กระแสใจ..กระแสธรรม
ธรรมะหลวงปู่ขาว อนาลโย


พระพุทธเจ้าสอนมากเป็นอันดับหนึ่งคือ
รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ     
เป็นของไม่เที่ยง 

๔ ส.ค. ๒๑
                                   

ธรรมทั้งหลายเปรียบเหมือน
โอสถรักษาแผลใจให้หายได้

 ๘ ส.ค. ๒๑ 

                               

ความดีย่อมชนะความชั่วเหมือน 
น้ำสะอาดล้างน้ำโคลน

๓๐ ส.ค. ๒๑ 

                                

ผู้อยู่ในเมตตาวิหารธรรม 
ย่อมอยู่เป็นสุข

๘ ก.ย. ๒๑

                                   

กินแล้วอยู่ อยู่เพื่อกิน
กินแล้วทำความเพียร
เพียรแล้วไม่กิน
ละกิเลส

๑๒ ก.ย. ๒๑

                                    

สติเป็นธรรมประจำชีวิต
ทุกคนควรฝึกหัดให้แม่นยำ

๑๔ ก.ย. ๒๑

                 

วันเวลาล่วงไปหาไม่
ยังกลืนชีวิตเราอีกด้วย

๑๗ ก.ย. ๒๑

                                        

สนิมเกิดจากเหล็กย่อมกัดเหล็กฉันใด
ความชั่วเมื่อเกิดแล้วย่อมทำลายตัวเอง

๑๘ ก.ย. ๒๑

                                        

นักปฏิบัติย่อมเชื่อกรรมเสมอ
จงทำใจให้องอาจ

๒๐ ก.ย. ๒๑

                               

โลกจะอยู่ปกติสุข
เพราะธรรมค้ำจุนไว้

๒๙ ก.ย. ๒๑

                                               

ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม
ไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว

๓๐ ก.ย. ๒๑

                                               

สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
สิ่งนั้นย่อมดับเป็นธรรมดา

๑๑ ต.ค. ๒๑

                                               

เขารักเขาชังช่างเขา 
แต่เราต้องทำความดี  
วิธีที่สร้างความดีที่ง่ายที่สุดคือ         
“หยุด”

๑๖ ต.ค. ๒๑

                                               

 

พึงละ “ธรรมดำ”  
เจริญ
“ธรรมขาว” 
คือจิตใจสะอาด
ปราศจากกิเลส

๑๘ ต.ค. ๒๑  

                                                             

ใด ใด ในโลกนี้อนิจจัง
เหลือแต่พระนิพพาน
ยังให้ไปอยู่เสมอ
ถ้าไม่ติดโลกพญามาร

๒๐ ต.ค. ๒๑   

                                               

อาหารใจสำคัญกว่าอาหารกาย
แต่คนเราไม่เห็นสำคัญ
จึงไม่แสวงหา

๒๒ ต.ค. ๒๑

                                               

จงมองดูโลกทั้งสองมุม
คือมุมมืดและมุมสว่าง
ทางปัญญาจึงจะเกิด

๓๐ ต.ค. ๒๑

                                               

สันติอยู่ที่ใด
ความสุขย่อมอยู่ที่นั่น
พึงทำความวิเวกให้มาก
เพิ่มพูนกุศลให้เพียงพอ

๒ พ.ย. ๒๑

                                               

“ความเกิดขึ้น” ตั้งอยู่และสลายไปในที่สุด
ใครรู้จักของจริงผู้นั้นได้บรรลุวิมุตติโดยแท้

๓ พ.ย. ๒๑

                                               

วันคืนล่วงไปๆ เหมือนมัจจุราชกลืนชีวิต
บัณฑิตผู้รู้เท่าควรแสวงหาบุญกุศล
ใส่ตนไว้ย่อมได้อริยทรัพย์

๔ พ.ย. ๒๑

                                               

วันนี้กับพรุ่งนี้มีผลเท่ากัน ถ้าทำดี
วันคืน เดือน ปี จะทำอะไรเราได้

๑๐ พ.ย. ๒๑

                                               

อดีตคืออนาคตอนาคตส่งไปถึงปัจจุบัน
โลกนี้เป็นวงกลม
ผู้หมุนอยู่ตามกระแสโลก
ย่อมได้รับความทุกข์

๑๓ พ.ย. ๒๑

                                               

อยากกินหลายได้กินเท่านิ้วก้อย         
อยากกินน้อยได้กินเท่าโป้งมือ

 ๑๔ พ.ย. ๒๑            

                                               

ร่างกายของเราเป็นเรือนร่างของผี
มีพยาธิร้อยแปดจำพวก

๑๘ พ.ย. ๒๑

                                               

ขันธ์ห้าไม่ใช่เรา เราไม่ใช่ขันธ์ห้า
ทำไมจึงหลงยึดถือเอาขันธ์ห้าเป็นเรา

๒๕ พ.ย. ๒๑

                                               

โจรภัยอัคคีภัยที่ว่าร้ายกาจก็ไม่เท่า
การเล่นการพนันร้ายกาจที่สุด
เพราะหมดเนื้อหมดตัว

๒๘ พ.ย. ๒๑

                                               

ความทุกข์เป็นบทเรียนของชีวิต
ความทุกข์สอนให้ค้นพบความจริง
อันแท้จริง

๔ ธ.ค. ๒๑

                                               

ความเพียรเท่านั้นที่จะยังผลให้
สำเร็จตามความปรารถนา  
ผู้รังเกียจตนเองคือผู้ไม่มีศีลธรรม
ต้องได้รับโทษทุกข์ในปัจจุบันและเบื้องหน้า

๙ ธ.ค. ๒๑

                                               

ขันธ์ทั้งหลายเป็นมาร 
ห้ำหั่นกั้นหนทางความดี 
ผู้มีปัญญาไล่มารออกแล้ว
ให้ขันธ์บำเพ็ญบุญ 
สร้างประโยชน์ให้บุญทั้งหลายเต็มฉาง

๑๐ ธ.ค. ๒๑

                                                                

สิ่งที่เราเข้าไปยึดถือว่าตนกู ของกู
ให้ระวังพิษของมันจะระเบิดออกมา  
คือความเสียใจ

๑๒ ธ.ค. ๒๑

                                               

สิ่งใดที่เราเข้าไปยึดถือว่าของกูจริงๆ
สิ่งนั้นจะต้องตีกลับทับตัวเองอย่างบอกไม่ถูก
ผู้ฝึกหัดปล่อยวางรู้อยู่เสมอ
นั้นคือก้อนธรรมอันประเสริฐ

๑๖ ธ.ค. ๒๑

                                               

ความอดทนไม่ย่อท้อไม่หวั่นไหว
คือนิสัยของบัณฑิต
พึงกระทำกรณีกิจที่ควรกระทำ
ก่อนชีวิตจะสิ้

๑๗ ธ.ค. ๒๑

                                               

น่าเสียดายชีวิตที่ผ่านไปโดยไม่มีประโยชน์
บางชีวิตยังเพิ่มโทษให้กับชีวิตอีก
เป็นเงาตามตัวเพราะมัวโง่

๑๙ ธ.ค. ๒๑

                                               

ผู้มีปัญญาเห็นไตรลักษณ์อยู่ทุกเมื่อ
ส่วนคนเขลาแม้ไตรลักษณ์จะปรากฏ
เต็มตาทั่วบริเวณ
เขานั่งทับนอนทับอย่างไม่รู้สึกตัวเลย

๒๐ ธ.ค. ๒๑

                                               

ธรรมเป็นของเก่า ต้องพิจารณาของเก่า
ปฏิบัติอยู่ที่เก่ามโนใจดวงเก่า
กิเลสโลกโลภะโทสะโมหะตัวเก่า
ของเก่ามีค่าน่าศึกษานัก

๒๑ ธ.ค. ๒๑

                                               

จิตหลุดพ้นไม่ติดอยู่กับโลกใดโลกหนึ่ง
แต่เขากลับทำประโยชน์แก่สาธารณชนมาก
เรียกว่าบัณฑิต

๒๒ ธ.ค. ๒๑

                                               

พึงทำความรู้เท่าสังขาร
อย่าหลงสังขาร มันหลอกลวง
คนตายเพราะสังขารคือปุถุชน

๒๔ ธ.ค. ๒๑

                                               

กินเพื่ออยู่ เพื่อละ เพื่อหลุด
ถึงวิมุตติ พระนิพพาน 

๒๖ ธ.ค. ๒๑            

                                                  

ธรรมที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้        
สามัคคีเป็นสิ่งสำคัญมาก
ความแตกแยกสามัคคี
ความวุ่นวายคือโทษโดยแท้ 

๒๗ ธ.ค. ๒๑  

                                               

รสชาติธรรมที่ผู้ปฏิบัติได้กลืนแล้ว
ประเสริฐกว่ารสทั้งปวง

๒๙ ธ.ค. ๒๑   

                                                            

เมื่อรักษาศีลบริสุทธิ์เป็นฐานใหญ่ของสมาธิเมื่อสมาธิเกิด ปัญญาก็เกิด 
เป็นผลให้เราพ้นทุกข์ในบั้นปลาย
คือสบายใจ

๒๒ ม.ค. ๒๒

                                               

ควรพิจารณาทุกวันว่าเราจะต้อง
พลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งปวง

๔ ม.ค. ๒๓

                                               

อยู่เดียวเปลี่ยวเอกาพาพ้นทุกข์
อยู่สองครองทุกข์ไม่มีสุข
จงประกอบความเพียร
ด้วยความไม่ประมาทเถิด

๗ ม.ค. ๒๓

                                               

ทานแก้ความโลภ
ศีลธรรมแก้โทสะ
ภาวนาแก้ความหลง

๘ ม.ค. ๒๓

                                               

ผู้มีความอดทนและเมตตา
ย่อมเป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย

๑๒ ม.ค. ๒๓

                                               

จิตผู้เจริญเมตตา  
ย่อมอ่อนโยนตั้งมั่นได้เร็ว 

๑๖ ม.ค. ๒๓    

                                                                                  

บุคคลผู้ใดกระทำบุญคือความดีไว้แล้ว
อยู่ในโลกนี้ก็บันเทิงรื่นเริงใจ 
จากโลกไปก็มีแต่ความสุขกายสบายใจ 

๑๗ ม.ค. ๒๓  

                                                                                   

การแผ่ไมตรีจิตย่อมผูกมิตรแก่สัตว์ทุกจำพวกความริษยาคือการทำลายตัวเอง  

๒๒ ม.ค. ๒๓  

                                                           

ผู้มีศีลอันบริสุทธิ์ดีแล้วดังแก้วมณีโชติ   
ย่อมเป็นที่โปรดของปวงชน  

๓๑ ม.ค. ๒๓    

                                                          

ผู้มีธรรมย่อมอยู่เป็นสุข  

๑ ก.พ. ๒๓

                                               

ทานและศีลย่อมให้ผลเพียงสวรรค์     
ส่วนการภาวนาให้ผลสูง   
โดยลำดับจนถึงที่สุดคือ  
พระนิพพาน

๒ ก.พ. ๒๓                

                                               

อิทธิบาท ๔ เป็นล้อหมุนให้  
งานการสำเร็จตามความมุ่งหมาย 

๘ ก.พ. ๒๓

                                               

อย่าปล่อยเวลาให้ชีวิต
โดยไม่คิดทำประโยชน์อะไรให้เกิดขึ้น

๑๔ ก.พ. ๒๓

                                               

อย่าปล่อยให้กาลกินเรา
เราพยายามกินกาลที่ล่วงไป
ให้ได้ประโยชน์

๑๕ ก.พ. ๒๓

                                               

จงเป็นผู้ทำจิตให้ปราศจาก
พยาบาทจองเวรและผูกกรรมเก่า
แก่สรรพสัตว์

๑๗ ก.พ. ๒๓

                                               

ขณะนี้ท่านกำลังทำอะไรอยู่
ท่านมีหน้าที่ใดสำเร็จแล้วหรือยัง

๒๒ ก.พ. ๒๓

                                               

คนโง่ปรารถนาความสุข
แต่ไม่ลงมือทำ
สุขจะมาจากที่ไหน

๒๔ ก.พ. ๒๓

                                               

กามตัณหา คือผู้ให้เกิด
ภวตัณหา คือบำรุงรักษา
วิภวตัณหา คือผู้ทำลาย

๒๕ ก.พ. ๒๓

                                               

ทานปราบความตระหนี่ 
ศีลปราบความโกรธ
ภาวนาปราบความหลง 

๒๖ ก.พ. ๒๓

                                               

จงเตือนตนเสมอด้วยตนเอง

๓ มี.ค. ๒๓

                                                                 

สัตว์โลกเต็มไปด้วยโลภะ เกิดน้ำท่วม
สัตว์โลกเต็มไปด้วยโทสะ เกิดไฟไหม้เผา
สัตว์โลกเต็มไปด้วยโมหะ เกิดความมืดคลุ้มทำให้โลกมืด

๕ มี.ค. ๒๓  

                                                            

ไฟใดจะเสมอด้วยความโลภไม่มี 

๙ มี.ค. ๒๓ 

                                                    

อันเมตตาปรานีเหมือนมีน้ำ 
มาประพรมเย็นฉ่ำ

๑๕ มี.ค. ๒๓

                                               

พึงมีสติและฝึกหัดสติ
ทุกเมื่อก่อนทำ พูด คิด

๒๑ มี.ค. ๒๓

                                               

ธรรมทั้งหลายแม้อยู่ในตัวเรา
แต่ก็ยังมองไม่เห็นเพราะ
ความโง่ปิดบังไว้

๒๒ มี.ค. ๒๓

                                               

คนที่เป็นบัณฑิตแม้จิตขุ่นอยู่
เมื่อฟังธรรมก็ผ่องใส
ตรงข้ามกับคนพาลซึ่งมักจะ
พิโรธโกรธเคืองผู้แสดงเหตุผล

๒๕ มี.ค. ๒๓

                                               

พึงเสียสละทรัพย์เพื่อแลกอวัยวะ
พึงเสียอวัยวะเพื่อแลกชีวิต
พึงสละชีวิตเพื่อสัจจะ

๒๗ มี.ค. ๒๓

                                               

พิจารณาก่อนทำ พูด คิด สิ่งนั้นจะไม่ผิด
มีผลสัมฤทธิ์เป็นอานิสงส์ 

๙ เม.ย. ๒๓ 

                                                                                        

ความพอใจในสิ่งที่มีอยู่ 
เป็นทรัพย์อันประเสริฐ 

๑๐ เม.ย.๒๓

                                               

ถ้าต้องการความเจริญก้าวหน้า
อย่าอิจฉาคนอื่น 

๑๑ เม.ย. ๒๓

                         

อยากอายุยืนต้องงดเว้นการฆ่า 
ทำลายชีวิตผู้อื่น 

๑๒ เม.ย. ๒๓

                                                     

ธรรมเปรียบเหมือนเกลือ 
คนเปรียบเหมือนเนื้อ
เนื้อไม่เน่าเพราะเกลือ

๑๔ เม.ย. ๒๓

                                                  

ถ้าต้องการอยากให้ประเทศก้าวหน้า
อย่าหาโอกาสหากินในทางทุจริต

๑๕ เม.ย. ๒๓

                                               

อย่าหวังในอนาคตเกินไปจนใจเขว

๑๖ เม.ย. ๒๓

                                               

พึงรีบทำความเพียรในวันนี้
ดีกว่าพรุ่งนี้

๑๗ เม.ย. ๒๓

                                               

ถ้าต้องการชายหญิงที่แท้
อย่าแปรประเวณี

๑๘ เม.ย.๒๓

                                               

คดช้างไม่มีในตัวช้าง
ไม้จันทน์ไม่มีในไพรสณฑ์
แม้ปราชญ์ไม่มีทุกคนไป
๓ อย่างมีได้ดีจริง

๒๐ เม.ย. ๒๓   

                                                                       

อย่าไสช้างเข้ารูเข็ม
อย่าคายน้ำผึ้งเข้าปากหมี
อย่าเอาสัมผักให้ควายกิน

๒๑ เม.ย. ๒๓ 

                                   

สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
สิ่งนั้นย่อมมีความดับเป็นธรรมดา

๒๒ เม.ย. ๒๓

                                   

ธรรมทั้งหลายเกิดจากใจ
รู้ที่ใจ เห็นที่ใจ
สำเร็จแล้วด้วยใจ

๒๓ เม.ย. ๒๓

                               


 ความแก่แสดงให้เห็นง่าย
เช่นที่ขาวก็เป็นดำ
ที่ต่ำก็เป็นสูง

๒๗ เม.ย. ๒๓

                                               

ความตายเป็นของธรรมชาติ
ไม่ว่าจะขึ้นต้นไม้หรือจะบินเหาะ
ขึ้นเวหาอากาศ

๑ พ.ค. ๒๓

 

อย่าไปห่อขี้ต่อหน้าหมา
อย่าไปห่อยาต่อหน้าแขก
อย่าไปห่อปลาแดกกลางถนน
สามห่อนี้ปิดไว้ให้มิด

๗ พ.ค. ๒๓

 

อจีรัง กาโยกายนี้ไม่ยั่งยืน
เอกังสิกังเป็นไปโดยส่วนเดียว
อหังมยามริตันนัง เราจะต้องตายแน่

๙ พ.ค. ๒๓

 

พุทธศาสนิกชน ทุกชั้น ทุกเพศ ทุกวัย
ควรมีธรรมไว้ผดุงสติปัญญา
พิจารณายึดถือเป็นแนวปฏิบัติธรรม
ฝึกอบรมจิตเพื่อความสุขสงบ
ทั้งแก่ส่วนบุคคลและสังคม

๑๐ พ.ค. ๒๓

 

อยากจะทำตัวดีต้องมีศีลและธรรม
 ประกอบ กาย วาจา ใจ

๑๒ พ.ค. ๒๓