                        
5  ดิฉันปรารถนาให้ทุกคนในครอบครัวดิฉัน(สามีและบุตร)ได้เข้าปฎิบัติธรรม เหมือนดิฉันเพื่อสร้างบุญกุศล  เป็นการเตรียมเสบียงเพื่อการ เดินทางไปภพหน้าที่เราไม่รู้ว่าจะไปที่ใด

    ขอขอบพระคุณอาจารย์มากที่สุด ตั้งแต่กลับจากไปปฎิบัติธรรมดิฉันจะชอบฟังธรรมะ บรรยายมาก โดยเฉพาะของอาจารย์ เปิดฟังทางอินเทอร์เนต สามีและลูกๆก็ฟังด้วย ทีวีเลิกดูแล้วคะ จิตใจเยือกเย็นมากเลยคะ สามีก็ชอบฟังธรรมะ บางครั้งดิฉันก็จะอ่านหนังสือธรรมะให้ฟังคิดว่าสามีคงได้บุญ กุศลมากเช่นกัน
   กราบขอบพระคุณอาจารย์ค่ะ
     วิไลวรรณ

คำตอบ
    (๑). หากคำว่า “ พระราหู ” หมายถึง เทวดาที่เป็นยักษ์ ยังมีความข้องเกี่ยวกับพุทธศาสนาได้ แต่ไม่มีอำนาจเหนือจิตของผู้มีธรรมวินัยในพุทธศาสนา พระพุทธโคดมจึงไม่แนะนำให้พุทธบริษัท เอาพระราหูมาเป็นที่พึ่งที่เคารพกราบไหว้บูชา

   (๒). จะเชื่อหรือไม่เชื่อเรื่องพระราหู เป็นสิทธิ์ของผู้ถามปัญหา แต่หากผู้ใดพัฒนาจิต (สมถภาวนา) จนเข้าถึงสมาธิระดับฌานได้แล้ว ถอนจิตออกฌาน แล้วอธิษฐานขอเห็นเทวดาที่มีชื่อสมมุติว่าพระราหู ความสมปรารถนาจึงมีโอกาสเกิดขึ้น

   (๓). พระพุทธโคดม มิได้สอนให้ภิกษุเอาจิตเข้าไปข้องเกี่ยวอยู่กับเดรัจฉานวิชา (โหราศาสตร์) ผู้ใดเชื่อพระพุทธะ แล้วปฏิบัติธรรมให้ถูกตรง ผู้นั้นมีโอกาสเข้าถึงอริยธรรมได้

   (๔). การศึกษาเพื่อให้ได้มาซึ่งความรู้ทางโลก (สุตมยปัญญาและจินตามยปัญญา) เป็นเหตุให้อัตตา หรือตัวตน หรือความเห็นแก่ตัวเกิดขึ้น ยิ่งมีความรู้ทางโลกสูงขึ้น ความเห็นแก่ตัวย่อมใหญ่ขึ้นเป็นเงาตามความรู้ที่เพิ่ม ผู้ใดประสงค์ลดความเห็นแก่ตัว ต้องประพฤติจริยธรรมที่ตนเกี่ยวข้อง อาทิ จริยธรรมการเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ จริยธรรมการเป็นศิษย์ที่ดีของครู จริยธรรมการเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ ฯลฯ เมื่อประพฤติได้แล้ว สิ่งดีงามในจริยธรรมย่อมกลบฝังอัตตา หรือความเห็นแก่ตัวไว้ในจิตใต้สำนึก มิให้แสดงออกเป็นพฤติกรรมที่ไม่พึงปรารถนาของผู้อยู่รอบข้าง

   (๕). เมื่อใดที่ผู้ถามปัญหาพัฒนาตนเอง จนกระทั่งการคิด การพูด และการกระทำ แสดงออกเป็นพฤติกรรมดีงามได้แล้ว สมาชิกในครอบครัวย่อมศรัทธา นำตัวเข้าใกล้พูดคุยไต่ถาม และขอคำชี้แนะได้ก่อนแล้ว เมื่อนั้นผู้ถามปัญหา จึงจะสามารถสอนหรือบอกกล่าวให้คนในครอบครัวประพฤติตามที่ตนปรารถนาได้
  

1535.
เรียนถามอาจารย์ดร.สนอง วรอุไร

ผู้ใดทำผิดศีล แม้เพียงข้อเดียว หรือ เผลอไป มีโอกาสเข้าสมาธิ ระดับ 3 ได้หรือไม่อย่างไรครับ

   ขอบคุณครับ

คำตอบ
     เคยประพฤติทุศีล แล้วระลึกได้ว่าเป็นการกระทำไม่ดี ควรไปสารภาพผิดต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แล้วหยุดประพฤติผิดศีลอีกต่อไป จากนั้นลงมือปฏิบัติสมถภาวนา โดยมีสัจจะและความเพียรสนับสนุน จิตจึงจะมีโอกาสพัฒนาให้เข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิแน่วแน่ (อัปปนาสมาธิ) ได้
    

1534.
กราบเรียน อาจารย์ สนอง วรอุไร
 
สวัสดีค่ะ หนูชื่อ ณัฏฐ์นราวรรณ เจริญสกุล ค่ะ
 
  ตอนนี้ฟ้าอายุ 20 ปี แต่ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อยากจะให้อาจารย์ช่วยบอกวิธีการเลิกรับขันธ์
  ช่วงวัยเด็กๆจนเติบโตมาเรื่อยๆ   ก็ชอบแนวๆนี้ ชอบอ่านหนังสือธรรมะ ทำบุญ
  แต่ด้วยความที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ มีคนแนะนำว่ารับขันธ์จากเทพพระอุมา แล้วจะประสบผลสำเร็จ
  พอ 19-20 ปี ฟ้าก้อมานั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรมภาวนา และอ่านหนังสือของอ.สนอง
 
โลกของฟ้าก้อค่อยๆเปลี่ยนไป  
 
   ฟ้าจะเอาขันธ์ที่รับมาบูชาไปไว้ที่ไหน ?  ต้องบอกกล่าวอะไร   ทำอะไร ก่อนหลังหรือไม่ค่ะ ?
    เพราะบางคนบอกว่าถ้าจู่ๆ เอาขันธ์ไปลอยน้ำ หรือฝากไว้กับเจ้าอาวาสทันทีที่ยังไม่ได้ทำบุญ
   เขา/วิญญาณจะโกรธเรามาก..จริงหรือค่ะ ????
 
ปล.เดือนหน้า(ตุลาคม ' 53) ไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่าสุนันฯ ยังไงอยากทำเรื่องนี้ให้เสร็จก่อนจะไปถือศีล ภาวนาค่ะ    

 คำตอบ
     เมื่อบอกรับขัน (ขันใส่ดอกไม้) ได้ ก็บอกเลิกได้ ด้วยการสวดมนต์บทสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย ต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แล้วบอกยกเลิกขันที่รับมาแล้ว กับเทวดาที่คุ้มรักษาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นนำขันไปวางไว้ที่โคนไม้ แล้วหันมาปฏิบัติธรรม ด้วยการเอาศีล เอาสัจจะ มาคุมใจ เร่งความเพียรปฏิบัติธรรม โอกาสที่จิตจะตั้งมั่นเป็นสมาธิและเกิดปัญญาเห็นแจ้ง ย่อมเกิดขึ้นได้
   

1533.
เรียน อาจารย์ที่เคารพ
 
หนูรบกวนเรียนถามดังนี้ค่ะ
 
หนูได้เข้ารับกรรมฐานจากวัดมหาธาตุ เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2551 และได้ไปปฎิบัติธรรมเป็นระยะๆ ในช่วงแรก 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ 2 ปีหลังก็เริ่มลดน้อยลง ปัญหาก็คือ หนูไม่เคยได้สัมผัสถึงสมาธิเลยสักครั้ง เพราะทุกครั้งที่ไปปฎิบัติ ไม่ว่าจะเดินจงกรมหรือนั่งสมาธิทุกวินาทีที่หลับตาและก้าวย่าง ความคิดต่างๆ ทั้งเรื่องครอบครัว เรื่องที่ทำงานมันพุ่งเข้ามาในความคิดหนูเหมือนลูกธนูที่ยิงมาจากกองทัพทหาร   แม้แต่สวดมนต์   สมองส่วนหนึ่งและปากก็สวดมนต์ แต่สมองอีกหลายๆ ส่วนก็คิดอีกหลายเรื่อง   อาจารย์ค่ะหนูอยากมีสมาธิ อยากมีสติ หนูควรปฎิบัติอย่างไรค่ะ รบกวนอาจารย์แนะนำหนูด้วยนะคะ
 
กราบขอบพระคุณค่ะ  

คำตอบ
    ผู้ที่ศึกษามาทางโลกเข้าใจว่า สมองมีหน้าที่คิด แต่ผู้ที่เข้าถึงธรรมในพุทธศาสนา รู้ว่าจิตหรือใจเป็นสิ่งที่มีหน้าที่รู้ คิด นึก ดังนั้นการพัฒนาจิตให้มีสติ เท่ากับเป็นการจำกัดการรู้ คิด นึก ของจิต ให้อยู่กับปัจจุบันขณะ เมื่อใดที่จิตจดจ่ออยู่กับอิริยาบถที่เป็นปัจจุบัน จิตย่อมตั้งมั่นเป็นสมาธิโดยอัตโนมัติ จิตจะจดจ่อ (สติ) อยู่กับปัจจุบันได้ ต้องมีศีลบริสุทธิ์ มีศีลอยู่ครบ คุมใจให้ได้ทุกขณะตื่น แล้วจิตจึงจะตั้งมั่นเป็นสมาธิ นี่คือสิ่งที่ผู้มีประสบการณ์ชี้แนะให้ทำ เมื่อใดผู้ถามปัญหาเอาศีลในลักษณะดังกล่าว คุมใจได้แล้ว สมาธิย่อมเกิดขึ้นแน่นอน
  

1532.
เรียน อาจารย์สนอง
กระผมได้ติดตามเทปบรรยายและหนังสือขออาจารย์มาหลายปีและได้พิมพ์แจกเป็นธรรมทานไปหลายครั้ง
ตอนนี้ผมมีปัญหาอยากจะรบกวนสอบถามอาจารย์ดังนี้
1) ถ้าผมจะบวชในระหว่างเข้าพรรษานี้จะได้หรือไม่ (เพราะเคยได้ยินได้ฟังมาเขาว่าไม่ดี)
เพราะว่าช่วงนี้ผมมีเวลาว่างพอดีนะครับ (กย.-ตค. 53)
2) จากข้อ 1 ถ้าบวชได้ผมอยากไปบวชกับวัดที่สอนกรรมฐานด้วยและอยู่บริเวณใกล้ๆบ้านเกิดที่ จ.เชียงราย
ขอรบกวนอาจารย์ช่วยแนะนำวัดดังกล่าวให้ด้วยครับ

ขอขอบคุณอาจารย์สนองมากครับ

คำตอบ
    (๑). พุทธศาสนามิได้สอนให้เชื่อฤกษ์ยาม และการทำความดีไม่ขึ้นกับวันเวลา ฉะนั้นหากผู้ถามปัญหามีโอกาสเปิดให้บวชเป็นภิกษุได้เมื่อใด จงบวชตามวันเวลาที่สะดวกเถิด พระพุทธโคดมมิได้กำหนดว่า บุคคลจะบวชเป็นภิกษุในระหว่างพรรษาไม่ได้

   (๒). วัดแพร่ธรรมาราม อยู่ไม่ห่างจากสถานีรถไฟเด่นชัยเท่าใดนัก ที่นั่นเหมาะที่จะบวชและปฏิบัติธรรม ในรูปแบบของวัดหนองป่าพง
  

1531.
กราบเรียน ท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไรค่ะ

   หนูได้มีโอกาสฟังเทปธรรมบรรยายของท่านอาจารย์จาก Website กัลยาณธรรมหลายๆเรื่องแล้วนำไปปฏิบัติในชีวิต   ทำให้หนูได้รู้จุดมุ่งหมายในชีวิตของตัวเองว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร จากคำพูดของท่านอาจารย์ที่ว่า  " ไม่เชื่อลองไปพิสูจน์ดูสิ" หนูได้ลองทำตามหลังจากตัวเองฟังเรื่องอธิษฐานบารมีจบ ได้อธิษฐานขอพบเจอและได้ไปกราบท่านอาจารย์ดร.สนอง วรอุไร ในใจก็คิดว่าคงยากน่าดู แต่ก็ได้พยายามปฏิบัติ ทาน ศีล ภาวนา ทำองค์ประกอบให้ครบตามที่ท่านอาจารย์บอก โดยมีศีล มีสัจจะกำกับ

   หลังจากนั้นแค่สองอาทิตย์เท่านั้นเอง ได้มีโอกาสไปฟังธรรมบรรยายจากท่านอาจารย์ตัวจริงเสียงจริง   อาจารย์มาเองเลย ไม่ต้องเดินทางไปที่ไหน ที่โรงเรียนอนุบาลชัยนาท ในใจปีติมากที่ได้มีโอกาสพบครูบาอาจารย์ ระหว่างที่ฟังก็ถามปัญหาในใจ เพราะรู้ว่าอาจารย์ต้องรู้ว่าเราถาม(นั่งแถวหน้าสุดเลยค่ะ) และก็ได้รับคำตอบจากอาจารย์จากธรรมบรรยายนั่นเอง หลังจากท่านอาจารย์บรรยายจบก็ได้มีโอกาสเข้าไปกราบอาจารย์ สาธุ ขอให้เจริญๆ นั่นเป็นคำกล่าวของอาจารย์ที่เป็นกำลังใจให้หนูพยายามเร่งปฏิบัติธรรมให้ตรงตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้     หนูมีคำถามเรียนถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ

1.  นั่งสมาธิ จิตตามดูลมหายใจพอง-ยุบ จนเกิดเวทนาที่ขา กำหนด ปวดหนอๆ ไปเรื่อยๆ ปวดมากทนไม่ไหวเหมือนเข่าจะแตก จนจิตตามดูอาการปวดรู้ว่ามันปวดที่ขา ไม่ได้ปวดที่จิต นั่งดูมันปวดเฉยๆ โดยที่จิตไม่ได้ไปเกาะกับอาการปวดนั้น ทำไมเหมือนมีตัวรู้อีกตัวดูจิตกับกายอยู่ แล้วเราคือตัวไหนคะ จนจิตรู้สึกเฉยๆอาการปวดก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง รู้สึกเบาสบาย โล่ง เหมือนไม่มีลมหายใจ จิตก็จะนิ่งๆเหมือนหายไป เกิดเพียงชั่วแวบเดียว จากนั้นก็จับพอง-ยุบได้ตามเดิมจนครบเวลา หนูปฏิบัติได้ถูกรึเปล่าคะ

2. มาตรวัดในการประพฤติปฏิบัติธรรมของคนที่ปฏิบัติอยู่ที่บ้านว่าปฏิบัติได้ถูกตรงตามคำสอนของพระพุทธะ มีอะไรบ้างคะ

3. หนูคิดว่าหนูต้องมีครูบาอาจารย์อยากให้อาจารย์ช่วยแนะนำสถานที่ปฏิบัติธรรมให้ด้วยค่ะหนูอยู่จังหวัดชัยนาท

  สุดท้ายนี้หนูขอกราบขอบพระคุณอาจารย์อีกครั้ง ที่ได้สละเวลาตอบคำถาม และจะพยายามปฏิบัติให้ได้ตามที่อาจารย์สั่งสอนค่ะ เพื่อพิสูจน์ความจริงที่อาจารย์ได้บอกไว้

คำตอบ
    (๑). เรา คือจิตที่มีตัวรู้นั่นเอง ปฏิบัติธรรมถูกทางแล้ว รักษาปฏิปทาเช่นนี้ให้คงอยู่ตลอดไป ด้วยการพัฒนาจิตให้มีกำลัง (พละ๕) อยู่เสมอ

   (๒). มาตรชี้วัดการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ต้องปฏิบัติให้ถูกตรงตามหลักตัดสินธรรมวินัย ๘ ประการ ตามที่พระพุทธโคดมได้ประทานให้กับพระมหาปชาบดีภิกษุณีในครั้งพุทธกาล ดังนี้
     ๑. ปฏิบัติธรรมที่ถูกทาง ต้องมีจิตคลายกำหนัด มิใช่เพื่อเสริมความยึดติด หรือเสริมความติดใคร่
     ๒. ปฏิบัติธรรมที่ถูกทาง จิตต้องไม่ทุกข์ จิตหมดเครื่องผูกรัด มิใช่เพื่อผูกรัดหรือประกอบด้วยทุกข์
     ๓. ปฏิบัติธรรมที่ถูกทาง กิเลสต้องลด มิใช่เพื่อเพิ่มพูนกิเลส
     ๔. ปฏิบัติธรรมที่ถูกทาง ต้องมีจิตมักน้อย มิใช่เพื่อความมักมากหรืออยากใหญ่
     ๕. ปฏิบัติธรรมที่ถูกทาง ต้องมีจิตเป็นสันโดษ มิใช่มีจิตไม่สันโดษ
     ๖. ปฏิบัติธรรมที่ถูกทาง ต้องมีจิตสงัด มิใช่เพื่อความคลุกคลีหมู่คณะ
     ๗. ปฏิบัติธรรมที่ถูกทาง ต้องทำให้ความเพียรเพิ่ม มิใช่มีความขี้เกียจเพิ่ม
     ๘. ปฏิบัติธรรมที่ถูกทาง ต้องเป็นผู้เลี้ยงดูง่าย มิใช่เป็นผู้เลี้ยงดูยาก
          (เหล่านี้เป็นธรรม เป็นวินัย เป็นคำสอนของพระพุทธะโคดม)

   (๓). แนะนำให้ไปปฏิบัติธรรมที่ วัดมเหยงคณ์ จังหวัดอยุธยา
  

1530.
กราบเรียนคุณพ่อสนองที่เคารพครับ
ลูกขอถามดังนี้ครับ

1. อยากจะถามว่าลูกจะได้บวชแบบไม่สึกไหมครับในชีวิตนี้   แต่เนื่องจากขอภริยาไปบวชแต่เขาก็ยังไม่ให้ไปครับ มันเหมือนมีโซ่ที่มองไม่เห็นมาคอยเหนี่ยวรั้งไว้ครับ แต่อย่างไรก็ตามลูกก็จะปฏิบัติธรรมให้ได้ทุกวันครับเพื่อเตรียมตัวตายครับ เพราะไม่รู้ว่าลูกจะตายเมื่อไหร่ครับ และเวลาลูกสวดมนต์นั่งสมาธิเสร็จลูกก็จะแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้กับคุณพ่อด้วยนะครับ

2. เวลาลูกอุทิศส่วนบุญให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ลูกจะอุทิศบุญให้กับเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองคนที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ไหมครับ คนเราทุกคนจะมีเทวดาประจำตัวคุ้มครองหรือไม่ครับ

ลูกขอกราบขอบพระคุณคุณพ่อที่ให้ลูกมีธรรมะติดตัวครับ
ลูกนัทครับ

คำตอบ

   สาธุ
   (๑). การปฏิบัติธรรมสามารถปฏิบัติได้ในทุกสถานที่ที่มีความเหมาะสม (สัปปายะ) ดังนั้นเมื่อผู้ถามปัญหายังมีภาระครอบครัว ควรทำหน้าที่ครอบครัวให้สมบูรณ์ คือปฏิบัติธรรมอยู่ที่บ้าน แล้วใช้เวลาที่ว่างจากภารกิจของครอบครัว มาทำงานให้กับตัวเอง โอกาสเข้าถึงธรรมย่อมเกิดขึ้นได้

   (๒). ได้ครับ ผู้มีศีลมีธรรมคุ้มครองใจอยู่ทุกขณะตื่น ย่อมมีเทวดาคุ้มรักษา
     

1529.
กราบเรียนอาจารย์ดร.สนองที่เคราพ

ผมมีเรื่องให้อาจารย์ช่วยเหลือดั่งนี้ครับ

ผมเป็น นักเรียน ชั้น ม. 4 ( ฆราวาส ผู้มีกิเลสตัณหา ในกามคุณ และ รูป เสียง สัมผัส จิตนาการ รสของมาร)

1. ผมมีปัญหากับการปฎิบัติธรรม   คือ ผมปฎิบัติธรรมไม่ขึ้นเลย อยากทราบว่า ผู้ที่ปฎิบัติธรรมขึ้นต้องมีคุณสมบัติใดบ้างและผมมีงานที่ยังทำไม่เสร็จ แต่ผมคิดว่าผมจัดการได้ไม่เกี่ยวกัน ผมอยากจะเข้าถึงธรรมให้ได้ครับ (สมาธิระดับ 3 หรือ ปัญญา ระดับสาม)   เคยเอาชีวิตเข้าแรก แต่แพ้ตลอดทำให้ผมเสียทั้งสัจจะ และ ความอดทน ครับ   ผมจะพยายามต่อไป อาจารย์ช่วยผมด้วยน่ะครับขอบคุณครับ

2. ต้องขอโทษถ้าจะถามว่า ผู้ทีสำเร็จความใคร่จะเข้าถึงธรรมได้ไหม และยังพอใจในรูป รส กลิ่น เสียง อยู่ เข้าถึงธรรมได้ไหม หรือ ว่าผมต้องมี สำรวมอินทร์ ถึงจะแก้ปัญหาความพอใจเหล่านี้ได้

3. ผมอยากได้สมาธิระดับสาม เพราะจะทำให้การเรียนดีขึ้น แน่นอน ผมจะพยายามต่อไปครับ

ป.ล. ถ้าได้รับคำตอบนี้แล้ว ผมหวังอย่างยิ่งว่า จะทำให้ ผมเข้าถึงธรรมได้...สาธุ

คำตอบ
    (๑). ใจที่มีศีลไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นใจที่พัฒนาให้เข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิได้ง่าย ดังนั้นผู้ถามปัญหาต้องพัฒนาใจให้เป็นดังที่กล่าวให้ได้ก่อน แล้วจึงนำตัวเองเข้าปฏิบัติธรรม แนะนำให้ผู้ถามปัญหาไปดู Life Museum ที่วัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรี แล้วโอกาสที่จิตจะสงบระงับ ย่อมเกิดขึ้นได้

   (๒).วิสาขาโสดาบันแต่งงานแล้วมีลูกได้ถึง ๒๐ คน แสดงว่าวิสาขายังข้องอยู่กับกามราคะ ดังนั้นสิ่งที่บอกเล่าไป ยังมีโอกาสเข้าถึงธรรมได้ หากนำตัวเองเข้าปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง

   (๓). ต้องเอาศีลตามที่กล่าวไว้ในข้อ (๑). มาคุมใจให้ได้ก่อน แล้วประพฤติเหตุให้ตรง ความสมปรารถนาย่อมเกิดขึ้นได้ ตรงกันข้าม สิ่งที่ปรารถนาย่อมเกิดขึ้นไม่ได้ด้วยความอยาก (ตัณหา)
  

1528.
กราบเรียนท่านอาจารย์สนองที่เคารพอย่างสูง

ทำอย่างไรที่จะส่งบุญให้ผู้วายชนม์ได้ดีที่สุด
ดิฉันมีข้อสงสัยว่า ทำไมน้องชายซึ่งปกติเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรงมากๆ ไม่เคยเจ็บป่วยอะไรมากมายเป็นคนดี จิตใจดี ไม่เคยทำร้ายใคร มีเพื่อนและคนรักมากมาย ถึงต้องจากไปเร็วแบบนี้

กล่าวคือเมื่อวันที่ 20 สิงหา 53 ที่ผ่านมาเข่าไม่สบาย   ก็ยังเดินไปเข้าโรงพยาบาลเองได้ และภายในวันรุ่งขึ้นก็ทราบผลว่าเป้นโรคร้ายแรง ( Acute Leukemia) ซึ่งหมอก็วางแผนการรักษา บอกว่ามีโอกาสหาย 80 %  พอวันที่ 23 สค.   ที่เริ่มทำคีโม  

รุ่งเช้าวันที่ 24 สค เขามีอาการปวดหัวรุนแรง หมอย้ายเข้าห้อง ICU พบว่ามีเลือดออกในสมองต้องผ่าตัด   ขณะที่เตรียมผ่าสมอง ภายในไม่กี่ชั่วโมง เลือดก็ออกมาปิดก้านสมอง ทำให้หลับและร่างกายไม่มีการสนองตอบใดๆ อยู่ได้ด้วยเครื่องหายใจ จนถึงวันที่ 28 สค ก็จากไป

ก่อนหน้านี้ประมาณเดือนนึง ซึ่งเป็นวันเกิด ก็ได้ทำบุญถวายสังฆทาน และพระพุทธรูป แล้วยังคุยกันว่า อยากให้ไปปฏิบัติธรรม กำลังหาวันว่างในเดือนกันยายน ซึ่งน้องชายก็รับปากจะไป

ตอนนี้ดิฉันควรจะทำบุญอะไร หรือทำอย่างไร ที่จะได้ส่งบุญกุศลไปให้เขาได้บุญและได้ไปสู่ภพภูมิที่ดี

ขอท่านอาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยคะ

กราบขอบพระคุณอาจารย์มา ณ ที่นี้ด้วยคะ

นส. ศิริเพ็ญ เลาหสุขไพศาล

คำตอบ
   ผู้ใดเคยประพฤติทุศีลข้อปาณาติบาตมาก่อน เมื่อกรรมให้ผล การเจ็บป่วยและมีอายุสั้นย่อมเป็นผลแห่งกรรมนั้น หากผู้ถามปัญหาประสงค์อุทิศบุญให้ผู้ล่วงลับ ย่อมทำได้ด้วยการประพฤติบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ เมื่อประพฤติแล้วบุญย่อมเกิดขึ้น แล้วสามารถอุทิศบุญให้ผู้ตายได้ ส่วนผู้ตายจะได้รับบุญนั้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับภพที่จิตวิญญาณของเขาโคจรไปสู่ อาทิ ภพที่เป็นปรทัตตูปชีวีเปรต รวมถึงภพที่เป็นอมนุษย์อื่นที่สามารถรับสื่อการอุทิศบุญ ต้องการบุญจากการอุทิศ และมาอนุโมทนาบุญ อมนุษย์เหล่านั้นย่อมสามารถรับบุญได้ และยิ่งไปกว่านี้บุญยังสามารถอุทิศให้กับมนุษย์ที่ยังไม่ตายได้ ด้วยมีผู้อุทิศ มีบุญที่อุทิศ มีผู้มาอนุโมทนาบุญ เมื่อปัจจัยทั้งสามนี้ถึงพร้อม ความสำเร็จในการอุทิศบุญ ย่อมเกิดขึ้น
  

1527.
เรียนอ.สนองที่เคารพ

ข้าพเจ้ามีเรื่องรบกวนอ.ช่วย แนะนำค่ะ
ข้าพเจ้าจะนำอัฐ กระดูกของบิดา ไปทำอย่างไรดีค่ะ

ที่ข้าพเจ้าคิดไว้คือจะนำไปลอยอังคารส่วนหนึ่ง และ จะนำไปโปรยในพื้นดินส่วนหนึ่ง
ท่านอาจารย์ว่าเหมาะสมหรือไม่ค่ะ

มีญาติบอกว่าให้นำไปไว้ที่วัดเพื่อที่จะได้ ไปทำบุญให้ตามเทศกาลด้วย แต่ข้าพเจ้าอยากให้อัฐ ได้กลับคืนสู่ธรรมชาติดังเดิมน่ะค่ะ

รบกวนอ.ช่วยแนะนำด้วยนะค่ะ

คำตอบ
   ดิน น้ำ ไฟ ลม ที่มาประชุมเป็นรูป (ร่างกาย) ให้จิตเข้าอยู่อาศัย ใช้ทำกิจกรรมของชีวิตชั่วคราว เมื่อถือวาระที่จำเป็นต้องทิ้งร่าง ผู้รู้ไม่เอาจิตเข้าไปผูกติดเป็นทาสอยู่กับ ดิน น้ำ ไฟ ลม ที่เป็นสมบัติโลก ดังนั้นสิ่งที่ผู้ถามปัญหาบอกเล่าไป แสดงว่าผู้ถามปัญหาเป็นผู้รู้จึงคิดเช่นนั้น หากเมื่อใดประพฤติได้ตรงความคิดแล้ว ... สาธุ
  

1526.
กราบเรียนท่าน อาจารย์ดร.สนอง วรอุไร

ตอนนี้ครอบครัวหนูกำลังมีความทุกข์มาก เนื่องจากสุนัขพันธ์ไทยที่ข้าพเจ้าเลี้ยงมา อายุประมาณ 5 ปี เมื่องปลายปีที่แล้ว สุนัขของข้าพเจ้าโดนทำร้ายโดยไม่ทราบสาเหตุ และตั้งแต่นั้นก็เดินไม่ได้ พิการขาสองข้างด้านหลังใช้งานไม่ได้ ควบคุมอุจาระและปัสวะไม่ได้ ทุกครั้งที่กินหรือดื่มเข้าไปก็ปล่อยออกมาด้านหลัง ต้องล้างทำความสะอาดวันละ 4-5 รอบ และ ต้องใส่ผ้าออ้มผู้ใหญ่ไว้เป็นประจำ เป็นที่ปวดร้าวหัวใจแก่คนในครอบครัวมาก นั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่หนูจะ ถานท่าน ปัญหามันอยู่ที่ ตอนนี้ ขาของสุนัขของข้าพเจ้า เน่าและ หัก เกิดจากการที่เขากัดแทะเท้าเขาเอง และ เกิดการอักเสบบวม เขากัดนี้ตัวเองขาดและ แทะกระดูกขาหลังของตัวเอง มีเพื่อนหลายคนที่เขาแนะนำให้ข้าพเจ้าพาไปฉีดยาให้เขาหลับไปเสียเพราะเขาคงทรมานมาก

เนื่องจากเป็นปีแล้วแต่ข้าพเจ้ายังทำใจไม่ได้และกลัวบาปมาก ไม่รู้ว่าถ้าปล่อยให้เขาเป็นอย่างนี้กับ ให้หมอฉีดยาให้เขาไป อย่างไหนบาบปมากกว่ากันค่ะ ขอความกรุณาจากท่านอาจารย์ด้วยค่ะ เพราะหนูทรมานมากเลยเวลาเห็นเขา พาไปหาหมอหลายครั้งแล้วค่ะ แตไม่หาย

หนูจะให้เขาไป หรือต้องทนดูเขาเป็นอย่างนี้ต่อไปดีค่ะ ? 

กราบขอบคุณอาจารย์ มาก ค่ะ

พิมพ์พิชญ์ชา

คำตอบ
   สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม สุนัขเป็นสัตว์โลกที่อยู่ในภพดิรัจฉาน สุนัขมีกรรมเป็นของตัวเอง หากผู้เป็นเจ้าของนำพาสุนัขไปให้สัตว์แพทย์ฉีดยาให้สุนัขตาย เท่ากับว่าผู้เป็นเจ้าของเข้าไปร่วมกระทำอกุศลกรรมกับสุนัข ถือว่าเป็นบาป ตรงกันข้าม ผู้รู้เอาสุนัขเป็นครูสอนใจตัวเองว่า ผู้ใดประพฤติชั่วไว้ก่อนแล้ว เมื่อใดที่กรรมชั่วให้ผล ผู้ทำกรรมชั่ว (สุนัข) ย่อมต้องเสวยผลแห่งอกุศลวิบากนั้น ผู้รู้จะไม่ประพฤติเช่นเขา อย่างนี้ถือว่าเป็นบุญ ผู้ไม่รู้หรือผู้มีจิตอ่อน (สติอ่อน) ย่อมเอาบาปของสุนัขมาเป็นบาปของตัว .... ไม่ฉลาดเลย
   

1525.
เจริญพร อ.ดร.สนอง วรอุไร

   ก่อนอื่นอาตมาก็ขออโหสิกรรมต่ออาจารย์ กรรมใดที่ได้ล่วงเกินอ.ดร.สนอง วรอุำไรด้วยกาย วาจา ใจ ด้วยเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ต่อหน้าก็ดีลับหลังก็ดี ก็ขอให้อาจารย์อโหสิกรรมด้วยนะครับ อาตมามีปัญหาอยากจะถามอาจารย์เรื่องวินัยของพระ มีดังนี้

1. ถ้าพระติดอาบัติหนักแล้วปกปิดไว้นานจะทำยังไงดี เคยศึกษาว่าต้องไปอยู่ปริวาสกรรม แต่ปกปิดไว้นานไม่รู้ว่าจะไปเข้าปริวาสที่ไหนแต่ก็เคยไปอยู่แต่ก็ทำอาบัติซ้อนอีกจะทำยังไงดี

2. ถ้าพระที่สวดออกกรรมติดอาบัติแล้วเราไปเข้าอยู่กรรมจะออกได้ไหม

3. การที่เราเก็บเงินที่ตกอยู่ในวัดมาเป็นของตัวเองจะปาราชิกไหม

4. การที่พระโหลดหนัง หรือโปรแกรมลิขสิทธิมาใช้จะเป็นอาบัติปราชิกไหม

5. เมื่อเจ้าอาวาสมรณะภาพ อาตมาได้รับฝากหนังสือ แต่อาตมาได้เอาหนังสือที่รับฝากนั้นไปแจกให้โยม เพราะเห็นว่าหนังสือนั้นไม่มีใครเอาจะเป็นอาบัติปาราชิกไหม

6. การที่พระติดอาบัติหนักแล้วรับบิณฑบาตแล้วเอาของบิณฑบาตนั้นไปแจกให้โยมแม่คนที่ได้รับของนั้นจะเป็นบาปไหม

7. อาตมาเป็นคนสติไม่ค่อยดี เคยเข้าโรงบาลประสาทมาก่อนแล้ว ตอนไปอยู่ปริวาสเคยกล่าวคำสึก(คำลาสิกขา ) ถือว่าคำลาสิกขาเป็นผลไหม

8. คนวิกลจริตบวชเป็นพระได้ไหม

9. การที่ติดหนี้แล้วไปบวชจะถือว่าการบวชนั้นเป็นผลหรือไม่
   (ไม่ได้หนีหนี้ เพราะมีคนค่อยใช้ให้อยู่หนี้เป็นหนี้จากการกู้เงินเรียนหนังสือ )

10. ถ้าอยากจะเจอครูอาจารย์ที่จะสอนกรรมฐานให้ตรงจริตเราควรทำยังไงดี

11. อาจารย์เคยบอกว่าถ้าคนไม่มีศีลธรรม หรือศีลขาด ปฎิบัติธรรมได้แต่เข้าไม่ถึงธรรม แล้วคนคนนั้นควรจะปฎิบัติธรรมต่อหรือไม่

12. พระติดอาบัติหนักสามารถร่วมลงอุโบสถ (ฟังปาติโมกข์)ได้ไหม

สุดท้ายนี้คำถามบางคำถามอาจจะดูไรสาระ แต่คำตอบที่อาจารย์ตอบอาตมา เปรียบเสมือนการชี้ทางสว่างจะได้เป็นทางออกในการปฎิบัติสืบต่อไป

คำตอบ
   
อโหสิครับ
   (๑). อาบัติหนัก (ปาราชิก) ที่ทำให้ขาดจากความเป็นภิกษุมีสี่อย่างคือ เสพเมถุน ลักของเขา ฆ่ามนุษย์ และอวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่มีในตน ดังนั้นการประพฤติผิดวินัยทั้งสี่อย่างนี้ ไม่สามารถทำให้หมดไปได้ด้วยการเข้าปริวาสกรรม ดังนั้นผู้ที่เห็นทุกข์โทษในนรกแล้ว ควรเว้นไม่ประพฤติล่วงวินัย ด้วยการลาออกจากความเป็นภิกษุจะดีกว่า

   (๒). ออกจากกรรมชั่วไม่ได้

   (๓). เป็นปาราชิกได้ ถ้าเงินที่เก็บไว้มีค่าเกิดหนึ่งบาท (เกิดห้าบาสก)

   (๔). การโหลดหนังหรือนำโปรแกรมที่ละเมิดลิขสิทธิ์มาใช้ ถือว่าเป็นการลักขโมยของเขา จัดเป็นปาราชิกได้

   (๕). ไม่เป็นปาราชิก เพราะเจ้าของตายไปแล้ว แต่ถือว่าเป็นวิสาสะ

   (๖). เป็นบาป

   (๗). เคยกล่าวคำลาสิกขา แล้วไม่เปลี่ยนมาอยู่ในเพศฆราวาส การกล่าวเช่นนั้นให้ผลเป็นบาป

(๘). ไม่วิกลจริตมาบวชเป็นภิกษุได้ แต่หากวิกลจริตแล้วมาบวชเป็นภิกษุ ถือว่าการบวชนั้นเป็นโมฆะ

   (๙). ในกรณีที่บอกเล่าไป ยังสามารถบวชเป็นภิกษุได้ เพราะมีผู้อื่นใช้หนี้แทนให้

   (๑๐). ต้องอธิษฐาน เมื่อใดเหตุปัจจัยลงตัว ความสมปรารถนาย่อมมีโอกาสเกิดขึ้นได้

   (๑๑). จะปฏิบัติธรรมต่อไปหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความเห็นของเขา แต่ผู้รู้แนะนำให้ปฏิบัติธรรมต่อไป ด้วยการพัฒนาใจให้มีศีลอยู่ครบให้ได้ก่อน

                  (๑๒). อาบัติหนักที่ไม่เป็นปาราชิก สามารถร่วมลงอุโบสถได้ แต่บุญที่เกิดจากการฟังสวดปาฏิโมกข์ ย่อมไม่เกิดผลกับจิตที่ยังเสวยอกุศลวิบาก
   
1524.
กราบเรียน อาจารย์ ดร.สนอง ที่เคารพ

   ขณะนี้ดิฉันมีเรื่องทุกข์ใจเกี่ยวกับคุณแม่ เนื่องจากเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนนี้คุณแม่ถูกทำร้ายจนเสียชีวิต หลังจากนั้นครอบครัวเราได้ทำฌาปนกิจเรียบร้อยแล้ว แต่แล้วในคืนนั้นเอง ตอนประมาณตี 2 กว่า บ้านตรงข้ามทั้งสามีและ ภรรยา ได้ยินเสียงคนร้องไห้ จึงเปิดหน้าต่างดู เห็นว่าเป็นคุณแม่มายืนร้องไห้อยู่หน้าบ้านเกือบ 1 ชั่วโมง ท่านไม่สามารถเข้าบ้านได้ คำถาม

   1. ทำไมท่านถึงเข้าบ้านไม่ได้คะ ทั้งๆที่เราจุดธูปขอเจ้าที่เจ้าทางให้แล้ว เป็นไปได้ไหมคะว่าเนื่องจากท่านเสียชีวิตนอกบ้าน มีคนบอกว่าต้องนิมนต์พระท่านมาทำพิธีให้

   2. มีคนที่นั่งทางในบอกว่า คุณแม่ไปบ่นว่าทำไมไม่ใส่ชุดสีที่ท่านชอบให้ท่าน ทำไมวันที่เก็บอัฐิไม่ยอมทำบุญถวายสังฆทานด้วย แล้วก็ไม่ยอมจุดธูปเรียกท่านเข้าบ้าน เราจำเป็นต้องทำพิธีกรรมเหล่านี้ด้วยหรอคะ แล้วคนที่นั่งทางในยังบอกว่าให้สร้างพระด้วยอีก 100 วันท่านถึงจะไปพร้อมพระ อันนี้เชื่อถือได้ขนาดไหนคะ

   3.  ตอนที่คุณแม่มีชีวิตอยู่ท่านทำแต่ความดี   ไปเรียนอภิธรรมทุกวันอาทิตย์ วันที่ท่านโดนทำร้ายท่านก็กำลังเดินทางไปเรียนอภิธรรมด้วยค่ะ แล้วท่านก็ชอบไปทำบุญทุกๆที่ ทำไมต้องต้องเสียชีวิตอย่างนี้ด้วยคะ  

   4. แล้วตอนนี้ท่านอยู่ในภพไหนคะ จะช่วยให้ท่านพ้นทุกข์ได้อย่างไรบ้างคะ   การถวายสังฆทานบ่อยๆ ช่วยท่านได้ไหมคะ

   ตอนนี้ดิฉันก็พยายามจะช่วยท่านทุกทางที่ทำได้ ไปถวายสังฆทาน ไปบริจาคทาน นั่งสมาธิ ได้แต่สงสารคุณแม่มากๆค่ะ

   รบกวนอาจารย์ช่วยดิฉันด้วยค่ะ ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ
    คนทุกข์

คำตอบ
     (๑). เหตุที่คนตายเข้าบ้านไม่ได้ เพราะอมนุษย์ (เจ้าที่) ไม่รู้จักรูปนามที่เป็นทิพย์ จึงไม่อนุญาตให้เข้าบริเวณบ้าน หากผู้ถามปัญหาประสงค์ให้แม่ที่ตายไปเข้าบ้านได้ ต้องไปบอกให้ผู้ที่สามารถสื่อสารกับเจ้าที่ได้ มาทำพิธีขออนุญาตนำรูปนามของแม่ที่ตายเข้าบ้าน

   (๒). ใครพูดอย่างไรก็เป็นเรื่องของผู้พูด พระพุทธะสอนพุทธบริษัทมิให้ปลงใจเชื่อตามหลักกาลามสูตร แต่ให้พิสูจน์ด้วยการพัฒนาจิตตนเองให้เข้าถึงความรู้สูงสุด แล้วความจริงย่อมปรากฏ

   หากผู้เป็นลูกประสงค์แสดงความกตัญญูกตเวทีต่อแม่ผู้ล่วงลับ ต้องประพฤติจริยธรรมของการเป็นลูกที่ดี คือทำบุญอุทิศให้เมื่อท่านล่วงลับ

   (๓). สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม กรรมคือการกระทำ บุคคลสามารถทำได้ทั้งกรรมดีและกรรมไม่ดี เมื่อถึงวาระที่กรรมไม่ดี (อุปฆาตกรรม) ให้ผล ย่อมเข้ามาตัดรอนกรรมดีที่ทำอยู่ในปัจจุบันให้ขาดไปหรือหยุดไป

   (๔). จิตวิญญาณที่ทิ้งร่างแล้ว มีแรงกรรมเป็นพลังผลักดันให้โคจรไปสู่ภพใหม่ บุคคลที่เคยมีความสัมพันธ์ยังสัมผัสได้แสดงให้เห็นว่า จิตวิญญาณโคจรไปไม่ไกลจากภพมนุษย์ ดังนั้นหากผู้อยู่หลังประสงค์อุทิศบุญให้ผู้ล่วงลับย่อมทำได้ เช่นบุญที่เกิดจากการถวายสังฆทาน หรือบุญที่เกิดจากการปฏิบัติธรรม

   พระพุทธะตรัสว่า ผู้ใดยังนำพาชีวิตเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสาร ผู้นั้นยังต้องประสบกับความทุกข์ไม่สิ้นสุด ด้วยเหตุนี้ผู้ถามปัญหาพึงพัฒนาตัวเอง ให้พ้นไปจากทุกข์ให้ได้ก่อน จึงจะสามารถช่วยเหลือผู้อื่น (ชี้ทาง) ให้เขาพัฒนาตนเองไปสู่ความพ้นทุกข์ได้
  

1523.
กราบเรียนอาจารย์ ดร.สนองที่เคารพอย่างสูง
 
หนูมีปัญหาสงสัยและค่อนข้างไม่สบายใจเรื่องหนึ่ง จึงขอเรียนปรึกษาท่านอาจารย์สนองที่เคารพ หนูยังด้อยประสบการณ์ อาจจะทำในสิ่งที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ไปหรือไม่ หนูไม่อาจทราบได้แต่ไม่ค่อยมั่นใจหลังจากที่ทำไปแล้ว ขอกราบปรึกษาท่านอาจารย์สนองเพื่อโปรดชี้แนะ ถึงแนวทางที่ถูกต้องที่หนูควรปฏิบัติในการนี้ด้วยค่ะ
 
ปกติหนูจะไปทำบุญที่วัดกับแม่เป็นประจำเกือบทุกวันพระ ที่วัดใกล้บ้าน หากวันใดที่มีกิจธุระไม่สะดวกก็อาจจะไม่ได้ไป เมื่อวันพระที่ผ่านมาในครั้งที่แล้ว หนูได้สังเกตเห็นในโบสถ์วิหารของหลวงพ่อพุทธโสธร (จำลอง) ของวัดนี้ มีพระพุทธรูปพระแก้วมรกตปางสมาธิอยู่สององค์ แต่มีองค์หนึ่งท่านเศียรหักค่ะ เหลือแต่องค์ฐานท่านตั้งอยู่อย่างนั้น และเศียรของท่านก็ตั้งไว้ใกล้ๆกันบนถาดของวัด แต่อีกองค์หนึ่งยังปรกติดีอยู่

ด้วยความสงสัยหนูจึงถามแม่ว่าทำไมท่านจึงมาอยู่ที่ตรงนี้ แต่แม่ของหนูก็ไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนกับหนูค่ะ เพียงแต่บอกว่าคงมีญาติโยมทำองค์ท่านชำรุดแล้วนำมาตั้งถวายวัดไว้ก็อาจเป็นได้ แต่ในใจหนูคิดว่า การนำองค์พระพุทธรูปมาถวายวัด ควรจะเป็นองค์ที่สมบูรณ์ปรกติ ไม่ควรเป็นลักษณะแตกหักอย่างนี้ แต่ในใจก็คิดว่าหากลูกศิษย์วัดมาเห็นก็คงจะประดิษฐานท่านไว้ในที่ที่เหมาะสมต่อไป   แต่ต่อมาในวันนี้ ซึ่งผ่านมาอีกหนึ่งสัปดาห์แล้ว เมื่อมาที่วัดก็เจอพระพุทธรูปองค์ดังกล่าวที่ชำรุดยังตั้งอยู่ที่เดิม หนูจึงแน่ใจว่าคงจะไม่มีคนสนใจ หนูจึงไปสอบถามลูกศิษย์วัดคนหนึ่ง ตรงจุดที่ขายดอกไม้ในวัดว่า ที่วัดนี้มีคนดูแลวิหารหลวงพ่อหรือไม่ และเล่าเหตุการณ์พระพุทธรูปที่ชำรุด ให้ลูกศิษย์วัดท่านนี้ฟังและสอบถามว่ามีที่ที่เหมาะสมใหม่หรือไม่ แต่กลับได้คำตอบว่าไม่รู้ และลูกศิษย์วัดท่านนี้ยังกล่าวอีกว่า ชอบมีคนเอาพระพุทธรูปชำรุดมาตั้งทิ้งไว้หลายครั้งแล้ว ย้ายไปหลายทีแล้วก็มีมาตั้งใหม่   เขาบอกว่าพบพระพุทธรูปนี้ตั้งอยู่ที่ใด ก็ให้นำกลับไปตั้งตรงที่เดิมนั้นนั่นแหละ ทำให้หนูเสียความรู้สึกมากค่ะ หนูรู้สึกว่าเพราะไม่ใช่เรื่องของตัวเอง จึงไม่มีคนสนใจเลยหรือไร ทั้งที่วัดคือสถานที่ที่ทุกคนมากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ควรช่วยกันดูแลเป็นหูเป็นตา   หนูจึงเดินไปถามหลวงพ่อรูปหนึ่ง ที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากจุดนั้น ท่านบอกว่าด้านหลังเมรุมีที่ตั้งที่จัดไว้อยู่ ให้ลองเดินไปดูเอง หนูจึงตัดสินใจอัญเชิญท่านเดินไปตามที่หลวงพ่อรูปนั้นบอก จึงพบว่ามีโต๊ะตัวหนึ่งตั้งอยู่ และมีพระพุทธรูปที่ชำรุดวางอยู่ก่อนแล้วจำนวนหนึ่ง รวมถึงตุ๊กตาศาลพระภูมิที่แตกหักชำรุดบางส่วนวางอยู่บนโต๊ะนั้นรวมอยู่ด้วย

หนูจึงกราบอัญเชิญท่านประดิษฐานไว้ ณ ที่แห่งนั้น ซึ่งหนูเข้าใจว่าคงเป็นสถานที่ที่ทางวัด จัดไว้สำหรับการนี้โดยเฉพาะ และกราบขออนุญาตอัญเชิญท่านประดิษฐาน ไว้ที่ตรงนี้แทนค่ะ เมื่อมาถึงบ้านหนูเล่าเรื่องนี้ให้แม่ฟังภายหลัง กลับโดนแม่ต่อว่าอย่างรุนแรง ว่าหนูไปเจ้ากี้เจ้าการในเรื่องของวัด ไม่กลัวพระหรือลูกศิษย์วัดเกลียดหรือ ซึ่งหนูรู้สึกเสียใจมากค่ะ เพราะหนูเจตนาดี และต้องการนำท่านไว้ในที่ที่เหมาะสมกว่า

ซึ่งหนูไม่แน่ใจว่าการกระทำของหนูนี้ถูกต้องหรือไม่ เพียงคิดว่าท่านไม่ควรอยู่ที่วิหารของหลวงพ่อโสธร (จำลอง) และแม่ยังต่อว่าหนูว่าใครๆที่มากราบไหว้ก็มองเห็นเหมือนกัน ทำไมเขายังไม่จัดการทำอะไรเลย แล้วทำไมหนูจึงไปทำแบบนี้ แต่ในใจของหนู หนูไม่ได้มีเจตนาจะไปยุ่งหรือเจ้ากี้เจ้าการ เพียงแต่หวังดีอยากทำให้ถูกต้องเท่านั้น ทั้งที่ตอนที่หนูทำหนูมั่นใจว่าหนูทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่เมื่อโดนต่อว่าหนูจึงไม่เหลือความมั่นใจแล้วค่ะ   หนูรู้สึกเสียใจมากค่ะอาจารย์ อาจารย์สนองคะ หลังจากที่หนูโดนแม่ต่อว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ทำให้หนูไม่สบายใจมาก ไม่รู้ว่าตกลงแล้วหนูทำผิดหรือถูกต้องกันแน่ อยากขอให้อาจารย์สนองโปรดเมตตาชี้แนะหนูด้วยค่ะ ว่าหนูทำผิดไปหรือเปล่า หากทำไม่ถูกแล้วหนูควรแก้ไขอย่างไรคะอาจารย์ เพราะหนูได้นำท่านไปประดิษฐานที่ใหม่ที่หลังเมรุแล้วค่ะ
 
   หนูขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ล่วงหน้า สำหรับคำตอบที่ท่านอาจารย์สนอง ได้โปรดเมตตาชี้แนะต่อหนูผู้ด้อยประสบการณ์คนนี้ด้วยนะคะ 

คำตอบ
   ทำถูกหรือทำผิด ขึ้นอยู่กับปัญญาของผู้กระทำ ผู้ใดคิดว่าทำแล้วดี (ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีล ไม่ผิดธรรม) จึงกระทำ อย่างนี้ถือว่าทำแล้วได้บุญ ผู้ใดคิดว่า ทำแล้วไม่ดี (ผิดกฎหมาย ผิดศีล ผิดธรรม) จึงไม่กระทำ อย่างนี้ถือว่าไม่กระทำแล้วได้บุญ ตรงกันข้าม ผู้ใดคิดว่าทำแล้วดี แต่ไม่กระทำ อย่างนี้ถือว่าการไม่กระทำให้ผลเป็นบาป ผู้ใดคิดว่าทำแล้วไม่ดี แต่ได้กระทำ อย่างนี้ถือว่า การกระทำให้ผลเป็นบาป

   ด้วยเหตุนี้ พระพุทธโคดม จึงได้ตรัสในทำนองที่ว่า บุญหรือบาป (ดีหรือชั่ว) ขึ้นอยู่กับการกระทำของตัวเอง มิได้ขึ้นอยู่กับคำพูดของคนอื่น ดังนั้นเหตุที่ผู้ถามปัญหามีความไม่สบายใจ (บาป) เพราะผู้ถามปัญหาไม่เชื่อพระปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  

1522.
กราบเรียน อาจารย์สนองค่ะ

ก่อนอื่นต้องกราบขอขมากรรมต่ออาจารย์ก่อนค่ะ หากได้รบกวนท่าน หรือทำสิ่งใดไม่ดีต่อท่านไป โปรดให้อภัยด้วยนะคะ ข้าพเจ้ามีข้อสงสัยทางธรรม ขอรบกวนอาจารย์กรุณาช่วยให้ความกระจ่างด้วยค่ะ เนื่องจากข้าพเจ้าได้ปฎิบัติธรรมเอง โดยฟังเทปธรรมะจากพระหลายท่านค่ะ อาทิ หลวงพ่อเกษม เขมรังสี ท่านอาจารย์สนอง หลวงพ่อเหรียญ วรลาโภ หลวงพ่อชยสาโร เป็นต้น ข้าพเจ้าได้ทำ ทาน รักษาศีล 5 ภาวนา ให้ได้ครบทุกวันค่ะ ขอรบกวนเรียนถามท่านอาจารย์ดังนี้ค่ะ

1. ข้าพเจ้าเข้าใจว่า ทุกอย่างเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนันตา ไม่ว่าจะเป็น รูป เวทนา สัญญา สังขาร จิตวิญญาณ และรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็ไม่ใช่ตัวเรา ของเรา สรุปว่า เราเป็นผู้ไม่มีอะไร จริงๆ แล้วจิตเดิมเราว่างเปล่า ไม่มีักิเลส นิวรณ์ แต่กิเลส นิวรณ์ที่เกิดนี้ เกิดจากจิตปัจจุบัน ได้ปรุงแต่งขึ้นมา เป็นเครื่องกางกั้น ให้เราทุกข์ ไม่ทราบว่าข้อนี้ ข้าพเจ้าเข้าใจ ถูกต้องหรือไม่คะ


2. กายนี้ก็สักแต่ว่าเป็นธาตุ แต่จิตปรุงแต่งสมมติบัญญัติมันว่า เป็นหญิง ชาย คน หรือสัตว์ จริงๆ แล้วก็เป็นแค่สภาวะธาตุ ที่เรามาอาศัยอยู่ชั่วคราว ทำหน้าที่ตามกรรมที่กำหนด   และใช้ธาตุขันธ์นี้ ประกอบกรรมดี   เมื่อหมดเวลา ธาตุขันธ์นี้ก็คืนสู่ธรรมชาติ เป็น ดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่ทราบว่าข้อนี้ข้าพเจ้าเข้าใจถูกต้องไหมคะ

3. ทุกอย่างบนโลกนี้ ล้วนเป็นสมมติบัญญัติ ตามจิตปรุงแต่ง อาทิ ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติต่างๆ หมา แมว จริงๆ แล้ว ทุกอย่างล้วนแต่เป็นสภาวะธาตุ ที่ล้วนอาศัยอยู่ชั่วคราว เพื่อมาทำหน้าที่ตามกรรมที่กำหนด ในแต่ละชาติ (เพราะ บางทีบางชาติ บางคนอาจเกิดมาเป็นภรรยา แต่ชาตินี้มาเป็นพ่อ หรือแม่ หรือพี่น้อง) ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับเราว่า เราจะอาศัยธาตุขันธ์นี้ ทำแต่กุศลกรรมดีหรือไม่ ไม่ทราบข้อนี้ข้าพเจ้าเข้าใจถูกต้องไหมคะ

ขอกราบขอบพระคุณมาล่วงหน้าค่ะ

คำตอบ
     (๑). จิตมีหน้าที่ รู้ คิด นึก ผู้ใดใช้จิตที่ตั้งมั่นเป็นสมาธิจวนแน่วแน่ ตามดูขันธ์ ๕ ว่าดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์จริง ปัญญาเห็นแจ้งในขันธ์ทั้งห้าย่อมเกิดขึ้น ปัญหาเรื่องขันธ์ ๕ ย่อมไม่เกิดขึ้นกับจิตของผู้นั้น ตรงกันข้าม ผู้ใดใช้สมองคิดว่าขันธ์ ๕ ดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์ ความสงสัยตามที่ถามไปย่อมเกิดกับผู้นั้น

   (๒). ผู้ใดพัฒนาจิต (วิปัสสนาภาวนา) จนเกิดปัญญาเห็นแจ้งได้แล้ว ย่อมเห็นถูกตรงตามธรรมว่า ร่างกายนี้เป็นเพียงธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ลม มาประชุมกันขึ้นเป็นรูปร่าง ให้จิตได้เข้าอยู่อาศัยและใช้ร่างนี้ทำกิจกรรมให้กับชีวิต ผู้เห็นถูกตรงเช่นนี้ มีพฤติกรรมไม่รังเกียจรูปนามอื่น ย่อมเข้ากันสนิทแนบแน่นกับรูปนามอื่น เช่น คนขอทานที่แต่งกายสกปรก คนบ้า หมาขี้เรื้อน ฯลฯ

   (๓). ผู้ใดรู้เห็นเข้าใจชีวิตได้ถูกตรงตามความเป็นจริงแท้ (ปรมัตถสัจจะ) ได้แล้ว ผู้นั้นย่อมไม่สงสัยในสิ่งที่ถามไป ตรงกันข้าม ผู้ใดรู้ความรู้ (สุตมยปัญญา และ จิตตามยปัญญา) แต่ไม่มีความรู้ ผู้นั้นย่อมสงสัยในธรรมวินัยของพระพุทธโคดม ว่ามีจริงเป็นจริงหรือ
  

1521.
เรียนอาจารย์ ดร.สนองที่เคารพอย่างสูง

อาจารย์คะหนูมีเรื่องทุกข์ใจทุกข์กายที่แปลกประหลาด และน่าอับอายมากจะมาขอความเมตตาจากอาจารย์ ช่วยหาวิธีทางแก้ไขให้ด้วยค่ะ

เมื่อ 8 ปีที่แล้วมีอยู่คืนหนึ่งหนูรู้สึกว่ามีอำนาจอะไรบางอย่าง มาบังคับร่างกายหนูให้เคลื่อนไหวค่ะโดยที่หนูเองไม่สามารถเห็นได้เลยว่าเขาคนนั้นเป็นใคร   ไม่ได้ยินเสียงและสัมผัสไม่ได้แต่สิ่งนั้นบังคับร่างกายหนูให้เคลื่อนไหวไปเอง (แรงเขาเยอะกว่าหนูค่ะ) และที่สำคัญไม่ได้เคลื่อนไหวทำอย่างอื่นแต่เป็นการเคลื่อนไหวเพื่อข่มขืนหนูค่ะ (หนูเป็นโสด และอยู่หอพักคนเดียว ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับชายใดมาก่อนเลยค่ะ)   

หนูต้องทนอยู่โดยไม่เข้าใจนี้มาตลอด และได้ขัดขืนเขาแต่ไม่ค่อยสำเร็จค่ะ บางคืนหนูต้องดิ้นรนขัดขืนจนสว่างไม่ได้นอนค่ะ    หนูรู้สึกทรมานมากเพราะในเวลาเช้าถึงเย็นต้องไปทำวิจัย (หนูกำลังเรียนปริญญาเอกอยู่ค่ะ) แต่วันไหนเพลียจากการขัดขืนมาทั้งคืนมากๆ ไม่ได้นอนทั้งคืนต้องมาหลับตอนช่วงเช้าก็จะไปทำวิจัยไม่ไหวค่ะ หนูได้แต่ต้องหลอกเพื่อนๆว่านอนไม่หลับ พึ่งจะทานยานอนหลับตอนช่วงใกล้เช้าเลยตื่นไม่ไหวเพราะฤทธิ์ยายังอยู่ค่่ะ   แต่ระยะหลังสิ่งนั้นรุนแรงและถี่มากค่ะ ทำให้หนูทรมานมากๆค่ะ และก็รู้สึกว่าการบอกเพื่อนๆอย่างนั้นมันดูพร่ำเพื่อไปแล้วค่ะ จะบอกความจริงกับใครๆไม่ว่าจะเป็นคุณแม่ หรือเพื่อนๆก็อับอาย และที่สำคัญใครเขาจะเชื่อว่าเป็นไปได้ค่ะ ด้วยเหตุนี้หนูจึงเขียนจดหมายมา เพื่อกราบขอความเมตตาจากอาจารย์ ช่วยแนะนำวิธีแก้ไขให้หนูด้วยค่ะ ถ้ัั่าเขาเป็นเจ้ากรรมยายเวรหนูหนูจะต้องทำบุญอะไรไปให้เขาค่ะ เขาจึงจะอโหสิกรรมเพราะว่าหนูพยายามเดินจงกลม และนั่งสมาธิเพื่ออุทิศบุญกุศลให้เขา (ทำที่หอพักค่ะ) แต่เขาก็ใช้ึกำลังดึงหนูออกมาจากทางจงกลม และการนั่งสมาธิค่ะทำให้ปฏิบัติไม่ได้เลยค่ะ      

หนูจึงต้องกราบขอความเมตตาจากอาจารย์ ช่วยแนะนำวิธีที่หนูจะพ้นจากอำนาจนี้ไปได้สักทีค่ะ (จริงๆหนูก็ต้องการทราบด้วยค่ะว่าสิ่งนี้คืออะไร แต่ถ้าทราบแล้วออกไปจากสิ่งนี้ไม่พ้นหนูก็คิดว่าไม่เกิดประโยชน์อะไรค่ะ) หนูต้องขอขอบพระคุณท่านอาจารย์อย่างสูงค่ะ ที่เมตตาอ่านจดหมายฉบับนี้และเมตตาชี้แนะค่ะ

ด้วยความเคารพอย่างสูง

คำตอบ
     กัมมุนา วัตตีโลโก สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม ที่บอกเล่าไปเป็นอกุศลวิบาก ที่เกิดจากผู้ถามปัญหา ได้ประพฤติกรรมไม่ดีไว้ก่อน ปัญหาใดๆจะแก้ไขให้ลุล่วงได้ มิได้แก้ที่อดีต แต่ต้องแก้ที่ปัจจุบัน ด้วยการประพฤติบุญใหญ่ (ปฏิบัติธรรม) ให้เกิดขึ้น แล้วอุทิศบุญใหญ่ใช้หนี้เจ้ากรรมนายเวร เมื่อใดมีเวลาว่างจากการทำวิจัย หรือเมื่อทำปริญญาจบแล้ว จงหาเวลาสักสิบวัน ไปปฏิบัติธรรมที่วัดมเหยงคณ์ จังหวัดอยุธยา แล้วอุทิศบุญทุกวัน เพื่อใช้หนี้เจ้ากรรมนายเวร แล้วโอกาสพ้นจากปัญหาที่บอกเล่าไป ย่อมเกิดขึ้นได้
  

1520.
เรียน อ.สนอง ที่เคารพ

ก่อนอื่นต้องกราบท่านอาจารย์ ที่มีพระคุณต่อชีวิต ในการใช้ชีวิต การปฏิบัติธรรม มีการหลักหรือแก่นในการคิดต่างๆ ให้ถูกต้อง ตรงตามธรรม การให้ทาน การมีศีลคุมใจให้ได้ทุกขณะ การมีความเพียรในการปฏิบัติ การมีสัจจะ บุญกิริยาวัตถุ 10 สิ่งที่ไม่ดีลดละเลิก ไม่ให้เกิด ถ้าเกิดแล้วก็กำจัดให้หมดไปเรื่อยๆ สิ่งที่ดียังไม่ได้ทำให้เพียรทำและสร้าง สิ่งที่ดีอยู่แล้วให้รักษาไว้ การคิดพิจารณาปัญหาต่างๆ จากสิ่งที่กระทบให้รู้เท่าทัน อดทน ต่อสู้กิเลสในใจ  

ตอนนี้ทุกวันจะพยายามทำหน้าที่การงาน หน้าที่ทางครอบครัวให้ดีที่สุด ใช้เวลาให้มีค่ามากที่สุด มีเวลาเหลือจะพยายามปฏิบัติ ฟังธรรม สวดมนต์ไหว้พระ ใส่บาตรทำบุญ สังฆทาน   ชวนพ่อแม่ฟังธรรม ทำบุญและปฏิบัติ ให้อ่านหนังสือธรรมะ พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องธรรมะ อย่างที่อาจารย์ตอบในหัวข้อ 1511 ว่าธรรมเป็นเครื่องจำแนก ดี ชั่ว ตอนนี้ก็รู้สึกเหมือนคุณหมอเหมือนกัน ค่อนข้างโดดเดี่ยว เพื่อนน้อยลง พอจะทราบคำตอบแล้ว แต่คิดว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว ต้องเดินต่อไป จะกลับหลังไปเหมือนก่อนไม่ได้บางครั้งอยากสนุกสนานกับเพื่อน แต่มีเหตุให้ไม่สามารถไปได้ หลายๆอย่างเปลี่ยนไป

อยากมีโอกาสทำบุญกับอาจารย์มาก ๆ ขอให้อาจารย์สุขภาพแข็งแรง อยู่เป็นหลักให้กับเพื่อนมนุษย์เท่าที่จะเป็นไปได้ ฟังธรรมะจากครูบา อาจารย์ หลายๆ ท่าน ถูกจริตกับอาจารย์มากที่สุด เข้าใจง่ายและปฏิบัติได้ ขอบคุณมากค่ะ

ณิชา

คำตอบ
    ชีวิตที่ดำเนินไปตามรอยธรรม เป็นดังที่บอกเล่าไป .... สาธุ จงเดินต่อไป และไปให้สุดทางชีวิต
  

1519.
เรียน อาจารย์ดร.สนอง วรอุไร

น้องคนหนึ่งที่รู้จักสวดมนต์ไปขณะที่นั่งรอลูกค้าเข้ามาสอบถามหรือขายของ (เพชร) ดิฉันอยากทราบว่าจะผิดบาปมั๊ยคะ  ที่หากมีใครบังเอิญเดินเข้าไปขัดจังหวะขณะที่น้องกำลังสวดมนต์อยู่ โดยไม่ทราบว่าน้องได้กระทำการดังกล่าวอยู่  

รบกวนอาจารย์ช่วยอธิบายส่ิงที่ควรและไม่ควรด้วยค่ะ และการไม่รู้ของเราที่ไปขัดจังหวะการสวดมนต์ของน้องจะบาปมั๊ยคะ

กราบขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ

วิไล

คำตอบ
     ผู้รู้ไม่จริง ชอบเอาเวลาของการทำงานภายนอก (ค้าขายเพชร) มาทำงานให้กับตัวเอง เช่น สวดมนต์ ซึ่งถือว่าเป็นงานภายใน การประพฤติที่ไม่ถูกตรงเช่นนี้ มีผลเป็นบาปเกิดขึ้นกับผู้ประพฤติ ดังนั้นการที่มีคนเข้ามาขัดขวางการประพฤติที่ไม่ถูกตรง ไม่ถือว่าเป็นบาป
  

1518.
กราบสวัสดีท่านอาจารย์ดร.สนองที่เคราพ

ผมมีเรื่องไม่เขาใจอยากให้อาจารย์ช่วยตอบดังนี้....ขอบคุณครับ

1. คนธรรมคนหนึ่งต้องการมี ศีลคุมใจ จะต้องปฎิบัติอย่างไร ให้มี ศีลคุมใจอยู่ทุกขณะตื่น และผมไม่เข้าใจคำว่าศีลคุมใจ

2. ถ้าคิดจะถือศีล 8 แต่ว่ายังเรียนร้องรำนาฎศิลป์ วิชาบังคับ เขาให้ร้องให้รำ แต่ถ้าเรียนเพื่อคะแนน ไม่ถือว่าผิดศีล 8 ใช้ไหม

3.   ถ้าให้ต้องการได้ สมาธิสูงสุด มีความสุขที่จิตเป็นอิสระ   และได้ปัญญาและดับ 3 ต้องปฎิบัติตนอย่างไร

4. บอกตามตรงว่า ศีล(คุมใจ) ไม่ใช้ คุมกาย กับ สัจจะน่ะ (สัจจะคุมใจ) ผมทำไม่ค่อยได้เลย (ได้บ้าง) อยากให้อาจารย์ช่วยแนะนำหน่อย ผมจะพยายามทำให้ได้ ไม่ต้องตอบก็แต่ ที่พิมพิ์ไปเพราะพิจารณาดูตัวเองเอาที่ทำไม่ได้ เพราะ สัจจะมันต้องคุมใจ  

    และสุดท้ายนี้ขอขอบคุณอาจารย์สนอง ในทุกส่งทุกอย่าง   ( ทาน ศีล ภาวนา ) 3 สิ่งนี้ผมทำทุกวัน อาจจะมีบางวันที่ไม่ได้ทำ ผมขอให้บุญนี้ถึง พ่อแม่ เจ้ากรรมนายเวร และ ครอบครับในชาตินี้ ชาติที่แล้ว สถานที่ที่เคยไปอยู่ เทวดา ครูบาอาจารย์ รวมถึงอาจารย์สนองด้วย และผู้ที่เกี่ยวข้อง กับ กัลยาณธรมมทุกๆคน ขอให้ได้มีความสุข ร่วมทั้งคนที่อ่านคำถามของผม หรือ คำตอบ ขออาจารย์สนองด้วย ผมขอสาธุในบุญน่ะครับ (ตอนนี้ผมรู้สึกดีครับ) (ผมพยายาม กระทำ ทาน ศีล ภาวนา ทุกวัน)  

คำตอบ
    (๑). จิตหรือใจเป็นพลังงานชนิดหนึ่ง ที่มีขนาดความถี่คลื่นเล็กมาก จนเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ไม่สามารถตรวจวัดได้ จิตเป็นพลังงานที่มีการเกิด-ดับ จึงสามารถทำหน้าที่ในลักษณะที่เรียกว่า รู้ คิด นึก ฉะนั้นที่บอกว่า “ เอาศีลคุมใจ ” หมายความว่า ทุกขณะที่จิตมีการเกิด-ดับ หรือทุกขณะที่จิตทำหน้าที่ ต้องเว้นจากการคิดฆ่าสัตว์ เว้นจากการคิดลักทรัพย์ เว้นจากการคิดประพฤติผิดในกาม เว้นจากการคิดพูดเท็จ และเว้นจากการคิดดื่มสุราเมรัย อย่างนี้เรียกว่า มีศีลคุมใจอยู่ทุกขณะตื่น

   (๒). ผู้ใดคิดจะถือ ศีล ๘ แล้วยังประพฤติละเมิดศีลข้อเจ็ดที่ให้เว้น ฟ้อนรำ ขับร้อง บรรเลงดนตรี ฯลฯ แม้จะประพฤติเพื่อเอาคะแนน ก็ถือได้ว่าผู้นั้นประพฤติศีล ๘ ไม่ครบ หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถือศีลแค่ห้าข้อ (ศีล ๕) ก็พอที่จะพัฒนาจิตให้เข้าถึงอริยธรรมขั้นโสดาบันและสกิทาคามีได้แล้ว

   (๓). ต้องมีอย่างน้อยศีล ๕ ที่ไม่ขาด ไม่ทะลุ (มีครบ) ไม่ด่าง ไม่พร้อย (ไม่มีกิเลสปนเปื้อน) คุมใจให้ได้ทุกขณะตื่น แล้วนำตัวเองเข้าปฏิบัติสมถภาวนา โอกาสเข้าถึงจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิย่อมเกิดขึ้นได้ โอกาสเข้าถึงปัญญาเห็นแจ้งย่อมเกิดขึ้นได้ และโอกาสเข้าถึงความสุขที่มีจิตเป็นอิสระ ย่อมเกิดขึ้นได้เช่นกัน

   (๔). ความศรัทธาในสิ่งดีงาม เกิดขึ้นได้ด้วยการนำตัวเข้าใกล้ผู้ทรงคุณธรรมและเสวนากับท่าน เมื่อใดที่ความศรัทธาเกิดขึ้นแล้ว ย่อมมีพลังผลักดันตัวเอง ให้มีศีลและมีสัจจะคุมใจได้ง่าย ฉะนั้นพึงสร้างศรัทธาให้เกิดขึ้นให้ได้ก่อน   
  

1517.
กราบพระอาจารย์สนองที่เคารพ

    กระผมได้ติดตามผลงานของอาจารย์มาระยะหนึ่ง ประทับใจกับการเสียสละของอาจารย์ อาจารย์ปรารถนา มีความเมตตาจะช่วยเพื่อนร่วมวัฎฎะสงสารให้พ้นจากภูมิที่ต่ำกว่า มนุษย์ภูมิ เพราะภูมิต่ำกว่านี้ผู้นั้นต้องเสวยผลที่มีแต่ความ ทุกข์    อาจารย์ต้องเบรคตัวเอง ซึ่ง (ผมเข้าใจว่า) อาจารย์จึงไม่อาจ เข้าสู่จุดหมายสูงสุดได้   
    กระผมขออนุโมธนา ผลของการกระทำของอาจารย์ด้วย เพราะมีผลต่อเพื่อน เพื่อนร่วม มนุษย์ ตอนนี้หลายท่าน ที่ได้รับความรู้จากท่านอาจารย์และนำไปปฎิบัติ การใด้กำลังใจจากท่านอาจารย์ ซึ่งผมมีความเข้าใจเสมอว่า การกระทำของอาจารย์ เสมือนเป็นพระโพธิสัตว์ อย่างหนึ่ง เพราะเป็นการโปรด และช่วย มนุษย์ แต่ท่านอาจาย์ เคย บรรยายว่าไม่ใช่ เพราะพระโพธิสัตว์ ต้องมีการช่วย และ บำรุงพระพุทธศาสนา ให้ดำรงอยู่ เช่น สร้างวัด สร้างเจดีย์ สร้างคนให้มีความรู้ และ เผยแผ่ธรรมออกไป เป็นกำลังทางพระพุทธศาสนนา แต่ผมมีความเห็นว่าการกระทำอาจารย์ที่เผยคำบรรยาย ก็เป็นการทะนุบำรุงพระศาสนา เป็นทนายแก้ต่างให้ศาสนา ให้ความรู้ เช่นกัน และ ผมมีอาจารย์เป็นแบบอย่าง และ มีความปรารถนา (เล็กๆ) ให้มีความสามารถ ความรู้ ในการเผยแผ่ต่อไป ตามกำลังที่มีอยู่ และ พัฒนาต่อไป เฉกเช่นอาจารย์กระทำอยู่  

    วันนี้อยากขอกราบเรียนถามปัญหาจากท่านอาจารย์ ดังนี้

1)  พระพุทธเจ้า มีทั้งหมดกี่พระองค์แล้วครับ พระปฐมพระพุทธเจ้ามีมานานแค่ไหนแล้ว แต่ละพระองค์ทำไมจึงสะสมบารมีมาเป็นกัลป์ ไม่เท่ากัน กว่าจะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า บางองค์สะสมนานมากมาก ความตั้งใจแน่วแน่ของท่าน ไม่รู้จะบรรยายอย่างไร เท่าที่ทราบ พระอาริยะ บางพระองค์ท่านในยุคของเรา ก็อธิษฐานขอลาจากพุทธภูมิ หากสะสมบารมีแต่ละองค์ มีระยะเวลากำหนดที่แน่นอนแล้วในการเป็นพระพุทธเจ้า ทำไมบางพระองค์ต้องนานมากครับ

2) คำว่าพระปัจเจกพระพุทธเจ้า มีความแตกต่างกับพระพุทธเจ้า เช่นไร และ ต่างกับ พระอรหันต์อย่างไรครับ บางตำราว่า พระปัจเจกท่านไม่ประกาศ หรือเผยแผ่ ธรรมะสอนแก่ เวไนยสัตย์ ทำให้ผมคิดถึงสมัยพระพุทธเจ้าตรัสรู้   ท่านมีความเห็นว่าธรรมะที่ท่านตรัสรู้ ธรรมเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก และยากที่จะเข้าใจ   และไม่มีเจตนาจะสอนหรือเผยแผ่ธรรมนั้นออกไป จนต้องมีพระพรหมมาอารธานาให้พระองค์ท่าน ได้เผยแผ่ และสอนธรรมท่ีท่านตรัสรู้ได้มา ดังนั้นจะต่างกันกับพระปัจเจกพระพุทธเจ้าเช่นไร หรือเพียงแต่มีพระพรหมมาอารธนา หรือไม่มีเท่านั้นครับ

3) มีคำสอนจากอาจารย์หลายท่านเกี่ยวกับ นิมิต ไม่ให้สนใจกับ นิมิต ที่เกิดขึ้น อยากเรียนถามว่า นิมิต จะเกิดขึ้นได้อย่างไร ต้องมีสมาธิในระดับใด ระดับญานชั้นใดหรือไม่ อาจารย์ท่านบางท่านบอกว่า ที่เห็นนะเห็นจริง   แต่เรื่องหรือของที่เห็นนั้นอาจจะไม่ใช่ของจริง อย่าไปยึดติดมัน
ดังนั้น ผมอยากเรียนถามว่า แล้วหากเรา เห็นเรื่องราว ที่เราเข้าใจว่า เป็นอดีตชาติของเรา หรือ กรรมที่เราทำในอดีต เกิดเป็นอะไร   จะรู้ได้ไงว่า ของจริง หรือ ของหลอก

การที่คนเข้าณานได้ แล้วอธิษฐานขอเห็น เรื่องนั้น หรือ อื่นๆ จะรู้ได้ไงว่า เป็นเรื่องจริง หรือว่า จิตเรามันหลอกเราเอง

4)  การที่มีกล่าวกันว่า มีการนั่งทางใน เพื่อดูสิ่งต่าง ๆ เช่นของหายอยู่ที่ไหน คนหายไปที่ใด ทำได้จริงหรือไม่   เพราะมันก็ไม่เกี่ยวกับตัวของเราเลย จิต หรือ สติที่ติดกับเรา จะไประลึกรู้เรื่องของคนอื่นได้เช่นไร
                                                                             
ด้วยความเคารพอย่างสูง
นายนรวัฒน์ จันทร์มหเสถียร

คำตอบ
    (๑). ผู้ตอบปัญหายังเข้าไม่ถึงสภาวะของการดับรูปและดับนาม จึงไม่ทราบว่าพระพุทธเจ้ามีกี่พระองค์ และไม่ทราบว่าพระพุทธเจ้าองค์ปฐม อุบัติขึ้นมานานแค่ไหนแล้ว รู้แต่ไม่มีความรู้ว่า

     พระปัญญาธิกพุทธเจ้า ต้องบำเพ็ญบารมีรวมทั้งสิ้น ๒๐ อสงไขย กับอีกหนึ่งแสนมหากัป

     พระสัทธาธิกพุทธเจ้า ต้องบำเพ็ญบารมีรวมทั้งสิ้น ๔๐ อสงไขย กับอีกหนึ่งแสนมหากัป

     พระวิริยาธิกพุทธเจ้า ต้องบำเพ็ญบารมีรวมทั้งสิ้น ๘๐ อสงไขย กับอีกหนึ่งแสนมหากัป

จึงจักได้ตรัสรู้เป็นประเภทของพระพุทธเจ้าตามที่ตนปรารถนา

   (๒). คำว่า “ ปัจเจกพุทธเจ้า ” หมายถึง บุคคลผู้ตรัสรู้เฉพาะตน ไม่สามารถสั่งสอนผู้อื่นให้รู้ตามได้ ต่างจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรงที่ว่า เมื่อตรัสรู้แล้ว สามารถนำธรรมวินัยออกมาเผยแพร่ให้ผู้อื่นรู้ตามได้

   พระอรหันต์ คือ ผู้ที่นำเอาธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาปฏิบัติได้อย่างถูกตรง แล้วจิตบรรลุอริยธรรมขั้นสูงสุดได้ จึงเรียกว่า พระอรหันตสาวก

   เรื่องคิด (ดำริ) ไม่เผยแพร่ธรรมที่ทรงตรัสรู้ เพราะเป็นธรรมวินัยที่ทวนกระแสของกิเลส ซึ่งมนุษย์ส่วนใหญ่ในโลก นำพาชีวิตไปตามแนวทางนั้น พระพุทธโคดมมิได้มีเจตนาไม่สอน แต่มีดำริที่จะไม่เผยแพร่ธรรมด้วยสาเหตุดังกล่าว แต่มาระลึกได้ว่า มนุษย์เปรียบเหมือนบัว ๔ เหล่า ดังนี้

     ๑.  บุคคลที่สามารถรู้และเข้าใจธรรมะได้อย่างฉับพลัน ยังมีอยู่
     ๒.  บุคคลที่สามารถรู้และเข้าใจธรรมะได้ต่อเมื่อได้ฟังซ้ำ หรืออธิบายขยายความ ยังมีอยู่
     ๓.  บุคคลที่สามารถสอนให้รู้และมีธรรมะได้ ยังมีอยู่
     ๔.  บุคคลผู้รู้ตัวบทหรือถ้อยคำ แต่ไม่สามารถเข้าใจความหมายของธรรมะ ยังมีอยู่

   ด้วยเหตุนี้ บุคคลที่เปรียบเหมือนบัวเหล่าที่ ๑-๓ สามารถเข้าถึงธรรมได้ พระพุทธโคดมจึงได้นำธรรมวินัยออกเผยแพร่อยู่นานถึง ๔๕ พรรษา ก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพาน

   (๓). นิมิตเกิดขึ้นเมื่อจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิระดับต้น (ขณิกสมาธิ) ผู้ใดสัมผัสกับนิมิต แล้วเอาจิตไปยึดติดหรือหลงอยู่กับนิมิต ย่อมเป็นเหตุให้จิตเข้าไม่ถึงปัญญาเห็นแจ้ง ผู้รู้จึงไม่เอาจิตไปหลงอยู่กับนิมิตที่เกิดขึ้น
     

1516.
กราบสวัสดีท่านอาจารย์สนองครับ

เมื่อก่อนผมไม่เคยสนใจธรรมะเลย จนกระทั่งที่ทำงานมีการจัดอบรม แล้วก็มีช่วงบ่ายวันสุดท้ายของการอบรมเป็นวิชาธรรมะ ก่อนเข้าห้องก็ได้รับแจกหนังสือธรรมะมาหลายเล่ม หนึ่งในนั้นคือ   หนังสือเรื่อง ทางสายเอก ของท่านอาจารย์ ตอนแรกกะจะเข้าไปแอบหลับในห้องซะหน่อย แต่พอหยิบหนังสือมาดูก็ลองเปิดอ่านดู ไม่น่าเชื่อว่าผมอ่านได้จบเล่มในเวลารวดเร็ว (ปกติไม่เคยอ่านหนังสือธรรมะเลย) ก็เริ่มสนใจธรรมะขึ้นมา เลยนั่งฟังการบรรยายธรรมะอย่างตั้งใจ จำได้ว่าผู้บรรยายเป็นท่านอาจารย์ทวีศักดิ์ คุรุจิตธรรม ผมก็แปลกใจตัวเองมากที่ทำไมถึงนั่งฟังธรรมะได้จนจบการบรรยาย หลังจากนั้นเป็นต้นมาผมก็ได้เริ่มลองฝึกปฏิธรรมด้วยตัวเองมาตลอด ผมขอสอบถามท่านอาจารย์ดังนี้ครับ

ข้อ 1 ผมฝึกปฏิบัติด้วยตัวเองจากการอ่านหนังสือโดยที่ไม่มีครู อาจารย์สอนเลย จะเป็นอะไรหรือเปล่าครับ

ข้อ 2 มีอยู่ครั้งนึงไม่นานนี้ ผมนอนไม่หลับเลยนอนทำสมาธิแทน ใจก็คิดถึงเรื่องการตาย สงสัยในการตายว่าเป็นยังไง ก็เลยกึ่ง ๆ อธิษฐานอยากรู้ว่าเป็นยังไง ปรากฎว่าเหมือนจะเคลิ้มไป แต่เห็นเป็นภาพตัวเองนอนอยู่แล้วรู้สึกว่ากำลังจะตาย คือค่อย ๆ หายใจแผ่วลง ๆ เริ่มเห็นว่าธาตุทั้ง 4 แตก ลมหายใจเริ่มติดขัดหายใจไม่สะดวก แล้วก็รู้สึกเหมือนมีแรงดูดบางอย่าง ทันไดนั้นก็รู้สึกว่าวิญญาณกำลังเคลื่อนออกจากร่าง พอเห็นดังนั้นก็คิดว่าความตายเป็นอย่างนี้เอง แล้วผมก็ลืมตาขึ้นมา ตอนแรกคิดว่าฝันไปแต่ไม่ใช่ มีความรู้สึกว่าเหมือนเป็นความจริงมากกว่า ไม่ทราบว่าผมคิดมากไปหรือว่าเกิดนิมิตขึ้นมาครับ

ข้อ 3 ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยขยันฝึกปฏิบัติเลย ท่านอาจารย์มีวิิธีอย่างไรให้ขยันมั่งครับ

ผมกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างสูงที่ให้ความกรุณาครับ

มนตรี สุทธิพงษ์

คำตอบ
    (๑). การอ่านหนังสือแล้วปฏิบัติตามได้ถูกตรงตามธรรม และเมื่อเกิดปัญหาจากการปฏิบัติขึ้นแล้ว สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเอง ก็ไม่จำเป็นต้องแสวงหาครูบาอาจารย์ที่ไหน มาช่วยบอกทางแก้ปัญหาให้ แต่หากใช้ปัญญาแก้ปัญหาผิดทาง ปัญหาย่อมไม่ถูกกำจัดให้หมดไป หรือแก้ปัญหาหนึ่งได้แล้ว แต่ไปสร้างปัญหาอื่นให้เกิดขึ้น อย่างนี้ต้องแสวงหาครูบาอาจารย์ ผู้มีประสบการณ์ตรงและเข้าถึงธรรมได้แล้ว มาเป็นผู้ชี้แนะ

   (๒). มิได้เนื่องมาจากการคิดมาก แต่เป็นนิมิตของความตายที่มาปรากฏให้จิตสัมผัสได้ .... สาธุ

   (๓). ผู้ใดทำใจให้มีศีล มีสัจจะ และพัฒนาจิตด้วยการสวดมนต์ก่อนนอน หลังสวดมนต์เจริญอานาปานสติ (พุท-โธ) อยู่เสมอ จนจิตเข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิได้แล้ว ความขยันย่อมเกิดขึ้นกับผู้นั้น
  

1515.
กราบเรียนถามปัญหาท่านอาจารย์ดร. สนอง วรอุไรค่ะ

คือหนูอยากทราบว่านอกจากการที่เราจะซื้อของไปถวายเป็นสังฆทานแล้ว เราจะสามารถส่งเงินหรือเช็คไปถวายที่วัดแทนแล้ว แจ้งความจำนงว่าขอให้เป็นส่วนสังฆทานได้หรือไม่คะ เพราะบางวัดอยู่ไกล เช่น ที่ต่างประเทศไม่สะดวกที่เราจะซื้อของไปถวายค่ะ

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ดร. สนอง วรอุไรมา ณ โอกาสนี้ค่ะ ขอให้อาจารย์มีสุขภาพแข็งแรงนะคะ

คำตอบ
   ทำได้ครับ .... สาธุ
  

1514.
กราบเรียนถามอาจารย์ ดร. สนอง ค่ะ

ข้อ1 . อาจารย์คะ หนูมีโอกาสได้ฟังธรรมบรรยายของท่านหลายเรื่อง ฟังแล้วรู้สึกศรัทธาท่านมาก อยากหันมาศึกษาธรรมะอย่างจริงจัง เพื่อชำระล้างจิตใจให้ใสสะอาดขึ้นบ้าง   แต่ด้วยความที่หลงทางมานานทำให้มีภาระหนี้สินทางโลกพอสมควร จึงอยากชำระหนี้ตรงนี้ก่อน ถึงจะสามารถก้าวไปสู่เส้นทางธรรมได้เต็มตัว   หนูชอบคำว่าที่อาจารย์สอนว่า “ ให้เอาศีลห้าคุมใจ ” มากค่ะ    เพราะมันเป็นเครื่องคอยเตือนให้หนูระมัดระวัง การกระทำของตัวเองมากขึ้น และเข้าใจว่า ขณะนี้ ตัวเองศีลยังไม่บริสุทธิ์พอ มีด่างมีพร้อยบ้าง แต่ก็พยายาม ลด ละ เลิก อยู่ค่ะ   ตอนนี้หนูก็สวดมนต์ เดินจงกรม ประมาณ 30 นาที   นั่งสมาธิ ประมาณ30 นาที ทุกวันไม่เคยขาด แม้จะมีอาการขี้เกียจและเบื่อหน่ายบ้างก็ตาม (ฝึกตามแนวที่เคยบวชเนกขัมมะและเข้ากรรมฐานมาค่ะ)   คิดเอาเองว่าเป็นการเตรียมพร้อมร่างกายและจิตใจ ไปพลางๆ ก่อน แม้จะไม่ก้าวหน้าสักเท่าไร่ก็ตาม   การคิดและการปฏิบัติเช่นนี้ หนูไม่รู้ว่าถูกหรือผิด รบกวนอาจารย์ช่วยแนะนำด้วยค่ะ

ข้อ2 . เวลามีสิ่งที่มากระทบจิตใจ แบบตั้งรับไม่ทัน คือพอกระทบปุ๊บเรารู้สึกไม่พอใจก่อนเป็นอับแรก แล้วค่อยๆคิดพิจารณาเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น จนความหงุดหงิดใจหรือไม่พอใจนั้นหายไป   บางเรื่องใช้เวลานาน   บางเรื่องยิ้มได้ในไม่กี่นาที   หนูอยากทราบว่าตัวเองจะแก้ไขอารมณ์แบบนี้ได้อย่างไรค่ะ

และโอกาสนี้หนูขอขมาต่ออาจารย์ด้วยค่ะ ที่ได้รบกวนเวลาอันมีค่าของอาจารย์ ขอให้อาจารย์โปรดอโหสิกรรมให้แก่ความไม่รู้ของหนูด้วยนะค่ะ

ขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ

จิรัฐติกุล

คำตอบ
    (๑). ผู้รู้ยอมรับความจริงที่ตนเคยประพฤติเบียดเบียนผู้อื่นมาก่อน จึงไม่คิดเบี้ยวหนี้เวรกรรม แต่ชดใช้หนี้เวรกรรมไปเรื่อยๆจนกว่าจะหมด แต่ขณะเดียวกัน ผู้รู้ไม่ประมาทประพฤติบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ เพื่อให้บุญสั่งสมอยู่ทุกขณะที่โอกาสของชีวิตเปิดให้ทำได้ ผู้ถามปัญหาประพฤติมาถูกทางแล้ว จงทำต่อไป โดยมีศีล มีสัจจะ มีความเพียรเป็นแรงสนับสนุน แล้วโอกาสนำจิตให้พ้นไปจากความหลง ย่อมเกิดขึ้นได้

   (๒). เมื่อใดมีสิ่งกระทบไม่ดีเข้ากระทบ แล้วจิตรับเข้าปรุงเป็นอารมณ์ไม่ดี พึงรู้เถอะว่า บาปได้เกิดขึ้นแล้ว และสั่งสมอยู่ในจิตของผู้มีอารมณ์ไม่ดี ผู้ใดปล่อยให้อารมณ์ไม่ดีเกิดขึ้นยาวนาน บาปย่อมเกิดขึ้นมาก ฉะนั้นหากผู้ถามปัญหาประสงค์มิให้มีบาปเกิดขึ้น ต้องพัฒนาจิต (สมถภาวนา) ให้มีกำลังของสติกล้าแข็ง แล้วอารมณ์ไม่ดีย่อมหายไปได้ ผู้ใดมีสติกล้าแข็งมาก จนสามารถระลึกได้ทันสิ่งไม่ดีที่เข้ากระทบจิต แล้วเห็นสิ่งกระทบที่ไม่ดีดับไปตามกฎไตรลักษณ์ได้แล้ว อารมณ์ไม่ดีย่อมไม่เกิดขึ้นกับจิต นี่เป็นวิธีป้องกันบาปดีที่สุด
  

1513.
สวัสดีครับ
 
ผมขอรบกวนคุณพ่อสนองโดยผมมีคำถามจะถามดังนี้ครับ
 
1. การซื้อสลากออมสินถือเป็นการเล่นการพนันหรือไม่ครับ
 
2. ผมนั่งสมาธิแล้วลมหายใจค่อยๆละเอียดครับ แต่เหมือนมีอาการคล้ายๆลมหายใจจะดับ (เหมือนกับตัวเองจะกลั้นลมหายใจครับ) ก็เลยกลับมาหายใจใหม่ครับ ผมอุปทานไปเองหรือปล่าวครับและผมต้องทำยังไงดีครับ แล้วนั่งสมาธิบางทีตัวก็จะโยกไปซ้ายบ้าง ขวาบ้างครับ ควรทำยังไงต่อดีครับ กระผมทำโดยตามรู้ครับ กระผมทำถูกไหมครับ
 
3. เวลาสวดมนต์หรือนั่งสมาธิเสร็จ นอกจากผมจะแผ่บุญกุศลให้สรรพสิ่งแล้ว กระผมแผ่ส่วนกุศลให้กับเทวดาประจำตัวของกระผม รวมถึงเทวดาประจำตัวของเพื่อนฝูง ญาติพี่น้องและผู้มีพระคุณทั้งหลายได้ไหมครับ
 
4. ผมควรจะแก้กรรมอย่างไรดีครับ (ปัจจุบันมีโรคประจำตัวอยู่ครับ)
 
สุดท้ายนี้ข้าพเจ้าขอกราบขอบพระคุณคุณพ่อมากครับ

คำตอบ
    (๑). ซื้อสลากออมสิน โดยมีเจตนาออมเงินไว้ใช้ในยามจำเป็น ไม่ถือว่าเป็นบาป แต่หากซื้อสลากออมสิน ด้วยมีเจตนาถูกรางวัลได้เงินตอบกลับคืนมา ถือว่าเป็นการพนันได้

   (๒). นั่งสมาธิ แล้วระลึกได้ในลมหายใจที่แผ่วเบาลง ผู้รู้ใช้จิตที่ตั้งมั่นเป็นสมาธิ ตามดูลมหายใจไปเรื่อยๆ เมื่อใดที่ลมหายใจไม่มี (ดับ) แสดงว่า ลมหายใจเข้าสู่อนัตตาตามกฎไตรลักษณ์ แล้วปัญญาเห็นแจ้งในลมหายใจจะเกิดขึ้น ฉะนั้นจงตามดูลมหายใจไปจนกว่าจะถึงความสิ้นสุด แต่ผู้รู้ไม่จริงกลัวตาย จึงกลับมาเอาลมหายใจเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งเป็นการปฏิบัติธรรมที่ผิดทาง เช่นเดียวกันหากมีอาการตัวโยก ต้องกำหนดว่า “ โยกหนอ ๆๆๆๆ ” ไปเรื่อยๆจนกว่าอาการตัวโยกจะยุติ (ดับ) แล้วจึงดึงจิตกลับมาสู่องค์บริกรรมเดิม ที่ใช้ในการพัฒนาจิต

   (๓). ผู้ใดมีบุญอยู่ในใจ ปรารถนาแผ่บุญให้ใครย่อมทำได้

   (๔). วิธีบริหารหนี้เวรกรรม ทำได้ดังนี้
     ๑. เมื่อหนี้เวรกรรมตามทัน (โรคประจำตัว) ต้องยอมรับความจริงว่า เคยประพฤติเบียดเบียนผู้อื่นมาก่อน และต้องชดใช้หนี้เวรกรรมไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดสิ้น
     ๒. ทำบุญใหญ่ (ปฏิบัติธรรม) แล้วอุทิศบุญใหญ่ชดใช้หนี้กรรม
     ๓. ทำความดีทุกขณะตื่น เพื่อหนีหนี้เวรกรรมที่ยังไม่เกิด มิให้ตามทัน
     ๔. หนีเข้านิพพาน
  

1512.
เรียน อาจารย์ ดร.สนอง

   หนูขอเรียนปรึกษาอาจารย์เกี่ยวกับอาการที่เกิดขึ้นจากการนั่งสมาธิและเดินจงกรมค่ะ คือ หนูเริ่มปฏิบัติได้ประมาณ 1 สัปดาห์หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยปฏิบัติในแนวพอง-ยุบ กับคุณแม่สิริมาก่อนเมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว ซึ่งหนูมีอาการเวียนศีรษะ เหมือนอยู่ในเรือหลัีงปฏิบัติ เป็นมา 5-6 วันแล้วค่ะ ทำให้ต้องเลิกนั่งสมาธิและเดินจงกรมในช่วงนี้แล้วหันมาใช้วิธีดูจิตกับดูกายแทน แต่อาการเวี่ยนศีรษะกับอาการอึดอัด ก็ยังไม่หายไป จึงอยากเรียนปรึกษาอาจารย์ เกี่ยวกับวิธีการที่จะทำให้อาการที่เป็นอยู่ ทุเลาเบาคลายลงไปค่ะ และหนูควรปฏิบัติในแนวใดดีคะ จึงจะเหมาะกับหนูค่ะ  

   กราบขอบพระคุณอาจารย์ค่ะ   

คำตอบ
    ทั้งสองแนวทางที่ผู้ถามปัญหานำมาใช้พัฒนาจิตนั้น ดีอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่สามารถกำจัดมาร (เวียนศีรษะ , อึดอัด) ให้หมดไปจากใจได้ จึงทำให้การปฏิบัติธรรมไม่ก้าวหน้า ผู้รู้และมีประสบการณ์ตรงให้กำหนดว่า “ เวียนศีรษะหนอ ๆๆๆๆ ” จนกว่าอาการเวียนศีรษะจะดับไป เมื่อรู้สึกอึดอัด ให้กำหนดว่า “ อึดอัดหนอ ๆๆๆๆ ” ไปเรื่อยๆจนกว่าอาการอึดอัดจะดับไป แล้วดึงจิตกลับมาสู่องค์ภาวนาเดิม ผู้ใดทำตามโดยไม่สงสัย คือไม่ประพฤติเป็นน้ำชาล้นถ้วย และเอาความเพียร เอาสัจจะมาเป็นแรงสนับสนุนได้แล้ว ปัญหาดังกล่าวจึงจะหมดไปได้
   

1511.
สวัสดีครับครูสนอง

     ผมได้รับคำตอบที่แจ่มแจ้งเสมือนห้องที่เคยมืดถูกทดแทนด้วยความสว่าง
ผมมีความรู้สึกมีปิติและนับเป็นเหตุปัจจัยที่ผมได้สร้างมาเพื่อได้พบกับผู้รู้ที่ผมมั่นใจ
แต่ก่อนผมคิดว่าเป็นความบังเอิญและดูเหมือนจะบังเอิญมากๆ เพราะผมเคยเห็นชื่อครู
ในเวปไซต์มานานแต่ผมก็ไม่เคยได้คลิ๊กเข้าไปฟังเสียงบรรยายเฉกเช่นพระอาจารย์รูปอื่นๆ
จนรู้สึกเสียงบรรยายแรกของครูที่ผมได้ฟังคือเรื่องสัมมาทิฏฐิ
เพราะผมค้นหาคีย์เวิร์ดด้วยใจที่อยากมีสัมมาทิฏฐิตลอดภพชาติจนถึงนิพพาน
ผมกลัวหลงภพและชาติจะเป็นเหมือนตัวอย่างคนดังๆในหน้าหนังสือพิมพ์
และได้คลิกเข้าไปฟัง...ผมฟังจนจบและไม่มีวจีใดที่จะไม่เชื่อครูเลย(ทั้งๆที่ครูมักเอ่ยเสมอว่าไม่ต้องเชื่อผม)
     ผมเชื่อเต็มร้อย..และใจยังคิดต่อไปว่าผมน่าจะนำเรื่องนี้ให้เพื่อนสนิทผมได้ฟัง
แต่เพื่อนผมติดในเรื่องบัญญัติมาก เขาจะชอบอ่านพระไตรปิฏกและมีพื้นฐานดีในเรื่องพุทธศาสนา
แต่ผมชวนเขาปฏิบัติสมถะวิปัสสนา เขาบอกยังไม่พร้อมเพราะติดครอบครัว
แต่เขาบอกเขาเจริญสติอิริยาบถย่อยเสมอ ผมจึงคิดว่าก็เป็นวิธีหนึ่งของสติปัฏฐาน 4
แต่ชวนให้นั่งทำสมาธิ เขายังไม่ทำ...ผมก็ไม่ทราบว่าทำไม
 
     ผมเป็นคนที่มีชีวติเรียบง่าย จนรู้สึกเหมือนง่ายเกินไป
ชีวิตการทำงานราบรื่นไม่มีปัญหาถึงมีปัญหา แต่ปัญหาก็ผ่านไปได้ด้วยดีเสมอ
( ผมทุกข์ได้ไม่นาน ก็หมดลง เช่น ผมไปรักษารากฟันเด็ก แต่พลาด
เข็มที่ล้างรากที่บิดงอ 90 องศาไหลลงไปในคอเด็กอย่างรวดเร็ว ขณะเด็กร้องไห้
ตอนนั้นผมใจหายไปอยู่ตาตุ่มแต่ผมก็ทราบว่าโอกาสที่จะออกมาทางอุจจาระมี
ผม admit เด็กและเฝ้าดูอาการ ปรากฏก็ออกมาได้จริง ในวันรุ่งขึ้น ทั้งๆที่ดูเหมือนจะยากเต็มที
เข็มงอๆจะคุดคู้เลื่อนไปมาในลำไส้เล็กได้โดยไม่เกี่ยวกับผนังลำไส้เลยได้อย่างไร)
อีกเรื่องที่ผมถือว่าปาฏิหารย์คือระหว่างแคะรากเครื่องมือที่งอยาวเกือบ 3 ซ.ม.
หักเข้าไปใน sinus ของคนไข้ ใจผมไปอยู่ตาตุ่มอีกครั้ง
ผมรับผิดชอบในสิ่งที่ทำผิดพลาดเสมอ พาคนไข้ไปหา specialist
พี่หมอเขาก็เอาฟิล์มที่ผม x-ray ล่าสุด เป็นแนวในการผ่าตัดเลยเพราะเห็นจะๆเลยว่ามี
แต่ผ่านไปชั่วโมง หายังไงๆก็ไม่เจอ ทั้งๆที่หลังเปิดเข้า sinus แล้วไม่นานเกิน 10 นาที ต้องเจอแล้ว
     พี่หมอเลยไป x-ray ใหม่ซ้ำ 4 ฟิล์ม (ทั้งกะโหลกเลยครับ) ก็ไม่พบเหล็กที่งอเลย...
พี่หมอเขางงไม่เคยเจอเคสแบบนี้ และก็ปิดแผลผ่าตัดในปากลงและบอกให้คนไข้กลับไป
ครูสนองครับ ผมก็ไม่เข้าใจจริงๆ ตอนที่หักเข้าโพรงอากาศขากรรไกรบน
รูเปิดในปากมีทางเดียวคือรอยแผลที่ผมแคะรากซึ่งเป็นรูกลมเส้นผ่าศูนย์กลางเล็กกว่า
ความกว้างของเครื่องมือที่หักถึง 3 เท่า แล้วเหล็กที่หักนั้นไปไหนได้อย่างไรภายในเวลาวันเดียว...
     วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้ครับครู...คนไข้พอใจในตัวผม เข้าใจผมไม่เคยดุว่าตำหนิ
อ้อมีคนหนึ่ง ผู้หญิงเขาเมามาและว่าผมว่าอุดปิดช่องว่างฟันหน้าไม่สวยสั่งให้รื้อออก
นั่นคือครั้งแรกที่ผมโดนตำหนิ แต่ผมไม่ถือสาเพราะเขาเมามาตอนทำฟันครับ...  )
 
     ช่วงนั้นผมขาดสติมาก จนผมกลับมาพบธรรมะของพระพุทธเจ้าอีกครั้ง
( เนื่องจากน้องคนหนึ่งที่ผมสอนหนังสือยามว่างได้เสียชีวิตลงกระทันหันจากอุบัติเหตุรถชน
จนผมโยมนิโสมนสิกา คิดว่าเราประมาทชีวิตเราไม่ได้แล้ว เขาอายุน้อยกว่าเราเขายังไปไวกว่าเราเลย) ช่วงนั้นผมรู้สึกตัวเองมีเวลาว่างมากๆ มากจนคิดไปว่าทำไมเรารู้สึกสบายจัง เราเป็นคนโชคดีจัง
เพื่อนเราจะมีโอกาสแบบเราไหมที่ได้มาว่ายน้ำสบายๆ วิ่งเล่นกีฬา เพลิดเพลิน
( คือผมไม่ได้คิดจะปั๊มเงินเหมือนเพื่อนๆวัยเดียวกัน ผมทำงานพอเลี้ยงชีพ)

     คำถามของผมนะครับครู
1. เพื่อนสนิทผมคนนี้ ทำไมเขาถึงยังไม่เชื่อครูแบบที่ผมเชื่อครับ
( พรุ่งนี้ผมจะพบเขาผมจะลองโหลดไฟล์เสียงของครูให้เขาฟัง)

2. ชีวิตผมมีอุปสรรค แต่ก็ผ่านไปได้เร็วมาก มีเหตุที่ทำให้เป็นเช่นนั้นแน่ๆใช่ไหมครับครูสนอง

3. วงจรชีวิตแต่ละวันของผมสั้นมาก ตื่นนอน สวดมนต์ ทานข้าวเช้า ทำงาน ออกกำลังกาย ทานข้าวเย็น สวดมนต์ นอน ผมไม่ได้ไปเที่ยวเสวนากับใครเลย บางทีผมวิ่งก็วิ่ง 10 กิโลเมตรคนเดียว
( แต่ก่อนมีพี่จ่าวิ่ง แต่ตอนนี้พี่เขากลุ้มใจเรื่องลูกเลยหยุดวิ่งไปเลย) ผมได้พูดคุยกับคนไข้ , ผู้ช่วยก็จริง แต่ผมก็ไม่ได้คุยกับใครจนสนิทเป็นเพื่อน คนที่ผมคุยด้วยมากสุดคือพ่อกับแม่ในแต่ละวัน ผมก็มีความสุขกับชีวิตครับ ไม่ได้ซึมเศร้าอะไร ผมคงสร้างเหตุไม่ตรงใช่ไหมครับ
จึงไม่ได้อยู่ใกล้เพื่อนๆที่ผมจะพูดคุยด้วยได้ อะไรทำให้ผมต้องทำอะไรด้วยตัวคนเดียวเสมอ
ปัจจุบันผมมีธรรมะเป็นเพื่อน...เปิดฟังทุกที่ทุกเวลาที่มีโอกาส
แต่ผมกลับไม่มีคนเป็นเพื่อนที่อยู่ใกล้ที่พูดคุยหรือเสวนาเล่นกีฬา
ในแต่ละวันแบบเพื่อนสนิทของผม(พวกเขาอยู่ไกลจากผมหมดเลย) ผมมีมิตรน้อยเพราะเหตุใด
ป.ล.ผมได้ฟังปฏิจจสมุปปบาทของอ.วศิน ผมเข้าใจว่า พระพุทธเจ้าไม่ตรัสเอ่ยถึงกิเลสในสมุทัย
เพราะเหตุว่าความทุกข์กายและใจมีเหตุเบื้องต้นมาจากตัณหาใช่ไหมครับครูสนอง
การทำลายห่วงโซ่ท่อนไหนดีนะครับเป็นการเหมาะสมดีที่สุด
 
     กราบขอบพระคุณในความกรุณาที่ให้วิชาทั้งทางโลกและทางธรรม
แด่ศิษฐ์คนนี้ทั้งตอนที่ผมเรียนเชียงใหม่และจบออกมาแล้วจนถึงปัจจุบัน

คำตอบ
    (๑). เหตุปัจจัย คือ บุญบารมีของเขายังไม่พร้อม ที่จะผลักดันจิต ให้มาศรัทธาผู้มีปัญญาเห็นถูกตามธรรม

    (๒). ผู้ใดมีบุญบารมีถึงวาระให้ผล ผู้นั้นย่อมมีสติปัญญาเห็นถูกตามธรรมเกิดขึ้น และทำให้ผ่านพ้นอุปสรรคและปัญหาทั้งปวงได้ง่าย ผ่านได้เร็ว

    (๓). ผู้ใดมีปัญญาเห็นถูก ย่อมเห็นไปคนละอย่างกับผู้มีปัญญาเห็นผิด โอกาสเข้ามาใกล้ชิดและเสวนาจึงเกิดขึ้นไม่ได้ พระพุทธโคดมตรัสว่า “ ธรรมเป็นเครื่องจำแนกบุคคลให้ดี ชั่ว เลว หยาบ ” และอีกครั้งหนึ่งได้ตรัสกับภิกษุที่อยู่แวดล้อม ในทำนองที่ว่า      “ ภิกษุ เธอจงมองดูโน่น
      
- ผู้มีจริตชอบเล่นฤทธิ์ ย่อมอยู่ร่วมกลุ่มกับพระมหาโมคคัลลานะ
      - ผู้มีจริตในทางใช้ปัญญา ย่อมอยู่ร่วมกลุ่มกับพระสารีบุตร
      - ผู้มีจริตในทางวินัย ย่อมอยู่ร่วมกลุ่มกับพระอุบาลี ”

   และในปฏิจจสมุปปบาท อวิชชาเป็นต้นเหตุนำมาซึ่งทุกข์ทางกาย (ทุกข์) และนำมาซึ่งความทุกข์ทางใจ (โทมนัส) อันได้แก่ ความโศก (โสกะ) ความร่ำไรรำพัน , ความคร่ำครวญ , ความบ่นเพ้อ (ปริเทวะ) , ความคับแค้นใจ , ความสิ้นหวัง (อุปายาส) ผู้ใดกำจัดอวิชชาให้หมดไปจากใจได้แล้ว ผู้นั้นไม่ต้องนำพาชีวิต มาเวียนตาย-เวียนเกิด เป็นสัตว์ (รูปนาม) อยู่ในภพใดๆของวัฏสงสารอีกต่อไป ผู้ที่มีความสามารถใช้ปัญญาเห็นแจ้ง กำจัดอวิชชาให้หมดไปจากใจได้แล้ว เรียกว่า พระอรหันต์ ด้วยเหตุนี้ผู้รู้ไม่จริง จึงใช้ความเห็นผิดไปตัดห่วงโซ่ปล้องอื่นในปฏิจจสมุปปบาท แต่ผู้มีความเห็นถูก กำจัดอวิชชา อันเป็นต้นเหตุของความทุกข์ทั้งปวงให้ขาดสิ้นลงได้
  

1510.
ผมยังมีข้อสงสัยในคำตอบของอาจารย์ครับ

1. ผมมีปัญหาความสงสัยในการนั่งสมาธิครับ
ผมนั่งสมาธิ แล้ว ลำตัวผมจะเอนลงเรื่อยๆ จนต้องนอนลงกับพื้น
เคยฝืน อดทน ให้ลำตัวเอนลง แล้วจับจิตที่แผ่นหลังว่าเกิดอะไร ก็รู้สึกกำลังเกร้งไม่มาก
และ เฝ้าดูต่อไป    ลำตัวก็ค้างลอยๆ กึ่งนั่งนอน เหมือนจะนอนแต่ไม่นอนลงไป เพราะ ลำตัวล๊อคอยู่ จนสักพักก็นอนลง ผมก็ไม่แน่ใจว่า ควรจะกำหนดจิตในท่านั่งขัดสมาธิ ต่อ หรือ จะนอนท่าศพ เหมือนโยคะ แล้วจับลมหายใจดีครับ ?
คำตอบจากอาจารย์ ดร.สนอง
( ๑). ขณะตัวเอนลง ให้กำหนดว่า “ นอนหนอๆๆๆๆ ” ไปเรื่อยๆ จนกว่าอาการเอนลงของร่างกายดับไป แล้วดึงจิตกลับมาสู่องค์บริกรรมเดิมที่ใช้อยู่
คำถามต่อเนื่อง
อาจารย์ครับ ผมไม่เข้าใจคำว่า"ดึงจิต" และ "องค์บริกรรมเดิม"
......" ดึงจิตกลับมาสู่องค์บริกรรมเดิม".......
ผมเข้าใจดังนี้ครับ เมื่อนอนไปแล้วก็กำหนดจิต ว่าวิญญาณของเราอยากกลับมานั่ง  
[ ผมพยายามนึงถึงขันธ์ห้า ถ้าใช้คำผิดรบกวนอาจารย์ช่วยแก้ไขให้ด้วยครับ]
ก็กำหนดอยากนั่งหนอ อยากนั่งหนอ
เมื่อนั่งแล้วก็นั่งให้หลังตรงกำหนดที่ท้องพองยุบเหมือนเดิมใช่ไหมครับ

2. อาจารย์ครับ ผมได้สนทนากับนักปฏิบัติบางท่าน ซึ่งเขาได้ผ่านการภาวนา
มา สิ่งที่เขาปฏิบัติ คือ ภาวนาละเอียดมากครับ เช่น จะทานข้าว อยากทานหนอๆๆ
มือจับช้อนหนอๆๆๆ จึงจับช้อน ช้อนเย็นหนอๆๆๆ
ยกแขนหนอ เหยียดแขนหนอ ..... อาหารถึงปาก
รู้รสเผ็ด[เวทนา]หนอ....[สังขาร]อาจปรุงแต่งไม่ชอบหนอ
แต่ฟังดูแล้วน่าจะคล้ายที่ อาจารย์เคยบรรยาย ครับ[อาจารย์เคยบรรยายไว้ว่า
ตอนอยู่กับท่านเจ้าคุณโชดก เวลาจะทานข้าวคำนึง ลำบากมาก]
แต่อาจารย์ไม่ได้ให้รายละเอียดว่าลำบากมากคืออะไร
ผมเข้าใจว่าลำบากเพราะต้องฝึกอย่างที่นักปฏิบัติผู้นั้นทำครับ
สิ่งที่ผมปฏิบัติก็ทำบ้างถ้าการงานไม่ได้รีบ
ก็จะภาวนา แต่ไม่ทุกขั้นตอนเท่านักปฏิบัติผู้นั้น
หรือบางครั้งก็แค่กำหนดรู้ว่าขณะนั้นเกิดอะไร กำลังทำอะไร
เช่น เข้าปาก[ผิวกายในปากสัมผัส รับรู้สัมผัส]
จะเริ่มเคี้ยว[ก็รู้ว่าใจวิญญาณ อยากเริ่มเคี้ยว]
ผมควรจะทำอย่างไรดีครับ จะได้มีแนวทางเหมือนเสาให้ยึดเป็นหลักครับ
 
กราบขอบพระคุณครับ
ปิยาวัฒน์

คำตอบ
    (๑). ไม่กำหนดตั้งท่านั่งสมาธิและนอนท่าศพ ขณะที่ร่างกายกำลังเอนลง ต้องกำหนดว่า “ เอนหนอๆๆๆ ” ไปเรื่อยๆ จนกว่าการเอนลงของร่างกายจะดับไป เมื่อการเอนตัวลงดับไป ร่างกายยังคงนั่งอยู่ในท่านั่งสมาธิเหมือนเดิม

   คำว่า “ ดึงจิต ” หมายถึง เอาจิตกลับมาสู่การบริกรรมดังที่ทำอยู่ในครั้งแรก

   คำว่า “ องค์บริกรรมเดิม ” หมายถึง กรรมฐานที่นำมาใช้เป็นองค์ภาวนาในครั้งแรก เช่น ใช้คำภาวนาว่า “ พุท-โธ ” นั่นหมายถึง องค์บริกรรมเดิม

   (๒). คำว่า “ ลำบากมาก ” หมายถึง ต้องเอาจิตจดจ่ออยู่กับทุกอิริยาบถที่กำลังจะเกิดขึ้น ดังนั้นผู้ถามปัญหา ต้องทำตามครูผู้สอนกรรมฐาน ให้ได้ทุกอย่างตามที่ครูสอน ผู้ปฏิบัติธรรมที่ได้มรรคผลก้าวหน้า เขาไม่คิดอะไรอื่น เพียงแต่ทำตามที่ครูบอกเท่านั้น
  

1509.
กราบเรียน อาจารย์สนองที่เคารพ

หนูได้มีโอกาสไปปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว จริงๆตั้งใจว่าปีนี้จะไปอยู่แล้วแต่มีทุกข์ทางใจเกิดขึ้น จากความพรัดพรากในคนที่รักอย่างกะทันหัน (จากเป็น) จึงเร่งหาเวลาไปทันทีทันใด ในขณะที่อยู่ที่นั่น7คืน8วัน ก้อมีความสงบเกิดขึ้นบ้าง แต่การปฏิบัติไม่ได้ก้าวหน้าเหมือนคนอื่น เช่น มีอาการฟุ้ง คิด อยู่ขณะเดินจงกรมอยู่เนืองๆ ขณะนั่งสมาธิก้อไม่มีสภาวะใดเกิดขึ้นเป็นพิเศษ อาการเหน็บชาที่ขาก้อมีบ้าง แต่ไม่ได้รู้สึกปวดทรมานเหมือนที่คนอื่นรู้สึก อาการใดๆที่แสดงว่าเป็นวิปัสสนานุสากิเลส ก้อไม่เกิด หลังจากออกจากคอร์สปฏิบัติกลับมา ก้อไม่ได้รู้สึกโปร่งโล่งเบาสบายอย่างที่อาจารย์ผู้สอนบอกไว้ว่าควรจะเกิด เรียกได้ว่ากลับมาเศร้าโศกเหมือนเดิม

เหตุแห่งทุกข์นี้เกิดมาเป็นครั้งที่สองแล้วกับคนๆเดิม อาการทรมานใจยังมีอยู่ไม่ต่างจากครั้งแรก สถานการณ์ที่เกิดก้อไม่มีความแตกต่างกันเลย ทำให้หนูมีคำถามในใจว่าหนูไปทำกรรมใดไว้กับเขามากมายขนาดไหน ความทุกข์จึงไม่เบาคลายซักที ทุกบัลลังค์ที่นั่งหนูก้ออุทิศส่วนกุศลให้เขา ทุกเข้าเย็นที่สวดมนต์ขณะปฏิบัติก้อแผ่เมตตาให้ด้วยความตั้งใจที่จะอโหสิกรรมต่อกันทุกครั้ง หนูตั้งจิตอธิษฐานว่าขอให้เกิดปํญญาแก่หนูเพื่อที่หนูจะได้ประจักษ์เห็นการเกิดดับของทุกสิ่ง เพื่อที่จะได้มองเห็นอนิจจังของทุกข์ครั้งนี้เช่นกัน

ทำไมหนูถึงรู้สึกว่าตัวเองเป็นพวกชอบจมอยู่กับความทุกข์แห่งรัก น้ำตาเอ่อท้นได้ง่ายแค่คิดถึงความทุกข์ ลึกๆเหมือนสงสาร สมเพชตัวเอง ทั้งๆที่ก้อมีชีวิตด้านอื่นๆที่ดีไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพ การงาน ครอบครัว พ่อแม่ พี่น้อง ทำอย่างไรจึงจะเป็นผู้มีจิตใจเข้มแข็งเบิกบาน หนูมีโอกาสได้ทำบุญเสมอในหลายรูปแบบ เมื่อมีความไม่สบายใจก้ออาศัยการทำบุญเป็นทางออก

หนูควรจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรเพิ่มเติมเพื่อให้การพ้นทุกข์ทางใจเป็นไปได้เร็วขึ้น ขอขอบพระคุณในความกรุณาของอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ

อัญชลี

คำตอบ
    หากผู้ถามปัญหาประสงค์ทำให้ปัญหาหมดไป ควรนำตัวเองไปพิจารณาอสุภะ ( Life Museum ) ที่วัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรี แล้วจะรู้ว่าตัวเองเห็นผิด ที่เอาจิตไปผู้ติดเป็นทาสอยู่กับสิ่งที่ตาเห็นว่างาม ซึ่งไม่มีอยู่จริงแท้ พิจารณาดูซากศพที่ห้อยแสดงไว้ จนเกิดเป็นความเห็นถูกตามธรรมขึ้นแล้ว ผู้ถามปัญหา ย่อมตาแจ้ง เห็นความทุกข์ใจที่เกิดขึ้น เป็นเพราะเราโง่เอง ... ขออภัยพูดตรง
  

1508.
กราบเรียนพระอาจารย์
(ขออนุญาติเรียกพระอาจารย์นะค่ะเพราะนู๋ถือว่าท่านเป็นผู้สอนนู๋ให้รู้ถึงธรรมะ)
นู๋ได้มีโอกาสไปเข้าร้วมกิจกรรม แสดง ธรรม ครั่งที่ 17 ณ หอประชุม ธรรมศาสตร์
 
หลังจากกลับมาก็รู้สึกว่าตนมีสติขึ้นมามาก จากที่คือทำอะไรแล้วก็ยึดติดไปกับทุกสิ่งทุกอย่าง
แต่เด๋วนี้นู๋ปล่อยว่างขึ้นเยอะ และนู๋ก็เคยคิดเล่นๆว่าถ้าวันนึงนู๋นั่งสมาธิ กำหนดจิต แล้วนู๋จะมีโอกาสได้เจอกับท่านทางจิตหรือไม่ค่ะ มันทำได้จริงหรือไม่ แล้วท่านมีสิ่งไดพอที่จะแนะนำนู๋ได้บ้าง่ค่ะ
 
       กราบขอบพระคุณ
 
นางสาวจิราพร ชัยวรพงษ์
          ญาติธรรม

คำตอบ
    การปฏิบัติธรรมที่ถูกทางคือ ปฏิบัติสมถภาวนา แล้วจิตต้องตั้งมั่นเป็นสมาธิ ปฏิบัติวิปัสสนา แล้วต้องเกิดปัญญาเห็นแจ้ง ผู้มีปัญญาเห็นแจ้ง เห็นสรรพสิ่งเกิดแล้วดับ สรรพสิ่งจึงไม่ใช่ตัวตนแท้จริง หรือคือไม่มีอยู่จริง จิตปล่อยวางสรรพสิ่ง จิตเป็นอิสระจากสรรพสิ่ง อย่างนี้จึงจะเรียกได้ว่า ปฏิบัติธรรมถูกทาง
  

1507.
กราบสวัสดีท่านอาจารย์ค่ะ
 
1. ใจของหนูไม่หวังเกิดอีกแล้วถ้ามีบารมีพอที่จะปฎิบัติให้ถึง เพราะหนูเห็นทุกข์ของการเวียนว่ายตายเกิดแล้ว การผูกพันในคน ในพ่อ แม่ พี่น้อง สามี ลูก มีแต่ห่วง แต่หนูโชดดีที่เกิดมาเป็นเด็ก กำพร้า พ่อ แม่ บุญธรรมทำมาเลี้ยง   ชีวิตที่ผ่านมาหนักไปในทางทุกข์ ช่วง อายุ 30 ได้ฝึกปฎิบัติกรรมฐานและศึกษาธรรม   ปีที่ผ่านได้นั่งกรรมฐานนั่งสมาธิผ่านไปสักครู่ เห็นถึงข้อที่ทำให้เราต้องผูกพัน คือศีลข้อ 3 ระหว่างหญิงและชาย ผ่านไปเห็นถึงการปฎิสนธิเด็กที่กำลังเกิดเป็นเหมือนตัวลูกอ๊อด ผ่านไปอีกหน่อย เห็นการแก่ และตายจากนั่งพยายามพิจารณาในสมาธิ ไม่สามารถหยุดการร้องไห้ได้ ร้องแบบสะอึดสะอืน มาก ๆ อยากถามท่านอาจาย์ว่าสิ่งที่หนูเห็น และได้รับรู้นั่น มันเป็นการปฎิบัติที่ถูกทางเปล่าค่ะ
 
2. การทำอานาปานะสติไปสักครู่ในเกิดความสงบแล้ว ค่อย ภาวนา พุธโธ นี้ถูกต้องใช้ไหมค่ะ   เคยไปปฎิบัติวัดอัมพวันมา จะไม่ถนัด หยุบหน่อ พองหน่อ   แต่จะชอบเดินจงกรมมากค่ะ ช่วยแนะนำหนูด้วยค่ะ
 
3. แล้วถ้าเรารู้คู่ของเราอยู่ในสถานะเป็นพระปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ ทำให้เราดวงตาเห็นธรรม แต่เราไม่มีจิตใจที่จะทำให้ท่านไม่ได้สร้างบารมีต่อ เพราะชาตินี้เราไม่หวังเกิดและพูกพันกับใครอีกแล้ว ต่างคนปฎิบัติมักผลนิพพานได้หรือเปล่า แล้วทำอย่างไรถึงจะก้าวผ่านไปได้ค่ะ

4. ปกติจะชอบไปไหนมาไหนคนเดียว หรือทำบุญกับเพื่อนที่ปฎิบัติด้วยกัน แต่รู้สึกเสียใจมากเมื่อไม่กีวันมานี้ ปกติจะไปทำบุญด้วยกันในกลุ่ม มีบ้างที่ที่เราไปแล้วเราก็มาเล่าให้เค้าฟัง มีบ้างที่ที่เราชวนแล้วไม่มีใครไปเพราะไม่อยากไป แต่เวลาเค้าชวนเราไป เราไม่อยากไปแต่ต้องไป เพราะว่าไม่อยากขัดเค้า เพราะถ้าเราไม่ไปเค้าก็จะไม่ได้ไปสร้างบารมีบ้าง ที่เราชวนเค้าด้วยคำพูดแบบไม่ได้คิดว่าจะยัดเยียดให้เค้า เราพูดว่าเธอไปสิ ดีนะ ดีนะ แล้วเราก็เล่าให้เค้าฟัง แต่เค้ากลับบอกเราว่าบ้างที่เราพูดเหมือน บังคับจัง เค้าก็ยกตัวอย่างว่า เพื่อนเคยพูดว่าขอดีจริงไม่ต้องโฆษณาหรอก เค้าบอกว่าถ้าอยากไปพูดแล้วไปเอง หนูรู้สึกว่าหนูไม่ได้ตั่งใจที่จะพูดแบบซ้ำกันแค่เล่าให้ฟังไม่ได้รู้สึกว่าเค้าต้องไป แต่ถ้าไปด้วยกันก็ดีจะทำบุญด้วยกัน พูดเพราะกำลังเบิกบานในบุญทื่ไปทำมา
  รบกวนถามอาจารย์ค่ะ ถ้าเป็นแบบนี้ทำยังไรเพื่อนสนิทมากปฎิบัติธรรมดี ปฎิบัติธรรมชอบ แล้วควรขออโหสิกรรมให้เค้าเปล่าค่ะ เพราะเค้าไม่รู้ว่าเราเสียใจมากแล้วร้องไห้ การที่ทำให้คนจิตใจกำลังเบิกบานในบุญมา เค้าจะบาปหรือเปล่าค่ะ
 
รบกวนด้วยค่ะ

คำตอบ
    (๑). สิ่งที่ผู้ถามได้เห็นและได้รับรู้ นั่นคือสิ่งที่ผูกมัดใจสัตว์ไม่ให้พ้นจากกามภพ ซึ่งยังต้องเสวยความทุกข์ที่เกิดจากกาม ผู้ใดปรารถนานำพาชีวิตให้พ้นไปจากความทุกข์ ต้องไม่เอาจิตเข้าไปเป็นทาสของสิ่งที่เห็น ตรงกันข้าม ต้องพัฒนาจิต (วิปัสสนาภาวนา) จนเกิดปัญญาเห็นแจ้ง แล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้งกำจัดสังโยชน์สามตัวแรก (สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส) ให้หมดไปจากใจได้เมื่อใดแล้ว จึงจะถือได้ว่าปฏิบัติธรรมถูกทาง

   (๒). การพัฒนาจิต (สมถภาวนา) ให้ตั้งมั่นเป็นสมาธิ ด้วยการกำหนดลมหายใจเข้าว่า “ พุท ” กำหนดลมหายใจออกว่า “ โธ ” เรียกการปฏิบัติเช่นนี้ อานาปานัสสติ หรือนิยมเขียนว่า อานาปานสติ การปฏิบัติสมถภาวนาให้จิตตั้งมั่นได้เร็วและยาวนาน ต้องเลือกบทกรรมฐานที่เหมาะกับจริตของผู้ปฏิบัติ

   (๓). ผู้ใดปฏิบัติธรรมจนสามารถกำจัดสังโยชน์ห้า (สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส กามราคะ และปฏิฆะ) ได้แล้ว ผู้นั้นย่อมมีจิตเป็นอิสระจากใครผู้ใด ตรงกันข้าม มีจิตมุ่งตรงสู่ความพ้นไปจากทุกข์ทั้งปวง ฉะนั้นผู้ปรารถนานำพาชีวิตไปในแนวนี้ ต้องพัฒนาปัญญาเห็นแจ้งให้เกิดขึ้น แล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้งกำจัดสังโยชน์ทั้งสิบตัวให้หมดไปจากใจ โดยมีอิทธิบาท ๔ เป็นเครื่องสนับสนุน

   (๔). ปัญหานี้แก้ไขได้ โดยพัฒนาตัวเองให้มีศีล มีธรรมคุ้มครองใจ คนที่เข้ามาใกล้และสนทนาด้วยย่อมเกิดศรัทธา เมื่อความศรัทธาเกิดขึ้นแล้ว และเขาเปิดทางให้เราชวนเขาไปทำบุญด้วย เมื่อนั้นเราจึงมีสิทธิ์ชักชวนเขาไปทำบุญโดยไม่ต้องพูดซ้ำ เมื่อชวนแล้ว เขาจะไปหรือไม่ไป เป็นสิทธิของเขา ผู้รู้จริงไม่เซ้าซี้ หรือบังคับใจให้เขาต้องไปด้วย ผู้ใดไม่สบายใจถือว่าผู้นั้นมีบาปเกิดขึ้น เช่นเดียวกัน ผู้ใดเอาจิตไปคิดในเรื่องของคนอื่น แล้วทำให้ตัวเองไม่สบายใจ ผู้นั้นมีบาปเกิดขึ้น
   

1506.
กราบเรียน อาจารย์ ดร. สนอง ครับ
 
   ผมมีคำถามเกี่ยวกับราคะจริตที่แก้ไม่หายครับ เดิมผมเป็นคนหน้าตาพอใช้ได้
ผู้ใหญ่เห็นมักเมตตา เพศตรงข้ามก็พอมีมาสนใจครับ แต่มาวันหนึ่ง โรคสิวบน
ใบหน้าก็เกิดขึ้นจนถึงปัจจุบัน เรื้อรังมา 4 ปีแล้วครับ แรก ๆ ก็รักษาโดยไปหา
หมอ แต่ผมว่ามันเรื้อรังมานาน จนคิดว่าอาจเป็นโรคเวรโรคกรรมก็ได้ ผมพอจะ
ทราบว่าวิธีหนึ่งคือปลงให้ได้จึงหันมาสนใจธรรมะ แต่จิตยังทุกข์อยู่เหลือเกิน
บางวันจิตไปยึดจนนั่งสมาธิไม่ได้ ผมจึงขอความกรุณาอาจารย์ช่วยหาหนทาง
ที่ถูกต้องและถูกตรงให้อาการทุเราหรือหายขาดได้ก็จะขอบพระคุณอย่างสูงครับ
 
   ผมเองยังไม่ทราบด้วยตนเองจริง ๆ ว่าสวรรค์นรกมีจริงหรือไม่ หากมีจริงผมขอ
บุญที่ทำมาในอดีต ปัจจุบัน และที่จะทำในอนาคตช่วยส่งผมไปให้ได้พบกับ
อาจารย์สักครั้งจะบนโลกมนุษย์หรือสวรรค์ก็ตาม และหากวันนั้นราคะจริตของ
ผมยังไม่หมดไป ขอให้ได้ฟังธรรมจากอาจารย์จนจิตไม่ยึดกับรูปอย่างนี้ด้วย
เทอญ สาธุ
 
  ขอกราบขอบพระคุญอย่างสูงยิ่งครับ

คำตอบ
   วิธีแก้ปัญหาได้อย่างถูกตรงที่สุด คือ ปฏิบัติธรรม (วิปัสสนาภาวนา) จนเกิดปัญญาเห็นแจ้ง แล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้งพิจารณาขันธ์ ๕ (รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ) จนเห็นว่า เป็นไปตามกฎไตรลักษณ์จริง เมื่อขันธ์ ๕ ดับ ร่างกายไม่มี ตัวตนไม่มี ใบหน้าของตัวก็ไม่มี เมื่อหน้าของตนไม่มีอยู่จริง สิวบนใบหน้า ย่อมไม่มีตามไปด้วย ผู้ใดเห็นแจ้งเช่นนี้ ปัญหาเรื่องสิวขึ้นที่ใบหน้า ย่อมไม่เข้ามากวนใจ คือ หายขาดอย่างสิ้นเชิง

   ผู้ใดปรารถนาเห็นนรก ปรารถนาเห็นสวรรค์ ผู้นั้นต้องพัฒนาจิต จนตั้งมั่นเป็นสมาธิแน่วแน่ (อัปปนาสมาธิ) หรือเรียกว่า สมาธิระดับฌาน เมื่อถอนจิตออกจากฌาน แล้วอธิษฐานขอเห็นนรก ขอเห็นสวรรค์ ตาทิพย์ (ทิพจักขุ) ย่อมสัมผัสกับสิ่งที่ปรารถนานั้นได้ ... พิสูจน์ไหมครับ

   และเช่นเดียวกัน ปรารถนาพบกับอาจารย์ ของตัว ต้องทำเหตุให้ตรง คือ เอาศีล ๕ คุมใจ และมีสัจจะคุมใจอยู่ทุกขณะตื่น แล้วอธิษฐานขอพบอาจารย์ของตัวเอง เมื่อใดที่เหตุปัจจัยลงตัว ความสมปรารถนาย่อมเกิดเป็นจริงได้

1505.
อยากสอบถามปัญหาธรรมกับ อาจารย์ ดร. สนอง วรอุไร ครับ

   อยากสอบถามปัญหาเกี่ยวกับความคิดครับ   คือผมมีความทุกข์ที่เกิดจากความคิด คือผมชอบปฏิบัติธรรมไหว้พระสวดมนต์ และพยายามคุมความคิดให้คิดแต่ในสิ่งที่ดี ๆ แต่ควบคุมไม่ค่อยได้คือ จิตชอบคิดในสิ่งที่ไม่ดีในสิงที่ไม่อยากคิด พอคิดในสิ่งที่ไม่ดี จิตก็ไปพะวงกับความคิดที่ไม่ดีเหล่านั้นเช่นกลัวบาปกับความคิดนั้นทำให้ฟุ้งซ่านไปใหญ่ กว่าจะกลับมาได้ก็หาวิธีแก้ตั้งนาน

   อยากถามอาจารย์ว่า ถ้าเราคิดในสิ่งที่ไม่ดีซึ่งเราไม่อยากคิดแต่ควบคุมไม่ทันทำให้คิดเลยเถิดไป   เราจะบาปกับความคิด ที่ไม่ดีเหล่านั้นมากไหม และจะมีวิธีการแก้ไขอย่างไร ให้คิดแต่ในสิ่งที่ดีๆ และเป็นบุญ ครับผม  
 
  ขอบคุณ อาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร มากครับ

คำตอบ
    บาปมากหรือบาปน้อย ขึ้นอยู่กับความยาวนานของความคิดไม่ดี ถ้าคิดไม่ดียาวนานมาก ก็บาปมาก วิธีแก้ไขคือ ทุกครั้งที่ความคิดไม่ดีเกิดขึ้น ต้องบริกรรมว่า “ คิดหนอๆๆๆๆ ” ไปเรื่อยๆจนกว่าความคิดไม่ดีจะดับไป หากผู้ถามปัญหาไม่ทำตัวเป็นน้ำชาล้นถ้วย มีสัจจะ มีความเพียร ทำตามคำชี้แนะ ความสำเร็จในการแก้ปัญหาคิดไม่ดี ย่อมเกิดขึ้น
   

1504.
กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง   วรอุไร   ที่เคารพอย่างสูง
 
        เรื่อง สีลัพพตปรามาส เท่าที่กระผมทราบจากท่านอาจารย์ และตามบทความทั่วไป คือความยึดมั่นถือมั่นอยู่ในสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือศีลพรตภายนอกพระพุทธศาสนา ในเรื่องนี้กระผมมีความไม่มั่นใจในเรื่องการกราบไว้อย่าง เช่น   การเข้าร่วมพิธีไหว้ศาลหลักเมือง หรือไหว้รูปปั้นบุคคลสำคัญต่าง ๆ ในบ้านเมือง   กระผมขอรบกวนให้ท่านอาจารย์กรุณาให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ด้วยครับ ว่าเราไหว้อะไร ถ้าจำเป็นต้องไหว้   ต้องทำอย่างไร

กระผมขอกราบขอบพระคุณ ท่านอาจารย์ ดร.สนอง เป็นอย่างสูงครับ

คำตอบ
    สีลัพพตปรามาส เป็นกิเลสตัวหนึ่งที่ผูกมัดใจ (สังโยชน์) สัตว์บุคคล ให้เวียนตาย-เกิดในวัฏสงสาร ซึ่งอริยบุคคลสามารถเว้นได้แล้วคือ

     ๑.  ไม่ประพฤติตนเหมือนอย่างโค (โควัตร) คือ กินหญ้า แล้วคิดว่าเป็นทางนำพาชีวิตเข้าถึงวิมุตติธรรม

     ๒.  ไม่ประพฤติตนเป็นเหมือนอย่างสุนัข (กุกกุรวัตร) คือ กินอาหารสกปรก เสพกาม และท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ แล้วคิดว่าเป็นทางนำพาชีวิตเข้าถึงวิมุตติธรรม

     ๓.  ไม่ประพฤติตน นุ่งลมห่มฟ้า (ชีเปลือย) อดอาหาร มีกินบ้าง ไม่กินบ้าง แล้วคิดว่าเป็นทางนำพาชีวิตเข้าถึงวิมุตติธรรม

     ๔.  ไม่ประพฤติกสิณภาวนา จนสามารถเข้าฌานสมาบัติได้เพียงอย่างเดียว แล้วคิดว่าเป็นทางนำพาชีวิตเข้าถึงวิมุตติธรรม

     ๕.  ไม่ประพฤติสวดมนต์ อ้อนวอนผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่ คือ พระเจ้าผู้สร้างโลก ให้ประทานความสุขที่เป็นนิรันดร์ให้

   ตรงกันข้าม ปุถุชนที่ประกอบพิธีกรรม กราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น รูปปั้นของบุคคล ศาลหลักเมือง ไม่เรียกว่าเป็นสีลัพพตปรามาส เพราะมิได้ปรารถนาความหลุดพ้น แต่เรียกว่าเป็นการแสดงความเคารพกราบไหว้ บูชาผู้ที่ควรบูชา ซึ่งถือว่าเป็นมงคลชีวิต (ปูชา จะ ปูชะนียานัง เอตังมัง คะละมุตตะมัง)
     

1503.
กราบเรียนอาจารย์สนองที่เคารพอย่างสูง
 
    เรียนถามค่ะ ว่าระหว่างแม่ผู้ให้กำเนิดซึ่งเลี้ยงลูกได้แค่ 3-4 เดือน แล้วลูกก็ต้องระหกระเหเร่ร่อนไปตามบ้านญาติและไม่ใช่ญาติ มาประมาณ 6-7 ปี แล้วแม่บุญธรรมซึ่งเป็นพี่สาวของพ่อรับมาเลี้ยง ส่งเสียอย่างดี แต่ระหว่างที่เราเติบโตอยู่กับแม่บุญธรรม แม่แท้ๆมารบกวนบีบคั้นตลอด ซึ่งหนูเกลียดแม่ตัวเองมากๆ และไม่เคยเรียกแม่จะเรียกน้ามาตลอด ตอนที่แม่เเท้ๆมีหนู แกอายุแค่ 14-15 ปี แม่ของหนูคนนี้เป็นผู้หญิงใจร้ายมากๆ เเกมีลูกของตัวเองด้วย แต่ลูกทิ้งไม่ดูแล ไม่ส่งเสีย สามีตาย ชีวิตย่ำแย่มากๆ พอหนูเห็นอย่างนั้นก็อดที่จะส่งเสียไม่ได้ แบบไม่เต็มใจ แถมยังต้องส่งเสียลูกของน้องชายคนละพ่ออีก ส่วนแม่บุญธรรมหนูไม่เคยต้องส่งเสียหรือว่าช่วยเหลืออะไรเลย ตัวหนูเองมาทุ่มให้กับแม่แท้ๆ ตัวของแม่แท้ๆ แกทำกรรมไม่ดีเยอะมากๆ ช่วง 4-5 ปีมานี้ กรรมเริ่มตามสนองแล้วค่ะ ตัวเองเป็นเบาหวาน แล้วตามมาหลายๆโรค ที่สำคัญพาคนและลูกสาวตัวเองไปทำแท้ง 3-4 คน ส่วนตัวแก ตอนนี้เป็นมะเร็งมดลูกระยะที่สอง ตัดมดลูกและต่อมน้ำเหลืองซึ่งแผลไม่ติดน้ำเหลืองไหลเต็มท้อง หนูก็ไม่รู้จะช่วยยังไง ได้แค่แนะนำให้สวดมนต์นั่งสมาธิ ตัวแกทรมานมาก หนูพยายามจะให้กำลังตัวเองว่า เราทำบุญเพื่อสร้างบารมีสร้างบุญให้กับตัวเองเพื่อจะได้พาติดตัวไปชาติหน้า แม่บุญธรรมเราไม่ค่อยได้ช่วยเหลือหรือตอบแทนบุญคุณเลย เพราะตัวหนูเองอยู่เมืองนอก ส่วนแม่แท้ๆหนูส่งเงินไปทั้งรักษา กินอยู่ ส่งเด็กเรียน 2 คน(คือลูกของน้องชายคนละพ่อ เรียนม. 2 นอกจากส่งเสริมเรื่องเรียนแล้ว หนูให้เด็กบวชเณรตอนปิดเทอม ส่วนช่วงเรียนให้สวดมนต์นั่งสมาธิ เช้า-เย็น   อีกคนน้องสาวคนละเเม่เรียนพยาบาล)ส่วนตัวหนูเองไม่มีเหลือเท่าไหร่ ไม่มีส่งให้แม่บุญธรรมเลย แต่ท่านก็ไม่เคยเดือดร้อนเรื่องเงิน อาจจะปีหนึ่งสักครั้งสองครั้ง
 
    ปัญหาของหนูที่คิดมาตลอดคือ หนูเป็นคนอกตัญญู คนที่เลี้ยงเรามาเราไม่เคยตอบแทนบุญคุณ ส่วนคนที่ไม่เคยดีกับเรา แต่เป็นผู้กำเนิด เราต้องมาส่งเสียช่วยเหลือ หนูคิดบ้างครั้งว่า ทำไมเราไม่เป็นคนใจดำนะ น่าจะมองข้ามไปเหมือนคนใจร้าย แกถูกลูกทิ้งเพราะแกเป็นแม่ที่ใจร้ายมาก(เลี้ยงลูกด้วยมือด้วยเท้า แล้วอ้างว่า รักลูก)เป็นครอบครัวมิจฉาทิฐิทั้งครอบครัว
 
    อยากจะถามอาจารย์ค่ะ บ้างครั้งที่หนูส่งเสียให้แม่ผู้ให้กำเนิด ไม่ค่อยเต็มใจนัก หนูคงไม่ได้บุญใช่ไหมคะ ส่งเงินที หมื่นถึงห้าหมื่น เงินขนาดนี้บ้างครั้งทำใจไม่ได้ค่ะ ตัวเองใช้ไม่ถึงห้าพันต่อเดือนเลย ท้อค่ะ แต่พอคิดบวก ว่าดีเหมือนกัน เขาอยู่เขามาเพื่อให้เราสร้างบารมี แต่จะไม่ได้บุญก็ตรงไม่ยินดีในตอนก่อนทำ ขณะทำ แต่พอเห็นผลเป็นยินดีหลังทำ
 
ขอขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
    แม่ผู้ให้กำเนิดชีวิต แม้จะไม่ได้เลี้ยงดูลูกก็ถือว่า เป็นผู้มีคุณ ให้เราได้รูปนามมาใช้สร้างบุญสร้างบารมี การดูแลแม่ผู้ให้กำเนิดด้วยการส่งเงินให้ใช้ ถือว่าเป็นความกตัญญูกตเวทีอย่างหนึ่งที่ลูกสามารถทำได้ แต่ก่อนที่จะส่งเงินให้ ต้องมีศรัทธาว่าแม่เป็นผู้มีบุญคุณให้ชีวิตแก่เรา ขณะส่งเงินต้องส่งให้ด้วยความตั้งใจ และเมื่อส่งเงินให้แม่แล้วมีความสบายใจ ถ้าทำได้อย่างที่กล่าวมานี้ถือได้ว่า ผู้ถามปัญหาได้สร้างและสั่งสมบุญเต็มร้อยให้กับตัวเองแล้ว

     ส่วนแม่ที่อุปการเลี้ยงดูเรามาจนเติบใหญ่ หากลูกเลี้ยงหวังความเจริญในชีวิต ต้องประพฤติตอบแทนคุณแม่เลี้ยง ด้วยการทำตัวเป็นคนดี มีศีล มีธรรมคุ้มครองใจ ทำให้ท่านสบายใจด้วยทำตัวให้มีชีวิตมั่นคง ก็ถือได้ว่าเป็นการตอบแทนอุปการคุณท่านแล้ว

     เรื่องวิบากกรรมของแม่ผู้ให้กำเนิด ท่านเป็นครูสอนลูกไม่ให้ทำอย่างท่าน แล้วเราจะไม่วิบัติเช่นท่าน ฉะนั้นจงดูเรื่องนี้ให้ออก ช่วยเหลือเท่าที่สามารถช่วยได้ เรื่องใดช่วยไม่ได้ต้องปล่อยวาง โดยถือว่าเป็นผลของอกุศลกรรมที่ท่านทำของท่านเอง ผู้รู้ในพุทธศาสนาประพฤติเช่นนี้
     

1502.
กราบสวัสดีครับครูสนอง

ผมได้อ่านคำตอบชี้แนะของครูที่มีค่ามหาศาลต่อการปฏิบัติธรรมของผม ผมยังมีความสงสัยต่อไปว่า
1. " การย่างก้าวของเท้า หากผู้ถามปัญหาเอาจิตไปจดจ่ออยู่กับการก้าวเดิน
หรือมีจิตจดจ่ออยู่กับอิริยาบถย่อยอื่นใด ถือได้ว่าเป็นการเจริญสติ"
ครูสนองหมายถึงหากผมจะเดินด้วยจังหวะปกติ แต่ใจผมจดจ่อกับบทสวดระหว่างเดิน
ผมก็สามารถเจริญสติทำสมาธิได้ใช่ไหมครับโดยที่ผมไม่ได้กำหนดอิริยาบถในการเดินเลย
ถือเป็นการเจิรญสติหรือไม่ครับ ผมไม่เคยเดินจงกลมเป็นจริงเป็นจัง
ผมชอบเดินจังหวะปกติมากกว่า ผมเป็นคนชอบเดินมากๆ เดินได้นานๆ เดินวนไปมาในที่แคบๆได้
หรือแม้กระทั่งเดินวนเป็นวงกลมปิด ผมชอบเดินเมื่อผมจะใช้ความคิด ผมผิดปกติจากคนอื่นไหมครับ
 
2. เพราะหลังจากภาระการงานเสร็จสิ้นลง ผมจะใช้เวลาวิ่งมากแม้กระทั่งว่ายน้ำ ประมาณ 1 ชั่วโมง โดยเฉพาะวิ่ง ผมวิ่งเป็น 10 กิโลเมตร ผมจึงสามารถท่องบทสวดฯ ได้หลายจบ
ผมเป็นคนชอบออกกำลังกาย โดยหากผมไม่โหลดไฟล์เสียงมาฟังในมือถือขณะออกกำลังกาย
ผมก็จะท่องบทสวดระหว่างกิจกรรมดังกล่าวด้วย เป็นการทำสมาธิอย่างหนึ่งได้ใช่ไหมครับ
 
3. ผมได้ฟังและอ่านเรื่องอานนท์ พุทธอนุชา มีตอนหนึ่งกล่าวว่า
พระพุทธะเจ้าตัดสินพระทัยว่าจะปรินิพพานที่ปาวาลเจดีย์ เมืองไพสาลี
กล่าวกับพระอานนท์ว่า "หากบุคคลใดได้เจริญอิทธิบาท 4 ประการ
และบุคคลนั้นมีความสามารถให้มีอายุยืนได้ถึง 1 กัปป์หรือมากกว่านั้น
ก็จะมีชีวิตยืนยาวได้สมปรารถนา" และมีอีกครั้งหนึ่งที่พระองค์ทรงอาพาธหนัก
หลังฉันอาหารที่นายจุนทะมาถวาย พระองค์ตรัสว่าได้ใช้อิทธิบาท 4 จึงสามารถ
ประทังอาการอาพาธได้ ผมอยากทราบว่า ความหมายเป็นเช่นไรครับ
ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา เกี่ยวข้องอย่างไรกับเหตุการณ์ทั้งสองอย่างนี้ครับ
หากใช้เป็นเรื่องการงานผมยังพอเข้าใจได้มากกว่าครับ
ทำไมพระพุทะเจ้าใช้อิทธิบาท 4 จึงมีผลต่อการกำหนดชีวิตยืนยาวและการอาพาธได้ครับ
 
4. ผมสงสัยคำ 2 คำ คือ กิเลสกับตัณหาครับ   2 คำนี้มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอย่างไรครับ
เห็นคนชอบพูดติดกันว่ากิเลสตัณหา ในบทสวดพระธัมมจักร ผมท่องใจความแปลมาได้ว่า
ตัณหาเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ แล้ว ทำไมพระพุทธะองค์ไม่กล่าวถึงกิเลสในสมุทัยครับ
 
ป.ล. ผมจะเจริญรอยตามครูสนองครับ ผมคิดเช่นครูสนองว่า
การเดินไม่กวาดตามองสิ่งภายนอกอื่นมากกว่าการเดินตามรอยทางเพื่อไปสู่จุดหมาย
เป็นการทำจิตใจให้มีสมาธิไม่ปรุงแต่ง ผมใช้วิธีนี้ เพื่อลดละการปรุงแต่งโดยตา
จนมีวันหนึ่งผมหยิบเหรียญ 10 บาทเพื่อไปจ่ายค่าว่ายน้ำ (ถัดจากวันที่ลืมของที่สระน้ำนะครับ)
แต่เพราะผมเตรียมแบกอาหารเม็ดสุนัขแมวไปเลี้ยงที่สระ
และกระติกน้ำพร้อมอุปกรณ์ว่ายน้ำออกจากรถ จนผมไม่ทราบว่า
ทำเหรียญตกตอนไหน ใจคิดว่าตกในรถ เลยไม่สนใจไปหยิบเหรียญใหม่มา
ผ่านไป 1 วัน 1 คืน เต็มๆ เป็นเพราะผมเดินก้มหน้ามองแต่พื้นนี่แหละครับ
ผมเจอเหรียญของผมตกที่ๆผมจอดรถไว้เมื่อวาน หลังจากว่ายน้ำเสร็จแล้ว
ผมแปลกใจและดีใจนึกขึ้นได้ว่าเป็นเหรียญเราแน่ๆ
ที่ทำตกไว้เมื่อเย็นวาน ทั้งๆที่ๆตรงนั้นทหารและคนทั่วไปเดินผ่านไปมากวัดไกว่
แต่เหรียญไม่หายไป ผมขนลุกนิดหนึ่งเมื่อนึกขึ้นได้
และนี่คืออานิสงส์ของการเดินก้มหน้ามองพื้นหรือไม่ครับ
ผมยังติดใจกับตัวเองไม่หายทำไมผมถึงต้องชอบเดินก้มหน้ามองพื้นหนอ
 
กราบขอบพระคุณคุณครูในความกรุณาธรรมทานเสมอมาต่อผมนะครับ
คมสัน โชคดี

 คำตอบ
     (๑). ผู้ใดก้าวเดินตามปรกติ แล้วเอาจิตไปจดจ่ออยู่กับบทมนต์ที่สวด ถือว่าเป็นการเจริญสติได้ ผู้ถามปัญหาเป็นคนชอบเดิน เมื่อใดที่เดินแล้วทำให้จิตเป็นสมาธิ สามารถนำกำลังสมาธิไปใช้เป็นฐานให้เกิดปัญญา (ความคิด) ได้

   คำว่า “ ผิดปรกติ ” หมายถึง ไม่เหมือนเดิม หรือไม่เหมือนที่เคยเป็น ถ้าผู้ถามปัญหาเป็นคนชอบเดินแล้วคิด ก็ไม่ถือว่าผิดปรกติ แต่หากนำไปเปรียบเทียบกับคนอื่นที่ไม่มีพฤติกรรมเช่นนี้ ถือว่าผิดปรกติไปจากคนอื่นได้

   (๒). อิริยาบถใด เมื่อนำมาใช้บริกรรมแล้ว ทำให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิได้ การนำเอาอิริยาบถนั้นมาใช้ฝึกสมาธิ ถือว่าไม่ผิด

   (๓). พระพุทธโคดม เป็นผู้มีอินทรีย์พละกล้าแข็ง เมื่อนำเอาอิทธิบาท ๔ มาปฏิบัติด้วยใจที่เข้มแข็งแล้ว ย่อมสามารถทนต่อการอาพาธได้ แต่พระพุทธะรับปากกับมารว่าจะนิพพาน จึงต้องเสด็จดับขันธปรินิพพานไป เมื่อมีอายุขัยได้ ๘๐ ปี ทั้งๆที่สามารถตั้งปรารถนาให้มีอายุยืนยาวถึงหนึ่งกัปได้ ก็มิได้ทำเช่นนั้น ด้วยรักษาสัจจะยิ่งชีวิต

   (๔). คำว่า “ กิเลส ” หมายถึง สิ่งที่ทำให้ใจเศร้าหมอง เช่น ความโลภ ความโกรธ ความหลง ฯลฯ เมื่อเกิดขึ้นกับใจของผู้ใดแล้ว ย่อมทำให้ใจขุ่นมัวเศร้าหมอง ซ้ำร้ายหากกิเลสทั้งสามตัวดังกล่าว เข้ามามีอำนาจเหนือใจ ตายแล้วจิตวิญญาณมีโอกาสถูกพลังของกิเลศทั้งสามนั้น ผลักดันให้ไปเกิดเป็นสัตว์อยู่ในอบายภูมิได้

   ส่วนคำว่า “ ตัณหา ” หมายถึง ความอยาก หรือความไม่อยาก เมื่อเกิดขึ้นกับใจของใครผู้ใดแล้ว ผู้นั้นย่อมมีจิตขุ่นมัวเศร้าหมอง ปฏิบัติธรรมแล้วไม่สามารถเข้าถึงธรรมที่ปฏิบัติได้ ดังนั้นตัณหาจึงเป็นกิเลสชนิดหนึ่งด้วยเช่นกัน ปุถุชนนิยมพูดสองคำนี้ติดกันว่า กิเลสตัณหา ซึ่งหมายถึง ตัณหาเป็นกิเลสนั่นเอง

   อนึ่ง พระพุทธะตรัสไว้ในเรื่องของปฏิจจสมุปปบาทว่า ทุกข์ทั้งหลายอันได้แก่ ทุกข์ประจำคือ บุคคลมีการเกิดเป็นทุกข์ มีการแก่เป็นทุกข์ มีการตายเป็นทุกข์ และได้ตรัสถึงทุกจร คือ ความโศก ความคร่ำครวญบ่นเพ้อ ความคับแค้นใจ ความสิ้นหวัง ฯลฯ เหล่านี้เป็นทุกข์จรที่เกิดขึ้นกับใจ โดยสรุปแล้วกล่าวได้ว่า บุคคลมีทุกข์ทางกายและมีทุกข์ทางใจ เกิดขึ้นด้วยมีความไม่รู้จริง (อวิชชา) เป็นต้นเหตุ ฉะนั้นผู้ถามปัญหา พึงนำเอาปฏิจจสมุปปบาท มาพิจารณาให้ถ่องแท้ แล้วจะทราบด้วยตัวเองว่า ทำไมพระพุทธองค์จึงไม่กล่าวถึงกิเลสในสมุทัย

   การพบเหรียญ ๑๐ บาท ที่ทำตกหล่นไว้ เป็นอานิสงส์ที่เกิดจากศีล ๕ โดยเฉพาะศีลข้อ ๒ ที่ผู้ถามปัญหายังรักษาไว้ได้ ร่วมกับอานิสงส์ที่เกิดจากจิตมีสติ
   

1501.
สวัสดีค่ะท่านอาจารย์

    ดิฉันได้มีความสนใจในเรื่องการปฏิบัติตน เพื่อให้พ้นทุกข์และมีความสุขในปัจจุบัน และวันหนึ่งดิฉันได้ฟังเสียงธรรมของหลวงปู่ชา ท่านกล่าวคำว่า "อินทรีย์มันยังอ่อนก็พยามปฏิบัติกันต่อไป" คำว่าอินทรีย์อ่อนนี้หมายถึงอะไรคะ หมายรวมถึงทั้งร่างกายและจิตใจ ของบุคคลนั้นทนต่อสิ่งเร้าต่าง ๆไม่ค่อยได้ต้องตกเป็นทาสมัน ดิฉันเข้าใจถูกหรือไม่ เปิดอ่านในหนังสือก็ไม่เข้าใจเพราะบางที่ก็กล่าวถึงอินทรีย์ 5 พละ 5 เป็นเรื่องเดียวกันหรือไม่คะ

ขอขอบพระคุณท่านล่วงหน้า ที่จะช่วยไขข้อข้องใจให้กับผู้ที่เบาปัญญาในเรื่องนี้

คำตอบ
    คำว่า “ อินทรีย์ ” หมายถึง สภาพเป็นใหญ่ในการทำหน้าที่ เช่น หูเป็นใหญ่ในการได้ยิน ตาเป็นใหญ่ในการเห็น จมูกเป็นใหญ่ในการสัมผัสกลิ่น ฯลฯ ซึ่งตามที่กล่าวนี้หมายถึง อายตนะภายในหกอย่าง (หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ)

   อินทรีย์ ๕ และพละ ๕ มีความหมายเป็นอย่างเดียวกัน คำว่า “ พละ ” หมายถึง กำลังที่ทำให้ใจเกิดเป็นความเข้มแข็งมั่นคง ซึ่งธรรมที่เป็นฝ่ายตรงกันข้ามจะครอบงำไม่ได้ เช่น ความไม่เชื่อ ความขี้เกียจ ความประมาท ความฟุ้งซ่าน และความหลงงมงาย ไม่สามารถครอบงำ หรือเข้ามามีอำนาจเหนือใจของผู้มีศรัทธา มีวิริยา มีสติ มีสมาธิ มีปัญญา (เห็นถูกตามธรรม) กล้าแข็งได้ ฉะนั้นที่หลวงปู่ชาพูดว่า อินทรีย์ยังอ่อน นั้นหมายถึง พละ ๕ อ่อนนั่นเอง
  

 

 

 

 

 

 

 

browser stats